Tag: บังกลาเทศ
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
ชีวิตอันขมขื่นของสาวขายบริการใน ‘บังกลาเทศ’ ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่อายุ 13 ปี!!
การค้าประเวณี ถือเป็นเรื่องที่ใครหลายคนอาจจะมองว่าไม่ผิด แต่อย่างไรก็ตามมันยังมีด้านมืดที่หลายๆ คนอาจจะคาดไม่ถึงอยู่เบื้องหลัง เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ นี่คือเรื่องราวอันขมขื่นของสาววัย 19 ปี ที่ถูกบังคับให้มาขายบริการในซ่องของประเทศบังกลาเทศ ตั้งแต่อายุ 13 ปี Rupa เป็นสาวขายบริการที่ทำงานอยู่ในซ่อง Kandipara ซึ่งเป็นซ่องถูกกฎหมายของบังกลาเทศ เธอต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่มีสาวขายบริการอยู่ด้วยมากกว่า 400 ราย เธอได้เปิดเผยเรื่องราวชีวิตสุดขมขื่น ที่ต้องเผชิญมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กสาวอายุ 13 ปี และต้องทนอยู่กับมันมานานกว่า 5 ปี จนตอนนี้อายุ 19 ปีแล้ว!! ตามกฎหมายของบังกลาเทศได้ระบุเอาไว้ว่า ‘ห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำว่า 18 ปี ทำงานเป็นสาวขายบริการทางเพศ และจะต้องทำใบอนุญาต โดยการยืนยันความต้องการที่จะขายบริการทางเพศจริงๆ’ แต่อย่างไรก็ตาม พบว่ามีสาวขายบริการมากกว่า 47% ที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี และพวกเธอก็เป็นเจ้าสาวตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงไม่มีความเต็มใจที่จะขายบริการอีกด้วย เช่นเดียวกันกับ Rupa ที่ต้องแต่งงานตั้งแต่อายุได้ 11 ปี กับผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอถึง 3…
-
หญิงชาวโรฮิงญาเผยประสบการณ์ชีวิตอันขมขื่น ลูกชายถูกฆ่า ตัวเองโดนรุมข่มขืน
เรื่องราวสุดรันทดที่ถูกเล่าจากปากของหญิงสาวชาวโรฮิงญาที่ถูกทารุณกรรมทางกายและทางเพศ ด้วยเงื้อมมือ ของกองกำลังรักษาความปลอดภัยของพม่า ผู้ลี้ภัยชาวโรฮิงญากว่า 600,000 ชีวิตได้อพยพไปสู่ประเทศบังกลาเทศ เพื่อหนีให้พ้นการคุกคามจากทหารพม่า ที่ว่ากันว่าเป็น “ตัวอย่างของการชำระล้างทางชาติพันธุ์” ตามที่องค์การสหประชาชาติได้กล่าวไว้ Sunuara ชาวโรงฮิงญาวัย 25 ปี เล่าว่าเธอต้องอพยพไปยังบังกลาเทศหลังจากหมู่บ้านของเธอถูกโจมตีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2017 เธอบอกว่าก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ เธอมีชีวิตที่ดี มีวัว รถ และที่นา เป็นของตัวเอง จนกระทั่งวันหนึ่งมีเจ้าหน้าที่ทหารมาเยือนบ้านของเธอซึ่งขณะนั้นสามีของเธออาศัยอยู่ ณ อีกหมู่บ้านหนึ่งกับญาติ ส่วนลูกคนอื่นๆ ของเธอก็ไปอยู่กับพ่อแม่ของเธอ เธอเล่าว่า เจ้าหน้าที่ทหารได้ประหารลูกชายของเธอด้วยการยิงเขาเข้าที่ท้องต่อหน้าต่อตา ขณะนั้น Sunuara ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน ถูกตรึงไว้กับเตียงและถูกข่มขืนโดยชาย 9 คน เป็นเวลารวม 6 ชั่วโมง เธอฟื้นขึ้นอย่างไร้สติ เมื่อสามีและพี่ชายของเธอเข้ามาพบ จากนั้นพวกเขาก็พาเธอออกจากที่นั่นไปยังชายแดนบังกลาเทศ เธอคลอดลูกของเธอที่นั่น แต่หนึ่งวันหลังจากนั้น ทารกที่เธอคลอดออกมาก็ไม่อาจรอดชีวิตได้ ในขณะเดียวกัน Roshida Begum วัย 22 ปี…
-
“ความยากจน-ยาเสพติด-เซ็กส์” ชีวิตของคนจรจัดในสถานีรถไฟ Kamalapur แห่งบังกลาเทศ
Kamalapur เป็นสถานีรถไฟที่ใหญที่สุดในบังกลาเทศ และยังเป็นสถานีขนส่งทางรถไฟที่สำคัญที่เชื่อมระหว่างกรุงธากา เมืองหลวงของประเทศและส่วนที่เหลือของบังกลาเทศด้วย เด็กข้างถนนจำนวกมากมาอาศัยอยู่ที่สถานีแห่งนี้ และส่วนใหญ่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ที่สำคัญที่นี่เป็นทั้งสถานที่เกิดและสถานที่ตายสำหรับพวกเขาบางคน ช่างภาพถ่ายรูปขณะที่เด็กชายคนนี้สูบบุหรี่ที่รางรถไฟ แม้ว่าเด็กจะรู้ว่าช่างภาพมองอยู่แต่เขาก็ยังคงสูบบุหรี่ต่อไป ช่างภาพพยายามถามชื่อเขาหลายครั้ง แต่เขาไม่ยอมบอก ที่รู้ๆ คือเขาอายุแค่ 9 ขวบเท่านั้น สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กๆ ถูกทิ้งตั้งแต่เกิดเพราะพวกเขาเป็นลูกนอกสมรสบ้าง เกิดมาในครอบครัวที่ยากจนบ้าง จนทำให้ถูกนำตัวมาทิ้งไว้ที่นี่ เด็กหลายคนโตมาเป็นขโมย วิ่งราวสัมภาระของผู้โดยสารในสถานี แต่ก็มีอีกหลายคนที่ช่วยเหลือตัวเองด้วยการเก็บขวดพลาสติกไปขาย ช่างพยายามถามชื่อเด็กชายที่มีแขนข้างเดียวนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมบอกอีกเหมือนกัน เขาอายุ 9 ขวบ ที่น่าตกใจคือ เขาบอกว่ายอมให้เพื่อนๆ ตัดแขนออกข้างหนึ่ง เพื่อที่จะได้กลายเป็นขอทานข้างถนน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เด็กผู้หญิงที่โตขึ้นต้องทำอาชีพโสเภณีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนเด็กผู้ชายโตก็จะอยู่ในแวดวงยาเสพติด แม้จะมีองค์พัฒนาสังคมหลายแห่งเข้ามาให้ความช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอสำหรับจำนวนคนจรจัดในสถานี Kamalapur ภาพเหล่าและเรื่องราวเหล่านี้บันทึกโดย Nasif Imtiaz เด็กชายคนนี้ชื่อ Nishad เป็นหนึ่งในคนจรจัดที่สถานี Kamalapur เด็กชายพยายามกระโดดลงมาจากหลังคารถไฟ ขอทานผู้ไม่มีขากำลังสูบกัญชา เขากำลังผสมบุหรี่กับกัญชา …
-
ชีวิตชาวบังกลาเทศกับวิถีรถไฟ แออัดยิ่งกว่าปลากระป๋อง ตั๋วยืนไม่ต้อง ขอตั๋วหลังคา!!
การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะเป็นธรรมดาที่คุณต้องอยู่ท่ามกลางความแออัด โดยเฉพาะช่วงไปทำงานกับเลิกงาน แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะยังไงซะก็ต้องพึ่งพามันอยู่ดี แต่ที่ว่าแออัดของเรานั้น คงจะไม่ได้ครึ่งหนึ่งของรถไฟในกรุงธากา ประเทศบังกลาเทศแน่นอน เพราะถือว่าเป็นหนึ่งในระบบการขนส่งที่ได้รับความนิยมสูงและมีความแออัดมากที่สุดในโลก (ไม่แพ้อินเดียเลย) ทุกๆ เช้าจะมีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงธากาเพื่อไปทำงานและกลับมาในช่วงบ่าย ดังนั้นการรถไฟของที่นี่จึงเต็มไปด้วยผู้โดยสารตลอดทั้งวัน เต็มทุกตู้ เต็มทุกที่นั่ง จนล้นออกมาไปถึงหน้าต่างยันหลังคา!! ถ้าคิดไม่ออก เรามีภาพมาฝากกันค่ะ เป็นภาพจากสถานีรถไฟแห่งหนึ่งในกรุงธากา ที่ผู้คนต้องแย่งกันขึ้นรถไฟให้เต็มจนไม่เหลือที่ว่าง อย่าพูดถึงข้างในเลย เพราะภายนอกรถไฟก็เต็มไปหมดแล้ว เรียกได้ว่าตรงไหนนั่งหรือยืนได้ก็จะมีผู้โดยสารอยู่ทุกที่ ทุกครั้งที่ขึ้นรถไฟ พวกเขาจะภาวนาให้เดินทางถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย เมืองธากาเป็นเมืองหลวงของบังกลาเทศที่ขึ้นชื่อมีขบวนรถไฟที่แออัดที่สุด ซึ่งทุกคนก็ชินกันความแออัดนี้ไปแล้ว เพราะที่นี่มีประชากรมากเกินไป มีที่นั่งไม่พอสำหรับทุกคน เลยต้องมีบางกลุ่มปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคาแทน แม้ว่าจะเป็นการเดินทางที่เสี่ยงอันตรายมากๆ แต่มันก็เป็นทางเลือกเดียวที่จะเดินทางเข้าและออกเมืองได้ ในบังกลาเทศมีคนจนอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นไม่ว่าจะอันตรายแค่ไหนพวกเขาก็จำเป็นต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้อยู่ดี ทั้งที่มันมีโอกาสสูงมากที่เกิดอุบัติเหตุในแต่ละวัน พวกเขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อไปทำงานให้ทันเวลา จนบางทีต้องยอมอดอาหารเช้าและเย็นในวันนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง เด็กเล็ก หรือคนชราก็ต้องเดินทางที่เสี่ยงเช่นนี้เหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาจะให้คนชราได้นั่งในรถไฟมากกว่า แต่มันก็ไม่พอสำหรับคนชราทุกคนอยู่ดี ส่วนกฏระเบียบที่ตั้งขึ้นมานั้น แทบไม่มีผลอะไรเลย ดังนั้นจึงอนุโลมให้มีการเดินทางแบบแออัดเช่นนี้อยู่ .…