Tag: บำบัด
-
นักจิตบำบัดใช้ประสบการณ์ของตน เสียดสีพฤติกรรมมนุษย์ด้วย “หน้าปก” หนังสือ
หลายครั้งที่เราเข้าไปยังร้านขายหนังสือ เราก็จะเห็นหนังสือต่างๆ ที่เป็นประเภทสอนให้ใช้ชีวิตหรือแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตด้วยตนเอง หารู้ไม่ว่าเหล่านักจิตบำบัดทั้งหลายยังมองว่าหนังสือประเภทนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าใดนัก เพราะมันทำสำเร็จได้ยาก แต่นักจิตบำบัด Johan Deckmann ทำบางอย่างออกมาได้น่าสนใจยิ่งนัก เขาได้วิเคราะห์พฤติกรรมของมนุษย์และเขียนออกมาเป็น “ชื่อของหนังสือ” เชิงสอนแก้ไขปัญหาและดำเนินชีวิต และมันก็กลายเป็นมุกตลกเสียดสีสังคมมนุษย์ไปเสียอย่างนั้น และแม้ว่าชื่อหนังสือของ Deckmann จะอยู่ระหว่างมุกตลกกับมุกเสียดแทงพฤติกรรมมนุษย์ แต่การเล่นสีและตัวอักษรกลับเรียบง่าย จึงทำให้ผู้อ่านอ่านแล้วสะท้อนภาพของตัวเองออกมาว่ามีพฤติกรรมแบบนั้นจริงหรือไม่ ลองมาดูชื่อหนังสือของ Deckmann กันเลยดีกว่าว่าจะมีหนังสือเรื่องอะไรบ้าง… 1. วิธีการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วด้วยการลดมาตรฐานของคุณลง 2. วิธีใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ใช่เพราะดีกว่าต้องเป็นโสดลำพัง 3. ฉันในโลกโซเชียลมีเดีย (เล่มใหญ่) ตัวฉันจริงๆ (เล่มเล็ก) 4. ทำยังไงให้แยกน้ำเปล่ากับว้อดก้าไม่ออก 5. วิธีการใช้ชีวิตของตัวคุณเองให้เป็นไปตามคำนิยามจากผู้อื่นว่าคุณเป็นอย่างไร 6. วิธีการเพิ่มพูนมูลค่างานศิลป์ของคุณด้วยการลาโลก 7. เงียบอย่างไรให้ผู้อื่นคิดว่าคุณฉลาด 8. วิธีการก่อความผิดพลาดแบบเดิมซ้ำๆ แต่ยังคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง 9. วิธีสร้างความพึงพอใจในสิ่งธรรมดา ทั้งที่ทุกสิ่งที่ต้องการมันเกินคำว่าธรรมดาไปเยอะเลย 10. วิธีการสร้างกำแพงกั้นเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาทำความรู้จักคุณ…
-
สาวป่วยโรคซึมเศร้า บอกเล่าวิธีการรักษาที่แปลกแต่ได้ผล ทำให้พูดแง่ลบน้อยลง
ปัญหาสุขภาพจิตอย่างโรคซึมเศร้า โรคขี้กังวล และอารมณ์แปรปรวนนั้นไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างและยอมรับว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งของมนุษย์แล้ว และใครก็ตามที่กำลังประสบอยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องทนทรมานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป… แต่ทว่าวิธีการรักษานั้นยังไม่มีแนวทางที่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์ การรับยาปรับสารเคมีในสมอง แต่ก็คงไม่แปลกเท่ากับวิธีของนักบำบัดรายหนึ่งที่ทำกับชาวเน็ตท่านนี้! เรื่องบอกเล่าจากผู้ใช้เว็บบล็อก Tumblr นามว่า anarchetypal เล่าถึงนักบำบัดที่ชื่อ Paul กับวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าของเธอที่ไม่ได้ให้ยา ไม่ได้ให้คำปรึกษา แต่เป็นการยิงปืน Nerf Gun ใช่แล้วล่ะ มันคือปืนอัดลมยิงลูกดอกโฟม! ปืนลมยิงลูกดอกโฟม Nerf Gun เมื่อเธอไปหานักบำบัดตามนัด ก็ต้องพบกับวิธีการรักษาที่คาดไม่ถึง! . “เมื่อฉันได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับนักบำบัด มันทำให้ฉันจำได้ว่า Paul นักบำบัดคนเก่า ที่ฉันคิดว่าเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิต และเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้กับความงี่เง่าของฉันแม้แต่วินาทีเดียว” “ฉันไปหา Paul ในช่วงหน้าร้อนปี 2016 แล้วฉันก็แสดงความงี่เง่าตามปกติ อย่างการพูดแย่ๆ เกี่ยวกับตัวเอง และ Paul ก็จ้องมาที่ฉัน จากนั้นก็ตัดบทและพูดว่าเขามีอุปกรณ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้คนหลาบจำกับการพูดในแง่ลบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง” “แล้วฉันก็ทำเป็นว่า เอาเลย…
-
สาววัย 20 ชีวิตเหลวแหลก เสียใจดรอปเรียน แฟนทิ้ง เสพยาหลอนหนัก จนควักเบ้าตาออก…
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘ยาเสพติด’ ที่ถูกเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยส่งผลดีอะไรให้กับสุขภาพร่างกาย และวิถีชีวิตของผู้เสพเลย นอกจากจะสูญเสียความเป็นตัวตนแล้ว ซ้ำร้ายไปยิ่งกว่านั้นก็คือหมดอนาคตในสังคม และอาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายในห้องขัง ซึ่งในหลายกรณีของผู้ที่เบนเข็มทิศชีวิตมาเสพยา นั่นก็เป็นเพราะหมดหนทางในการแก้ปัญหา จึงเลือกที่จะให้ยาเสพติดกลืนกินชีวิตตนไปอย่างช้าๆ… Kaylee Muthart เรื่องราวของ Kaylee Muthart วัย 20 ปี จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลังจากที่เธอทำการควักนัยน์ตาของตัวเองออกทั้งสองข้าง สืบเนื่องมาจากผลของการเสพยาไอซ์ถึงขั้นประสาทหลอน Muthart ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บไซต์ Cosmopolitan ว่าเธอดรอปเรียนตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ขาดเรียนบ่อยจนผลการเรียนย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียน ดีกว่าปล่อยให้มีผลการเรียนแย่ติดตัว พร้อมกับออกหางานทำเพื่อเก็บเงินไปเรียนวิทยาลัยด้านชีววิทยาทางทะเลแทน แต่แล้วในช่วงอายุ 18 ปี เธอเข้าสู่สังคมติดเหล้าและเสพกัญชาบ่อยครั้ง จนเมื่ออายุ 19 ปี เธอได้เสพกัญชากับคนรู้จักที่บ้านของเขา และมีอาการเมาที่ผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งในครั้งนั้นมันทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่าแต่ก่อน จนเธอคิดว่ากัญชาที่เสพเข้าไป มีส่วนผสมของโคเคนหรือยาบ้า โดยที่ไม่เคยมองกัญชาเป็นสารเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วังวนยาเสพติดมาก่อน จนกระทั่งสารที่เธอไม่เคยต้องการได้เริ่มเข้ามาทำลายชีวิตเธอแล้ว …
-
บริษัทญี่ปุ่น หวังนำเกม SPARX มาใช้เพื่อเยียวยาปัญหาความเครียดของคนในประเทศ
เราคงจะรู้กันดีว่าญี่ปุ่นนั้นถือเป็นประเทศที่เป็นสูญรวมความเครียด และมีสถิติคนฆ่าตัวตายที่สูงมากๆ ด้วยปัญหาจากการทำงาน การใช้ชีวิตจึงเปลี่ยนคนมากมายให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าและเครียดเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้สาวชาวญี่ปุ่น Ayako Shimizu ผู้ก่อตั้งบริษัท Hikari Lab จึงเลงเห็นว่าเธอน่าจะหาวิธีแก้ปัญหาความเครียดของชาวญี่ปุ่นได้ด้วยการนำเกม SPARX ที่พัฒนาโดยประเทศนิวซีแลนด์มาให้เล่นกัน หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเกมแบบนี้จะช่วยแก้ปัญหาความเครียดยังไง คำตอบคือเจ้าเกม SPARX นั้นเป็นตัวแทนของคำว่า Smart, Positive, Active, Realistic และ X-factor และเจ้าเกมนี้ก็ออกแบบมาเพื่อลดความเครียดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฉะนั้นเธอจึงคิดว่าเจ้านี้แหละที่จะมาช่วยจัดการปัญหาดังกล่าวได้ ภาพอาจจะดูไม่ค่อยสวย เพราะเป็นเกมที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2013 แล้วนั่นเอง ส่วนเหตุผลที่ทำไมจะต้องนำเกมดังกล่าวมาเป็นตัวช่วยในการจัดการความเครียดนั้น Ayako Shimizu บอกว่าในประเทศญี่ปุ่นนั้นการจะพูดคุยกับคนอื่นหรือระบายความเครียดให้คนอื่นฟังเป็นเรื่องยากมาก กลับกันในประเทศอื่นๆ เช่น Australia ที่เธอได้ไปอยู่มาราวๆ 1 ปีเต็มๆ เธอกลับบอกว่าที่นั้นมีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย ทำให้ปัญหาความเครียดมีน้อยกว่าประเทศบ้านเกิดเธอมากๆ คลิปจากทาง Hikari Lab ที่แสดงให้เห็นว่าการทำงานในญี่ปุ่นมันเครียดขนาดไหน และด้วยความที่เธอศึกษาเกี่ยวกับเรื่อง Cognitive Behavioral Therapy (CBT) หรือที่เรียกว่า การบำบัดด้วยความรู้ ซึ่งตรงกับเกมดังกล่าวที่บำบัดด้วยความรู้ภายในเกมเช่นกัน เธอจึงติดต่อไปยังผู้พัฒนาเกมที่มหาวิทยาลัย Auckland เพื่อขอลิขสิทธิ์ในการนำมาพัฒนาเป็นภาษาญี่ปุ่น ยังไงก็ตามตัวเกมฉบับออริจินัลนั้นยังเล่นได้เพียงในประเทศนิวซีแลนด์เท่านั้น การเอามาพัฒนาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด…
-
อตีดผู้ต้องหา 25 ปี ก่อตั้งองค์กร “The Well” หวังลดปัญหาอาชญากรรมซ้ำซาก
ปัญหาผู้ต้องขังล้นห้องขังนั้นดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเราเท่านั้น แต่ในประเทศอังกฤษเองก็เช่นกัน จำนวนกว่าครึ่งของผู้ต้องหา 86,368 คนที่ถูกคุมขังนั้นผ่านกระบวนการทางอาญาแล้ว และทางการต้องเสียเงินมากถึง 9,000 – 13,000 ล้านปอนด์ต่อปีเลยทีเดียว คุณ David Higham อดีตผู้ต้องหายาเสพย์ติดที่เคยใช้ชีวิตในห้องขังตั้งแต่อายุ 16 ปีและติดอยู่ในนั้นนาถึง 25 ปี หลังจากพ้นโทษมานานกว่า 10 ปี ในปี 2007 ชายหนุ่มตัดสินใจก่อต้ององค์กร The Well มูลนิธิที่คอยช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ต้องหาและผู้เสพย์ยาเสพย์ติดในเมือง Lancashire และเมือง Cumbria สหราชอาณาจักร ชายหนุ่มเล่าถึงช่วงชีวิตวัยเด็กที่ผ่านมาของเขาว่า “ผมอยากจะหนีจากสังคม และมีความไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆ และเพื่อจะเข้ากับเพื่อนคนอื่นๆ ได้ผมจึงต้องยอมเสพเฮโรอีนที่พวกเขามอบให้ และก่อนที่ผมจะรู้ว่ามันคือยาเสพย์ติดผมก็ตกเป็นทาสของมันแล้ว” และเมื่อเริ่มลองยาเสพย์ติด ชีวิตของคุณ David ก็เริ่มเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรม เขาติดคุกครั้งแรกเมื่อายุ 16 ปี และถูกดำเนินคดีอีกมากกว่า 100 ครั้ง “โดยปรกติแล้ว ผมจะใช้เวลาอยู่นอกคุกประมาณ 6 เดือน และก็กลับเข้ามาในคุกอีกครั้ง การเข้าออกคุกถือเป็นเรื่องปรกติสำหรับผม แต่แล้วผมก็เกิดคำถามกับตัวเองว่าทำไมผมต้องมีชีวิตแบบนี้ และผมจะทำอะไรได้บ้าง การเข้าออกคุกนั้นไม่ช่วยอะไรเลย ดังนั้นผมจึงคิดว่าผมอยากจะทำบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนของผม” David กล่าว และหลังจากที่มองเห็นปัญหาว่าการเข้าออกเรือนจำนั้นไม่อาจจะแก้ปัญหาอาชญากรรมได้…
-
หญิงสาวเล่าประสบการณ์จาก “สถานบำบัดผู้เบี่ยงเบนทางเพศ” โหดร้ายและมีอยู่จริง!!
ไม่น่าเชื่อที่ยุคสมัยนี้ยังมีสถานที่สำหรับใช้บำบัดผู้เบี่ยงเบนทางเพศอยู่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประสบการณ์ที่ Paola Peredes ช่างภาพสาวชาวเอกวาดอร์เคยเจอมา และเธอได้นำประสบการณ์อันแสนเลวร้ายทั้งหมดนี้ มาบอกเล่าผ่านภาพถ่ายทั้งหมดที่ถูกจัดฉากขึ้นมาอีกครั้ง.. ‘ประสบการณ์ทั้งหมดจากสถานที่แห่งนี้ มันส่งผลถึงความเป็นตัวตนของฉันในปัจจุบัน สิ่งที่ฉันรู้สึกช็อคมากที่สุดคือการที่ต้องเห็นหญิงสาวหลายคนถูกบังคับ และคุกคามทางเพศ เพียงเพราะเป็นข้ออ้างว่าจะช่วยรักษาอาการเบี่ยงเบนทางเพศได้’ เธอต้องทำความสะอาดห้องน้ำด้วยแปรงสีฟัน อีกทั้งยังต้องเก็บผมทุกเส้นบนพื้น และถ้าหากเธอทำอะไรผิดพลาด ผู้คุมจะจับหัวเธอกดไว้กับชักโครก และบังคับให้เอามือจุ่มลงไปในน้ำ เธอมีเวลาอาบน้ำเพียงแค่ 7 นาทีเท่านั้น อีกทั้งเธอยังต้องทนฟังบทสวดคาทอลิกนานหลายชั่วโมง และต้องศึกษาวรรณกรรมที่ถูกบังคับ เพื่อรักษาอาการเบี่ยงเบนทางเพศ เธอเล่าว่ามีหญิงสาวชาวเอกวาดอร์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ชายข่มขืน โดยให้เหตุผลทรามๆ ว่าเป็นหนึ่งในโปรแกรมสำหรับการรักษา หญิงสาวบางคนถูกฝึกให้แต่งตัวยั่วยวนอารมณ์ทางเพศเจ้าหน้าที่ชาย และยังต้องฝึกเดินให้ถูกใจพวกผู้คุมอีกด้วย อีกภาพที่เธอจำได้ติดตา เธอเห็นหญิงสาวถูกลงโทษห้ามพูดคุยกับคนอื่น เธอถูกจับขังเดี่ยวและต้องอยู่กับเสียงบทสวดทางศาสนา อีกทั้งผู้คุมก็ลงโทษเธอด้วยวิธีการที่แสนจะโหดร้ายทารุณ ถ้าหากมีใครปฏิเสธที่จะทานอาหาร ก็จะถูกเหล่าผู้คุมทำร้ายร่างกายเพื่อเป็นตัวอย่างให้คนอื่นไม่กล้าทำตาม คาดว่ามีสถานบำบัดแบบนี้ในเอกวาดอร์มากกว่า 200 แห่ง โดยส่วนใหญ่มักจะเปิดเป็นสถานบำบัดสำหรับผู้ติดยาเสพติดบังหน้า เป็นประจำทุกวันเวลา 07.30 นาฬิกา ที่หญิงสาวจะต้องถูกบังคับให้นั่งแต่งหน้า โดยมีผู้คุมคอยเฝ้าดูอยู่ และพวกเธอต้องแต่งให้ถูกต้องตามที่ผู้คุมต้องการ อีกหนึ่งในโปรแกรมการฝึกประจำวัน ก็คือการออกกำลังกายอย่างหนักหน่วง โดยมีผู้คุมคอยยืนตะโกนดุด่าหญิงสาวอยู่…
-
เรือนจำจากแอริโซนาผุดไอเดีย บำบัดจิตใจนักโทษ ให้เป็นพี่เลี้ยงน้องๆ ในศูนย์พักพิง…
สำหรับผู้ต้องหาที่ทำความผิดตามกฎหมายและต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในเรือนจำนั้น การบำบัดจิตใจและการฟื้นฟูความประพฤติถือเป็นส่วนหนึ่ง ที่จะช่วยทำให้พวกเขากลับมาอยู่ร่วมกับสังคมได้อีกครั้ง และที่เรือนจำแห่งหนึ่งจากเมืองฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา ได้ผุดไอเดียจับมือร่วมกับศูนย์ช่วยเหลือพักพิงสัตว์เลี้ยง ในการพานักโทษไปบำบัดฟื้นฟูจิตใจ โดยให้พวกเขากลายเป็นพี่เลี้ยงแทนซะเลย ‘โครงการนี้จะช่วยฟื้นฟูทั้งจิตใจของนักโทษ และสัตว์เลี้ยงที่ส่วนใหญ่มักจะถูกเจ้าของทิ้งมา ซึ่งเราเชื่อว่าน่าจะเป็นอีกหนึ่งทางออกที่ดี สำหรับปัญหาการฟื้นฟูเยียวยาจิตใจพวกเขาทั้งหลาย’ เจ้าหน้าที่ William Sibole ให้สัมภาษณ์ ตัวอย่างนักโทษสาวคดียาเสพติด ที่ตอนนี้มีเพื่อนสุนัขคอยอยู่เคียงข้าง สัตว์เลี้ยงจากศูนย์พักพิงทุกตัวจะได้รับการตรวจสุขภาพ เมื่อพวกมันแข็งแรงดี เจ้าหน้าที่ก็จะพาทั้งนักโทษ และสัตว์เลี้ยง มาใช้เวลาร่วมกัน สำหรับสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย เมื่อสภาพร่างกาย และจิตใจของพวกมันพร้อมแล้ว เจ้าหน้าที่ก็จะประกาศหาบ้านให้พวกมันต่อไป Aubrey Herrera นักโทษคดียาเสพติดและความรุนแรง วัย 31 ปี ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับโครงการที่เธอได้เข้าร่วมว่า ‘ระหว่างพวกเรา และสัตว์เลี้ยงทุกตัวต่างเข้าใจกันดี พวกมันทุกคนถูกสังคมทอดทิ้ง ถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรง และไม่มีซึ่งอิสระจนกว่าจะได้เจอบ้านหลังใหม่ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามาที่นี่ มันช่วยทำให้เราลืมเรื่องของตัวเราเอง และทำให้เราหันมาสนใจที่จะมอบความรัก และความอบอุ่นให้พวกมันแทน’ Herrera กับการฝึกสุนัขของเธอ อีกแง่หนึ่งมันช่วยทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าในตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง…
-
ลาที่เกือบตาย กลายมาเป็นนักบำบัดประจำตัวสาวน้อย และช่วยทำให้เธอพูดได้อีกครั้ง
เป็นอีกเรื่องราวที่ชวนให้ซึ้งกินใจน้ำตาไหลจนต้องขอแชร์เลยก็ว่าได้ เรื่องมันมีอยู่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าลา Shock ถูกช่วยเหลือมาจากชาวนาใจร้าย ที่มัดมันติดไว้กับเสา และไม่ยอมดูแลจนผอมแห้งเหลือแต่กระดูก หลังจากนั้นมันก็ถูกย้ายมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือลาในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ และนั่นก็เป็นที่ๆ มันได้เจอกับสาวน้อย Amber ผู้เกิดมาพร้อมความผิดปกติของร่างกาย เจ้าลา Shock หนูน้อย Amber ตอนเกิดมาเธอหายใจไม่ออก คุณหมอจึงจำเป็นต้องต่อท่อช่วยหายใจให้เธอ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการที่เธอไม่สามารถพูดเปล่งเสียงออกมาได้ ‘ลูกสาวของเราเธอเกิดมาพร้อมกับโรคสมองพิการ เป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่จะขยับร่างกายไปไหนมาไหน และเธอก็ไม่สามารถพูดเปล่งเสียงออกมาได้ มีเพื่อนของเราแนะนำมาว่า เราสามารถบำบัดเด็กที่ป่วยโรคนี้ด้วยการใช้ลาได้ ในฐานะที่เราเป็นพ่อแม่ก็อยากจะทำทุกอย่างเพื่อลูก และเราก็พบว่ามันน่าอัศจรรย์ใจมากจริงๆ’ Julian Austwick คุณพ่อของหนูน้อยเล่า สำหรับ Shock แล้ว หนูน้อย Amber ก็ถือเป็นคนไข้คนแรกของมันเหมือนกัน ทั้งคู่ดูจะเข้าขากันได้ดีเอามากๆ และการฝึกขี่ลา ช่วยทำให้สาวน้อย Amber ได้รู้จักบริหารกล้ามเนื้อด้วยตนเอง ซึ่งมันก็ส่งผลดีต่อเธอในระยะยาว จนกระทั่ง Amber อายุได้ 3 ขวบ เธอต้องเข้ารับการผ่าตัดกล่องเสียงให้สามารถพูดได้อีกครั้ง แต่ก็ใช่ว่าผ่าตัดเสร็จแล้วจะพูดได้ทันทีเลย หนูน้อยต้องใช้เวลาในการฝึกอยู่พอสมควร และวันหนึ่งสิ่งที่เป็นเหมือนราวกับปาฏิหาริย์สำหรับคนเป็นพ่อแม่ก็ได้เกิดขึ้น หลังจากที่ลูกสาวได้เข้าคอร์สบำบัดกับเจ้าลาเสร็จแล้ว จู่ๆ ลูกสาวก็พูดออกมาว่า ‘ฉันรักเธอนะช็อคกี้’…
-
รวม 20 ภาพความน่ารักของเหล่า ‘มะหมา’ ช่วยบำบัดความเครียด ให้หายไปในพริบตา!!
เมื่อเจอกับความเครียดแล้วเพื่อนๆ หลายคนคงจะมีวิธีจัดการกับมันแตกต่างกันออกไป บางคนก็ออกไป บางคนก็อาจจะออกไปเดินเล่นชิลๆ บ้างก็ออกไปนั่งดูหนัง บ้างก็เล่นเกม เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพความน่ารักของเหล่ามะหมาที่จะมาช่วยให้เพื่อนๆ ที่มีปัญหาในการจัดการกับความเครียด อารมณ์ดีขึ้นมาเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ 1. เจ้า Golden Retriever ที่โชว์ให้เห็นว่ามันมีความสามารถมากแค่ไหน 2. เจ้าหมาที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ 3. พวกมันมีรสนิยมในเรื่องของแฟชั่นที่ยอดเยี่ยม 4. พวกมันเองก็มีวัฒนธรรมเช่นเดียวกันกับมนุษย์ อย่างเช่นทักทายด้วยการกอด 5. และมักจะกอดสัตว์อื่นๆ ด้วยเช่นกัน 6. พวกมันเป็นสัตว์ที่ชอบเล่นสนุกมากที่สุดแล้ว 7. และเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก (คงจะหึงสินะ) 8. มันพร้อมที่จะช่วยเหลือเหล่ามนุษย์ที่ยากลำบากอยู่ตลอดเวลา 9. และเจ้านี่ก็เช่นกัน 10. พวกมันมักจะมีชีวิตชีวาทุกครั้งที่มีงานปาร์ตี้ 11. และก็ให้ทิปหนักด้วยนะเออ!! 12. พวกมันไม่เคยหยุดยั้งที่จะเดินตามความฝัน…
-
สาวเปิดคอร์สบำบัดน่ารักๆ ด้วย ‘การกอดวัว’ ช่วยผ่อนคลายและลดความเครียดได้เป็นอย่างดี
สำหรับคนที่มีปัญหาต้องพบเจอกับอาการเครียดอยู่เป็นประจำ ย่อมส่งผลให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความยากลำบาก แน่นอนว่าพวกเขาต้องหันหน้าเข้าหาเหล่าผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เพื่อบำบัดความเครียด แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมการบำบัดความเครียดแบบสุดแปลกด้วยการนอนหนุ่นวัว!? จะเป็นอย่างไรลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… Sibylle Zwygart และครอบครัวจากเมือง Tenniken ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พวกเขาเป็นเจ้าของฟาร์ม และเมื่อ 3 ปีก่อนเจ้าวัวในฟาร์มก็คลอดลูกออกมา 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวนั้นไม่สามารถนำไปใช้งานในการประกอบธุรกิจฟาร์มของทางบ้านได้เลย คุณพ่อของเธอจึงตัดสินใจที่จะพาพวกมันไปที่โรงฆ่าสัตว์ แต่คุณ Sibylle ได้ขอร้องไว้ จนในที่สุดคุณพ่อก็ยอมอ่อนใจและอนุญาตให้เธอเลี้ยงไว้ คุณ Sibylle ตัดสินใจที่จะทำให้ความฝันของตัวเองเป็นจริงด้วยการทำสวนสนุกวัว สำหรับเด็กๆ ที่เด็กๆ จะสามารถเข้ามาเรียนรู้และเล่นสนุกกับเหล่าวัว “มีเด็กๆ หลายคนที่ไม่รู้ว่านมที่พวกเขาดื่มนั้นมาจากไหน บางคนก็ไม่เคยมีประสบการณ์กับชีวิตในสังคมแบบชนบท และนี่จะเป็นการที่ทำให้เด็กๆ มีความใกล้ชิดกับการทำการเกษตรมากยิ่งขึ้น” จากนั้นเธอก็เริ่มเรียนรู้วิธีการกอดวัวที่ช่วยบำบัดความเครียด ซึ่งวิธีการนี้ถูกใช้งานกันอย่างแพร่หลายในประเทศเนเธอร์แลนด์ เพื่อช่วยให้ผู้คนรู้สึกใจเย็นลงและผ่อนคลาย คุณ Sibylle ก็เลยตัดสินใจที่นำแนวคิดนี้มาใช้ในฟาร์มของตัวเอง ซึ่งเธอเองก็คิดว่าเจ้าวัวทั้ง 3 ตัวนั้นจะต้องเหมาะกับงานแบบนี้อย่างแน่นอน “วัวนั้นเป็นสัตว์ที่เหมาะแก่การกอดมากๆ พวกมันเป็นสัตว์ที่รักความสงบ และด้วยเหตุนี้เองก็จะทำให้ผู้คนที่ได้ใกล้ชิดและสัมผัสโดยตรงกับพวกมันก็จะรู้สึกผ่อนคลาย และสงบไปด้วย”…
-
ไก่ช่วยด้วย!! “Darla” จากลูกไก่ป่วยใกล้ตาย กลายเป็นไก่นักบำบัดที่ใครๆ ก็ต้องการตัว
นี่เป็นเรื่องราวน่ารักๆ ของ Erika Proctor และลูกชาย Finn จากรัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา พวกเขาตั้งองค์กร Green Dogs Unleashed เพื่อช่วยเหลือสุนัขที่หูหนวกตาบอด ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกับสัตว์มาก ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 2 ปีก่อน ในปี 2015 Erika Proctor และลูกชาย Finn ได้ไปเที่ยวที่งานจัดแสดงสินค้าแห่งหนึ่ง แล้วได้ไปเจอเข้ากับลูกไก่ป่วย 3 ตัว Finn เลยบอกกับแม่ของเขาว่าอยากจะรับเอาลูกไก่ตัวนั้นมาเลี้ยง แม้ว่ามันอาจจะไม่รอดก็ตาม แต่น่าเสียดายที่พอพาลูกไก่กลับมาบ้านแล้ว พวกมันดันตายไป 2 ตัว เหลือลูกไก่เพียงตัวเดียวที่แข็งแรงพอ พวกเขาเลยตั้งใจจะเลี้ยงมันและตั้งชื่อให้มันว่า Darla วันเวลาผ่านไปพวกเขาก็สนิทกับเจ้าไก่ตัวนี้มากขึ้น เจ้าไก่ตัวนี้เริ่มใช้ประตูบานพับเล็กๆ ของสุนัขเดินเข้าออกบ้านปร๋อ นอกจาก Darla แล้ว ที่บ้านของพวกเขายังมีแมวมีสุนัขตาบอดหูหนวกอยู่หลายตัว แต่พวกมันก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย และยังเข้ากันได้ดีกับสัตว์ทุกๆ ตัวด้วย ส่วน Finn เองก็ดูจะชอบเจ้าไก่ Darla มาก พวกเขาจะออกไปเล่นนอกบ้านด้วยกันบ่อยๆ บางครั้งเขาก็จะอ่านหนังสือให้เจ้าไก่เพื่อนยากฟัง และเนื่องจากอากาศที่นั่นค่อนข้างเย็น เจ้าไก่ก็เลยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการซุกอยู่ในเสื้อกันหนาวของ Finn เป็นหลัก…
-
15 ภาพถ่ายจากชาวเน็ต กับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หลังเอาชนะดยาเสพติดได้!!
มักจะมีคนกล่าวไว้เสมอว่า “ยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี อย่าคิดที่จะลอง” แต่พอได้ลิ้มลองเข้าไปเท่านั้นแหละ กลับพบว่ามันช่างเป็นสุดยอดประสบการณ์ที่อยู่เหนือคำบรรยาย หลังจากที่สารเคมีได้เข้ามาทำปฏิกริยาบางอย่างกับร่างกายเรา ทำให้เรารู้สึกติดใจ และกลายเป็นเสพติดไปในที่สุด สำหรับผู้ที่เคยมีอาการติดยาเสพติด คงทราบดีอยู่แล้วว่า การต่อสู้เพื่อเอาชนะความอยากนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ด้วยเหตุนี้เอง ชาวเน็ตทั้งหลายจึงได้รวมตัวกันโพสต์ภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง หลังจากที่พวกเขาสามารถเอาชนะมันได้ ผ่านเว็บไซต์ Boredpanda ซึ่ง #เหมียวบ็อบ เชื่อว่านี่จะเป็นกำลังใจให้ใครต่อใครอีกหลายคน ที่กำลังต่อสู้อยู่กับอาการติดยาเสพติด และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถเอาชนะ และกลับมามีสภาพร่างกาย รวมถึงสภาพจิตใจ ในแบบคนปกติทั่วไปได้อีกครั้ง 4 ปี หลังเลิกยาไอซ์ และเฮโรอีนได้สำเร็จ เป็นเวลา 10 ปี ที่เธอคนนี้สามารถตัดขาดจากยาไอซ์ได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 826 วัน หลังเลิกเฮโรอีนได้สำเร็จ 6 ปี กับการเอาชนะอาการติดยาไอซ์ เป็นเวลา 6 ปี ที่ชายคนนี้เลิกยุ่งเกี่ยวกับโคเคน และเฮโรอีน ได้สำเร็จ 6 เดือนหลังเลิกใช้ยาไอซ์ และเฮโรอีน อย่างถาวร…
-
Otona Maki การบำบัดสไตล์ญี่ปุ่น ใช้ผ้าห่อตัวเหมือนในครรภ์แม่ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย!!
อเมื่อกล่าวถึงการบำบัดอาการผิดปกติเกี่ยวกับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาการป่วย ความเครียด ลักษณะนิสัยที่ไม่พึงประสงค์ เช่นสมาธิสั้น ปากคอเราะร้าย แล้ว หลายๆ คนก็จะมีวิธีในการบำบัดที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็ไปเข้าวัดฟังธรรมเพื่อให้จิตใจผ่องใส บ้างก็ไปเล่นโยคะเพื่อทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่เป็นโรค บ้างก็ไปห้องอบซาวน่าเพื่อสร้างความสบายใจ เป็นต้น แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมกิจกรรมบำบัดสุดแปลกของชาวญี่ปุ่น ที่ต้องขอบอกเลยว่าพอได้เห็นแว๊บแรกนี่ถึงกับอ้าปากค้างเลยทีเดียว กิจกรรมบำบัดนี้มีชื่อเรียกว่า Otona Maki (おとなまき) หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า ‘การห่อตัวผู้ใหญ่’ เป็นการรักษาแบบญี่ปุ่นจริงๆ โดยมีแนวคิดว่าการจัดท่าทางที่ถูกต้องนั้นจะทำให้เกิดการรักษาเยียวยาสุขภาพร่างกาย เหมือนกับทารกที่ขดตัวอยู่ในครรภ์มารดา มีพัฒนาการจนนำไปสู่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรง อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมากเลย เป็นผ้าแบบชนิดพิเศษที่สามารถถ่ายเทอากาศได้ดี นำมาห่อหุ้ม พร้อมกับจัดท่าทางให้เหมือนกับทารก มัดไว้ให้แน่น จากนั้นก็แช่ทิ้งไว้ในท่าทางนั้น เป็นเวลาอย่างน้อย 20-50 นาที โดยผู้เข้ารับการบำบัดได้อ้างว่าการทำแบบนี้แล้วจะช่วยในเรื่องของการนวดร่างกาย และช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูดีมากยิ่งขึ้น เท่านั้นยังไม่พอ ยังช่วยให้ขยับเขยื้อนร่างกายได้ง่ายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันบางส่วนก็บอกว่าช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายราวกับว่าได้อาศัยอยู่ในถุงน้ำคร่ำของแม่เลยทีเดียว และทางด้าน Yayoi Katayama ผู้เขียนบล็อก Vienna-Juku ก็ได้ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนการบำบัดแบบ Otona Maki ว่า ‘ถึงจะดูแปลกๆ แต่มันก็ได้ผลจริง…
-
เจ๋งมาก!! กลุ่มนักศึกษาอาชีวะกับสุดยอดความสามารถในงานประกวด ‘น้ำใส…ด้วยใจอาชีวะ’
หลายต่อหลายครั้งที่เรามักจะได้ยิน ได้เห็นข่าวในด้านลบของเหล่านักศึกษาอาชีวะที่มักจะมีแต่เรื่องต่อยตีกันเป็นประจำ ทำให้เรามองพวกเขาในแง่ร้ายทันที แต่นั่นก็ไม่ใช่ไปซะทั้งหมด เพราะในปัจจุบันนักศึกษาอาชีวะนั้นมีความสามารถมากมาย และทำคุณประโยชน์ให้กับสังคมไทยมากขึ้น อย่างเช่นในงานการประกวด ‘น้ำใส…ด้วยใจอาชีวะ’ ทำการเฟ้นหาสุดยอดนักสร้างมากความสามารถจากภาคอีสานกว่า 100 สถาบัน จนกระทั่งคัดเลือกเหลือเพียง 20 ทีมสุดท้าย โดยโจทย์ในการแข่งขันก็คือการสร้างระบบบำบัดน้ำเสีย จนในที่สุดทีมที่ชนะเลิศก็ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคนางรอง จ. บุรีรัมย์ กับผลงานเครื่องบำบัดน้ำเสียที่มีชื่อว่า ‘พลังสะอาดเพื่อน้ำสะอาด’ นั่นเอง ขอปรบมือแสดงความยินดีให้รัวๆ เลยจ้า!! งานประกาศรางวัลจัดขึ้นที่วิทยาลัยเทคนิคโคราช จัดเต็มด้วยบรรยากาศแบบงานวิชาการ แต่ก็ไม่ทิ้งความสนุกสนานให้น้องๆ ได้เฮฮากัน อีกทั้งยังมีแขกรับเชิญพิเศษมาสร้างสีสันภายในงานจนหลายคนถึงกับต้องร้อง ชาบู ชาบู กันเลยทีเดียว คนที่กล่าวถึงก็คงจะหนีไม่พ้น ‘บร๊ะเจ้าโจ๊ก’ นี่เอง ที่มาพร้อมกับความรั่วตามสไตล์บร๊ะเจ้าและมอบของรางวัล Popular Vote ด้วย งานนี้ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี เนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม โดย บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัดและสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ที่ให้โอกาสเหล่านักเรียนอาชีวะได้โชว์พลังสร้างสรรค์กันอย่างเต็มที่ …