Tag: ประชาชน
-
ชายคนหนึ่งทำการ “ไล่ผี” บนรถไฟ ขณะที่หญิงอีกคนตะโกนว่า “ปีศาจ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…
เรื่องราวในวันนี้อาจทำให้หลายท่านเกิดความกลัว เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการไล่ผีที่เขาสิงคน “บนรถไฟ” ขบวนหนึ่งนั่นเอง คลิปวิดีโอหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสโด่งดังบนโลกออนไลน์ในขณะนี้ เผยให้เห็นชายและหญิงคู่หนึ่งกำลังมีปากเสียงกันบนขบวนรถไฟในประเทศเม็กซิโกที่มีผู้โดยสารอยู่มากมาย ชายที่แต่งกายด้วยชุดสูทได้ทำพิธีการ ไล่ผี ขึ้นมาบนรถไฟขบวนดังกล่าว ขณะที่หญิงวัยกลางคนอีกรายก็ตะโกนออกมาว่า “ปีศาจ” ต่อหน้าผู้โดยสารที่กำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คลิปวิดีโอเหตุการณ์ “ไล่ผี” บนรถไฟ คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายมาจากขบวนรถไฟใต้ดินในเม็กซิโกซิตี้ แสดงให้เห็นว่าชายชุดสูทอ้างตัวเป็นร่างทรงของ พระเยซู กำลังทำพิธีการปลดปล่อยวิญญาณร้ายที่เขาเชื่อว่า “สิง” อยู่ในร่างของหญิงด้านหน้าของเขา ชายในชุดสูทพูดว่า “ในนามของพระผู้เป็นเจ้า จงออกไปเสีย!” และ “จงออกไป นี่คือคำสั่งจากพระเจ้า ออกไปได้แล้ว” ส่วนหญิงวัยกลางคนตรงหน้า ดูเหมือนเชื่อว่าตนถูกสิงจริงๆ กล่าวออกมาว่า “ใช่ ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป” จากนั้นจึงพูดต่อว่า “เลือดของพระเยซูมีอำนาจปลดปล่อยฉันออกไปจากบาปทั้งปวง” หลังจากนั้นไม่นานหญิงวัยกลางคนก็กวัดแกว่งร่มคันโตที่เธอถือ ฟาดเข้าไปที่ชายในชุดสูทขณะที่เขากำลังทำพิธีไล่ผีออกจากตัวเธอ แต่ชายในชุดสูทก็ยังไม่หยุด เขาพูดกับหญิงที่กำลังสับสนต่อหน้าของเขาว่า “เราให้อภัยเจ้า” . จากนั้นหญิงที่ถูกกล่าวว่าถูกวิญญาณเข้าสิงก็ตะโกนออกมาซ้ำๆ ว่า “ปีศาจ” เธอพูดซ้ำอยู่หลายครั้ง จนผู้โดยสารบางคนเริ่มกลัว เก็บข้าวเก็บของและย้ายหนี…
-
คนขับรถสิบล้อร่วมใจ จอดเรียงกันใต้สะพาน 13 คัน หวังจะช่วยชีวิตชายคิดสั้นเพียง 1 คน
เมื่อช่วงวันที่ 24 เมษายน 2018 เวลาประมาณ 01.00 นาฬิกาตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐอเมริกา ในบริเวณย่าน Oak Park รัฐมิชิแกน มีการประกาศเตือนภัยจากตำรวจในพื้นที่ เนื่องจากมีชายรายหนึ่งกำลังยืนอยู่ปลายสะพาน พร้อมที่จะกระโดดลงมาบนทางด่วน… เมื่อมีการประกาศออกไปแล้ว ทางกลุ่มคนขับรถสิบล้อกลุ่มหนึ่งก็ได้ขับรถของตน รุดมายังที่เกิดเหตุในทันที พร้อมกับการจอดรถเรียงกันเป็นแถวเคียงข้างตลอดทั้งสองฝั่งถนนเป็นจำนวน 13 คัน โดยคาดคะเนถึงทุกจุดที่ชายคนดังกล่าวเลือกที่จะกระโดดลงมา Sgt. Jason Brockdorff จากสถานีตำรวจ Huntington Woods Police Department กล่าวถึงการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวนั้น เป็นสิ่งที่ตำรวจและคนขับรถสิบล้อถูกฝึกมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่สิ่งที่น่าตกใจก็คือจำนวนของคนขับรถสิบล้อที่มาช่วยในเหตุการณ์ครั้งนี้ “การซักซ้อมถูกนำมาใช้งานจริงหากมีผู้ประสงค์จะกระโดดฆ่าตัวตาย พวกเราพยายามใช้วิธีแบบนี้ทุกครั้ง เพื่อลดระยะห่างความสูงจากด้านบนลงมาสู่ด้านล่าง ถ้าหากพวกเขากระโดดลงมา” Brockdorff กล่าวถึงวิธีการรับมือต่อเหตุฉุกเฉิน . สถานการณ์ความตึงเครียดลากยาวประมาณ 4 ชั่วโมงไปจนถึงช่วงเช้าตรู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อรถสิบล้อมาจอดเรียงกันใต้สะพานแล้ว ตำรวจจึงมีเวลามากพอที่จะเกลี้ยกล่อมชายคนดังกล่าวได้มากขึ้น …
-
ชาวเมืองแคนาดางงไปหมด ถูกจากเสียงประหลาดมา 8 ปี และยังหาต้นตอเสียงนั้นไม่เจอ…
บางทีการที่เราได้ยินเสียงที่ไม่ทราบสาเหตุหรือต้นตอ ก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เราสามารถมองข้ามมันไปได้ แต่หากว่าคุณได้มาอยู่สถานที่ที่ได้ยินเสียงปริศนามานานกว่า 8 ปี คุณคงไม่สามารถเพิกเฉยได้แน่ เรื่องเกิดขึ้นในเมือง Windsor ในประเทศแคนาดา ที่การใช้ชีวิตของผู้คนที่นั่นถูกรบกวนโดยเสียงปริศนามานานกว่า 8 ปีแล้ว ถึงแม้จะมีหลายคนพยายามที่จะค้นหาต้นต่อและจุดกำเนิดของมัน สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถหาเจอ เสียงปริศนานี้ถูกเรียกว่า “Windsor Hum” ซึ่งได้ออกมารบกวนการใช้ชีวิตของผู้คนกว่า 210,000 คนในเมือง ผู้คนบอกว่าเสียงนี้มีระดับความเข้มข้นและความดังที่ไม่แน่นอน อีกทั้งมันยังเกิดขึ้นแบบสุ่มเวลาอีกด้วย บางครั้งมันเกิดขึ้นเพียง 2-3 ชั่วโมง แต่บางครั้งมันอยู่นานหลายวัน ทำให้หลายคนมีอาการปวดหัว นอนไม่หลับ แสบหู และซึมเศร้า ผู้คนที่ทนไม่ไหวจนกระทั่งต้องย้ายข้าวของออกไปจากเมืองเลยก็มี Sabrina Wiese ผู้อาศัยในเมือง Windsor โพสต์ข้อความลงในกลุ่มเฟซบุ๊กว่า “เห็นไหมว่ามีกี่คนแล้วที่ย้ายออกไปจากที่นี่เพื่อหนีเสียปริศนาที่เกิดขึ้น ฉันเองก็อยากจะทำเช่นนั้นมาตั้งหลายปีแล้วเพราะนับวันมันยิ่งไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ลองคิดดูหากคุณย้ายออกไปล่ะก็ คนที่คุณรู้จัก คนที่คุณรักก็จะต้องทนได้ยินเสียงนี้ไปตลอด” “คุณไม่มีทางหนีมันพ้น ไม่ว่าคุณจะทำงานที่ไหนก็ตาม เสียงนี้จะตามคุณไปตลอด” Mike Provost วัย 64 ปี กล่าว “หากคุณคิดว่านี่คือเสียงฟ้าผ่า มันคงจะเป็นฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ยาวนานเป็นชั่วโมง เป็นวัน…
-
10 เรื่องที่คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับประเทศ “เยอรมนี” อ่านเพิ่มเติมความรู้ ไปเล่าให้เพื่อนฟังได้อีก!!
ต้องบอกตามตรงว่า นอกจากเทศกาลเบียร์ระดับโลกอย่าง Oktoberfest ในเมืองมิวนิคแล้ว เราก็ไม่รู้อะไรอีกเลยเกี่ยวกับประเทศนี้… แต่บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับประเทศเยอรมนีกันมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น.. ความไร้อารมณ์ขันของผู้คน หรือความจริงจังขึงขังในการใช้ชีวิต เอาเป็นว่าเราไปทำความรู้จักกับประเทศนี้ที่มีอะไรมากกว่าเรื่องราวของฮิตเลอร์ กันเลยดีกว่า 1. ภาษาเยอรมันดูรุนแรง ในความเป็นจริงแล้วภาษาเยอรมันที่ผู้คนใช้กัน ไม่ได้มีท่าทีที่ดูจริงจังเหมือนคนโมโหร้ายตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมแบบนั้นก็คงมีแต่คนหัวรุนแรงเท่านั้นเอง ในส่วนของความเป็นจริงนั้นผู้คนก็ยังใช้ภาษาพูดกันอย่างสุภาพนุ่มนวล 2. เยอรมนีมีทางหลวงพิเศษ (autobahn) ที่ไม่จำกัดความเร็ว ที่ประเทศเยอรมนีจะมีทางหลวงพิเศษที่เรียกว่า autobahn ซึ่งตามกฎหมายแล้วบนทางหลวงเส้นนี้จะไม่มีการจำกัดความเร็วแทบทั้งหมด คนจึงคิดว่าไม่จำกัดความเร็วเลย แต่ที่จริงแล้วจะมีเพียงประมาณ 40% ของเส้นทางหลวงพิเศษเท่านั้น ที่จำกัดความเร็วอยู่ที่ประมาณ 90 – 120 กม./ชั่วโมง 3. คนเยอรมนีดูหยาบคายและดุร้าย แม้ว่าภายนอกคนเยอรมันอาจจะดูเหมือนคนหน้าบึ้ง แต่เอาจริงๆ แล้วพวกเขาไม่ใช่คนหยาบคาย กลับกันนั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความจริงใจ ความตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม และความนับถือเชื่อใจกัน พวกเขาแค่ยิ้มยากกว่าคนไทยเท่านั้นเอง 4. คนเยอรมันชอบใส่ชุด Dirndl and Lederhosen (แบบที่เห็นในโฆษณาเบียร์นั่นแหละ) ก็คงอารมณ์คล้ายๆ กับเวลามีฝรั่งมาถามคนไทยว่า.. ‘ยูใส่ชุดไทยตลอดเลยรึเปล่า?’ เพราะเอาจริงๆ แล้วชุดดังกล่าวมาจากวัฒนธรรมฝั่งแคว้นบาวาเรีย และหากเทียบตามจำนวนประชากรแล้ว คนบาวาเรียนจะมีอยู่แค่…
-
สื่อนอกเผยภาพจาก “เกาหลีเหนือ” เมื่อประชาชนลุกฮือ.. หลังผู้นำมีปากเสียงกับทรัมป์!!
แม้ว่าคนส่วนใหญ่ทั่วโลกจะมองว่า ‘เกาหลีเหนือ’ เป็นประเทศที่ไม่น่าอยู่ และไม่น่าคบหา แต่ทว่าประชากรส่วนใหญ่ของพวกเขากลับออกมาแสดงถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวผู้นำรุ่นปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เราจะขอพาทุกคนไปชมภาพถ่ายจากสำนักข่าว Reuters กับเหตุการณ์เมื่อประชาชนต่างออกมารวมตัวกันที่ลานจตุรัส คิม อิล ซุง เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา ประชาชนนับแสนคนต่างออกมารวมตัวกันที่ใจกลางกรุงเปียงยาง จากภาพน่าจะแสดงให้เห็นได้ว่า ประชาชนต่างสนับสนุนแนวคิดการทำสงคราม และการต่อต้านชาติตะวันตกอย่างสุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นการชูป้ายเพื่อเป็นสัญลักษณ์ รวมถึงการชูกำปั้นมือขวาขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อแสดงความโกรธเกรี้ยว ในกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะได้สวมชุดทางการสีขาว – ดำ โดยจะนั่งดูการเดินขบวนจากชนชั้นแรงงานอยู่บนอัฒจันทร์ นับว่าเป็นการออกมารวมตัวครั้งใหญ่ของประชาชนเกาหลีเหนือเลยก็ว่าได้ จากประเด็นสงครามน้ำลายที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ต้นปี ดูเหมือนว่าจะร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะล่าสุดเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาประกาศว่า พวกเขาพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธใส่เกาะกวม ซึ่งเกาะกวมเป็นพื้นที่เกาะที่ยังไม่ได้ปกครองตนเองของสหรัฐฯ และมีการตั้งฐานทัพทางทหารไว้ที่เกาะแห่งนี้ด้วย ซึ่งเราก็คงต้องจับตาดูสถานการณ์โลกกันต่อไปว่า… สุดท้ายทั้งหมดนี้จะเป็นแค่การยั่วกันไปมาของสองฝ่าย หรือจะเป็นการนำมาซึ่งสงครามจริงๆ . ที่มา: Dailymail
-
เฮกันดังๆ เพราะเรา “ไม่ต้องถ่ายสำเนาเอกสาร” เวลาไปติดต่อราชการอีกต่อไปแล้ว…!!
เป็นปัญหาที่อยู่คาใจคนไทยเรามานาน เพราะถึงแม้ว่าเราจะมีบัตรประชาชนแบบสมาร์ทการ์ด แต่เวลาไปติดต่อหน่วยงานรัฐทีไร ก็ยังต้องเตรียมสำเนาเอกสารสำคัญหอบไปเป็นตั้งอยู่ดี แถมถ้าบางทีลืมอะไรแล้วต้องถ่ายเพิ่ม ก็ต้องจ่ายค่าถ่ายเอกสารที่แพงกว่าร้านทั่วๆ ไปอีก… แหม่ พูดแล้วยาวววววววววววว แต่ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2560 มีประกาศราชกิจจานุเบกษา จากคณะคสช. โดยใช้อำนาจ ม.44 ที่ดูเหมือนจะออกมาพัฒนาตรงจุดนี้โดยเฉพาะ สถานที่ๆ เวลาไปติดต่อราชการทีไร ได้ใช้บริการเจ้าพวกนี้ทู๊กกที โดยประกาศของคสช. ข้อนี้ไม่ได้เป็นการแก้ไขกฏหมายแต่อย่างใด แต่เป็นการพูดถึงกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐโดยทั่วไป ถ้าจะให้เล่าเป็นภาษาทางการก็กลัวจะงง เอาเป็นว่าเราจะเล่าเนื้อหาเป็นภาษาชาวบ้านละกัน คืองี้… ในประกาศข้อที่ 17 ได้บอกว่าในกรณีที่ประชาชนไปติดต่อหน่วยงานราชการ แล้วทางราชการมีความจำเป็นที่จะต้องใช้สำเนาเอกสารสำคัญ ผู้มีอำนาจอนุมัติ (เจ้าหน้าที่รัฐ) จะต้องเป็นคนดำเนินการจัดแจงเรื่องเอกสารสำเนาให้กับผู้มายื่นเรื่องในการประสานงาน แทนแบบเดิมที่ประชาชนต้องเตรียมมาเอง อีกทั้งหากต้องมีการนำเอกสารของประชาชนไปถ่ายเป็นสำเนา ยังห้ามมิให้มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการเตรียมสำเนาเอกสาร ใดๆ ทั้งสิ้น ภาพจากประกาศข้อที่ ๑๗ ในราชกิจจานุเบกษา ราชกิจจานุเบกษาตัวเต็ม โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันประกาศ (ก็คือ 4 เมษายน 2560 นั่นเอง) ก็ถือเป็นอีกเรื่องที่น่าดีใจสำหรับเราทุกคน ต่อจากนี้จะไปติดต่อหน่วยงานราชการก็ไม่ต้องคอยหอบเอกสารไปเป็นตั้ง…
-
พาชม ‘เกาหลีเหนือ’ ในอีกแง่มุมสนุกสนานและมีชีวิตชีวา ต่างจากภาพในทัศนคติเดิมๆ
เวลาที่เราคิดถึงเกาหลีเหนือ หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเป็นประเทศที่อดอยาก ดูเงียบเหงา เต็มไปด้วยตึกสีคอนกรีต ได้อารมณ์การเป็นอยู่ในรูปแบบบ้านเมืองของคอมมิวนิสต์ แต่เมื่อช่างภาพชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง Nic Ojae ได้เข้าไปถ่ายภาพวิถีชีวิตอีกแง่มุมหนึ่งของประชาชนเกาหลีเหนือที่ดูแล้วมันช่างเต็มไปด้วยสีสัน ดูมีชีวิตชีวา แถมภาพชุดนี้ที่เค้าได้ตั้งชื่อให้มันว่า ‘Colorful Order’ ยังได้รับรางวัลจากงานเทศกาล Melbourne Independent Photography อีกด้วย ภาพถ่ายจากสวนน้ำแห่งหนึ่ง ดูแล้วผู้คนที่นี่น่าจะชื่นชอบการออกมาว่ายน้ำในฤดูร้อนกันมากๆ มีการตกแต่งอย่างดี ชุดว่ายน้ำก็ดูปกติทั่วๆไปถึงแม้ว่าจะไม่มีคนใส่บิกินี่ให้เห็นก็ตาม หนุ่มสาวชาวเกาหลีเหนือที่ดูกำลังสนุกสนานกับการขึ้นไปกระโดดน้ำจากที่สูง ชายคนหนึ่งกำลังพักผ่อนนอนอาบแดดอย่างสบายใจ ไม่ว่าจะเด็กเล็กหรือผู้ใหญ่ต่างก็ชอบมาเที่ยวสวนน้ำกันทั้งนั้น ผู้คนกำลังใช้บริการรถเมล์โดยสารประจำทาง ดูแล้วก็คลับคล้ายคลับคลากับบ้านเรานี่แหละ ชาวเมืองเปียงยางกำลังเล่นวอลเล่ย์บอลกันอย่างสนุกสนาน อากาศที่ดูสดใสในยามเช้าและอนุสรณ์สถานแห่งหนึ่ง เด็กๆ กำลังให้ความสนใจกับอะไรบางอย่าง ผู้คนต่างออกมาเต้นรำกันในเมืองอย่างพร้อมเพรียงเมื่อถึงวันหยุดประจำชาติ ภาพได้อารมณ์ประเทศแถบเอเชียในช่วงยุค 50s ไปจนถึง 60s ดูเก่าและคลาสสิคสุดๆ และสุดท้ายที่จะขาดไปไม่ได้สำหรับประเทศนี้ก็คือภาพของท่านผู้นำนั่นเอง… งานนี้ก็ต้องขอบคุณช่างภาพฝีมือดีที่ได้นำภาพเหล่านี้มาให้เราได้ชมกัน มองไปก็ให้อารมณ์อีกแง่มุมหนึ่ง ต่างจากภาพอื่นๆ ที่เราเคยได้เห็นและรับรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้ เป็นแง่มุมที่ช่วยเปิดหูเปิดตาได้อย่างดีเลยเนอะ……
-
สื่อนอกเผยภาพ ชาวตุรกีลงโทษทหารที่ก่อเหตุ หลังจากรัฐประหารล้มเหลว !!
กลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว สำหรับความพยายามปฏิวัติของทหารตุรกี แต่สุดท้ายกลับล้มเหลวด้วยการขัดขวางของประชาชน ตำรวจ และรัฐบาล ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 250 คน และบาดเจ็บกว่า 1,500 คน รายงานกล่าวว่า ตอนนี้มีผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารราว 6,000 คนถูกจับหลังจากการรัฐประหารเหลว ในจำนวนนี้ประกอบทหาร ตำรวจ ผู้พิพากษา และข้าราชการ (ที่มีแววว่าจะอยู่คนละฝ่ายกับรัฐบาลตุรกี) ล่าสุดมีการเผยภาพออกมาว่า ทหารที่พยายามทำการรัฐประหารเหล่านั้น ถูกจับแก้ผ้าแล้วขังไว้ในโรงยิมขนาดใหญ่ จนมีสภาพน่าอเนจอนาถเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ เหล่าประชาชนที่ต่อต้านการรัฐประหาร ก็ได้ร่วมทุบตีเหล่าทหารด้วยความโกรธแค้น . . . . ส่วนกลุ่มทหารที่เป็นผู้นำในการรัฐประหารก็ถูกจับแล้วเช่นกัน และถูกควบคุมตัวโดยตำรวจ จนไม่เหลือสภาพทหารนายทหารชั้นผู้ใหญ่แม้แต่น้อย แต่ละคนจะถูกถามคำถามว่าชื่ออะไร มียศอะไร และมีตำแหน่งอะไรในการรัฐประหารครั้งนี้ อย่างเช่น ชายเสื้อลายขวางสีขาวฟ้าทางซ้ายมือคือ Akin Ozturk นายทหารอากาศระดับสูง หนึ่งในแกนนำการรัฐประหารที่ผ่านมา จากนั้นแต่ละคนก็จะถูกตำรวจที่ควบคุมตัวด่าอย่างรุนแรงก่อนจะถูกควบคุมตัวออกไป เพื่อไปยังศาล . . . . . ปฏิกิริยาของประชาชนตุรกีช่างรุนแรงจริงๆ ก็ต้องรอติดตามกันต่อไปว่า…
-
รัฐบาลแคนาดาประกาศโครงการนำร่อง ‘แจกเงินให้ประชาชนไปใช้ฟรี’ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
นับว่าเป็นข่าวที่ทำให้ชีวิตของประชาชนในประเทศดี๊ดีขึ้นมาทันที โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคราวว่าประเทศฟินแลนด์และเนเธอร์แลนด์ได้ออกโครงการแจกเงินให้ประชาชนไปแล้วแถมประสบความสำเร็จด้วย คราวนี้ก็มาเป็นตาของรัฐบาลของประเทศแคนาดาบ้าง!! แคนาดาเตรียมแผนแจกเงินให้ประชาชนฟรี!! รัฐบาลจากรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ได้วางแผนโครงการนำร่องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยจะทำการแจกเงินให้กับประชาชนภายในรัฐนำไปใช้ได้ฟรีๆ โดยไม่มีการตอบคำถาม, สัมภาษณ์ หรือเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศแคนาดา เงินดังกล่าวเรียกว่ารายได้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมในเรื่องของค่าครองชีพต่างๆ เช่น ค่าอาหารการกิน, ค่าเดินทาง, ค่าเสื้อผ้า และค่าจิปาถะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยเงินจำนวนนี้จะจ่ายให้เป็นเช็ครายเดือนไม่ใช่ในรูปแบบของเงินสด ทั้งนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้ระบุว่าจะนำโครงการนี้มาใช้จริงเมื่อไหร่ หรือในพื้นที่ไหน และยังไม่ได้ระบุว่าจะได้รับเงินต่อคนเป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องพิจารณาในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายเหล่านี้อีกทีหนึ่ง ให้เงินประชาชนเอาไปนอนหนุนแทนหมอน!! แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ เลยนะเนี่ย เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ มีเงินเดือนใช้เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประเทศ แค่คิดก็ฟินแลนด์ เอ้ย!! ฟินแล้ว ที่มา : businessinsider, unilad