Tag: ประท้วง
-
เด็กๆ ในเยอรมนีรวมตัว “เดินขบวนประท้วง” พ่อแม่ สาเหตุที่เอาแต่สนใจโทรศัพท์มือถือ!
ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน โทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟน นั้นจำเป็นจริงๆ บางครั้งมันเป็นสิ่งที่ที่มนุษย์หลายคนแทบจะวางมือจากมันไม่ได้เลยทีเดียว ถึงแม้ประโยชน์ของสมาร์ตโฟนจะมีมากมายแต่ มันก็ส่งผลเสียไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะในเชิงสังคมที่ผู้คนมักเลือกมีปฏิสัมพันธ์กับอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง งานนี้ผลร้ายจึงตกไปสู่เหล่าเด็กๆ ที่ต้องการความอบอุ่น ความรัก และความใส่ใจจากพ่อแม่ เมื่อพ่อแม่ผู้ที่ควรจะเป็นผู้ดูแลกาย จิตใจ และมิติทางสังคมของเด็ก กลับเอาแต่เล่นสมาร์ตโฟนแทนที่จะเล่นกับลูก เหล่าเด็กๆ ราว 150 ชีวิตจึงออกมา ‘เดินขบวนประท้วง‘ ในเมืองฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี นำโดย Emil Rustige เด็กชายวัย 7 ขวบ ที่เดินพร้อมกับถือป้ายสโลแกนว่า “เล่นกับผมสิ ไม่ใช่เล่นกับโทรศัพท์” Emil Rustige วัย 7 ขวบ เรื่องราวเริ่มจากการที่ Emil Rustige ไม่พอใจที่พ่อแม่ของตนติดการใช้โทรศัพท์มือถือ เขาจึงต้องการเดินประท้วงสำหรับเรื่องนี้ “ผมอยากไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อน แต่พ่อไม่ได้ให้ไป ผมก็เล่นอยากเล่นกับพ่อที่บ้าน แต่พ่อก็ดันเอาแต่เล่นโทรศัพท์มือถือ” Emil กล่าว เขาจึงบอกกับพ่อแม่ว่าอยากเดินขบวนประท้วงเกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเขาจึงช่วยเหลือโดยการติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จัดการเรื่องของขบวนประท้วงสำหรับเด็กๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ความช่วยเหลืออย่างดีเยี่ยม มีการจัดการปิดถนนหลายเส้นเพื่อให้เด็กๆ…
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
ชาวเมืองโอ๊คแลนด์รวมตัวออกมาจัด ‘ปาร์ตี้บาร์บีคิว’ ณ จุดเกิดเหตุ ‘สาวโทรแจ้งตำรวจ’
สืบเนื่องจากประเด็นเรื่องการเหยียดผิวของ หญิงสาวที่โทรแจ้งตำรวจเพราะครอบครัวผิวสีจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนสาธารณะ เข้าไปอ่านข่าวเก่าได้ที่ : สาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็น ‘ครอบครัวผิวสี’ มาจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวในสวนสาธารณะ ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2018 เว็บไซต์เดลี่เมล ได้รายงานว่ามีความเคลื่อนไหวของชาวเมืองโอ๊คแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ร่วมกันออกมาปิ้งบาร์บีคิวจัดปาร์ตี้กันที่ริมทะเลสาบ Merritt กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งริมทะเลสาบนั้นเป็นสถานที่เกิดเหตุที่ครอบครัวผิวสี ถูกหญิงสาวโทรแจ้งตำรวจว่าพวกเขามาปิ้งบาร์บีคิวพร้อมกับใช้ถ่าน โดยอ้างว่าสถานที่นั้นห้ามใช้ถ่านปิ้งบาร์บีคิว จนกลายเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วโซเชียล ชาวเน็ตหลายคนที่ได้ชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าวต่างก็ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของหญิงสาว ตามรายงานระบุว่าในคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชาวเมืองโอ๊คแลนด์จำนวนมากออกมาปิ้งย่างกันอย่างสนุกสนาน พร้อมกับมีการอัปคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก มีการแคปชั่นคลิปวิดีโอเอาไว้ว่า “นี่คือสิ่งที่คนผิวสีในโอ๊คแลนด์ทำ เมื่อหญิงสาวผิวขาวโทรแจ้งตำรวจ เพราะเห็นครอบครัวผิวสีจัดปาร์ตี้บาร์บีคิว” จากในคลิปวิดีโอจะพบว่าในกลุ่มคนที่มาร่วมงานปาร์ตี้ประกอบไปด้วยทั้งคนผิวสี และผิวขาวมากมาย หลังจากที่ชาวเน็ตคนอื่นๆ ที่ได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ ก็ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า “หญิงสาวคนนั้นทำให้เกิดคลื่นพลังที่ออกมาต่อต้านและสิ่งนี้เลยเกิดขึ้นมา ขอขอบคุณความเกลียดชังของเธอนะ” คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยก็ทำให้เห็นว่า เรื่องของการ ‘เหยียดผิว’ นั้นไม่ได้เป็นที่ยอมรับของคนจำนวนมาก และผู้คนก็ออกมาทำอะไรบางอย่างที่แสดงให้เห็นว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ ที่มา : dailymail,…
-
นักศึกษาถอดเสื้อผ้าระหว่างพรีเซนต์วิทยานิพนธ์ เพราะอาจารย์ท้วงว่า ‘กางเกงสั้นเกินไป’
ในเรื่องของ ‘การแต่งกาย’ ให้ถูกกาละเทศะ ถือเป็นเรื่องที่ยังคงมีการถกเถียงกันอยู่บ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่ในบ้านเราแต่ต่างประเทศเองก็ยังมีการถกเถียงกันถึงเรื่องนี้กันอยู่บ่อยๆ เช่นเดียวกันกับ Letitia Chai สาวชาวอเมริกันชั้นปีสุดท้ายของมหาวิทยาลัย Cornell University ที่สวมกางเกงขาสั้นไปนำเสนอวิทยานิพนธ์ต่อหน้าอาจารย์และนักศึกษาคนอื่นๆ แต่อาจารย์กลับทักเรื่องกางเกงของเธอ Chai จึงตัดสินใจถอดเสื้อผ้าออกเหลือแต่ชุดชั้นในแล้วนำเสนอวิทยานิพนธ์ต่อ เพื่อเป็นการประท้วงถึงสิทธิ์ในการแต่งกายของตัวเอง เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ผ่านมา และมีการถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวเก็บเอาไว้ด้วย จนกลายเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียล ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างได้เลยจ้า… Chai เล่าว่า “สิ่งแรกที่อาจารย์พูดกับฉันคือเรื่องการสวมเสื้อผ้า ‘มันสั้นเกินไปนะ’ แถมอาจารย์ยังบอกอีกว่าสิ่งที่ฉันทำนั้นมันทำให้นักศึกษาผู้ชายหันไปสนใจอย่างอื่นที่ไม่ใช่เนื้อหาที่ฉันจะนำเสนอ แต่เป็นร่างกายของฉันเอง!!” “อาจารย์บอกว่าฉันเป็นคนสร้างภาพเหล่านั้นขึ้นมาเองด้วยการแต่งตัว ฉันก็เลยบอกอาจารย์ไปว่าฉันมั่นใจเลยว่าฉันจะไม่ยอมเปลี่ยนลุคหรือภาพลักษณ์ของตัวเองเพื่อทำให้เธอหรือคนอื่นๆ สบายใจหรอกนะ” นอกจากนี้ Chai ยังเล่าอีกว่านักศึกษาชายคนอื่นๆ ก็เห็นด้วยกับอาจารย์ ซึ่งอาจารย์คนดังกล่าวก็บอกว่าจะเอาเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ไปฟ้องแม่ของเธอ ซึ่ง Chai ก็ตอบว่า “แม่ของฉันเป็นอาจารย์ที่สอนเกี่ยวกับเฟมินิสต์และความเท่าเทียมทางเพศ เธอคงไม่ว่าอะไรกับกางเกงขาสั้นของฉัน” ทางด้านอาจารย์ Maggor ก็ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า “ฉันไม่ได้บังคับให้นักศึกษาสวมใส่ชุดอะไร หรือกำหนดว่าชุดไหนจะต้องเป็นชุดที่ถูกระเบียบหรือเหมาะสม แต่ฉันแค่บอกให้พวกเขาคิดเอาเอง และตัดสินใจด้วยตัวเอง”…
-
คนขับรถเมล์ประท้วงคู่แข่ง วิ่งเส้นทางทับซ้อนกัน ค่าโดยสารก็ถูกกว่า งั้นขับให้ฟรีก็แล้วกัน!?
กลายมาเป็นเรื่องที่แทบจะพูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เมื่อการเกิดใหม่ของคู่แข่งทางธุรกิจบริการรถโดยสารประจำทางของเมืองโอกายามะ ประเทศญี่ปุ่น ที่เพิ่งจะมาใหม่เพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่เริ่มจะแซงหน้าด้านบริการเจ้าเก่าไปแล้ว… กลุ่มผู้ขับรถประจำทางของเมืองโอกายามะจากบริษัท Ryobi Group ที่ได้ครองถนนหนทางภายในเมืองมาอย่างยาวนาน จึงทำการประท้วงเหตุการณ์ดังกล่าว ด้วยการขับรถไปตามเส้นทางของตน และปฏิเสธการเก็บค่าโดยสารในทุกกรณี (ขึ้นฟรี!!) ไม่รับค่าโดยสารค่ะ!! เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ Megurin บริษัทเดินรถเกิดใหม่อันเป็นคู่แข่งโดยตรง ได้เปิดให้บริการในเส้นทางทับซ้อนกับรถบริการของบริษัท Ryobi Group ในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา อัตราค่าโดยสารก็ถูกกว่า แถมหน้าตาของรถก็ดูน่ารักกว่าด้วย!! รถโดยสารประจำทางดำเนินการโดยบริษัท Megurin . ด้วยเหตุนี้ทางด้านพนักงานขับรถของบริษัท Ryobi จึงรู้สึกว่ากำลังถูกคุกคามอยู่ หากปล่อยแบบนี้ต่อไปต้องแย่แน่ๆ ก็เลยทำการประท้วงไปยังฝ่ายบริหารผ่านพื้นที่สาธารณะ จากกรณีคู่แข่งใหม่ที่เกิดขึ้น แต่แทนที่จะนัดกันหยุดงาน กลับนัดกันมาเดินรถตามปกติ อีกทั้งได้นำผ้าขาวมาคลุมเครื่องเก็บค่าโดยสาร คนขับประกาศชัดเจนหลายต่อหลายครั้งบนรถโดยสารว่า จะไม่รับค่าโดยสารใดๆ ทั้งสิ้น กี่ป้ายก็ไม่ต้องจ่าย โดยสารฟรีตลอดเส้นทาง!! แม้ว่าการเดินรถโดยไม่เก็บค่าโดยสารนั้น จะส่งผลดีต่อผู้โดยสาร เป็นการกระทำที่ได้ใจประชาชนแถมยังได้พื้นที่โฆษณาไปฟรีๆ แต่ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนที่มองว่าเป็นการประท้วงที่ผิดจุด และอาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์บริษัทในระยะยาว แถมยังเป็นการประท้วงที่อาจจะไปไม่ถึงระดับผู้บริหารเลยด้วยซ้ำไป… …
-
นักเรียนในสหรัฐฯ ใส่ของแปลกๆ มาในกระเป๋าเพียบ หลังมีกฎใช้กระเป๋าใสเฝ้าระวังอาวุธ
นับจากเหตุกราดยิงในรัฐฟลอริด้าก็ผ่านมาพักใหญ่ๆ แล้ว นักเรียนก็เริ่มที่จะกลับมาเรียนกันอีกครั้ง แต่ความหวาดกลัวนั้นก็ยังคงอยู่กับผู้ปกครองและอาจารย์ ด้วยเหตุนี้โรงเรียนจึงออกกฎใหม่ออกมาให้นักเรียนสวมใส่กระเป๋าสีใสมาเรียน แน่นอนว่ามันดูเหมือนจะเป็นวิธีการป้องกันนักเรียนพกอาวุธมาที่ดูเข้าท่าอย่างหนึ่ง แต่กลับกันแล้วนักเรียนในโรงเรียน Stoneman Douglas รัฐฟลอริด้ากลับไม่ปลื้มอย่างที่คิด เพราะนักเรียนนั้นต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า แทนที่รัฐหรือโรงเรียนจะไปช่วยกันคิดและจัดการปัญหาการซื้อขายอาวุธ แต่กลับมาจัดการที่ปลายเหตุด้วยการให้นักเรียนพกกระเป๋าสีใส่มาแทน กลายเป็นว่านักเรียนจะพาอะไรมาก็ถูกคนอื่นเห็นกันหมด ด้วยเหตุนี้ เหล่านักเรียนจากโรงเรียนดังกล่าว จึงคิดวิธีการแก้เผ็ดและเล่นสนุกกับกระเป๋าใสขึ้นมาให้เราได้ดูกัน เธอคนนี้บอกว่าไอ้เจ้ากระเป๋าใสเนี่ย มันมีค่ายิ่งกว่าชีวิตของเธอเสียอีก เพราะแทนที่จะจัดการปัญหาที่ต้นเหตุ ดันมาแก้ปัญหาตรงนี้ซะได้ หนุ่มคนนี้เอากระเป๋าปกติใส่ไว้ในกระเป๋าใสอีกทีหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่ามันน่าขำสิ้นดี เป็นการเล่นคำระหว่าง Fucking Stupid กับ Ducking เพื่อทำให้มันดูไม่หยาบคายเกินไป ฮร่าๆ ใครก็ตามที่ผุดไอเดียไอ้เจ้ากระเป๋าบ้านี่ขึ้นมา รู้ไว้ซะแม่นายเป็นโสเภณี ในกระเป๋านี้มีทุกอย่างที่นักการเมืองเป็นห่วง จะยกเว้นก็แค่เงินเท่านั้นที่ไม่มี ในที่สุด ฉันก็จะทำทีว่ามีการบ้านมาส่งทั้งๆ ที่ไม่มีไม่ได้แล้วสินะ บางคนก็สื่อว่าการต้องมาทำอะไรแบบนี้เหมือนอยู่ในคุกเลย นอกจากการที่นักเรียนต้องใช้กระเป๋าสีใสแล้ว พวกเขายังต้องถูกตรวจกระเป๋าด้วยนะ…ตรวจกระเป๋าใส อะไรคือจุดประสงค์ของการค้นกระเป๋าทั้งๆ ที่ใช้กระเป๋าใส? สุดท้ายแล้ว…
-
กลุ่มวีแกนประท้วงเต็มหน้าร้านสเต็ก เจ้าของหาแคร์ไม่ คว้าขากวางหั่น นั่งกินโชว์หน้าร้าน…
ทางเลือกในการรับประทานนั้นมีหลากหลาย แล้วแต่รสนิยม ทัศนคติ และความเชื่อของแต่ละคน แต่ไม่วายก็ยังคงมีปัญหาเกิดขึ้นเป็นประจำกับกรณีระหว่างผู้เลือกทานพืชผัก กับผู้ที่ยังเลือกทานเนื้อสัตว์อยู่เสมอ… เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในเมืองโทรอนโต ประเทศแคนาดา เมื่อมีกลุ่มวีแกนคนกินผักได้ออกมาประท้วง ต่อต้านการทานเนื้อ และได้เดินทางมายังร้านสเต็ก Antler ของนาย Michael Hunter ผู้เป็นเจ้าของร้านพร้อมฉายา The Hunter Chef ทางกลุ่มวีแกนได้พยายามเข้าถึงนาย Michael พร้อมกับร้องขอให้เขาเพิ่มเมนูสเต็กสำหรับชาววีแกน เขียนไว้บนกระดานดำที่ตั้งไว้หน้าร้านบนทางเท้า แต่กลับถูกนาย Michael แสดงทีท่ายั่วยุตอบโต้ พร้อมกับป้ายที่เขียนว่า ‘กวางก็คือผักเคลชนิดใหม่’ Marni Ugar ตัวแทนผู้นำกลุ่มประท้วงได้ออกมากล่าวว่า “ที่ฉันเลือกร้าน Antler เพราะว่าลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงรู้สึกดีกับการรับประทานอาหารแบบนี้ ฉันเชื่อว่า ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ชนิดไหนถูกเลี้ยงมาอย่างไร นั่นเป็นชีวิตของพวกมัน และพวกมันไม่อยากตายหรอก… พวกเราถูกโจมตีจากการประท้วงกลุ่มกิจการที่มีทางเลือกให้กับชาววีแกนอันน้อยนิด เมื่อตอนที่นาย Michael เดินมาหน้ากระจกร้าน พร้อมคว้ามีดมาหั่นขากวาง เขาดูเหมือนคนคลั่งต่อหน้าพวกเรา ปลุกปั่นยั่วยุกลุ่มคนที่ทำเพื่อสวัสดิภาพของสัตว์” ทางด้าน Len Goldberg ผู้เก็บภาพของกลุ่มเคลื่อนไหวดังกล่าว…
-
ชาวมุสลิมร้องเรียนและเผาผ้าอ้อม เหตุตัวการ์ตูนแมวบนซอง คล้ายอักษรอารบิก ‘มุฮัมมัด’
เรื่องของความคล้ายคลึงเป็นเรื่องของมุมมองของแต่คน ที่จะมองว่าสิ่งๆ นั้นเป็นอย่างไร แต่ใครจะไปคิดว่าความคล้ายจะสามารถทำให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นได้ เหมือนกับเรื่องนี้ ที่ชาวมุสลิมได้ทำการเรียกร้องให้บริษัทผ้าอ้อมเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ เพราะว่าหนวดแมวบนซองมันดันไปคล้ายกับชื่อของศาสดาของพวกเขา โดยเรื่องราวนี้เกิดขึ้นในประเทศอินเดีย เมื่อมีชาวมุสลิมกลุ่มหนึ่งได้ออกมาเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตรผลิตภัณฑ์ผ้าอ้อมยี่ห้อ Pampers หลังจากพวกเขาพบว่ารูปแมวที่อยู่บนซองบรรจุภัณฑ์มันมีความคล้ายคลึงกับชื่อของ นบีมุฮัมมัด ศาสดาของศาสนาอิสลาม จุดที่เป็นปัญหาสำหรับเรื่องนี้เมื่อเทียบกับชื่อ”นบีมุฮัมมัด” ที่เขียนเป็นภาษาอารบิก สำหรับส่วนที่มีความคล้ายก็คือส่วนหนวด จมูก ปาก และตาซ้ายของตัวการ์ตูนแมว ที่มีความใกล้เคียงกับชื่อของศาสดา เมื่อนำไปเขียนเป็นภาษาอารบิกหรือภาษาอารดู ซึ่งกลุ่มผู้ประท้วงกลุ่มนี้ถือว่าภาพที่อยู่ข้างซองนี้มันเป็นเสมือนกับการดูถูกศาสนาของพวกเขา จึงได้มีการเผาผ้าอ้อมเกิดขึ้น ต่อมาในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็มีนักเคลื่อนไหวจากกลุ่มอิสลามชื่อว่า Darsgah Jihad-o-Shahadat ได้เข้ามายื่นเรื่องร้องเรียนนี้อย่างเป็นทางการให้กับตำรวจที่สถานีตำรวจ Dabeerpura ในนครไฮเดอราบาด จากการรายงานของสื่อ Deccan Chronicle มีการเผาผ้าอ้อมเกิดขึ้น ซึ่งเนื้อความในจดหมายที่ส่งถึงตำรวจนั้น พวกเขากล่าวว่าผลิตภัณฑ์ Pampers ของบริษัท US multinational Procter & Gamble ได้ทำการเหยียบย่ำความรู้สึกของชาวมุสลิม และก็มีการร้องขอให้บริษัทดังกล่าว ช่วยนำผลิตภัณฑ์นี้ออกจากชั้นวางของให้เร็วที่สุดด้วย ยื่นแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ “แม้แต่ตาเปล่าก็ยังสามารถดูออกเลยว่า นี่คือชื่อของศาสดานบีมุฮัมมัดที่ได้รับการตีพิมพ์เอาไว้ด้วยภาษาอารบิก ท่านเป็นบุคคลศักดิ์สิทธิ์ที่พวกเรานับถือมากที่สุด ซึ่งการดูหมิ่นเป็นเรื่องไม่สามารถยอมรับได้” เนื้อความในจดหมายเขียนเอาไว้ …
-
‘จะต้องมีเด็กอีกกี่คนต้องตาย?’ เหล่านักเรียนกว่าพันชีวิต ร่วมประท้วงเปลี่ยนกฎหมายปืน
หลังจากเกิดเหตุการณ์กราดยิงในโรงเรียน (School Shooting) ขึ้นในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 17 คน ทำให้เริ่มมีกระแสกดดันเรื่องการควบคุมอาวุธปืน ให้เข้มงวดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา และดูเหมือนกว่าตอนนี้กระแสนั้นจะยิ่งมีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีนักเรียนนับพันในหลายหัวเมืองคนตัดสินใจเดินออกจากห้องเรียนไปประท้วงเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น โดยการประท้วงในเรื่องนี้เกิดขึ้นในวันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการรวมตัวประท้วงครั้งใหญ่ในหลายรัฐของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่าง รัฐเท็กซัส รัฐแมริแลนด์ และรัฐเวอร์จิเนีย แต่จุดสำคัญใหญ่ๆ ก็คือ การที่นักเรียนกว่า 2,000 คนรวมทั้งผู้ปกครองและคุณครู ได้ร่วมจับมือกันและสวดมนต์ที่หน้าโรงเรียน Marjory Stoneman Douglas High โรงเรียนที่เกิดเหตุในรัฐฟลอริด้า พร้อมทั้งสวมเสื้อสีประจำโรงเรียนและกวัดแกว่งธงสัญลักษณ์ไปมาอีกด้วย และในเวลา 14.20 น. ซึ่งเป็นเวลาที่เกิดเหตุโศกนาฎกรรมขึ้นพวกเขาก็ได้ร่วมกันสวดภาวนาให้กับผู้ที่เสียชีวิต พร้อมกับมีการสื่อความหมายไปยังรัฐบาลว่า ‘มันจะไม่มีวันเกิดขึ้นอีก’ และ ‘เราจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไป’ ร่วมด้วย จากนั้นผู้คนนับพันรวมถึงผู้รอดชีวิตในเหตุการณ์นั้น ก็เดินทางไปรวมตัวกันที่ศาลากลางรัฐฟลอริด้า เพื่อเพิ่มความกดดันให้ฝ่ายนิติบัญญัติออกมาตรการควบคุมปืนที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งป้ายที่ใช้กดดันก็มีข้อความอย่าง ‘ไม่อีกแล้ว’ กับ ‘เป็นผู้ใหญ่หน่อย ทำอะไรสักอย่างสิ’ ที่เขียนขึ้นจากนักเรียนของโรงเรียนที่เกิดเหตุกราดยิง …
-
ภาพเก่าเล่าใหม่ ศิลปินทำภาพเก่าแก่อายุ 100 ปีให้กลับมามีสีสัน ย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ประท้วงเรียกร้องสิทธิสตรี
เนื่องจากวันอังคารที่ 6 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานั้น เป็นเครื่องย้ำเตือนให้นึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีตที่เกิดขึ้นในวันเดียวกันนี้แต่เป็นในปี 1918 ที่สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่ได้ยินยอมให้หญิงที่มีอายุเกิน 30 ปี มีสิทธิในการออกเสียงเลือกตั้ง Tom Marshall ช่างภาพคนหนึ่งที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์จึงต้องการแสดงให้เห็นถึงความพยายามและความยากลำบากของสตรีในการเรียกร้องสิทธิของตนท่ามกลางสังคมที่มีการแบ่งแยกเพศ Tom ได้นำภาพเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีเหล่านั้นมาเติมสีสันให้มีชีวิตชีวามากขึ้น เพื่อเตือนใจคนยุคปัจจุบันและทำให้สังคมปัจจุบันไม่มีการแบ่งแยกเพศหรือชนชั้นอีก Millicent Fawcett (1847-1929) – ผู้รณรงค์ด้วยสันติภาพ Millicent Fawcett เป็นผู้ที่รณรงค์ให้สตรีมีสิทธิเข้าถึงการศึกษา เธอก่อตั้งสมาคมสิทธิสตรี (NUWSS) ขึ้นมาเพื่อทำการรวบรวมกำลังสตรีให้ดำเนินการรณรงค์ด้วยวิธีสันติเช่น การเขียนจดหมาย แจกจ่ายใบปลิว และนิตยสาร ที่มีเนื้อหาเป็นการเรียกร้องสิทธิของสตรี แต่ก็มีสมาชิกของกลุ่มบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับวิธีที่อ่อนโยนของ Fawcett ในปี 1903 Emmeline Pankhurst จึงแยกตัวจากกลุ่ม NUWSS แล้วก่อตั้งสหพันกฎหมายและสังคมของสตรี (WSPU) โดยมีคติประจำกลุ่มก็คือ “สิ่งที่สำคัญคือการกระทำ ไม่ใช่คำพูด” Emmeline Pankhurst ถูกจับกุมขณะพยายามที่จะแสดงตนร้องทุกข์กับพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในเดือนพฤษภาคม ปี…
-
ร้าน H&M ในแอฟริกาใต้ถูกถล่มจนเละ หลังจากมีดราม่าเสื้อที่มีคำพูดเชิงเหยียดเชื้อชาติ
หลังจากที่มีข่าวว่า H&M แบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง นำรูปเด็กชายผิวสีสวมเสื้อฮู้ดที่มีสโลกแกน ‘Coolest Monkey in the Jungle’ (ลิงที่เจ๋งที่สุดในป่า) ซึ่งสื่อถึงการเหยียดสีผิว ขึ้นบนเว็บไซต์ ชาวเน็ตก็ได้ออกมาต่อต้านกันมากมาย แม้ว่าล่าสุดทาง H&M จะนำรูปเสื้อตัวนั้นออกจากเว็บไซต์ และมีคำขอโทษออกมาแล้ว แต่การประท้วงต่อการเหยียดคนผิวสีนั้นยังคงดำเนินต่อไป และมทวีความรุนแรงมากขึ้น รูปเด็กชายและเสื้อฮู้ดที่เคยอยู่ในเว็บไซต์ H&M ที่เป็นข่าวดังเรื่องเหยียดสีผิวในขณะนี้ ล่าสุด ผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งในประเทศแอฟริกาใต้ ได้บุกเข้าไปทำลายข้าวของในร้าน H&M ตามห้างสรรพสินค้ากว่า 6 แห่ง เนื่องจากไม่พอใจที่เสื้อตัวใหม่ของ H&M มีข้อความเหยียดสีผิวด้วย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 13 มกราคาคมที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่าการก่อเหตุรุนแรงขนาดใหญ่นี้ ได้มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีแล้ว โดยในคลิปวิดีโอหนึ่งที่บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้ได้ จะเห็นว่ามีชายคนหนึ่งเข้ามากระโดดเตะราวเสื้อผ้าล้มระนาว จากนั้นก็มีคนอื่นๆ เข้ามาร่วมสมทบอีกด้วย นอกจากร้านค้า H&M ที่ได้รับความเสียหายแล้ว ลูกค้าที่กำลังซื้อของในร้าน และคนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยเช่นกัน กลุ่มผู้ประท้วงยังคงทำลายข้าวของในร้านค้าโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้ว่าตำรวจจะเข้ามาห้ามปรามไว้แล้วก็ตาม ทำให้ท้ายที่สุด ตำรวจจำเป็นต้องใช้กระสุนยางยิงผู้ประท้วงเหล่านี้ และจับกุมตัวไว้ …
-
กลุ่มพันธมิตรปฏิวัติหนุ่มจืด ออกประท้วงการเดตกลางเมืองโตเกียว ในวันคริสต์มาสอีฟ
เป็นที่รู้กันว่าเทศกาลคริสต์มาสที่ผ่านมานั้น จะเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขโดยเฉพาะของเหล่าคนมีคู่ ที่มักจะชวนกันมาออกเดต เสพบรรยากาศอันสวยงามในสถานที่ต่างๆ เกิดเป็นความสุขอันล้นเหลือเกินจะบรรยาย แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะแฮปปี้กับเทศกาลดังกล่าว เพราะยังมีคนอีกไม่น้อยที่มักมักจะช้ำใจทุกครั้งที่เห็นเหล่าคนมีคู่พากันออกเดต ไม่เว้นแต่คริสต์มาสนะ วาเลนไทน์ ปีใหม่และวันอื่นๆ พวกเขาก็ยังรักษาสถานะหนุ่มจืดในทุกเทศกาล อย่างไรก็ตามเหล่าหนุ่มจืดจากกรุงโตเกียวก็ดูจะทนไม่ไหวอีกต่อไป โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พวกเขาได้ออกมาประท้วงเพื่อให้วันแห่งความสุขเหล่านี้ได้หายไป ซึ่งกลุ่มประท้วงนี้ได้ใชชื่อว่า ‘Revolutionary Alliance of Unpopular Men‘ หรือก็คือกลุ่มพันธมิตรของเหล่าคนที่ไม่ฮอตนั่นเอง การประท้วงของพวกเขานั้นเป็นไปอย่างเรียบง่าย โดยมีสมาชิกออกมาเดินประท้วงราวๆ 15 คน ซึ่งป้ายประท้วงของพวกเขานั้นเขียนไว้ว่า ‘คริสต์มาสจงหายไปซะ’ นอกจากนั้นสมาชิกกลุ่มก็จะตะโกนออกมาเรื่อยๆ ว่า “พวกเราต่อต้านวันคริสต์มาส พวกคนที่มีชีวิตมีสังคมการงานที่ดีจงระเบิดไปซะ จงสำนึกผิดซะ เจ้าพวกคู่รัก ผิดตรงไหนที่เป็นหนุ่มจืด” การประท้วงนี้มีระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 30 นาที โดยพวกเขาเดินทางไปรอบๆ กรุงโตเกียว และทำแบบนี้มาแล้วเป็นปีที่สอง ซึ่งคาดว่าปีหน้ากลุ่มคนเหล่านี้ก็น่าจะยังคงสถานะหนุ่มจืดและออกมาประท้วงนี้เช่นเคย แม้จะเป็นการประท้วง เจ้าหน้าที่ตำรวจของญี่ปุ่นก็ยังออกมาคอยเคลียร์ทางให้ ยอดจริงๆ . การประท้วงดังกล่าวอาจจะไม่ได้สร้างความเดือดร้อนมากนัก แต่มันก็แสดงให้เห็นถึงสังคมหนุ่มจืดของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้นๆ นั่นเอง… …
-
เกิดอะไรขึ้นในรัสเซีย เมื่อมีการประท้วง “ปูตินออกไป” จนนำไปสู่การจับกุม-ปะทะกัน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานเหตุการณ์ประท้วงที่เกิดขึ้นที่กรุงมอสโคว ประเทศรัสเซีย อันนำไปสู่การปะทะและการจับกุม… ตามรายงานระบุว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม Alexei Navalny นักเคลื่อนไหวต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น ที่ประกาศจะลงสมัครแข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซีย และนั่นนำมาสู่การปลุกประท้วงครั้งใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วรัสเซีย Alexei Navalny นาย Alexis Navalny ได้เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาประท้วงเพื่อเรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมืองใหม่ ตามหัวเมืองต่างๆ ทั่วประเทศกว่า 80 แห่ง และการประท้วงใหญ่จะเกิดขึ้นที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายปูตินเอง ทางกลุ่มผู้สนับสนุน Navalny มองว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งเป็นผู้นำมาเกือบ 20 ปี และถึงเวลาแล้วที่กลุ่มผู้สนับสนุนเองมีสิทธิที่จะเลือกผู้นำคนใหม่บ้าง… Polina Kostyleva หนึ่งในหัวขบวนผู้ชุมนุมได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การประท้วงครั้งนี้มาจากการที่ผู้สนับสนุนต้องการให้ Navalny ได้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดี” ในการชุมนุมประท้วงมีการชูป้ายเรียกร้องว่า “เราต้องการการเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม” และ “พวกเราจะไม่ไปไหนถ้าไม่มี Navalny” สาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้กลุ่มผู้สนับสนุนฝ่าย Navalny ออกมาเรียกร้อง ส่วนหนึ่งก็เพราะก่อนหน้านี้วลาดิเมียร์…
-
รวม 5 เรื่องราวการ “ประท้วงผู้พัฒนาเกม” ที่สุดท้ายผู้เล่นเป็นฝ่ายชนะ และได้รับการแก้ไขจริงๆ
บ่อยครั้งที่เรามักจะเห็นการประท้วงเรื่องต่างๆ บนโลกใบนี้ ซึ่งมันก็มักจะเกิดจากความเห็นที่ต่างไปของแต่ละกลุ่ม รวมถึงการประท้วงสินค้าที่ทางผู้บริโภคไม่เห็นด้วยกับนโยบายหรืออะไรก็ตามที่ผู้ผลิตเป็นคนทำ ในวงการเกมนั้นก็เช่นกัน เพราะไม่ใช่ว่าผู้พัฒนาเกมทุกคนจะดีเสมอไป หรือจะไม่มีการพัฒนาอะไรที่ถูกใจเสมอ มันจึงเกิดกระประท้วงจากผู้เล่นกันบ่อยมากๆ แน่นอนว่ามันก็ไม่สำเร็จทั้งหมดซะทีเดียว บ้างผู้พัฒนาก็ทำตามการประท้วงและความเห็นของแฟนๆ บ้างก็ไม่ทำโดยการเมินไปเลยก็มี ด้วยเหตุนี้เราก็เลยจะมาดูเหตุการณ์ประท้วงของเกมเมอร์ทั่วโลก เพื่อร้องขอการเปลี่ยนแปลงต่อผู้พัฒนาและมันสำเร็จกัน ส่วนสาเหตุว่าทำไมต้องเฉพาะเรื่องที่สำเร็จ คำตอบนั้นง่ายมากๆ เพราะการประท้วงที่สำเร็จใหญ่ๆ มันมีน้อยยังไงล่ะ OpenIV’s shutdown เหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญกำลังใจผู้เล่นเกม GTA V เมื่อทางผู้พัฒนาม็อดของเกม OpenIV ถูกทาง Take-Two ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายเกมออกมาบอกว่าให้เลิกทำม็อดให้กับเกมของเขาซะ แน่นอนว่าแฟนเกมก็ไม่พอใจกันยกใหญ่ ชาวเน็ตก็เลยออกมาประท้วงทาง Take Two ว่านายกำลังฆ่าเกมตัวเองนะโว้ย เกมมันสนุกเพราะม็อดเลยนะ จากนั้นรีวิวเกมก็ถูกโจมตีในแง่ลบกันยกใหญ่ พร้อมมีการล่าลายเซ็นแฟนๆ เพื่อนำ OpenIV กลับมาได้ถึง 80,000 ลายเซ็นเลยทีเดียว ซึ่งสุดท้ายมันก็ได้ผล OpenIV กลับมาอีกครั้งหนึ่ง เสียเงินซื้อม็อดบน Steam เมื่อปี 2015 ทาง Valve นั้นอยากจะชิมลางการหาเงินแบบใหม่ ก็เลยเปิดให้ม็อดในเกม Skyrim นั้นต้องจ่ายเงินจึงจะใช้ได้…
-
เนื้อตูอยู่ไหน!? หนุ่มประท้วงหนักด้วยกกน. พร้อมกับบ้องกัญชาน้อย หลังถูกตำรวจยึดของไป
ของๆ ใครของใครก็ห่วง แน่นอนละโดยเฉพาะถ้าเป็นสายเขียวด้วยแล้ว ไม่ต้องสืบก็รู้ว่าพวกเขาจะรักและหวงแหนอะไรมากที่สุด เช่นเดียวกับหนุ่มวัย 31 ปี Jeffrey Shaver จากรัฐออแทริโอ ผู้ชื่นชอบการพากันชี้ (พี้กัญชา) เป็นชีวิตจิตใจ ทว่าเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น.. เมื่อจู่ๆ วันหนึ่งเจ้าตัวก็ถูกตำรวจจับซะงั้น!? Jeffrey Shaver กับการประท้วงที่ไม่เหมือนใครในโลก เรื่องมันมีอยู่ว่าพ่อหนุ่มคนนี้ ได้ไปยื่นเรื่องทำบัตรผู้ใช้กัญชาอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ทว่าหลังจากนั้นได้แค่ 5 เดือน เจ้าตัวก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับ แต่ที่มากกว่าจับคือ… ทำไมต้องยึดบ้องและกัญชาไปด้วย!! “ผมทำบัตรผู้ใช้กัญชาถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง แล้ววันนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาค้นตัวผมและยึดเอากัญชาของผมไป ทั้งที่ผมก็พกบัตรติดตัวอยู่ตลอดเวลา และนั่นก็ทำให้ผมต้องไปนอนในคุกเป็นครั้งแรกของชีวิต ผมไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการได้บ้องและกัญชาของผมคืน” ซึ่งคราวนี้พ่อหนุ่มได้ออกไปทำการประท้วงด้วยตนเองที่หน้าโรงพยาบาล Cambridge Memorial Hospital ด้วยการถือบ้องกัญชาอันเล็ก พร้อมกับใส่กางเกงในสีเขียวเพียงแค่ตัวเดียว จากนั้นก็จุดไฟใส่บ้องทำการระเบิดหลุมแล้วก็ปล่อยความคิดให้กว้างออกไปกว่าเดิมอีกหลายขุม แต่ใช่ว่าพ่อหนุ่มจะประท้วงแค่วันเดียวเท่านั้น “ผมมีกางเกงในอยู่หลายสี วันแรกผมใส่ชมพูพาสเทล จากนั้นก็สีเหลือง แล้วก็สีเขียวแบบชิลๆ ซึ่งผมมีอีกหลายสีเลยที่ยังไม่ได้ใส่และมันก็ไม่ซ้ำแน่นอน” แม้ว่าพ่อหนุ่มจะพยายามประท้วงมาหลายครั้ง และไม่มีทีท่าว่าจะได้บ้องกับกัญชาคืนมา ถึงกระนั้นเรื่องราวของเขาก็กลายเป็นที่โด่งดังบนโลกออนไลน์ จนเรียกได้ว่ากลายเป็นเน็ตไอดอลของสายเขียวแห่งแคนาดาไปแล้วก็ว่าได้ ซึ่งหลังจากเรื่องราวนี้ถูกแชร์ต่อและเป็นที่พูดถึง ทางฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกมาชี้แจงผ่านสื่อดังนี้… “เราได้รับข้อติเตียนจากประชาชนถึงเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเราจะทำการติดต่อคุณ…
-
หนุ่มๆ ไม่ยอม เมื่อนร.หญิง ถูกไล่เพราะใส่เสื้อเปิดไหล่ นร.ชาย จึงออกมาประท้วงให้ซะเลย!!
เรียกได้ว่าปัญหาเรื่องการแต่งกายของนักเรียนหญิง จะเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ถกเถียงกันมาน๊านนาน และก็กลายมาเป็นกระแสดราม่ามาให้เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ ล่าสุดก็ได้เหตุการณ์ที่กลายเป็นความประทับใจไปทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2017 ซึ่งเป็นวันเปิดเรียนวันแรกของโรงเรียนมัธยมซาน เบนิโต แห่งเมืองฮอลลิสเตอร์ รัฐแคลิฟอร์เนียร์ และได้มีการสั่งให้นักเรียนหญิงกว่า 50 คนกลับบ้าน โทษฐานที่พวกเธอใส่เสื้อเปิดหัวไหล่ ทางโรงเรียนให้เหตุผลว่า… เซ็กซี่เกินไป และเพื่อเป็นการป้องกันอันตรายแก่พวกเธอด้วย แต่ในเรื่องร้ายๆ ก็ย่อมมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้น เมื่อเหล่านักเรียนชายในโรงเรียน ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดอะไรด้วยเลย รู้สึกว่าพวกเขาจะยอมให้โรงเรียนสั่งห้ามเรื่องการแต่งตัวไม่ได้เด็ดขาด งานนี้มันต้องประท้วง!! หลังจากนั้นหนุ่มๆ ในโรงเรียนต่างก็พากันใส่เสื้อเปิดไหล่ซะเลย หลังจากที่มีคนโพสต์ภาพกิจกรรมการประท้วงของนักเรียนลงบนโลกโซเชียล มันก็กลายเป็นกระแสฮือฮาไปทั่วโลก นักเรียนชาย Andryan Vladimirov ให้สัมภาษณ์ว่า “ถ้าโรงเรียนจะอ้างถึงความปลอดภัย มันควรเป็นเรื่องของมาตรการการป้องกันคนร้าย ไม่ใช่การมาเพ่งเล็งกลุ่มคนที่เป็นเหยื่อ ผู้หญิงไม่ใช่ตัวปัญหาของการข่มขืน แต่เป็นคนที่ทำผิดเองต่างหาก” ท่ามกลางกระแสการประท้วง เหล่านักเรียนต่างรู้สึกสนุกสนานกันยกใหญ่ นักเรียนหญิงคนหนึ่งก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า “ชุดเปิดไหล่มันไม่เคยไปทำร้ายร่างกายใคร และไม่เคยสร้างปัญหาให้ใคร ครูใหญ่บอกว่าที่ต้องห้ามก็เพื่อความปลอดภัยของพวกเราเอง แต่ขอพูดหน่อยเถอะนะว่า นี่เป็นการแก้ปัญหาที่ผิดจุด เรื่องของการล่วงละเมิดทางเพศมันเป็นปัญหาที่คุณไม่ควรมองว่าการแต่งกายของผู้หญิงเราเป็นสาเหตุ และดูเหมือนทางโรงเรียนจะโฟกัสผิดจุดไปหน่อยนะ”…
-
หญิงชราวัย 89 ปี ผู้รอดสงคราม ถือป้ายต่อต้าน ‘ลัทธินาซี’ จากความวุ่นวายใน Charlotteville
เรียกได้ว่าตอนนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Charlottesville เมื่อวันเสาร์ที่ 12 สิงหาคม 2017 ดูจะเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ถูกจับตามองไปทั่วโลก เพราะนี่เป็นการประท้วงครั้งใหญ่ในสหรัฐอเมริกาเลยก็ว่าได้… โดยในเหตุการณ์นี้มีทั้งกลุ่มของผู้มีความชิงชังด้านผิวสีชาติพันธุ์ กลุ่มชาตินิยมฝ่ายขวา ร่วมกับกลุ่มลัทธินิยมนาซี รวมตัวกันเป็นเป็นกลุ่มใหญ่ “Unite the Right” เข้าปะทะกับฝ่ายต่อต้าน ในประเด็นของการขับไล่ผู้คนที่มีความคิดต่างและไม่ใช่ชนชาติอเมริกัน ในเหตุการณ์ชุมนุม มีการขับรถชนผู้ชุมนุมจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บอีก 19 ราย แม้ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเรียกร้องให้ ‘ทุกฝ่าย’ หยุดสร้างความเกลียดชังใส่กัน ทว่าคำพูดของเขาก็ยังเป็นประเด็นอยู่ ในเมื่อไม่มีการกล่าวโทษฝ่าย White Supremacist (กลุ่มลัทธินิยมคนขาว) ซึ่งเป็นฝ่ายเริ่มเรื่องอย่างจริงจัง และการก่อจลาจลก็ยังคงดำเนินต่อไป ทว่าท่ามกลางเหตุการณ์ชุมนุมที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทีมข่าวของ CNN (Seth Lemon) ก็สามารถจับภาพของหญิงชราวัย 89 ปี ที่ออกมาต่อต้านการชุมนุมแห่งความเกลียดชังในครั้งนี้ด้วยป้ายที่เขียนระบุไว้ว่า “ครั้งหนึ่งฉันเคยหนีออกจากค่ายกักกันนาซีมาแล้ว และพวกคุณก็ไม่มีวันที่ทำแบบนั้นได้อีก” เมื่อทีมข่าว CNN เข้าไปขอสัมภาษณ์…
-
ชาวอินเดียประท้วง เด็กกว่า 60 เสียชีวิตใน 5 วัน ตำรวจคาดอ็อกซิเจนหมดเพราะไม่จ่ายบิล!?
เมื่อโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอินเดีย ทำเด็กเสียชีวิตกว่า 64 ราย จนนำไปสู่การประท้วงในท้องถิ่น โดยภายหลังการสอบสวนนั้นคาดว่าเกิดขึ้นเพราะไม่มีออกซิเจนจ่ายให้กับคนไข้ เนื่องจากไม่ยอมจ่ายเงินที่ค้างชำระให้แก่บริษัทอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ทางรัฐบาลของประเทศอินเดียได้สั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐอุตตรประเทศ เข้าตรวจสอบ และเฝ้าจับตาสถานการณ์ของทางโรงพยาบาล Baba Raghav Das Medical College Hospital อย่างต่อเนื่อง เหตุเกิดขึ้นภายหลังจากที่โรงพยาบาลดังกล่าว ได้ทำคนไข้เด็กกว่า 64 ราย (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กแรกเกิด) เสียชีวิตพร้อมๆ กันในช่วงเวลา 5 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้หลังจากการสืบสวนเบื้องต้นทางโรงพยาบาลได้ถูกตั้งข้อกล่าวหาเอาไว้ว่า สาเหตุที่ทำเด็กต้องจบชีวิตอย่างน่าสลด อาจเป็นเพราะระบบส่งออกซิเจนของโรงพยาบาลถูกตัดขาด เพราะไม่ยอมจ่ายค่าค้างชำระให้กับบริษัทผู้จัดจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีการเผยภาพเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจของผู้เป็นพ่อแม่เด็ก ที่กำลังพากันร้องไห้หลังจากที่ลูกของตนเสียชีวิต ขณะเดียวกันก็ได้มีพ่อแม่อีกหลายๆ คนได้ออกมาประท้วงโรงพยาบาลแห่งนี้ เพื่อเรียกร้องหาความยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลก็ได้ออกมายอมรับว่า ระบบส่งออกซิเจนเกิดเหตุขัดข้องจริง แต่ทั้งนี้มันไม่ใช่สาเหตุทั้งหมดที่ทำให้เด็กเสียชีวิต เพราะส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเด็กป่วยเป็นโรคไวรัสสมองอักเสบ รวมถึงความผิดพลาดในการทำคลอดอีกบางเคสด้วย…
-
ชาวเมืองบาร์เซโลนานับร้อย รวมตัวประท้วงที่ชายหาด เพื่อต่อต้านนักท่องเที่ยวล้นเมือง…
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์ Metro มีรายงานว่า ผู้คนนับร้อยที่อาศัยอยู่ในบาร์เซโลนา ได้ออกมารวมตัวกันอยู่ที่ชายหาดของเมือง เพื่อประท้วงการไหลบ่าของนักท่องเที่ยวที่ขาดการควบคุม โดยพวกเขาได้ออกมาอ้างว่า การไหลบ่าของนักท่องเที่ยวส่งผลให้ราคาค่าที่พักอาศัยของพวกเขาพุ่งสูงขึ้น อีกทั้ง ยังมีการบังคับให้ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองมาเป็นเวลานาน ต้องย้ายออกไปจากย่านใจกลางเมือง นอกจากนี้ ผู้ประท้วงหลายคนยังได้ออกมาเผยอีกว่า พวกเขามักจะเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติทะเลาะวิวาทกันอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย จากการรายงานระบุว่า ผู้ประท้วงหลายคนที่อาศัยอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา ได้พร้อมใจกันสวมเสื้อยืดสีเหลือง และได้นำป้ายประท้วงขนาดใหญ่มาตั้งไว้กลางหาด โดยระบุว่า “เราไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ในเมืองของเรา นี่ไม่ใช่บีชรีสอร์ท” อย่างไรก็ตาม การประท้วงของชาวเมืองบาร์เซโลนามีขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่บาร์เซโลนาขึ้นสู่จุดสูงสุดในเดือนนี้ โดยชายหาดหลายๆ แห่งของเมืองถูกยึดโดยนักท่องเที่ยว ขณะที่ทางด้านเจ้าหน้าที่ของบาร์เซโลนา ก็ได้พยายามตอบสนองต่อการไหลบ่าเข้าเมืองของนักท่องเที่ยว โดยการพยายามจำกัดการเจริญเติบโตของอพาร์ตเมนต์ ที่ให้นักท่องเที่ยวจองเข้าพักผ่านทางแอพพลิเคชั่น ความตึงเครียดเกี่ยวกับผลกระทบของการท่องเที่ยวต่อคุณภาพชีวิตของชาวเมืองบาร์เซโลนา ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อการท่องเที่ยวในบาร์เซโลนา รวมถึงเมืองอื่นๆ ในประเทศสเปน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มหัวรุนแรงได้แอบดักทุบ และทำลายรถทัวร์ที่กำลังบรรทุกนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แม้กระทั่งทำลายรถจักรยานยนตร์ที่ชาวต่างชาติได้เข้ามาขับขี่ รวมทั้งพ่นสเปรย์ข้อความไล่นักท่องเที่ยวให้กลับประเทศอีกด้วย ทางด้าน Mariano Rajoy นายกรัฐมนตรีสเปน ก็ได้ออกมากล่าวถึงกลุ่มหัวรุนแรงว่า การประท้วงต่อต้านการท่องเที่ยวซึ่งคิดเป็นร้อยละ 11%…
-
หนุ่มฉุนธนาคารบริการแย่ จ้างสาวโคโยตี้มาเต้นให้ดูว่า “การบริการ” แท้จริงมันต้องทำไง!!
ในฐานะที่เป็นลูกค้า เวลาไปใช้บริการของธนาคารต่างๆ บางทีก็อาจจะมีไม่ถูกใจบ้าง ก็ปล่อยผ่านมันไป แต่ถ้าเจอกรณีหนักๆ หน่อย ก็สามารถแจ้งหรือร้องเรียนกับทางสาขาใหญ่ของธนาคารก็ได้ แต่สำหรับลูกค้าธนาคารรายนี้กลับใช้วิธีการแปลกๆ ด้วยการจ้างสาวระบำเปลื้องผ้ามาเต้นในธนาคาร เพื่อเป็นการประท้วงที่พวกเขาให้บริการแย่จนทนไม่ไหวแล้ว!! เหตุการณ์เกิดขึ้นที่สาขาหนึ่งของธนาคาร Sberbank ในกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อลูกค้าผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในธนาคารพร้อมหญิงสาวสองคนที่แต่งตัวปกติในตอนแรก จากนั้นลูกค้าคนดังกล่าวก็พูดกับพนักงานว่า “คุณบริการลูกค้าแบบนี้หรอ มันแย่มาก นี่ผมจะสอนให้รู้ว่าควรปฏิบัติกับลูกค้ายังไง” จากนั้นเขาก็เปิดเพลงที่เตรียมเอาไว้ แล้วผู้หญิงที่มาด้วยสองคนนั้นก็เริ่มเต้นและค่อยๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ จนเหลือแค่ชุดชั้นใน แค่นั้นยังไม่พอ สองสาวยังถอดยกทรงออกด้วยแล้วก็ขึ้นไปเต้นบนโต๊ะของธนาคารที่มีพนักงานนั่งอยู่ ในขณะเดียวกันผู้ชายคนเดิมก็พูดขึ้นอีกว่า “พวกคุณทำให้ผมหัวเสียเพราะบริการแย่ๆ ทีนี้รู้หรือยังว่าควรปฏิบัติกับลูกค้ายังไง ผมหวังว่าคุณจะจำเหตุการณ์นี้เอาไว้นะ” ต่อมาทางธนาคาร Sberbank ออกมายืนยันว่าธนาคารในคลิปเป็นหนึ่งในสาขาย่อยของพวกเขาจริง โดย Oleg Vlasov โฆษกของสาขาดังกล่าวบอกว่า “จริงๆ ปัญหาของผู้ชายคนนี้ได้รับการแก้ไขก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นี้แล้ว” ดังนั้นพวกเขาจึงได้แจ้งความชายคนนี้ ฐานทำลายชื่อเสียงของธนาคาร แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีรายงานว่าชายคนนั้นมีความผิดอะไร หรือได้รับโทษอย่างไรบ้าง แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดยังไงกันบ้าง? ที่มา mirror
-
อุทาหรณ์ “อ่านข่าวปลอมในเน็ต” นำไปสู่การปลุกระดมเพื่อประท้วง จนมีคนบาดเจ็บจริงๆ!!
เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงบางอย่างขึ้นที่รัฐเพนซิลเวเนีย ทว่าการประท้วงครั้งนี้กลับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้ชาวเน็ตทั่วโลกได้จดจำกันเอาไว้ โดยสำนักข่าวท้องถิ่นจากรัฐเพนซิลเวเนีย ได้รายงานว่าเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม ได้มีกลุ่มคนออกมารวมตัวประท้วงกันที่ Gettysburg National Military Park หลังมีการประกาศบนเฟซบุ๊กว่าจะมีกลุ่มคนมารวมตัวเพื่อเผาทำลายธงสมาพันธรัฐอเมริกา เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากเพจที่มีผู้ติดตามเพียงร้อยกว่าคน ได้เผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า ‘Antifa’ ในเนื้อหามีการระบุว่ากลุ่ม ‘Antifa’ เป็นกลุ่มแอคทิวิสต์ผู้ต่อต้านระบบลัทธิฟาสซิสต์ นอกจากนั้นยังมีการเชื้อเชิญกลุ่มผู้ที่ต้องการประท้วงโดนัลด์ ทรัมป์ ให้ออกมารวมตัวกันที่ Gettysburg National Battlefield พร้อมทั้งนำธงสมาพันธรัฐของสหรัฐมาเผาทำลายด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ได้มีเพจที่ชื่อว่า Harrisburg Antifa ซึ่งมีผู้ติดตามเพียงหลักร้อย ได้ออกมาโพสต์ข้อความแนวปลุกระดม ดูเหมือนว่าวิธีนี้จะได้ผล เพราะไม่กี่วันต่อมาได้มียูทูปเบอร์ TheDelawarePatriot ได้ออกมาเชื้อเชิญผู้ติดตาม ให้ออกมารวมตัวต่อต้านการกระทำของกลุ่ม ANTIFA ในวันนัดหมาย จนต่อมาวันที่ 21 มิถุนายน ได้มีชาวเน็ตไม่ระบุตัวตนออกมาโพสต์ข้อความในกลุ่มเว็บบอร์ดการเมืองท้องถิ่น ด้วยข้อความยุโยงปลุกปลั่นให้เกิดความรุนแรง ข่าวลือดังกล่าวกลายเป็นเรื่องใหญ่โตมากยิ่งขึ้น เมื่อ Jack Posobiec นักเขียนการเมืองคนหนึ่ง ได้นำข้อความดังกล่าวมารีทวีต ถึงแม้ว่าภายหลังเจ้าตัวจะพยายามแชร์ข่าวนี้ พร้อมทั้งประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่ามันเป็นข่าวปลอม…
-
ชัยชนะของนร.ชาย ได้รับอนุญาตใส่ขาสั้นได้แล้ว หลังประท้วงใส่กระโปรงมาโรงเรียน!!
เมื่อเดือนที่แล้วเราได้นำเสนอเรื่องของนักเรียนชายที่ใส่กระโปรงไปโรงเรียนเพื่อประท้วงอากาศที่ร้อนจัด แต่ทางโรงเรียนกลับไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้นแทนกางเกางขายาวได้ ล่าสุดการประท้วงของพวกเขาได้ประสบความสบความสำเร็จ โดยนักเรียนชายได้รับสิทธิ์ในการใส่กางเกงขาสั้นไปโรงเรียนแล้ว หลังที่กลุ่มนักเรียนชายจาก ISCA Academy ได้ออกมาประท้วงด้วยการใส่กระโปรง จากเพียงแค่ไม่กี่คนก็กลายมาเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้น จนทำให้อาจารย์ใหญ่อย่าง Aimee Mitchell ทนแรงกดดันไม่ไหว จึงได้ออกมาประกาศว่า จะให้กางเกงขาสั้นสีเทาเป็นหนึ่งในเครื่องแบบของนักเรียนชายอย่างเป็นทางการในปีหน้า ทางโรงเรียนระบุว่า “เนื่องจากอากาศในฤดูร้อนเริ่มมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น เราจึงกำหนดให้กางเกงขาสั้นเป็นเครื่องแบบนักเรียนตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป แต่ยังไม่สามารถบังคับใช้ได้ทันที เพราะต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ปกครองด้วย” นอกจากนี้โรงเรียนระบุว่าเด็กนักเรียนชายประมาณ 30 คนที่รวมตัวกันใส่กระโปรงมาโรงเรียนที่ผ่านมานั้นจะไม่ถูกลงโทษแต่อย่างใด Claire Reeves หนึ่งในผู้ปกครองของเด็กนักเรียนบอกว่า “ภูมิใจที่เด็ก ๆ ออกมาประท้วงเรียกร้องสิทธิของตัว เพราะผู้คนมักจะพูดเรื่องสิทธิที่เท่าเทียมกันระหว่างหญิงและชาย ดังนั้นเรื่องเครื่องแบบก็ควรจะมีความเทียมกันเช่นกัน” ส่วนการใส่กระโปรงไปเรียนของนักเรียนชายบางส่วนนั้น พวกเขาก็ได้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน อย่าง Josh Baxter บอกว่า “หลังจากที่ผมใส่กระโปรงไปเรียน คุณครูก็สั่งให้ถอดออกเพราะผมมีขนขาครับ” ในขณะที่อีกคนออกมาบอกว่า “ตอนใส่กระโปรงไปเรียนมันรู้สึกดีมากเลยครับ เพราะมีลมพัดมาทำให้รู้สึกเย็นสบาย” อย่างไรก็ตาม แม้ทางโรงเรียนจะให้สิทธิ์นักเรียนชายใส่กางเกงขาสั้นในปีหน้า แต่มีผู้ปกครองบางคนไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะต้องเสียเงินซื้อกางเกงขาสั้นให้ลูกอีก ก็อากาศมันร้อนอ่ะ ‘จารย์ ที่มา dailymail
-
ผอ.สนับสนุน กลุ่มนักเรียนสาวรวมตัวประท้วงอย่างสันติ หลังถูกตำหนิเพราะใส่ขาสั้น!?
เรียกได้ว่ากำลังเป็นประเด็นบนโลกโซเชียลที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกตะวันตก เรื่องราวของนักเรียนสาว Sophie Harris วัย 14 ปี หลังจากถูกติติงเรื่องใส่ขาสั้นมาโรงเรียน โดยเมื่อวันอังคารที่ 30 พฤษภาคม 2017 เธอได้ใส่กางเกงขาสั้นและเสื้อกล้ามไปโรงเรียน Trafalgar Middle School ทว่าเธอกลับถูกคุณครูชายในโรงเรียนว่ากล่าวตักเตือน โดยให้เหตุผลว่า “การใส่เสื้อกล้าม และกางเกงขาสั้น อาจก่อให้เกิดการยั่วยุทางสายตากับนักเรียนชายได้” ประเด็นดังกล่าวสร้างความรู้สึกไม่สบายใจให้แก่กลุ่มนักเรียนหญิงในโรงเรียนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก และนำมาสู่ประเด็นคำถามที่ว่า “ถ้าการแต่งตัวของผู้หญิงมันทำให้นักเรียนชายเกิดอารมณ์ได้ มันก็ต้องเป็นปัญหาของตัวผู้ชายเองสิ” แน่นอนว่านักเรียนหญิงทุกคนในโรงเรียนแทบจะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่ไม่ให้พวกเธอใส่ขาสั้นมาโรงเรียน จนนำมาซึ่งการประท้วงอย่างสันติวิธี ด้วยการรวมตัวกันใส่กางเกงขาสั้น และเสื้อยืด หรือเสื้อกล้าม ตามแต่วิถีแฟชั่นของสาวๆ แต่ละคน “พวกเขาอ้างว่าการแต่งตัวแบบที่หนูแต่ง มันผิดกฎของโรงเรียน พวกเราเลยตั้งใจที่จะรวมกลุ่มกันประท้วงแต่ไม่ใช่เพราะอยากจะเอาชนะหรอกนะ แต่เราอยากจะเรียกร้องความเสมอภาค และความเท่าเทียมกัน” Sophie ให้สัมภาษณ์ ชุดที่เธอใส่ไปโรงเรียนในวันนั้น… Sabine Edney หนึ่งในนักเรียนสาวผู้เข้าร่วมการประท้วงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อ CBC ว่า “เรายอมรับว่าทุกสังคมต้องมีกฎ เพื่อการบริหาร และการจัดการ แต่ว่ากฎนั้นมันควรจะเป็นกฎที่ตั้งอยู่บนความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม” ไม่ใช่แค่กลุ่มนักเรียนสาวในโรงเรียนเท่านั้น ที่เห็นด้วยกับการออกมาประท้วงอย่างสันติวิธี…
-
เหล่าบัณฑิตแห่เดินออกจากพิธีจบฯ หลังรู้ว่าผู้กล่าวสุนทรพจน์ เป็นพวกต่อต้านรักร่วมเพศ!!
ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2017 กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้คนมากมาย ในงานพิธีจบการศึกษาของมหาวิทยาลัยนอเตอร์เดม รัฐอินดีแอนา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเหล่าบัณฑิตต่างพากันเดินออกจากงานหลังจากประกาศชื่อคนที่มากล่าวสุนทรพจน์!!? ส่วนผู้ที่มากล่าวสุนทรพจน์ในงานนั่นก็คือ Mike Pence ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐอินดีแอนา และดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนี้ แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่เห็นด้วยกันกฎหมายต่อต้านรักร่วมเพศในอเมริกา จึงเป็นสาเหตุให้เหล่าผู้ปกครองและบัณฑิตจำนวนมากเกิดความไม่พอใจ . ถึงแม้คนจำนวนมากจะเดินออกจากงาน แต่ตัว Mike เองก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขายังคงกล่าวสุนทรพจน์ต่อไป แต่ด้วยจำนวนคนที่เดินออกจากงานเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นกระแสสังคมพอสมควรเลยทีเดียว นอกจากนั้นการเดินออกจากงานระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด ทว่าทุกอย่างได้ถูกเตรียมการไว้อยู่แล้วก่อนที่งานจะเริ่ม เพราะหลังจากที่กลุ่มคนรักร่วมเพศและคนที่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้รู้ถึงการมาของ Mike Pence พวกเขาก็ได้คิดแผนประท้วงดังกล่าวขึ้นมาทันที Luis Miranda หนึ่งในผู้ร่วมจัดประท้วงครั้งนี้ได้บอกกับสำนักข่าว CNN ว่า เขาและกลุ่มนักศึกษาอีกมากมาย เชื่อว่ากฎหมายที่ Mike ตั้งขึ้นมาเพื่อโจมตีกลุ่มคนในสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ และเป็นการพยายามทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญในสังคมอีกต่อไป ซึ่งกลุ่มคนที่ว่าก็จะเป็นคนที่แตกต่างในด้านรสนิยมทางเพศ ศาสนา และชาติพันธุ์ ทางด้านครอบครัวของ Luis ก็ออกมาสนับสนุนในสิ่งที่ลูกชายตัดสินใจทำลงไป เพราะเขาบอกว่าครอบครัวของพวกเขาเดิมทีเป็นกลุ่มผู้อพยพ และตอนนี้ก็กำลังถูกโจมตีโดยแคมเปญที่ทาง Donald Trump และ…
-
ชาวแคลิฟอร์เนียรวมตัวผลักดันกฎหมาย ให้ Apple ออกฟีเจอร์ ‘ห้ามแชท ระหว่างขับรถ’
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆว่าเทคโนโลยี สมาร์ทโฟน ได้เข้ามามีบทบาทต่อพวกเราทุกคนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าเราจะไปสถานที่ใด หรือหันไปทางไหน เราก็มักจะได้เห็นภาพของคนกำลังก้มเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างจริงจังอยู่เสมอ จะว่าไปแล้วการที่ใครซักคนเล่นโทรศัพท์มือถือ มันไม่ใช่เรื่องผิดแปลกอะไรหรอก หากแต่ว่าบางคนอาจจะติดมือถือมากเกินไปหน่อย จนเผลอเล่นตอนขับรถ ซึ่งอาจส่งผลทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ชาวเมืองแคลิฟอร์เนีย หลายคนออกมารวมตัวช่วยกันผลักดันกฏหมาย ให้บริษัท ‘Apple‘ ใส่ฟีเจอร์ ‘ห้ามแชท ระหว่างขับรถ’ ลงไป ข้อมูลจาก ‘MLG Automotive Law’ ได้ระบุว่า บริษัท ‘Apple‘ คิดค้นระบบฟีเจอร์ดังกล่าวได้ตั้งแต่ปี 2008 แล้ว แต่เหตุผลที่ทางผู้ผลิตไม่ใส่ระบบนี้เข้ามา อาจจะเป็นเพราะเหตุผลทางการค้า หรือเป็นการสร้างลักษณะนิสัยต่อกลุ่มผู้บริโภค นอกจากนั้นแล้วยังมีข้อมูลจาก ‘DOT’ และกรมทางหลวงของสหรัฐฯ ได้ชี้แจงเช่นเดียวกันว่า ปัจจุบันมีผู้คนที่ขับรถไปด้วยและเล่นมือถือไปด้วย มากถึง 1.5 ล้านคนต่อวัน ซึ่งอัตราเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ จะสูงกว่าเดิมมากถึง 6 เท่า โดยสถิติจากรัฐแคลิฟอร์เนียพบว่า ในช่วงปีที่ผ่านมามีผู้ประสบอุบัติเหตุจากการใช้มือถือระหว่างขับรถสูงถึง 52,000 คัน และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 312 คน งานนี้กลุ่มผู้เรียกร้องได้ออกมารวมตัวกัน…
-
หญิงตุรกีแห่ประท้วง หลังรัฐบาลเตรียมออกกฎหมาย ‘ข่มขืนแล้วแต่งงาน’ ถือว่าไม่มีความผิด?!?!
เรามักจะได้รับทราบข่าวเกี่ยวกับคดีข่มขืนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศไทยของเราเองที่ปัญหานี้มีให้เห็นวนเวียนอยู่ตลอดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง ทีนี้จะขอพาข้ามไปรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับการเรื่องกฎหมายการข่มขืน ในประเทศอย่างตุรกีกันบ้าง… กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตในประเทศตุรกี หลังจากมีความพยายามเสนอร่างกฎหมายใหม่ ที่เหล่าผู้ที่กระทำผิดล่วงละเมิดทางเพศ (รวมทั้งข่มขืน) อาจพ้นผิดได้ หากผู้กระทำยอมแต่งงานกับเหยื่อ จนมีผู้ออกมาประท้วงจำนวนมากในกรุงอังการา ประเทศตุรกี กฎหมายดังกล่าวมีใจความที่สรุปคร่าวๆ ว่า หากผู้ชายกระทำการล่วงละเมิดทางเพศเล็กๆ น้อยๆ หรือ ไม่ได้มีการ “ขู่เข็ญ” หรือ “บังคับ” หรือแม้กระทั่งได้มีการกระทำแล้ว แล้วรับผิดชอบด้วยการแต่งงานกับเหยื่อ ก็จะถือว่าไม่มีความผิด แน่นอนว่าเมื่อมีการระบุแบบนี้ในกฎหมายทีเตรียมออกมา ย่อมมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับเนื้อหาค่อนข้างมาก และเกิดการประท้วงขึ้นมา หลังจากมีการประท้วง ทางรัฐบาลได้เลื่อนการพิจารณาออกกฎหมายออกไปก่อน และจะมีการพิจารณาในสภาอีกครั้งในวันข้างหน้า ทางกลุ่มผู้ต่อต้านได้ออกมากล่าวว่า “การล่วงละเมิดทางเพศถือว่าเป็นอาชญากรรม และมันไม่ควรถูกยอมรับ นั่นเป็นสิ่งที่พรรค AK (พรรคที่เป็นรัฐบาลขณะนี้) ไม่เข้าใจ การยอมรับการล่วงละเมิดทางเพศเป็นสิ่งที่ใครที่ไหนเขาก็ไม่ยอมรับกันหรอก” ขณะเดียวกัน Binali Yildirim นายกรัฐมนตรีของตุรกี ที่สนับสนุนกฎหมายใหม่ดังกล่าว ได้ออกมาให้เหตุผลว่า เจตนาของกฎหมาย ก็เพื่อมาแก้ปัญหาต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงข้อดีหากมันออกมา ตัวอย่างเช่น…
-
คุ้นๆไหม!? ชาวจีนแห่ประท้วงศาลโลก กรณีทะเลจีนใต้ ทำลาย iPhone – ปิดล้อม KFC
ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองโลกในช่วงนี้ คงจะได้ยินข่าวกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนกับฟิลิปปินส์ เมื่อจีนอ้างกรรมสิทธิ์บนทะเลจีนใต้ ด้วยการ “สร้างเกาะ” ขึ้นมา ขณะที่ฟิลิปปินส์ก็ไม่พอใจที่จีนอ้างอย่างนั้น จึงได้นำเรื่องขึ้นฟ้องศาลโลก ซึ่งล่าสุด ศาลโลกได้ตัดสินให้ฟิลิปปินส์เป็นฝ่ายชนะ ทำให้จีนไม่มีกรรมสิทธิ์ใดๆ นอกเหนืออาณาเขตทางทะเลของตนอง (แผนที่แสดงความขัดแย้งของทั้งสองประเทศ พิจารณากันเองละกันว่าใครผิดใครถูก ขอบคุณภาพจาก BBC) หลังจากคำตัดสินประกาศออกมา ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนจำนวนมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะในส่วนของประชาชนเท่านั้น เพราะมันลามไปถึงภาคเอกชนด้วย จนบริษัท Bina Technology ในมฑลซีเจียงได้ออกมาสั่งให้พนักงานทุกคน ทำลายโทรศัพท์ iPhone ในมือทิ้ง เพื่อประท้วงคำตัดสินดังกล่าว โดยทางบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยให้ราว 2,500 หยวน หรือราว 13,000 บาท นอกจากนี้ ทางบริษัทยังขู่ว่า หากพนักงานคนใดซื้อ iPhone 7 ที่กำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้มาใช้ ก็อาจถูกไล่ออกจากบริษัทได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชาวจีนอีกจำนวนมาก ได้ออกมาปิดล้อมร้านอาหารฟาสฟู๊ดชื่อดัง KFC เพื่อเป็นการประท้วงคำตัดสินของศาลโลกในครั้งนี้ รวมไปถึงการแบนไม่ซื้อมะม่วงที่นำเข้าจากประเทศฟิลิปปินส์อีกด้วย . ล่าสุดสำนักข่าว People’s Daily และสำนักข่าวอื่นๆ…
-
สภาพโรงพักภูเก็ตหลังเกิดจลาจลเผารถหน้าโรงพัก ไม่พอใจตำรวจกรณีชนวัยรุ่นเสียชีวิต 2 ราย
เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์ปิดล้อมสถานีตำรวจถลาง จ.ภูเก็ต เนื่องจากชาวบ้านและญาติของวัยรุ่น 2 รายที่เสียชีวิตจากกรณีรถยนต์ตำรวจขับไล่ติดตามและเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์โดยอ้างว่าเป็นผู้ต้องสงสัยมียาเสพติด และต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงเนื่องจากเป็นกระทำที่เกินกว่าเหตุ ทางด้านนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผวจ.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.พินิจ ศิริชัย รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาประชุมสรุปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสัญญาว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตไม่พอใจต้องการให้เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ขับรถยนต์ออกมาแสดงตัว แต่เหตุการณ์กลับปานปลายไปมากกว่าเดิม เวลาประมาณ 22.30 น. เมื่อเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวไม่ยอมปฏิบัติตาม เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิต เพราะมีชาวบ้านเป็นจำนวนมากกว่า 1,000 คน รอคอยอยู่รวมตัวกันปิดล้อมสถานีตำรวจและปิดถนนหน้าโรงพัก รวมไปถึงการตะโกนยุยงให้เกิดความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลา 23.00 น. ได้มีการก่อเหตุจลาจลเผาและทำลายรถยนต์หน้าโรงพักถลาง จ.ภูเก็ต รวมไปถึงการขีดเขียนและพ่นสีหน้าป้ายโรงพัก มีการจุดประทัดและขว้างก้อนหินเข้าไปภายในโรงพักด้วย เผารถแล้ว 3 คันหน้า สภ. ถลาง ภูเก็ต ชาวบ้านยังปักหลัก…
-
สายโหดมาเอง!! ผู้ปกครองเอือมถนนหน้าโรงเรียนไม่มีทางม้าลาย เลยลงมือพ่นเองแบบ DIY
การข้ามถนนบนทางม้าลายหรือสะพานลอย เป็นสิ่งที่เราทุกคนถูกพร่ำสอนและปลูกฝังกันมาตั้งแต่เด็กเพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุบนท้องถนนและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริเวณชุมชนหรือพื้นที่มีคนพลุกพล่าน เช่น โรงเรียน ทางม้าลายถือว่ามีความสำคัญต่อความปลอดภัยของเด็กๆ จึงถือไม่แปลกที่ถนนใกล้โรงเรียนจะมีทางม้าลายไว้บริการ แต่ความแปลกของทางม้าลายหน้าโรงเรียนมันได้เกิดขึ้นแล้วกับเคสนี้น่ะสิฮะพี่น้อง!! ถ้าสังเกตภาพดูดีๆ เราจะเห็นทางม้าลาย DIY จากฝีมือผู้ปกครองนักเรียนในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ลงมือพ่นเองเป็นตัวอักษรว่า ‘ม้าลาย’ ซึ่งมูลเหตุก็มาจากการประท้วงเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี ที่ปรับปรุงผิวจราจรมาประมาณ 3 เดือนแล้ว แต่ไม่มีการตีเส้นทางม้าลาย ทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนไม่มีจุดสังเกตและขับรถด้วยความเร็ว แถมยังมีรถสัญจรหนาแน่นทั้งช่วงเช้าและบ่าย ซึ่งตรงกับเวลาที่ลูกหลานของผู้ปกครองและชาวบ้านแถวนั้นต้องเข้า-ออกบริเวณโรงเรียน ทำให้ข้ามถนนลำบาก โดยก่อนการประท้วงนี้จะเกิดขึ้น ทางผู้ปกครองและชาวบ้านก็ได้มีการแจ้งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทราบแล้ว แต่ไม่มีการแก้ไขใดๆ จึงได้ออกมา DIY พ่นถนนตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 แบบนี้ล่ะจ้ะ มาฟังความอีกข้างจากนายบรรลือศักดิ์ วุฒิ ผู้อำนวยการสำนักการช่าง เทศบาลนครสุราษฎร์ธานีกันบ้าง ใจความว่าทางการได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคมแล้ว แต่มีปัญหากับผู้รับเหมา เรื่องสีที่ไม่ได้มาตรฐาน กรรมการจึงไม่ตรวจรับและเรื่องอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้ไม่ได้ตีเส้นจราจร แต่เรื่องนี้ก็จบลงด้วยดีเพราะทางการได้รีบประสานงานกับสำนักงานทางหลวงชนบทขอยืมสีและเครื่องจักรมาตีเส้นทางม้าลายข้ามถนนให้เสร็จเรียบร้อยภายในวันที่โดน DIY นั่นเอง ปรบมือ!!…