Tag: ปัจจัย

  • ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘ความรีบร้อน’ คือตัวการทำลายการออกเดตของหนุ่มสาวมาแล้วนับไม่ถ้วน

    ผู้เชี่ยวชาญเผย ‘ความรีบร้อน’ คือตัวการทำลายการออกเดตของหนุ่มสาวมาแล้วนับไม่ถ้วน

    การออกเดตของหนุ่มสาวคือตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของคนสองคนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะกลายเป็นคนรักกันในที่สุด แต่ว่าความหวังที่จะได้เรียกกันว่าแฟนอาจต้องพังทลายลงไป เพราะเหตุผลง่ายๆ ที่เราอาจไม่เคยรู้กันมาก่อน Jo Barnett ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และการออกเดต เผยว่าหนุ่มสาวมักจะเจอกับปัญหาใหญ่ที่เป็นตัวทำลายและยับยั้งความรักที่กำลังเบ่งบานของทั้งสองเอาไว้ ปัญหาที่ว่านั้นก็คือความรีบร้อน บางคู่มักจะรีบร้อนมุ่งสู่เตียงนอนก่อนที่จะได้ทำความรู้จักกันและกันดีพอ ไม่มีการสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์และจิตใจ     เมื่อทั้งสองเลือกที่จะมีอะไรกันตั้งแต่ช่วงแรกๆ นั่นถือว่าเป็นการข้ามขั้นตอนที่สำคัญไป แทนที่จะได้มานั่งทำความสนิทสนมกันใต้แสงเทียนตอนมื้ออาหารค่ำสุดโรแมนติกอะไรประมาณนั้น ปัญหาดังกล่าวเป็นสิ่งที่ทำให้ฝ่ายชายได้รับทุกอย่างที่ต้องการแบบรวดเดียวจบ ทำให้พวกเขามักจะรู้สึกไม่ค่อยยินดีกับความสัมพันธ์นั้นๆ เท่าไหร่ อาจรู้สึกเฉยๆ กับอีกฝ่ายหรือมองไปในด้านลบแทน ในขณะเดียวกัน ฝ่ายหญิงเองก็ต้องการความสัมพันธ์ที่ดูลึกลับน่าค้นหานิดๆ ไม่ใช่ว่าได้ทุกอย่างที่ต้องการมาแบบตรงตัว ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย การกระทำแบบนั้นจึงทำให้พวกเธอมองไม่เห็นค่าของผู้ชายที่เธอกำลังคบหาอยู่     ทั้งหมดนั้นแสดงให้เห็นว่ายิ่งเรารีบเร่งความสัมพันธ์กันมากเท่าไหร่ ไฟรักภายในใจเราก็จะยิ่งมอดดับไวไปมากเท่านั้น ทุกอย่างจึงควรจะค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่า Jo บอกอีกว่าการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ คนส่วนใหญ่ไม่กล้าที่จะบอกอีกฝ่ายว่าต้องการอะไรในความสัมพันธ์ครั้งนี้ อะไรเป็นสิ่งที่สำคัญต่อความรู้สึกของตัวเองบ้าง สิ่งเหล่านั้นเรามักจะเก็บเอาไว้ในใจและคาดหวังว่ามันจะออกมาตามที่เราต้องการในตอนท้าย แต่ความเป็นจริงแล้วการพูดออกมาอาจเป็นสิ่งที่ส่งผลดีให้กับความรักมากกว่า     ความเข้าใจไม่ใช่สิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการมองตาหรือมีอะไรกันเพียงอย่างเดียว เราต้องไม่ลืมที่จะหันหน้ามาพูดคุยกันอย่างเปิดเผย เพราะนั่นคือการสื่อสารที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามากที่สุดเท่าที่มนุษย์เราจะทำได้   ที่มา: indy100

  • 8 เหตุผลที่ทำไม “ยุง” ถึงตกหลุมรักคุณ แหม่.. ตอมแต่เราลูกเดียวเลยนะไอ่สองงง!!

    8 เหตุผลที่ทำไม “ยุง” ถึงตกหลุมรักคุณ แหม่.. ตอมแต่เราลูกเดียวเลยนะไอ่สองงง!!

    ยุงหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะน่ารำคาญ ด้วยอาการคันและเสียงหวี่ๆ ของพวกมันช่างยั่วโมโหพวกเรายิ่งนัก และไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน บ่อยครั้งที่เรามักจะตกเป็นเป้าหมายการโจมตี ทั้งๆ ที่อยู่กับเพื่อนตั้งหลายคน และถ้าหากใครอยากลองหาคำตอบว่าเหตุใดพวกยุงถึงได้ชอบตอมคุณนักหนาละก็ ลองไปพบกับ ‘8 ปัจจัยที่ทำให้น้องยุงหลงรักคุณ’ กันได้เลย แต่บอกใบ้เอาไว้ก่อนนะที่มันชอบกัดคุณน่ะไม่ใช่เพราะว่าเลือดหวานหรอกนะจะบอกให้!!     1. กรุ๊ปเลือด จากงานวิจัยพบว่า กรุ๊ปเลือดที่แตกต่างกันจะมีปริมาณของโปรตีนที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งเจ้าโปรตีนในเลือดนี้เองเป็นหนึ่งสิ่งที่ดึงดูดเจ้ายุงเข้ามา โดยผลการศึกษาพบว่ากรุ๊ปเลือดที่ยุงชอบมาที่สุดคือกรุ๊ป O ส่วนรองลงมาคือกรุ๊ป A น้อยที่สุดก็คือกรุ๊ป B นั่นเอง   2. บริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ พวกยุงสามารถรับรู้ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากลมหายใจเราได้ พวกมันมีอวัยวะที่สามารถตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ไกลถึง 50 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นผู้ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากจึงเป็นที่ชื่นชอบของยุงนั่นเอง   3. การออกกำลังกายและปริมาณการเผาผลาญ นอกจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว ยังมีกรดแลคติก กรดยูริค แอมโมเนียร์และสารประกอบต่างๆ ที่ออกมากับเหงือซึ่งพวกยุงนั้นชื่นชอบมาก นอกจากนี้ยุงยังชอบคนที่มีอุณหภูมิร่างกายสูงๆ อีกด้วย ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมหลังจากออกกำลังกายคุณจึงมักจะถูกยุงตอม   4. แบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง จากงานวิจัยหลายๆ ชิ้น ชี้ให้เห็นว่าชนิดและปริมาณของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหนังนั้นมีผลต่อการดึงดูดพวกยุงให้เข้ามาชิมเลือดของเรา   5. การดื่มเบียร์…

  • เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อธิบายว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “เหงา” และจะส่งผลอย่างไรบ้าง!?

    เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อธิบายว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “เหงา” และจะส่งผลอย่างไรบ้าง!?

    เป็นธรรมดาที่เราอาจจะรู้สึก ‘เหงา’ ในบางเวลา น่าแปลกเหมือนกันนะ… เพราะโลกเรามีประชากรตั้งไม่รู้กี่หลายล้านคน แถมในชีวิตเราได้รู้จักผู้คนก็อีกตั้งมากมาย ทว่าสุดท้ายความเหงาก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในใจเราเสมอ แต่ใช่ว่าเรื่องของความเหงาจะเป็นเพียงความรู้สึกลอยๆ ที่จับต้องไม่ได้เท่านั้น เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ที่ศึกษากันมาตั้งแต่ปี 2006 จะมาช่วยอธิบายให้เราเห็นภาพว่าทำไมเราถึงรู้สึกเหงา และจะแก้ไขความอ้างว้างที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร     งานวิจัยของ Stephanie Cacioppo และ Hsi Yuan Chen นักประสาทวิทยาที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Personality and Social Psychology Bulletin โดยทีมวิจัยได้ได้ใช้เวลานานกว่า 11 ปี ในการเก็บข้อมูลระดับความรู้สึกเหงา และสังเกตระดับนิสัยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ของอาสาสมัครชาวเมืองชิคาโก 230 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 50 – 68 ปี     จากการตามเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปีทีมวิจัยได้ค้นพบว่า กลุ่มคนที่มีระดับความเหงาเพิ่มขึ้นในแต่ละปี มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากขึ้นในปีต่อๆ ไป นอกจากนั้นในกลุ่มคนที่มีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว ทีมวิจัยพบว่าในปีต่อๆ ไประดับความเหงาของคนกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน     ความเหงาในระดับที่พอดีอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้สมาธิส่วนตัวสูง แต่กลับกันถ้าความเหงาที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อทั้งสภาพจิตใจ ร่างกาย สมอง ฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งในระดับพฤติกรรมได้เลย…

  • บทความน่ารู้… 3 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า คุณเสี่ยงเป็นผู้ป่วย “จิตเภท” เต็มทีแล้วนะ

    บทความน่ารู้… 3 สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่า คุณเสี่ยงเป็นผู้ป่วย “จิตเภท” เต็มทีแล้วนะ

    วันนี้ขอทำตัวมีสาระพาไปพูดคุยกันถึงเรื่องของ ‘โรคจิตเภท’ กันบ้างดีกว่า เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่รู้จัก หรือไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้เท่าไหร่นัก โรคจิตเภทเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของความคิด ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดและการรับรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ดังนั้นวันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับ 3 สัญญาณอันตราย ที่อาจบอกได้ว่าคุณมีสิทธิป่วยเป็นโรคจิตเภทด้วยเหมือนกัน   ข้อมูลทั้งหมดนี้อ้างอิงงานวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ผ่านวารสาร ‘JAMA Psychiatry’ ของ University College London   จิตแพทย์ Joseph F. Hayes ได้ศึกษาหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับตัวแปรที่เป็นสาเหตุจากผู้ป่วยโรคจิตเภท ผู้ป่วยโรคจิตอารมณ์ และผู้ป่วยโรคไบโพล่าร์ จากการศึกษาและเก็บข้อมูลเกี่ยวกับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ นักวิจัยได้ค้นพบ 3 ปัจจัยหลักที่เป็นได้ทั้งสาเหตุ และสัญญาณอันตรายในกลุ่มผู้มีภาวะความเสี่ยงประกอบไปด้วย ‘พลังงานทางจิตใจ’, ‘วุฒิภาวะทางสังคม’ และ ‘ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์’     ‘พลังงานทางจิตใจ – เกี่ยวกับความสามารถในการใช้สมาธิต่อสิ่งรอบตัวต่างๆ รวมไปถึงความสามารถในการโฟกัสในสิ่งที่ทำ และปฏิกริยาการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่างๆ ‘วุฒิภาวะทางสังคม’ – ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเราเอง เพื่อให้กลมกลืนต่อผู้คนในที่สาธารณะ รวมทั้งการจัดการกับความคาดหวังจากคนรอบข้างด้วยเช่นกัน ‘ความสามารถในการจัดการกับอารมณ์’ – หมายถึงศักยภาพในการจัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้ไปในทางที่ดีขึ้นยกตัวอย่างเช่น คนที่อ่านข่าวชวนให้เครียดตั้งแต่เช้า แต่ยังสามารถไปทำงาน และใช้ชีวิตได้ปกติ ซึ่งตรงกันข้ามกับคนที่มีความสามารถในการจัดการต่ำ หากพวกเขาได้รับรู้เรื่องชวนให้เครียดหรือผิดหวัง อาจทำให้พวกเขาหมดกำลังใจในการใช้ชีวิตได้     แน่นอนว่าถ้าหากคนใกล้ตัวคุณ…