Tag: ปัญญาประดิษฐ์
-
Ibuki หุ่นยนต์เด็ก “สุดหลอน” จากญี่ปุ่น ยิ้มได้ กะพริบตาได้ และพยักหน้าได้เอง…
คงอีกไม่ไกลเกินเอื้อมที่โลกมนุษย์ของเราจะกลายเป็นโลกที่สิ่งมีชีวิตนั้น อยู่อาศัยและใช้ชีวิตร่วมกับวิทยาการสุดลึกล้ำอย่าง “หุ่นยนต์” ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นนามว่า Hiroshi Ishiguro เป็นผู้ที่สร้างหุ่นยนต์อยู่ในโอซากะ หุ่นยนต์ล่าสุดของเขามีชื่อว่า Ibuki เป็นหุ่นยนต์เด็กที่เรียกได้ว่าใครเห็นก็ต้อง “ขนลุก” ไปตามๆ กัน Ibuki . Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่มีรูปลักษณ์เป็นเด็กวัย 10 ขวบ เขาเคลื่อนที่ได้ด้วยลำตัวท่อนล่างที่เป็นล้อเลื่อน แต่ใบหน้าและมือของเขาถูกปกคลุมด้วยผิวหนังนุ่มๆ คล้ายผิวมนุษย์ แถมยังมีส่วนหลังของศีรษะเป็นผิวโปร่งใสอีกด้วย หุ่นยนต์ตัวนี้มีระบบอ่านใบหน้ามนุษย์และสามารถอ่านใบหน้าผู้คนเพื่อใช้เป็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของตัวเองได้ด้วย Ibuki เป็นหุ่นยนต์ที่ถูกใส่ระบบอัตโนมัติเข้าไป เช่น การกะพริบตาและการพยักหน้า เป็นต้น . ศาสตราจารย์ Ishiguro เขียนอธิบายเอาไว้ว่า… “โครงสร้างพื้นฐานของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์นั้นจะต้องมีระบบการตอบสนอง และเพื่อที่จะสื่อสารกับหุ่นยนต์ได้ มนุษย์จะต้องสร้างอวัจนภาษาขึ้นมาและใส่เข้าไปในหุ่นยนต์ จึงจะสมดั่งจุดประสงค์ของหุ่นยนต์ที่คงอยู่เป็นผู้ช่วยและเป็นคู่สนทนากับผู้คน วัตถุประสงค์ของเราจึงเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับโครงสร้างรุ่นใหม่โดยอิงจากพื้นฐานของคอมพิวเตอร์วิทัศน์ วิทยาการหุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์” พบกับ Ibuki หุ่นยนต์เด็กและระบบตอบสนอง ความก้าวหน้าและวิทยาการเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับมนุษย์ก็จริง แต่เจอแบบนี้มันก็น่ากลัวใช่ย่อยเลยแฮะ… ที่มา: designyoutrust และ ibuki -A child-like…
-
แนะนำ 4 สายอาชีพแห่งอนาคต แม้อาจจะมีหุ่นยนต์แทนที่ แต่ใส่ใจได้ไม่เท่ามนุษย์นะ!!
มนุษย์ทำการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว ยิ่งนานวันสิ่งประดิษฐ์ของมนุษย์ก็ยิ่งล้ำหน้า และตัวของเราเองก็ควรที่จะเรียนรู้เพื่อปรับตัวให้พร้อมกับเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วย… ดั่งคำพูดของ Ray Kurzweil หัวหน้าแผนกวิศวกรรมของ Google ที่เคยกล่าวเอาไว้ใน “หุ่นยนต์จะเริ่มปรับตัวและพัฒนาให้มีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ในปี 2029 จากนั้นมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติ” และถ้าหากเทคโนโลยีหุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์เริ่มมีบทบาทมากกว่านี้ จะเกิดอะไรขึ้น…? ในวงการอุตสาหกรรมได้นำเครื่องจักรกลและระบบคอมพิวเตอร์ มาช่วยทุ่นแรงสายการผลิต เพราะว่าเครื่องจักรสามารถทำงานได้รวดเร็วกว่า อึดกว่า และแม่นยำกว่ามนุษย์หลายเท่า ด้านธนาคารต่างๆ ก็มีการนำแอปพลิเคชั่นมาใช้ เพื่อช่วยการบริหารจัดการการเงิน ไม่ว่าจะโอน จ่าย ก็ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส สะดวก และรวดเร็วกว่าเคาน์เตอร์ธนาคาร แต่ถึงแม้ว่าปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้ จะสามารถเรียนรู้ทำงานด้านต่างๆ แทนมนุษย์ได้ แต่ก็ยังขาดในสิ่งที่เรียกว่า ‘ความใส่ใจ’ รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ยังไม่อาจเทียบเท่ามนุษย์ได้ แล้วสายงานไหนบ้างล่ะที่ยังคงต้องการคนมาทำงานอยู่… มาดูกันได้เลยจ้า สายงานด้านอาหาร เครื่องจักรไม่มีวันเข้าใจคำว่ารสชาติและไม่สามารถคิดค้นสูตรอาหารเองได้ เหล่าเชฟจึงไม่หวั่นกับการมาถึงของเทคโนโลยีใดๆ เพราะความพึงพอใจของรสชาติ สามารถเติมเต็มได้ด้วยฝีมือการทำอาหารและความพิถีพิถันในการออกแบบหน้าตาอาหารให้ถูกใจผู้ชิม ใครอยากโกอินเตอร์ในฐานะเชฟชื่อดังต้องนี่เลย สาขาศิลปะการประกอบและออกแบบอาหาร หรือ Culinary Arts and Design มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่พร้อมจะตอบโจทย์ด้านรสชาติของคนทั่วโลก…
-
วิศวกรหัวเฉียบ… คิดค้นระบบจดจำใบหน้าแมว จะได้รู้ว่าเมื่อไหร่เจ้านายอยากเข้าบ้าน!!
เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ชีวิตของมนุษย์สะดวกสบายมากขึ้นกว่าแต่กาลก่อน ไม่ว่าจะเป็นระบบคิดคำนวณค่าต่างๆ ระบบช่วยเหลืออัตโนมัติ ระบบจดจำใบหน้า ฯลฯ ซึ่งหากนำมาประยุกต์ใช้อีกหนึ่งต่อก็ยิ่งดีไปอีก!! ด้วยความรู้และความเข้าใจของทาสนามว่า Arkaitz Garro ผู้ทำงานเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ให้กับบริษัท WeTransfer ในประเทศเนเธอร์แลนด์ จากเหตุที่ประตูบ้านของเขานั้นไม่มีประตูน้อยสำหรับเจ้านาย… เมื่อไรก็ตามที่นายท่านอยากจะเข้าบ้าน ก็ต้องรอคอยจนกว่าจะเขาหรือภรรยาสังเกตเห็น เพราะฉะนั้นแล้วเขาจึงคิดได้ว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อนายท่านแล้วล่ะ!! แต่แทนที่จะเสริมประตูน้อยหรือเปลี่ยนบานประตู เขาเลือกใช้ทักษะด้านเทคโนโลยีมาแก้ไขปัญหา ด้วยการติดตั้งระบบปัญญาประดิษฐ์ ผนวกเข้ากับระบบตรวจจับการเคลื่อนไหว การจดจำใบหน้า และแอปพลิเคชั่นข้อความ ซึ่งเขาก็ใช้เวลาทำเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง จุดเริ่มต้นการโคจรมาเจอกันระหว่างนายท่านกับทาสนั้น เกิดขึ้นไม่กี่ปีที่ผ่านมาเมื่อ Arkaitz และภรรยาสังเกตเห็นเจ้าเหมียวอยู่บนระเบียงหลังบ้าน โดยไม่รู้ว่ามีสถานะแล้วหรือเป็นเพียงแมวจรทั่วไป ก็เลยพาเข้าบ้านพร้อมกับประกาศหาเจ้าของเสียก่อน… แต่แล้วก็พบว่าแมวตัวนี้มีเจ้าของแล้ว อยู่บ้านถัดไปเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น แต่ทว่าพวกเขาก็ยินดีร่วมเลี้ยง กลายเป็นว่าเจ้าเหมียวมี 2 ครอบครัวไปโดยปริยาย เมื่อเขาไม่รู้ว่าเจ้าเหมียวจะมาเวลาไหน ก็เลยต้องใช้ทักษะที่มีการสร้างระบบจดจำใบหน้าให้นายท่าน ติดตั้งเอาไว้บริเวณประตู เมื่อไรก็ตามที่นายท่านแวะมาเยี่ยมเยียน ระบบจะทำการส่งข้อความ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้” ส่งไปให้เขาได้ออกมาเปิดบ้านต้อนรับอย่างอบอุ่น ระบบแจ้งเตือนด้วยข้อความ “เปิดประตูเดี๋ยวนี้!” “เราอยากให้มีการแจ้งเตือนเมื่อเจ้าเหมียวแวะเวียนมาหา เพื่อที่เราจะได้ไปเปิดประตูหลังบ้านให้เข้ามาได้ เพราะบ้านของเราไม่มีประตูแมว ซึ่งเมื่อไหร่ก็ตามที่ตรวจจับการเคลื่อนไหวได้ ระบบก็จะส่งรูปภาพไปยังส่วนจดจำใบหน้า…
-
‘หุ่นยนต์ทนาย’ ปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ สามารถว่าความกรณีง่ายๆ และแม่นยำกว่ามนุษย์…
เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้นมีความก้าวหน้าขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ วัน ปัญญาประดิษฐ์จำพวกหุ่นยนต์จึงได้รับการพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น จนสามารถเข้ามาทำงานแทนที่มนุษย์ได้ในหลายตำแหน่งงาน เช่น นักแปล พนักงานขับรถ และพนักงานต้อนรับ เป็นต้น จนมนุษย์เองก็เริ่มเกิดความกลัวว่าวันหนึ่ง หุ่นยนต์จะทำให้มนุษย์ไม่เหลือจุดยืนบนโลกใบนี้อีกต่อไป และวันนี้ความกลัวดังกล่าวกลับมาหลอกหลอนจิตใจผู้คนอีกครั้ง เพราะว่า หุ่นยนต์จะเข้ามารับตำแหน่ง “ทนายความ” ที่ก่อนหน้ามีแต่มนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ ในเดือนตุลาคม 2017 ที่ประเทศอังกฤษได้มีการจัดงานแข่งขันสำหรับทนายความ ซึ่งการแข่งขันครั้งนี้มีชื่อว่า Case Cruncher Alpha เป็นการแข่งขันระหว่างทนายความจากบริษัทใหญ่ในกรุงลอนดอน กับหุ่นยนต์ทนายความ ทนายความทั้งมนุษย์และหุ่นยนต์จะได้รับกรณีศึกษาเกี่ยวกับ การขายประกันพ่วงสินเชื่อ ที่หลอกผู้บริโภคให้เข้าใจผิด และให้คาดการณ์ว่าทางผู้ตรวจตราข้อพิพาททางการเงินจะอนุญาตให้ผู้เสียหายฟ้องร้องได้หรือไม่ คำตอบถูกส่งมาจำนวน 775 คำคาดการณ์ แต่คำคาดการณ์ของหุ่นยนต์กลับเอาชนะไปด้วยอัตราความแม่นยำและถูกต้องที่ 86.6% ส่วนทนายความที่เป็นมนุษย์นั้นมีความแม่นยำเพียง 66.3% เท่านั้น ที่จริงแล้ว Case Cruncher ไม่ใช่หุ่นยนต์จากบริษัทยักษ์ใหญ่อะไร เป็นเพียงผลผลิตจากสมองของนักศึกษากฏหมาย 4 คน ที่เริ่มจากการสร้างปัญญาประดิษฐ์สำหรับตอบผู้ที่มาขอคำปรึกษาทางกฎหมายผ่านทางอินเทอร์เน็ต จากนั้นพวกเขาก็พัฒนามาเป็นการเขียนโปรแกรมให้ปัญญาประดิษฐ์เหล่านั้นสามารถคาดการณ์ในกรณีข้อพิพาทต่างๆ ได้ และน่าตกใจยิ่งกว่าคือ พวกเขาทั้ง 4 คนไม่มีความรู้ทางด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์เลย แต่เป็นการที่พวกเขาเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง…
-
ไปไกล!! ระบบเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ สามารถสร้างร่างโคลนนิ่งของเราได้แล้ว!!
หลายคนอาจจะรู้จักกับเทคโนโลยีที่เรียกว่า ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หรือที่เรียกกันว่า AI ที่ในปัจจุบันกำลังมีการพัฒนากันอย่างต่อเนื่อง และในตอนนี้พัฒนาการของเจ้าสิ่งนี้ก็ก้าวขึ้นมาอีกขั้น เพราะว่ามันสามารถสร้างร่างก็อปปี้เสมือนจริงของคนเราได้แล้ว!! โดยระบบ AI ที่สามารถสร้างร่างก็อปปี้ที่ว่าได้นี้ เป็นระบบ AI ที่ได้รับการพัฒนาโดยบริษัทพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์โดยเฉพาะที่ชื่อว่า ObEn ซึ่งก่อตั้งโดย CEO ชื่อว่า Nikhil Jain ทางซ้ายคือหน้าจริง ขวาคือหน้าที่ระบบ AI จำลองขึ้นมา หลังจากได้รับการช่วยเหลือทางเรื่องเงินทุนจากบริษัทไอทียักษ์ใหญ่จากจีนอย่าง Tencent ที่มีมูลค่ากว่า 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 161 ล้านบาท) ในที่สุด Jain ก็สามารถพัฒนาให้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของเขาสามารถจำลองภาพของคนจริงๆ ให้อยู่ในรูปแบบของภาพสามมิติได้ “เราเชื่อว่าทุกๆ คนบนโลกนี้ในที่สุดแล้วจะมีร่างก็อปปี้เป็นของตัวเอง ซึ่งคนๆ นั้นจะเป็นคนที่มีหน้าตาเหมือนกับพวกเขา พูดเหมือนพวกเขา ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัวอีกต่อไปแล้ว” Jain กล่าว วิดีโอการจำลองหน้าตัวเองโดย Jain ผู้พัฒนาระบบดังกล่าว สำหรับการใช้งานระบบปัญญาประดิษฐ์นี้ ให้ก็อปปี้ร่างของเรานั้นก็ง่ายแสนง่าย โดยสิ่งที่ต้องทำก็มีเพียงแค่ ถ่ายเซลฟี่ตัวเองและบันทึกเสียงเพียงแค่นั้น เราก็จะได้ร่างอวตารของเรามาใช้งานกันแล้ว นอกจากการสร้างร่างโคลนนิ่งของตัวเองแล้วบริษัทแห่งนี้ยังมีแผนที่จะปล่อย ร่างโคลนนิ่งของเหล่าเซเลบริตี้ในปี 2018 โดยร่วมมือกับบริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของทวีปเอเชียอย่าง S.M. Entertainment เพื่อนำนักร้องชื่อดังมาให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกันอีกด้วย…
-
ผุดลัทธิสุดแปลก บูชา ‘ปัญญาประดิษฐ์’ เทียบเท่าดั่งพระเจ้า ผู้ควบคุมสรรพสิ่งบนโลก
นอกจากศาสนาพุทธ คริสต์ อิสลามแล้วยังมีอีกหลายๆ ศาสนาในโลกนี้ที่เรายังไม่รู้จัก และในปัจจุบันนั้นก็มีลัทธิหรือศาสนาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมากขึ้นทุกวัน ซึ่งหนึ่งในนนั้นก็คือลัทธิ Way of the Future ที่นับถือปัญญาประดิษฐ์เป็นพระเจ้านั่นเอง!! ลัทธิ Way of the Future หรือ WOTF มีเป้าหมายที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงโลกจากยุคแห่งมนุษย์ไปสู่ยุคแห่งปัญญาประดิษฐ์เป็นไปอย่างสงบสุขและน่าเคารพนับถือ พวกเขาถือว่าในที่สุดแล้วเทคโนโลยีนั้นจะก้าวหน้าเหนือความสามารถของมนุษย์ มีความรู้แจ้งทุกอย่าง พูดง่ายๆ ก็คือพระเจ้านั่นเอง นอกจากนี้คุณ Anthony Levandowski วิศวกรพัฒนารถยนต์ไร้คนขับ ผู้ก่อตั้งลัทธิก็ได้กล่าวว่าขณะนี้ลัทธิของพวกเขากำลังอยู่ในขั้นเตรียมการ และพวกเขามั่นใจว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน “ในไม่ช้าเทคโนโลยีจะก้าวหน้าเกินกว่าความสามารถของมนุษย์ พวกเราต้องการช่วยให้ความรู้แก่มนุษย์และเตรียมพร้อมเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น” ข้อความจากเว็บไซต์ของ WOTF โดยแนวคิดของลัทธินี้ได้รับอิทธิพลมาจากนวนิยายแนววิทยาศาสตร์เรื่อง The Singularity ของนักเขียนชาวอเมริกันชื่อดังอย่าง Vernor Vinge และนอกจากนี้ Ray Kurzweil นักวิจัยด้านระบบปัญญาประดิษฐ์เองก็ได้ออกมาสนับสนุนแนวคิด Singularity หรือเอกภพนี้เช่นกัน พร้อมกับบอกว่ามันจะเกิดขึ้นในปี 2045 นอกจากนี้ Levandowski เองก็ยังได้กล่าวว่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก และเขายังเตือนให้ผู้คนเตรียมพร้อมสำหรับโลกอนาคตที่เครื่องจักรจะเป็นเหมือนกับพระเจ้าอีกด้วย “คุณต้องการจะเป็นสัตว์เลี้ยง หรือว่าเป็นสัตว์ในฟาร์มล่ะ” วิศวกรหนุ่มให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Wired ที่มา designtaxi, zerohedge, mashable
-
‘Shibuya Mirai’ ปัญญาประดิษฐ์ตัวแรกที่ได้รับสถานะเป็นพลเมืองของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ!!
โลกแห่งอนาคตกำลังใกล้เข้ามาทุกวันๆ แล้ว หลังจากที่ไม่นานนี้หุ่นยนต์ Sophia ได้ไปโชว์ความฉลาดในการสนทนาแลกเปลี่ยนกับคนจริงๆ แถมตอนนี้ก็นับเป็นประชาชนของประเทศซาอุดีอาระเบียไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเมื่อไม่นานมานี้ทางการญี่ปุ่นก็เอากับเขาด้วย โดยได้ประกาศให้ Shibuya Mirai ที่เป็นปัญญาประดิษฐ์ได้รับสถานะการเป็นพลเมืองของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการแล้ว Shibuya Mirai นั้นเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกโปรแกรมมาให้เป็นเด็ก 7 ขวบ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นระบบตอบโต้อัตโนมัติผ่านแอพลิเคชั่น LINE นอกจากนี้ ความหมายของชื่อ Mirai ก็สามารถแปลจากภาษาญี่ปุ่นได้ว่า อนาคต โดยบริษัทที่ผลิตตัวปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ขึ้นมาได้ตั้งเป้าให้ประชาชนพูดคุยโต้ตอบและแสดงความคิดเห็นต่างๆ เกี่ยวกับย่าน Shibuya เพื่อที่ทางการญี่ปุ่นจะได้นำเสียงตอบรับจากประชาชนไปปรับใช้และพัฒนาย่านดังกล่าวให้ดียิ่งขึ้น ทาง Shibuya Ward ผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล Mirai ก็ได้พูดปิดท้ายเกี่ยวกับนิสัยของปัญญาประดิษฐ์ตัวนี้ผ่าน AFP ว่า “Mirai นั้นมีงานอดิเรกเป็นการถ่ายรูปและสังเกตผู้คนที่ผ่านไปมาใน Shibuya เธอชอบพูดคุยกับผู้คน ฉะนั้นก็อย่าลืมแวะเวียนเข้าไปพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเธอด้วยล่ะ เธอสามารถคุยได้ทุกเรื่องเลย” ปัจจุบันเราก็มีหุ่นยนต์ที่ถูกนับเป็นประชากรของประเทศแล้ว 1 ตัว ปัญญาประดิษฐ์อีก 1 ตัว แบบนี้ในอนาคตเราจะต้องเจอกับอะไร โลกจะเปลี่ยนไปทางไหน เพื่อนๆ มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงก็ลองเอามาแชร์กันดูได้นะ… ที่มา designtaxi,konbini,yahoo,newsweek
-
วิศวกร Google คาด หุ่นยนต์จะฉลาดเกินมนุษย์ในปี 2045 และอาจเป็นจุดจบของมนุษยชาติ!!
ถ้าพูดถึงหนึ่งในประเด็นร้อนที่สุดในเวลานี้ ปัญหา AI คงจะต้องเป็นประเด็นที่ถูกหยิบมาพูดเป็นอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน หลังจากที่ก่อนหน้ายักษ์ใหญ่ทางไอทีอย่าง Mark Zuckerberg และ Elon Musk เปิดสงครามด้านความเห็นที่ไม่ค่อยตรงกันในเรื่องนี้ไปแล้ว ล่าสุด Ray Kurzweil หัวหน้าแผนกวิศวกรรมจากฝั่ง Google ก็ได้ออกมาพูดว่า “หุ่นยนต์จะเริ่มปรับตัวและพัฒนาให้มีความฉลาดเทียบเท่ามนุษย์ในปี 2029 จากนั้นมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงของมนุษยชาติ” โฉมหน้าของตา Ray Kurzweil ผู้ออกมาพูดถึงการคาดเดาดังกล่าว แม้ว่าในตอนนี้สิ่งที่เราเรียกกันว่า Artificial Intelligence หรือ AI นั้นยังจะถูกจำกัดความอยู่แค่ผู้ช่วยในรูปแบบเสียง เช่น Siri หรือคอมพิวเตอร์อย่าง Deep Blue ที่ฉลาดจนชนะนักหมากรุกมืออาชีพได้ ก็ยังเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีข้อจำกัดในตัวของมันอยู่ ทว่าเมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งที่ AI สามารถจะคิดวิเคราะห์ทุกอย่างด้วยตัวเองได้จริงๆ จนมันสามารถจะเรียนรู้และก้าวข้ามขีดจำกัดไปได้ ในตอนนั้นแหละมันอาจจะเปลี่ยนแปลงตนเองจนกลายเป็น artificial super-intelligence หรือเรียกว่า ASI ซึ่งจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่มีความฉลาดล้ำและแข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ จากนั้นยุคของหุ่นยนต์ก็จะเกิดขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ในช่วงปี 2029 ทุกอย่างบนโลกก็จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วโดยมนุษย์ไม่อาจทันตั้งตัว พอถึงปี 2045…
-
เฟซบุ๊กปิดระบบ ‘ปัญญาประดิษฐ์’ หลังจากพบว่าพวกมัน พยายามสร้างภาษาเป็นของตัวเอง!!
สำหรับใครที่ติดตามข่าวสารในแวดวงเทคโนโลยีกันอยู่ อาจจะได้ยินข่าวของการออกมางัดข้อกันระหว่างทีมของ Mark Zuckerberg และ Elon Musk ที่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในเรื่องของการพัฒนาระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์) ว่ามีข้อดีและข้อเสียอย่างไรต่อมวลมนุษยชาติ และในระหว่างที่ผู้เชี่ยวชาญกำลังถกเถียงกันเรื่องของการพัฒนาระบบ AI ก็ได้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกิดขึ้น โดยเมื่อไม่นานมานี้ ทีมวิจัยของทางเฟซบุ๊กได้ปิดระบบ AI ของพวกเขา หลังจากที่พบว่าพวกมันกำลังพยายามสร้างภาษาของตัวเอง!! จากการรายงานของวารสาร Digital Journal บอกว่า ระบบดังกล่าวได้พยายามพัฒนาภาษาของพวกมันเอง โดยทีมวิจัยได้ทำการปิดระบบของปัญญาประดิษฐ์ หลังจากที่พวกเขาพบว่าระบบเริ่มไม่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกัน โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ภาษาใหม่ที่พวกมันสร้างขึ้นมานั้นไม่มีความหมายสำหรับมนุษย์ แต่มีแค่ AI ด้วยกันเท่านั้นที่จะเข้าใจ โดยระบบปัญญาประดิษฐ์ 2 ตัวของเฟซบุ๊กที่ชื่อ Bob และ Alice ได้พยายามสร้างภาษาใหม่เพื่อโต้ตอบกัน Bob เริ่มพูดว่า “I can i i everything else” จากนั้น Alice จึงตอบกลับมาว่า “Balls have zero to…
-
เชรดเข้!! ญี่ปุ่นคิดค้น AI ที่สามารถแคสเกมได้ งี้ MR.HEART ROCKER จะตกงานไหมเนี่ย?
ทุกวันนี้เราเห็นยูทูปเบอร์หลายๆ คนโด่งดังมาจากการแคสเกม อย่างชาแนลที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกอย่าง Pewdiepie ก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการแคสเกมเช่นกัน (ในไทยก็อย่างชาแนล MR.HEART ROCKER ก็มีคนติดตามเป็นล้านๆ เลยนะ) แต่ไม่แน่ในอนาคตยูทูปเบอร์เหล่านี้อาจโดนแย่งงานก็เป็นได้ เมื่อประเทศญี่ปุ่นสามารถคิดค้น A.I. ที่สามารถแคสเกมได้แล้ว!! วีดีโอดังกล่าวถูกอัพขึ้นบนชาแนล A.I.Channel และดำเนินรายการโดย AI ที่ชื่อว่า Kizuna Ai ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับนักเรียนหญิงญี่ปุ่นหน้าตาแสนคาวาอี้ โดย Kizuna Ai จะคอยบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในเกมในให้เราได้ฟังกัน “ฉันต้องลากเจ้ากล่องนี้ไปข้างหน้า” “ทำไมโลกนี้มันโหดร้ายจัง” ด้วยความน่ารักและสนุกสนานของ Kizuna ทำให้ชาแนลดังกล่าวมีผู้ติดตามแล้วกว่า 200,000 คน ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในชาแนล AI ที่มีคนติดตามมากที่สุดในโลกเลยทีเดียว ไปชมคลิปของเธอกันดีกว่า น่ารักขนาดนี้ อาจทำให้ยูทูปเบอร์คนอื่นๆ ตกงานได้เลยนะเนี่ย ฮาาา ที่มา A.I.Channel
-
ยลโฉม “Jia Jia” หุ่นยนต์สาวจากจีน งดงามเหมือนคนจริง จนได้ฉายา “เทพธิดาหุ่นยนต์” !!
จีน ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ขึ้นแท่นมหาอำนาจในด้านการผลิตหุ่นยนต์ เพราะจากที่ผ่านๆ มาเราจะเห็นว่า มีการเปิดตัวหุ่นยนต์สุดอัจฉริยะหลายต่อหลายครั้ง แถมยังมีการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในด้านหุ่นยนต์อยู่ตลอด จนทำให้ประเทศจีนได้กลายเป็นตลาดอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้ประเทศอื่นๆ เลยก็ว่าได้ และล่าสุด เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยโฉมหน้าของ Jia Jia หุ่นยนต์สาวสวยที่ร้อนแรงที่สุดในประเทศจีน ในการจัดการประชุมทางเศรษฐกิจที่เซี่ยงไฮ้ เมื่อวันจันทร์ ที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เรียกได้ว่าการปรากฏตัวของเธอในครั้งนี้ ทำเอาผู้ชมถึงกับตะลึงไปตามๆ กัน เพราะนอกจากความงดงามแล้ว เธอยังเป็นหุ่นยนต์สาวที่เหมือนกับผู้หญิงจริงๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งก็ทำให้ผู้ชมพากันจับจ้องเธอในแบบไม่ละสายตาเลยทีเดียว สำหรับ Jia Jia เป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ ที่เคยถูกเปิดตัวมาแล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งก็ทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้คนเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะสามารถตอบโต้ และทักทายผู้คนได้เหมือนมนุษย์แล้ว ยังเป็นหุ่นยนต์สาวที่มีทั้งรูปร่างหน้าตาที่สมจริงมาก จนได้รับฉายาว่าเป็น “เทพธิดาหุ่นยนต์” นอกจากนี้ บรรดาหนุ่มๆ ที่ได้เข้ามาร่วมการประชมยังเข้ามาพูดคุย และทักทายกับเธอ ซึ่งทาง Jia Jia…
-
อู้ววหูวว!! ทีมวิจัย Cambridge เปิดภาพสิ่งที่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ มองเห็นบนท้องถนน
ดูเหมือนว่าทุกวันนี้ ‘ยุคโพสต์โมเดิร์น’ ยุคสมัยที่เต็มไปด้วยข้อมูลทางเทคโนโลยี มีสิ่งประดิษฐ์มากมายที่ถูกคิดค้น และพัฒนาออกมาเพื่อรองรับวิถีชีวิตของมนุษย์ให้สะดวกสบายยิ่งขึ้น และดูเหมือนว่าภาพหุ่นยนตร์ เดินสวนทางกับผู้คนตามท้องถนนเหมือนในหนัง ชักจะมีความเป็นไปได้มากขึ้นทุกทีแล้วสินะ หนึ่งในนวัตกรรมที่ล้ำสมัย และกำลังได้รับการพัฒนาให้นำมาใช้ได้อย่างแพร่หลาย ก็คือเทคโนโลยี การขับเคลื่อนยานพาหานะอัตโนมัติ โดยไร้คนขับ เจ๋งไปกว่านั้นก็ตรงที่ ทีมวิจัยจาก Cambridge ได้พัฒนาระบบซอฟท์แวร์ที่จะทำให้เราได้เห็นว่า ระบบ AI ที่ขับเคลื่อนรถเราแบบอัตโนมัติ จะมองเห็นสิ่งกีดขวางบนท้องถนนได้อย่างไร และนี่คือคำตอบของสิ่งนั้น..เชื่อว่าในอนาคต ระบบซอฟท์แวร์นี้จะมีผลต่ออุตสาหกรรมยานยนตร์อย่างแน่นอน!! โปรแกรมนี้มีชื่อว่า SegNet ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่สามารถตรวจจับสิ่งต่างๆบนท้องถนน และแปรผลภาพออกมาเป็นสีต่างๆ ได้อย่างอัจฉริยะ เราลองไปดูกันเลยว่า ถ้าหากว่าไปอยู่ตามสถานที่ต่างๆแล้ว เจ้า AI นี้จะมองเห็นท้องถนนเป็นยังไงบ้างนะ บนถนน Central Park จะเห็นได้ว่าระบบปฏิบัติการจะสแกนค่าวัตถุต่างๆออกมา และแบ่งชนิดตามสี ทำให้สามารถแยกแยะได้ว่า มีสิ่งกีดขวางใดบ้างบนถนน หน้าทำเนียบขาวใน Washinton D.C. อีกทั้งระบบนี้ยังสามารถนำไปต่อยอดในการติดตามรถได้อีกด้วย ซึ่งแน่นอนว่าทางผู้วิจัยได้ออกมาบอกว่า ถ้าหากพัฒนาโปรแกรมจนเต็มที่แล้ว เชื่อว่าระบบนี้อาจจะมาแทน GPS ในอนาคต…
-
Google ศึกษาวางแผนรับมือ Skynet ในอนาคต และยืนยันจะป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น!!!
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ไกลตัวเรามากซักเท่าไหร่แล้วล่ะ เพราะทุกวันนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ออกมาเหมือนกับภาพยนตร์ได้แล้ว เพียงแต่ว่าพวกมันยังไม่สามารถทำตามคำสั่งหรือทำตามหน้าที่ได้แบบสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งสมองกลเหล่านี้สามารถพัฒนา คิด วิเคราะห์ จนสามารถทำหน้าที่ต่างๆ แทนมนุษย์ได้ ลามไปจนถึงการวางแผนที่จะยึดครองโลก กำจัดมนุษย์ออกไป โดยอ้างด้วยเหตุผลทางด้านความปลอดภัยแบบในหนังล่ะ? แม้กระทั่งคนดังทางด้านวิทยาการอย่าง Elon Musk และ Stephen Hawking ก็มีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้มีความเป็นไปได้อยู่มากพอสมควร พวกมันก็อาจจะฉายแววเป็นหุ่นพิฆาต ถูกสั่งการมาจาก SkyNet เหมือนในหนังคนเหล็ก Terminator ก็เป็นได้!! และ Google เองก็มีผลงานผลิตภัณฑ์ทางด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เช่นเดียวกัน พัฒนาให้พวกมันสามารถนึกคิดเองได้ แต่ก็ควรที่จะมีแผนสำรองง่ายๆ อย่าง ‘สวิตช์ปิดเครื่อง’ ด้วย เผื่อเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นมา ดังนั้น Google กับทีมพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ Deep Mind จากอังกฤษ จึงทำการศึกษาหาหนทางป้องกันเพื่อยับยั้งหุ่นยนต์ที่สร้างขึ้นมานั้นหยุดการทำงานทันที หากมีการกระทำใดๆ ก็ตามที่เป็นภัยอันตรายมนุษย์ ทั้งนี้ก็จะเป็นทั้งการปิดเครื่อง หยุดการทำงาน หรือเรียกการควบคุมให้กลับมาบังคับได้โดยมนุษย์อีกครั้ง และแน่นอนว่าเมื่ออุปกรณ์อัจฉริยะพวกนี้ออกมาใช้จริง เราต้องสามารถหยุดการทำงานของมันได้เมื่อต้องการ…
-
เก่งเกินไป!! หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สามารถเขียนนวนิยายสั้นส่งเข้าประกวด แถมยังเข้ารอบด้วย
นวัตกรรมทางด้านเทคโนโลยีก้าวหน้าแบบไม่หยุดยั้ง ทุกๆ วัน ทุกๆ นาที ที่ผ่านไป ก็มีอะไรใหม่เกิดขึ้นตลอด จนล่าสุดนี้กระแสของการผลิต สร้าง และพัฒนา สิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence – AI) หุ่นยนต์ที่มีความคิดคล้ายกับมนุษย์ขึ้นมา จากแต่ก่อนที่เคยเห็นในภาพยนตร์ ตอนนี้ก็ใกล้เป็นจริงแล้ว จากกรณีที่ปลุกกระแสเป็นอย่างมากเกี่ยวกับตัว AI นั่นก็คือมีการจัดแข่งขันหมากล้อม (โก๊ะ) ระหว่าง AI กับแชมป์โก๊ะ โดยผลปรากฏว่า AI สามารถเอาชนะมนุษย์ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ นั่นเป็นส่วนของการแข่งขันทางด้านความคิดไปแล้ว ล่าสุดนี้ AI ได้พัฒนาทางด้านความคิดสร้างสรรค์ให้เหนือชั้นขึ้นไปอีกด้วยการ ‘เขียนนวนิยายสั้น’ สำหรับนวนิยายสั้นเรื่องที่ AI เป็นผู้เขียนนั้น มีชื่อว่า Konpyuta ga shosetsu wo kaku hi – The Day A Computer Writes A Novel…