Tag: ผลกระทบ
-
ผลลัพธ์ของการ “อดนอน” เป็นระยะเวลานาน จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่นอน 6 ชั่วโมง ถึง 10 วัน!?
เราอาจเคยมีความคิดว่าถ้าเราหลับน้อยๆ หรือไม่ต้องหลับเลย เราจะมีเวลามากขึ้นไว้ใช้ทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้เยอะขึ้น แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ร่างกายของเราไม่อาจทนรับสภาพนั้นไหวได้ เราจึงควรพักผ่อนกันให้เพียงพอเพื่อเริ่มต้นวันใหม่กันอย่างสดใส แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่เชื่อว่าการอดหลับอดนอนมันจะส่งผลเสียอย่างไรกับเรา วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากชวนทุกคนให้ลองมาดูผลลัพธ์ที่จะได้จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน หรือถ้าเราไม่นอนพักผ่อนไปเลยเป็นเวลานานๆ ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะส่งผลเสียให้กับเราอย่างไรบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย ผ่านไป 6 ชั่วโมงหลังจากที่เรานอนไม่หลับในตอนกลางคืน ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เราหงุดหงิดและกังวลใจมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ความตึงเครียดและความสับสน ผ่านไป 12 ชั่วโมง สมองของคุณจะตัดการทำงานหลายๆ อย่างที่ดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ อย่างเช่น ปฏิกิริยาการตอบสนองและการตัดสินใจ ทำให้คุณรู้สึกเชื่องช้าลงไปบ้าง แต่ยังสามารถรับมือกับหน้าที่ในชีวิตประจำวันได้อยู่ ผ่านไป 24 ชั่วโมง แทนที่เราจะรู้สึกเหนื่อยอ่อน เรากลับจะรู้สึกว่าจู่ๆ ก็มีพลังงานพลุ่งพล่านออกมาจนรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประสาทสัมผัสคมกริบ มองโลกและคนรอบข้างเป็นสิ่งสวยงามที่น่ารื่นรมย์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นผลมาจากการที่สมองของเราเพิ่มระดับของสารโดพามีน (สารความสุข) ชดเชยการอดหลับอดนอนนั่นเอง ผ่านไป 36 ชั่วโมง ระบบความจำและปฏิกิริยาการตอบสนองของเราเริ่มลดน้อยลงไป เพราะสมองยังคงต้องรักษาพลังงานเอาไว้สำหรับการทำงานโดยรวม และเวลานี้คือจุดเริ่มต้นของสภาพร่างกายที่จะถดถอยลงไปเรื่อยๆ การทำงานของร่างกายบางอย่างจะปิดตัวลง เหมือนว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังบั่นทอนการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากๆ …
-
8 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘ความเครียด’ กำลังเล่นงานคุณเข้าให้แล้วมาลองชมวิธีการแก้กัน
คนเราตามธรรมชาติก็จะมีหลากหลายอารมณ์ทั้ง ดีใจ เศร้า ตื้นตันใจ แต่รู้ไหมว่ามีอยู่อารมณ์หนึ่งที่อาจทำร้ายสุขภาพของเราให้ล้มหมอนนอนเสื่อเอาได้ง่ายๆ อารมณ์นั้นก็คืออารมณ์เครียดนั่นเอง ความเครียดเกิดจากการที่เราคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลานานซึ่งความวิตกกังวลนี้อาจทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้นตามร่างกายและพาไปสู่ความเจ็บป่วยในที่สุด มาลองดูกันดีกว่าว่าอาการจากความเครียดจะเป็นอย่างไรและมีทางแก้อย่างไรบ้าง เริ่มมีตุ่มต่างๆ หรือลมพิษขึ้นตามร่างกาย หากคุณพบตุ่มแดงๆ ขึ้นตามร่างกายนั่นหมายความว่าโรคเครียดกำลังจะเล่นงานคุณแล้วเพราะว่าโลกเครียดจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลงทำให้มีจุดแดงๆ ซึ่งหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดลมพิษขึ้นอีกทั้งยังทำให้ผิวระคายเคืองต่อสิ่งที่ไม่เคยแพ้มาก่อนอย่าง สบู่ อากาศหนาว โลชั่น หรือผงซักฟอก วิธีการแก้: นำผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นหมาดๆ ประคบไว้ในที่ที่มีตุ่มขึ้น แต่ถ้ายังไม่ดีขึ้นควรกินยาแก้แพ้ น้ำหนักขึ้นๆ ลงๆ ความเครียดจะไปกระตุ้นการปลดปล่อยฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งฮอร์โมนที่ว่านี้จะไปบั่นทอนความสามารถของร่างกายในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและเปลี่ยนแปลงวิธีการเผาผลาญไขมัน โปรตีน และคาร์โบไฮเดรตนั่นจึงให้น้ำหนักเกิดโยโย่นั่นเอง วิธีการแก้: พยายามกินถั่วให้มากขึ้นเพราะว่า โปรตีนจากถั่วสามารถช่วยได้หากคุณกินอาหารน้อยเกินไปและยังมีไฟเบอร์ที่สามารถช่วยได้หากคุณไม่มีเวลาว่างสำหรับกินอาหารมื้อใหญ่ คุณมักจะปวดหัวบ่อยๆ หากคุณไม่เคยทรมานจากการปวดหัวมาก่อน แต่อยู่ๆ คุณก็รู้สึกปวดหัวจนแทบจะระเบิดนั่นหมายความว่าความเครียดกำลังจะเล่นงานคุณแล้ว โดยความเครียดจะไปปลดปล่อยสารเคมีบางอย่างในสมองซึ่งสารชนิดนั้นอาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของเส้นประสาทแหละเส้นเลือดในสมองจะในที่สุดอาจจะทำให้เกิดโรค “ไมเกรน” ได้ วิธีการแก้: หากไม่ต้องการกินยาแก้ปวดลองทาน้ำมันลาเวนเดอร์หรือน้ำมันเปปเปอร์มินต์บริเวณขมับเมื่อเริ่มปวดหัว คุณมักจะปวดท้องบ่อยๆ ความเครียดอาจส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหารได้มากกว่าหนึ่งโรค โดยมันสามารถทำให้ร่างกายผลิตกรดย่อยอาหารมากขึ้นนำไปสู่อาการเสียดท้อง อีกทั้งความเครียดสามารถชะลอการย่อยอาหารที่กระเพาะอาหารซึ่งเป็นสาเหตุของก๊าซและท้องอืดและทำให้เกิดการเกร็งตัวที่ลำไส้ใหญ่ได่อีกด้วย วิธีการแก้: ใช้ยาแก้ท้องเฟ้อหรืออาจจะลองดื่มน้ำขิงก็สามารถช่วยได้ …
-
คุณแม่มีปัญหา “นมโตไม่หยุด” จนต้องหาทางรักษา เพราะมันทำชีวิตลำบากเหลือเกิน!!
สาวๆ หลายคนอาจจะไม่พอใจที่ตัวเองเกิดมามีขนาดหน้าอกเล็ก นั่นจึงทำให้พวกเธอต้องหาวิธีที่จะเพิ่มขนาดด้วยการทำศัลยกรรมอัพไซส์ จากคัพ A ให้กลายเป็นคัพ D เอาแบบที่ว่าวางระเบิดลงตู้มมมมเดียวจอด!! แต่สำหรับ Sheridan Larkman คุณแม่วัย 23 ปี จาก Trafalgar ในรัฐวิกตอเรีย ประเทศออสเตรเลียคนนี้ เธอกลับรู้สึกไม่พอใจขนาดหน้าอกคัพ K ของตัวเอง จนต้องไปหาทางในการรักษา เนื่องจากมันส่งผลให้เธอใช้ชีวิตลำบากนั่นเอง . วันที่ 27 ตุลาคม 2560 สำนักข่าวเดลีเมล์ได้เผยว่า หน้าอกของ Sheridan ได้เริ่มขยายใหญ่ขึ้นเมื่อตอนที่เธออายุเพียงแค่ 8 ขวบ และพออายุได้ 10 ขวบหน้าอกก็ขยายใหญ่ขึ้นอีก (ซึ่งหากเทียบเป็นไซส์หน้าอกก็จะอยู่ที่ประมาณคัพ D) ที่สำคัญดูเหมือนว่ามันจะไม่หยุดเพียงเท่านั้น เพราะหน้าอกเจ้ากรรมดันขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นทำให้ Sheridan แทบจะไม่สามารถหาชุดชั้นในที่พอดีกับขนาดหน้าอกมาใส่ได้เลย ทางด้าน Sheridan ได้ออกมาเผยว่า เธออยากจะวิ่งเล่นกับลูกๆ โดยที่ไม่ต้องรู้สึกเจ็บปวดและไม่อยากใช้ชีวิตแบบนี้อีกต่อไปแล้ว ซึ่งตอนนี้เธอกำลังวางแผนที่จะบินไปต่างประเทศ เพื่อเข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอก…
-
คุณตาป่วยเป็นโรคประหลาดได้ยิน “เพลงชาติอังกฤษ” เล่นวนอยู่ในหัวตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า Ron Goldspink คุณตาชาวอังกฤษวัย 87 ปี ป่วยเป็นโรคประหลาดมักจะได้ยินเสียงเพลงชาติสหราชอาณาจักร “God Save the Queen” เล่นวนไปมาอยู่ในหัวมากถึง 1,700 ครั้งต่อสัปดาห์ จากการรายงานระบุว่า Ron ต้องทนทุกข์ทรมานจากการป่วยเป็นโรคหายากที่ชื่อว่า Musical Ear Syndrome (MES) โดยมีผลกระทบต่อการสูญเสียความสามารถในการได้ยิน และในบางครั้งก็อาจจะทำให้เกิดภาพหลอน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครที่สามารถอธิบายถึงสาเหตุและกลไกของการเกิด MES ได้อย่างแน่ชัด แต่ทางนักวิจัยเชื่อว่า มันจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อหูขาดการกระตุ้น และถูกกีดกันทางประสาทสัมผัสทำให้สมองจะเริ่มผลิตเสียงแปลกๆ ออกมา โดยอาการดังกล่าวมักจะเป็นเรื่องปกติในผู้ที่มีภาวะสูญเสียการได้ยิน นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจะมีโอกาสพบ MES ได้ประมาณ 1 ใน 10,000 คนในสหราชอาณาจักร และจะเกิดขึ้นในผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ด้าน Ron ได้ออกมาเผยว่า เขาได้เริ่มมีอาการดังกล่าวตั้งแต่ 3-4…
-
เพียงภาพเดียว.. กับเหตุผลที่ว่าทำไมไม่ควร “ปล่อยโคมลอย” เพราะส่งผลเสียมากกว่าที่คิด!?
จริงอยู่ที่การ ‘ปล่อยโคมลอย’ จะกลายมาเป็นหนึ่งในประเพณีประจำปีของไทยเรา โดยเฉพาะในช่วงลอยกระทง ทว่าสิ่งที่มาพร้อมกับความหวังในคำอธิษฐาน กลับเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับชีวิตอื่นไปซะได้!? เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2017 เว็บไซต์ Metro ได้รายงานเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศอังกฤษ กับนกฮูกสายพันธุ์หายากตัวหนึ่งที่บินไปติดโคมลอยและกลายเป็นภาพสุดเศร้าให้เราต้องมาตระหนักถึงประเพณีการปล่อยโคมลอยกันอีกครั้ง สภาพของนกฮูกที่เสียชีวิตเพราะบินไปติดกับโคมลอย เรียกได้ว่าจากเหตุการณ์นี้… ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในประเทศอังกฤษ ต้องกลับมาตั้งคำถามถึงการปล่อยโคมลอย ที่อาจนำมาซึ่งผลเสียมากกว่าผลดีทางจิตใจ โดยในแต่ละปี จะมีการปล่อยโคมลอยประมาณ 200,000 ลูกในประเทศอังกฤษ ข้อมูลจากองค์กร RSPCA เผยว่า ‘โคมลอย’ ที่เป็นประเพณีดั้งเดิมจากประเทศจีน ได้สร้างผลกระทบมากมายให้แก่สิ่งแวดล้อมทั่วโลก ไม่ว่าจะกับผืนป่า หรือสัตว์ป่าก็ตาม แล้วโคมลอยมันอันตรายยังไง? ด้วยความที่ประเพณีไทยเรามีการฝังความเชื่อเรื่องการอธิษฐานถึงสิ่งดีๆ และเชื่อว่าการปล่อยโคมจะช่วยสะเดาะเคราะห์กรรมได้ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลังปล่อยไปแล้ว.. โคมลอยที่มีความร้อนสูงได้สร้างปัญหามากมายให้กับทั้งธรรมชาติ และชาวบ้านด้วยกันเอง RSPCA รายงานว่า มีสัตว์ปีกหลายชนิดที่มักจะเห็นแสงไฟบนท้องฟ้าแล้วบินเข้าหา บ้างก็คิดว่าเป็นอาหารจึงใช้ปากจิกกิน และสิ่งที่ตามมาก็คือลวดของโคมลอยมักจะไปเกี่ยวติดกับขาของสัตว์ปีกและทำให้พวกมันเสียชีวิตในที่สุด ไม่ใช่แค่กับสัตว์ปีกเท่านั้น แม้แต่สัตว์เดินดินหลายชนิดก็ต้องเผชิญปัญหานี้เช่นกัน เมื่อโคมลอยตกสู่พื้นบางครั้งไฟที่ยังมอดไม่สนิทก็อาจทำให้เกิดไฟป่าลุกลามจนกลายเป็นเหตุเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ก็มีมาแล้ว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังชี้ว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่สารเคมีในโคมลอยตกสู่พื้นดิน คราบน้ำมันและการเผาไหม้ต่างๆ จะกลายเป็นสารพิษตกค้างสู่ผืนดิน และส่งผลต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในระบบนิเวศน์อีกด้วย..!!…
-
18 ภาพที่จะเผยให้เห็นว่า “พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา” สร้างหายนะให้กับมนุษย์ได้มากแค่ไหน…
พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ถือเป็นอีกหนึ่งภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อมนุษย์ โดยพายุดังกล่าวเป็นพายุลูกใหญ่ และมีความร้ายแรงกว่าพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์หลายเท่าตัว!! และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางสื่อต่างประเทศมีรายงานว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา ได้มุ่งหน้าไปยังทะเลแคริบเบียน เข้าสู่เกาะประเทศแอนติกา บาร์บูดา ในมหาสมุทรแอตแลนติก และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ที่มีกำลังแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้คนนับล้านกลายเป็นคนเร่รอน และไร้ที่อยู่อาศัย เนื่องจากพายุลูกนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างหนัก จนทำให้ผู้คนไม่มีน้ำ ไม่มีไฟใช้ โดยล่าสุดมีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วอย่างน้อย 10 ราย วันนี้เราได้รวมภาพถ่ายความเสียหายที่เกิดขึ้นจาก “พายุเฮอร์ริเคนเออร์มา” มาให้ได้รับชมกัน ว่าแล้วก็มารับชมกันเลย 1.ผู้คนได้พากันอพยพสัตว์เลี้ยงของพวกเขา 2.ภาพก่อนและหลังการเกิดเหตุพายุลูกใหญ่ในหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 3.อ่าว Paraquita ก่อนและหลังเกิดเหตุ 4.บรรดาน้องหมาที่มาหลบภัยอยู่ใต้ต้นไม้ ที่รัฐโดมินิกัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา 5.แนวชายฝั่งของเกาะเซนต์มาร์ติน ที่ได้รับความเสียหายจากพายุดังกล่าว หลังคาบ้านที่ปลิวออกจากตัวบ้าน และถูกพัดออกไปอยู่บนถนน 6.Beach Plaza Hotel บนเกาะเซนต์มาร์ติน ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน 7.ภาพความเสียหายของร้าน Popular Honky Tonk ในเมือง…
-
ใครเชิญเอ็ง… เจ้าของบ้านผงะ “จระเข้ยักษ์” โผล่มานอนเล่นในบ้านเฉย เรียกเจ้าหน้าที่แทบไม่ทัน
อิทธิพลของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ ส่งผลให้หลายพื้นที่ในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรงเป็นประวัติการณ์ จนทำให้ท้องถนนหลายสายโดยเฉพาะในเมืองฮิวสตันกลายสภาพเป็นแม่น้ำ และนอกจากชาวฮิวสตันจะได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักแล้ว พวกเขาก็ต้องมาเผชิญกับเรื่องที่แสนจะปวดขมับกันต่อ เพราะหลังจากที่ประชาชนจำนวนมากได้เริ่มทยอยเดินทางกลับบ้าน ก็มีอีกหลายๆ คนต้องมาเจอกับแขกที่ไม่รับเชิญ อย่างเช่น “พี่เข้” เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่เริ่มเบาบางลง ผู้คนก็เริ่มเดินทางกลับบ้านของตัวเอง เพื่อไปทำความสะอาด และตรวจสอบความเสียหาย แต่ปรากฏว่ามีเจ้าของบ้านหลังหนึ่งในเขตฮัมเบิล เท็กซัส เมืองฮิวสตัน ได้พบว่าที่บ้านของเขานั้นมีผู้บุกรุกขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายจระเข้มาพักอาศัยอยู่ งานนี้เลยทำให้เขาไม่รอช้ารีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อขอความช่วยเหลือทันที จากการรายงานระบุว่า เจ้าของบ้านรายนี้มีชื่อว่า Brian Foster ซึ่งภายหลังจากที่เขาได้กลับถึงบ้าน เขาก็ต้องผงะเพราะเจอจระเข้ขนาดใหญ่มานอนอ้าซ่าตอนรับอยู่ใต้โต๊ะในห้องครัว “ผมเดินตรงเข้าไปในบ้าน เพื่อสำรวจดูจุดต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย แต่เดินไปในห้องครัวและก้มลงดูบนพื้น ก็เห็นจระเข้ขนาด 10 ฟุต (หรือราวๆ 3 เมตร) นอนอยู่ตรงนั้น” Brian กล่าว เมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินทางมาถึงพวกเขาก็พากันนำตัวผู้บุกรุกออกจากบ้านของ Brian โดยเริ่มจากมัดปากของมันเอาไว้ จากนั้นเจ้าหน้าที่…
-
เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ใจดี เปลี่ยนร้านให้กลายเป็นสถานที่พักชั่วคราวให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วม
เหตุการณ์น้ำท่วม ถือเป็นหนึ่งในภัยธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์อย่างหนัก ทำให้ผู้คนถึงขั้นเสียชีวิต และไร้ที่อยู่อาศัย… เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า นครฮุสตัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังเผชิญกับอุทกภัยครั้งใหญ่จากพายุเฮอริเคนฮาร์วีย์ และเกิดฝนตกต่อเนื่องหลายวัน ทำให้เกิดน้ำท่วมหนักในพื้นที่บริเวณดังกล่าว เหตุการณ์นี้ ส่งผลให้ผู้คนกว่า 400 คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมไร้ที่อยู่อาศัย และนั่นจึงทำให้ Jim McIngvale หรือที่รู้จักในชื่อ “Mattress Mack” ผู้เป็นเจ้าของร้าน Gallery Furniture ในฮุสตัน ได้ยืนมือเข้ามาช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที จากการายงานระบุว่า Jim เจ้าของร้านเฟอร์นิเจอร์ได้เปลี่ยนร้านของตัวเอง ให้กลายเป็นสถานที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้กับผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม ทางด้านบริษัท Gallery Furniture ใน North Freeway และ Gallery Furniture ใน Grand Parkway ก็ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า… “เรามีอาหาร เตียง และห้องน้ำที่สะอาดสำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ และสัตว์เลี้ยงของคุณก็จะได้รับการดูแลจากเราเป็นอย่างดี”…
-
ผลวิจัยเผย “การเล่นเกมส์ในโหมด Easy” สามารถสร้างผลเสียให้กับสมองส่วนความจำได้
หลายคนคงชื่นชอบในการเล่นเกมส์และชื่นชอบในความท้าท้ายกับความยากของเกมส์นั้นๆ เพื่อให้ผ่านอุปสรรคไปก็ต้องพยายามกันหน่อย หรือบางคนก็อาจชอบที่จะเล่นเพื่อให้สนุกสนานตรงที่สามารถผ่านด่านไปได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าการเล่นเกมส์ในรูปแบบนั้นจะสร้างผลกระทบให้กับสมองของคุณได้ เมื่อนักวิทยาศาสตร์แห่งมหาลัย Montreal ได้ทำการศึกษาและเชื่อว่าการเล่นเกมส์ที่ไม่มีแผนที่นำทางในเกมส์ให้นั้น จะทำให้สมองสามารถอยู่เล่นเกมส์ต่อไปได้อีกเป็นชั่วโมง แต่หากว่าทุกสิ่งทุกอย่างสิ่งนำทางให้เห็นจนหมดก็จะทำให้ทุกอย่างมันกลายเป็นง่ายเกิน การศึกษานั้นเผยว่าเหล่าสาวกเกมส์ยิงปืนมุมมองบุคคลที่หนึ่งหรือที่เรียกกันว่า FPS โดยเฉพาะแนวกองกำลังติดอาวุธจะจะมีระบบนำทางบ่อยๆ และนั่นจะสร้างความเสี่ยงเป็นอย่างมาก การวิจัยนี้ได้ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Molecular Psychiatry โดยผู้เขียนคือ Greg West ผู้ช่วยศาสตราจารย์สาขาจิตวิทยา เขาได้บอกเอาไว้ว่าผู้ที่เล่นเกมส์แนวแอคชั่นจนติดเป็นนิสัยนั้นจะทำให้เกิดเนื้อเทาในสมองส่วนฮิปโปแคมปัสได้น้อยลง หากจะอธิบายเกี่ยวกับฮิปโปแคมปัสแบบคร่าวๆ ก็คือส่วนที่ช่วยในเรื่องของความทรงจำในอดีตและความทรงจำเชิงพื้นที่ แกนกลางของนิวเคลียสก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องช่วยในการเตือนว่าเรากิน ดื่ม หรือนอนในเวลาไหน และเนื้อเทาจะมีความสัมพันธ์กับความสามารถในการจำเรื่องเหล่านี้ เขากล่าวว่า “วิดีโอเกมส์แสดงให้เห็นถึงข้อดีที่ช่วยระบบความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้สิ่งรอบตัวและความจำระยะสั้น แต่มันก็ได้มีหลักฐานทางพฤติกรรมว่าจะต้องแลกมาด้วยบางสิ่งบางอย่าง ในแง่ของผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมองส่วนฮิปโปแคมปัส” และทั้งหมดนั้นคือเหตุผลในการศึกษาการสร้างภาพประสาทด้วยการสแกนสมองของคนที่เล่นเกมส์อยู่เสมอกับคนที่ไม่ได้เล่นเกมจนเห็นความแตกต่างในเรื่องของเนื้อเทาที่น้อยกว่าในกลุ่มคนเล่นเกมส์ นั่นจึงทำให้พวกเขาทำการศึกษาระยะยาวตามมาเพื่อหาความเป็นเหตุเป็นผล จนพบได้ว่าเกมส์มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงของสมอง เมื่อผลการศึกษาออกมาเป็นอย่างนี้ก็คงต้องไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะสนับสนุนเด็กๆ หรือแม้แต่วัยรุ่นในการเล่นเกมส์เพื่อเสริมสร้างความจำระยะสั้นและการสังเกตสิ่งรอบตัวให้กับพวกเขากันบ้างแล้ว เพราะหากเล่นมากไปก็อาจทำให้เกิดผลกระทบตามมาอีกได้ด้วย สิ่งต่างๆ มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ขอแค่ให้ได้ใช้มันอย่างเหมาะสมก็จะสามารถสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเรา ที่มา: comicbook
-
หนุ่มปากเจ่อเกินไปจนไม่สามารถหุบให้สนิทได้ หลังอัด “ฟิลเลอร์” ที่ริมฝีปากมาอย่างหนัก
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า หนุ่มรายหนึ่งต้องประสบกับปัญหาปากเจ่อ และหุบไม่สนิท เนื่องจากมีปริมาณของสารฟิลเลอร์ที่เคยฉีดบริเวณปากมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่พอใจในตัวเอง นั่นจึงทำให้เขาคิดที่อยากจะมีริมฝีปากใหญ่ และอวบอิ่มมากกว่าเดิม สำหรับหนุ่มรายดังกล่าวมีชื่อว่า Jonathan เขาได้ไปพบกับ Dr. Terry Dubrow และ Dr. Paul Nassif ด้วยความหวังว่าจะได้รับการฉีดฟิลเลอร์ที่บริเวณปาก แต่อย่างไรก็ตาม ทางด้านศัลยแพทย์กลับรู้สึกกังวลว่าเขาอาจจะได้รับผลกระทบจากสารดังกล่าวมากเกินไป และอาจจะก่อให้เกิดอันตรายได้ ทางด้าน Jonathan ได้ออกมาเผยว่า พอเขาเริ่มโตขึ้นเขาต้องการที่จะให้ตัวเองดูเหมือนตุ๊กตา ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เขาหมกมุ่นอยู่กับการฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากอยู่บ่อยครั้ง “เมื่อผมอายุ 25 ปี ผมเริ่มฉีดท็อกซ์ และฉีดฟิลเลอร์ ผมเริ่มกลายเป็นคนหมดมุ่นอยู่กับการฉีดริมฝีปาก และตั้งแต่นั้นมาผมก็เสพติดมัน และมักจะไปฉีดในทุกๆ 3 เดือน” Jonathan กล่าว นอกจากนี้ Jonathan ยังเคยบอกแพทย์ว่า เขาได้ทำการฉีดฟิลเลอร์ที่ปากของเขาถึงมากถึง 11…
-
ผลพวงมนุษย์ทิ้งยาคุมกำเนิด-สารเคมี ลงชักโครกมากไป จนปลากว่า 20% กลายเป็น “ปลากะเทย”
การกระทำหลายอย่างที่มนุษย์ทำไปโดยไม่รู้ตัว อาจจะส่งผลกระทบต่อธรรมชาติ รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ได้ และนั่นก็อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งที่ใครต่อใครก็คาดไม่ถึง เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า นักวิจัยได้ทำการศึกษาน้ำปลาจืดกว่า 50 แห่งในสหราชอาณาจักร พบว่า ปลาเพศผู้กว่า 20% ได้เปลี่ยนเพศกลายเป็นปลากะเทย โดยสาเหตุดังกล่าวเกิดจาก สารเคมีที่มีฤทธิ์คล้ายกับฮอร์โมนเพศหญิง ยาคุมกำเนิด และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด รวมถึงของใช้ในครัวเรือนต่างๆ ที่ถูกล้างออกทางท่องระบายน้ำ และห้องน้ำ จากการรายงานระบุว่า สารเคมีที่ถูกล้างออกทางท่อระบายน้ำ จะทำงานกับปลาในลักษณะเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในมนุษย์ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นๆ จากเพศผู้กลายเป็นปลากะเทย นอกจากนี้ สารเคมียังมีผลโดยตรงต่อปลาในแม่น้ำ โดยจากปลา 1 ใน 5 ตัวที่ได้รับผลกระทบจะสามารถลดการผลิตอสุจิลง ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเอ็กเซเตอร์ พบว่า ร้อยละ 20 ของปลาน้ำจืดกว่า 50 สถานที่ต่างๆในสหราชอาณาจักร กลายเป็นปลาที่มีลักษณะเป็นเพศเมียมากขึ้น นอกจากนี้ พวกเขายังพบว่า ลูกหลานของปลาเหล่านี้ อาจมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอมากขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสารเคมี ด้านศาสตราจารย์…
-
ชายหนุ่มตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลก ที่มีแต่การก่อการร้าย…”
หลายคนอาจจะยังจำได้ดีกับเหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิร์ลเทรด ในเดือนกันยายนปี 2001 หรือจะเป็นก่อการร้ายในกรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ปี 2005 ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังมีเหตุการณ์โศกนาฎกรรมทำนองนี้เกิดขึ้นมาอีกเรื่อยๆ Tony Walter ชายอังกฤษวัย 52 ปี คือหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ในลอนดอนครั้งนั้น ทว่าภาพความทรงจำอันเลวร้ายยังคงตามหลอกหลอนเขามาเสมอ จนทำให้เจ้าตัวตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยเหตุผล “ไม่อยากอยู่ในโลกที่มีการก่อการร้ายอีกต่อไปแล้ว” Tony Walter Walter เป็นหนึ่งในผู้โดยสารของขบวนรถไฟ Edgware Road ที่ถูกระเบิดพลีชีพจนเกิดเป็นเหตุการณ์ 7/7 และทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 7 คน ทว่าหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ระเบิดในคอนเสิร์ตของ Ariana Grande ที่ผ่านมาไม่นานนี้ เขาก็เป็นอีกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย และมันกลับกลายเป็นภาพหลอนที่ทำให้เจ้าตัวหวนคิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม วันถัดมาเขาก็ยังไปทำงานปกติในวันที่ 23 พฤษภาคม โดยที่มีอาการบ่นถึงเพื่อนร่วมงาน และเล่าให้พวกเขาฟังว่าเหตุการณ์มันทำให้เขาหลอนถึงเรื่องเมื่อ 12 ปีก่อนด้วย “Tony เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์ระเบิดที่คอนเสิร์ต เพราะเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดภาพแฟลชแบ็คขึ้นกับเขา ช่วงหลังก่อนที่เขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย และนี่ก็เป็นความผิดของผู้ก่อการร้าย” เพื่อนร่วมงานของ Tony ให้สัมภาษณ์ โดยเมื่อวันที่…
-
12 ดาราดังผู้ได้รับผลกระทบแย่เกินจะบรรยาย จากชุดคอสตูมที่พวกเขาต้องใส่แสดงภาพยนตร์
สำหรับการแสดงแล้วนอกจากตัวนักแสดง บทและสเปเชี่ยลเอฟเฟคต่างๆ ที่ใช้ประกอบในภาพยนตร์ คอสตูม ของตัวละครก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ เช่นกัน แต่เราจะรู้กันไหมว่าคอสตูมบางชุด ก็สร้างผลกระทบที่ไม่ดีให้กับนักแสดงเช่นกัน บางคนถึงกับเสียชีวิตเลยก็มี ฉะนั้นเราเลยจะไปดูเรื่องราวของคอสตูมที่สร้างผลกระทบอันร้ายแรงให้กับนักแสดง แต่ละคนต้องอดทนจากความเจ็บปวดเหล่านั้นอย่างไรบ้าง? 1. Jennifer Lawrence ได้รับสารพิษสะสมจนเกิดเป็นสิวและแผลพุพองทั่วทั้งตัว จากเมคอัพที่เธอแสดงเป็นมิสทีคใน X-Men ภาคต่างๆ ซึ่งเราก็รู้กันดีว่าบทนี้จะมีตัวสีฟ้าทั้งตัวและมีเกล็ดตามร่างกาย 2. Buddy Ebsen ในปี 1939 เขาได้รับบทเป็น Tin Man ในเรื่อง The Wizard of Oz จนภายหลัง Jack Haley มารับบทนี้แทนเขา ส่วนสาเหตุที่เปลี่ยนคนแสดงเพราะ การที่เขารับบทนี้จำเป็นจะต้องทาตัวให้มีสีเงินด้วยผงอลูมิเนียม แต่หลังจากรับบทนี้ไปได้ 9 วันเขาก็ล้มป่วยทันที 3. Margaret Hamilton จากเรื่อง The Wizard of Oz เช่นเดียวกัน โดยเธอรับบทเป็นแม่มดภายในเรื่อง และบทนี้เธอจะต้องทาตัวสีเขียว จนเธอได้เข้าถ่ายฉากหนึ่งที่ต้องหนีผ่านประตูกลและไฟ ซึ่งถ้าตามเนื้อเรื่องเธอสามารถหลบหนีไปได้อย่างปลอดภัย แต่ทว่าสีเขียวที่เธอทาอยู่บนตัวนั้นไวต่อไฟ ทำให้ผิวของเธอถูกไฟคลอก และต้องไปนอนซมอยู่ในโรงพยาบาลนานหลายวัน…
-
นักวิจัยชี้ ‘กัญชา’ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เพิ่มมากขึ้นจริง!!
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนๆ ไปสูบกัญชา หรือทำผิดกฏหมายหรอกนะ แต่ #เหมียวบ็อบ ก็มั่นใจเหมือนกันว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่กำลังใช้ ‘กัญชา’ กันแบบลับๆ (ลับสายตาตำรวจ) บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวคราวในหน้าเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับข้อดีของมัน เรียกได้ว่าถ้าเอาไปใช้ประโยชน์จริงจังในด้านการแพทย์ มันก็สามารถที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยในหลายๆเคส ได้ดีเหมือนกัน แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับข้อเสียของมันบ้าง… จากการศึกษาของ Dr. Kennon Heard แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด้ เขาได้ทำการรวบรวมเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 2009 และพบว่า โรงพยาบาลในรัฐที่กัญชาถูกกฏหมาย มีตัวเลขของผู้ป่วยจากการใช้กัญชาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ย้อนกลับไปในปี 2004 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ได้ทำการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วย 19 คน ที่มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน และพบว่าทั้ง 19 คน มีสาเหตุมาจากการใช้ ‘กัญชา’ อย่างหนัก และสะสมเป็นเวลานาน ส่วนทางด้านของ Dr. David Steinbruner ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพจากโรงพยาบาลในรัฐโคโลราโด้ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า หลังจากที่รัฐประกาศให้กัญชาถูกกฏหมาย แน่นอนว่ามีจำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน ตัวเลขของผู้ป่วยที่เกิดจากการใช้กัญชาอย่างหนัก…
-
เผยผลงานวิจัยอันยาวนานร่วม 20 ปี ศึกษาการใช้กัญชาในระยะยาว ไม่ได้ส่งผลเสียมากนัก
ทุกวันนี้เริ่มมีการร้องเรียนถึงการปลดแอกกัญชาให้พ้นจากสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย เมืองนอกเมืองนาก็เริ่มให้กัญชาเป็นสิ่งที่เสรีแล้ว อย่างเช่นบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการวิจัยเกี่ยวกับกัญชามาสนับสนุนหาข้อดีของมันมากขึ้น ยังคงวนเวียนอยู่ในการถกเถียงถึงข้อเสียของกัญชาที่มีมากกว่าข้อดี เนื่องจากมองว่ามันเป็นยาเสพติด หากจะใช้ก็ต้องเป็นวิธีการสูบซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากบุหรี่ที่มีขายกันเกร่ออย่างถูกกฎหมายแต่ทำให้เสียสุขภาพ แต่ต้องยอมรับเลยว่างานวิจัยชิ้นนี้ มีความพยายามที่สูงมากเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าการใช้กัญชาระยะยาวนั้นส่งผลดีหรือเสียให้กับร่างกายอย่างไร โดยทำการศึกษากับชาวนิวซีแลนด์สายเขียวกว่า 1,037 ราย ที่ใช้กัญชาตั้งแต่อายุ 18 ปีจนถึงอายุ 38 ปี นับว่าเป็นระยะเวลาการศึกษาอันยาวนานร่วม 20 ปี ทั้งนี้ในฟลูเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใช้กัญชาระยะยาวจะได้รับผลกระทบเกี่ยวกับสุขภาพปาก นั่นก็คือโรคปริทันต์ (รำมะนาด) ที่จะส่งผลต่อเหงือกและฟัน ซึ่งนี่ก็เป็นข้อเสียเพียงข้อเดียวที่ค้นพบจากการศึกษานี้ ส่วนข้อดีของใช้กัญชาระยะยาวก็คือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและช่วยทำให้เอวมีขนาดที่เล็กลง โดยทาง Dr. Kevin Hill ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดกัญชาและเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ว่า ‘แน่นอนว่าการใช้กัญชาอย่างหนักหน่วงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย จากผลการศึกษาดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดคิดเอาไว้ แถมยังดีเกินคาดอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นคุณอาจจะเปลี่ยนความคิดกับกัญชาเสียใหม่’ อย่างไรก็ตาม ทีมงานวิจัยยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบข้างเคียงทางด้านกายภาพตามมาในภายหลัง ซึ่งก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะออกไปในทางที่ดีหรือทางที่ร้าย ที่มา : archpsyc.jamanetwork, theladbible
-
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกายจะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าไปนอนในระหว่างที่ยังเมาอยู่!?
ในช่วงเวลาสนุกสุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ที่คุณได้ออกไปดื่มด่ำกับแสงสี เสียงดนตรี ออกลีลาเต้นโดยไม่สนใจใคร พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย ยิ่งทวีคูณไปอีกหลายเท่าตัว กว่าจะพอได้ก็ซัดไปหลายแก้ว หลายขวด บางคนยังตาแข็งฮึดสู้ยันสว่าง บางคนก็ร่วงโรยหลับกลางอากาศจนถึงขั้นวาร์ปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้เอาไว้ก็คือหากว่าเราเข้านอนในระหว่างที่กำลังเมาอยู่ เคยคิดถึงผลที่จะตามมากับร่างกายของเราบ้างมั้ยเอ่ย? เพราะยิ่งดื่มก็ยิ่งทำให้เราอยากหลับมากเท่านั้น มันจะมีผลข้างเคียงอย่างไร มาดูกัน 1. คุณจะหลับลึกได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า แอกอฮอล์มีส่วนช่วยทำให้กดส่วนสมองของคุณ นั่นก็หมายความว่าคุณจะหลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็วมากกว่าปกติ (เร็วกว่าปกติประมาณ 4 – 16 นาที) ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นหลับลึกทันที ไม่มีขั้นกึ่งหลับกึ่งตื่น แบบว่าหมดสติไปแล้ว 2. หัวใจจะปั้มเลือดมากกว่าปกติ ในการหลับแบบปกติ ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะสแตนบาย ใช้พลังงานน้อย จึงไม่จำเป็นต้องปั้มเลือดไปเลี้ยงร่างกายมากเท่าไหร่ แต่เมื่อมีแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายปุ๊บ มันจะไปรบกวนระบบการทำงานของร่างกายทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบความดันโลหิต ทำให้ระบบประสาทกับอัตราการเต้นของใจนั้นทำงานอย่างหนักหน่วงส่งผลต่อการนอนหลับด้วยเช่นกัน 3. การนอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่นั้นแทบจะหมดไปเมื่อมีแอลกอฮอล์ REM Sleep คือช่วงเวลานอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่ การหลับแบบนี้สมองจะประมวลผลทำให้เกิดความฝัน โดยจะเกิดขึ้นประมาณ 5 – 7…
-
ตำนานมวยปล้ำหญิง Chyna บริจาคสมองของเธอเพื่อวิจัยหาผลกระทบจากการเล่นมวยปล้ำ
ข่าวคราวการสูญเสียบุคคลชื่อดังระดับตำนานในวงการมวยปล้ำ WWE นั้นนับว่าเป็นอะไรที่น่าใจหายมากๆ ล่าสุดนี้หากใครได้ติดตามข่าวคราวกันมาบ้างแล้วจะทราบว่า นักมวยปล้ำหญิงระดับตำนานอย่าง Chyna นั้นได้เสียชีวิตลงแล้ว Chyna หรือชื่อจริง Joanie Laurer ถูกพบเสียชีวิตอยู่ภายในบ้านของตัวเอง โดยที่ผู้พบศพของเธอก็คือผู้จัดการส่วนตัว Anthony Anzaldo เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมา Chyna กับผู้จัดการส่วนตัวของเธอ Anthony Anzaldo ทั้งนี้ทางผู้จัดการเองไม่อยากจะติดตามในเรื่องของสาเหตุการเสียชีวิตมากนัก และพยายามที่จะพูดคุยกับครอบครัวของเธอเพื่อทำการบริจาคสมองในการค้นคว้าวิจัยหาผลกระทบของสมองจากการเล่นมวยปล้ำ และหาทางรับมือกับมันในอนาคต โดยในทีมงานวิจัยนี้จะมี Dr. Bennet Omalu ผู้ค้นพบ Central Traumatic Encephalopathy โรคความเสี่ยงทางสมองของนักกีฬาเข้าร่วมด้วย เพื่อที่จะสร้างความตระหนักต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสมองของนักกีฬามวยปล้ำ ทั้งนี้นักมวยปล้ำชื่อดังอย่าง Mick Foley, Kevin Nash และ Jeff Hardy ได้ยืนยันแล้วว่าพวกเขายินยอมที่จะบริจาคสมองหลังจากที่พวกเขาเสียชีวิตลงไปแล้ว และ John Cena กำลังพิจารณาอยู่ว่าถ้าหากการวิจัยนี้เป็นประโยชน์จริงๆ…
-
รวม 15 ภาพเปรียบเทียบชีวิต “เจ้าเหมียว” ว่าเปลี่ยนไปอย่างไร เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา
ทุกวันนี้ โทรศัพท์สมาร์ทโฟน โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต และเทคโนโลยีต่างๆ กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นในชีวิตของคนหลายๆ คน สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง จนหลายๆ คนอาจใช้ชีวิตไม่ได้ด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีสิ่งของเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ ไม่เพียงแต่มนุษย์เท่านั้นที่วีถีชีวิตเปลี่ยนแปลงไป กระทั่งเจ้าเหมียวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ไม่เชื่อลองไปดู 15 ภาพเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงของชีวิตเจ้าเหมียว เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามา จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เมื่อก่อนมีของเล่น เดี๋ยวนี้แทบจะมาแย่งคอมเราเล่นละ เมื่อก่อนหนาวๆ ไปนอนกอดท่อน้ำอุ่น เดี๋ยวนี้นอนบนอแดปเตอร์ละกันอุ่นเหมือนกัน ตะก่อนต้องสู้รบกับม้วนด้ายไหมพรมต่างๆ เดี๋ยวนี้เปลี่ยนมาสู้รบกับสายไฟแทน เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปไกลถึงบ่อปลาแล้วนะ มีให้ในแทปเล็ตเลย อินเซ็ปชั่นได้ง่ายๆ มั้ยละ เมื่อก่อนจีบสาวข้างบ้านประจำ เดี๋ยวนี้คลิกเดียวก็ได้เจอหน้าแล้ว เมื่อเทคโนโลยีเข้ามา ม้วนด้ายก็หมดประโยชน์สิครัชชช เมื่อก่อนก็ถ่ายรูปธรรมดาๆ เอ๊ะเดี๋ยวนี้ทำไมหน้าตาเราเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนอนกล่อง เดี๋ยวนี้มีคนทำบ้านให้เราด้วยนะ เมื่อก่อนต้องไปวิ่งข้างนอก เดี๋ยวนี้มีที่ให้วิ่งในบ้านพร้อม..ว่าแต่ทำไมเราเหมือนจะไม่ได้ขยับไปไหนเลยแฮะ เดี๋ยวนี้หน้าต่างบ้านเรามีฉากสวยๆ ให้ดูเยอะเหมือนกันเนาะ…
-
ภาพเปรียบเทียบความเสียหายของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซีเรีย หลังการต่อสู้กับ ISIS…
สงครามนอกจากจะทำลายล้างชีวิตของทั้งทหารและเหล่าผู้บริสุทธิ์แล้ว บางครั้งสถานที่สำคัญที่ไม่อาจประเมิณค่าได้ ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างเช่นเหล่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในประเทศซีเรียนี้ ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสะเทือนใจอย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศซีเรียบางส่วนถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายในชื่อ ISIS เข้ายึดครอง รวมถึงเมือง Palmyra ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายนี้ก็เช่นกัน และล่าสุดทางมหารของซีเรียได้ยึดเมืองนี้กลับคือจากเหล่า ISIS ได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศรัสเซีย แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึง พวกเขาก็ต้องสะเทือนใจไปกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหล่าโบราณสถานเหล่านั้น เพราะมันช่างหนักหน่วงเหลือเกิน ซึ่งเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายของ Joseph Eid ตากล้องจากสำนักข่าว APF ที่ถ่ายเมื่อสองปีก่อน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย อื้อหือ เสียหายหนักมากจริงๆ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล อย่างไรก็ตาม Mamoun Abdulkarim ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีของซีเรียกล่าวว่า พวกเขาจะพยายามบูรณะโบราณสถานเหล่านี้ให้ได้มากที่ซึ่งพวกเขาได้เชิญนักโบราณคดีเก่งๆ จากทั่วโลกมาแล้ว และจะได้รับการสนับสนุนจากองค์การ UNESCO อีกด้วย ก็ได้แต่หวังว่า พวกเขาจะสามารถรักษาบูรณะโบราณสถานล้ำค่าเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดนะฮะ สงครามไม่เคยมอบอะไรนอกจากความสูญเสียจริงๆ และก็ไม่รู้ว่า ต้องมีผู้คนและสถานที่สำคัญอีกเท่าไหร่ ที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามครั้งนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ได้แต่หวังว่าสงครามจะจบในไม่ช้า และความสงบจะกลับมาสู่แผ่นดินโดยเร็วนะฮะ ที่มา Boredpanda
-
Magoo แมวน้อยน่ารักที่มักจะแลบลิ้นอยู่ตลอดเวลา จนกลายเป็นซุปตาร์เหมียวผู้โด่งดังใน IG
ต้องยอมรับเลยว่าเกิดมาเป็นแมว แค่อยู่เฉยๆ อยู่นิ่งๆ แบบไม่ต้องทำอะไร ความน่ารักก็พุ่งปรี๊ดอยู่แล้ว ยิ่งแมวบางตัวทำหน้าตาแบ๊วๆ ทะเล้น และขี้เล่น ขอบอกเลยว่าพวกมันทำให้พวกมนุษย์หลายๆ คนถึงกับใจละลายกันมานักต่อนัก และในวันนี้เราจะพาคุณผู้ชมทุกท่านมารู้จักกับซุปตาร์แมวตัวใหม่ ที่ฉายแววความน่ารักและโดดเด่นกว่าแมวทั่วๆ ไป โดยมันมักจะชอบแลบลิ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งสร้างความน่ารักให้กับตัวมันขึ้นหลายเท่า ไม่เชื่อก็ลองดูเลย… น่ารักจริงๆ ซึ่งเจ้าเหมียวตัวสีน้ำตาลเข้มหน้าตาทะเล้นจากแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดาตัวนี้ มีชื่อว่า Magoo นั่นเอง Magoo เจ้าเหมียวที่มักจะแลบลิ้นออกมาตลอดเวลา ทำให้ตัวของมันยิ่งน่ารักขึ้นเป็นทวีคูณ งานนี้มันเลยกลายเป็นเน็ตไอดอลที่โด่งดังในอินสตาแกรม แถมยังมีคนมาติดตามมันมากถึง 2 หมื่นกว่าคนเลยทีเดียว ธรรมดาที่ไหน!! และสาเหตุที่ทำให้ Magoo แมวพันธุ์ผสมวัย 2 ขวบตัวนี้ต้องแลบลิ้นออกมาตลอดเวลา ก็เพราะว่า มันมีปัญหาขากรรไกรหลุด และไม่สามารถเก็บลิ้นเอาไว้ในช่องปากตามปกติได้ ซึ่งปัญหาขากรรไกรหลุดในแมวแบบนี้ นอกจากจะส่งผลกระทบต่อการเคี้ยวอาหารแล้ว ยังสามารถทำให้ฟันหลุดออกมาเองอีกด้วย น่าสงสารจัง!! แม้เอ็งจะมีปัญหาขากรรไกรหลุด แต่เอ็งก็น่ารักไม่เบาเลยนะ ส่วนใครอยากจะตามติดชีวิตของเจ้า Magoo…