Tag: ผู้สูงอายุ
-
จับกุมอดีตพยาบาล ลอบวางยาผู้ป่วยสูงวัยเสียชีวิต คาดลงมือหวังผลไม่ต่ำกว่า 20 ราย!!
คดีสะเทือนขวัญในครั้งเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 เมื่อมีผู้ป่วยสูงอายุ 2 ราย เสียชีวิตอยู่บนเตียงชั้น 4 ในโรงพยาบาล Oguchi จังหวัดโยโกฮาม่า ในวันที่ไล่เลี่ยกัน พร้อมกับหลักฐานความผิดปกติในถุงน้ำเกลือของผู้ป่วย โดยคาดว่าเป็นการลงมือฆาตกรรม แต่ไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ทางเว็บไซต์ Asahi Shimbun ได้ทำการรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หน่วยงานตำรวจจังหวัดคานางาวะ ได้ทำการจับกุมนาง Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาลวัย 31 ปี ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาล ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุฆาตกรรม ในข้อหาต้องสงสัยลงมือฆาตกรรมผู้ป่วยสูงวัย 2 ราย ได้แก่นาย Sozo Nishikawa วัย 88 ปี และนาย Nobuo Yamaki วัย 88 ปี ด้วยวิธีการเจือนปนยาฆ่าเชื้อผสมในถุงน้ำเกลือ …
-
ชื่นชมน้ำใจ “คนขับรถเมล์” อุ้มหญิงชราขึ้นรถ พาไปนั่ง พอถึงป้ายก็อุ้มลงไปส่งอีก
ผู้สูงอายุ ย่อมต้องการการดูแลและความช่วยเหลือมากกว่าคนทั่วไป เราจึงมักจะเห็นว่ามีคนคอยช่วยเหลือพวกเขาในหลายๆ เรื่อง อย่างเช่น ตอนที่ต้องข้ามถนน หรือแม้แต่ตอนที่ต้องขึ้นรถเมล์เหมือนอย่างในเหตุการณ์นี้ การช่วยเหลือเล็กๆ อันแสนอบอุ่นหัวใจดังกล่าวถูกถ่ายเอาไว้ด้วยกล้องวงจรปิดของรถเมล์ ที่เมือง Zunyi ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศจีน ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2018 เมื่อคนขับรถตัดสินใจลงไปช่วยอุ้มหญิงชราขึ้นมา คนขับรถเห็นหญิงชรากำลังจะเดินขึ้นมาบนรถ มันคงเป็นเรื่องยากหากจะให้หญิงชราคนดังกล่าวเดินขึ้นมาบนรถด้วยตัวเอง และอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ คนขับรถสาวจึงลงไปแบกเธอพาขึ้นรถมา พร้อมกับหาที่นั่งให้พร้อมสรรพ เธออาสาลงไปช่วยแบกหญิงชราขึ้นมาเอง หลังจากนั้น เมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงชราจะต้องลงไป คนขับรถก็เดินไปช่วยแบกเธอขึ้นหลังอีกรอบพาเธอลงไปด้านล่าง สร้างความประทับใจให้กับผู้โดยสารทุกๆ คน รวมถึงคนในโลกโซเชียลที่ได้ชมเหตุการณ์นี้ พอถึงที่หมาย เธอก็ช่วยอุ้มหญิงชราลงไปอีกรอบ . แม้นี่อาจดูเหมือนเป็นการช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ แต่มันกลับสามารถเติมเต็มความประทับใจและความอบอุ่นหัวใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมากจริงๆ คลิปจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ดังกล่าว การช่วยเหลือนั้นไม่ได้สำคัญที่ว่าต้องช่วยเหลือเยอะหรือน้อยมากเพียงใด ขอแค่เราได้ลงมือทำในสิ่งนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็คงจะคุ้มค่ามากกว่าที่เราเคยคาดคิดเอาไว้อย่างแน่นอน ที่มา: cgtn
-
ปัญหาน่าเศร้าของญี่ปุ่น หญิงชราก่อคดีหวังเข้า “คุก” เพราะ ‘ฉันจะไม่โดดเดี่ยวอีกแล้ว…’
ประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้ว่าดูจะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรืองทั้งด้านเทคโนโลยีและวัฒนธรรม แต่เมื่อหลายๆ สิ่งเปลี่ยนไป ประชากรของประเทศกลับต้องประสบปัญหาที่น่าเศร้า… ประชากรในประเทศญี่ปุ่น 27.3 เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมด เป็นผู้สูงวัยที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และสิ่งที่เป็นปัญหาตอนนี้คือการก่ออาชญากรรมของผู้สูงอายุนั่นเอง จากสถิติแล้วมีการแจ้งความและจับกุมผู้สูงอายุในญี่ปุ่นจำนวนมาก โดยเฉพาะ หญิงชรา ที่มีอัตราการก่อคดีสูงกว่ากลุ่มประชากรอื่นๆ เช่นกัน ราวๆ 1 ใน 5 ของจำนวนนักโทษนั้นเป็นผู้สูงอายุ และส่วนมากนักโทษหญิงสูงวัย 9 ใน 10 คน ถูกระบุว่าต้องโทษคดี ขโมยของในร้านค้า สาเหตุที่พวกเธอต้องลงมือก่อคดี หรือว่าขโมยของ ก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคมของประเทศญี่ปุ่น จากปี 1980 ที่การดูแลผู้สูงอายุนั้นเป็นหน้าที่สำคัญของครอบครัวและชุมชน เปลี่ยนแปลงมาจนถึงปี 2015 ที่กลับกลายเป็นว่าผู้สูงอายุต้อง อาศัยอยู่ตามลำพังเพิ่มมากขึ้น ราว 6 ล้านคนหรือมากกว่า 6 เท่าเลยทีเดียว จากการสำรวจของรัฐบาลญี่ปุ่นในปี 2017 พบว่าครึ่งหนึ่งของนักโทษหญิงชราในคดีขโมยของนั้นต้อง อาศัยอยู่อย่างโดดเดี่ยว และอีก 40 เปอร์เซ็นต์ไม่มีครอบครัวหรือไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเครือญาติ พวกเขาเหล่านี้มักพูดว่า พวกเขาไม่เหลือที่พึ่งอีกแล้วยามที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ…
-
‘มือเปล่งแสง’ บอกสถานะสุขภาพได้ทันที หวังพัฒนาเพื่อรับรองปัญหาผู้สูงอายุในประเทศ
เทคโนโลยีเป็นสิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่เราในด้านต่างๆ ได้ และในทุกๆ วันมันก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้เราใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นอีกเยอะ และในตอนนี้ก็มีอีกหนึ่งไอเทมที่ดูเหมือนกับว่าจะมาช่วยดูแลสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี เพราะว่ามันเป็นหน้าจอที่สามารถใช้ติดกับผิวหนังเราได้อย่างไม่เกะกะใดๆ ทั้งสิ้น แถมยังบอกสุขภาพของเราในช่วงเวลาดังกล่าวได้อีกด้วย!! โดยมหาวิทยาลัยโตเกียวร่วมกับบริษัท Dai Nippon Printing ได้เป็นผู้พัฒนาหน้าจอที่ว่านี้ ซึ่งพวกเขาบอกเอาไว้ว่าอุปกรณ์ตัวใหม่นี้จะช่วยผู้สูงอายุในเรื่องการดูแลสุขภาพได้ดียิ่งขึ้น และเรื่องที่สำคัญที่สุดคือมันไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนใดๆ ทั้งสิ้น สำหรับเจ้าหน้าจอสุดไฮเทคตัวนี้ มันมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเป็นอย่างมากในเรื่องความบางของมัน ซึ่งหน้าจอแสดงผลได้ทำขึ้นมาจากไฟ LEDs จำนวน 384 ดวง พร้อมด้วยสายไฟที่ติดอยู่บนแผ่นยางทำให้สามารถยืดหยุ่นได้มากกว่าปกติถึง 45 เท่าเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นอุปกรณ์นี้ยังสามารถติดไว้บนผิวหนังได้ต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 1 สัปดาห์ โดยไม่ก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังหรือความรำคาญแต่อย่างใด จนถึงขั้นที่ว่าบางคนอาจจะใช้ชีวิตประจำวันไปจนลืมว่ามีมันติดเอาไว้บนแขนเลยก็เป็นได้ “ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มันจะให้คุณสามารถแบ่งปันข้อมูลด้านสุขภาพให้กับแพทย์ประจำตัวได้อย่างรวดเร็ว เพื่อที่เวลาเกิดอะไรขึ้นทางแพทย์จะได้สามารถติดต่อกลับไปยังผู้ป่วยได้อย่างทันท่วงที” Takao Someya แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยโตเกียว ที่เป็นผู้พัฒนาอุปกรณ์นี้กล่าว นอกเหนือจากการตรวจสอบสุขภาพของผู้ใช้อย่างเช่น การตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจโดยใช้คลื่นไฟฟ้าหัวใจแล้ว เจ้าสิ่งนี้มันยังสามารถเตือนเวลาการใช้ยาของเรา รวมถึงให้เราสามารถสื่อสารกับผู้อื่นได้อีกด้วย “แค่วางเจ้าหน้าจอนี้ลงบนผิวหนัังของคุณ คุณก็จะรับรู้ได้เลยว่ามันเป็นเสมือนกับส่วนหนึ่งของร่างกาย ในตอนที่มีข้อความส่งมาถึงหน้าจอบนมือคุณ คุณก็จะสามารถสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดกับผู้ส่งได้มากขึ้น” “ผมคิดว่า ถ้าเป็นคนสูงอายุอย่างคุณปู่ได้รับข้อความจากหลานๆ ว่า ‘หนูรักปู่นะ’ ผ่านหน้าจอนี้ เขาน่าจะรู้สึกอบอุ่นขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย”…
-
มนุษย์ลุงชาวจีนจู่ๆ ก็โยนอาหารลงบนพื้นในรถไฟ แล้วก็ขอให้พนักงานทำความสะอาดมาเก็บ
เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2018 ได้มีคลิปวิดีโอหนึ่งถูกโพสต์ลงไปในโซเชียลมีเดียของประเทศจีน จนกลายเป็นกระแสที่โด่งดังอย่างมาก นั่นคือคลิปที่เผยให้เห็นคุณลุงคนหนึ่งทิ้งอาหารของตัวเองลงไปบนพื้น เพียงเพราะต้องการให้พนักงานมาทำความสะอาด นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบนขบวนรถไฟในประเทศจีน ขณะที่คุณลุงชาวจีนคนนี้กำลังรับประทานอาหารอยู่ในตู้ห้องอาหาร และได้ถกเถียงกับพนักงานให้บริการบนรถไฟเกี่ยวกับเรื่องการทำความสะอาดพื้นทางเดิน ในตอนแรกนั้นพนักงานเห็นว่ามีอาหารถูกทิ้งเอาไว้บนพื้น เขาจึงถามกับผู้โดยสารว่าใครเป็นคนทำอย่างนี้ ก่อนที่คุณลุงในคลิปจะแสดงตัวบอกว่าตัวเองเป็นคนทำ โดยพูดว่า “ถ้าฉันอยากจะสร้างความสกปรก ฉันก็จะสร้างความสกปรก” พนักงานจึงถามคุณลุงไปว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น คุณลุงตอบกลับมาว่าการทำความสะอาดคือสิ่งที่พนักงานให้บริการต้องมาทำอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงตะโกนออกมาว่า “มาเก็บกวาดสิ!! พวกแกควรมาทำงานของตัวเองได้แล้ว” หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็กลับเลวร้ายมากกว่าเดิม เพราะลุงคนนี้กลับเอาไข่ทั้งฟองมาแบ่งครึ่งแล้วโยนลงไปบนพื้น จากนั้นก็ตามด้วยอาหารทั้งจานเทลงไปหน้าตาเฉย คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในตอนที่คุณลุงคนดังกล่าวทิ้งอาหารลงบนพื้น คลิปวิดีโอดังกล่าวได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ชาวเน็ตหลายๆ คนรู้สึกไม่พอใจ พวกเขาจึงตามหาจนพบว่าชายคนนี้เป็นใคร และเชื่อว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสได้เดินทางบนรถไฟไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน นอกจากนั้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในรถไฟของประเทศจีน เพราะเมื่อปีก่อนก็เคยมีคลิปวิดีโอหนึ่งที่เผยให้เห็นชายแก่พยายามโปรยขยะไปทั่ว หลังจากที่พนักงานเดินไปบอกให้เขาหยุดทิ้งเม็ดแตงโมลงบนพื้น คลิปเหตุการณ์ที่เคยเกิิดขึ้นเมื่อปี 2017 การรับผิดชอบและคิดถึงส่วนร่วมเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญต่อการอยู่ร่วมกันในสังคม ที่มา: medium
-
ไปรษณีย์ประเทศบาร์เบโดส จัดทำสแตมป์ที่ระลึก เชิดชูผู้ที่อายุมากกว่า 100 ปีในประเทศ
สำนักงานไปรษณีย์ประเทศบาร์เบโดส เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติก ได้จัดบริการพิเศษที่จัดขึ้นเพื่อเชิดชูผู้สูงอายุที่มีอายุ 100 ปีหรือมากกว่าโดยเฉพาะ ด้วยการจัดทำแสตมป์ที่ระลึกยกย่องผู้ที่มีอายุยืนยาวทุกคน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 สำนักงานไปรษณีย์ของประเทศบาร์เบโดสได้จัดทำแคมเปญนี้ขึ้น เพื่อเฉลิมฉลอง 50 ปี แห่งอิสรภาพของประเทศบาร์เบโดส จึงได้จัดทำแสตมป์ที่ระลึกขอบคุณเหล่าผู้สูงอายุที่ทำงานหนักให้ประเทศได้รับอิสรภาพ Deborah Small ผู้อำนวยการสำนักตราไปรษณียากรได้กล่าวว่า “ฉันหวังว่าการจัดทำแสตมป์นี้จะได้รับความสนใจจากทุกคน แสตมป์ที่ระลึกนี้จัดทำขึ้นจำนวนไม่มากนัก มันจึงสำคัญมากๆ” แสตมป์ที่ระลึก ผู้ที่มีอายุมากกว่า 100 ปีของประเทศบาร์เบโดส จำนวนประชากรที่อายุมากกว่า 100 ปีของประเทศบาร์เบโดสมีจำนวนที่น้อยมาก ส่วนใหญ่จะมีอายุ 105-109 ปี ส่วนผู้ที่มีอายุเยอะที่สุดคือ James Sisnett เสียชีวิตเมื่ออายุ 113 ปี แสตมป์ที่ระลึกที่จะจัดขึ้นนี้ จะเป็นการนำรูปของผู้ที่มีอายุ 100 ปีขึ้นมาถ่ายภาพจัดทำเป็นแสตมป์ราคา 63 เซนต์หรือประมาณ 19 บาท สำหรับจัดส่งในประเทศเท่านั้น ซึ่งราคาแสตมป์เหล่านี้ไม่แพงเพราะต้องการให้คนในท้องถิ่นได้ร่วมอุดหนุนซื้อแสตมป์ ผู้สูงอายุที่ถูกนำรูปมาจัดทำเป็นแสตมป์จะถูกคัดเลือกมาจากสายงานต่างๆ ในแต่ละท้องถิ่น จัดทำเป็นแสตมป์สีสันสดใส เพื่อนๆ และญาติของผู้สูงอายุต่างก็ตื่นเต้นกับการผลิตแสตมป์ที่ระลึกในครั้งนี้…
-
คุณปู่วัย 88 ปี ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตแม้ต้องโดดเดี่ยว ผันตัวมาเป็นนายแบบนู้ดจนตอนนี้ชีวิตดี๊ดี
เคยคิดไหมว่าถ้าเกิดคุณมีอายุยืนยาวถึง 80 90 ปีจนลูกหลานของคุณล้มหายตายจากไปกันหมด แต่คุณยังต้องอยู่ต่อคุณจะทำยังไง คุณจะหาเป้าหมายให้ตัวเองอย่างไรในช่วงวัยชราแบบนั้น Wang Suzhong วัย 88 ปี จากประเทศมณฑลเสฉวนประเทศจีน คือคุณปู่ที่ต้องอาศัยอยู่อย่างยากลำบากในห้องพักราคา 700 หยวน (ประมาณ 3,400 บาท) เพียงคนเดียวเมื่อปีต้นปี 2012 แต่มาวันนี้ชีวิตของคุณปู่ก็ได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน คุณปู่เล่าว่า เวลาต่อมาในปีเดียวกันนั้นตัวเขาได้ตัดสินใจรับงานเป็นนายแบบให้กับนักศึกษาในวิทยาลัยท้องถิ่น โดยเขาได้ค่าจ้าง 70 หยวนต่อวัน (ประมาณ 340 บาท) สำหรับการเป็นนายแบบปกติ และ 100 หยวน (เกือบ 500 บาท) ต่อการเป็นนายแบบเปลือยในหนึ่งวัน ซึ่งคุณปู่บอกว่าจากที่ต้องรอเงินจากลูกหลานตอนนี้เขาหาเงินอยู่ได้ด้วยตัวเองแล้ว นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า ตั้งแต่ตัวเขามาทำอาชีพนี้ เขาก็รู้สึกมีความสุขมากขึ้นเพราะว่าเขาได้พูดคุยกับคนมากมายทั้งนักเรียนและอาจารย์ ที่สำคัญทุกคนก็ใจดีกับเขามากๆ บางครั้งพวกเขายังซื้ออาหารมากฝากอีก ฟังแล้วเหมือนชีวิตของคุณปู่ Wang แกจะมีแต่เรื่องดีๆ แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ซะทีเดียว เพราะแม้ชีวิตส่วนตัวรวมถึงการเป็นอยู่ของเขาจะดีขึ้น แต่เรื่องครอบครัวกลับไม่เป็นแบบนั้น…
-
โมเดลลิ่งที่คัดนายแบบนางแบบ ที่มีอายุ 45-90 ปี แต่ละคนยังคงความเก๋าไม่เปลี่ยนแปลง
ปกติแล้วนายแบบ นางแบบ ที่เราจะเห็นบนนิตยสารนั้นจะเป็นหนุ่มๆ สาวๆ ทั้งนั้นเลย เพราะว่าสรีระร่างกายของคนหนุ่มคนสาวนั้นได้เปรียบกว่าช่วงวัยอื่น จะทำให้ภาพที่ออกมานั้นสวยงามไร้ที่ติ แต่ว่ามีช่างภาพคนหนึ่งนามว่า Igor Gavar จาก Omsk ประเทศรัสเซีย เค้าเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท Oldushka บริษัทตัวแทนนายแบบนางแบบที่ตั้งขึ้นมาสำหรับคนที่อายุมากแล้ว ซึ่งได้ก่อตั้งมาแล้วหนึ่งปีครึ่ง และตอนนี้มี 4 สาขาใน Moscow, Saint Petersburg, Chelyabinsk และ Omsk โดยที่บริษัทของเขานั้นได้ถ่ายภาพนายแบบ นางแบบ ในช่วงอายุ 45-90 ปีมามากมาย เราไปดูกันดีกว่าว่าตัวอย่างภาพที่เอามาจะเจ๋งขนาดไหน Nina Ivanovna อายุ 75 ปี Irina Denisova อายุ 80 ปี Irina Belisheva อายุ 70 ปี Tatyana Nekludova อายุ 61 ปี Victor Sosnovtsev อายุ 73 ปี …
-
22 ภาพความเกรียนของตายาย ที่ทำให้เหล่าหลานๆ ถึงกับปวดหัวในความน่ารัก!!
พวกเรานั้นถูกสั่งสอนมาเสมอว่าให้เคารพผู้สูงอายุ และดูแลคุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายเมื่อท่านแก่เฒ่า แต่ว่าญาติผู้ใหญ่ที่เคารพเหล่านี้ จะแสดงให้เราเห็นว่า พวกท่านก็สามารถดูแลตัวเองได้เช่นกัน ถ้าคุณไม่เชื่อ 22 รูปภาพคุณปู่คุณย่าสุดเจ๋งเหล่านี้จะเป็นสิ่งยืนยันให้เห็นว่าพวกเขานั้นคูลขนาดไหน? 1. ย่าของฉันกำลังดุเจ้านกกระทุง หลังจากที่โดนมันจิก 2. ฉันเจอรูปภาพนี้ซ่อนอยู่หลังโหลในห้องครัวของคุณย่าแม่หม้ายวัย 86 ปีของฉัน แหม่.. ใครๆ ก็มีความลับกันได้ 3. ย่าของเพื่อนฉันเพิ่งสมัครเฟซบุ๊ก และนี่ก็คือรูปโปรไฟล์ของเธอ 4. ฉันกลับบ้านมาจากที่ทำงาน พบว่าคุณย่าได้ซ่อมกางเกงยีนส์ที่ขาดให้แล้ว หยุดขำไม่ได้เลยทีเดียว 5. ลืมเอาชุดนอนมา ย่าบอกว่าย่ามีให้ยืมใส่ แล้วก็เอาชุดนี้มาให้ 6. กริ่งบ้านยาย มีธุระอันไหนก็กดอันนั้นนะ 7. คุณยายนี่ถักเก่งไม่เบาเลยทีเดียว 8. ปู่ของฉันเจอแว่นแบทแมน เลยถ่ายรูปส่งมาให้ดู 9. คุณปู่ของฉันชอบโม้เรื่องปาร์ตี้สระน้ำในตำนานของเขา และฉันก็เจอภาพนี้ 10. ฉันสั่งชุด Wonder Woman…
-
18 ภาพเหตุการณ์สุดฮา เมื่อเหล่าผู้สูงอายุได้ใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ ก็มันไม่ถนัดน่ะหลาน!!
ในปัจจุบันนั้นเทคโนโลยีได้ถูกนับว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราไปเรียบร้อย โดยเฉพาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีต่างๆ จนเป็นเรื่องปกติทั้งโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ต และอื่นๆ อีกมากมาย แต่นั่นก็ไม่ใช่สำหรับเหล่าผู้สูงอายุ เพราะว่าพวกเขานั้นเกิดมาในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำหน้าไปไกลเท่าปัจจุบัน นั่นจึงทำให้พวกเขามักจะต้องเจอกับปัญหาสุดงงงวย เวลาเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีต่างๆ อย่างเช่น 18 คนเหล่านี้นั่นเอง… เมื่อคุณยายผู้เข้าถึงเทคโนโลยีและมีความสามารถในการปรับตัว โดยยายแกไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหนแต่รู้ว่าที่นั่นเขาเล่นแลปท็อปด้วยมือกันเยอะแยะ ยายเลยแก้เขินด้วยการพิมพ์ข้อความอะไรสักอย่างบ้าง จะได้เนียนไปกับเขา เมื่อคุณยายค้นพบเทคโนยี 3 มิติ เลยเอามาอ่านหนังสือให้เป็น 3 มิติซะเลย เมื่อคุณปู่ส่งภาพให้ตัวเองแล้วก็ตอบตัวเองอีกทีหนึ่ง เมื่อหลานส่งข้อความไปทักทายคุณปู่หลังจากเขาได้ใช้โทรศัพท์ครั้งแรก หลานก็ห่วงว่าปู่จะตอบกลับไม่เป็น แต่ปู่กลับตอบมาว่า “หลาน มีแค่การใช้ชีวิตเท่านั้นแหละที่มันยาก” ปู่เด็ดจริงๆ ฮ่าๆๆ เมื่อคุณยายไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้โทรศัพท์เขามีกล้องหน้าด้วย ในสายตาของคุณปู่คุณย่านั้น iPad ก็เป็นได้แค่เขียงดีๆ นั่นเอง ไม่รู้วิธีแคปภาพหน้าจอ ก็เลยพริ้นท์ออกมาซะเลย ตัวหนังสือมันเล็ก ฉะนั้นยายเลยต้องใช้ตัวช่วย!! เมื่อคุณยายได้ค้นพบว่า การพิมพ์ตัวหนังสือในโทรศัพท์มันไม่ง่ายเลย เมื่อผู้สูงอายุจับเมาส์เป็นครั้งแรก…
-
แม้อายุจะเยอะก็ยังทำทีมแข่งได้!! ‘The Silver Snipers’ ทีม CS:GO รุ่นใหญ่แห่งสวีเดน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัจจุบันนั้น E-Sport ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกีฬาสายหลักในปัจจุบันไปเป็นที่เรียบร้อย เพราะจากสถิติผู้ที่สนใจและจำนวนการจัดแข่งขันทั่วโลกก็มีจำนวนมหาศาลสุดๆ เลยด้วย อย่างไรก็ตามหลายคนก็คงจะคิดว่าการจะเป็นนักกีฬา E-Sport ได้นั้นจำเป็นจะต้องอยู่ในช่วงวัยเด็กไปจนถึงวัยรุ่นตอนปลาย เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่มีการพัฒนาทักษะได้ดีกว่ากลุ่มวัยสูงอายุ แต่ล่าสุดในงาน DreamHack ที่ประเทศสวีเดนก็ได้มีทีมแข่งเกม CSGO (Counter-Strike: Global Offensive) ที่ชื่อว่า ‘The Silver Snipers‘ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าการจะลงแข่ง E-Sport ได้นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นเด็กหรือวัยรุ่นอีกต่อไป เพราะทีมนี้ล้วนมีแต่สมาชิกสูงอายุกันทุกคนโดยคนที่อ่อนที่สุดมีอายุ 62 ปี!? . สมาชิกในทีม The Silver Snipers นั้นประกอบไปด้วย Birdie, Windy, Knitting Knight, Teen Slayer และ Berra Bang โดยสมาชิกที่อ่อนที่สุดในทีมนั้นมีชื่อว่า Wanja “Knitting Knight” Godänge วัย 62 ปี ส่วนคนที่แก่ที่สุดนั่นก็คือ Bertil “Berra Bang” Englund ซึ่งเธอมีอายุถึง 81 ปี!! Berra…
-
นี่คือวิธีการที่เหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลาย แสดงให้เห็นว่าการเป็นคนดังในโลกอินเตอร์เน็ตนั้นไม่ยากเลย
ในยุคปัจจุบันการจะเป็นคนที่เด่นเป็นคนดังนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย เพราะโลกอินเตอร์เน็ตนั้นสามารถเข้าถึงได้ทุกคนและกระจายได้ไวมากๆ ฉะนั้นถ้าคุณอยากดังคุณก็ทำอะไรเจ๋งๆ ออกมาจากนั้นชื่อเสียงคุณก็จะกระจายไปได้ไม่ยาก เพียงแค่ปัจจุบันการจะเป็นคนดังในโลกอินเตอร์เน็ตมักจะเกิดอย่างผิดวิธีและวันนาบี ด้วยการทำอะไรห่ามๆ หรือโป๊เปลือย แต่เชื่อไหมว่าเหล่าคุณพ่อคุณแม่ลุงๆ ป้าๆ ที่ใช้เทคโนโลยีไม่ค่อยเป็นกลับไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นเลย แถมพวกเขายังดังได้ง่ายกว่าอีกต่างหาก ลุงคนนี้อยากจะถ่ายรูปเตาให้ลูกสาวดูแต่ลุงแกเซลฟี่ไม่เป็น สุดท้ายเลยออกมาเป็นแบบที่เห็น เมื่อตัวหนังสือมันเล็กเกินไป งานนี้ก็ต้องมีตัวช่วยกันสักหน่อย เมื่อแม่ของคุณค้นพบลูกเล่นใหม่ๆ บนเฟซบุ๊ก งานนี้แหละมันแน่นอน คุณยายคนนี้แกเพิ่งได้งานใหม่ แต่ต้องออกกระทันเพราะป่วย ยายแกเลยโพตส์บอกคนอื่นซะหน่อย คุณยายคนนี้แกถ่ายรูปให้หลาน หลานเลยบอกว่าส่งมาทาง E-Mail นะ ที่ไหนได้ยายส่งมาเป็นจดหมายสงสัยเข้าใจอะไรผิดไป พ่อแม่เจ้าของภาพไม่รู้ว่าตรงนี้ต้องใส่ที่อยู่ของเว็บ แต่ดันเข้าใจว่าเป็นที่อยู่จริงๆ เมื่อพ่อของคุณพยายามจะปริ้นคลิบที่ตัวงเองชอบออกมา และเมื่อพ่อคุณแยกไม่ออกระหว่างรูสายชาร์จและสาย LAN เมื่อยายของคุณกดเซฟรูปไม่เป็น เธอเลยปริ้นสกรีนช็อตภาพของหลานออกมาให้หมดเลย ลูกสาวส่งคำขอจากเกมในเฟซบุ๊กไปให้พ่อว่าต้องการก้อนอิฐในเกม แต่พ่อไม่เข้าใจเลยบอกหลังบ้านมีเพียบมาเอาดิ คุณยายคนนี้ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้มือถือมีกล้องหน้าแล้ว สุดท้ายเลยได้ผลลัพธ์ตามที่เห็น คุณย่าของเจ้าของรูปเล่าว่า เธอถูกย่าขอร้องให้ไปดูคอมให้หน่อยเพราะเมาส์มันกลับหลังตลอด สภาพของคุณยายหลังจากใช้โซเชี่ยลเป็นใหม่ๆ และกำลังติดเลย แต่ต้องดูแลหลานๆ…
-
คุณยายผู้พิการรู้สึกเหงา โพสต์อยากไปดินเนอร์ ชาวเน็ตเลยจัดให้ไปกินปิ้งย่างแบบฟรีๆ
ผู้สูงอายุในสังคมปัจจุบันนี้มีอัตราการเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก การจัดการและดูแลผู้สูงอายุยังเป็นอีกปัญหาหนึ่งในแต่ละประเทศที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน คุณยาย Pat Obyrne ชาวเมือง Brighton ประเทศอังกฤษได้โพสต์ลงในเพจ Brighton’s Sunday Roastclub ว่า “ฉันเป็นคนพิการ ฉันรักในการกินปิ้งย่าง แต่ว่าฉันอยู่คนเดียว ไม่มีรถ เหงามากๆ แต่ไม่ค่อยอยากทานอาหารซักเท่าไหร่” หลังจากนั้นก็มีชาวเมืองที่เห็นโพสต์ของคุณยายขี้เหงาคนนี้มาแสดงความคิดเห็นหลายคน และยังมีสาวสวยที่ใช้ชื่อเฟซบุ๊กว่า Kefi Chadwick ได้อาสาเข้ามาพาเธอไปทานอาหารปิ้งย่างตามที่คุณยายต้องการแถมยังไปรับไปส่งถึงบ้านอีกด้วย Kefi ได้บอกกับเธออีกว่าถ้าไม่รังเกียจที่จะร่วมทานอาหารกับลูกของเธอที่อยู่ในวัยหัดเดินก็ขอให้ตอบรับคำขอของเธอ คุณยายจึงตอบกลับไปว่าเธอไม่มีปัญหากับการทานอาหารร่วมกับเด็ก แถมยังดีใจด้วยซ้ำที่ได้ใกล้ชิดเด็กๆ เพราะว่าเธอโดนลูกหลานกีดกันไม่ให้เข้าใกล้มานานแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่โพสต์ของคุณยายคนหนึ่งจะทำให้ชาวเมืองนั้นออกมาแสดงความคิดเห็นและแสดงน้ำใจที่จะช่วยเหลือคุณยายอย่างล้นหลาม นอกจากนี้ก็ยังมีเจ้าของร้านอาหารปิ้งย่าง Rob Elgood มาอาสาที่จะเลี้ยงอาหารค่ำให้กับคุณยาย Pat แบบฟรีๆ พร้อมทั้งรับส่งถึงประตูบ้านอีกด้วย . เรื่องราวดีๆ ในสังคมแห่งการแบ่งปันนี้ถูกนำไปเผยแพร่ลงในทวิตเตอร์และมีผู้รีทวีตถึง 20,000 ครั้ง ดีใจแทนคุณยาย Pat จริงๆ ที่มีคนสนใจที่จะช่วยเหลือเธอมากขนาดนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นโดย Jo Cox…
-
ชายชราสมองเสื่อม ยังคงฝังใจถึงสมรภูมิเวียดนาม เพื่อนทหารจึงอาสาช่วยปลดประจำการ…
เราคงจะมีความหลังที่ฝังใจเรากันบ้าง ทั้งในเรื่องที่เรารู้สึกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ หรือแม้แต่เรื่องที่เราอยากลบมันออกไปจากสมอง แต่มันก็ยังคงฝังไว้ในส่วนลึกเองก็เช่นกัน หากเป็นเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าเราคิดถึงมันก็คงจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน อย่างเช่น Lawrence ชายชราชาวอเมริกัน วัย 84 ปีท่านนี่ ตอนวัยหนุ่มเขาได้รับใช้ชาติให้กับประเทศบ้านเกิดนานถึง 20 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศ และในช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ออกรบที่เวียดนามด้วย ซึ่งนั่นคงจะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ ด้วยอายุที่มากขึ้น จึงทำให้สุขภาพจิตของยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีครอบครัวคอยดูแลเขาอยู่เสมอให้ผ่านวันแต่ละวันไปได้ด้วยดี จนเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาได้รับการบาดเจ็บที่สะโพกและการฟื้นฟูที่เป็นไปอย่างยากลำบาก รวมไปถึงไม่อาจเชื่อใจลูกๆ และภรรยาด้วยอาการที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐวอชิงตันจึงรับเขามาดูแลแทนในฐานะทหารผ่านศึก เพื่อไม่ให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาทำร้ายครอบครัวของเขาเอง ลูกสาวและลูกเขยของเขาได้เข้ามาดูแล นำอาหารที่เขาชอบมามอบให้ที่บ้านพักทหารผ่านศึก ในฐานะคนที่ไม่รู้จักกัน เพราะด้วยความที่เขาไม่เชื่อใจคนในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เขาได้เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องอดีตที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีสาระอะไร หรือกับเรื่องที่จำถูกแล้ว ก็จะยังคงมีปัญหาจำไม่ได้ว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เหมือนกับเรื่องที่คิดว่าตัวเขาเองนั้นต้องถูกส่งกลับไปในสงครามที่เวียดนามอีกครั้ง ความคิดที่เชื่อว่าทางกองทัพได้โทรมาตามให้เขากลับเข้าสู่สงครามในวันก่อนหน้านั้น และยังคงพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน ขณะที่พูดนั้นก็จะร้องไห้ไปด้วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะยังคงเชื่อว่าจะต้องกลับไปสู่เหตุการณ์เหล่านั้นอีก ลูกเขยของเขาจึงเสนอวิธี ให้พานายทหารที่เกษียณอายุไปแล้วเช่นเดียวกัน กลับมาเยียวยาเรื่องนี้ เขาจึงได้โพสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊คของเมือง ซึ่งก็ได้รับการตอบกลับให้ความช่วยเหลือมามากมาย ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในเช้าวันต่อมาก็ได้มีอดีตนายทหารชั้นพันโทมาหาเขาทันที…
-
คู่รักตายาย ครองรักยาวนานถึง 77 ปี ไม่เคยห่างกันเลย แม้ตอนตายก็ยังอยู่ในโลงเดียวกัน
ความรักหวานชื่นที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันมาเป็นเวลานาน เมื่อถึงวาระสุดท้ายของชีวิตก็คงไม่มีใครที่จะต้องอยู่โดยที่คนรักของเราได้จากไปเสียแล้ว กับเรื่องราวนี้ไม่มีใครเลือกได้ว่าอยากจะเป็นคนที่ตายก่อน เพราะพวกเขาได้จากไปในเวลาที่ใกล้เคียงกันอย่างน่าเศร้า เรื่องนี้ไม่ได้มีเพียงความเศร้าแต่ก็ยังคงมีความซาบซึ้งไปกับความรักที่เกิดจากเรื่องราวของ Velva และ Reymond Breuer สองสามีภรรยาในสหรัฐอเมริกา ที่แต่งงานกันมานานถึง 77 ปี เมื่อคุณปู่ที่เป็นสามีนั้นได้จากโลกไปวันที่ 4 สิงหาคมในวัย 97 ปีซึ่งตอนที่เขาหมดลมหายใจไปนั้นเขาก็ยังกุมมือภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยความอบอุ่น และหลังจากนั้นเพียง 30 ชั่วโมงภรรยาของเขาก็ได้ตายจากไปเช่นเดียวกัน เวลาที่ห่างกันเพียงวันกว่าๆ นั้นคือช่วงเวลาที่มากที่สุดที่ทั้งคู่ได้แยกออกจากกันตลอดชีวิตการแต่งงานของพวกเขา ก่อนที่พวกเขาจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันตราบชั่วนิรันดร์ในความทรงจำของครอบครัว และการที่พวกเขาได้นอนจับมืออยู่ในโลงเดียวกันตามความปรารถนาสุดท้ายของคุณปู่ ความรักอันหวานชื่นของพวกเขานั้นเริ่มจากการพบกันในตอนที่พวกเขาเรียนอยู่ห้องเดียวกันในชั้นประถม ซึ่งคุณปู่ได้เรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวโดยการเอาเหล็กที่ไว้ใช้เขี่ยไฟในเตาผิงไปแหย่เธอ โดยที่ไม่รู้ว่ามันยังร้อนอยู่จนทำให้คุณย่าต้องมีแผลเป็นไปอีกนาน ถึงอย่างไรพวกเขาทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกันในปี 1940 และคุณปู่ได้พูดติดตลกในวันครบรอบแต่งงาน 77 ปีว่า “เธอก็ยังคงแต่งงานกับผมทั้งที่ผมได้ทำสิ่งนั้นลงไป” พวกเขาทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันมาอย่างยาวนาน และได้มีลูกด้วยกันถึง 6 คน ซึ่งในระหว่างนั้นพวกเขาทั้งสองก็ได้ย้ายที่อยู่ไปในหลายๆ ที่แต่การเดินทางนั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถแยกทั้งคู่ให้ห่างจากกันได้เลย มีแต่จะทำให้ความรักมันเพิ่มมากยิ่งขึ้นไปอีก จนเมื่อทั้งคู่ได้ย้ายมาเมือง Hallsville รัฐมิสซูรี ในปี 1994 เพื่อจะได้มาอยู่ใกล้ชิดกับลูกคนหนึ่งของพวกเขา…
-
งานวิจัยพบ ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณพอเหมาะ เสี่ยงสมองเสื่อมน้อยกว่าคนดื่มหนัก…
ต้องบอกก่อนว่าสำหรับงานวิจัยชิ้นนี้ ทีมวิจัยไม่ได้ค้นพบว่าการดื่มมากจะช่วยให้สุขภาพดีแต่อย่างใด หากแต่นี่เป็นงานวิจัยที่ใช้เวลากว่า 30 ปี ในการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มผู้สูงอายุ… อ้างอิงจากงานวิจัยของ University of California พวกเขาได้ข้อสรุปมาแล้วว่า ในกลุ่มผู้สูงอายุวัยประมาณ 65 ปีขึ้นไป ที่ดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณ 2 – 3 แก้วต่อวัน จะมีความเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมในระยะยาวน้อยกว่า โดยกลุ่มวิจัยได้เข้าไปบันทึกพฤติกรรมของกลุ่มผู้มีอายุ 1,344 คน ซึ่งประกอบไปด้วยหญฺิง 728 คน ชาย 616 คน ตั้งแต่ปี 1984 – 2013 ในทุกๆ 4 ปี ทีมวิจัยจะทำการสำรวจหลายๆ ด้าน เช่น พฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ รวมไปถึงมีการวัดผลการทำงานของสมอง โดยมีการแบ่งพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์เป็น 2 ระดับ คือกลุ่มคนที่ดื่มปานกลาง (1 – 2 แก้วต่อวัน) และคนที่ดื่มอย่างหนัก (3 – 4…
-
สถาปนิกออกแบบ “บ้านสำหรับคนแก่” เมื่อทุกอย่างง่ายต่อการใช้งานและเป็นมิตรต่อคนชรา
เมื่อถึงผู้สูงอายุแล้ว ในบ้านเรานั้นการดูแลพวกคนเฒ่าคนแก่นั้นถือเป็นการตอบแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงที่ลูกหลานมักจะทำกันเป็นปกติ แต่สำหรับต่างชาติแล้วบางครั้งพวกเขาก็มักจะไม่ค่อยได้มีเวลาว่างดูแลคุณตาคุณยายกันสักเท่าไหร่ ทางออกจึงมักจะไปจบที่การส่งพวกเขาไปยังบ้านพักคนชราเพราะเชื่อว่าที่นั้นจะดูแลพวกเขาได้ดีที่สุด แม้ว่าการจะส่งไปบ้านพักคนชราจะเป็นตัวเลือกที่ทำให้พวกเขามีคนดูแลอยู่ตลอด แต่ว่าในเรื่องของค่าใช้จ่ายก็สูงเช่นกัน รวมถึงตัวผู้สูงอายุทั้งหลายก็คงอยากจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ทีมออกแบบจึงจัดการสร้างบ้าน ที่มีลักษณะการใช้งานที่ง่าย และไม่กว้างเกินไปเพื่อให้ผู้สูงอายุอาศัยได้สบายๆ เจ้าบ้านดังกล่าวนี้มีชื่อว่า “Granny Pods” โดยตัวบ้านจะมีขนาดเล็กแต่ก็ไม่เล็กมากจนอึดอัด และมีขนาดพอดีๆ เหมาะสำหรับตั้งในพื้นที่ของตัวบ้านที่เหลือเพื่อช่วยให้คุณตาคุณยายสามารถอยู่ในพื้นที่ของตัวเองและยังสามารถอยู่ในการดูแลของเราได้ด้วย ในส่วนของราคานั้นก็อยู่ที่ราวๆ 420,000 บาท ราคาอาจจะเปลี่ยนได้ตามขนาดของบ้านที่สั่งทำไป เครื่องใช้ภายในบ้านก็จะเป็นของใช้ที่จำเป็นและใช้ง่ายๆ รวมถึงระบบไฟฟ้าน้ำประปาต่างๆ ก็ใช้ได้ปกติดี ไม่หมดแค่นั้น Granny Pods ยังมีตัวช่วยที่ไว้อำนวยความปลอดภัยให้กับคุณตาคุณยายด้วย โดยจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบง่ายๆ มีกระดิ่งหรือระบบออดที่เมื่อกดจะส่งเสียงตรงไปยังบ้านของลูกๆ หลานๆ ทันที . นอกจากนั้นถ้าคุณตาคุณยายยังสามารถจะเดินเหินไปไหนได้สะดวกสบายมากๆ เพราะทั้งในห้องน้ำและหลายส่วนของบ้านจะมีราวจับฉะนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน ถ้าใครสนใจอยากจะได้บ้านสำหรับคุณตาคุณยายก็สามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ MedCottage สุดท้ายแล้วการดูแลบุพการีที่เคยดูแลเรามาก็ถือเป็นเรื่องที่ดีสุดอยู่ดีนั่นเอง . ที่มา boredomtherapy
-
ญี่ปุ่นเสนอลดราคา ทั้งค่าอาหารและค่าจัดงานศพ ให้ผู้สูงอายุที่สมัครใจยกเลิกใบขับขี่!?
การขับขี่บนท้องถนนของผู้สูงอายุในญี่ปุ่นนั้นถือภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของประชาชนในวงกว้าง เพราะเป็นถือเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดญี่ปุ่นได้แก้ปัญหานี้ด้วยการลดค่าอาหาร และลดค่าจัดงานศพให้กับผู้สูงอายุที่ยกเลิกใบขับขี่ เพื่อเป็นการเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้รถใช้ถนนส่วนใหญ่แทน!? จากผลการศึกษาระดับประเทศของญี่ปุ่นพบว่า อุบัติเหตุจากการจราจรลดลงอย่างมากตั้งแต่ปี 2005 แต่ในทางกลับกันก็พบว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นมีเหตุมาจากผู้สูงอายุ และมักจะจบลงด้วยการเสียชีวิตเสมอ อย่างกรณีของหญิงชราวัย 83 ปี ที่ขับรถขึ้นบนทางเท้าแล้วไปชนวัยรุ่นสองคนจนเป็นเหตุให้ทั้งสองคนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีชายวัยประมาณ 80 ปี ขับรถทะลุเข้าร้านสะดวกซื้อจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสองคน แต่เขากลับไม่สนใจแถมยังลงไปซื้อบุหรี่ในร้านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปัจจุบันญี่ปุ่นมีอัตราผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงต้องมีการตรวจสอบความพร้อมกันหลายต่อหลายครั้ง เพื่อตรวจสอบผู้ขับขี่ที่อยู่ในสภาพสมองเสื่อม แต่เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากจึงไม่สามารถตรวจได้ทั่วถึง ส่วนสาเหตุที่กลุ่มผู้สูงอายุมักทำให้เกิดอุบัติเหตุนั้น ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเกิดจากความจำของผู้สูงอายุที่มีอาการสับสนว่าอันไหนเบรก อันไหนคันเร่ง จนกระทั่งเดือนพฤศจิกายนที่มา ตำรวจกรุงโตเกียวได้เปิดตัว Driving Graduation Certificate เป็นโครงการที่รัฐหวังจะสร้างแรงจูงให้ผู้สูงอายุเลิกขับขี่บนท้องถนนด้วยความสมัครใจ เมื่อผู้สูงอายุยกเลิกใบอนุญาตขับขี่ตัวจริง พวกเขาจะได้ใบรับรองที่มีลักษณะคล้ายใบขับขี่ โดยใบรับรองนี้สามารถใช้เป็นส่วนลดรถประจำทางได้ 50% และใช้ได้กับรถรางทุกชนิด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นส่วนลดค่าแท็กซี่ 10% และใช้เป็นส่วนลดกับร้านอาหารบางแห่งได้ด้วย… โครงการนี้ได้สร้างแรงบันดาลให้ภูมิภาคอื่นๆ ทั่วญี่ปุ่นด้วย อย่างเช่นเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัด Aichi ผู้ขับขี่ที่มีอายุเกิน 75 ปี ต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อทำใบขับขี่ใหม่ แต่ถ้าพวกเขาคิดว่ายังไงก็สอบไม่ผ่าน…
-
ชีวิตที่ต้องดิ้นรนของผู้สูงอายุในเกาหลี ไร้ลูกหลานเหลียวแล จนต้องกลายมาเป็นคนเร่ร่อน…
หากเราพูดถึงประเทศเกาหลีใต้เราคงจะนึกถึงสื่อบันเทิงหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นซีรีส์ เพลง วัฒนธรรมป็อปต่างๆ ที่สร้างปรากฎการณ์ไปทั่วโลก แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังม่านวัฒนธรรมป็อปเหล่านั้น ยังคงมีประชากรกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากคนรุ่นใหม่ และนับวันจะมีคุณภาพชีวิตที่ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ จากการสำรวจข้อมูลประชากรในปี 2016 ระบุว่ากว่าครึ่งหนึ่งของประชากรชาวเกาหลีใต้มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป (สังคมผู้สูงอายุ) และยังมีฐานะที่ยากจน กว่า 1 ใน 4 ของผู้สูงอายุต้องอาศัยอยู่ตามลำพัง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า แถมยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นสูงในปีต่อๆ ไปด้วย หากเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าคนรุ่นใหม่ที่กำลังขับเคลื่อนประเทศให้เจริญรุ่งเรืองในยุคนี้ จะกลายมาเป็นคนเร่ร่อน อาศัยอยู่คนเดียวในช่วงบั้นปลายของชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยตามขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวเอเชียที่เราคุ้นเคยกันก็คือ การอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่และบุตรหลายจะดูแลผู้สูงอายุเป็นอย่างดี ส่วนสังคมเกาหลีปัจจุบันกลับตรงกันข้ามไปเลย แต่กว่าที่ชาวเกาหลีใต้จะต้องกลายมาเป็นผู้สูงอายุแบบโดดเดี่ยวอย่างที่เห็นนี้ มันประกอบด้วยหลายปัจจัยมากมายหลายสิ่ง เราลองมาไล่ดูกันไปเป็นข้อๆ เลย ความอดอยาก Madam Kim วัย 86 ปี ถือเป็นหนึ่งในคนเฒ่าคนแก่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว คอยเก็บเศษขยะข้าวของต่างๆ ตามตรอกซอกซอยเพื่อนำไปขายกับร้านขายของเก่าต่อไป และนำเงินที่ได้อันน้อยนิดมาประทังชีวิตไปวันๆ คุณยาย Madam Kim เล่าว่า “ฉันทำงานแบบนี้เพราะต้องนำเงินมาซื้อยาและฉันก็ต้องซื้ออาหารด้วย ถ้าฉันหิวมากๆ ฉันจะดื่มน้ำมากๆ…
-
ดีมั้ย? นักศึกษาอยู่หอพักฟรี แลกกับการมอบความสุขให้ ‘ผู้สูงอายุ’ เดือนละ 30 ชั่วโมง
ชีวิตนักศึกษานั้น นับว่าเป็นช่วงที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไปหลายอย่าง โดยเฉพาะย้ายที่พักเพื่อให้ใกล้กับมหาวิทยาลัยมากที่สุด และสิ่งที่หนักหนาสาหัสเลยก็คือค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าที่พักรายเดือนนี่แหละ แต่จะดีกว่าไหมถ้ามีหอพักให้อยู่แบบฟรีๆ แลกกับการทำความดีเพียงเล็กน้อย เหมือนนโยบายของ Humanitas Denveter ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นสำหรับผู้สูงอายุ แต่ให้นักศึกษาเข้ามาอยู่ฟรี ฟังดูดีเลยใช่มั้ยล่ะ แต่ที่นี่มีเงื่อนไขที่สำคัญข้อหนึ่งก็คือ คุณต้องใช้เวลากับผู้สูงอายุอย่างน้อยเดือนละ 30 ชั่วโมง เพื่อเป็นการแลกกับค่าเช่านั่นเอง ปัจจุบันมีนักศึกษาอยู่ร่วมอาศัยกับผู้สูงอายุใน Humanitas Deventer โดยกิจวัตรประจำวันของพวกเขา ก็คือการร่วมรับประทานอาหารและพูดคุยกับผู้สูงอายุเป็นประจำ รวมไปถึงสอนการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ให้กับผู้สูงอายุด้วย แรกเริ่มเดิมทีนั้น Humanitas Deventer เคยเป็นโรงแรมหรูมาก่อน ในช่วงปี 1920 ต่อมาถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นบ้านพักคนชรา พร้อมกับนโยบายให้นักศึกษาเข้าพักได้ฟรีแลกกับการมอบความสุขให้กับผู้สูงอายุ คอยอยู่เป็นเพื่อนโดยที่พวกเขาจะไม่ต้องเหงา นับว่าเป็นอีกหนึ่งไอเดียที่ดีเลยล่ะ หนึ่งในนักศึกษาเหล่านั้นคือ Patrick Stoffer วัย 27 ปี การได้ใช้เวลากับผู้สูงอายุ เป็นสิ่งที่มีความหมายกับเขามาก เขาบอกว่า “ครั้งแรกผมคิดว่า คงช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ แต่เมื่อผมได้ใช้เวลากับพวกเขาบ่อยๆ ความสัมพันธ์เหล่านี้ มันลึกซึ้งกว่าที่คิดไว้เยอะเลย” …
-
ปริศนาฆาตกรรมในโรงพยาบาลญี่ปุ่น คนไข้ได้รับสารแปลกปลอมในถุงน้ำเกลือ ยังหาคนร้ายไม่ได้..!!
กลายมาเป็นข่าวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณตาวัย 88 ปีท่านหนึ่ง ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเอกชนในเมืองโยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่าน ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะมันไม่ใช่การเสียชีวิตทั่วไปตามอายุขัย แต่พบว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล!! จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วพบว่า มีสารแปลกปลอมปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือของคุณตา ซึ่งสารประเภทที่ว่าก็คือ สารซักฟอก ซึ่งจัดอยู่ในสารลดแรงตึงผิว โดยตามปกติแล้วในถึงน้ำเกลือจะไม่มีสารชนิดนี้อยู่แน่นอน พยาบาลเปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเวลา 22.00 น. เมื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงก่อนที่คุณตาจะเสียชีวิต พยาบาลได้เปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ต่อมา… จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันถัดมา เสียงเตือนอัตราการเต้นของหัวใจต่ำก็ดังขึ้น พยาบาลจึงรีบขึ้นมาดูอาการ แต่กลับพบว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว ประเภทของสารที่ถูกพบปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือ จากเหตุการณ์ข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งโรงพยาบาลปิดทำการในเวลา 21.00 น. บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาได้ (เปลี่ยนถุงน้ำเกลือในช่วงเวลา 22.00 น.)…
-
ชม 24 ภาพของเหล่าคุณตา-คุณยาย ที่ “ทั้งเก๋าและเกรียน” แบบลืมอายุกันเลยทีเดียว
ในช่วงชีวิตที่อายุเราเพิ่มเรื่อยๆ เราคงไม่คิดอะไรมาก คิดเพียงแค่จะทำยังไงให้บั้นปลายชีวิตเรามีความสุขสบายที่สุด มีคนเคยกล่าวไว้ว่า “ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อยากทำอะไรให้รีบลงมือทำเลย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป” คำนี้ใช้ได้ผลจริงๆกับเหล่าคุณตาคุณยายพวกนี้ ที่ไม่เคยจะแคร์และสนใจใครเลย เพราะเพียงแค่อยากจะทำในสิ่งที่ตัวเองมีความสุข เลยกลายเป็นภาพฮาๆ เกรียนๆ ของพวกเขา ที่เหมียวจะนำมาให้ชมในวันนี้ บอกเลยว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขจริงๆ 1. คืนนี้ยายจัดหนักนะจ้ะหลาน 2. แน่ใจนะคะ ว่ายังเวอร์จิ้น 3. แหม่… ไม่ทิ้งลายเลยนะคุณตา 4. ทำหน้าให้มันมันส์ๆหน่อย 5. เฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวแก้ว 6. คุณตาคะ!! นั่นมันชุดหนู 7. ขับรถเที่ยวชิลๆ 8. ซิ่งไปเลยนะยาย 9. เอาที่ยายสบายใจเลย 10. ง่วงก็นอน อย่าฝืน 11. จ้องขนาดนั้น เอาแว่นไหมคะ 12.…
-
คุณได้ไปต่อ!! ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ฟอร์เวิร์ดห้ามส่งดอกไม้เป็นเท็จ’ ขุ่นป้าโล่งอกได้ค่ะ ^^
วันนี้เหมียวขอนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับเรื่องฮือฮาสำหรับวงสังคมคุณลุงคุณป้าสาวกไลน์วัยกลางคน เนื่องจากเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ได้มีกระแสเกี่ยวกับกฎหมายลิขสิทธิ์เกี่ยวกับการแชร์ภาพออกมาว่าจะมีการบังคับใช้ในวันที่ 4 ส.ค. 2558 เพื่อการเคารพสิทธิ์ของเจ้าของผลงานต่างๆ ซึ่งงานนี้ก็ทำให้เกิดกระแสข้อความที่ส่งต่อกันในไลน์ของสังคมผู้สูงอายุ ที่พอจะจับใจความได้ว่าให้คุณป้าคุณลุงหยุดส่งภาพดอกไม้ทักทายกันซะ แม้ว่าจะนำมาจากกูเกิลทั้งหมดก็เถอะ และถ้าใครยังเก็บสะสมภาพเก่าๆ ไว้ ก็ให้เก็บไว้ในกรุณาอย่าได้ส่งต่อ เพราะมันคือการละเมิดลิขสิทธิ์เจ้าของภาพ งานนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคุณลุงคุณป้าต้องวิตกอย่างแน่นอน ซึ่งในที่สุดก็เหมือนมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยแล้วหละจ้ะ เขาผู้นั้นก็คือนายไพบูลย์ อมรภิญโญเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายลิขสิทธิ์!! ซึ่งฮีโร่ของเราก็ได้ให้บทสรุปของประเด็นนี้ก็คือ ข้อความที่มีการส่งต่อนั้นไม่เป็นความจริง เพราะการส่งต่อข้อความในไลน์ได้รับความคุ้มครอบถือเป็นการใช้ส่วนตัว ไม่ขัดต่อการแสวงหาประโยชน์ และไม่กระทบต่อเจ้าของลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ก็ถือว่าโล่งใจไปเนอะ ^^ ที่มา springnews, dmc, mthai