Tag: ผู้เชี่ยวชาญ
-
มีปากเสียงอย่างไรให้ “จบสวย” กับคำแนะนำ 10 ประการสำหรับรับมือกับ “การทะเลาะ”
การทะเลาะ หรือการมีปากเสียงกัน ย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคู่รัก เพื่อน หรือแม้แต่คนครอบครัว แต่แน่นอนว่าไม่มีใครอยากทะเลาะกันนานๆ หรอก ดังนั้นเมื่อมีปากเสียงเกิดขึ้นเราก็ควรจะจัดการให้มันจบอย่างสวยงามที่สุด แต่เราจะจบมันอย่างไรให้ออกมาดีที่สุดล่ะ? เราจะรับมือกับอารมณ์โกรธเกรี้ยวที่เกิดขึ้นได้อย่างไร? การศึกษาทางจิตวิทยามีคำตอบ นักจิตวิทยาจึงแนะนำ 10 พฤติกรรมที่ควรทำ เมื่อต้องรับมือกับการทะเลาะ มีปากเสียง หรือความโกรธ บางข้ออาจดูไม่สมเหตุสมผล แต่เชื่อเถอะว่ามันมีประสิทธิภาพ 1. ต้องใจเย็นและคิดให้รอบคอบ จำไว้เลยว่า เมื่อคนใดคนหนึ่งโกรธ นั่นไม่ใช่ความผิดของเขา แต่มันคือความผิดของ สภาวะอารมณ์ ต่างหาก พยายาม ใช้ความใจดีและใจเย็นเข้าสู้ แสดงออกให้เขาเห็นว่าเราอยากช่วยให้เขาผ่านพ้นอารมณ์แย่ๆ นี้ไปได้ แต่!! ห้ามพูดว่า “ฉันอยากช่วยเธอนะ” เป็นอันขาด เพราะมันฟังดูเหมือนคุณอยู่เหนือกว่าเขา ทางที่ดีคือควรลดความสำคัญของตัวคุณเองลง และพยายามทำความเข้าใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น 2. ควบคุมอารมณ์ของตัวคุณเอง อารมณ์ทางลบจะทำอะไรคุณไม่ได้ เว้นแต่คุณจะปล่อยให้ ความโกรธเข้าครอบงำ เวลาเจอคนโกรธหรือโมโห พยายามอย่าคล้อยตาม อย่าโกรธหรือโมโหไปด้วย ทำใจให้เย็นเข้าไว้ 3. ทำความเข้าใจปัญหา …
-
ทางการจีนเปิดตัว ‘วีซ่าชั้นสูง’ มุ่งเป้าผู้มีความสามารถเฉพาะทาง ใครเก่งก็เข้าประเทศง่าย!!
หลายๆ คนทราบดีว่าการขอวีซ่านั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควร แต่มันคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเดินทางเข้าไปในหลายๆ ประเทศ แต่มาวันนี้ประเทศจีน ได้ดำเนินการนโยบายใหม่ เพื่อให้ชาวต่างชาติผู้มีความสามารถทั้งหลาย เดินทางเข้าประเทศของพวกเขาได้ง่ายยิ่งขึ้น กระทรวงการบริหารงานด้านผู้เชี่ยวชาญในต่างประเทศของจีน พัฒนาระบบที่จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างแดนสามารถเข้ามาในประเทศได้อย่างสะดวกรวดเร็วและไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ คำว่าผู้เชี่ยวชาญในที่นี้ก็คือ เหล่าผู้นำทางด้านเทคโนโลยีในประเทศอื่นๆ หรือผู้มีความสามารถเฉพาะทางในเรื่องต่างๆ ประเทศจีนนำระบบจัดอันดับรูปแบบใหม่ของแรงงานในต่างประเทศเมื่อปี 2016 เข้ามาช่วยตัดสินว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญที่จะสามารถใช้ระบบดังกล่าวได้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็น ผู้ชนะรางวัลโนเบล ผู้วิจัยอาวุโส ผู้บริหารในสถาบันการเงิน นักวิทยาศาสตร์เจ้าของสุดยอดผลงาน หรือแม้แต่ดารากับนักกีฬาเองก็ด้วย วิธีการขอวีซ่าเข้าประเทศจีนสำหรับคนเหล่านั้นก็ง่ายมากๆ เพียงแค่ยื่นเรื่องมาในระบบออนไลน์ หากได้รับอนุมัติปุ๊บ คุณก็จะได้รับวีซ่าเข้าประเทศที่มีอายุใช้งานได้ 5-10 ปี และสามารถอาศัยอยู่ได้นาน 180 วันต่อหนึ่งครั้งที่เดินทางมา ที่สำคัญคือการขอวีซ่าในรูปแบบนี้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลยแม้แต่บาทเดียว วีซ่าของประเทศจีน นโยบายใหม่นี้มีจุดประสงค์เพื่อให้คนเก่งหรือคนมีความสามารถจากต่างประเทศ ได้เข้ามาช่วยพัฒนาในเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม และในอนาคตวิธีนี้ยังอาจช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนแรงงานด้านเทคโนโลยีหรือผู้วิจัยในสาขาต่างๆ ได้อีกด้วย เชื่อว่าวิธีการดังกล่าวจะสามารถดึงดูดใจผู้มีฝีมือจากต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2017 ประเทศจีนก็ได้สร้างนโยบายที่ทำให้คนที่เรียนจบปริญญาโทจากต่างแดน สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศตัวเองได้ง่ายยิ่งขึ้นด้วยเหตุผลเดียวกันไปแล้ว แถมยังมีการขยายเวลาให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถอาศัยอยู่ในประเทศได้นานยิ่งขึ้นอีกด้วย ยกตัวอย่าง Elon Musk กับ Mark Zuckerberg…
-
รู้จักกับ.. Toshio ผู้ชิมบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแล้ว 6,000 แบบ จาก 40 ประเทศ นานกว่า 20 ปี..!!
ใครที่ชอบประทังชีวิตในช่วงสิ้นเดือนด้วยบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปละก็ ขอบอกเลยว่าคุณ Toshio Yamamoto วัย 55 ปี คนนี้จะทำให้คุณอิจฉา!! ก็แหม๊… ถ้าหากคุณคิดว่าตัวเองได้รับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมามากพอ ก็อาจจะต้องแพ้ให้หนุ่มใหญ่คนนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเขาคือนักรีวิวบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตัวจริงที่อยู่คู่วงการมานานกว่า 20 ปี Toshio Yamamoto ชายผู้ลิ้มรสบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาแล้ว 6,000 รสชาติ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้บอกว่าความหลงใหลที่มีในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันเริ่มก่อตัวมาจากวันที่เค้าไม่มีเงินซื้ออาหาร หรือเป็นความสนใจในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจริงๆ แต่บนเว็บไซต์ i-ramen.net ของเขา จะคอยอธิบายข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เค้าเคยลองมา ไม่ว่าจะเป็นรสชาติ ความนุ่มของเส้น ประเทศที่ผลิต คุณค่าทางโภชนาการ เนื้อสัมผัส หรือแม้แต่ระยะเวลาที่ดีที่สุดในการต้ม… เห็นมาเรียบง่ายแบบนี้ แต่เว็บไซต์เขาเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 1996 แล้วล่ะ!! “เมื่อไหร่ที่คุณทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหมด นัั่นก็เท่ากับว่าเนื้อหาทั้งหมดของมันก็ได้หายตามไปด้วย สิ่งที่ผมทำก็คือ.. การนำเสนอเนื้อหาที่อาจจะถูกหลายคนทิ้งไป และทั้งหมดนี้เป็นข้อมูลที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” คุณ Toshio ให้สัมภาษณ์ นอกจากนั้นคุณลุงยังเล่าว่าความรู้สึกคลั่งไคล้ที่มีต่อเส้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มันเริ่มก่อตัวขึ้นตั้งแต่ตอนเป็นเด็กอยู่ในชั้นวัยประถมศึกษา และครั้นเขาเติบโตขึ้น ความรักที่มีต่อบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป ถึงขนาดที่ว่าในโปรเจกต์ตัวจบตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาก็ทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเช่นกัน ด้วยความที่เขาเป็นวิศวกรไฟฟ้า…
-
ผู้เชี่ยวชาญการนอน ระบุถึงบุคคล 4 ประเภท คุณเป็นประเภทไหน และควรจัดตารางชีวิตยังไง…
วันนี้เราจะขอทำตัวแบบมี ‘จังหวะชีวภาพ’ (Chronobiology) กันบ้าง เมื่อไหร่ที่พูดถึงเรื่องการนอนหลับ เราจะไม่ขอทำเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะคนขี้เกียจมักจะรู้ดีว่า ‘การนอนหลับ’ คือสวรรค์ที่สุดแล้ว นาฬิกาชีวิตภายในร่างกายของเรานั้น มีส่วนสำคัญในการส่งผลถึงการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ในแต่ละวันของเราด้วย ถ้าหากว่านอนผิดเวลากับนาฬิกาชีวิต ก็อาจจะส่งผลทำให้อีกครั้งที่ตื่นขึ้นมามีอาการแปรปรวนอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางด้านผู้เชี่ยวชาญด้านเวลาชีวิต Dr. Michael Breus ก็ได้แบ่งประเภทของการลักษณะนิสัยการนอนหลับไว้เป็น 4 ประเภทใหญ่ๆ เราลองมาดูกันว่าคุณเป็นประเภทไหน และเราควรจะจัดตารางชีวิตยังไงให้ดีต่อตัวเราเองมากที่สุด 1. โลมา ลักษณะนิสัยของคนที่มีพฤติกรรมในกลุ่มโลมาก็คือ พวกเขามักจะนอนหลับน้อย และมีปัญหากับอาการนอนไม่หลับอยู่เสมอ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญก็ได้แนะว่าช่วงเวลาตั้งแต่ 22.00 คนกลุ่มนี้ควรจะปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด และรีบเข้านอนตั้งแต่ช่วง 23.30 ส่วนเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการตื่นนอนคือช่วง 6.30 น. 2. สิงโต สำหรับใครที่มีลักษณะตื่นนอนเช้าพร้อมกับพลังงานที่เต็มเปี่ยม แต่ในช่วงบ่ายแก่ๆ กลับรู้สึกหมดแรงอย่างหนัก ขอบอกเลยว่าคุณถูกจัดอยู่ในกลุ่มสิงโต และเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้มีเรี่ยวแรงในการทำงานตลอดวัน ผู้เชี่ยวชาญแนะว่าเราควรเข้านอนตั้งแต่ 22.30 และตื่นนอนให้ไวในช่วงเช้ามืดประมาณ 5.30 น. 3. หมี (คนส่วนใหญ่)…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผย 4 เคล็ดลับการป้องกันอาการ “แฮงค์โอเวอร์” เพื่อเช้าวันใหม่ที่ดีกว่า..!!
สำหรับนักดื่มทั้งหลายแล้ว เราเชื่อว่าหนึ่งในปัญหาที่กวนใจมากที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องอาการเมาค้าง แฮงค์โอเวอร์ที่เกิดขึ้นในเช้าวันใหม่นี่แหละ มันช่างทรมานซะเหลือเกิ๊นน และด้วยเหตุนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ 4 เคล็ดลับป้องกันอาการแฮงค์โอเวอร์ จาก Dr. Ralph Holsworth ซึ่งเรามั่นใจว่าเคล็ดลับทั้งหมดนี้จะช่วยทำให้คุณไม่ต้องตื่นมาแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนตายอีกต่อไป…!! 1. มั่นใจว่าร่างกายของคุณมีปริมาณน้ำที่เพียงพอก่อนออกไปปาร์ตี้ จากผลการวิจัยของ Dr. Holsworth พบว่ากว่า 70% ของประชากรทั่วโลกอยู่ในสภาวะขาดน้ำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคน้ำเปล่าที่น้อยเกินไป และเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณดื่มแอลกอฮอล์ ร่างกายของเราจะพยายามขับสารเคมีออกมาเพื่อยับยั้งแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไปซึ่งนั่นเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดแคลนน้ำมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเราควรดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย ก่อนจะออกไปปาร์ตี้ให้สุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ซึ่งปริมาณน้ำในร่างกายนั้นสามารถบ่งบอกได้จากความเข้มข้นของปัสสาวะเช่นกัน 2. ดื่มน้ำตามเป็นระยะๆ ในขณะที่เรากำลังดื่มแอลกอฮอล์อย่างเมามันส์ อีกหนึ่งวิธีแก้ปัญหาอาการเมาค้างได้ดีที่สุดก็คือ พยายามดื่มน้ำเปล่าให้มากเท่ากับแอลกอฮอล์ที่เราดื่มเข้าไป และอาจจะดูแปลกไปหน่อยถ้าหากคุณเป็นพวกชอบดื่มเหล้าช็อต เพราะปริมาณแอลกอฮอล์ในเหล้าช็อตมีมากกว่าเบียร์หรือไวน์ ดังนั้นคุณอาจจะต้องดื่มน้ำตามมากกว่าปกติ ยกตัวอย่างเช่นถ้าหากคุณดื่มเหล้า 2 ช็อต คุณก็ควรจะดื่มน้ำเปล่าตามในปริมาณ 2 แก้ว นอกจากนั้นผู้เชี่ยวชาญยังแนะว่า วิธีนี้ช่วยให้คุณแก้อาการเมาค้างได้สองทาง อย่างแรกคือร่างกายของคุณจะไม่เสี่ยงต่อภาวะขาดน้ำ และประการที่สองปริมาณน้ำที่รับเข้าไปจะช่วยชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์ในร่างกายอีกด้วย 3. ทานอาหารที่มีปริมาณไขมันดีสูงก่อนดื่มแอลกอฮอล์ สาเหตุที่เราต้องรับประทานอาหารที่มีไขมันดีสูง นั่นก็เพราะว่าไขมันชนิดนี้สามารถชะลอการดูดซับแอลกอฮอล์เข้าสู่ระบบร่างกายเราได้ ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าไขมันเหล่านี้จะไปเกาะติดอยู่ตามลำไส้ใหญ่ของเรานั่นเอง…
-
ผู้เชี่ยวชาญแนะ 9 เรื่องผิดๆ ที่ไม่ควรทำระหว่าง ‘จูบ’ เพื่อรักที่สดใสเชื่อพี่เถอะน้อง…!!
เราทุกคนต่างล้วนเคยมีประสบการณ์การจูบยอดแย่กันมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นจูบแล้วไปเจอกลิ่นอาหารบ้าง เจอเศษอาหารบ้าง หรือไม่บางทีก็ต้องเจอกับคนที่จูบได้แบบว่า… ช่างไม่รู้งานเอาซะเลยโว้ย!! และเพื่อเป็นการแก้ปัญหานิสัยการจูบอันไร้ซึ่งศิลปะ เราจะขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ 9 เรื่องผิดๆ ที่ผู้เชี่ยวชาญเค้าออกมาแนะนำแล้วว่า ถ้าอยากทำให้การจูบมันดูดดื่มละก็ควรเลิกซะเถอะนิสัยแบบนี้ แล้วหันมาเชื่อพี่เถอะนะน้องเอ๋ย 1. ไม่จำเป็นต้องใช้ลิ้นนำเสมอไป โมเม้นต์แห่งการจูบอาจเป็นช่วงเวลาที่เหมือนสะกดเราให้อยู่ในมนตราได้เลย ทว่ามนตรานั้นอาจหายไปทันทีเมื่อคุณรู้สึกได้ถึงการรุกเร้าที่เร่งรีบเกินไป ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรจะใจเย็นๆ เริ่มต้นจากการใช้ริมฝีปากสัมผัสกันก่อน และเมื่อจังหวะมาถึง (คุณจะรู้ได้เองแหละ) ค่อยเพิ่มกิมมิคด้วยการใช้ลิ้นเล่นเสริม แค่นี้ก็ทำให้ทุกอย่างออกมาดูนุ่มนวลน่าหลงใหลสุดๆ 2. อย่าทำให้ปากตัวเองกลายเป็นก๊อกน้ำเด็ดขาด!! เป็นธรรมชาติที่ร่างกายมนุษย์เราถูกออกแบบมาให้สามารถผลิตน้ำลายได้ ทว่าบางทีการจูบกันเราก็อาจจะต้องคอยควบคุมปริมาณน้ำลายในปากไว้บ้างเพื่อความพอดี คำแนะนำคือพยายามอย่าทำให้ปากของคู่รักคุณเปียกมอมแมมจนเกินไป และไม่ควรอ้าปากกว้างจนเกินไปเช่นกัน ควรจำเอาไว้ว่านี่คือการจูบ ไม่ใช่การกินบุฟเฟ่ต์ ถ้าไม่รีบร้อนสวาปามมากเกินไปเดี๋ยวเมนูโปรดก็มาเสิร์ฟให้เองแหละ 3. จำเอาไว้ว่าคู่ของคุณคือคนรักไม่ใช่เหยื่อ เชื่อว่าพอจูบกันไปได้เรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งเราอาจจะรู้สึกร้อนรนใจจนอยากสานกิจกรรมต่อให้ไปถึงฝั่งฝัน แต่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าไม่ควรทำตัวเหมือนสิงโตตะครุบเหยื่อโดยเด็ดขาด สิ่งที่คุณควรจะทำก็คือ.. ใจเย็นๆ ค่อยๆ ใช้เวลาไปกับมันอย่างช้าๆ ให้จินตนาการภาพของคนสองคนที่จะจับมือเข้าสู่ประตูสวรรค์ไว้ ไม่ใช่ภาพของนักวิ่งชายเดี่ยวที่ไม่สนใจเพื่อนร่วมทีมและสักแต่จะวิ่งเข้าเส้นชัยอย่างเดียว 4. ค่อยเป็นค่อยไป… อย่าใจร้อนถามหาแต่ตอนจบ สำหรับผู้ชายแล้วการจูบอาจเป็นเหมือนหนทางที่จะนำไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ ‘เซ็กส์’ แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ในวารสารการพัฒนาทางจิตวิทยาได้ค้นพบว่า สำหรับหญิงสาวแล้วพวกเธอคิดว่าการจูบนั้นไม่ใช่หนทางที่ต้องทำเพื่อเซ็กส์เสมอไป เพราะฉะนั้นแล้วผู้เชี่ยวชาญจึงอยากจะแนะนำว่า ไม่จำเป็นว่าจูบกันแล้วจะต้องลงเอยด้วยเรื่องนั้นเสมอไป…
-
เลี้ยงลูกตามหลักวิทยาศาสตร์… 7 นิสัยของ ‘พ่อแม่’ ที่ทำให้ลูกๆ ล้มเหลวในการใช้ชีวิต
สำหรับคนที่มีลูกนั้นจะรู้กันดีว่าจะการเลี้ยงพวกเขาให้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ พ่อแม่จะต้องมีการวางแผนมากมายในการเลี้ยงดูลูกๆ แน่นอนว่ามันเป็นงานที่ไม่ง่ายเลย สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะหยิบยกบทความดีๆ มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน เผื่อไว้ว่าวันหน้าหากมีลูก จะได้นำไปเป็นแนวทางเพื่อปรับใช้ในการเลี้ยงลูกของเพื่อนกันนะจ๊ะ นั่นก็คือ 7 พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ควรทำเพราะจะทำให้ลูกๆ ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต โดยด็อกเตอร์ Tim Elmore ผู้เชี่ยวชาญในด้านการเลี้ยงดูเด็กและนักเขียน แถมยังเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร Growing Leaders เพื่อช่วยให้คำปรึกษากับพ่อแม่ในการเลี้ยงดูลูกๆ ให้กลายเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต 1. ไม่ปล่อยให้ลูกได้มีประสบการณ์เสี่ยงๆ บางครั้งการโอ๋มากเกินไปโดยหวังให้ลูกรู้สึกปลอดภัยกลับส่งผลร้ายต่อลูกเอง นักจิตวิทยาในยุโรประบุว่า “การไม่ปล่อยให้ลูกเล่นนอกบ้านเลย หรือการที่เขาไม่เคยเจอกับแผลหัวเข่าถลอก จะทำให้เกิดอาการโฟเบียในตอนเป็นผู้ใหญ่ นอกจากนี้ การให้ลูกได้ลิ้มรสชาติอกหักสักครั้งก็จะส่งผลดีต่อเขาเช่นกัน” 2. ช่วยเหลือพวกเขาเร็วเกินไป เด็กๆ ในยุคปัจจุบันมีการพัฒนาการเกี่ยวกับการใช้ชีวิตน้อยลงกว่าเด็กเมื่อ 30 ปีก่อนมาก เพราะผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้เข้ามาจัดการและก้าวก่ายในการแก้ไขปัญหาในชีวิตของพวกเขามากเกินไป เมื่อผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเร็วเกินไป หรือนำความช่วยเหลือไปมอบให้ถึงที่ จะทำให้เราลบความสามารถในการเผชิญกับความยากลำบากและความสามารถในการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองออกไป 3. ปล่อยให้ความรู้สึกผิดเข้ามาครอบงำมากเกินไป ลูกๆ ไม่จำเป็นที่จะต้องรักเราตลอดเวลา พวกเขาจะต้องก้าวผ่านความผิดหวังไปให้ได้ แต่เขาจะไม่ได้รับผลร้ายที่มาจากการตามใจของพ่อแม่ เพราะฉะนั้นพ่อแม่ทั้งหลายจะต้องหัดพูดคำว่า…
-
ข้อถกเถียงจากประชุมนานาชาติ ไทยแบนบุหรี่ไฟฟ้า แต่ผู้เชี่ยวชาญบอก อันตรายน้อยกว่าบุหรี่จริง!?
เมื่อเดือนที่ผ่านมา #เหมียวหง่าว ได้นำเสนอผลการศึกษาและวิจัยของสาธารณสุขประเทศอังกฤษไปแล้วว่าจริงๆ แล้วมันช่วยให้คนเลิกบุหรี่จริงได้ (เพื่อนๆ สามารถกลับไปอ่านบทความแบบเต็มๆ ที่ ลิงค์นี้ ได้เลย ) และในวันนี้เราลองไปฟังความเห็นของนายแพทย์ชาวกรีก คุณ Konstantinos Farsalinos ที่เป็นนักวิจัยและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องหัวใจ จากมหาวิทยาลัย University of Patras ได้ออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าในงานประชุม COP7 ที่กำลังจัดขึ้นในประเทศอินเดียกันบ้างดีกว่า เริ่มแรกนั้นนายแพทย์ Konstantinos บอกว่าเขาเริ่มรู้จักมันเมื่อปี 2011 หลังจากที่เพื่อนของเขาที่เป็นสิงห์อมควันส่งรูปภาพมาให้ดูว่าเขาได้เปลี่ยนมาใช้บุหรี่ไฟฟ้าเรียบร้อยแล้วนะ ซึ่งตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้จักมันดี รู้แค่ว่ามันมีบุหรี่ไฟฟ้าแล้วนะ มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ แต่ยังไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร หรือจริงๆ แล้วมันคืออะไร? นั่นทำให้เขาสนใจและเริ่มที่จะทำการศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับมัน ซึ่งเขาก็ให้สัมภาษณ์ต่ออีกว่า การที่สินค้า ยา หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะส่งผลต่อสุขภาพของผู้บริโภคนั้นจะต้องมีการศึกษาและวิจัยมาแล้ว และต้องคอนเฟิร์มว่ามันปลอดภัยจึงจะนำมาขายสู่ตลาดได้ หลังจากนั้นก็ต้องทำการสังเกตุการณ์ในระยะยาวต่อไปว่าผลของการใช้งานนั้นมันจะเป็นไปในทางที่ดีกันแน่ และสำหรับการใช้บุหรี่ไฟฟ้านั้นคุณหมอ Konstantinos ก็ได้บอกว่าหากเราสนับสนุนให้ผู้คนหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนนั้นในระยะยาวอีก 50 ปี จะสามารถช่วยชีวิตคนได้นับล้านคนเลยล่ะ ทั้งนี้เขาก็ได้ให้เหตุผลว่าหลายๆ คนที่สูบบุหรี่นั้นมักจะสูบมานานและวิธีการที่พวกเขาเลือกในการใช้ที่จะเลิกก็มักจะเป็นการค่อยๆ ลดการสูบบุหรี่ลงมากกว่า ซึ่งวิธีนี้มักจะทำให้คนสูบบุหรี่ยืดระยะเวลาการสูบออกไปอีก…
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวแนะ 18 ข้อควรรู้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจรับ ‘เจ้าเหมียว’ มาเลี้ยง !!!
การรับเลี้ยงสัตว์สักตัวหนึ่งเข้ามาในบ้านนั้น เราไม่ได้แค่รับเลี้ยงเขาในฐานะสัตว์เลี้ยงแต่เพียงอย่างเดียว เพราะหลายๆ บ้านจะถือว่าพวกมันเป็นสมาชิกในครอบครัวเลยล่ะ และสำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มี 18 เรื่องราวฮาๆ ที่คุณควรรู้ ก่อนที่จะรับเจ้าเหมียวซักตัวมาเลี้ยง ลองมาดูกันเลยว่าจะจริงไหม (ในกรณีของคนที่รับเลี้ยงมาก่อนแล้วอ่ะนะ ฮร่าาาา ><) การรับเลี้ยงแมวนั้นไม่ได้เพราะคุณรับเลี้ยงพวกมันเข้ามาหรอก แต่มันยอมที่จะมาอยู่กับคุณต่างหาก!!! แต่การจะหาข้อมูลว่าแมวตัวนั้นที่เราจะรับมาเลี้ยงจะเข้ากับเราและบ้านของเราได้รึเปล่านั้น?? วันนี้เราก็มีคำแนะนำดีๆ จาก Sharon Weller ผู้เชี่ยวชาญด้านแมวจาก Battersea Dogs & Cats Home มาฝากกันล่ะ 1. แมวเป็นสัตว์ที่ค่อนข้างสะอาดเลยทีเดียว และไม่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายมาก แค่มีกระบะทรายให้มันก็เพียงพอแล้ว 2. การฉีดวัคซีนแมวประจำปีก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะจะทำให้เจ้าเหมียวมีสุขภาพที่ดี เหมือนคนที่ไปตรวจสุขภาพรายปีตลอดๆ นั่นแหละ 3. วิธีการที่ดีที่สุดที่จะทำให้เจ้าเหมียวปรับตัวกับที่อยู่ใหม่ได้เร็วก็คือค่อยๆ แนะนำและพามันเข้าไปชมทีละห้องๆ และสมาชิกในครอบครัวทีละคน อย่าไปกดดันมันมากล่ะ 4. ส่วนมากแมวจะค่อนข้างเกลียดการกอด มีเพียงบางตัวเท่านั้นที่ชอบ เพราะฉะนั้นลองสังเกตอาการน้องเหมียวดูนะว่าตอนกอดแล้วเค้าชอบรึเปล่า!? 5. มีแมวที่ชอบออกไปข้างนอก และอีกหนึ่งประเภทที่ชอบอยู่เฉพาะในบ้าน…
-
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังชี้ วิธีการดูแลผิวหน้าที่สุดคือการล้างหน้า…วันละไม่เกิน 2 รอบเท่านั้น!!!
สำหรับการล้างหน้า แน่นอนว่าเป็นกิจกรรมที่เราทำกันเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ล้างบ่อยๆ สดชื่นไม่พอยังเป็นการล้างเหงื่อไคล และฝุ่นที่เราเจอมาในอากาศเวลาเราไปไหนมาไหน แต่เพื่อนๆ เคยรู้กันมั้ยล่ะว่า การล้างหน้าบ่อยๆ นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อเราเสมอไป เพราะล่าสุด Dr. Terrence Keaney ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังของผู้ชายที่ขณะนี้กำลังทำงานอยู่กับบริษัท Dove ได้แนะนำว่า คนเราควรล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง และเพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น!!! ล้างหนึ่งครั้งในตอนเช้า และอีกครั้งตอนก่อนเข้านอน การออกมาแนะนำขนาดนี้ผู้เชี่ยวชาญของเราก็ต้องมีคำอธิบายประกอบกันอยู่แล้ว หลักๆ แล้วก็เพราะว่า ‘เวลาที่คุณล้างหน้าด้วยสบู่หรือโฟมล้างหน้านั้น คุณไม่ได้เพียงชะล้างความมันและคราบเหงื่อไคลออก แต่จะชะล้างไขมันชนิดดีที่ผิวหน้าสร้างขึ้นไปด้วย ทำให้เกิดการระคายเคืองและสำหรับบางคนอาการจะรุนแรงกว่าคนอื่นๆ ‘ Dr. Terrence Keaney กล่าว และ ดร. ของเราก็ยังฝากคำเตือนไปเหล่าท่านชายอีกด้วย ไม่ใช่เฉพาะผิวหน้าเท่านั้น การอาบน้ำก็เช่นกัน โดยการถูตัวหรืออาบน้ำแรงๆ เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ผิวหนังเกิดอาการระคายเคืองขึ้นได้ และสุดท้ายเขาก็ยังได้แนะเพิ่มว่า ตารางที่ดีที่สุดในการล้างหน้าและอาบน้ำก็คือ 1 ครั้งตอนตื่น และอีก 1 ครั้งก่อนเข้านอน ไม่รุนแรงเกินไป และถ้าจะให้ดีหลังจากการอาบน้ำก็ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลดการระคายเคืองกันหน่อยนะจ๊ะ…
-
18 ภาพสุดฮาของเหล่าคนที่รู้มุมกล้อง ช่างหันมาได้เวลาอย่างพอดิบพอดี!!!
สำหรับการถ่ายภาพ แน่นอนถ้าจะให้ได้ภาพของตัวเองที่สวยๆ แล้วล่ะก็ ขั้นแรกเลยต้องรู้มุมกล้องซะก่อน ไม่งั้นภาพที่ออกมาก็คงไม่สวย เป้นภาพหลุดๆ นั่นแหละ อิอิ และนี่ก็คือ 18 ภาพของเหล่าหญิงชาย ที่บอกไว้เลยว่าคงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านมุมกล้องเลยก็ว่าได้ หันมาจ๊ะเอ๋ เก๊กท่าได้พอดิบพอดีเลยล่ะ ฮ่าๆๆ ลองมาดูกันเลย แหมมม จะล้มยังหล่อ อิอิ ล้มยังสวยง่ะ >< อะเหื้ออออ หยาดเยิ้ม เจ้าหนูกินขาด รักเลย หล่อโฮกกกกกก จะล้มยังหล่อ ยิ้มกระชากใจสาว แหมมม ได้โอกาสนะ ใสๆ วัยรุ่นชอบ พอดิบพอดี หล่อเชียว สวยสะพรึง จับผู้รายได้ ขอหล่อหน่อย นี่แน่ะ …