Tag: ผ่าตัด
-
หนุ่มเคนยาปลอมตัวเป็นหมอ แต่กลับ “ผ่าตัด” คนไข้ได้สำเร็จถึง 8 ครั้ง ก่อนถูกจับกุม!
เรื่องราวในวันนี้ จะนำเสนอเกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่ปลอมตัวเป็นนายแพทย์ได้อย่าง “แนบเนียน” ราวกับเป็นอาชญากรสุดฉกาจในภาพยนตร์ชนิดที่หาจับตัวได้ยาก นามของเขาคือ Ronald Melly ชายชาวเคนยาที่ปลอมตัวเป็นหมอในโรงพยาบาล Kapsabet County Referral Hospital แถมยัง ทำการผ่าตัดคนไข้ ได้สำเร็จถึง 8 ครั้ง!! Ronald Melly เรื่องราวเกิดขึ้นในเคาน์ตี Nandi ซึ่งอยู่บริเวณตอนเหนือของประเทศเคนยา โดยรายละเอียดต่างๆ ถูกบันทึกลงในรายงานของทางสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัด นาย Edward Serem ผู้อำนวยการสำนักงานสาธารณสุขของจังหวัด ก็ได้ออกมาเผยรายละเอียดในรายงานว่า… Ronald ได้ทำการผ่าตัดคนไข้มาแล้ว 9 ราย โดยชื่อคนคนไข้ (เหยื่อ) นั้นถูกบันทึกลงในรายงานทั้งหมด แต่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม คนไข้รายที่ 9 กลับเสียชีวิตลง เอกสารรับรองต่างๆ จากหน่วยงานราชการ ทั้งหมดคือของปลอม . แม้แต่เอกสารที่ต้องรับรองโดยกระทรวงสาธารณสุขก็โดนปลอม Dr. Edward Serem กล่าวว่า… “ในการผ่าตัดคนไข้คนที่ 9 เขา (Ronald) ได้ทำมันพร้อมกับแพทย์ผู้ช่วยอีกหลายคน…
-
หนุ่มรัสเซีย พร้อมเสี่ยงเข้ารับผ่าตัด “เปลี่ยนหัว” เป็นคนแรก แม้จะมีภรรยาพร้อมลูกน้อย
Valery Spiridonov หนุ่มชาวรัสเซียวัย 33 ปีผู้เตรียมตัวเข้ารับ การปลูกถ่ายศีรษะ เผยกำลังย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ในอเมริกาอย่างมีความสุขกับลูกและภรรยาแสนสวย แต่ก็พร้อมยอมรับความเสี่ยง Valery นั้นได้ อาสา เข้ารับการผ่าตัดเพื่อย้าย “ทั้งศีรษะ” ไปไว้กับอีกร่างกายหนึ่ง เนื่องจากเขามีอาการเจ็บป่วยจากกล้ามเนื้อสันหลังที่ผิดปกติ หรือที่เรียกว่า โรค Werdnig-Hoffman Valery Spiridonov นายแพทย์ผู้ที่จะดำเนินการผ่าตัดให้กับ Valery มีนามว่า Sergio Canavero ซึ่งมีฉายาว่า Doctor Frankenstein เนื่องจากการผ่าตัดของนายแพทย์คนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมเรื่องความปลอดภัย และล่าสุดตัวของแพทย์ Sergio เองก็กำลังทำโปรเจกต์อยู่ที่ประเทศจีน เป็นโปรเจกต์เกี่ยวกับผ่าตัดมนุษย์และศพ อย่างไรก็ตาม Valery และ Anastasia Panfilova ผู้เป็นภรรยาพร้อมลูกน้อยก็กำลังจะย้ายครอบครัวไปอาศัยอยู่ในรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย Anastasia Panfilova ปัจจุบัน Valery กำลังทำการศึกษาด้านการวิเคราะห์ทางคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยฟลอริดา อย่างไรก็ตาม มีหลายคนจะไม่เชื่อว่าเขาและ Anastasia จะเป็นสามีภรรยากันจริงๆ เนื่องจากทั้งคู่ไม่มีรูปถ่ายร่วมกันเลย แต่ทางฝ่ายหญิงก็ออกมาเผยว่ามีความสุขดีในความสัมพันธ์ของเธอและชายหนุ่มที่นั่งรถเข็น ผู้มีจิตใจดี อารมณ์ลึกซึ้ง และฉลาด ส่วนตัวของ Valery เองก็กล่าวเตรียมตัวในการรับการผ่าตัดว่า… “ผมรู้ว่ามันเสี่ยงในการเข้ารับการผ่าตัดที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนแบบนี้ แต่ผมมีอะไรจะเสียซะที่ไหนล่ะ?…
-
หนูน้อย 9 ขวบต้องสูญเสีย “ลูกตา” ไป เพราะได้รับอุบัติเหตุจากกระสุนปืนของเล่น
การเล่นของเล่นอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับเด็กๆ จนถึงขั้นที่ต้องสูญเสียอวัยวะสำคัญไปได้ เช่น Taylor-Jay Ravicini หนูน้อยวัย 9 ขวบ ที่ต้องสูญเสียดวงตาไปเพราะถูกกระสุนจากปืนของเล่นยิงเข้ามาที่ดวงตาอย่างจังเมื่อราวๆ เดือนสิงหาคมปี 2018 นายแพทย์บอกว่านี่เป็นดวงตาของเด็กเล็ก การถูกกระทบอย่างรุนแรงนั้นก่อความเสียหายให้ดวงตาอย่างสาหัส และหากไม่ผ่าตัดลูกตาข้างดังกล่าวออก อาจทำให้ตาบอดทั้งสองข้างเลยก็เป็นได้ Taylor-Jay Ravicini ปัจจุบัน Stacey Ravicini ผู้เป็นแม่ก็ได้ทำการระดมเงินทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับ “ดวงตาเทียม” ให้กับลูกชายตัวน้อยของตน ก่อนหน้านี้ Taylor-Jay Ravicini หนูน้อยจากเมืองสวอนซี ประเทศเวลส์ เคยถูกลูกธนูของเล่นยิงเข้าที่ตาข้างซ้ายขณะที่เขามีอายุได้ 3 ขวบจนทำให้ตาบอดตั้งแต่นั้นมา แต่ก็ยังไม่ได้สูญเสียดวงตาไป แต่ 6 ปีจากนั้น หนูน้อยในวัย 9 ขวบได้ประสบอุบัติเหตุอีกครั้งกับตาข้างเดิมทำให้สุดท้ายแล้วเขาต้องเสีย “ลูกตา” ข้างนั้นไปแบบถาวร Stacey Ravicini ผู้เป็นแม่ แม้ปัจจุบันเจ้าหนูจะได้รับดวงตาเทียมที่สั่งทำพิเศษให้มีขนาดพอดีกับเบ้าตาแล้วก็ตาม แต่ผู้เป็นแม่เชื่อว่ายังต้องการการตกแต่งตาเทียมให้เหมือนจริงมากที่สุด เนื่องจากพวกเด็กเกเรมักล้อเลียน Taylor-Jay ที่โรงเรียนว่า ‘Popeye‘ ซึ่งอาจต้องระดมทุนเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงินราว 2,500 ปอนด์สเตอร์ลิง (ประมาณ 103,000…
-
ชายฝรั่งเศสรับการผ่าตัดเอา “วัตถุประหลาด” ออกจากช่องท้องหลังยัดเข้าทางทวารหนัก
(บทความมีภาพและเนื้อหาของความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม) ของบางอย่างที่ขนาดใหญ่กว่าแขนจะเข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไร ดูเหมือนเป็นคำถามที่เกินจะจินตนาการ…แต่เรื่องราวในวันนี้ได้เฉลยคำตอบมาเรียบร้อยแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ชายคนหนึ่งถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินหลังยัดวัตถุประหลาดขนาดใหญ่กว่าท่อนแขนเล็กน้อยเข้าไปในร่างกาย ภายหลังทราบว่า ชายดังกล่าวได้ยัดวัตถุประหลาดนี้เข้าไปทางรูทวารหนัก เขาสามารถยัดเข้าไปได้จนสุด แต่กลับไม่สามารถรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ ทางทีมแพทย์กล่าวว่าการจะดึงวัตถุชิ้นนี้ออกทางเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ จำเป็นต้องใช้วิธี “ผ่าตัด” เท่านั้น และเมื่อทีมแพทย์เริ่มกรีดมีดผ่าตัดลงไปบริเวณช่องท้องของผู้ป่วย วัตถุที่พบนั้นก็ได้สร้างความตกใจให้ทุกคนโดยรอบอย่างมาก หลังดึงวัตถุออกมาได้แล้ว พบว่ามันคือวัตถุรูปร่างเหมือน องคชาต คล้ายสิ่งที่บ้านเราเรียกกันว่า “ปลัดขิก” ซึ่งวัตถุนี้มีวางขายทั่วไปตามร้านขายของเล่นทางเพศ (Sex Toy) แม้จะลงมือผ่าตัด แต่การดึงวัตถุขนาดใหญ่นี้ออกจากร่างกายมนุษย์ก็หาใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย แพทย์ต้องใช้แรงดึงค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงเนื้อเยื่อของผู้ป่วยด้วย แต่สุดท้าย ทีมแพทย์ก็สามารถนำ “ปลัดขิก” อันเขื่องนี้ออกจากร่างกายของชายคนนี้ได้สำเร็จ และไม่มีใครเสียชีวิต… แพทย์พยายามดึงวัตถุนี้ออกจากช่องท้องของผู้ป่วย สุดท้าย ก็สามารถนำออกจากร่างกายผู้ป่วยได้สำเร็จ (อันใหญ่มาก) หากใครต้องการชมวิดีโอกรุณาเข้ามาชมได้ที่ ลิงก์นี้ อะไรที่มัน “เกินไป” นั้นมักจะมีผลเสียตามมาเสมอจริงๆ เลย ขอให้ชายคนนี้หายเจ็บไวๆ ด้วยก็แล้วกันนะ… ที่มา: ck101 และ igusuri
-
หนุ่มจีนเดือด “ทำร้าย” แพทย์หลังปฏิเสธ ‘ผ่าตัดทำคลอด’ ภรรยาให้ทันตามฤกษ์ที่ดูไว้
เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2018 ได้เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย หลังแพทย์ปฏิเสธที่จะทำคลอดก่อนกำหนดให้กับหญิงสาวชาวจีน ทำให้ผู้เป็นสามีของหญิงตั้งครรภ์เข้าจู่โจมนายแพทย์ด้วยอารมณ์โมโห เหตุการณ์เกิดขึ้นในโรงพยาบาล Peking University First Hospital กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน แพทย์ผู้เคราะห์ร้ายนามว่า He ถูกชายสกุล Zheng วัย 46 ปีเข้าทำร้ายร่างกายเนื่องจากแพทย์ปฏิเสธที่จะผ่าตัดทำคลอดภรรยาของนาย Zheng ตาม “ฤกษ์” ที่ทางครอบครัวกำหนดไว้ นายแพทย์ Zhan แพทย์อีกรายที่ร่วมการทำคลอดก็ออกมาอธิบายบนเว็บไซต์ Weibo ว่า ที่ต้องปล่อยให้คนไข้คลอดบุตรด้วยวิธีธรรมชาตินั้นก็เพราะเห็นว่าปลอดภัยและ ไม่จำเป็น จะต้องใช้วิธีการผ่าตัด ขณะเดียวกัน นายแพทย์ He ผู้ถูกทำร้ายร่างกายก็มีกระดูกหักหลายจุด หากชมภาพจากกล้องวงจรปิดจะพบว่า Dr. He ถูกชกแต่เตะที่ศีรษะและท้องหลายครั้ง ลองชมคลิปเหตุการณ์ดังกล่าว ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2018 นาย Zheng ผู้ก่อเหตุก็ถูกคุมตัวอยู่ที่สถานีตำรวจเนื่องจากคดีทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ ส่วนหญิงวัย 19…
-
หนุ่มอังกฤษทุ่มเกือบ 3 ล้านบาท “ศัลยกรรม” ตัวเองให้เหมือน Jimin วง BTS !?
ต้องยอมรับว่าวงบอยแบนด์ K-Pop ที่มาแรงขณะนี้คงหนีไม่พ้นหนุ่มๆ วง BTS อย่างแน่นอน โดยสมาชิกวงแต่ละคนก็จะมีแฟนคลับเป็นของตัวเองเป็นจำนวนมาก สำหรับเหล่าแฟนคลับ บางคนก็ชื่นชอบชนิดที่ว่าขอแค่ได้จับมือก็ถือเป็นที่สุดแล้ว บางคนก็พยายามซื้อสินค้าของศิลปินให้มากๆ แต่บางคนก็ชื่นชอบเสียจนอยากเป็น “เหมือน” กับศิลปินผู้นั้นเลยทีเดียว เช่นหนุ่มผู้ดีอังกฤษวัย 28 ปีนามว่า Oli London ผู้นี้ที่ชื่นชอบวง BTS อย่างมากจนเขายอมทุ่มเงินกว่า 3 ล้านบาทเพื่อเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมใบหน้าให้เหมือนกับ Jimin หนึ่งในสมาชิกของวง BTS Oli เผยว่าเขารู้จักกับวง BTS นี้ครั้งแรกในปี 2013 ขณะที่เขามาอาศัยอยู่ในประเทศเกาหลีใต้ และเขาก็กลายเป็นแฟนคลับของวงนี้ทันที หลังจากการติดตามวง BTS มาได้ระยะหนึ่งเขาก็พบว่าตัวเองอยากดูเหมือนกับ 1 ในสมาชิกของวง ซึ่งก็คือ Jimin ผู้ที่มีเอกลักษณ์เป็นแก้มอันเอิบอิ่มและรอยยิ้มอันแสนน่าหลงใหลนั่นเอง “ผมอยากให้ทั้งชีวิตของผมมีแต่ K-Pop และผมก็อยากดูเหมือนกับ Jimin อีกด้วย เพราะเขาคือ ความสมบูรณ์แบบ ที่แท้จริง ทั้งรูปหน้า รูปปาก เสียงร้อง ทุกอย่างเลย”…
-
หนูน้อย 7 ขวบโชว์สกิล “หมอผ่าตัด” ผ่าเจ้าหมีได้น่ารักจนกลายเป็นไวรัลในญี่ปุ่นเลยล่ะ!!
บางครั้งวิธีการที่เด็กๆ เล่นของเล่นก็อาจส่อแววอนาคตของเด็กคนนั้นได้เช่นกัน อย่างเช่นเด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ที่ทำการ “ผ่าตัด” ช่วยชีวิตเจ้าตุ๊กตาหมี จนกลายเป็นคลิปไวรัลไปเลยทีเดียว วิดีโอเด็กหญิงญี่ปุ่นวัย 7 ขวบที่แสดงบทบาทการเป็นศัลยแพทย์ที่พยายามผ่าตัดตุ๊กตาหมีของตนเอง ถูกโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ @Kazzy_com มียอดเข้าชมปัจจุบันถึง 4.85 ล้านครั้งเลยล่ะ เรามาดูคลิปการผ่าตัดสุดน่ารักนี้กันดีกว่า https://twitter.com/Kazzy_com/status/1028780985972740096?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1028780985972740096&ref_url=https%3A%2F%2Fnextshark.com%2Fjapanese-girl-bear-operation-toy%2F ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อ @Kazzy_com นั้นเป็นพ่อของเด็กสาวในคลิป บอกว่ารู้สึกประทับใจและภูมิใจในตัวลูกสาวของตนมากที่มีความสนใจและใส่ใจรายละเอียดในการผ่าตัดเจ้าหมี ลูกสาวตัวน้อยของเธอจัดแจงสร้างบรรยากาศให้เหมือนกับห้องผ่าตัดด้วยการ สร้างเสียงเครื่องวัดการเต้นของหัวใจด้วยเมโทรนอมหรือเครื่องนับจังหวะนั่นเอง เจ้าหมีสวมหน้ากากออกซิเจนด้วยล่ะ จากนั้นจะเห็นได้ว่าหนูน้อยได้สมมติการฉีดยาชาไปที่ตัวเจ้าหมี ก่อนที่จะทำการผ่าตัดอย่างพิถีพิถัน เครื่องไม้เครื่องมือที่เธอใช้ ถึงจะเป็นของเล่น แต่เธอก็ตั้งใจเลือกให้ใกล้เคียงของจริงเลยนะ เช่น เจ้าลูกโป่งน้ำที่เธอเลือกมาให้แสดงเป็น “ก้อนเนื้องอก” ในตัวเจ้าหมีนั่นไงล่ะ พอชาวเน็ตได้มาชมคลิปสุดน่ารักนี้ หลายๆ คนก็อดใจไม่ไหว เข้ามาคอมเมนต์เล่นไปกับน้องด้วยซะงั้น เช่น “เจ้าหมีเป็นไงบ้าง การผ่าตัดสำเร็จไหมเอ่ย?” ส่วนฝ่ายคุณพ่อ @Kazzy_com ก็ตอบกลับว่า “มันเป็นการผ่าตัดที่ยาก แต่เราก็นำเนื้องอกออกมาได้สำเร็จ ตอนนี้เจ้าหมีมีสุขภาพที่ดีและกำลังนอนอยู่ในห้องของลูกสาวผมอย่างสบายใจ” นอกจากนี้แฟนชาวเน็ตคนหนึ่งก็ได้วาดภาพแฟนอาร์ตให้กับเธอ เขียนในภาพว่า…
-
เด็กสาวฟิลิปปินส์ที่มี “แฝดอีกคน” เติบโตอยู่ในร่างกาย เธอกำลังจะผ่าตัดในไทยเร็วๆ นี้
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์นามว่า Veronica Cominguez เธอเป็นเด็กหญิงวัย 14 ปีจากเมืองอีลีกันที่มีแฝดน้องสาวเติบโตขึ้น “ภายในลำตัว” ของเธอ บริเวณช่วงอกของ Veronica นั้นจะพบว่ามีก้อนเนื้อลักษณะคล้ายแขน มือ และนิ้ว งอกออกมา ซึ่งเป็นร่างของแฝดน้องสาวของเธอที่มีการพัฒนาการผิดปกติ และก็ทำให้ Veronica นั้นต้องการความช่วยเหลือ Veronica Cominguez วัย 14 ที่มีแฝดน้องเติบโตอยู่ในร่างกาย ส่วนแขนที่งอกออกมานั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง Veronica ต้องอาบน้ำทำความสะอาด “แฝดน้อง” ของเธอเสมอ รวมถึงคอยตัดเล็บนิ้วมือให้เธอด้วยเช่นกัน ปัจจุบันผู้คนในท้องที่ได้ทำการระดมทุนเพื่อให้ Veronica เดินทางมาเข้ารับการผ่าตัดนำแฝดของเธอออกที่ ประเทศไทย เธอกล่าวว่า “ตอนหนูยังเป็นเด็กฉันคิดว่ามันเป็นเท้าที่งอกออกมา แต่นานๆ เข้ามันก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันหนักขึ้นและทำให้หนูเคลื่อนไหวตัวได้ลำบาก มันมักจะแกว่งไปมาเสมอ และทำให้เสื้อผ้าของหนูเปียกอยู่แทบตลอด” Flora Cominguez ผู้เป็นแม่ของ Veronica ก็เล่าว่าในครอบครัวของเธอเองก็มีประวัติการออกลูกเป็นแฝดอยู่บ้าง และเล่าว่าขณะที่เธอตั้งครรภ์ ถึงเธอไม่ได้เข้าไปพบแพทย์เธอก็รู้ดีว่าเธอต้องคลอดฝาแฝดออกมาแน่นอน เธอจึงตั้งชื่อให้กับลูกทั้งสองคน Flora กล่าวว่าสะดือของ Veronica จะเปียกอยู่เสมอเนื่องจากของเหลวที่ไหลออกมาจากบริเวณ “ฝาแฝด”…
-
นายแพทย์ทหารลงมือ ‘ผ่าตัดไส้ติ่ง’ ด้วยตัวเอง เพราะทั้งทีมไม่มีใครสามารถทำได้เลย
คุณหมอ Leonid Rogozov แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปและเป็นอดีตนายแพทย์ทหารแห่งโซเวียต ผู้ที่ “ผ่าตัดไส้ติ่ง” ตัวเองหลังเกิดอาการอักเสบในช่องท้องอย่างรุนแรง ในปี 1961 ในระหว่างการออกปฏิบัติภารกิจสำรวจทวีปแอนตาร์กติก ด้วยสภาพแวดล้อมที่ย่ำแย่ประกอบกับความยากลำบากหลายประการ ทำให้เขาเกิดอาการอักเสบระหว่างทาง… Leonid Ivanovich Rogozov Rogozov รู้สึกเจ็บปวดบริเวณด้านล่างของช่องท้องอย่างหนักหน่วง เขาจึงตัดสินว่านั่นคืออาการ “ไส้ติ่งอักเสบ” ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่อำนวยความสะดวกมีเพียงการผ่าตัดเท่านั้นที่จะช่วยเขาได้ โชคไม่ดีที่ทั้งคณะเดินทางมีหมออยู่เพียงคนเดียวซึ่งก็คือตัวของ Rogozov เองเท่านั้น หากเสียเขาไปทั้งคณะจะไม่สามารถเดินทางต่อหรือกระทั่งเดินทางกลับได้อย่างแน่นอน Rogozov จึงตัดสินใจคว้ามีดผ่าตัดเตรียมผ่าตัดช่องท้องของตัวเอง เขาเริ่มให้ยาชากับตัวเองในปริมาณที่น้อย เพราะเขาเองก็ต้องทำหน้าที่เป็นหมอผู้ทำการผ่าตัดด้วยเช่นกัน การควานในช่องท้องตนเองเพื่อค้นหาจุดที่เรียกว่า “ไส้ติ่ง” นั้นทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก แต่หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง 45 นาที เขาก็ตัดไส้ติ่งออกมาได้สำเร็จ จากนั้นเขาให้ยาปฏิชีวนะกับตนเองและเย็บแผลปิดเป็นอันสิ้นสุดกระบวนการ เพื่อนๆ ของเขาได้เก็บภาพเอาไว้ เป็นภาพที่ถึงแม้ว่าดูน่ากลัว แต่กลับน่ายกย่องในความกล้าของคุณหมอ Rogozov ที่เลือกจะเสี่ยงผ่าตัดตัวเองเพื่อกลับมาเป็นหมอประจำทีมให้ได้ สิ่งที่น่าอัศจรรย์กว่านั้นก็คือ หมอ Rogozov…
-
แพทย์แนะหนุ่มนักดนตรี ให้เล่นกีตาร์ระหว่างผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ป้องกันอัมพาตหลังผ่า…
เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของนาย Robert Alvarez ผู้ถูกวินิจฉัยเป็นเนื้องอกในสมองระดับ Low-grade ในปี 2013 โดยเจ้าตัวยังทำใจยอมรับไม่ได้ และขอเลื่อนเข้ารับการรักษามาโดยตลอด Robert Alvarez ผู้รอดชีวิตจากเนื้องอกในสมอง เนื่องจากแพทย์ผู้วินิจฉัยกล่าวกับเขาไว้ว่า การผ่าตัดอาจทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ เขาจึงขอเวลาทำใจสักระยะ ระหว่างนั้นเขามีอาการซุ่มซ่ามและหลงๆ ลืมๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Robert ในวัย 19 ปี รู้สึกถึงความเสี่ยงในชีวิตกับการตัดสินใจเข้ารับผ่าตัด หากผลออกมาเป็นอัมพาตก็ยิ่งแย่กว่าการใช้ชีวิตอยู่กับเนื้องอก “ผมหวังได้เพียงแค่ไม่ให้มันกระจายไปมากกว่านี้ และต้องระวังเรื่องของการใช้ชีวิตให้มากขึ้น” หลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลายแล้ว Robert จึงออกเดินตามฝันสายอาชีพนักดนตรีเข้าเรียนในสายวิศวกรเสียง ในขณะที่คุณแม่ของเขาดิ้นรนหาวิธีการรักษาลูกชายที่เสี่ยงน้อยที่สุด… แต่อาการก็ยิ่งแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาการใหม่เริ่มแสดงออกมาให้เห็นชัดยิ่งขึ้น ในคืนหนึ่งเขานอนตกเตียงเนื่องจากมีอาการชักแทรกซ้อนในระหว่างนอนหลับ จนในที่สุดคุณแม่จึงตัดสินใจพาเขาเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์สถาบัน MD Anderson Cancer Center Sujit Prabhu ศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบเคสของ Robert นายแพทย์ Sujit Prabhu…
-
เด็กสาววัย 18 ปี ขอร้องให้หมอ “ตัดขา” ของเธอทิ้ง แม้หมอจะบอกว่า “มันยังดีอยู่” ก็ตาม
บางทีสิ่งที่แพทย์บอกว่าดี มันอาจจะไม่ได้ดีสำหรับเราเสมอไป… ตัวอย่างเช่น หญิงสาววัยรุ่น Megan Jordan วัย 18 ปีคนนี้ ที่หลังจากเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขาซ้ายของเธอก็เหมือนเป็นอัมพาต เธอเดินไม่ได้ เพราะหากลงน้ำหนักไปที่ขาซ้ายเมื่อใด เธอจะเกิดความเจ็บปวดอย่างมาก ขณะเดียวกันแพทย์บอกว่าขาซ้ายของเธอยังเป็นปกติและมีสุขภาพดี และบอกว่าความเจ็บปวดที่เธอรู้สึกนั้นมาจากสมองของเธอเองเสียมากกว่า แต่สาวน้อย Megan นั้นไม่อยากทนทรมานกับความเจ็บปวดนี้อีกแล้ว เธอขอให้แพทย์ “ตัด” ขาซ้ายของเธอทิ้ง เพราะนอกจากเธอจะเจ็บปวดกับมันแล้ว เธอยังต้องนั่งเก้าอี้รถเข็นแทบตลอดเวลา จะเล่นกีฬาก็ไม่สามารถทำได้ สาวน้อย Megan จากชุมชนเฮริฟอร์ดเชอร์ ประเทศอังกฤษกล่าวว่า “นี่มันร่างกายของฉัน ถ้าฉันอยากตัดขาของฉันทิ้ง มันก็จะต้องได้รับการผ่าตัด ความเจ็บปวดที่ฉันได้รับมาตลอดมันเกินจะทนแล้ว การตัดขามันคงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้ฉันหลุดพ้นแล้วล่ะ” “แพทย์ไม่อยากให้ฉันตัดขาทิ้ง พวกเขาคิดว่าความเจ็บปวดที่ฉันรู้สึก มันมาจากสมอง แต่ถึงอย่างไรฉันก็อยากตัดขาอยู่ดี เพราะฉันเคยเล่นกีฬาและออกกำลังกายทุกวัน แต่ตอนนี้ฉันทำไม่ได้เลย การตัดขาทิ้งเป็นวิธีเดียวที่ทำให้ฉันได้กลับไปทำสิ่งที่ฉันรักอีกครั้ง” ขณะทางแพทย์ได้ตอบรับคำขอของ Megan Jordan เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเธอต้องรออีก 18 เดือนเพื่อเข้ากระบวนการผ่าตัดขาของเธอต่อไป ที่มา: metro และ dailymail
-
สาวน้อยสุดโลลิ คิดว่าตัวเอง ‘อ้วนเกินไป’ บินผ่าตัดเกาหลี ผลลัพธ์กลับ ‘พัง’
Venus Isabelle Palermo หรืออีกฉายาที่รู้จักกันดีว่า Venus Angelic นั้นเป็นเพียงสาวน้อยชาวสวิตเซอร์แลนด์วัย 21 ปีที่หน้าตาอ่อนเยาว์ราวกับเด็ก ป.6 ตัวเธอเองชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่นอย่างมากและมักจะแต่งหน้า แต่งตัว เป็นสาวคอสเพลย์น่ารักๆ ที่ชาวเน็ตพร้อมใจกล่าวกันว่า เธอคือแม่สาว “โลลิ” ตัวจริง Venus Angelic โลลิที่แท้ทรู น่ารักล่ะซี๊ คาวาอี้เดส!!! เรื่องราวเริ่มต้นที่ว่า… เธอมีความสูง 170 เซนติเมตรและมีน้ำหนัก 54 กิโลกรัม ซึ่งตัวเธอเองกลับมองว่าไอ้น้ำหนัก 54 กก. ที่ว่านี่แหละ คือน้ำหนักที่มากเกินไปสำหรับเธอ เธอมองว่าตัวเองยัง อ้วนเกินไป จากนั้นเธอจึงตัดสินใจเดินทางไปผ่าตัดศัลยกรรมท้องออกที่ประเทศเกาหลี เพื่อทำให้กระเพาะอาหารเล็กลง และทำให้เธอสามารถทานอาหารได้น้อยลงนั่นเอง เรื่องราวเป็นไปอย่างใจเธอต้องการ แพทย์ได้ผ่าตัดเอา ลำไส้ ส่วนท้องของเธอออกไปราว 120 เซนติเมตร ผลสุดท้ายมันทำให้เธอกลายมามีรูปร่างแบบนี้… หมดกันความโลลิ! เป้าหมายของเธอคืออยากรักษาน้ำหนักไว้ที่ 51 กิโลกรัม เพื่อที่จะได้ดูผอมเพรียวเป็นธรรมชาติ แต่ผลกลับผิดคาด…
-
สยอง!! ช่างสักออสซี่โดนรวบ หลังทำการ “ผ่าตัดอวัยวะเพศ” ของหญิงสาว โดยไม่มีใบอนุญาต
[บทความต่อไปนี้อาจมีภาพที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม] เว็บไซต์ Dailymail ได้รานงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในออสเตรเลียได้เข้าจับกุมชายวัย 37 ปีคนหนึ่ง เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 1 เมษายนที่ผ่านมา ที่ชายหาดเซนทรัลโคสต์ ประเทศออสเตรเลีย ในข้อหาตัดแต่งอวัยวะเพศหญิงโดยไม่มีใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ที่ถูกต้อง ตามรายงานบอกว่าชายหนุ่มรายนี้ถูกหญิงสาววัย 33 ปี ร้องเรียนตั้งแต่เมื่อปี 2016 และมีการย้ายที่ทำงานเพื่อหนีคดี แต่สุดท้ายก็ถูกจับกุมในที่สุด ภาพตัวอย่างผลงานของช่างสักวัย 37 ปี จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของชายหนุ่มพบว่าเขาได้เขียนข้อความอ้างตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดตกแต่งร่างกายมนุษย์และทำงานมานานกว่า 10 ปีแล้ว ชายหนุ่มยืนยันว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผ่าตัดลิ้นให้เป็น 2 แฉก การเจาะหู และการกำจัดสะดือ มีการโชว์ผลงานที่เขาเคยทำมา ไม่ว่าจะเป็นการฝังลูกปัดซิลิคอนไว้ใต้ผิวหนัง การสร้างรอยแผลเป็นปลอมๆ การสักลงบนเหงือก หรือแม้แต่การเปลี่ยนสีบนตาขาว ทั้งนี้การผ่าตัดปรับเปลี่ยนอวัยวะในร่างกายคนไม่ใช่สิ่งที่กฎหมายรองรับในรัฐนิวเซาท์เวลส์ แต่หากคุณอยากจะประกอบอาชีพเป็นช่างสักหรืออะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวกับผิวหนัง คุณจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของกระทรวงสาธารณสุข ภาพลิ้นของหญิงสาวรายหนึ่งที่เคยมาผ่าลิ้นกับชายคนนี้ ภาพใบหูที่ถูกตัด หนึ่งในผลงานของเขา อย่างไรก็ตามช่างสักรายนี้ได้รับอนุญาตให้ประกันตัวเพื่อออกมาต่อสู้คดีในชั้นศาลในวันที่ 15 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ที่มา dailymail
-
รู้หรือไม่.. “การงีบหลับทับแขน” ทุกวัน อาจทำให้ต้องเข้ารับการผ่าตัดได้!! เช่นเดียวกับเธอคนนี้
การงีบหลับโดยใช้แขนตัวเองแทนหมอน เป็นสิ่งที่พวกเราหลายๆ คนนิยมทำกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาที่เรารู้สึกอยากพักผ่อนในห้องเรียนสักแป๊บ หรือแม้แต่ตอนพักจากการทำงาน เรียกว่าเป็นท่ายอดฮิตสำหรับการงีบหลับโดยเฉพาะ แต่รู้หรือไม่ว่า หากทำท่าทางที่ว่านั้นบ่อยๆ เป็นเวลานาน มันอาจทำลายสุขภาพร่างกายของเราได้มากกว่าที่คิด จนถึงขั้นอาจต้องเข้ารับการรักษาด้วยการผ่าตัด เช่นเดียวกันกับหญิงสาวคนนี้ ท่าทางการงีบหลับที่คนส่วนใหญ่นิยมทำกัน สาวแซ่จาง วัย 28 ปี คือพนักงานออฟฟิศคนหนึ่งในเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน เธอเป็นคนที่ชอบงีบหลับตอนพักเที่ยงเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอก็จะงีบหลับทับแขนซ้ายของตัวเองอยู่ทุกวันมาเป็นระยะเวลาหลายต่อหลายปี เมื่อไหร่ที่ตื่นมาก็จะรู้สึกเจ็บและชาบริเวณปลายนิ้วอยู่บ่อยๆ แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปี 2018 เธอตื่นขึ้นมาจากการงีบหลับและพบว่าเธอไม่รับรู้ความรู้สึกใดๆ จากแขนซ้ายของตัวเองเลย ซึ่งอาการดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่เธอเคยเจอมาก่อนและจะหายไปเองหลังจากผ่านไป 1-2 นาที แต่ทว่าในครั้งนี้มันกลับไม่หายไปจนทำให้ไม่สามารถใช้งานแขนซ้ายได้เลย แม้แต่การหยิบของเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม ด้วยเหตุนั้น Zhang จึงเข้ารับการตรวจกับแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่า เส้นประสาทเรเดียล (ส่วนปลายแขน ไว้ควบคุมการเคลื่อนไหวข้อมือและนิ้ว) บริเวณแขนข้างซ้ายของเธอได้รับความเสียหายอย่างหนัก อันเป็นผลมาจากการที่งีบทับแขนตัวเองทุกวัน สาวแซ่ Zhang พนักงานออฟฟิศที่งีบทับแขนตัวเองทุกวัน ในความจริงแล้วอาการเจ็บหรือชาบริเวณปลายนิ้วนั้นสามารถแก้ได้ด้วยการหมั่นบริหารร่างกายตรงบริเวณนั้นอยู่เป็นประจำ แต่ Zhang กลับไม่เคยทำอย่างนั้นและฝืนใช้งานอย่างหนัก จนกลายเป็นเพิ่มแรงบีบคั้นตรงส่วนเส้นประสาทดังกล่าว ความเสียหายทำให้เธอไม่สามารถขยับแขนซ้ายได้ในที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นอาการขั้นรุนแรงของเธอคนนี้ก็สามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวอีกด้วย สุดท้ายแล้วแพทย์หลายๆ…
-
โอกาส 1 ใน 500,000… เด็กน้อยผู้เกิดมาพร้อม ‘แฝดปรสิต’ มีส่วนขางอกมาเป็นขาที่สาม!!
ทุกๆ นาทีบนโลกใบนี้ จะมีประชากรเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยสถิติทั่วโลกจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 360,000 คนต่อวันและด้วยจำนวนคนเกิดที่มากขนาดนี้ ทำให้เด็กบางคนอาจจะประสบกับโรคประหลาดซึ่งหาได้ยาก… เหมือนอย่างเด็กผู้ชายผู้น่าสงสารคนนี้ Xiao Fei เด็กอายุ 11 เดือนที่เกิดมามีร่างกายพิการ มีขาที่สามโผล่ออกมาจากช่วงหว่างขาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ โดยอาการที่หนูน้อย Xiao Fei ต้องเผชิญนั้นเรียกว่า “แฝดปรสิต” (Fetus in Fetu) ซึ่งมีโอกาสพบเจอได้เพียง 1 ใน 500,000 คนเท่านั้น แฝดปรสติเป็นอาการจากความผิดปกติทางด้านพัฒนาการของตัวอ่อนขณะที่อยู่ในครรภ์ ที่มีตัวอ่อนของแฝดคนหนึ่งเข้ามาฝังอยู่ในตัวอ่อนของแฝดอีกคนหนึ่ง และหากแฝดปรสิตที่เข้าไปอาศัยอยู่ในร่างแฝดอีกคน จะเจริญเติบโตที่ช้ากว่าร่างที่อาศัยอยู่ และเมื่อโตขึ้นก็จะกลายมาเป็นอวัยวะส่วนเกินอย่างที่เห็นบนร่างเด็กชายคนนี้ เมื่อตอนยังตั้งครรภ์แม่ของ Xiao Fei ไม่ได้ไปตรวจครรภ์ ทำให้ไม่มีใครทราบถึงอาการผิดปกติดังกล่าว จนกระทั่งเขาเกิดมาในเขตปกครองตนเองซินเจียง และขณะนี้ได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเซี่ยงไฮ้เพื่อรักษาอาการผิดปกติ ขาที่สามของเขาสร้างปัญหาอย่างมากให้กับระบบทางเดินอาหารและระบบปัสสาวะ ไม่เพียงเท่านั้น เด็กน้อยต้องพบเจอกับปัญหาอย่างอื่นอีกเช่น เท้าข้างขวาของเขามีรูปร่างที่ผิดปกติเหมือนมือ ทำให้ไม่สามารถใช้งานได้อย่างที่ควรจะเป็น ในวันที่ 19 มีนาคม 2018 ศัลยแพทย์ต้องใช้เวลาผ่าตัดประมาณ 10 ชั่วโมง…
-
หนุ่มเล่าประสบการณ์สุดหวาดเสียว…บังเอิญตื่นขึ้นมาระหว่าง ‘การผ่าตัด’ แต่หมอไม่รู้!?
สำหรับคนที่เคยผ่านการ ‘ผ่าตัด’ มาก่อน คงจะเคยจินตนาการในด้านลบกันไปต่างๆ นาๆ ว่าถ้าหากเราดมยาสลบแล้วไม่ฟื้นล่ะ? หรือถ้าเราตื่นขึ้นมาระหว่างการผ่าตัดเหมือนในหนังล่ะ? จะเป็นอย่างไร… แต่สำหรับชายหนุ่ม Fenn Settle วัย 25 ปี กลับได้เจอประสบการณ์ฟื้นขึ้นมาระหว่างการผ่าตัดไส้ติ่งแบบจริงๆ ไม่อิงนิยาย และเขาก็ได้ออกมาเล่าถึงความรู้สึกกับเหตุการณ์ดังกล่าว นาย Fenn เข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่งที่โรงพยาบาล หลังจากที่ดมยาสลบไปแล้วเขาก็รู้สึกตัวและตื่นขึ้นมากลางคัน “ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังสำลักฝาขวดตาย เพราะมีท่อสอดเข้าไปที่คอของผม พร้อมๆ กันก็รู้สึกถึงของมีคมที่กำลังเฉือนเข้าไปที่ท้องของผม” “ตอนนั้นผมคิดว่าผมกำลังจะตาย ในใจก็คิดถึงหน้าของพ่อแม่ตลอดเวลา ผมพยายามกลั้นหายใจเพื่อที่จะให้ตัวเองสลบไปอีกครั้ง จากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาพร้อมกับได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องมือ และความรู้สึกถึงของมีคมที่ผ่าเข้ามาที่บริเวณท้องของผม” “ผมรู้ตัวอยู่ตลอดว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนั้นผมอยู่ในระหว่างการผ่าตัด แต่ผมไม่สามารถขยับได้ เหมือนกับกลายเป็นอัมพาต ผมพยายามลืมตา ส่งเสียงร้อง และขยับปลายนิ้วมือนิ้วเท้า” “ผมพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้พวกเขารู้ตัว แต่สิ่งที่พอทำได้ก็คือการปล่อยปัสสาวะออกมา จนในที่สุดแพทย์ก็รู้ตัว และให้ยาสลบเขาอีกรอบ” Fenn เล่า หลังจากการผ่าตัดผ่านพ้นไป เขาได้บอกกับพยาบาลว่า “การผ่าตัดเมื่อสักครู่ผมจำมันได้ ผมตื่นขึ้นมากลางการผ่าตัด” แต่นางพยาบาลตอบกับเขาว่า “มันก็แค่ความฝันเท่านั้นแหละ” เช้าวันต่อมาเขาได้รับการตรวจกับหมอ และคุณหมอก็พูดกับเขาว่า “ผมเกรงว่าคุณกำลังมีอาการ…
-
จากคำกล่าวของหมอ ว่าเค้าอาจจะไม่รอดจนถึงวันเกิดครั้งหน้า เลยลดน้ำหนักไปได้ 200 กิโลฯ
Stanley Hollar ชายที่เป็นโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน เขาอ้วนชนิดที่ว่าเขาอาจจะไม่รอดถึงวันเกิดปีหน้าได้หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เนื่องจากเขามีภาวะเจ็บป่วยและข้อจำกัดทางการรักษามากมายรวมอยู่ในความอ้วนของเขา ทุกอย่างจึงพากันย่ำแย่ลง ขณะที่ชีวิตของเขากำลังมองเห็นจุดจบ ก็กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เมื่อปี 2015 เขาเริ่มรู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างกับน้ำหนักตัวของเขา ย้อนกลับไปสมัยที่เขายังเป็นเด็กซึ่งแน่นอนว่า ไม่เคยมีช่วงไหนที่เขาผอมเลย สมัยที่เขาเป็นเด็กอนุบาล เขามีน้ำหนักถึง 45 กิโลกรัม Stanley กล่าวว่า “สมาชิกในครอบครัวส่วนมากก็ตัวใหญ่เหมือนผม การที่ผมมีน้ำหนักเกินนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก และผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันด้วย” แต่ถึงกระนั้น ญาติของเขาก็เริ่มมองเห็นว่าการมีน้ำหนักเกินของ Stanley เริ่มไม่ปกติ “ครอบครัวผมเองก็เริ่มพูดบางอย่างเกี่ยวกับน้ำหนักของผม แต่ก็แค่คำพูด ผมชินชากับเสียงหนวกหูเหล่านั้นเสียแล้ว” Stanley กล่าว ปัญหาของเขายิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เมื่อในปี 1996 Stanley ได้รับความบาดเจ็บสาหัสส่งผลให้เขาต้องตัดขาทิ้ง และต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี กว่าที่เขาจะรู้ตัวว่า เขาควรรักตัวเองได้แล้ว เพราะครั้งหนึ่งที่เขาไปหาแพทย์ แพทย์บอกกับเขาว่า เขาอาจจะไม่รอดชีวิตถึงวันเกิดปีหน้า คำพูดนี้ไม่ใช่แค่เสียงหนวกหู มันเป็นสิ่งเขาไม่สามารถมองข้ามได้ Stanley รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเอง ในเวลานั้น เขามีน้ำหนักตัวถึง 307 กิโลกรัม เขากล่าวว่า…
-
หนุ่มสาวผ่าตัด ‘เปลี่ยนหัวใจ’ ในวันเดียวกัน ใครจะเชื่อว่าทั้งคู่จะกลายมาเป็น ‘คู่แท้’
นี่แหละน้าบุพเพสันนิวาสจริงๆ ใครจะเชื่อว่าคนที่มาเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจเหมือนกัน วันเดียวกัน และอยู่ห้องติดกัน จะกลายมาคู่รักกันได้ ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือคู่รักจากเมืองแฟร์แฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนีย หนุ่ม Collin Kobelja และสาว Taylor Givens ที่เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2011 ทั้งคู่ต่างได้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ในเวลานั้นห้องของทั้งคู่ก็อยู่ติดกัน แต่ไม่มีใครทราบมาก่อนว่า ณ อีกฟากหนึ่งของห้อง มี “เนื้อคู่” ของพวกเขาพักฟื้นร่างกายอยู่ “ทุกสิ่งอย่างดูลงตัวอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเหมือนกับว่ามันถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้น” สาว Givens วัย 24 ปีกล่าว “เราทั้งสองคนช่างโชคดีจริงๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนถูกกำหนดมาแบบนั้น” หนุ่ม Kobelja วัย 30 ปีกล่าวเสริม ขณะที่ Taylor Givens ยังมีอายุเพียง 17 ปี เธอเริ่มมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการหายใจและอาการหัวใจสั่น แพทย์ของเธอคาดว่าคงเป็นแค่ความเครียด ทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ แต่เมื่อตรวจด้วยการเอ็กซ์เรย์แล้วทำให้พบว่า เธอน่าจะติดไวรัสในหัวใจที่ทำให้หัวใจมีขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อเธอไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเมื่อเดือนเมษายนปี 2011 แพทย์ก็พบว่าหัวใจของเธอนั้นสูบฉีดเลือดได้น้อย เพียง 10…
-
ภาพของระบบประสาทมนุษย์ จากร่างกายอายุเกือบ 100 ปี ใช้เวลาจำแนกกว่า 1,500 ชั่วโมง
ร่างกายของมนุษย์เราถือเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากอวัยวะหลากหลายส่วนที่สามารถทำงานได้ด้วยระบบประสาท การเคลื่อนไหวของอวัยวะรวมไปถึงอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในมนุษย์ยังถูกเชื่อมโยงและสั่งการด้วยระบบประสาทที่แตกแขนงออกมาสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างซับซ้อน ด้วยการแตกแขนงที่ละเอียดและซับซ้อนของเส้นประสาท จึงไม่ง่ายเลยหากจะมีใครสักคนที่สามารถแยกเส้นประสาททั้งหมดออกจากร่างกายเรามาให้ได้เห็นหรือศึกษากัน แต่ราวๆ หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา นักศึกษาแพทยศาสตร์ 2 คน L.P. Ramsdell และ M.A. Schalck ได้นำร่างกายศพจากปี 1925 มาผ่าตัดเพื่อจำแนกเส้นประสาททั้งระบบออกมา ทั้งคู่เริ่มการจำแนกจากส่วนสมองก่อนแล้วจึงไล่ลงมาตามร่างกายทีละส่วนเพื่อให้เส้นประสาทยังคงรวมอยู่ในระบบเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลเพื่อแยกระบบประสาทออกจากร่างกายมนุษย์ได้สำเร็จนั้น ใช้เวลาไปรวมแล้ว ราวๆ 1,500 ชั่วโมงเลยทีเดียว ระบบประสาทที่แยกออกมาเป็นเส้นประสาทที่สมบูรณ์ได้ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Osteopathic Medicine ในเมืองเคิร์กสวิลล์รัฐมิสซูรี สำหรับร่างศพผู้ที่ถูกนำมาผ่าเพื่อจำแนกเส้นประสาทนั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ทาง Jason Haxton ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์นั้นกล่าวว่าน่าจะเป็นร่างของคนยากคนจนหรือไม่ก็นักโทษ Haxton ยังบอกอีกว่า ส่วนอื่นๆ ของร่างกายศพมีมูลค่า โดยเฉพาะระบบประสาทที่ถูกจัดแสดงอยู่นั้นมีมูลค่ามากถึงกว่า 31 ล้านบาทมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว เขาเล่าต่ออีกว่า “นักศึกษาแพทย์ที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เมื่อมองไปยังระบบประสาทนี้แล้วยังถึงกับอึ้งกันเลยล่ะ พวกเขาต้องได้ทำข้อสอบเกี่ยวกับระบบประสาทแน่นอน แม้แต่คนที่คุ้นเคยกับการผ่าตัดจำแนกชิ้นส่วนยังต้องบอกว่านี่เป็นผลงานที่อัศจรรย์เลยทีเดียว” การทดลองผ่าตัดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ Ramsdell และ Schalck ต้องผ่าเส้นประสาทที่แขนมนุษย์ในชั้นเรียน ผลงานของทั้งสองนั้นละเอียดและสมบูรณ์จนทั้งคู่ได้รับมอบหมายให้ผ่าร่างกายมนุษย์ทั้งร่าง Ramsdell และ Schalck…
-
สาวที่หน้าอกใหญ่จนเป็นภาระ แถมโดนขู่ฆ่าด้วย จนตอนนี้ต้องผ่าตัดลดขนาดให้เล็กลง
สำหรับสาวๆ แล้ว เรื่องของหน้าอกหน้าใจนั้นถือว่าเป็นส่วนสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะมันเป็นหนึ่งที่ส่งผลต่อความมั่นใจของสาวๆ อย่างมาก หญิงสาวจำนวนไม่น้อยต้องการให้หน้าอกของตัวเองนั้นมีขนาดใหญ่ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในการแต่งกาย และเข้าสังคม แต่หารู้ไม่ว่าคนที่มีหน้าอกใหญ่จริงๆ ก็พบเจอเรื่องแย่ๆ ได้เหมือนกัน อย่างเช่น หญิงสาววัย 20 ปีคนนี้ เธอมีชื่อว่า Jasmin Vlassi เป็นผู้ที่มีหน้าอกที่ต้องสวมเสื้อชั้นในขนาด 32K เลยทีเดียว (เราจะเคยได้ยินแต่ คัพเอ คัพบี อันนี้คือคัพเค!) ซึ่งแต่ละข้างจะมีน้ำหนักโดยประมาณ 2.8 กิโลกรัม มันจึงทำให้เธอต้องประสบกับปัญหาของกระดูกที่รับน้ำหนักมากเกินไป ด้วยเหตุผลดังกล่าว เธอจึงพยายามหาทางศัลยกรรมลดขนาดหน้าอก และหลังจากการรอคอยนับปี เธอจึงได้เปิดแคมเปญในเว็ป GoFundMe เพื่อรวบรวมทุนให้เธอได้เข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรม นอกจากความเจ็บปวดทางกายแล้ว สิ่งที่ทำให้ Jasmin ต้องเจ็บปวดอีกก็คือ คำพูดกดขี่เธอต่างๆ นาๆ ที่เกิดขึ้นเพราะผู้คนที่ได้เห็นหน้าอกของเธอ Jasmin เล่ากับทาง Daily Record ว่า “ฉันถูกขู่จะเอาชีวิตหลายครั้ง มันทำให้ฉันกลัวและเครียดจนนั่งรถเลยป้ายที่ฉันจะลง ฉันร้องไห้ออกมาเพราะวันนั้นฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้” “โชคดีที่ผู้หญิงคนหนึ่งเจอฉันเข้า เขาให้ฉันเข้าไปรอในร้านของเขาพร้อมกับเรียกแท็กซี่มารับฉันกลับไปส่งที่บ้านด้วย” …
-
สาวผู้เสพติดการกิน รับว่าการผ่าตัดไม่ใช่ทางลัด ต้องใจแข็งเพื่อเปลี่ยนตัวเอง ถึงจะเห็นผล…
อาหารการกินเป็นสิ่งที่มนุษย์ปฏิเสธไม่ได้เลย แต่สำหรับปริมาณในแต่ละมื้อหรือในแต่ละวันนั้นก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของแต่ละคน กินน้อยไปก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย กินมากไปก็กลายมาเป็นสารอาหารส่วนเกินที่สะสมอยู่ในร่างกายอีก ในเมื่อร่างกายไม่สามารถขับสารอาหารส่วนเกินออกไปได้หมด ก็กลายมาเป็นการสะสมเอาไว้ในร่างกายแทน จนถึงขั้นประสบกับปัญหาโรคอ้วนกันได้เลยทีเดียว ซึ่งนอกเหนือจากจะเป็นสาเหตุทำให้โรคอื่นๆ ตามมาแล้ว ก็ยังทำให้ระบบภายในนั้นไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย ภาพถ่ายเปรียบเทียบอดีต (ซ้าย) และปัจจุบัน (ขวา) ของ MC Solomon สาววัย 19 ปี ยกตัวอย่างเช่นหญิงสาวนามว่า MC Solomon วัย 19 ปี จากเมืองแดลลัส รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐฯ เป็นผู้ประสบกับปัญหาน้ำหนักส่วนเกินและพยายามที่จะกำจัดออกไป จนกระทั่งในวันนี้เธอก็สามารถทำได้แล้ว แต่ไม่ใช่ว่าจะสามารถลดได้ในทันทีทันใด เพราะเส้นทางการลดน้ำหนักของเธอต่างเต็มไปด้วยอุปสรรคร้อยแปดพันเก้า… เธอตัดสินใจที่จะลดน้ำหนักและทวงคืนสุขภาพของตัวเองเป็นครั้งแรก ในช่วงเดือนมกราคม ปี 2017 โดยจะต้องผ่านกระบวนการวินิจฉัยของแพทย์ เข้ารับการบำบัด และรับการผ่าตัดกระเพาะอาหารในวันที่ 29 มีนาคม ปี 2017 อย่างที่ #เหมียวเลเซอร์ เกริ่นไปในช่วงแรก เส้นทางการลดน้ำหนักของเธอนั้นไม่ได้ปูด้วยทองคำ มันส่งผลกระทบทางด้านความท้าทายและวิถีชีวิตของเธออย่างรุนแรง …
-
เบื้องหลังของการผ่าตัดสมอง เพื่อช่วยชีวิตน้องอุ๋ง Ziggy ยากกว่าสัตว์ชนิดอื่นมากจริงๆ
เมื่อพูดถึงแมวน้ำล่ะก็ หลายคนคงคิดถึงคำว่าอุ๋งๆ ในใจเลยใช่ไหมล่ะ เพราะมันช่างน่ารักน่ากอด ดูแล้วคงจะเป็นสัตว์ที่นุ่มนิ่นน่าเข้าไปเล่นด้วยเสียจริงๆ แต่เพราะมันเป็นสัตว์โลก มันก็เลยเจ็บป่วยเป็นเหมือนกัน วันนี้เรามาดูเจ้าอุ๋งแมวน้ำที่เจ็บป่วยแต่ก็มีมนุษย์ใจดีพยายามรักษามัน ถึงแม้จะแสนยากลำบาก แต่พวกเขาก็ทุ่มเทหาทางช่วยให้มันกลับมาแข็งแรงให้จงได้… ที่อควาเรียมแห่งหนึ่งในเมืองมิสติก รัฐคอนเนคทิคัต ซึ่งมีชื่อว่า Mystic Aquarium มีเจ้าอุ๋งตัวหนึ่งชื่อว่า Ziggy Star อาศัยอยู่ในนั้น เจ้าซิกกี้เป็นแมวน้ำขนที่ได้รับการช่วยเหลือมาจากชายฝั่งของแคลิฟอร์เนียตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2013 ที่มันได้มาอยู่ที่อความเรียมแห่งนี้ก็เพราะอาการทางประสาทของมันที่ทำให้มันคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองไม่ได้ ซึ่งทำให้เกิดความลำบากที่จะใช้ชีวิตในธรรมชาติ แต่ในเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ เจ้า Ziggy ได้มีอาการ “ชัก” ต่อเนื่อง จึงถูกนำตัวไปส่งที่สถาบันสัตว์แพทย์ของมหาวิทยาลัยทัฟส์ เวลานั้นมันแทบไม่มีการตอบสนอง จากนั้นเจ้าอุ๋งจึงถูกนำตัวไปเข้ารับการสแกน MRI ซึ่งทำให้พบว่ามันมีอาการของ “โรคสมองคั่งน้ำ” ที่เกิดจากการที่มีของเหลวเข้าไปอยู่บริเวณด้านในกะโหลกศีรษะ และทำให้สมองเสื่อมลงเรื่อยๆ ในกรณีของเจ้า Ziggy นั้นไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ Ane Uriarte ศัลยแพทย์ทางประสาทของมหาวิทยาลัยทัฟส์ จึงได้ทำการผ่าตัดเจ้าอุ๋งโดยการวางท่อที่เชื่อมตั้งโพรงสมองส่วนที่มีน้ำออกมาสู่บริเวณท้องของมัน เพื่อให้ร่างกายของเจ้าแมวน้ำได้ดูดซับของเหลวมาได้อย่างปลอดภัย การรักษาโดยการผ่าตัดสมองสัตว์นั้นเป็นวิธีปกติสำหรับหมา แมว และมนุษย์ แต่สำหรับแมวน้ำนั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เนื่องจากรูปร่างของกะโหลกนั้นแตกต่างออกไป จึงต้องใช้การสแกน MRI เพื่อหาจุดที่จะสามารถเจาะท่อลงไปได้อย่างปลอดภัย Uriarte กล่าวว่ากะโหลกของแมวน้ำนั้นเรียบ กลม…
-
หมอจีนถูกสั่งสอบ กรณีขอเพิ่มค่ารักษาและบังคับจ่ายเพิ่ม ในระหว่างการทำผ่าตัด…
สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่ามีศัลยแพทย์หญิงชาวจีนถูกสอบสวนหลังจากมีการกล่าวโทษว่า ขณะที่เธอกำลังทำการผ่าตัด เธอขอให้คนไข้จ่ายเงินเพิ่มสำหรับกระบวนการรักษาเพิ่มเติม คนไข้นามว่า Jiang Meng อายุ 20 ปี กำลังเข้ารับการตรวจปากมดลูกโดยแพทย์ของโรงพยายามบาลต้าเหลียน ซึ่งเป็นเมืองท่าในมณฑลเหลียวหนิงในประเทศจีน แพทย์แซ่ Wang ก็ได้แจ้งว่า Jiang นั้นจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ขณะที่การผ่าตัดกำลังดำเนินไป แพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจว่าใช่ Wang หรือไม่ ก็ได้อ้างว่า Jiang มีปัญหาทางการรักษาบางอย่าง และจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างด่วนที่สุด จากนั้นแพทย์คนดังกล่าวจึงนำแผ่นกระดาษพร้อมคิวอาร์โค้ดมาให้ Jiang เพื่อสแกนรับรองค่าใช้จ่าย และบอกว่าการรักษาเพิ่มเติมนี้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 9 พันบาท เธอตอบตกลงแต่ขณะนั้นเธอมีเงินในบัญชีเพียง 3 พันบาทเธอจึงจ่ายส่วนต่างในภายหลัง เมื่อ Jiang ออกจากโรงพยาบาลมา เธอเกิดรู้สึกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการรักษา เธอจึงเข้าไปสอบถามแพทย์อีกโรงพยาบาลหนึ่ง จึงได้คำตอบว่ากระบวนการรักษาที่เพิ่มเติมมานั้น “ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด” จากนั้นเธอจึงเขียนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอลงบนสื่อออนไลน์ Weibo จนกระทั่งเรื่องราวถูกส่งไปถึง คณะกรรมการสุขภาพและการวางแผนครอบครัว การสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาจึงเกิดขึ้น ขณะที่ยังไม่ทราบผลของการสืบสวน พนักงานคนหนึ่งในโรงพยาบาลที่ Jiang เข้ารับการรักษาจึงออกมากล่าวกับสื่อ New Culture Daily ว่า “เป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยต้องสแกนคิวอาร์โค้ดสำหรับการรักษาต่างๆ ที่เกิดขึ้น” และยังบอกอีกว่า “มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลายอย่างระหว่างการผ่าตัด และเราก็ไม่สามารถปล่อยคนไข้กลับไปทั้งอย่างนั้นได้หรอก” ที่มา: Scmp
-
คู่รักหนักรวมกัน 560 กิโล กลับมาจ้ำจี้ได้อีกครั้งในรอบ 11 ปี ด้วยปฏิบัติการลดน้ำหนัก!!
แม้ร่างกายจะต้องเจอกับปัญหาเรื่องน้ำหนัก แต่ด้วยความรักกลับทำให้ทั้ง Lee Sutton วัย 42 ปี และ Rena Kiser วัย 39 ปีมองข้ามปัญหาดังกล่าวและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในท้ายที่สุด จุดเริ่มนต้นความรักของทั้งสองนั้นเริ่มเมื่อ 11 ปีก่อน โดย Rena และพี่ชายจะต้องเดินทางไปยังคลินิกลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นทำให้เขาได้เจอกับ Lee ชายผู้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเช่นกัน ทั้งคู่ได้พูดคุยกันและรู้สึกว่าถูกชะตากันมากๆ เพียงแต่ว่าการออกเดตกันในคลินิกนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดการพูดคุยกันไป เพื่อจะได้ตั้งเป้าอยู่ที่การลดน้ำหนัก ในตอนนั้น Lee มีน้ำหนัก 323 กิโลกรัม ส่วน Rena มีน้ำหนัก 245 กิโลกรัม ซึ่งถ้าทั้งคู่ยังปล่อยไว้แบบนี้มันจะส่งผลกับสุขภาพของทั้งคู่มากๆ แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่มีให้กันและมันก่อตัวขึ้นจนสุกงอมพวกเขาจึงตัดสินใจจะเลิกไปคลินิกเพื่อแหกกฎ จะได้สานต่อความรักของพวกเขา พวกเขาดูแลความรักกันเป็นอย่างดี ต่างคนต่างบอกว่าอีกฝ่ายนั้นน่ารักใจดีและดูแลกันไม่ห่างแม้จะมีน้ำหนักที่เยอะก็ตาม แต่แล้วเรื่องร้ายก็เกิดขึ้นตามมา การออกมาใช้ชีวิตด้วยกันด้วยน้ำหนักตัวดังรวมกับร่วมครึ่งตัน มันส่งผลร้ายกับทั้งคู่เป็นอย่างมาก เพราะยิ่งพวกเขาตั้งใจจะไม่ลดน้ำหนักและหยุดกินไม่ได้ น้ำหนักก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นสุขภาพก็แย่ลง จนสุดท้าย Lee ก็ไม่สามารถเดินได้ไปไหนมาไหนได้อีกต่อไป จะทำได้ก็เพียงไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น . เช่นเดียวกันกับ Rena…
-
หญิงสาวทำการผ่าตัด ‘ผีเสื้อปีกหัก’ เพื่อให้มันสามารถโบยบินได้เหมือนตัวอื่นๆ
ผีเสื้อ จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 5 เดือน แต่โชคร้ายที่บางตัวอาจอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น เหมือนกับผีเสื้อตัวนี้ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติบริเวณปีก จนไม่สามารถโบยบินได้เหมือนผีเสื้อตัวอื่นๆ และแน่นอน มันคงตายภายในไม่กี่วัน เนื่องจากไม่สามารถออกไปหาอาหารได้ เดชะบุญของผีเสื้อตัวน้อยตัวนี้ที่มันได้เจอกับ Romy McCloskey หญิงสาวผู้หลงใหลในผีเสื้อผ่านมาเห็นพอดี จึงทำให้มันได้รับความช่วยเหลือในทันที เจ้าผีเสื้อน้อยอายุแค่ 3 วัน เกิดมาพร้อมกับปีกที่ฉีกขาดไปข้างหนึ่ง Romy จึงหวังที่จะใช้การผ่าตัดช่วยเหลือมัน ด้วยความที่ผีเสื้อตัวนั้นมีความบกพร่องบริเวณปีก Romy จึงเปลี่ยนบ้านของตัวเองให้กลายเป็นห้องผ่าตัด หญิงสาวคือดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าระดับมืออาชีพ จึงทำให้ฝีมืการเย็บปักถักร้อยของเธอถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเจ้าผีเสื้อตัวน้อยนี้ได้อย่างมาก อุปกรณ์ที่ใช้คือ ผ้าขนหนู ไม้แขวนเสื้อ กาวเชื่อม ไม้จิ้มฟัน คอตตอนบัด กรรไกร แหนบ ผงแป้ง และปีกสำรองที่ได้มาจากผีเสื้อที่ตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้ไม้แขวนเสื้อล็อคตัวมันไว้ จากนั้นก็เล็มเอาส่วนที่ฉีกขาดออกไป แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเจ็บหรอกนะ เพราะเธอบอกว่าการตัดปีกของมัน ก็เหมือนกับการตัดผมหรือเล็บของเราน่ะแหละ ความประณีตและอดทนใช้เวลาไปอย่างยาวนาน ทำให้เธอสามารถต่อปีกมันมาได้สำเร็จ แม้เราจะเห็นรอยเชื่อมอยู่บ้าง รวมถึงจุดบนปีกที่แสดงถึงเพศของมันก็ไม่ตรงกับปีกที่มีอยู่จริงๆ แต่อย่างน้อยเธอหวังว่ามันจะกลับมาบินได้เหมือนเดิม หลังจากพักรักษาตัว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทดสอบแล้วว่า…
-
หนุ่มเสียฟันไป 4 ซี่ แถมเป็นแผลไฟไหม้ที่ปาก อ้างเพราะ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ระเบิดตู้มมม!!
ในวงการนักสูบ บุหรี่ถือว่าเป็นของสำคัญในชีวิตของพวกเขา แต่ด้วยความเบื่อหน่ายในรสชาติ หรือต้องการจะหาสิ่งอื่นที่ดีกว่ามาเติม นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่างบุหรี่ไฟฟ้าจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ทว่าอาจจะด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานของบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อหนึ่ง ทำให้มันเกิดระเบิดขึ้นพร้อมทั้งยังได้พรากฟันจำนวน 4 ซี่ไปจากนักสูบคนหนึ่ง… Matt Yamashita ชายชาวฮาวายวัย 25 ปีเล่าให้ฟังว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในตอนนั้นเขากำลังสูบบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อ CoilART Mage อยู่และจู่ๆ มันก็เกิดระเบิดขึ้นคาปากของเขาเลย สำหรับความเสียหายของมันมีมากพอที่จะทำให้เขาต้องสูญเสียฟันไปถึง 4 ซี่พร้อมกับยังมีรอยไหม้อยู่รอบๆ ปากของเขา และมันร้ายแรงถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัดเลยทีเดียว “ในตอนนี้ผมกำลังจะไปตีเบสบอลที่สนาม Palisades Park ในเมือง Pearl City เมื่อผมไปถึงและกำลังลงจากรถผมก็สูบบุหรี่ดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่าตั้งแต่ทีแรกที่ผมดูดเข้าไปมันก็ระเบิดใส่หน้าของผมเลย มือข้างขวาของผมก็โดนด้วย มันไหม้จนเนื้อเปลี่ยนไปเป็นสีดำสนิท” Matt กล่าว Matt บอกว่าเขาซื้อบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าวมาจากอินเทอร์เน็ต เมื่อประมาณ 6 เดือนที่แล้วแต่เพิ่งจะนำมาสูบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่เอง และเขายังบอกอีกด้วยว่า เขาใช้บุหรี่ไฟฟ้าอันนี้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้นก่อนที่มันจะเกิดระเบิดขึ้น “ผมได้ยินเสียงดังลั่นผ่านหูทั้งสองข้างของผม ตอนนั้นตาของผมจ้าจนมองอะไรไม่เห็น ต่อจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลออกมาจากปาก และนั่นได้ทำให้ผมแทบช็อกตาย” Matt เล่าให้ฟัง ภาพถ่ายบุหรี่ไฟฟ้าระเบิดของเขาได้ถูกถ่ายมา ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงบุหรี่ไฟฟ้าอันหนึ่งที่พังพินาศรวมทั้งยังมีหยดเลือดรวมทั้งฟันของเขาอยู่ในบริเวณนั้นด้วย ด้วยอุบัติเหตุในครั้งนั้น นอกจากเขาจะสูญเสียฟันไปถึง 4…
-
ท้าทายความกล้า กับคลิปผ่าตัดก้อนซีสต์ที่แก้ม ไม่เหมาะสำหรับคนชอบกินไข่!!
สำหรับใครที่ชื่นชอบความซาดิสม์ และเสพย์ติดความเจ็บปวดล่ะก็ เราขอท้าทายคุณด้วยคลิปวิดีโอที่เรานำมาฝากกันวันนี้เลย เพราะทั้งความหวาดเสียวและดีกรีความโหดนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เมื่อไม่นานมานี้ช่องยูทูบที่ใช้ชื่อว่า Dr. Sandra Lee ได้อัพเดทคลิปวิดีโอของชายคนหนึ่งที่เข้ามารักษาอาการเกี่ยวกับก้อนไขมันใต้ผิวหนัง sebacous cyst ซึ่งสามรถพบได้ทั่วไปบริเวณลำคอและลำตัว แต่อย่างไรก็ตามมันสามารถพบได้ในทุกส่วนของร่างกาย และนี่คือก้อน sebacous cyst ของชายคนนี้ โดยอาการกล่าวเกิดจากการทำงานที่ผิดปรกติของเซลล์ผิวในชั้นหนังแท้ และเกิดอาการอักเสบ โดยภายในก้อนดังกล่าวจะประกอบไปด้วย macerated keratin หรือเซลเปียกซึ่งมีลักษณะคล้ายเนยแข็งและมีกลิ่นเหม็น แต่อย่างไรก็ตามอาการดังกล่าวนั้นไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่มันอาจจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียความมั่นใจและไม่กล้าออกนอกบ้าน และถ้าหากปล่อยไว้จนเกิดการแตกอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อและทำให้กลายเป็นฝีได้ การผ่าตัดเป็นวิธีเดียวที่จะรักษาก้อนไขมันนี้ได้ แพทย์ได้ทำการกำหนดจุดที่จะผ่าตัด เพื่อนำไขมันที่อยู่ภายใต้ผิวหนังชายคนนี้ออกมา ถ้าใครไม่สะใจอยากดูขั้นตอนการทำงานของแพทย์ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… (คำเตือน: คลิปวิดีโอต่อไปนี้อาจมีภาพที่ทำให้คุณกินไข่ไม่อร่อย) และนี่คือสิ่งที่อยู่ใต้ผิวหนังของชายคนนี้ อื่ม… อร่อย!! หลังจากที่เอาก้อนไขมันเจ้าปัญหาออก แก้มของชายคนนี้ก็กลับมายุบได้อย่างปรกติ จากนั้นแพทย์จึงทำการเย็บปิดปากแผล เป็นอันเสร็จเรียบร้อย และสำหรับใครที่อยากชมคลิปวิดีโอเกี่ยวกับการักษาสิวแบบอื่นอีก ก็สามารถเข้าไปชมได้ที่ช่อง Dr. Sandra Lee (aka Dr. Pimple Popper) ได้เลย ที่มา unilad
-
ช้านร๊ากคูณณณ… คนไข้สาวเพิ่งฟื้นตัว แต่ยังเมายาสลบไม่ได้สติ ขอแต่งงานบุรุษพยาบาลรัวๆ
คนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล หรือบุคคลากรทั่วไป ในวันหนึ่งๆ พวกเขาต้องพบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแปลกบ้าง ดีบ้าง ร้ายบ้าง ก็ต้องคอยรับมือให้เหมาะสมกับความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ เหมือนกับ Luke บุรุษพยาบาลหนุ่มที่ถูกคนไข้สาวบอกรักและขอแต่งงาน เนื่องจากอาการเมายาสลบยังไม่ได้สติเท่าที่ควร ทำเอาเจ้าหน้าที่ทั้งห้องอดหัวเราะไม่ได้กันเลยทีเดียวล่ะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2016 หลังจากที่ Paris Ferguson ประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็ได้รับการผ่าตัดแขนหักจนพ้นขีดอันตราย และเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ไม่นานนัก แต่เนื่องจากฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด ทำให้เธอมีอาการเหมือนคนเมาไม่ได้สติเท่าที่ควรนัก และด้วยสาเหตุของคนเมาที่มักจะพูดหรือทำอะไรโดยไม่รู้ตัว เธอคนนี้ก็เช่นกัน ด้วยความเมายาสลบอย่างหนักหน่วง เธอจึงพูดกับบุรุษพยาบาลที่คอยดูแลเธอว่า “ฉันรักคุณม๊ากกกกกก” แค่นั้นยังไม่พอเธอยังลูบไล้แขนและเคราของเขาด้วย จนบุรุษพยาบาลต้องบอกกับเธอขำๆ ว่า “เราเพิ่งเจอกันวันนี้นะ” และที่ฮากว่าคือเธอตอบมาว่า “ฉันรู้ แต่เราต้องแต่งงานกันนะ” จากนั้นเธอก็พูดย้ำอีกว่า “ฉันคิดว่าเราควรจะแต่งงานกันนะ” แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าหากเธอรู้เรื่องนี้หลังจากฤทธิ์ยาสลบหมดแล้ว เธอคงแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ แต่ระหว่างที่ยังคงมีอาการเมายาสลบอยู่นี้ มันเหมือนเธอได้อยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุขกับการหลงใหลผู้ชายคนหนึ่ง และเธอก็ได้บอกความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อเขาโดยไม่รู้ตัว “เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก Luke ฉันรักคุณ คุณคือผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย” …
-
หนูน้อยป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง หลังสู้ฝ่าฟันรับการศัลยกรรม
หลังจากที่ Charlotte Halliday คุณแม่วัย 23 ปี จากควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย ได้ให้กำเนิดลูกชายตัวน้อยขึ้นมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2017 เธอก็พบกับความจริงอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กชายเกิดมาพร้อมอาการผิดปกติเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ แน่นอนว่าวิธีการรักษาโรคปากแหว่งฯ นี้มีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือการผ่าตัดศัลยกรรม แต่การผ่าตัดเด็กน้อยอายุไม่ถึงหนึ่งขวบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวการต่อสู้ของเด็กน้อย กับการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อที่จะได้กลับมามีรอยยิ้มสดใสน่ารักเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ อีกครั้ง หนูน้อยชาร์ลี เรื่องราวการต่อสู้ของชาร์ลีนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะหนูน้อยเพิ่งมีอายุได้เพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น สำหรับหัวอกคนเป็นแม่แล้ว คงไม่มีอะไรจะน่ากลัวและน่าเป็นห่วงไปมากกว่าการส่งลูกน้อยเข้าห้องผ่าตัด “ดิฉันกลัวมากเลยค่ะ กลัวว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก เพราะเขาทั้งยังเด็กมากๆ ก็ต้องมาต่อสู้กับการผ่าตัดซะแล้ว” คุณแม่กล่าว สำหรับหนูน้อยชาร์ลี หลังการผ่าตัดก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย หนูน้อยก็สามารถที่จะฉีกแก้มสร้างรอยยิ้มให้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ แล้ว “มันเป็นหลากหลายความรู้สึกที่รวมกันจนบอกไม่ถูก ตอนแรกที่รู้ว่าลูกเราป่วยเราก็แอบเศร้า แต่พอคุณหมอสามารถช่วยเหลือได้ เราก็ดีใจเช่นกัน” และนี่เป็นภาพเปรียบเทียบหลังการผ่าตัดสำเร็จ เรียกได้ว่า Charlie ได้กลับมามีความสุขแบบที่ควรจะเป็นอีกครั้ง …
-
คุณแม่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง สูญเสียลิ้นจนพูดไม่ได้ และปลูกถ่ายใหม่จากเนื้อบนข้อมือ…
การรักษาโรคบางอย่างอาจต้องทำให้เราสูญเสียบางอย่างไปแลกกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถมีสิ่งมาทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในตอนนั้นได้เสมอไป เมื่อเธอผู้นี้ได้สละผิวของอวัยวะส่วนเล็กๆ เพื่อเติมเต็มอีกส่วนที่ขาดหายไป คุณแม่วัย 34 ปีที่มีชื่อว่า Stephanie Wigglesworth ได้ถูกวินิจฉัยว่าเธอนั้นป่วยเป็นโรคมะเร็งหายากชนิดหนึ่งของเธอที่เกิดขึ้นกับช่องปาก หนทางเดียวที่จะรักษาได้นั่นคือการตัดลิ้น… โรงพยาบาลเมือง Cambridgeshire ในประเทศอังกฤษ ได้วินิจฉัยโรคดังกล่าวให้กับเธอ และตัดเอาลิ้นครึ่งหนึ่งของเธอออกไป ก่อนที่จะให้เธอปลูกถ่ายเนื้อลิ้นใหม่ ซึ่งนั่นเป็นทางเดียวที่จะช่วยเยียวยาหลังการผ่าตัดของเธอได้ สิ่งที่นำมาปลูกถ่ายนั้นไม่ได้มาจากไหนไกล แต่มันคือเนื้อเยื่อบริเวณข้อมือของเธอขนาด 3×3 นิ้ว และจากฝีมือการผ่าตัดของศัลยแพทย์ชื่อดังในเดือนมีนาคม ปี 2013 ที่ใช้เวลาถึง 9 ชั่วโมง ก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้ หลังจากการผ่าตัดนำเนื้อบริเวณข้อมือไปปลูกถ่ายลิ้น ข้อมือของเธอในปัจจุบัน เธอได้บอกเล่าเรื่องราวว่าในตอนแรกนั้นมันเป็นเรื่องที่สะเทือนใจอย่างมากที่เธอไม่สามารถพูด หรือแม้แต่ไม่สามารถกลืนน้ำลายได้ แถมยังรู้สึกสะอิดสะเอียน ที่ต้องใช้ไวท์บอร์ดในการสื่อสารกับสามีของเธอ มันยากที่จะอธิบายความรู้สึกในตอนนั้นแต่มันรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และความรู้สึกที่เธอไม่สามารถเรียกชื่อของลูกเธอได้นั้น คือสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับเธอ . แต่แน่นอนว่าหลังจากที่ทุกอย่างหายดีแล้วสุดท้ายเธอก็สามารถกลับมาพูดได้ตามปกติอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่ามันจะยากมากที่จะต้องเรียนรู้การออกเสียงใหม่ตั้งแต่ต้น และสองคำแรกที่เธอพูดได้ก็คือชื่อลูกของเธอทั้งสองคน Keiran และ Daisy เธอใช้เวลาถึง 12…
-
สาวที่ “แปลงเพศ” ตัวเองด้วยอายุน้อยที่สุดในอังกฤษ แถมเปลี่ยนสลับเพศไปมาถึง 3 ครั้ง
การที่เราเกิดออกมามีเพศสภาพไม่ตรงกับสิ่งที่เราเป็นนั้นนับเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน และวิทยาการทางการแพทย์ก็สามารถช่วยให้ความฝันเป็นจริงได้จากการแปลงเพศด้วยฮอร์โมนหรือการผ่าตัด เช่นเดียวกับเธอคนนี้ Ria Cooper วัย 23 ปีที่เกิดมาเป็นเพศชายในตอนแรกนั้นได้ทำการเปลี่ยนแปลงเพศในตอนที่เธอมีอายุเพียง 15 ปีซึ่งนับเป็นคนไข้อายุน้อยที่สุดที่ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงเพศของตัวเองในเกาะอังกฤษ ด้วยการฉีดฮอร์โมนเพศหญิงเข้าร่างกายไปเรื่อยๆ จึงช่วยให้หยุดการเจริญเติบโตของหนวดเครา อีกทั้งยังทำให้เธอมีหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น เธอเล่าว่าเธอรู้ตัวมาตลอดว่าเป็นผู้หญิง เริ่มแต่งหน้าใส่ส้นสูงตั้งแต่อายุ 12 ปีแต่เมื่อได้ทำการแปลงเพศสภาพในครั้งแรกนั้นก็ทำให้ต้องตกอยู่ในแรงกดดันจากสังคมคนรอบข้างที่มองว่าเธอยังเด็กเกินไปที่จะตัดสินใจกับเรื่องเหล่านี้ สิ่งนั้นทำให้เธอกลัวว่าจะไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่นจึงทำให้เธอตัดสินใจแปลงเพศกลับมาเป็นชายอีกครั้ง ด้วยความที่ต้องการเป็นเพียงคนปกติเธอจึงหยุดการฉีดฮอร์โมนเข้าสู่ร่างกายในวันเกิดอายุครบ 18 ปี ภาพของเธอในวัยเด็ก แต่การตัดสินใจครั้งที่สองของเธอก็ทำให้ได้รู้ว่านั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุขมากไปกว่าเดิมซะอีก ตอนนี้เธอจึงตัดสินใจที่จะเป็นตัวของตัวเองและหวังว่าในท้ายสุดแล้วจะได้พบกับความสุขอย่างที่เธอต้องการ ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าเธอได้ใช้เงินประกันสุขภาพขององค์กรสุขภาพในประเทศอย่างสิ้นเปลือง แต่เธอก็ได้ออกมาสาบานว่าเธอนั้นได้จ่ายค่าผ่าตัดด้วยเงินตัวเองทั้งหมด เธอนั้นต้องเสียเงินกว่า 2 แสนบาทเพื่อทำให้ความฝันในการมีหน้าอกเหมือนผู้หญิงของเธอได้เป็นจริง และรอที่จะทำการผ่าตัดแปลงเพศในปีถัดไป เธอยังคงหวังว่าจะได้รับความรัก ได้แต่งงานและได้มีครอบครัวเลี้ยงลูกหลังจากการตัดสินใจครั้งนี้ ซึ่งเธอก็รู้ว่ามันไม่ง่ายเลย และนั่นก็เคยเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธอได้ตัดสินใจเปลี่ยนกลับไปเป็นผู้ชายในตอนนั้น มันเป็นไปได้ยากมากเมื่อผู้ชายที่เข้ามาได้รู้เบื้องหลังชีวิตของเธอ ถึงแม้ว่าตัวคนๆ นั้นจะรับได้ แต่เมื่อเพื่อนของเขาเหล่านั้นได้รู้ สุดท้ายเธอก็ต้องถูกทิ้งอยู่ดี จนตอนนั้นเธอก็เริ่มสงสัยแล้วว่าจะสามารถมีความสุขได้อีกครั้งหรือไม่ “แต่ตอนนี้ฉันโตขึ้นและฉลาดขึ้นแล้วอีกทั้งยังได้เป็นตัวของตัวเอง ที่ว่าฉันคือ Ria ฉันเป็นผู้หญิงโดยจะไม่มีวันหันหลังกลับอีก ซึ่งหากฉันหาผู้ชายที่รักความเป็นฉันได้นั่นคงเป็นสิ่งที่เยี่ยมมาก แต่หากว่าไม่ฉันก็ยังคงจะสามารถที่จะเป็นแม่คนได้” เธอพูดทิ้งท้ายเอาไว้…
-
คุณลุงมีก้อนเนื้อยักษ์ในปากนานถึง 30 ปี กว่าจะได้รับการผ่าตัดออก จนกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
(คำเตือน: ภาพประกอบเนื้อหาอาจไม่เป็นมิตรต่อสายตา) เชื่อว่าถ้าเป็นไปได้ก็คงไม่มีใครอยากเผชิญกับอาการป่วยจากโรคร้าย เช่นเดียวกับ Eng Kheng คุณลุงชาวกัมพูชาที่ต้องต่อสู้กับปัญหาก้อนเนื้อยักษ์ในปากมานานกว่า 30 ปี เดิมทีคุณลุง Eng Kheng อาศัยอยู่ในจังหวัดกำปงจาม ถึงแม้คุณลุงจะไม่ทราบได้ว่าเนื้องอกขนาดใหญ่ในปากเกิดขึ้นจากอะไร แต่ก็ยังโชคดีที่คุณลุงได้รับการช่วยเหลือจาก Dr. Andrew Chang คุณหมอชาวออสเตรเลีย “เชื่อเถอะว่าแม้แต่ผมเองก็ไม่เคยเห็นอะไรใหญ่ขนาดนี้มาก่อน และผมก็ไม่คิดว่าคนทั้งโลกจะไม่เคยเห็นอะไรที่มันใหญ่ขนาดนี้เช่นเดียวกัน…” Dr. Andrew ให้สัมภาษณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้คุณลุง Eng Kheng ได้พยายามที่จะหาทางรักษาจากคุณหมอในพื้นที่ ทว่าด้วยปัจจัยความขาดแคลนทางการแพทย์ต่างๆ ทำให้ไม่สามารถรักษาอาการของคุณลุง ที่เพิ่งเกิดเป็นเคสแรกได้ โชคดีที่คราวนี้คุณลุงได้รับการช่วยเหลือ จากคุณหมอชาวออสเตรเลีย เพราะการผ่าตัดในครั้งนี้ Dr. Andrew Chang ได้เดินทางมาด้วยตนเองถึงประเทศกัมพูชา ส่วนหนึ่งก็เพื่อต้องการเผยแพร่ความรู้ด้านการแพทย์ให้กับเพื่อนร่วมอาชีพในพื้นที่นั้นๆ “สาเหตุหนึ่งก็เพราะอาการของคุณลุงแย่เกินกว่าที่เราจะส่งตัวเขามาออสเตรเลียได้อย่างปลอดภัย และการผ่าตัดในประเทศกัมพูชา ก็ช่วยให้เราเผยแพร่ความรู้ในการรักษาให้แก่พวกเขาได้เช่นกัน” คุณหมอกล่าว และนี่คือสภาพใบหน้าของคุณลุงหลังการผ่าตัดครั้งใหญ่ ต้องนับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นกับคุณลุงชาวกัมพูชา เพราะสำหรับคุณลุงแล้วเขาไม่ต้องการสิ่งอื่นใดนอกซะจาก การได้กลับมามีสภาพหน้าตาเหมือนคนปกติทั่วไปอีกครั้ง……
-
หญิงวัย 40 ปี อุ้มท้องป่องมานานกว่า 7 ปี ไม่ยอมรับการรักษา ทั้งๆ ที่เป็นเนื้องอกอยู่ภายใน
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า หญิงชาวกัวเตมาลาวัย 40 ปีรายหนึ่ง มีขนาดท้องที่ใหญ่มาก โดยสามารถวัดเส้นรอบวงได้มากถึง 137 เซนติเมตร ซึ่งขนาดท้องที่ใหญ่ของเธอดูราวกับว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ทารกน้อยหลายคน แต่ความจริงแล้วมันคือเนื้องอกในมดลูกที่เธอเป็นมานานกว่า 7 ปี จากการรายงานระบุว่า หญิงรายดังกล่าว ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกที่เรียกว่า Leiomyoma หรือ Fibroids แต่ทั้งนี้ เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดที่ไม่ร้ายแรง ดังนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้น้อยมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 7 ปีก่อน เธอจะได้รับการตรวจพบว่าเธอเป็นโรคเนื้องอกมดลูก แต่เธอก็ได้ปฏิเสธการรักษา เนื่องจากเธอคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ภายหลังจากที่ท้องของเธอใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา ซึ่งทางทีมแพทย์ก็สามรถนำเนื้องอกดังกล่าวออกมาได้ และเมื่อนำมาชั่งน้ำหนักก็พบว่ามันหนักมากถึง 70 ปอนด์ (ราวๆ 32 กิโลกรัม) เลยทีเดียว ทางด้านนักศึกษาแพทย์รายหนึ่ง ได้นำภาพของหญิงรายนี้ไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ซึ่งเธอก็ได้ระบุว่า เมื่อ 7 ปีก่อนผู้ป่วยรายนี้ได้เป็นเนื้องอกในมดลูก แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวจึงทำให้เธอปฏิเสธรับการรักษา…
-
เด็กน้อยวัย 3 ขวบ กับผลกระทบหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมอง น้ำหนักเพิ่มขึ้นถึง 40 กิโลฯ!!
เป็นอีกกรณีที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก ซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นหลังผ่าตัดเนื้องอกในสมองให้แก่เด็กน้อยวัย 3 ขวบ Freddie Hunt หนูน้อยผู้มีช่วงชีวิตในวัยเด็กที่แตกต่างจากคนอื่น แม้ว่าเจ้าตัวจะสามารถเอาชนะเนื้องอกที่มีขนาดเท่ากำปั้นได้ แต่ผลข้างเคียงที่ตามมาก็ทำให้เด็กน้อยคนนี้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเช่นเดียวกัน Freddie Hunt ตอนแรกทุกอย่างก็ดูเหมือนจะปกติดี คุณหมอสามารถผ่าตัดเอาเนื้องอกในสมองกว่า 90% ออกไปได้ ทว่า 20 วันให้หลังจากการผ่าตัดสภาพร่างกายของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป จากนั้นไม่นานเด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น และผลข้างเคียงต่างๆ เช่น คลื่นไส้อาเจียน หลังจากที่ผู้ปกครองสังเกตเห็นน้ำหนักตัวที่ผิดปกติของลูกชาย พวกเขาได้ส่งตัวไปเช็คอาการกับคุณหมออีกครั้ง และดูเหมือนว่าหลังจากผ่าตัด สมองของ Freddie จะได้รับการกระทบกระเทือน ทำให้เส้นประสาทสมองส่วนที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานผิดปกติ Freddie ก่อนที่จะเป็นเนื้องอกในสมอง ซึ่งนั่นหมายความว่า ร่างกายของ Freddie จะไม่หยุดการดูดซับสารอาหาร ส่งผลให้เด็กน้อยรู้สึกหิวอยู่ตลอดเวลา 5 เดือนต่อมาน้ำหนักของเด็กน้อยเพิ่มขึ้นเป็น 37.84 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยที่เหมาะสมสำหรับเด็กวัยนี้ “สำหรับครอบครัวเราตอนนี้ ทางการแพทย์ไม่มีทางไหนที่จะรักษาลูกเราได้เลย เราคงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเค้า” คุณแม่ให้สัมภาษณ์ ทุกวันนี้ครอบครัวต้องหันมาใช้วิธีการที่เบสิคที่สุด นั่นก็คือการพยายามควบคุมอาหารที่มีประโยชน์…
-
สาวสูญเสียอวัยวะสำคัญ 4 อย่าง เพื่อต่อสู้กับแบคทีเรียร้าย อันก่อให้เกิด ‘ไข้กาฬหลังแอ่น’
Sarah Joyce สาววัย 30 ปี จากนิวเซาธ์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เรื่องราวของเธอได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยทั่วโลกลุกขึ้นมาต่อสู้กับโรคร้ายที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ “คืนวันหนึ่งฉันมีไข้ตัวร้อน และก็คิดว่าตัวเองคงป่วยเป็นไข้ปกติทั่วไป แต่อาการกลับแย่ลงเรื่อยๆ จนฉันไปถึงมือหมอถึงได้พบว่าชีวิตตัวเองต้องเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังจากนั้น…” Sarah กล่าว Sarah Joyce ในช่วงที่เธอยังสุขภาพแข็งแรง แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นโรค ‘ไข้กาฬหลังแอ่น’ ซึ่งหลังจากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป จากเดิมที่เธอเคยเป็นผู้หญิงวัยทำงาน เธอต้องเปลี่ยนมาเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อผ่าตัดรักษาอาการป่วยของตัวเองแทน จากอาการป่วยติดเชื้อขั้นรุนแรง ทำให้คุณหมอต้องผ่าตัดนำ ถุงน้ำดี, ไต 2 ข้าง และลำไส้กว่า 80% ของเธอออกไป “ทุกวันนี้ฉันไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายให้คล่องแคล่วเหมือนเมื่อก่อน หลังการผ่าตัดครั้งใหญ่ฉันต้องตื่นมาพบว่าตัวเองต้องอาศัยอยู่ด้วยท่อออกซิเจน แต่ยังไงฉันก็จะขอสู้ต่อไป..” ช่วงที่อาการเธอทรุดหนัก คนรอบตัวเธอต่างรู้สึกหมดหวัง และไม่มั่นใจว่าเธอจะทำได้ จากการผ่าตัดเพื่อต่อสู้กับเชื้อร้ายหลายครั้ง ทำให้เธอต้องเข้ารับการกายภาพบำบัดใหม่ทั้งหมด “อันที่จริงแล้วอายุฉันหยุดไว้แค่อายุ 30 ปี 1 วันเท่านั้นแหละ เพราะที่เหลือจากนั้นฉันไม่ได้ใช้ชีวิตเลย แต่กำลังต่อสู้เพื่อกลับมาใช้ชีวิตต่างหากล่ะ” เธอกล่าวพร้อมรอยยิ้ม สุดท้ายเธอฝากเอาไว้ว่า…
-
ชายสูญเสียหน้าไปครึ่งนึง ได้รับการศัลยกรรมหน้าใหม่ โดยใช้ผิวหนังจากแขนและขา..!!
สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญโรคร้ายจนถึงกับต้องสูญเสียใบหน้าไป คงเปรียบได้กับการถูกพรากสิ่งสำคัญบางอย่างของชีวิตไปเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ ที่ช่วยทำให้ Tim McGrath หนุ่มวัย 38 ปี จากรัฐมิชิแกน ได้กลับมามีใบหน้าอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าเดิมก็ตาม… **คำเตือน: อาจมีภาพสะเทือนใจและทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยได้** ย้อนไปในปี 2014 เจ้าตัวรู้สึกปวดบริเวณกราม เมื่อไปตรวจก็พบว่ามีเนื้องอกและหมอได้วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งซาร์โคมา อ้างอิงข้อมูลจาก National Institutes of Health พบว่า มะเร็งซาร์โคมาร์เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก เป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง แม้ว่าตอนแรกอาจไม่พบอาการ แต่มะเร็งชนิดนี้สามารถขยายตัวได้เร็วมากๆ ทว่าสำหรับ Tim ก้อนเนื้อร้ายของเขากลับโตมีขนาดเท่าลูกซอฟท์บอล ในระหว่างการรักษานั้นเขาต้องอยู่ในห้องผ่าตัดนานกว่า 30 ชั่วโมง และต้องคอยเฝ้าสังเกตอาการผลข้างเคียงต่างๆ อยู่ในโรงพยาบาลต่ออีกนานถึง 7 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดแพทย์พยายามปลูกถ่ายผิวหนังบนใบหน้าของเขาขึ้นมาใหม่ ทว่าร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ทำให้อีกซีกหนึ่งของหน้าเขามีสภาพอย่างที่เห็นนี้… “ตลอดการผ่าตัดที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย หลังผ่าตัดผมต้องเจอกับปัญหาผิวหนังติดเชื้อและอื่นๆ อีกเยอะแยะ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกอยากจะยอมแพ้…” Tim McGarath ให้สัมภาษณ์ ทว่าชีวิตของเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง…
-
หนุ่มบราซิลรับการผ่าตัดมือที่เสียหาย ด้วยการ ‘เย็บติดไว้ในท้อง’ จนกลับงอกขึ้นมาใหม่ได้!?
[บทความต่อไปนี้อาจมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม] หากใครยังจำกันได้ เมื่อราวๆ ต้นปี 2016 ได้เคยมีการรายงานข่าวเกี่ยวกับหนุ่มชาวบราซิล Carlos Mariotti ที่ทำงานเป็นคนควบคุมเครื่องจักร แต่กลับเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อเขาดันถูกเครื่องจักรดูดมือเข้าไปจนเนื้อที่มือของเขาแทบไม่เหลือ นาย Carlos ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นการเร่งด่วน และที่โรงพยาบาลเขาก็ได้พบกับคุณหมอ Boris Brandao ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการผ่าตัดและตกแต่งผิวหนัง เขาเลยเกิดไอเดียในการผ่าหน้าท้องของคนไข้แล้วนำมือที่ได้รับบาดเจ็บใส่เข้าไปในกระเพาะอาหาร เพื่อให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อ สารอาหารและผสานเส้นเลือดขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการติดเชื้อที่มือของคนไข้ด้วย เขาต้องทนทรมานอยู่แบบนี้ราวๆ 6 สัปดาห์ เพื่อให้มือกลับมามีสภาพที่สมบูรณ์ ในระหว่างนั้นเขาก็ต้องใช้ชีวิตประจำวันไปด้วย โดยมีภรรยาและลูกคอยช่วยเหลือดูแล แต่ก็ยังอดกังวลไม่ได้ว่าตัวเองจะเผลอดึงมือออกจากหน้าท้อง เมื่อเวลาผ่านไป 6 สัปดาห์ มือของ Carlos ก็เริ่มกลับมาเป็นรูปเป็นร่างอีกครั้งและพร้อมที่จะถูกผ่าออกจากหน้าท้องของเขาแล้ว และมันก็ออกมาดีทีเดียวเมื่อเทียบกับตอนที่เขาได้รับอุบัติเหตุใหม่ๆ เมื่อนำมือออกมาได้แล้วก็ต้องรักษาเพื่อให้แผลเข้าที่เข้าทางต่ออีกสักพัก ก่อนที่คุณหมอ Boris จะวางแผนผ่าตัดครั้งต่อไป เพื่อแยกมือที่เป็นก้อนของเขาออกให้กลายเป็นนิ้วมือแบบปกติ ในระหว่างนั้น Carlos ต้องฝึกใช้มือข้างซ้ายของเขาในการทำกิจวัตรประจำวันแบบง่ายๆ อยู่เสมอ ทั้งการจับมือถือ…
-
คุณหมอผ่าตัดให้นายทหารผ่านศึก เพื่อนำกระสุนที่ฝังในร่างตั้งแต่ช่วงสงครามโลกออกมา!!
สงครามโลกครั้งที่สองถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตประมาณ 50-85 ล้านคน ในระหว่างปี 1939-1945 ที่น่าแปลกใจคือมีรายงานว่ามีทหารผ่านศึกที่รอดตายเพียง 900 คนเท่านั้นจากทั่วโลก และหนึ่งในนั้นยังคงมีกระสุนฝังในร่างกายโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่ง 70 ปีผ่านไป เมื่อ Baltabay Kaziev วัย 92 ปี จากคาซัคสถาน รู้สึกมีอาการปวดบริเวณสะโพก เขาจึงตัดสินใจไปพบแพทย์ แล้วสิ่งที่เห็นทำเอาทุกคนเซอร์ไพรส์หนักมาก เพราะสิ่งที่ทีมแพทย์เห็นหลังทำการผ่าตัดคือ มีกระสุนอายุประมาณ 73 ปี ฝังอยู่ในสะโพกของเขา Saule Hamzina หมอผู้ผ่าตัดบอกว่า… “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา Baltabay ไม่เคยมีปัญหาสุขภาพเลย แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขามาหาหมอในโรงพยาบาลทหารผ่านศึก เพราะมีอาการบวมที่สะโพก” แต่เมื่อทำการสแกนด้วย MRI ก็พบว่ามีกระสุนฝังอยู่จริง ซึ่ง Baltabay คาดว่าน่าจะถูกยิงฝ่ายศัตรูยิงในปี 1944 และฝังอยู่ในร่างกายมากว่า 7 ทศวรรษ ก่อนจะใช้เวลาเพียง 7 นาทีในการผ่าเอากระสุนดังกล่าวออกมา สำหรับตัว Baltabay นั้น เขาเคยอยู่ยูเครนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตอนนั้นเขาเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในการยิงปืนกลมาก และมีส่วนร่วมในการปลดแอกเมืองหลายแห่งรวมทั้งเมืองหลวง Kiev…
-
หนุ่มสาวลองเล่นเซ็กส์ทอย 4 นิ้ว ยัดเข้า “รูตรู๊ด” คิดว่าจะออกมาเองได้ แต่สุดท้ายไม่พ้นมือหมอ!!
จากค่ำคืนอันเสียวซ่านกลายเป็นค่ำคืนสุดทรมาน เมื่อหญิงสาวและคู่นอนอยากสัมผัสประสบการณ์ใหม่เพื่อเพิ่มรสชาติเซ็กส์ของพวกเขา โดยแฟนหนุ่มจัดการใช้เซ็กส์ทอยยัดเข้าไปที่ก้น ทว่าเรื่องกลับผิดพลาด เซ็กส์ทอยดันติดอยู่ในรูก้นเอาออกมาไม่ได้ซะอย่างนั้น!!? Emily Georgia หญิงสาววัย 20 ปี จากประเทศอังกฤษ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลเพื่อขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์หลังจากที่เซ็กส์ของเธอและคู่นอนไม่เป็นไปอย่างที่คิด เธอได้เล่าถึงช่วงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า คู่นอน “วันไนท์สแตน” ของเธอแนะนำให้เอาเซ็กส์ทอยอันนี้ยัดเข้าไปที่ก้น เดี๋ยวมันก็ออกมาเองตามธรรมชาติ แต่ว่าเวลาผ่านไปมันกลับติดอยู่ข้างใน ออกมาไม่ได้เลย ซึ่งคู่นอนเธอก็ไม่รู้จะช่วยยังไงพร้อมกล่าวอ้างว่าต้องทำงานตอนเช้า ก็เลยทิ้ง Emily ไว้กลับเซ็กส์ทอยขนาด 4 นิ้วในก้นของเธอ… จากนั้นเธอต้องทุกข์ทรมานอยู่กับเครื่องเล่นเสียวที่อยู่ในร่างกายของเธออยู่พักหนึ่ง จนเพื่อนสนิทของเธอเข้ามาเจอเข้าและรีบนำตัว Emily ส่งโรงพยาบาลทันที ทีมแพทย์ก็ทำการเอ็กซ์เรย์ช่วงล่างของเธอก็พบว่า เจ้าเซ็กส์ทอยเจ้าปัญหามันเข้าไปลึกมากๆ ที่สำคัญตัวเซ็กทอยยังทำมาจากเหล็กพร้อมกับมีเพรชอยู่ตรงท้ายซึ่งคมมากๆ ถ้าดึงออกมาเฉยๆ จะเกิดปัญหาตามมาได้ ที่สำคัญมันเกือบจะสร้างแผลให้กับลำไส้ของเธอแล้วด้วย ทีมแพทย์จึงตัดสินใจว่าการผ่าตัดจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด พวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงเพื่อช่วยรูทวารและลำไส้ของ Emily ให้ปลอดภัย . สุดท้ายหลังจากผ่าตัดเธอก็พักฟื้นที่โรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งวัน จากนั้นก็กลับบ้านได้ เธอเล่าว่าถ้าใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่ารอช้าให้รีบมาหอหมอทันทีและมันก็ไม่น่าอายอย่างที่คิดด้วย ที่สำคัญเธอก็คงจะเข็ดกับอะไรแบบนี้ไปอีกระยะหนึ่งเลยล่ะ ทีหลังก็แทงแต่พอดีนะหนู อย่าเอาเข้าไปหมดแบบนั้น!! . …
-
คุณยายวัย 65 กลับมามองเห็นได้อีกครั้ง ด้วยการผ่าตัดที่ใช้ส่วนของ “ฟัน” ของเธอเอง!?
การมองเห็นถือเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวันของเรา มีคนจำนวนมากที่ต้องทนทุกข์กับสายตาที่บอดจากกรณีต่างๆ โดยคุณยายวัย 65 คนนี้เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น Honor Davis วัย 65 ปี จากไอร์แลนด์เหนือได้สูญเสียการมองเห็นไปตั้งแต่อายุ 26 ปีเนื่องจากโรคทางสายตาที่หายากของเธอ Honor Davis ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก กว่า 40 ปีที่เธอต้องทนทุกข์กันสายตาที่พร่ามัวของเธอ เมื่อไม่นานมานี้ทีมแพทย์ได้ประมวลความเป็นไปได้ที่จะผ่าตัดรักษาเธอโดยใช้ส่วนฟันของเธอมาเป็นเลนส์ตาให้ตัวเธอเอง ซึ่งโรคตาที่เธอเผชิญอยู่นี้คือ Stevens-Johnson Syndrome จะแสดงอาการแผลพุพองตามผิวหนังรวมไปถึงลดความสามารถในการมองเห็นด้วย คุณหมอ Christopher Liu ผู้นำทีมผ่าตัด ด้วยความสามารถของทีมแพทย์ ทำให้พวกเขาสามารถที่จะรักษาผลของ Steven-Johnson Syndrome ที่เกิดบนดวงตาของเธอได้โดยการปลูกถ่ายเลนส์ใสจากฟันของเธอ โดยขั้นตอนการรักษาดังกล่าวเรียกว่า Osteo-Odonto-Keratoprosthesis เลนส์นั้นจะถูกใส่เข้าไปในดวงตาผ่านทางรูที่ทีมแพทย์ได้เจาะไว้ ตราบใดที่จอประสาทตาของเธอยังคงใช้งานได้นั้น เธอก็ยังสามารถที่จะมองเห็นผ่านเลนส์ตาใหม่ที่ได้จากแผ่นเลนส์ใสที่ทำมาจากฟันของเธอ เธอพยายามมองลูกสาวของเธอหลังจากการผ่าตัดครั้งแรก แต่นี่ไม่ใช่วิธีการผ่าตัดธรรมดาทั่วไปนะ เพราะการผ่าตัดแบบนี้สามารถรักษาผู้ที่ตาบอดได้บางประเภทเท่านั้น โดยศาสตราจารย์ Christopher Liu และทีมงานของเขาที่โรงพยาบาล Sussex Eye Hospital ในเมืองไบรตันเป็นหนึ่งทีมรักษาเพียงไม่กี่ทีมจากทั่วโลก ที่สามารถทำการรักษาเช่นนี้ได้ …
-
เรื่องราวของสัตวแพทย์สุดหล่อ ผู้ร้องเพลงขับกล่อมสัตว์เลี้ยงทุกตัว ก่อนผ่าตัดให้พวกมัน
บางครั้งยารักษาที่ดีที่สุด อาจไม่จำเป็นต้องเป็นยาจากสารเคมีเสมอไป… เพราะที่รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา มีสัตวแพทย์หนุ่มหล่ออยู่คนหนึ่งที่กำลังโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ เพราะเขาคือคุณหมอผู้ร้องเพลงขับกล่อมสัตว์เลี้ยงที่ป่วยทุกตัว ก่อนที่พวกมันจะเข้ารับการผ่าตัดนั่นเอง Dr. Ross Henderson สัตวแพทย์ประจำโรงพยาบาลสัตว์ฟ็อกซ์ฮอลโล่ว์ เป็นปกติทุกวันที่เขาจะต้องทำงานคลุกอยู่แค่ในห้องผ่าตัด เพื่อที่จะรักษาชีวิตน้องหมา น้องแมว หรือสัตว์เลี้ยงสุดที่รักของเจ้าของที่เจ็บป่วยอย่างรุนแรง ทว่าคุณหมอได้สังเกตเห็นว่า ทุกครั้งที่สัตว์เลี้ยงจะต้องเข้ารับการผ่าตัด พวกมันต่างรู้สึกหวาดผวา กลัว และตกใจ เขาจึงปิ๊งไอเดียที่จะนำเสียงกีต้าร์โปร่ง และเสียงร้องอันแสนจะนุ่มนวลของเค้า มาใช้เป็นเครื่องบรรเทาความกลัวให้แก่พวกมัน ถ้าใครอยากฟังเสียงหล่อๆ ของคุณหมอละก็ชมที่คลิปด้านล่าง (หรือคลิกที่ ลิงค์นี้ ได้เลยจ้า) ไม่ใช่แค่คุณหมอเท่านั้นที่จะคอยบรรเลงเพลงขับกล่อมให้เหล่าสัตว์เลี้ยงผู้น่ารัก แต่เหล่าพยาบาลผู้ช่วย และผู้ดูแลทั้งหลาย ต่างก็มีความสุขที่ได้ร้องเพลงเยียวยาความกลัวในจิตใจให้พวกมันได้เหมือนกัน ‘สัตว์เลี้ยงส่วนมากไม่เคยมาโรงพยาบาลสัตว์มาก่อน และผมก็คิดว่าพวกมันคงไม่อยากจะมาเท่าไหร่ด้วยครับฮ่าๆ อะไรที่พอจะทำให้พวกมันรู้สึกสบายใจได้ พวกเราก็พร้อมที่จะทำ’ คุณหมอให้สัมภาษณ์ . แต่ก็ใช่ว่าสัตว์เลี้ยงทุกตัวจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ฟังเสียงเพลงจากพวกเค้าเสมอไป เพราะที่โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้เจ้าหน้าที่ได้เลี้ยงแมวเหมียวหนึ่งตัว มันมีชื่อว่า Greg ‘Greg น่าจะเป็นแมวเหมียวตัวเดียวที่รำคาญเวลาพวกเราร้องเพลง น่าจะเป็นเพราะมันอาศัยอยู่กับเรา และฟังเราร้องเพลงจนเบื่อแล้วล่ะมั้ง’ เจ้าหน้าที่เล่า โฉมหน้าเจ้า Greg แมวที่อยากจะบอกว่า……
-
สื่อนอกรายงานหลัง Undertaker อำลาวงการ เจ้าตัวต้องเข้ารับการผ่าตัดสะโพกทันที!!
ก่อนหน้านี้ #เหมียวมู่ทู่ ได้นำเสนอเรื่องราวของตำนานนักมวยปล้ำ The Undertaker ผู้ประกาศอำลาสังเวียนในวัย 52 ปี (ข่าวเก่า) ด้วยการพ่ายแพ้ให้กับนักมวยปล้ำหน้าใหม่ Roman Reigns ทว่าข่าวคราวล่าสุดเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของ Mark Calaway อาจทำให้แฟนๆ หลายคนรู้สึกเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะมีการเปิดเผยว่าระหว่างศึก Wrestlemania เขาตัดสินใจที่จะเลื่อนนัดการผ่าตัดรักษาสะโพก เพียงเพราะต้องการที่จะมาปรากฏตัวเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการอำลาแฟนๆ อย่างเป็นทางการ จากการออกมาเปิดเผยของ Dave Meltzer หัวหน้าทีมผู้ดูแลสวัสดิการของนักมวยปล้ำในสังกัด เขาได้ให้สัมภาษณ์ว่า อันที่จริงแล้ว The Undertaker เริ่มมีอาการเจ็บปวดเรื้อรังมานานหลายปี และทีมแพทย์ก็ได้แนะนำให้เขาเลิกปล้ำมาตั้งแต่ปี 1997 แล้ว แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของบทบาทชายผู้ฟื้นจากความตาย จะดื้อรั้งอยู่บนสังเวียนมวยปล้ำมานานหลายทศวรรษ ทำให้อาการบาดเจ็บบริเวณสะโพกของเขาสะสมและรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที หลังจากที่เลื่อนนัดผ่าตัดมาหลายครั้ง เพราะเจ้าตัวไม่อยากจะพลาดศึก Wrestlemania ดูเหมือนว่าข่าวคราวการอำลาวงการของชายผู้นี้ กลายเป็นข่าวใหญ่ของทั้งอดีตเพื่อนร่วมงานในวงการ และแฟนๆ ที่ติดตามเขามาตลอด แม้ว่าเจ้าตัวเคยประกาศอำลาวงการตั้งแต่ Wrestlemania ครั้งที่ 32 แล้วก็ตาม Mark Callaway เปิดตัวครั้งแรกกับทาง…
-
ชาวเน็ตชอบใจ… เจ้าหมาเข้ารับการผ่าตัด หน้าลอยเคลิ้มไปไกล เพราะด้วยแรงฤทธิ์ยาสลบ
โดยปกติแล้วการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะ ‘การผ่าตัด’ คงเป็นเรื่องที่ไม่น่ายินดีเท่าไหร่นัก แต่สำหรับเจ้าหมาตัวนี้แล้วกลับมีใบหน้าที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก 555+ ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้า Oscar หมาพันธุ์ Golden Retriever จากเมือง Adelaide ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งล่าสุดมันต้องเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกไขมันออก “เมื่อมันแก่ตัวลง มันก็เริ่มที่จะมีอาการป่วยมากยิ่งขึ้น” Sarah เจ้านายของเจ้า Oscar เล่า แต่หลังจากที่ทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว Sarah ก็ได้ทำการถ่ายรูปของมันเอาไว้ และกลายเป็นว่าผลจากยากล่อมประสาทนั้นทำให้มันมีใบหน้าที่แปลกประหลาดเหลือเกิน จนเธอถึงกับสงสัยว่า “สรุปแล้วเอ็งมีความสุขจริงๆ ใช่มั้ยนะ?” Sarah ได้นำภาพดังกล่าวโพสต์ลงบนทวิตเตอร์ของตัวเอง พร้อมกับแคปชั่นว่า “จาก Doggo (หมา) พอเข้ารับการผ่าตัดแล้วก็กลายเป็น Druggo (หมาเมายา)” และมันก็โด่งดังไปทั่วโลกโซเชียล จนมีผู้คนเข้ามากดไลค์ถึง 377,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 110,000 ครั้งเลยทีเดียว!! พอได้เห็นสภาพสุดฮาของเจ้า Oscar แล้ว ชาวเน็ตอีกหลายคนต่างก็นำภาพของสัตว์เลี้ยงของตัวเองหลังจากที่โดนมอมยาสลบมาโพสต์ไฝว้ “นี่เป็นหมาของฉันหลังจากที่ผ่านการผ่าตัดมา…
-
เหย๊ดดดดด!! เปิดประสบการณ์ดินเนอร์สุดหรู เปลี่ยนบรรยากาศพาไปกินในห้องผ่าตัด
ปกติถ้าเราออกไปทานอาหารมื้อค่ำกับคนรัก หรือครอบครัว เราก็มักจะเลือกไปร้านที่มันบรรยากาศดีๆ หน่อย หรือไม่ก็ต้องเป็นร้านที่อร่อยมากๆ ใช่มั้ยล่ะ จะว่าไปถ้าเกิดว่าร้านอาหารทั่วไปทำให้คุณรู้สึกเบื่อแล้วละก็ เราจะขอแนะนำให้รู้จักกับ ‘Anatomy Lab Live’ คอร์สดินเนอร์สุดหรูที่ไม่มีใครเหมือนแน่นอน เพราะคุณจะได้ทานอาหารไปด้วย ดูคุณหมอ (ปลอม) สาธิตการผ่าตัดไปด้วย!! Sam Piri ผู้สร้างความบันเทิงใจระหว่างการทานอาหารค่ำ เดิมที Sam Piri ผู้ริเริ่มไอเดียนี้เรียนจบมาจากสาขาชีววิทยา เขามีความรู้ความช่ำชองเกี่ยวกับอวัยวะภายในของหมูเป็นอย่างดี จึงคิดขึ้นมาได้ว่า คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่น่าดูถ้าเค้าได้พาผู้คนผจญภัยไปในโลกของอวัยวะมนุษย์ พร้อมกับรับประทานอาหารไปด้วย โดยคอร์สดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟนี้จะเสิร์ฟ ปลาแซลม่อน มันอบ ถั่วเขียว แครอทอบเนย ของหวานเป็นพายแอปเปิ้ล ส่วนเครื่องดื่มมีให้เลือกระหว่างไวน์ และเบียร์ หลังจากที่แขกทานอาหารเสร็จแล้ว Sam จะทำการเปิดม่านห้องผ่าตัด และสาธิตการผ่าตัดจำลอง หยิบอวัยวะภายในขึ้นมาโชว์ทีละส่วน ทั้งสมอง ตับ ไต ไส้ พุง มาหมด!! ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอารมณ์ของคนที่ได้ไปนั่งตรงนั้นจะรู้สึกยังไง แต่ด้วยความแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำใคร ทำให้หนุ่ม Sam ต้องตระเวนออกไปจัดงานดินเนอร์ตามเมืองต่างๆ…
-
ครอบครัวทุ่มเงินนับหมื่น เพื่อผ่าตัดช่วยเหลือ ‘เจ้าบ็อบ’ ปลาทองพี่ใหญ่สุดของบ้าน!!
สัตว์เลี้ยงของใคร ใครก็ต้องหวงกันทั้งนั้น เพราะตลอดเวลาที่เราได้อยู่ดูแลมันมา ก็มักจะมีเรื่องราวความทรงจำดีๆ เกิดขึ้นเสมอ ไม่ใช่แค่เราดูแลสัตว์เลี้ยงเท่านั้น แต่บางทีพวกมันก็เป็นเหมือนสิ่งสำคัญที่ช่วยดูแลจิตใจเราด้วยเหมือนกัน 9 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาสำนักข่าว DailyMail ได้รายงานเรื่องของครอบครัวหนึ่ง ผู้ยอมทุ่มเงิน £300 (13,000 บาท) เพื่อเป็นค่าผ่าตัดก้อนเนื้อร้ายที่อาจจะพรากชีวิต ‘บ็อบ’ ปลาทองวัย 20 ปี ไปได้ ปลาทองบ็อบ พี่ใหญ่ประจำครอบครัวที่มีอายุมากกว่าลูกของเจ้าของมันซะอีก!! ซึ่งเจ้าของผู้ไม่ประสงค์เปิดเผยนาม ได้สังเกตเห็นว่าปลาทองสุดที่รักของเขามันไม่สามารถว่ายน้ำได้เหมือนปกติ เมื่อพาไปหาหมอจึงพบว่า เจ้าปลาทองต้องเผชิญกับก้อนเนื้อร้ายที่งอกขึ้นมาร่างกายของมัน ทว่าด้วยความที่มันมีขนาดตัวเล็กเพียงแค่ 3 นิ้ว การผ่าตัดรักษาจึงมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าปกติ เพราะต้องใช้สัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ และงานนี้ก็ตกเป็นของ Dr. Bethnall สัตวแพทย์สาวผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดสัตว์เล็ก โดยคุณหมอได้ให้สัมภาษณ์ว่า ‘เราจำเป็นต้องทำให้มันสลบก่อน จึงจะสามารถใช้เครื่องมือขนาดจิ๋วผ่าตัดเอาก้อนเนื้อร้ายออกมาได้ ฉันเข้าใจดีว่าปลาทองบ็อบมีความหมายต่อครอบครัวมากขนาดไหน และมันก็เป็นหน้าที่ของฉันค่ะ ที่ต้องทำให้พวกเขากลับไปอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง’ การผ่าตัดดังกล่าวใช้เวลาไปเพียงแค่ 30 นาทีเท่านั้น ซึ่งคุณหมอก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็นการผ่าตัดที่ค่อนข้างจะยากลำบากพอสมควร เนื่องจากอวัยวะของปลาทองมีขนาดที่เล็กมาก และเธอต้องคอยระวังไม่ให้มันเสียเลือดมากเกินไปอีกด้วย และทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี…
-
คุณหมอผ่าตัดอายุมากสุดในโลก 90 ปี และเธอก็เป็นคนรัสเซีย เรื่องฝีมือถึงใจแน่นอน!!
ถ้าถามว่าอาชีพไหนที่ต้องใช้ “ความนิ่ง” และ “ฝีมือ” มากที่สุดในโลก เชื่อว่า “ศัลยแพทย์” หรือ “หมอผ่าตัด” จะต้องเป็นอาชีพแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่พวกเขาทำการผ่าตัด นั่นหมายความชีวิตของคนไข้ต้องฝากไว้ที่ปลายมีดของพวกเขาแล้ว ยิ่งพวกเขานิ่งและเก่งเท่าไหร่ โอกาสรอดของคนไข้ก็มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งว่ากันตรงๆ แล้ว “ความนิ่ง” กับ “อายุ” เป็นสิ่งที่สวนทางกันเสมอ เพราะเมื่อมนุษย์อย่างเราๆ แก่ตัวลง การควบควมกล้ามเนื้อให้ดีเหมือนเดิมคงเป็นไปได้ยาก นั่นแปลว่าเมื่อหมอผ่าตัดมีที่อายุมากขึ้น จุดสูงสุดของอาชีพของพวกเขากำลังจะมาถึงแล้ว แต่นั่นไม่ใช่กับคุณหมอ Alla Ilyinichna Levushkina ชาวรัสเซียคนนี้ เพราะแม้เธอจะมีอายุจะเฉียดหลักร้อย (ด้วยวัย 89 ปี) แต่เธอก็ยังทำหน้าที่หมอผ่าตัดอย่างแข็งขันอยู่เสมอ แถมยังรับผ่าตัดวันละ 3 -4 เคสแทบทุกวันอีกด้วย!! ตลอดสามสิบปีที่ผ่านมา เธอทำงานเป็นแพทย์ทางอากาศ (ที่คอยรับคนไข้ด่วนพิเศษทางเฮลิคอปเตอร์ นึกภาพออกใช่มั้ย) และเมื่อวันหนึ่งเธอรู้สึกเบื่องานนั้น เธอจึงย้ายกลับมายังบ้านเกิด ที่เมืองไรยาซาน และทำงานในโรงพยาบาลประจำเมือง ด้วยส่วนสูงเพียง 150 เซนติเมตร ทุกครั้งที่เธอทำการผ่าตัด…
-
งานนี้มึนตึ๊บ เมื่อหมอผ่าตัดตัวจริงเล่นเกม ‘จำลองการผ่าตัด’….หมอยังบอกโคตรยากส์!!
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบการเล่นเกม และเคยติดตามวงการเกมกันมาพอสมควร คงจะรู้จักกับเกม Surgeon Simulator กันมาบ้างแล้ว ที่กลายเป็นกระแสให้เหล่าเกมเมอร์ทั่วโลกต่างก็หัวร้อนกันเป็นแถบ เพราะมันเป็นเกมจำลองการผ่าตัดที่ต้องขอบอกเลยว่ายากส์มากๆ จนทำให้ชาวเกมเมอร์ส่วนใหญ่เลิกสนใจเป้าหมายที่จะช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในเกม เปลี่ยนมาเล่นสายฮากันซะมากกว่า ฮร่า จะฮาขนาดไหนลองไปชม Heartrocker เล่นเจ้าเกมนี้กันก่อนที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… แต่มันจะยากซักแค่ไหนกันเชียว!? ทางแชแนลเ Facts. ก็เลยเชิญหมอผ่าตัดตัวจริงเสียงจริงมานั่งเล่นเจ้าเกม Surgeon Simulator กันซะเลย มาดูกันซิว่าเหล่าคุณหมอที่มีประสบการณ์ผ่าตัดจริงๆ มานักต่อนักจะเอาอยู่กันหรือไม่… ลองไปชมคลิปกันก่อนได้เลยจ้า (หากใครฟังไม่ทันก็เปิดซับอ่านกันได้นะจ๊ะ) โดยคุณหมอแต่ละคนก็มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า ยากส์!!!! แบบสุดๆ เพราะนอกจากการควบคุมที่ลำบากลำบน หยิบจับอะไรไม่ถนัดแล้ว การลงน้ำหนักมือเองก็ยากด้วยเช่นกัน และหลายๆ ครั้งมันก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คนไข้เสียชีวิต (อาจจะแค่เอาค้อนมาทุบเบาๆ แต่กะน้ำหนักไม่ถูกทุบแรงจนกระดูกแตกป่นปี้ซะงั้น) นอกจากนี้ยังมีคุณหมอคนหนึ่งบอกว่ามีอุปกรณ์ต่างๆ มากมายที่ไม่ควรมาอยู่ในห้องผ่าตัด อย่างเช่นขวดโค้ก!? แก้วกาแฟ เป็นต้น และบทสรุปก็คือไม่มีคุณหมอคนไหนสามารถช่วยชีวิตคนไข้ในเกมได้แม้แต่คนเดียว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมชาวเกมเมอร์ถึงเล่นแบบฮาๆ กันซะมากกว่า ฮร่า แหม่ เล่นยากอย่างนี้ ขนาดให้หมอผ่าตัดมาเล่นเองยังถึงกับบอกว่ายาก แล้วจะนับประสาอะไรกับเกมเมอร์ธรรมดาๆ…
-
สาวต้องตัดขาเพราะมะเร็ง แต่ก็ไม่ลืมพาขาข้างนั้นไปเที่ยวด้วย พร้อมอินสตาแกรมส่วนตัว!!
จะว่าไปแล้ว ‘มะเร็ง’ คงเปรียบเสมือนกับฝันร้ายของมนุษย์เรา เพราะทันทีที่เรารู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง เราอาจจะต้องทุ่มทั้งเงิน และเวลา ไปกับการรักษา อีกทั้งยังต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างอีกด้วย เช่นเดียวกับสาวสวยวัย 25 ปี จากรัฐโอคลาโฮมา ‘Kristi Loyall’ เธอพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งหายากชนิดหนึ่ง และทางเดียวที่จะสามารถรักษาได้ คือการที่เธอต้องยอมเสียสละผ่าตัดขาหนึ่งข้างออก Kristi Loyall และขาคู่ใจของเธอ ที่เคยพาเธอไปไหนมาไหนด้วยตลอด และด้วยความที่เธอต้องเฝ้าดูอาการจากคุณหมออย่างใกล้ชิด ทำให้เธอไม่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ เธอจึงปิ๊งไอเดียสร้างแอคเคาท์อินสตาแกรมที่ชื่อว่า ‘@onefootwander‘ เพื่อบันทึกเรื่องราวการเดินทางของเธอ และขาคู่ใจที่วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว หลังจากที่เธอผ่าตัดขาคู่ใจออกมาแล้ว เธอทำการส่งกระดูกขาของเธอไปที่บริษัท ‘Skulls Unlimited’ เพื่อทำการฟอกขาว และเอากระดูกมาต่อกันให้สมบูรณ์ดังเดิม นอกจากต้องการที่จะนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของขาคู่ใจแล้ว เธอยังต้องการที่จะระดมทุนเพื่อใช้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตของเธอ ในระหว่างที่เธอไม่ได้ทำงาน ตอนนี้เธอก็สามารถระดมได้ทั้งหมด $1,000 จากเป้าหมายของเธอ $10,000 แล้วล่ะ ไม่ว่าจะไปไหน ขาคู่นี้ก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอไปด้วยกันเสมอ อาการป่วยของเธอ กินระยะเวลามาอย่างยาวนานถึง 4 ปี เธอไปหาหมอมาแล้วหลายต่อหลายคน …
-
“Bubbles” ปลาทองทนทรมานอยู่กับเนื้องอกบนหัว ในที่สุดก็ได้รับการผ่าตัด จนหายดีแล้ว
Bubbles เป็นชื่อปลาทองตัวน้อย ที่ได้กลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข หลังจากที่ทางทีมแพทย์ช่วยกันผ่าตัดเนื้องอกบนหัวของมันออกได้สำเร็จ จนทำให้มันสามารถรอดชีวิตมาได้ ดีใจด้วยนะเจ้าปลา… ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ทางเฟสบุ๊คที่ชื่อ Lort Smith Animal Hospital ได้เผยภาพของ Bubbles ปลาทองอายุ 9 ปี ที่ต้องทนทุกข์ทนมานอยู่กับการมีเนื้องอกขนาดใหญ่โผล่ออกมาบริเวณหัว จึงทำให้มันว่ายน้ำค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังทำให้มันไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ ด้วยเหตุนี้ ผู้เป็นเจ้าของจึงได้นำเจ้าปลาทองแสนรัก ไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Lort Smith ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นอาการของเจ้า Bubbles ทางแพทย์ก็ได้เผยว่า เจ้าปลาทองจะต้องได้รับการผ่าตัด การน้ำปลาออกมาจากน้ำเป็นเวลานานๆ กว่าจะทำการผ่าตัดเสร็จมันไม่ใช่ง่ายที่ง่ายเลย โดยในตอนแรก ทางแพทย์ได้ให้ยาชากับมัน แล้วนำท่อออกซิเจนสอดเข้าไปในปาก เพื่อช่วยให้มันหายใจ จากนั้นก็ได้ลงมือผ่าตัดนำเนื้องอกชิ้นโตออกไปจากหัวของเจ้า Bubbles เมื่อการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี จนทำให้ในตอนนี้เนื้องอกที่อยู่บนหัวของ Bubbles ได้หลุดออกมาแล้ว หลังจากที่ได้รับการผ่าตัด และรักษาตัวจนหายดี เจ้าปลาทองน้อยก็กลับมาชีวิตที่สดใส และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากกกกก ต้องขอขอบคุณทางแพทย์มากจริงๆ…
-
วินาทีประทับใจ… แพทย์ซีเรียช่วยปั๊มหัวใจทารก เหยื่อเหตุระเบิด จนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง!!
ในทุกวันนี้ เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเรามักจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับสงครามในซีเรียแทบทุกวัน และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นถึงความโหดร้าย และความขัดแย้งของมนุษย์กับจุดจบที่ยังมองไม่เห็น แม้ว่าจะมีเหตุการณ์อันเลวร้ายเกิดขึ้นมากมาย แต่อย่างน้อยก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ที่ทำให้คนดูรู้สึกซึ้งใจ และประทับใจได้บ้าง โดยเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2559 ที่ผ่านมา ทางเฟซบุ๊ก Islami, Meshire dhe Dashuri ได้ทำการเผยคลิปวีดีโอวินาทีชีวิตของทารกน้อย ที่แพทย์สามารถช่วยให้เขาฟื้นจากความตายขึ้นมาได้ จากคลิปวีดีโอ ปรากฏให้เห็นเป็นภาพของบรรดาแพทย์ ขณะกำลังช่วยกันทำคลอดให้กับหญิงท้องแก่รายหนึ่ง ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกแรงระเบิดในซีเรีย ซึ่งในระหว่างที่ทางแพทย์ได้ช่วยกันนำตัวของทารกออกมาจากท้องแม่นั้น พวกเขาก็พบว่าทารกน้อยได้เสียชีวิตลงแล้ว ดังนั้น แพทย์จึงรีบทำการปั๊มหัวใจ เพื่อช่วยชีวิตทารกน้อยทันที แม้ว่าความหวังจะดูริบหรี่ แต่ทางแพทย์ก็ยังพยายามช่วยเหลือหนูน้อยอย่างเต็มที่ จนกระทั่ง 20 นาทีผ่านไป ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด ทารกที่หัวใจหยุดเต้น ก็ได้ลืมตาขึ้น พร้อมกับส่งเสียงร้องออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต มาชมคลิปวีดีโอกันเลย หลังจากที่คลิปวีดีโอได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล ชาวเน็ตต่างก็พากันเข้ามารับชมเป็นจำนวนมาก ซึ่งในตอนนี้ก็มียอดวิวสูงถึง 4.3 ล้าน ครั้ง และมีการแชร์ออกไปอีกกว่า 54,000 ครั้ง นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งคลิปวินาทีชีวิตที่สุดแสนจะประทับใจ และทำให้ใครหลายๆ…
-
สำเร็จหรือไม่? ทีมแพทย์ต่างประเทศเตรียมผ่าตัดเปลี่ยนหัวให้ชายหนุ่มวัย 31 เป็นครั้งแรกของโลก
แม้ในยามที่สิ้นหวังท้อแท้ ขอให้ทุกคนตระหนักไว้เสมอว่ายังมีบุคคลที่ตกทุกข์ได้ยากยิ่งกว่าเราเสมอ แต่ทุกๆ คนก็ต้องต่อสู้กับอุปสรรคเหล่านั้นให้ถึงที่สุด ให้สมกับที่ครั้งหนึ่งเราได้เกิดมานะ หากคุณนึกถึงตัวอย่างของคนสู้ชีวิตเก่งๆ ไม่ออกล่ะก็#เหมียวฟิ้นจะแนะนำให้รู้จักสักคนหนึ่ง เขาผู้นี้คือนาย Valery Spiridonov วัย 31 ปี นาย Spiridonov เกิดมาพร้อมกับโรคสุดแปลกที่ชื่อว่า Werdnig-Hoffman อาการของโรคนี้จะทำให้เด็กที่เกิดมามีอาการอ่อนแรง กล้ามเนื้อลีบ มีความผิดปกติที่ข้อกระดูก เคี้ยวและกลืนอาหารได้ลำบาก ซึ่งคนส่วนมากที่ป่วยเป็นโรคนี้มักจะเสียชีวิตตั้งแต่เด็กๆ แต่เขากลับสามารถมีชีวิตรอดมาได้ถึง 31 ปี ความทุกข์ทรมานของเขาดำเนินมาใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว เพราะล่าสุดมีข่าวว่าเขาได้เป็นอาสาสมัครให้กับการทดลองผ่าตัดที่ยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน อย่างการผ่าตัดเปลี่ยนถ่ายหัว การผ่าตัดครั้งนี้จะได้ Xiao-Ping Ren ศัลยแพทย์ทางระบบประสาทฝีมือดีจากประเทศจีนร่วมกับคุณหมอ Sergio Canavero จากอิตาลีมาร่วมผ่าตัดด้วย นาย Spiridonov ให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับการผ่าตัดที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเจ้าตัวบอกว่าการผ่าตัดมีค่าใช้จ่าสูงถึง 450 ล้านบาท ใช้ทีมงานกว่า 150 คน เวลาผ่าตัดอย่างน้อย 36 ชั่วโมง แถมยังมีความเสี่ยงที่สูงมาก แต่เขาก็พร้อมที่จะเสี่ยงไปกับมัน “อาการ ณ ปัจจุบันของผมค่อนข้างหนัก ผมไม่สามารถดูแลตัวเองได้…
-
เรื่องจริงของคนเสพติด ‘การกินมีด’ หมอตกใจหลังพบมีด 40 เล่มในท้อง… เพราะเขาเสพติดมัน!?
บางครั้งโลกของเราก็มีรสนิยมการกินแบบแปลกๆ แต่บางทีมันก็แปลกจนล้ำเส้นไปหน่อยนะ… เช่นเดียวกับชายคนนี้ ที่มีรสนิยมการทานอาหารที่สุดจะแปลก แต่ไม่ได้แปลกแบบธรรมดานะ ต้องขอบอกเลยว่าแปลกมากๆ!! ก็เพราะว่าเขาชอบกิน ‘มีด’ ยังไงล่ะ Jarnail Singh ชายวัย 42 ปีที่อาศัยอยู่ในรัฐปัญจาบ ประเทศอินเดีย ได้ถูกหามส่งโรงพยาบาลเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่เขามีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง และร่างกายอ่อนเพลีย หลังจากที่แพทย์ได้ทำการตรวจความผิดปกติทางร่างกาย ด้วยวิธีการต่างๆ รวมไปถึงการเอ็กซเรย์แล้วก็พบว่าในท้องของเขานั้นมีมีดอยู่มากมายนับได้ทั้งหมดประมาณ 40 เล่มเลยทีเดียว!! . จากการสอบถามก็ได้ทราบว่านาย Singh ได้เริ่มกินมีดมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เอง โดยเจ้าตัวให้สาเหตุว่าเขาเสพติดรสชาติของมัน “ผมชื่นชอบรสชาติของมัน และก็เสพติดมัน…ก็เหมือนกับคนที่ชอบการดื่มเหล้าหรือเบียร์นั่นแหละ ความรู้สึกของผมก็ประมาณนั้นเลย” เขาให้สัมภาษณ์กับ CNN ซึ่งมีดที่เขากินไปนั้นไม่ได้ผ่านกระบวนการเคี้ยวแต่อย่างใด แต่ดูเหมือนจะเป็นลักษณะการกลืนมากกว่า ซึ่งมีดที่เขากินเข้าไปนั้นก็มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ส่วนใหญ่จะเป็นมีดพับ และบางอันก็มีขนาดยาวถึง 17 เซนติเมตรเลยทีเดียว!! จากรายงานของแพทย์พบว่าสาเหตุที่นาย Singh ปวดท้องนั้นมาจากบาดแผลที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เกิดการติดเชื้อเลยแม้แต่น้อย จากรายงานของสำนักข่าว CNN นาย Singh…
-
สื่อต่างชาติเผยรายงานลับ ประเทศจีนประหารนักโทษนับล้านราย เพื่อนำ ‘อวัยวะ’ ไปใช้งานต่อ
กลายมาเป็นเรื่องราวใหญ่โตกันเลยทีเดียว กับการกระทำที่ไม่รู้จะเรียกว่าเป็นสีขาวสีดำกันแน่ เพราะมันอยู่คั่นกลางระหว่างสองสี… ฟังดูข่าวนี้เหมือนกับอะไรที่มาจากเว็บไซต์ไวรัสดักคนเข้า แต่เป็นการเปิดเผยจากทางสื่อใหญ่อย่าง Independent เมื่อมีข่าวลือหนาหูของรัฐบาลจีน ที่ให้เหล่านักโทษเข้าร่วมโปรแกรมฝึก Falun Gong อันเป็นวิถีการฝึกสมาธิอย่างหนึ่งของลัทธิในจีน เมื่อจบโปรแกรมแล้วจะนำนักโทษเหล่านั้นมาประหารเพื่อหวังนำเอาอวัยวะภายในไปปลูกถ่ายให้กับบุคคลที่ต้องการ (ราวกับว่าเป็นการค้าอวัยวะกันเลย) จากแหล่งข่าวได้กล่าวเอาไว้ว่าทางรัฐบาลจีนได้หยุดโปรแกรมดังกล่าวไปเมื่อสองปีที่แล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบผ่าตัดนำอวัยวะของเหล่านักโทษอย่างต่อเนื่อง โดยทางผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์เอาไว้ว่าในทุกๆ ปี จะมีนักโทษราวๆ 60,000 – 100,000 รายที่ถูกประหารชีวิตและผ่าตัดนำหัวใจ ตับ และอวัยวะภายในอื่นๆ ออกมา เพื่อนำไปใช้ปลูกถ่าย ทั้งนี้ยังมีรายงานตัวเลขที่น่าตกใจตามมาก็คือ โดยรวมแล้วประมาณ 1,500,000 รายที่ถูกผ่าตัดนำตับและไตออกจำหน่ายไปสู่ศูนย์ปลูกถ่ายอวัยวะกว่า 712 แห่งทั่วประเทศจีน มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 ศัลยแพทย์ผู้ผ่าตัดถูกบังคับให้ทำการปลูกถ่ายอวัยวะทุกวันจนแทบจะนับจำนวนครั้งไม่ถ้วน บางวันอาจจะถูกบังคับให้ทำการผ่าตัดนำตับออกจากร่างมากถึง 6 ครั้งกันเลยทีเดียว!! ข้อมูลต่างๆ นั้น ได้รับการตีพิมพ์ใน Bloody Harvest: Revised Report into Allegations of Organ Harvesting…
-
เจ้าปลาเข้ารับผ่าตัดใส่ “ตาปลอม” หลังถูกเพื่อนร่วมตู้รังแกจนได้รับบาดเจ็บ!!
ทุกชีวิตต้องมีสังคมอยู่ แม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ถ้าให้มันอยู่คนเดียวมันก็อาจจะเหงาได้ ดังนั้นเราก็เลยต้องหาเพื่อนให้มันได้เล่นด้วย มันจะได้คุยกับคนอื่นบ้าง ไม่ใช่เฉพาะหมากับแมวเท่านั้น ปลาก็เช่นกัน ในตู้มันก็ต้องมีเพื่อนปลาอยู่ด้วย จะได้ไม่เหงา ตั้งแต่ #เหมียวสามสี เกิดมา เวลาเลี้ยงปลาแล้วปลาป่วย เราก็ไม่ค่อยได้ดูแลอะไรมันมาก ก็ให้มันใช้ชีวิตต่อไป เพราะว่าถ้าจะเอาปลาไปหาหมอ มันก็ยังไงๆ อยู่ แต่สำหรับคนที่รักปลามากๆ ก็ย่อมรักษาชีวิตมันไว้ เหมือนอย่างเจ้า Kiwi ตัวนี้ Kiwi ปลาผู้โชคร้ายที่เป็นต้อกระจก และด้วยอาการป่วยนี้ ทำให้ปลาร่วมตู้เริ่มหันมากลั่นแกล้งเจ้า Kiwi Megan Baebler สัตวแพทย์ผู้รักษาปลาตัวนี้ได้เล่าว่าตอนที่เจ้าของนำปลามาให้รักษา เขาไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี เพราะว่าปลาตัวนี้เหมือนถูกไล่ออกจากตู้ ก็เลยตัดสินใจพามายังโรงพยาบาลสัตว์ Kersting Veterinary Hospital หมอก็เลยทำการผ่าตัดดวงตาให้กับมัน แล้วก็ใส่ตาปลอมอคริลิกเข้าไปแทน โดยวาดเติมแต่งให้เหมือนตาของปลาจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นงานประดิษฐ์จากมือหมอทั้งสิ้น อาร์ตสุดๆ . หลังจากนั้นเจ้า Kiwi ก็ได้ไปอยู่ในอควาเรียม ที่ที่มันจะไม่ถูกรังแก ต้องใช้เวลาปรับตัวสักพักกับตาอันใหม่ของมัน หลายคนอาจจะมองว่าช่างมันเถอะ แค่ปลาตัวเดียว แต่สำหรับบางคน…
-
คุณพ่อลงทุน “สักที่หัว” เพื่อเสริมความมั่นใจให้ลูก ที่ผ่าตัดศีรษะเพราะมะเร็งร้าย!!
เมื่อลูกชาย Gabriel Marshall จากรัฐแคนซัสประเทศสหรัฐฯ ตรวจพบว่ามีเนื้องอกในสมองในเดือนมีนาคมปี 2015 และหลังจากการผ่าตัดก็ได้ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ที่หัว คุณพ่อ Josh “J-Mash” Marshall จึงอยากชะช่วยลูกของเขาเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิต เพราะกลัวว่าลูกจะอายเวลามีคนเห็นรอยแผลเป็นของเขา พ่อก็เลยไปสักบนหัวให้เป็นลายเหมือนกับลูก เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกเหงา หลังจากที่คุณพ่อโพสต์ภาพนี้ลงไป ก็ได้มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนกลายเป็นไวรัล ผู้คนต่างเคารพการตัดสินใจครั้งนี้ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน “ว๊าว ผมไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้นะเนี่ย” คุณพ่อโพสต์ในเฟซบุ๊กหลังจากที่ภาพนี้โด่งดังเป็นอย่างมาก อีกทั้ง Aesthetic Revolution ซึ่งเป็นแอคเคาท์ในอินสตาแกรมก็ได้แชร์ภาพนี้ไปพร้อมกับแคปชั่น “คนหนึ่งมีแผลเป็นจริงๆ อีกคนหนึ่งมีรอยสักแผลเป็นที่ทำให้ลูกรู้สึกเป็นคนปกติ นี่อาจจะเป็นคุณพ่อแห่งปีเลยก็ได้” ทั้งนี้ก็ยังมีกระแสที่ยังไม่เห็นด้วย เพราะว่าเขาหวังดีต่อตัวเด็ก เลยแนะนำให้คุณพ่อแทนที่จะทำตัวให้เหมือนกับลูก ให้แนะนำให้ลูกเรียนรู้กับการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่นแทน เพราะจะทำให้ลูกเติบโตขึ้น และไม่มีอะไรที่จะเหมือนกับเขาได้ทั้งหมด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสอนจะสอนลูกยังไง แล้วชาวเหมียวล่ะ คิดว่าการทำกับลูกแบบนี้มันดีรึเปล่า!? ที่มา boredpanda
-
โอ้คุณพระ!! ‘ผมอยากเป็นปีศาจ’ หนุ่มทุ่มเงินกว่า 780,000 บาท เพิ่มไซส์น้องชายขนาดมหึมา
ในเรื่องของการทำศัลยกรรมเสริมตกแต่งร่างกายของตัวเองนั้นก็ถือว่าเป็นความพึงพอใจของแต่ละคนนั่นแหละ เงินใครเงินมัน อยากจะใช้ทำอะไรเพื่อตัวเองก็ว่ากันไป แต่บางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่ามันมากเกินไปรึเปล่าเนี่ย? เรื่องราวของพ่อหนุ่ม Leon วัย 25 ปี ชายขับรถบรรทุกผู้มีชีวิตตามปกติเหมือนกับคนทั่วไป วันหนึ่งเขารู้สึกว่าอยากมีความพิเศษมากกว่าคนอื่น เพราะฉะนั้นจึงลงเอยด้วยการนำเงินกว่า 15,000 ปอนด์ (ราวๆ 780,000 บาท) ทุ่มให้กับการเพิ่มขนาดน้องชายของตัวเอง!! เขาได้รับการผ่าตัดเสริมแต่งอวัยวะเพศมาแล้วถึง 2 ครั้ง ทั้งเพิ่มขนาดและความยาว ด้วยความคิดที่ว่าผู้ชายส่วนมากก็ต้องการขนาดที่ใหญ่และแข็งแรงเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองกันทั้งนั้น แบบว่ายิ่งใหญ่ก็ยิ่งดี ‘มันเป็นขนาดของพระเอกหนังโป๊เลยนะ ผมบอกหมอว่า ผมอยากเป็นปีศาจ หมอก็จัดปีศาจลงบนร่างของผม’ โดยหลังจากที่ได้รับการผ่าตัดมาเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างเป็นไปได้สวย แถมพี่แกยังถ่ายรูปไปอวดเพื่อนอีกต่างหาก ‘มันให้ความรู้สึกเหมือนกับได้รถคันใหม่แล้วอยากอวดนั่นแหละ ถ้าอยากจะทำก็ทำซะ’ ซึ่งผลที่ได้ก็คือยาวเพิ่มจาก 4 นิ้วเป็น 6 นิ้ว และขยายกว้างเป็น 6.5 นิ้ว มันใหญ่เบ่อเร่อเลยนะนั่น!! เงินจำนวนขนาดนี้ เอาไปทำอะไรอย่างอื่นได้ตั้งเยอะแยะเลย แต่ก็นั่นแหละ ความสุขของคนเรามันไม่เหมือนกัน อิอิ ที่มา :…
-
ชมคลิปการ “ผ่าตัดแปลงเพศ” แบบเข้าใจง่าย ไม่น่ากลัว แต่ผู้ชายดูอาจสยอง!!
ปัจจุบันการผ่าตัดแปลงเพศนั้นเป็นเรื่องที่ทำกันได้ง่ายขึ้นเนื่องจากเรามีเทคโนโลยีการแพทย์ต่างๆ มากมาย ที่ช่วยอำนวยความสะดวก ทำให้สาวประเพศสองหลายคนวางใจที่จะตัดอวัยวะเพศออกไป หลายคนอาจจะนึกไม่ออกว่าผ่าตัดแปลงเพศนั้นมันทำยังไงกันนะ เพราะอวัยวะของชายและหญิงไม่เหมือนกัน ตรงแท่งจะเอาไปไว้ไหน ไข่ก็หายไปด้วย แล้วเวลาฉี่จะเหมือนผู้หญิงหรือไม่? เป็นสิ่งที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน ทางเพจ Mic จึงได้ทำคลิปแบบจำลองการผ่าตัดแปลงเพศโดย European Society of Urology แบบเข้าใจง่าย ดูแค่ภาพก็รู้เรื่องแล้ว ซึ่งบอกคำเดียวว่าคุณผู้ชายดูแล้วอาจเสียวสันหลังวาบเลยก็เป็นได้ อย่ารอช้า เราไปดูกันเลย ในคลิปได้ให้ข้อมูลมาว่าในสหรัฐฯ นั้นมีคนผ่าตัดในลักษณะนี้ประมาณ 100-500 คนต่อปี ซึ่งหลังผ่าตัดแล้วอวัยวะเพศก็จะมีรูปร่างคล้ายของของผู้หญิงและสามารถฉี่ได้ตามปกติ ที่มา Mic
-
ชมบททดสอบสุดโหดของแพทย์ผ่าตัดญี่ปุ่น “พับกระดาษจิ๋ว/ต่อแมลง/ซูชิข้าวเม็ดเดียว”
การจะเป็นแพทย์ได้นั้นมันไม่ง่ายเลย เพราะคุณต้องทำการสอบเข้าซึ่งข้อสอบมันก็มหาโหดอยู่แล้ว ดังนั้นต้องเป็นคนที่หัวดีจริงๆ ถึงจะสามารถเข้าเรียนสายนี้ได้ แต่ถ้าจะไปเป็นแพทย์ที่ญี่ปุ่นขอบอกเลยว่าโหดกว่ามาก โดยเฉพาะแพทย์ผ่าตัด เมื่อโรงพยาบาล KURASHIKI CENTRAL HOSPITAL ของประเทศญี่ปุ่นได้ทำการเผยคลิปบททดสอบสุดโหดของนักศึกษาแพทย์ที่ต้องได้รับ เพื่อทดสอบความนิ่งของมือ ซึ่งแต่ละอันมันเกินบรรยายมากๆ ภารกิจที่ 1 พับนกด้วยกระดาษขนาด 5*5 มิลลิเมตร ภารกิจที่ 2 ประกอบร่างแมลง ภารกิจที่ 3 ทำซูชิโดยใช้ข้าวเพียงเม็ดเดียว ฟังแค่นี้ก็ตะลึงแล้วใช่ไหมล่ะ เราไปชมการทดสอบในคลิปนี้กันเลย บอกเลยว่าญี่ปุ่นนี่เวลาเขาจะทำอะไรจริงจัง มันก็จริงจังมากๆ ได้อารมณ์เหมือนดูทีวีแชมเปี้ยนอยู่เลยเนอะ ที่มา 倉敷中央病院医師教育研修部
-
สื่อนอกเผยการแพทย์สหรัฐฯ ก้าวไกล ปลูกถ่าย “ปิ๊กกาจู” ได้แล้ว แต่ขอโทษ มีแต่ไซส์ใหญ่นะจ๊ะ
สำหรับท่านชายคนไหนที่มีปัญหาเรื่อง “ปิ๊กกาจู” เล็กมาตั้งแต่เกิด หรือไม่ได้ขนาด ตอนนี้โอกาสของคุณใกล้จะเป็นจริงแล้ว เพราะคุณหมอชาวอิหร่านได้ทำการวิจัยและค้นคว้า จนสามารถปลูกถ่ายอวัยวะสุดรักของท่านชายได้สำเร็จแล้ว เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าคุณหมอชาวอิหร่าน James Elist ที่อาศัยและทำงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการค้นคว้าการปลูกถ่ายอวัยวะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับน้องชายของคุณได้แล้ว แถมยังมีแต่ไซส์ L ขึ้นไปเท่านั้นด้วยนะ ทั้งนี้คุณหมอ Elist ได้ให้เหตุผลที่ไม่ทำไซส์เล็กออกมาให้เลือกก็เพราะว่า “ไม่มีใครต้องการน้องชายที่มีขนาดเล็กๆ น่ะซิ” หากใครสนใจและอยากจะเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะล่ะก็ คุณหมอบอกว่าจะต้องผ่านกระบวนการทั้งหมดกว่า 1,300 ขั้นตอน และมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 463,900 บาท ตามรายงานยังบอกอีกว่า การปลูกถ่ายและผ่าตัดครั้งนี้ จะเป็นการเสริมซิลิโคนเข้าไปยังน้องชายของคุณ ซึ่งจะสามารถเพิ่มความยาวและขนาดของเส้นรอบวงได้ ซึ่งเป็นวิธีที่สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทั่วโลก แถมคุณหมอ Elist ยังได้ทำการผ่าตัดให้หนุ่มๆ มาแล้วมากมาย ซึ่งในแต่ละคนมีขนาดไม่ต่ำกว่า 5 นิ้วทั้งนั้น แต่ใช่ว่าการผ่าตัดให้ไอ้จ้อนใหญ่ขึ้นจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับทุกๆ คน เพราะเคยมีเหตุการณ์ที่คนไข้มาผ่าตัดกับคุณหมอ Elist แล้วกลับไปนอนร่วมเตียงกับภรรยา แต่ดูภรรยาเขาจะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เพราะมันใหญ่เกินไปที่จะ…(นั่นแหละ) หากใครมีเงินถุงเงินถัง…
-
พ่อหนุ่มยอมบินไกลข้ามยุโรป เสียเงินให้การศัลยกรรม เพื่อแลกกับ ‘ซิกแพค’ แบบถาวร
สมัยนี้ใครๆ ต่างก็หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและดูแลรูปร่างของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายก็อยากจะมีรูปร่างที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้น ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ชายทั้งหลายอยากจะมีบนร่างตัวเองมากที่สุดก็คือ ‘ซิกแพค’ กล้ามหน้าท้องงามๆ แต่กว่าจะได้มานั้นก็ยากเอาการ ชายทั่วโลกต่างเฝ้าฝันที่จะมีกล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆ ทั้งหกก้อน บางคนก็ไปถึงฝัน แต่บางคนก็ถอดใจซะก่อน เพราะจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมอาหารไปด้วย ซึ่งพ่อหนุ่ม Lee Coupland วัย 31 ปี ผู้นี้ก็อยากมีเหมือนกัน แต่หนทางของเขากลับแตกต่างออกไป เขาเดินทางไปยังเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีเพื่อที่จะดูดไขมันส่วนเกินออกไปจากหน้าท้องก่อนที่จะโดนอาคมมีดหมอศัลยกรรมทำให้มีกล้ามหน้าท้องซิคแพคแบบถาวร ใช่แล้ว!! ซิกแพคแบบถาวร ซึ่งทางด้านเจ้าตัวเองก็บอกว่าตอนนี้มันยังเป็นเรื่องที่แปลก แต่อีกไม่นานก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างการทำศัลยกรรมหน้าอกหรือจมูกของผู้หญิงนั่นแหละ สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ เขาไม่ใช่ชาวอังกฤษคนเดียวที่คิดแบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีชายชาวอังกฤษจำนวน 7 คนเข้ามาทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลแห่งนี้ไปแล้วเมื่อ 6 เดือนก่อน จากการผ่าตัดเสริมกล้ามหน้าท้องถาวรของเขานั้นจะต้องพักฟื้นยาวนานกว่า 7 สัปดาห์เลย แถมยังมีอาการแน่นหน้าอกตามมาอีก และหากใครที่คิดจะผ่าตัดทำซิคแพคถาวรขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่สามารถทำได้ทุกคน โดยอย่างแรกเลยก็คือต้องเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีรูปร่างที่สมส่วน ถึงแม้ว่าเขาจะได้กล้ามหน้าท้องถาวรมาสมใจอยากแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขี้เกียจที่จะออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย ‘การศัลยกรรมนี้เป็นเพียงตัวช่วยเสริมให้มันดูเด่นขึ้นมาเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์อะไรหรอก คุณก็ต้องออกกำลังกายเหมือนเดิมเพื่อที่จะรักษามันเอาไว้ แต่อย่างน้อยคุณก็มีกล้ามหน้าท้องอ่อนๆ…
-
คู่รักตุ้ยนุ้ยชาวจีนวางแผนจะผ่าตัดลดน้ำหนัก หลังอ้วนจนไม่สามารถมีเซ็กส์และมีลูกได้!!
หลายคนอาจบอกว่า ความอ้วนไม่ใช่ปัญหาสำคัญในการจะรักใครซักคน เรื่องนั้นคงจะเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน แต่ถึงความอ้วนไม่ส่งผลต่อความรัก แต่มันกลับส่งผลการความอยากมีลูกของพวกเขาอย่างแน่นอน อย่างเช่นคู่รักชาวจีนคู่นี้ พวกเขาชื่อว่า Lin Yue และ Deng Yang ทั้งคู่อายุ 30 ปี พวกเขาแต่งงานกันมาตั้งแต่ปี 2010 และตอนนี้น้ำหนักของพวกเขารวมกันได้กว่า 400 กิโลกรัม แม้ความอ้วนจะไม่ได้ทำให้พวกเขารักกันน้อยลง แต่มันก็ทำให้ชีวิตของพวกเขาลำบากเหมือนกัน Deng ไม่สามารถหาชุดแต่งงานได้ จนเธอต้องสั่งตัดพิเศษจากร้านบนอินเตอร์เน็ต และฝันอย่างหนึ่งของพวกเขาคือ การมีลูกและมีครอบครัวที่สมบูรณ์ ความอ้วนของพวกเขาทำให้ไม่สามารถมีเซ็กส์ได้ พวกเขาจึงอยากเข้ารับการผ่าตัด เพื่อลดน้ำหนัก โดยนาย Lin มีส่วนสูง 163 เซนติเมตร แต่มีรอบเอวกว้างถึง 160 เซนติเมตรเช่นกัน ส่วนนาง Deng มีส่วนสูง 160 เซนติเมตร แต่มีรอบเอว 170 เซนติเมตร ระหว่างรอการผ่าตัด ทางหมอได้สั่งให้พวกเขาออกกำลังกายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงวันผ่าตัด พวกเขากะว่า หลังการผ่าตัด…
-
แก๊งเจ้าตูบพากันออกไปวิ่งเล่นในทุ่งหญ้า แต่ดันซวยถูกขนเม่นทิ่มตำนับร้อย จนเกือบไม่รอดชีวิต
เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยเรื่องราวของ Mahalo เจ้าตูบผู้น่าสงสาร กับเพื่อนๆ ของมันอีกสองตัวคือเจ้า Nestah และ Soljah ได้พากันออกไปวิ่งเล่นที่ทุ่งหญ้า ในเขตรัฐซัสแคตเชวัน ประเทศแคนาดา แต่ดูเหมือนว่าความสนุกของพวกมันจะแสนสั้นนัก เพราะจู่ๆ พวกมันก็เข้าไปใกล้สัตว์อันตรายอย่าง เม่น งานนี้พวกมันทั้งสามจึงถูกเม่นเล่นงานเข้าให้ สะบัดขนเข้าใส่จนทิ่มตำไปทั่วทั้งตัวและใบหน้า เฮ้อ…เห็นภาพแล้วก็สงสารจริงๆ Dennis ผู้เป็นเจ้าของเจ้า Mahalo กล่าวว่า ‘วันนั้นสุนัขของตนได้ออกไปเล่นกับเพื่อนของมัน แต่จู่ๆ มันก็ดันเข้าไปใกล้เม่น จนทำให้พวกมันถูกเม่นเล่นงาน ซึ่งเจ้า Mahalo ดูเหมือนจะโชคร้ายที่สุด เพราะมันถูกขนเม่นนับร้อยตำเต็มหัว แถมยังโดนบริเวณอวัยวะสำคัญอย่างปอดและหัวใจอีกด้วย’ งานนี้ทำให้ Dennis กลัวว่าเจ้า Mahalo จะไม่รอดชีวิต เขาจึงรีบพามันไปหาสัตวแพทย์เพื่อรักษาทันที แต่ด้วยค่ารักษาพยาบาลที่สูงถึง 280,000 บาท ทำให้เพื่อนสนิทของเขาช่วยระดมทุนผ่านทางเว็บไซต์ gofundme โดยระบุว่า ‘สุนัขพวกนี้เป็นที่รักของเดนนิสมาก’ และไม่น่าเชื่อเลยว่ามีผู้ใจบุญ ได้ร่วมบริจาคเงิน เพื่อช่วยเหลือแก๊งเจ้าตูบ ซึ่งในตอนนี้รวมเป็นเงินทั้งหมดถึง530,000…
-
หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจนต้องตัดปลายจมูก และปลูกถ่ายใหม่จากหนังบนศีรษะของเธอ!!
โรคร้ายอย่างมะเร็งถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็คงจะหาทางรักษาให้หายขาดยาก เว้นเสียแต่ว่าจะต้องทำการผ่าตัดกำจัดเนื้อร้ายออกไป อย่างในกรณีของหญิงสาวที่ชื่อว่า Bree Towner วัย 28 ปีรายนี้ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า Basal cell carcinoma ทั้งนี้เนื้อร้ายนั้นเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้ารวมไปถึงปลายจมูกของเธอด้วย เธอจึงต้องรับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดรอยแผลเย็บเต็มใบหน้า จนเธอเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าที่จะส่องกระจกมองตัวเอง รวมไปถึงคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วย แต่ทั้งนี้เธออยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างและบุคคลในครอบครัว ซึ่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เธอต้องต่อสู้ทั้งโรคร้ายและคำนินทาต่างๆ มากมาย เพราะใบหน้าของเธอมีความผิดปกติไปมาก จนกระทั่งเธอได้รับการศัลยกรรมผ่าตัดทำปลายจมูกขึ้นมาใหม่จากหนังศีรษะของเธอเอง!! สุดท้ายแล้วเธอยังคงพบกับปัญหาอีกเพราะเนื่องจากผิวหนังบนปลายจมูกที่ทำมาใหม่นั้นเป็นของผิวหนังศีรษะ ส่งผลทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นตามปกติ และจะต้องทำการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อลดขนาดจมูกและกำจัดขนออกไป ที่มา : metro, karar
-
น้องเหมียวฮีโร่ รับลูกกระสุนปริศนาแทนเด็กชายที่กำลังหลับอยู่ ช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้!!
ความอันตรายในชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่ภายในบ้านของเราเอง อย่างเช่นในกรณีนี้ที่เกิดขึ้นในรัฐ Pennsylvania จู่ๆ เสียงปืนดังขึ้นและกระสุนปริศนาก็พุ่งเข้ามาภายในบ้านทะลุผ่านผนังบ้าน เข้าที่เจ้าเหมียวชื่อว่า Opie ไปเต็มๆ ในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น Angelica Sipe คุณแม่ของลูกชายวัยสามขวบได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก็รีบไปหาลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา โชคดีที่ลูกชายของเธอไม่เป็นอะไร แต่กระสุนกลับทะลุผ่านร่างเจ้าเหมียว Opie เข้าบริเวณเหนือตาข้างซ้าย ผ่านคอและทะลุไปถึงไหล่ การที่เจ้าเหมียว Opie ได้รับบาดเจ็บสามารถช่วยชีวิตลูกชายของเธอได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะช่วยลดความเร็วของกระสุนได้ ไม่เช่นนั้นเด็กชายอาจจะเสียชีวิตในทันที แต่อย่างไรก็ตามน้องเหมียวก็ได้ความเจ็บปวดจากการถูกยิงทำให้กล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย ค่าการผ่าตัดรักษาน้องเหมียวนั้นเป็นเงินจำนวนมากประมาณ 36,424 บาท (1,000 ดอลลาร์) ซึ่งยังไม่รวมค่ารักษาอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมภายหลัง จึงมีคำแนะนำว่าให้ปล่อยมันตายดีกว่ารักษา แต่เธอกลับเลือกที่จะรักษามันไว้ เพราะมันคือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตลูกชายของเธอ ตอนนี้เจ้า Opie ได้รับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บจนพ้นขีดอันตรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ซึ่งหวังว่ามันจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า เอ็งเป็นเหมียวที่อึดจริงๆ เลยเจ้า Opie สู้ๆ นะ ที่มา :…
-
ภาพน่ารักๆ ของคุณหมอที่กำลังกล่อมหนูน้อยวัย 2 ขวบให้สงบก่อนเข้ารับผ่าตัดหัวใจ
หนูน้อยวัย 2 ขวบนามว่า Xin Er มีอาการบางอย่างเกี่ยวกับหัวใจ และต้องรับการผ่าตัดในโรงพยาบาล Zhejiang University Hospital ในประเทศจีน ในวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา เมื่อเธอรู้ เธอจึงเริ่มร้องไห้และขัดขืนจนใครๆก็ไม่สามารถควบคุมได้ จนกระทั่งคุณศัลยแพทย์ Shi Zhuo ได้อุ้มเธอขึ้นมาและให้เธอได้ดูการ์ตูนจากในมือถือของเขา จนวิสัญญีแพทย์ Jin Ziying ได้ถ่ายภาพสุดน่ารักเหล่านี้ไว้ และหลังจากนั้นก็ได้ผลรายงงานว่าหนูน้อย Xin Er ปลอดภัยจากการผ่าตัดแล้ว “ในวันนั้น เธอเริ่มร้องไห้ตั้งแต่เธอได้เข้าไปในห้องผ่าตัด” “เธอเอาแต่ร้องไห้แล้วพูดว่า ‘หนูอยากเจอพ่อ’ “ “ผมก็เลยพูดไปว่าดูการ์ตูนแล้วก็ค่อยไปหาพ่อ โอเคมั้ยจ๊ะ?” คุณหมอ Shi Zhuo กล่าว ถือเป็นภาพที่น่ารักของแพทย์และเทคนิคการทำเด็กรู้สึกไม่กลัวกับการเข้ารักษา ใครเคยมีประสบการณ์ร้องไห้ตอนไปโรงพยาบาลบ้าง มาเล่าให้ฟังหน่อย ที่มา boredpanda
-
หญิงวัยกลางคนเกิดอาการ ‘ขาบวมจนแตก’ หลังจากวิ่ง 10 กิโลฯ ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง!!!
การออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องดี มันช่วยให้ร่างกายของเราทำงานได้ดียิ่งขึ้น แต่อะไรที่มากไป ก็สามารถทำให้เกิดผลเสียได้ทั้งนั้น เช่นเดียวกับการออกกำลังกาย Mellisa King ลงแข่งวิ่ง Bernie Ten ซึ่งเป็นการแข่งขันวิ่งระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร และเธอสามารถวิ่งถึงเส้นชัยได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง เธอบอกว่าเธอซ้อมวิ่งมาเกือบๆ สองเดือน เพื่อการแข่งครั้งนี้ แต่พอแข่งเสร็จ อยู่ดีๆ ขาเธอก็บวมขึ้นอย่างมาก เธอรู้สึกปวดจนเหมือนกับว่า มันจะระเบิดออกมา ตอนที่เธอไปถึงโรงพยาบาล ขาของเธอใหญ่แทบจะเป็นสองเท่าของปกติ อาการของเธอเรียกว่า Compartment Syndrome หรือ อาการที่มีแรงกดทับหรือความดันมากเกินไปในกล้ามเนื้อเนื่องจากกรด เธอต้องทำการผ่าตัดทันที ไม่เช่นนั้นเธออาจเสียขาข้างนี้ไปได้ เหตุการณ์นี้ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในทันที ขนาดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังต้องเอาเรื่องของเธอไปลง ด้วยกำลังใจจากครอบครัว ทำให้เธอสามารถผ่านเหตุการณ์นี้มาได้อย่างเข้มแข็ง และตอนนี้เธอก็ต้องทำกายภาพบำบัดอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ขากลับมาใช้งานได้ปกติ เห็นแบบนี้แล้ว เพื่อนๆออกกำลังกายแต่พอดีเถอะนะ อย่าให้ถึงกับต้องเป็นแบบนี้เลย มันอันตรายเกินไปแย้ววว ที่มา Wittyfeed
-
น้องหมาสูญเสียการมองเห็นตลอดชีวิต เหตุจากมนุษย์ใจเหี้ยมยิงลูกปรายเข้าใส่เบ้าตา!!
สุนัขเป็นสัตว์ที่ได้รับความนิยมนำมาเลี้ยงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยความน่ารัก ความเป็นมิตร และความซื่อสัตย์ที่มันมอบให้กับมนุษย์ แต่เพราะด้วยเหตุใดมนุษย์จึงทำร้ายกับสุนัขได้มากถึงขนาดนี้ เหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับน้องหมาฮัสกี้ Macari ในประเทศไอร์แลนด์ ที่ถูกนำตัวมาส่งพบสัตวแพทย์เป็นการด่วนเนื่องจากมีบาดแผลเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้าหลายจุดรวมไปถึงดวงตาของมันด้วย จากการวินิจฉัยในเบื้องต้นสัตวแพทย์ให้ความเห็นว่ามันน่าจะถูกแมลงกัดต่อยบริเวณใบหน้าและดวงตา ส่งผลทำให้มันตาบอดชั่วคราว แต่พอทำการวินิจฉัยเพิ่มเติมและตรวจฉายรังสีแล้ว กลับพบว่ามีลูกปรายฝังอยู่ในดวงตาของมัน!! สัตวแพทย์จึงมีความจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดนำดวงตาของเจ้า Macari ออกมาถึงแม้ว่าจะไม่อยากทำมากแค่ไหนก็ตาม ถ้าไม่ทำ อาจจะสูญเสียเลือดเป็นจำนวนมากจนถึงขั้นเสียชีวิต นอกจากนี้ยังพบลูกปรายฝังอยู่ในหัวและใบหน้าของมันอีกด้วย สุดท้ายแล้วมันต้องสูญเสียการมองเห็นไปตลอดชีวิต โดยปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลขององค์กรพิทักษ์สัตว์ GalwaySPCA ซึ่งได้ทำการประกาศหาคนรับไปเลี้ยงด้วยความรักและการเอาใจใส่ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นดวงตาให้กับเจ้า Macari ด้วย MACARI UPDATE…….Most of our followers now know Macari’s story……This week there have been new developments and… Posted by GalwaySPCA on Friday, September 4,…
-
เจ้าหมา Khaleesi ผู้โชคร้ายจากการถูกทรมาน ล่าสุดได้รับการผ่าตัดจมูกใหม่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อช่วงสองสามสัปดาห์ก่อน ถ้าใครยังจำได้ เหมียวเคยนำเสนอข่าวของหมาพิตบูล Khaleesi ที่เคยถูกทรมานจนต้องเสียจมูกไปเกือบทั้งหมด (ข่าวนี้ : เจ้าพิตบูลตัวนี้เคยถูกทรมานมาสารพัด แต่สุดท้ายมันก็ได้อยู่กับครอบครัวที่อบอุ่น… ) ซึ่งในตอนนี้มันได้จมูกใหม่แล้วนะ โดยมันได้รับการผ่าตัดจมูกจากโรงพยาบาลสัตว์ Hays Towne Veterinary Hospital ในเมือง Hudson รัฐ Florida Dr. Kerri ผู้ทำการผ่าตัดกล่าวว่า “เธอกำลังฟื้นตัวจากการผ่าตัดอันยาวนานเมื่อวาน ตอนนี้เธอตื่นแล้ว และท่าทางโอเคมากๆเลย” “เมื่อเช้านี้เจ้า Khaleesi สามารถดมอาหารก่อนกินได้แล้ว ซึ่งท่าทางเธอจะมีความสุขมากเลยละ หลังจากที่ไม่ได้กลิ่นอาหารมาอย่างยาวนาน” นอกจากมีครอบครัวใหม่อันสุขสันต์แล้ว ยังได้จมูกใหม่อีก เหมียวขอแสดงความยินดีกับชีวิตใหม่ด้วยนะเจ้า Khaleesi ที่มา Metro
-
ชายหนุ่มชาวอังกฤษได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังได้รับการปลูกถ่ายลิ้นหัวใจจาก “วัว” !!!!
เมื่อสองปีก่อน ชายหนุ่มชาวอังกฤษ Scott Allen วัย 34 ปีจากเมือง Playmouth ประเทศอังกฤษ ได้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอนที่กรุงโรมประเทศอิตาลี โชคร้ายเขาไม่สามารถวิ่งจนจบการแข่งขันได้ เมื่อเขาไปตรวจร่างกาย หมอบอกเขาว่า เขาเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และเขาถูกสั่งห้ามเล่นกีฬาหนักๆทุกชนิด Scott รู้สึกเสียใจมาก เพราะปกติแล้ว เขาชื่นชอบการเล่นฟุตบอลและวิ่งมาราธอนเป็นอย่างมาก แต่ในความโชคร้ายนั้น เขายังไม่หมดหวังเสียทีเดียว หมอบอกว่าเขาสามารถกลับมาทำกิจกรรมเหล่านั้นได้อีกครั้ง หากเขาเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจ การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจนั้น สามารถทำได้สองแบบ แบบแรกคือใช้ลิ้นหัวใจเทียมที่ทำจากโลหะ และอีกแบบคือใช้ลิ้นหัวใจ “วัว” มาปลูกถ่าย ในที่สุดเขาก็เลือกอย่างหลัง เก้าเดือนต่อมาหลังจากการผ่าตัด Scott สามารถกลับมาวิ่งได้อีกครั้ง ต้องขอบคุณทีมแพทย์และวัวตัวนั้น ที่ทำให้เขาสามารถกลับมาทำสิ่งที่เขารักได้อีกครั้ง นับตั้งแต่ตอนนั้น Scott แข่งวิ่งไปแล้วกว่า 8 รายการ และเขาตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่าจะวิ่งให้ได้ครบ 20 รายการให้ได้ ลองไปชมเรื่องราวของเขากันเลย เหมียวเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเขาสามารถนำลิ้นหัวใจวัวมาปลูกถ่ายในคนได้แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องดีมากๆเลย ใครที่เป็นโรคนี้ก็อย่าเพิ่งหมดหวังล่ะ เรายังมีทางออกเสมอ ที่มา Aplus
-
นางแบบสาวกลับคืนสู่วงการ หลังจากเกือบสูญเสียลูกในท้องจากการต่อสู้กับโรคมะเร็ง!!
เรื่องราวของนางแบบสาววัย 24 ปีที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งกระดูก มันเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเธอจากหน้ามือเป็นหลังมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่เธอตั้งท้องด้วย วันคืนอันแสนโหดร้ายนี้เกือบจะทำให้เธอต้องสูญเสียลูกในท้องไป เธอมีชื่อว่า Elizaveta Bulokhova นางแบบสาวชาวแคนาดาวัย 24 ปี เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคออสทีโอซาร์โคมา (Osteosarcoma) โรคมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่ง ในช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ กำลังใจที่สำคัญที่สุดก็คือแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งทั้งสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกันในไม่ช้า เป็นช่วงที่เธอตั้งท้องและตรวจพบกับโรคมะเร็งนี้ด้วย เธอจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่เป็นเวลา 16 ชั่วโมงเพื่อทำการนำมะเร็งร้ายออกไปและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โดยที่ก่อนผ่าตัดเธอจะต้องทำการคลอดลูกก่อนกำหนดเพื่อรับการทำคีโมหลังจากผ่าตัดนำมะเร็งออกแล้ว จนในที่สุดการผ่าตัดก็ประสบความสำเร็จ ลูกในท้องของเธอปลอดภัย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และตัวเธอเองก็กำลังพักฟื้นอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ตามลำดับ หลังจากที่ผ่านพ้นเวลาอันโหดร้ายมาได้ ตอนนี้ครอบครัวของนางแบบสาวจึงกลายมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อย เพียงเท่านี้เธอก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ รอเวลาอีกซักหน่อย เธอจะกลับไปทำงานเป็นนางแบบอีกครั้ง ที่มา : thechive
-
น่าสงสาร เจ้าเหมียวกรี๊ดหนัก หลังตื่นมาพบว่าถูกจับตัด “ลูกป๋องแป๋ง” ออกไป
กลายเป็นภาพฮาๆที่ผู้คนพากันส่งต่อกันอย่างมากมายในเวลานี้เลยล่ะ สำหรับภาพของเจ้าเหมียวที่ชื่อ Milo วัย 6 เดือน ในขณะที่มันตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่งแล้วพบว่า “ลูกป๋องแป๋ง” ของมันได้ถูกตัดออกไปแล้ว มันจึงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเลยทีเดียว เรื่องราวนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Metro เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยนาย John Reed วัย 58 ปี เจ้าของของ Milo นั่นเอง โดยเขาเล่าให้สื่อฟังว่า… วันหนึ่งเขาได้พามันไปผ่าตัดเอา “ลูกป๋องแป๋ง” ออก เพื่อทำหมันให้กับเจ้า Milo แต่หลังจากการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาจึงพามันกลับมาพักฟื้นต่อที่บ้านของเขา ในมณฑลคัมเบรีย ประเทศอังกฤษ แต่เรื่องทุกอย่างก็กลายเป็นเรื่องตลกไปในทันที เพราะเมื่อเจ้า Milo ตื่นขึ้นมา และพบว่าอัณฑะของมันหายไป มันก็เอาแต่จ้องมองแบบนั้นเป็นเวลานาน โดย Reed กล่าวว่า “มันมองไปที่บริเวณนั้นและคงคิดได้ว่ามันไม่มีอะไรอยู่ตรงนั้นแล้ว มันจึงกรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสาร มันเอาแต่ร้องไห้และมองแบบนั้นอยู่นานทีเดียว” นาย Reed ยังบอกอีกว่า “ผมหัวเราะออกมาอย่างดังเลย และถ่ายภาพของมันไว้ได้พอดี” โถ น่าสงสารจริงนะเจ้า Milo ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป… …