Tag: ผ้า
-
ภาพของระบบประสาทมนุษย์ จากร่างกายอายุเกือบ 100 ปี ใช้เวลาจำแนกกว่า 1,500 ชั่วโมง
ร่างกายของมนุษย์เราถือเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์เลยก็ว่าได้ เนื่องจากอวัยวะหลากหลายส่วนที่สามารถทำงานได้ด้วยระบบประสาท การเคลื่อนไหวของอวัยวะรวมไปถึงอารมณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในมนุษย์ยังถูกเชื่อมโยงและสั่งการด้วยระบบประสาทที่แตกแขนงออกมาสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างซับซ้อน ด้วยการแตกแขนงที่ละเอียดและซับซ้อนของเส้นประสาท จึงไม่ง่ายเลยหากจะมีใครสักคนที่สามารถแยกเส้นประสาททั้งหมดออกจากร่างกายเรามาให้ได้เห็นหรือศึกษากัน แต่ราวๆ หนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา นักศึกษาแพทยศาสตร์ 2 คน L.P. Ramsdell และ M.A. Schalck ได้นำร่างกายศพจากปี 1925 มาผ่าตัดเพื่อจำแนกเส้นประสาททั้งระบบออกมา ทั้งคู่เริ่มการจำแนกจากส่วนสมองก่อนแล้วจึงไล่ลงมาตามร่างกายทีละส่วนเพื่อให้เส้นประสาทยังคงรวมอยู่ในระบบเดียวกัน กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลเพื่อแยกระบบประสาทออกจากร่างกายมนุษย์ได้สำเร็จนั้น ใช้เวลาไปรวมแล้ว ราวๆ 1,500 ชั่วโมงเลยทีเดียว ระบบประสาทที่แยกออกมาเป็นเส้นประสาทที่สมบูรณ์ได้ถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ Osteopathic Medicine ในเมืองเคิร์กสวิลล์รัฐมิสซูรี สำหรับร่างศพผู้ที่ถูกนำมาผ่าเพื่อจำแนกเส้นประสาทนั้นไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ทาง Jason Haxton ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์นั้นกล่าวว่าน่าจะเป็นร่างของคนยากคนจนหรือไม่ก็นักโทษ Haxton ยังบอกอีกว่า ส่วนอื่นๆ ของร่างกายศพมีมูลค่า โดยเฉพาะระบบประสาทที่ถูกจัดแสดงอยู่นั้นมีมูลค่ามากถึงกว่า 31 ล้านบาทมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว เขาเล่าต่ออีกว่า “นักศึกษาแพทย์ที่มาเยี่ยมชมที่นี่ เมื่อมองไปยังระบบประสาทนี้แล้วยังถึงกับอึ้งกันเลยล่ะ พวกเขาต้องได้ทำข้อสอบเกี่ยวกับระบบประสาทแน่นอน แม้แต่คนที่คุ้นเคยกับการผ่าตัดจำแนกชิ้นส่วนยังต้องบอกว่านี่เป็นผลงานที่อัศจรรย์เลยทีเดียว” การทดลองผ่าตัดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อ Ramsdell และ Schalck ต้องผ่าเส้นประสาทที่แขนมนุษย์ในชั้นเรียน ผลงานของทั้งสองนั้นละเอียดและสมบูรณ์จนทั้งคู่ได้รับมอบหมายให้ผ่าร่างกายมนุษย์ทั้งร่าง Ramsdell และ Schalck…
-
ชาวประมงทำการผ่าท้องปลา พบ ‘เศษซากอารยธรรม’ จากมนุษย์ มีทั้งพลาสติก หวี และไฟแช็ก
ในทุกวันนี้ธรรมชาติถูกมนุษย์ทำลายแทบทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นความเจริญของทางด้านตัวเมืองเขตที่อยู่อาศัย ภาคอุตสาหกรรมต่างๆ กำลังกัดกินพื้นที่ของสัตว์และผืนป่าอย่างช้าๆ ยังไม่รวมไปถึงปัญหาทางด้านมลพิษและขยะที่ตามมาแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งนอกเหนือจากผืนดินแล้ว ผืนน้ำทางธรรมชาติก็กำลังถูกรุกรานอย่างหนัก แม้จะมีการสร้างแคมเปญรณรงค์อนุรักษ์ธรรมชาติมากแค่ไหน แต่จิตสำนึกของผู้คนก็ยังไม่พัฒนาไปตามกระแสโลกอยู่ดี… *ภาพภายในเนื้อหาอาจก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจได้* อย่างในกรณีของภาพฟุตเทจจากชาวประมงรายหนึ่ง จากชายฝั่งของประเทศคอสตาริกา ที่ได้ทำการจับปลาอีโต้มอญขึ้นเรือมา (ชื่อท้องถิ่น Mahi-Mahi) และสังเกตเห็นว่าอาการของปลานั้นดูไม่ค่อยสู้ดีนัก จึงทำการผ่าเพื่อดูท้องข้างในของมัน หน้าตาของปลาอีโต้มอญ (Dolphinfish หรือ Mahi-Mahi) และสิ่งที่เขาเห็นอยู่ภายในท้องของปลาตัวนี้ กลับกลายเป็นเศษขยะจากฝีมือมนุษย์แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเศษฝาขวดพลาสติก เศษชิ้นส่วนถ้วยพลาสติก หวี ไฟแช็ก และเศษพลาสติกเล็กๆ น้อยๆ อีกหลากหลายชิ้น ด้วยจำนวนขยะภายในท้องของปลาที่มากขนาดนี้ จึงเป็นเหตุทำให้ระบบร่างกายของปลามีความบกพร่อง และด้วยเหตุที่ปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักของชาวประมงบนเกาะ ก็ยิ่งส่งผลทำให้นักอนุรักษ์ต้องเร่งทำการรณรงค์เป็นการด่วน คลิปการผ่าท้องปลาตัวดังกล่าว เผยให้เห็นถึงเศษขยะที่ถูกทิ้งลงในทะเลกลับกลายเป็นอาหารคร่าชีวิตปลา ทางด้าน Erick Ross นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ได้อธิบายไว้ว่า ปลามักจะมีความสับสนระหว่างอาหารที่พวกมันกินได้กับชิ้นส่วนพลาสติกที่ล่องลอยอยู่ในทะเล ก่อนที่จะทำการกลืนกินเข้าไปในร่างกาย “ชิ้นส่วนพลาสติกเหล่านี้จะไม่ได้รับการย่อยสลายภายในท้องของปลา และจะทำการขัดขวางการทำงานของระบบลำไส้ ทำให้พวกมันไม่สามารถกินอาหารได้อีก…
-
‘ฤาษีแห่งนิการากัว’ ชายชราผู้สานฝันวัยเด็ก แกะสลักหินผายาวกว่า 90 เมตร ร่วม 40 ปี
สิ่งที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนั้นมีให้เห็นถึงความสวยงามในตัวของมันอยู่แล้ว แต่ก็ยังคงมีหนทางในการถ่ายทอดศิลปะโดยฝีมือมนุษย์ เพื่อสร้างเสริมเติมแต่งถ่ายทอดความสวยงามที่สามารถมองออกมาเป็นรูปธรรมได้มากยิ่งขึ้น หนุ่มชราวัย 72 ปีนามว่า Alberto Gutierrez Giron ฉายาฤาษีแห่งนิการากัว ผู้มีชื่อเสียงในเรื่องของการสร้างผลงานแกะสลักหิน ได้ทำการแกะสลักหน้าผายาวกว่า 90 เมตรให้เป็นผลงานประติมากรรมชิ้นใหญ่ยักษ์ เหมือนที่เขาเคยเห็นในความฝันเมื่อตอนอายุ 9 ขวบ ด้วยความที่เป็นคนรักในการสำรวจป่ารอบบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ใกล้กับเมือง Esteli ประเทศนิการากัว ในตอนอายุ 33 ด้วยความต้องการที่จะใช้ทั้งชีวิตอยู่กับธรรมชาติ จากที่คิดอยู่นานกว่า 4 ปี ก็ได้เกิดภาวะสงครามปฏิวัติในประเทศ จึงทำให้การตัดสินใจของเขานั้นง่ายขึ้นและทำการออกเดินทางตามฝัน ในปี 1977 เขาเจอหิน และตะปูที่มีลักษณะคล้ายสิ่วแกะสลัก จึงทำให้เขานึกถึงความฝันในวัยเด็กของเขาอีกครั้ง และได้เดินทางกลับไปยังหุบเขา El Jalacate จนพบกับแนวหน้าผาที่เห็นในฝันตอนนั้นเป๊ะๆ งานอันยิ่งใหญ่ได้เริ่มขึ้นซึ่งใช้เวลารวมนานประมาณ 40 ปี โดยเป็นการแกะสลักผสมผสานที่มีการแสดงถึงในทุกองค์ประกอบ ไอเดียจากสัตว์หลายชนิด ภาพวิหารใหญ่เมือง Esteli หรือแม้แต่ตึกคู่แฝดในนิวยอร์ก ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นการเติมเต็มภาพที่เห็นในความฝันวัยเด็กของเขาเอง เขาได้อาศัยในกระท่อมหลังเล็กที่สร้างด้วยตัวเอง อาศัยอยู่กับธรรมชาติจนไม่รู้จักว่าอินเทอร์เน็ตคืออะไร แต่นั่นก็ทำให้เขาเป็นฤาษีที่คนรู้จักมากที่สุดในโลก ซึ่งเป็นตามความฝันในการหยุดติดต่อกับโลกภายนอก แต่ยังคงเปิดรับการเข้ามาทักทายจากนั่งท่องเที่ยว…
-
ศิลปินให้กำเนิด “ใบหน้าบนผ้าปลิว” ผลงานภาพถ่ายสุดแหวก ที่มาจากคนแปลกหน้า!!
ภาพงานศิลป์สุดเจ๋ง เมื่อช่างภาพชาวเกาหลี Wonjun Jeong ได้ร่วมมือกับ Sailors Studio สร้างผลงานภาพสุดแปลกขึ้น โดยใช้ภาพของคนแปลกหน้าผสมกับผ้าที่ปลิวไปตามแรงลม… ผลงานการร่วมมือกันชิ้นนี้มีชื่อว่า Conversations โดยมีแนวคิดเกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่เราพบเจอกันทุกวัน เพียงแต่ว่าเราไม่รู้จักพวกเขา อาจจะจำได้แค่ใบหน้าลางๆ เหมือนกับผ้าบางๆ ที่ปลิวไปตามลม ทางด้านเทคนิคการถ่าย พวกเขาก็ได้โยนผ้าขึ้นไปให้ปลิวไปตามธรรมชาติและแรงลมในสถานที่ต่างๆ จากนั้นก็เก็บภาพดังกล่าวมาพร้อมเพิ่มใบหน้าของคนแปลกหน้าที่พวกเขาเจอลงไป กลายออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ ผลงานเหล่านี้ต่างมีเรื่องเล่าในแบบของตัวเอง บางรูปดูแล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไป เราอาจจะจำหน้าคนแปลกหน้าคนนั้นได้เลือนลางแต่ก็ไม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับคนในผ้าที่บางรูปมีปาก แต่ไม่มีหน้า ซึ่งก็หมายความว่าเราอาจจะจำปากคนแปลกหน้าได้แต่ส่วนอื่นอาจจะจำไม่ได้ ภาพของคนแปลกหน้าที่เลือนลาง บางครั้งเราอาจจะจำได้แค่บางส่วนบนใบหน้าของพวกเขา หรืออาจจะเกือบทั้งหน้า แต่ก็ไม่หมด มันก็เหมือนกับผ้าที่ปลิวไปตามแรงลม ถ้าเราคว้าผ้าไว้ เราอาจจะได้รู้จักคนแปลกหน้าที่อยู่ในผ้านั้น หรือเราอาจจะปล่อยให้ผ้าปลิวตามลมต่อไป และให้พวกเขาได้ใช้ชืวิตในโลกใบเดียวกันแบบคนแปลกตาต่อไป… แต่ยังไงก็ตาม ผลงานนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีทีเดียวล่ะ ทั้งตัวผ้าและใบหน้าของคน ทำออกมาได้เข้ากันสุดๆ ที่มา sobadsogood
-
จากสุนัขที่ “ผ่าตัดหู” จนเสียความสวย ได้พลังโซเชียล ทำให้มันได้หมวกใหม่จากทั่วทั้งโลก!!
นี่คือเรื่องราวการสู้ชีวิตของสุนัขที่ชื่อว่า Abigail ที่ครั้งหนึ่งมันเคยถูกใช้ในการสู้หมาจนได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เมื่อมันมาถึงที่สถานเลี้ยงดูสัตว์ Miami-Dade Animal Services ในเดือนพฤศจิกายน มันก็ฟื้นฟูตัวเองจนตอนนี้หายดี แต่มันก็ต้องสูญเสียใบหน้าส่วนหนึ่งไปเนื่องจากว่าเป็นแผลที่หนักมากๆ จนทำให้มันต้องเสียหูไปข้างนึง แต่ด้วยพลังโซเชียลที่เอาใจช่วยเจ้า Abigail จากหลากหลายที่ที่ช่วยกระจายข่าวการช่วยเหลือ ตอนนี้มันก็ได้หมวกน่ารักๆ ที่เอาไว้สวมใส่เพื่อปิดรอยแผลของมันไว้ ในตอนแรกนั้น หมวกนี้มีไว้สำหรับปิดบังรอยแผลบนหัวเท่านั้น.. แต่พอได้มีอาสาสมัครถักหัวใบใหม่ๆ ให้มัน ตอนนี้มันเลยกลายเป็นเจ้าแม่แห่งผ้าโพกหัวไปแล้ว แต่ละอันดูดีมีสไตล์เป็นอย่างมาก หลังจากเรื่องราวของ Abigail ถูกเผยแพร่ออกไป คนจากทั่วโลกก็ร่วมใจส่งผ้าโพกหัวมาให้เยอะแยะมากมาย เพราะว่าได้ยินเรื่องที่น่าสงสารตอนที่มันเป็นหมาที่ใช้ในการต่อสู้ “คนจากทั่วโลกได้ติดตามชีวิตของมัน แล้วก็มันก็ได้รับของขวัญมากมายทุกสัปดาห์เลย ตั้งแต่อาหารอร์กานิก ของเล่น และผ้าโพกหัว อีกทั้งหลายคนก็บอกว่ากำลังติดตามเรื่องราวของมันทุกวัน นั่นทำให้ Abigail กลับมาเช่อใจมนุษย์อีกครั้ง” ตอนนี้มันมีหมวกมากกว่า 50 ใบ แล้ว และยังมีใบใหม่ๆ ส่งมาที่สถานรับเลี้ยงอยู่ต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีของเล่นอีกมากมายที่ส่งมาให้ด้วย จากเมื่อก่อน Abigail ถูกเลี้ยงมาอย่างโหดร้าย เพราะต้องเป็นหมานักสู้ และเป็นสุนัขที่กลัวคนเป็นอย่างมาก แต่ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้มันกลับมาเชื่อใจมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง ที่มา thedodo
-
ชวนไปพัก “กระท่อมริมผา” ที่มองเป็นวิวได้ไกลสุดลูกตา แต่มาพร้อมกับความหวาดเสียว!!
หลายคนอาจจะกลัวความสูง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะพบเห็นได้ทั่วไป แต่ถ้าคุณชอบการท่องเที่ยวไปยังที่ที่คนอื่นไม่ค่อยจะไป ไปพักที่ที่คนอื่นไม่ค่อยจะพักแล้วล่ะก็ ที่แห่งนี้คงไม่เหมาะสำหรับคนที่กลัวความสูงเท่าไหร่นัก สตูดิโอออกแบบ OFIS Arhitekti ได้ทำการสร้างห้องพักสไตล์โมเดิร์นที่สามารถมองเป็นวิวได้อย่างสุดลูกหูลูกตา เพราะว่ามันตั้งอยู่ริมผา และมองเห็นสิ่งรอบๆ ตัวแบบ 360 องศา อยู่ระหว่างรอยต่อของประเทศสโลวาเกียและอิตาลี ดูจากภายนอกอาจจะดูแบบบาง แต่การสร้างนั้นถูกคำนวนออกมาอย่างดี โดยกระท่อมนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขา Kanin โดยการขนส่งจากเฮลิคอบเตอร์ และได้ยึดไว้กับหินที่อยู่รอบข้าง แน่นอนว่าที่แห่งนี้จะมีลมพัดอยู่ตลอด พร้อมทั้งจะมีหินถล่มอยู่เป็นระลอก ก็เป็นบททดสอบได้อย่างดีว่ากระท่อมนี้จะสามารถอยู่รอดท่ามกลางเหตุการณ์เหล่านี้ได้หรือไม่ นักออกแบบเล่าว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดก็คือการติดตั้งมันลงไปตรงสถานที่ที่มีสภาพอากาศที่เลวร้ายมากๆ มีทั้งหิมะ และพื้นผิวที่ไม่เรียบเหมือนที่ทั่วไป อีกทั้งยังเสี่ยงต่อเหตุการณ์ดินถล่มอีก ทำให้เขาต้องคิดโครงสร้างรองรับต่อสิ่งเหล่านี้ด้วย ที่แห่งนี้สร้างมาให้เหมาะกับหลายกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นนักปีนเขา นักสำรวจถ้ำ คนรักธรรมชาติ หรือจะเป็นคนที่ชอบความโรแมนติกแบบเสียวๆ แต่สำหรับ #เหมียวสามสี แล้ว ขอบายสำหรับที่แห่งนี้แล้วกัน แค่ขึ้นไปบนเขาขาก็น่าจะสั่นแล้วล่ะ ที่มา designyoutrust
-
พาชมกำแพงหิน Cal Orcko แห่งโบลิเวีย ปกคุลมไปด้วย “รอยเท้าไดโนเสาร์” กว่า 5,000 รอย!!!
Cal Orcko คือสถานที่ที่จะพาไปเที่ยวในวันนี้ มันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Sucre โบลีเวีย มันคือที่ที่เก็บร่องรอยทางประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุด นั่นก็คือรอยเท้าของเหล่าไดโนเสาร์จากยุคครีเทเชียส กำแพงหน้าผาหินปูนนี้มีรอยเท้าของไดโนเสาร์กว่า 5,000 รอย ซึ่งเป็นรอยที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 68 ล้านปีที่แล้ว มันถูกค้นพบโดยบริษัททำซีเมนต์เมื่อปี 1985 ก่อนหน้านี้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาชมอยู่ แต่ก็ได้ปิดไปเนื่องจากเงื่อนไขการทำเหมืองและหินถูกกัดกร่อนจนได้รับความเสียหาย หลังจาก 8 ปีที่ปิดไป ที่แห่งนี้ก็ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้กลับเข้าไปเยี่ยมชมอีกครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจาก Parque Cretacico ซึ่งเป็นพิพิธภัฌฑ์ที่แสดงหุ่นไดโนเสาร์ ฟอสซิล และข้อมูลต่างๆ ซึ่งเราสามารถซื้อทัวร์เพื่อไปชมรอยเท้าเหล่านี้ได้ด้วย ความชันของผานี้คือ 73 องศา สูงกว่า 80 เมตร และยาว 1.1 กิโลเมตร ซึ่งหลังจากการค้นคว้าและศึกษาแล้วพบว่ารอยเท้าทั้งหมดมีไดโนเสาร์ประมาณ 293 ชนิดจากยุคครีเทเชียส และรอยเท้าที่พบยาวที่สุดเป็นของลูกไทแรนนอซอรัส เร็กซ์ ซึ่งมีความยามของรอยเท้าถึง 347 เมตร เลยทีเดียว ซึ่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่พบมีทั้งกินพืชและกินสัตว์ และบริเวณแถบนั้นเป็นที่ตั้งของทะเลทราบ คาดว่าจะเป็นการอพยพกันมา นอกจากนี้ในปี 2010 ยังมีการค้นพบออกว่าความจริงแล้วยังมีหินอีกชั้นที่มีร่อยรอยของไดโนเสาร์อีกด้วย จึงสามารถคาดเดาได้ว่ายังมีอีกหลายๆ…
-
“First Aid Blanket” ผ้าปฐมพยาบาลฉุกเฉิน ถึงแม้จะทำไม่เป็น ก็สามารถช่วยคนอื่นได้!!!
การปฐมพยาบาลนั้นต้องใช้ความชำนาญและความรู้อย่างมาก เพราะถ้าเราทำแบบผิดๆ อาจจะทำให้ผู้ป่วยอาการแย่ลงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ แต่ว่าถ้าเกิดสถานกาณ์ฉุกเฉินจริงๆ เราอาจจะต้องเป็นคนลงมือทำอะไรสักอย่าง งานนี้อาจจะต้องพึ่ง First Aid Blanket สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถทำให้คนที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องปฐมพยาบาลสามารถช่วยเหลือคนที่ได้รับบาดเจ็บในเบื้องต้นได้ . โดยใน First Aid Blanket หรือผ้าปฐมพยาบาลนี้ได้มีการอธิบายวิธีการใช้งานต่างๆ รวมถึงวิธีการช่วยคนแบบเบื้องต้นที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย สำหรับผู้บาดเจ็บที่ยังไม่ได้สติ อีกทั้งยังมีราคาที่ถูก ภายในผ้านั้นจะอธิบายการทำ CPR ทั้งการปั๊มหัวใจและผายปอด โดยที่คุณเพียงแค่นำผู้ป่วยมาวางตรงจุดที่กำหนด แล้วทำการพับส่วนนี้ลงมาตามภาพ แล้วก็ทำการปั๊มหัวใจ ซึ่งรายละเอียดได้เขียนอธิบายไว้ในผ้านี้หมดแล้ว อุปกรณ์ชิ้นนี้เหมาะแก่การนำไปติดตั้งตามสถานที่เสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบนเรือหรือตามชายหาด ถือเป็นไอเดียที่ดีมากๆ สำหรับการช่วยชีวิตใครซักคนไว้ ที่มา designyoutrust
-
“Potato Chip Rock” หน้าผามันฝรั่งทอดกรอบ สถานที่ถ่ายรูปที่ไม่มีใครกลัวมันหักเลย!!!
โลกเรานี้มีสถานที่แปลกๆ ให้เราได้ออกไปค้นหาอยู่มากมาย แต่มันจะมีสถานที่บางประเภทที่คนมักจะไปถ่ายรูปเพื่อท้าทายกฎของธรรมชาติ เหมือนอย่างที่แห่งนี้ที่ #เหมียวสามสี ได้เอามานำเสนอ ที่แห่งนี้เขาเรียกกันว่า Potato Chip Rock หรือหินมันฝรั่งทอดนั่นเอง ให้ลองนึกภาพขนมเลย์แผ่นบางๆ แล้วเอาอะไรหนักๆ ไปวาง นั่นแหละ ความน่าหวาดเสียวมันอยู่ตรงนั้น ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ ซาน ดิเอโก้ ในสหรัฐฯ เป็นที่นักท่องเที่ยวหลายคนต่างไปถ่ายรูปกัน เพราะว่ามันดูเสี่ยงและท้าทายมากๆ ด้วยความที่หินมันดูบางจนไม่แน่ใจว่ามันจะรับน้ำหนักได้ไหวมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ทำให้คนที่ชอบความเสี่ยงล้มเลิกความตั้งใจที่จะไปถ่ายรูปที่นี่ให้ได้ . . . . . . . . . . สำหรับคนที่อยากไป ขอทิ้งพิกัดไว้ให้แล้วกัน แต่สำหรับ เหมียวสามสี ล่ะขอบายยยยยย (คลิกดูบนกูเกิ้่ลแมพ) ที่มา brightside
-
ชมคลิปการดีใจของลูก เมื่อแม่มาเซอร์ไพรซ์ว่า “หนูเอาชนะโรคมะเร็งได้แล้วนะ” !!!!
นี่คือเรื่องราวของหนูน้อย Ben Morris วัย 8 ขวบ ที่ใช้ชีวิต 3 ปีในโรงพยาบาล The Children’s Hospital ที่ St. Francis ในรัฐโอคลาโฮม่า เพื่อทำการรักษาโรงมะเร็ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหนูน้อยและครอบครัว Ben และแม่ Casi L Morris จำความรู้สึกเมื่อตอนที่เขาออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนเมษายนปี 2013 ได้เป็นอย่างดี หนึ่งเดือนหลังจากพบว่าเขามีมะเร็ง ก็ได้ไปหาเภสัชแล้วก็ได้ใบสั่งยามา 9 ใบ และต้องดูแลลูกที่บ้าน งานก็คือต้องจำได้ว่าต้องกินยาช่วงเวลาไหน แล้วเวลานี้ก็มาถึง เมื่อตอนสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Ben น้อยของเขาก็ได้กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปเจาะไขกระดูก และต้องรอผล ซึ่งเป็นเวลาที่ลุ้นมากๆ แม่ Casi พ่อ Michael และพี่ชาย Ethan ต่างก็มาให้กำลังใจเด็กน้อยคนนี้อยู่เสมอด้วยรอยยิ้ม ทำให้หนูน้อยไม่มีอาการเครียด Ben และคุณแม่กลับมาตรวจที่ห้องเดิม เหมือนตอน 3 ปีที่แล้ว เป็นเวลากว่า 1,167 วันที่หนูน้อยต้องรักษาตัว.. และวันนี้ผลที่ออกมาก็คือเด็กน้อยสามารถเอาชนะโรคมะเร็งนี้ได้สำเร็จแล้ว เด็กๆ ดีใจกันใหญ่ …
-
ชายหนุ่มพบ “แม่กวางท้อง” ใกล้ตายริมถนน ตัดสินใจผ่าคลอดทันทีเพื่อช่วยลูก!!
Sean Steele และภรรยาของเขาได้ไปเที่ยวตกปลาในวันหยุดของเขา ที่ British Columbia ประเทศแคนาดา ระหว่างทางไฮเวย์นั้น มีรถที่ขับอยู่ตรงหน้าเขาชนเข้ากับแม่กวางตัวหนึ่ง เขาจึงทำการย้ายมันมาไว้ข้างทางแล้วก็พบว่ามันกำลังท้องอยู่ ด้วยสัญชาตญาณ เขาเอามีดมาแล้วทำการผ่าท้องแม่กวางตัวนั้นทันที เพราะดูเหมือนว่าแม่กวางจะไม่ไหวแล้ว เขาได้ช่วยชีวิตลูกกวางไว้แล้วก็ทำความสะอาดมัน เพื่อเช็คดูอาการ จนสุดท้ายลูกกวางก็เริ่มตอบสนองและหายใจเองได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็พาลูกกวางตัวนี้ไปขึ้นรถ แล้วรีบตามหานมโคลอสตรุ้ม ซึ่งเป็นนมที่เหมาะสำหรับสัตว์แรกเกิด เพราะว่าแม่ได้จากไปแล้ว และมันต้องการนมภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากที่เสียแม่มันไป Steele ก็ได้เก็บมันไปดูแลและตั้งชื่อว่า Friday หลังจากนั้น เขาส่งต่อให้ Northern Lights Wildlife Society ได้รับเลี้ยงไปอีกครั้ง เพื่อให้มันได้ใช้ชีวิตตามปกติ จนกว่าที่มันจะเติบโตพอที่จะไปใช้ชีวิตในป่าได้ ตอนที่อยู่ที่นั่น มันดูไม่มีอันตรายแถมยังดื่มน้ำจากขวดแบบที่ไม่เคยกินมาก่อน อีกทั้งยังมีความสุขกับเพื่อนที่เพิ่งได้เจอกันในสถานที่แห่งนี้ด้วย เจ้ากวางตัวนี้คงไม่รอดถ้าไม่ได้รับความรักที่ได้จากชายที่ช่วยชีวิตมันไว้ ถือเป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น ที่มา boredpanda
-
กาลครั้งหนึ่ง Apple เคยขาย “เสื้อผ้าแฟชั่น” ด้วยนะเออ โฆษณาแต่ละชุดจี๊ดๆ ทั้งนั้น!!
Apple ถือเป็นบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงมาอย่างยาวนาน แต่รู้หรือไม่ว่าก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ได้ พวกเขาเคยผลิตเสื้อผ้าแฟชั่นด้วยนะเออ ย้อนกลับไปเมื่อปี 1986 ไม่รู้ว่าทางบริษัทตอนนั้นคิดอะไรอยู่ ถึงได้เลือกที่จะผลิตแฟชั่นเสื้อผ้าออกมาขาย ซึ่งตอนนั้นก็ยังทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่นะ แต่มีอันนี้ควบคู่ไปด้วยกัน ถือเป็นอะไรที่แปลกตาดูจริงๆ เพราะเราไม่เคยเห็นบริษัทเทคโนโลยีออกมาขายอะไรที่เป็นแฟชั่นมาก่อน และ Apple นั้นก็ทำออกมาได้หลากหลายแนวมากๆ . . . . . . . . . . . . . ถ้าสมัยนั้นมีคนซื้อและยังเก็บไว้อยู่ ตอนนี้คงกลายเป็นแรร์ไอเทมแล้วล่ะมั้ง ที่มา sobadsogood
-
‘กระสอบทราย’ ที่ต่อยๆ กัน เนื้อแท้ข้างในมันใช่ ‘ทราย’ อย่างที่คิดรึเปล่า ถ้าอยากรู้มาดูกัน!!
สิ่งประดิษฐ์เพื่อการออกกำลังด้วยการชกและเตะสำหรับมนุษย์นักมวย คงจะหนีไม่พ้น กระสอบทราย นี่แหละ จะว่าไปมันก็มีมานานมากๆ แล้ว เคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าข้างในนั้นมันจะเป็นทรายจริงๆ รึเปล่า? ถ้าหากว่าคุณสงสัยและอยากจะรู้ คุณมาถูกที่แล้วเพราะว่าทาง What’s Inside? ก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน เมื่ออยากจะรู้จะต้องหาคำตอบด้วยการนำกระสอบทรายยี่ห้อ Everlast มาผ่ากันให้ดูแบบเต็มๆ จะได้รู้ซักทีว่าข้างในมันเป็นอย่างที่เราคิดกันหรือไม่ เอาล่ะ อย่าลีลากันให้เสียเวลา มาผ่ากระสอบทรายกัน!! ผ่าหมดแล้วก็ได้เวลาเท ผ่างงงงงงงงง!! นี่มันอะไรกันหว่า? ปรากฏว่าเป็นเศษผ้ารีไซเคิลเก่าๆ ที่อัดแน่นกันอยู่ในกระสอบนี่เอง แล้วทรายล่ะ มีมั้ย? เขาบอกว่ามีแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เจอเป็นถุงเล็กๆ ประมาณ 4 ถุงต่อกระสอบเท่านั้นเอง เพิ่งจะกระจ่าง เห็นแจ่มแจ้งก็วันนี้แหละ ข้างในกระสอบทรายมันเป็นผ้ารีไซเคิล!! ที่มา : What’s Inside?
-
พบกับ “ชุดผ้าห่ม” ที่จะให้คุณฟินราวกับอยู่บนเตียงนอนตลอดเวลา!!
มีใครเป็นโรคติดผ้าห่มบ้าง ยกมือขึ้น o/ #เหมียวสามสี ก็เป็นอีกคนที่ติดผ้าห่มเอามากๆ ไม่ว่าหน้าร้อนหรือหน้าหนาว ก็ต้องทำให้อากาศมันเย็นไว้ก่อน แล้วก็หาผ้าห่มมาห่มอีกที แค่คิดก็รู้สึกฟินแล้ว แนวคิด “ชุดผ้าห่ม” นี้ได้มาจากประเทศอังกฤษ เนื่องจากได้มีบริษัทโรงแรมแห่งหนึ่งชื่อว่า Jurys Inn Hotel Group ได้เล็งเห็นว่าคนอังกฤษนั้นนอนกันน้อยมากๆ ก็เลยสร้างสิ่งนี้มาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนนอนน้อยนั่นเอง THE SUVET หรือชุดผ้าห่มนั้นมีสวมเหมือนชุดธรรมดาทั่วไป แต่มันจะหน้าและบวมเป็นปล้องๆ เหมือนเอาผ้าห่มมาพันตัวไว้ตลอดเวลา ซึ่งเขาได้ทำการออกไปสอบถามคนอังกฤษกว่า 2,500 คน เกี่ยวกับปัญหาการนอน เพื่อเอามารองรับกับชุดผ้าห่มนี้แล้วก็ได้ผลที่ส่วนมากมาจากการทำงานและอุณหภูมิ และนี่คือสิ่งที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก คุณไม่ต้องกลัวว่าจะไปทำงานสายหรือกลัวว่าจะหนาว เพราะชุดผ้าห่มนั้นจะทำให้ทุกที่เหมือนเตียงนอนของคุณเอง เหมาะสำหรับคนทำงานหรือพนักงานออฟฟิศเป็นอย่างมาก ชมคลิปการใช้งานกันเลย ถ้า #เหมียวสามสี ได้ชุดแบบนี้มารับรองว่าโดนเจ้านายไล่ออกแน่นอน เพราะแค่ใส่ก็คงนอนหลับแบบรวดเร็ว ที่มา boredpanda
-
กระแสเริ่มแรง Dolce & Gabbana เผยภาพชุดแรกแฟชั่นผ้าฮิญาบ ตีตลาดสาวมุสลิมทั่วโลก!!!
เรียกได้ว่าไม่ยอมกันเลยทีเดียว เมื่อล่าสุดทาง H&M ได้ริเริ่มเทรนด์โดยการใช้นางแบบชาวมุสลิมหลายๆ คนมาโปรโมทให้กับพวกเขา โดยการสวมผ้าฮิญาบ เครื่องแต่งกายของผู้หญิงในศาสนาอิสลาม และตอนนี้ได้เกิดกระแสกระเทือนไปยังแบรนด์อื่นๆ แล้ว พรีเซนเตอร์ของทาง H&M ที่สวมผ้าฮิญาบ เรื่องแบบนี้มีเหรอผู้นำแฟชั่นอย่าง Dolce & Gabbana จะปล่อยผ่าน พวกเขาก็ได้ปิ๊งไอเดียว่า แฟชั่นสำหรับสาวชาวมุสลิมนั้นยังไม่เป็นที่แพร่หลาย พวกเธอเลยยังไม่มีทางเลือกในการแต่งกายเท่าไหร่นัก… และนี่คือภาพชุดแรกของแฟชั่นฮิญาบของทาง Dolce & Gabbana มีหลายสีสันและแบบให้เหล่าสาวๆ ชาวมุสลิมได้เลือกกัน ในส่วนของราคาทาง Dolce & Gabbana ก็ยังไม่ได้เปิดเผยออกมาเท่าไหร่นัก แต่คงจะมีราคาสูง ก็แน่ล่ะมันเป็น Dolce & Gabbana นี่นา -*- แต่เราก็ยังอยากได้อยู่ดีอ่ะเนาะ ฮ่าๆๆ สำหรับแฟชั่นชุดนี้ได้ถูกแสดงโดยเว็บไซต์ของ ArabiaStyle เป็นเจ้าแรกนะจ๊ะ ซึ่งถ้าใครอยากจะไปชมกันแบบเต็มๆ ก็เข้าไปได้ตามลิ้งค์เลยจ้า ที่มา: ArabiaStyle
-
กลายเป็น “นางเงือก” กันได้ง่ายๆ ด้วยโคเชต์ผ้าห่มรูปหางนางเงือกแสนน่ารัก!!
ในวัยเด็ก เราได้ดูการ์ตูนเรื่อง The Little Mermaid แล้ว สาวๆทุกคนคงมีความฝันว่าอยากจะเป็นนางเงือกสวยๆสักครั้งในชีวิต แต่ไม่ถึงกับต้องไปเป็นจริงๆก็ได้ ขอแค่มีชุดหางปลามาให้ใส่ถ่ายรูปได้ก็พอ แต่ว่าจะไปหาที่ไหนล่ะ มันหายากมากๆ ในตอนเด็กเราก็คงทำได้แค่เอาผ้าห่มมาพันขาให้เดินไม่ได้ แล้วก็ได้แต่จินตนาการไปเอง แต่วันนี้เหมียวจะพามาดูไอเดียการทำหางนางเงือกด้วยการถักโคเชต์ โดยศิลปินที่ชื่อว่า Melanie Campbell เธอได้ทำผลงานชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อวางขายลงในเว็บไซต์ Etsy โดยใช้ชื่อว่า CassJamesDesigns ซึ่งการถักในครั้งนี้ เธอทำเป็นรูปหางนางเงือกสำหรับเด็กๆ เพื่อที่ว่าเวลาหน้าหนาว เราจะสามารถเอามันมาห่มได้ แถมยังอุ่นอีกด้วยนะเออ ใครใฝ่ฝันว่าอยากเป็นนางเงือกสักครั้ง ก็ลองเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ Etsy นะจ๊ะ ที่มา mymodernmet
-
ศิลปินเปี่ยนโลโก้แบรนด์กีฬาชื่อดังให้สดใสโดยการปัก “ดอกไม้” เพิ่มเข้าไป
เราคงรู้จักแบรนด์ชื่อดังทางด้านกีฬาเป็นอย่างดี เพราะมันมีอยู่ไม่กี่แบรนด์ที่หาซื้อได้ง่ายแล้วเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และทุกครั้งที่เราเห็น ก็มักจะเจอโลโก้แบรนด์ที่เหมือนกันทุกครั้งไป ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆเลย ศิลปินคนหนึ่งนามว่า James Merry เขาได้ทำโปรเจกต์หนึ่งขึ้นมา โดนการเอาโลโกของแบรนด์กีฬาชื่อดังมาเย็บปักถักร้อยใหม่ โดยประดับไปด้วยรูปแบบดอกไม้สุดคลาสสิกและงดงาม แถมดีเทลแต่ละอันก็ละเอียดมากๆ อีกทั้งเขายังทำงานให้กับ Bjork ศิลปินนักร้องชาวไอซ์แลนด์มาหลายปีอีกด้วย ทั้งการออกแบบเครื่องแต่งกาย และมิวสิควิดีโอ เราไปดูผลงานของเขากันเลย ที่มา boredpanda