Tag: ฝรั่งเศษ
-
กลุ่มเฟมินิสต์ร้องเรียนให้ปิด ‘ซ่องตุ๊กตายาง’ ลงทะเบียนผิดประเภท เข้าข่ายส่งเสริมการข่มขืน!?
กลุ่มเฟมินิสต์ในกรุงปารีสได้ออกมาร้องเรียนต่อสภาเมือง เพื่อให้ทางการสั่งปิดธุรกิจที่ลงทะเบียนในนามเกมเซนเตอร์แห่งหนึ่งใจกลางเมืองนามว่า Xdolls ซึ่งหลังการสำรวจพบว่าแท้จริงร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดเป็นเกมเซนเตอร์ดังที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด การร้องเรียนดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นหลังจากที่มีการแจ้งว่าร้าน Xdolls ที่ขายบริการตุ๊กตายางนั้นได้ทำผิดกฎหมาย ซึ่งทางร้านได้ลงทะเบียนตัวร้านในฐานะเกมเซนเตอร์ แต่กลับกันแล้วภายในไม่ได้เป็นอย่างที่คิด แต่กลับเปิดเป็นร้านขายบริการตุ๊กตายางโดยใช้ชื่อดังกล่าวบังหน้า ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายทางอาญา ด้าน Joaquin Lousy เจ้าของกิจการเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในฝรั่งเศสเกี่ยวกับร้านของเขาว่า ทางร้านได้ใช้หุ่นตุ๊กตายางขนาดเท่าคนจริง ซึ่งมูลค่าแต่ละตัวนั้นถือว่าสูงมาก และให้บริการกับลูกค้าที่ต้องการระบายอารมณ์ทางเพศ โดยทางร้านได้เปิดให้บริการชั่วโมงละ 89 ยูโรต่อชั่วโมง (ประมาณ 3,400 บาท) ที่สำคัญยังมีห้องแยกและสะอาดไว้คอยใหบริการถึง 3 ห้อง และฐานลูกค้าส่วนใหญ่นั้นจะเป็นผู้ชาย และบางครั้งก็มีผู้หญิงหรือคนที่มาเป็นคู่เช่นกัน ถึงแม้จะมีการเปิดเผยข้อมูลของร้านอย่างไร และมีการยืนยันว่าเป็นตุ๊กตา ไม่ใช่เป็นผู้หญิงจริงๆ มาขายบริการ แต่ดูเหมือนว่า Bonnet Ouladj ผู้นำกลุ่มเฟมินิสต์ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี เธอต้องการให้ทางการปิดร้านดังกล่าวให้ไวที่สุด ด้วยเหตุผลที่ทางร้านลงทะเบียนเป็นร้านเกม แต่ความจริงกับกลายเป็นการค้าบริการ และสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้หญิง นอกจากนี้ Bonnet ยังเสริมอีกว่า และต่อให้ร้านดังกล่าวไม่ลงทะเบียนในฐานะร้านเกม แต่ร้าน Xdolls ก็ไม่ได้มีลักษณะเหมือนร้านเซ็กส์ทอยแต่อย่างใด แต่มันเป็นสถานที่ที่สร้างรายได้จากการข่มขืน และในทุกๆ ปีก็จะมีผู้หญิงถูกข่มขืนมากถึง…
-
เกาะกลางน้ำสุดแปลก ที่ทุกๆ 6 เดือนจะถูกเปลี่ยนสัญชาติระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน
อีกไม่ถึง 1 สัปดาห์เกาะกลางแม่น้ำบีดาซัวขนาด 3,000 ตารางเมตรกำลังจะถูกฝรั่งเศสส่งมอบให้ทางการสเปนไปดูแลต่อ หลายคนอาจจะงงว่า ทำไมต้องส่งต่อแล้วเกาะแบบนี้มันไม่ใช่ทรัพย์สินถาวรของประเทศนั้นๆ หรือต้องสู้แย่งกันหรอกเหรอ? คำตอบคือไม่!! เพราะเกาะเล็กๆ ที่ชื่อว่า Faisans แห่งนี้นั้นทางสเปนและฝรั่งเศสได้ทำการทำสนธิสัญญากันไว้แล้วเมื่อ 350 ปีก่อน ส่วนสาเหตุที่ต้องตกลงกันแบบนี้ก็เพราะเกราะแห่งนี้มันดันตั้งอยู่ระหว่างเขตแดนของสองประเทศนั่นเอง โดยมันตั้งอยู่กลางแม่น้ำบีดาซัว ซึ่งอยู่ระหว่างเมืองอองเดย์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส กับเมืองอิรึนและเมืองออนดารีเบียทางตอนเหนือของสเปน ส่วนความสำคัญของเกาะแห่งนี้นั้นนั่นก็คือเกาะที่ไว้เดินทางมาเจอกันตรงกลางและทำสนธิสัญญาต่อกันและกันของสองประเทศ เรื่องมันเริ่มมาจากปี 1659 พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส และกษัตริย์ฟิลิปที่ 4 แห่งสเปน เสด็จมาร่วมลงพระนามในสนธิสัญญาพิเรนีส (Treaty of the Pyrenees) บนเกาะแห่งนี้ โดยทั้งสองประเทศต่างตกลงแบ่งปันเขตแดนระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยเพื่อยุติข้อพิพาทที่แล้วมาของสองประเทศ ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจะต้องเปลี่ยนกันมาครอบครองเกาะแห่งนี้ทุกๆ 6 เดือน โดยเริ่มจากสเปน ซึ่งกินเวลาตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ถึง 31 กรกฎาคม 1659 จากนั้นก็ทำการเปลี่ยนมือไปยังฝรั่งเศสและทำแบบนี้วนมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน เดิมทีในสัญญานั้น ตัวเกาะจะต้องถูกดูแลด้วยกองทหาร ทว่าปัจจุบันทหารได้ถูกถอนออกไปแล้ว…
-
ย้อนรอยภาพในอดีตของเมืองปารีส ครั้งน้ำท่วมใหญ่ในปี 1910 ชาวเมืองจะรับมือกันอย่างไร?
เหตุการณ์น้ำท่วม ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่บ้านเราต้องเจอกันบ่อยมากๆ เรียกว่ามีข่าวคราวทุกปี และถึงแม้จะพยายามป้องกันอย่างไรก็ไม่สามารถขจัดปัญหาเหล่านี้ออกไปได้เสียที… นั่นก็ทำให้เราฉุกคิดได้ว่าระบบการจัดการน้ำยังอยู่ในขั้นย่ำแย่ แต่รู้ไหมว่าเมืองใหญ่อย่างปารีสก็เคยประสบกับปัญหาน้ำท่วมหนักมาแล้วเหมือนกัน!? เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในปารีสนั้นถือว่าหาดูได้ยากมากๆ ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงท้ายเดือนมกราคมปี 1910 ในช่วงเดือนที่มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องส่งผลให้แม่น้ำ Seine มีระดับน้ำที่สูงขึ้นมาก จนเอ่อล้นออกมาท่วมตัวเมืองในที่สุด ใช่ว่าทุกคนจะมีเรือใช้ ฉะนั้นอะไรที่พอจะลอยได้ก็นับว่าเป็นเรือเช่นกัน ในอดีต ณ ช่วงเวลานั้นปารีสประสบกับเหตุการณ์น้ำท่วมอยู่บ่อยครั้ง แต่สำหรับครั้งนี้มีความร้ายแรงมากกว่าปกติและกินเวลานานนับสัปดาห์เลยทีเดียว ทางด้านระบบระบายน้ำก็ยังไม่ดีพอที่จะถ่ายเทน้ำทั้งหมดออกไปได้ทัน ต่อมาในวันที่ 21 มกราคม 1910 ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องและระดับน้ำก็สูงยิ่งขึ้นไปอีก ในช่วงเวลานี้นั่นเองที่น้ำเริ่มไหลเข้าท่วมทั้งเมืองรวมไปถึงระบบคมนาคมต่างๆ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของชาวเมือง ซึ่งทำให้ผู้คนหลายพันชีวิตไม่สามารถจะใช้ชีวตอยู่ในบ้านที่มีชั้นเดียวได้ปกติ รถไฟใต้ดินก็ใช้งานไม่ได้ ห้างร้านต่างๆ ก็ต้องปิดทำการไปโดยปริยาย สังเกตจากการที่ผู้คนหันมาใช้เรือ ทำให้รู้ได้ทันทีว่าน้ำท่วมครั้งนี้หนักหนาแค่ไหน ทางเดินก็ต้องสร้างขึ้นเฉพาะกิจ เพื่อใช้ในการเดินทางไปยังบ้านเรือนหลังอื่นๆ จากปัญหาน้ำท่วมหนักทำให้ผู้คนต้องหันมาใช้เรือในการคมนาคมแทน และต่อมาในวันที่ 28 มกราคม 1910 ระดับน้ำก็เลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อเพิ่มระดับท่วมสูงเป็น 8 เมตรจากระดับน้ำปกติ ทำให้การใช้ชีวิตในเมืองยิ่งทวีความลำบากมากยิ่งขึ้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นตีเป็นเม็ดเงินจำนวนกว่า 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราวๆ 5 หมื่นล้านบาท) แม้ค่าความเสียหายจะสูงมากขนาดไหน…