Tag: พนักงาน
-
สาวสู้ชีวิต จากพนักงานร้านอาหาร เดินตามความฝันจนเป็น “นางพยาบาล” วิชาชีพ!!
เรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ฝ่าฟันจากอาชีพพนักงานสาวในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด กระทั่งได้กลายเป็นพยาบาลวิชาชีพได้สำเร็จ Faye Lewis หญิงสาวที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาแพทยศาสตร์ด้านการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว ได้บังเอิญพบหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่าชีวิตของเธอนั้นได้ผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอพบป้ายชื่อของตนเอง ป้ายชื่อแต่ละแผ่นได้ระบุตำแหน่งงานของเธอเอาไว้ โดยป้ายเหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้เธอได้รู้ว่าการไล่ตามความฝันที่จะเป็นพยาบาล สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย Faye Lewis เธอได้โพสต์ภาพแผ่นป้ายชื่อเหล่านั้นลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตนเองในการเรียนปริญญาแพทยศาสตร์สาขาพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวให้จบ เพราะนี่คือความฝันของเธอ และกว่าเธอจะมายืนจุดนี้ได้เธอผ่านอะไรมามากมายเลยทีเดียว เธอเริ่มรับงานแรกตอนอายุ 16 ปี โดยการสมัครเป็นพนักงานของร้าน KFC เพื่อเก็บเงินสำหรับเรียนต่อ เธอทำงานที่นี่จนเรียนจบมัธยม แต่มันกลับไม่เป็นไปตามแผน เธอได้เกรด B มาสองวิชา ทำให้เธอเกรดไม่พอที่จะเข้าเรียนต่อในสถาบันพยาบาล เธอจึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและหลังจากเรียนจบปี 1 เธอก็ตั้งครรภ์ เธอจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยมาอยู่กับพ่อแม่ เวลาผ่านไป Faye ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการร้าน KFC และได้รับตำแหน่งแม่บ้านของ Assisted Living Facility ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาล ในเวลานั้น Faye สามารถเรียนจบหลักสูตรพยาบาลผู้ช่วยได้สำเร็จและเริ่มทำงานใน Memorial Medical Center ผู้จัดการ KFC แม่บ้านของ Assisted…
-
ผู้บริหารตั้งกระทู้ถาม ทำไงดี ไม่ชอบเห็นพนักงาน “กลับบ้านทันที” ตอนเวลาเลิกงาน??
ชีวิตของการทำงานนั้น บางคนก็สนุก บางคนก็เหนื่อยหน่าย แตกต่างกันไปตามบริบทของการทำงาน แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ในเวลาทำงานทุกคนก็จะต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และเมื่อถึงเวลาเลิกงาน หน้าที่ในวันนั้นๆ ได้สิ้นสุดลง กลายเป็นช่วงเวลาแห่งอิสระและการพักผ่อนนั่นเอง แต่สำหรับหัวหน้างานบางคนอาจไม่ได้คิดแบบนั้น ภาพพนักงานที่รีบออกจากสำนักงานเมื่อถึงเวลาเลิกงาน เป็นสิ่งที่เขาไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก เขาจึงได้มาตั้งกระทู้ถามถึงวิธีรับมือกับสิ่งเหล่านี้ เขาตั้งกระทู้ว่า… “ผมมีพนักงาน 2 คนที่มักจะออกจากงานในเวลา 6 โมงเย็นอยู่เสมอ พวกเขาทำงานดีนะ แต่ผมไม่ชอบเลยที่พวกเขามีใจให้กับงานแค่ในเวลางานเท่านั้น ในฐานะผู้บริหารผมควรทำอย่างไรดีครับ?” งานนี้ชาวเน็ตออกมาสั่งสอน ผู้บริหารคนนี้กับยกใหญ่ อย่างเช่น Chris McClinch ที่ออกมาพิมพ์ยาวเหยียดว่า… “ในฐานะผู้บริหาร คุณก็ควรใช้ชีวิตของคุณนะ 2 คนนั้นเป็นพนักงาน เขาใส่ใจกับการทำงานอย่างเต็มความสามารถในเวลางาน แต่พอสิ้นสุดเวลางาน เขาก็ต้องใส่ใจกับตัวเอง ครอบครัว สัตว์เลี้ยง งานเสริม หรืออะไรก็แล้วแต่ ไม่ใช่ว่าต้องมาใส่ใจคุณ” ส่วนชาวเน็ตอีกราย Paul LaRue ก็อธิบายว่า… “ยุคนี้ความคิดของผู้จ้างที่คาดหวังให้พนักงานอยู่ทำงานนานๆ นั้นใช้ไม่ได้แล้ว แม้จะเป็นคนรุ่น Gen X หรือ Gen…
-
พนักงานซักผ้าถูก “ผ้าบิดแขน” จนขาด หลังล้วงมือหยิบผ้าขณะเครื่องยังไม่หยุดปั่น
เครื่องจักรนั้นเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้ผู้คนได้มากก็จริงๆ แต่ขณะเดียวกันหากใช้เครื่องจักรอย่างไม่ระมัดระวังก็อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายจนสาหัสได้ เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2561 พนักงานในโรงซักผ้าแห่งหนึ่งใน ต.ชากพง อ.แกลง จ.ระยอง ถูกเครื่องซักผ้า “ปั่นจนแขนขาด” หลังยื่นมือเข้าไปในเครื่องขณะที่เครื่องยังไม่หยุดทำงาน ร.ต.อ.จันทร์ติ วรรณูปถัมถ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กร่ำ จ.ระยอง ได้รับแจ้งในวันเดียวกันนี้ว่า นายกี้ อายุ 28 ปี พนักงานชาวไทใหญ่ใน โรงซักผ้าอมรพันธ์วิลล่า ได้รับอุบัติเหตุจนแขนขาด เมื่อไปถึงจุดเกิดเหตุพบเครื่องซักผ้า 4 เครื่อง และพบนายกี้กำลังนั่งโอดครวญด้วยความเจ็บปวดโดยแขนข้างขวาของเขาตั้งแต่ช่วงข้อศอกจนถึงปลายแขนขาดหลุดออกมา แขนของนายกี้มีเลือดไหลออกมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรีบนำชิ้นส่วนของแขนต่อกลับเข้ากันแล้วกันผ้าเอาไว้ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลแกลงอย่างรวดเร็ว ต่อมาสอบถามกับ นายโก้ เพื่อนร่วมงานชาวไทยใหญ่ของนายกี้ ได้ความว่า ทีแรกนายกี้ก็ได้นำผ้าปูที่นอนมาเข้าเครื่องซักตามปกติ โดยหลังจากซักเสร็จแล้วก็นำไปเข้าเครื่องปั่นแห้ง อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเครื่องปั่นแห้งแจ้งเตือนว่าปั่นแห้งเสร็จแล้ว แต่นายกี้ไม่รอให้เครื่องหยุด ใช้มือล้วงหยิบผ้าขณะเครื่องยังหมุนด้วยความเร็ว นั่นทำให้ผ้าในเครื่อง พันเข้ากับมือของนายกี้ และบิดแขนของเขาตามแรงหมุนของเครื่องปั่นแห้ง จนแขนขาดออกจากกัน นายกี้เจ็บปวดจนร้องออกมาดังลั่นพร้อมเลือดที่พุ่งกระฉูดออกมาจากแขน จากนั้นทุกคนจึงเข้ามาช่วยเหลือ ใช้ผ้าพันแผลห้ามเลือด และโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่กู้ภัยพันแขนของนายกี้เข้าด้วยกันเตรียมนำตัวส่งโรงพยาบาลแกลง…
-
CEO เกาหลี “ตบหน้า” พนักงาน ลงโทษที่ ‘แอบอ้าง’ เป็นผู้บริหารแล้วไปตอบคอมเมนต์
การทำงานในบริษัท หลายครั้งก็ต้องเสี่ยงต่อการถูกลงโทษหากเรามีพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น ตัดเงินเดือน พักงาน หรือกระทั่ง ถูกตบหน้า อย่างเช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบริษัทไอที K-Technology และ WeDisk ในประเทศเกาหลี เมื่ออดีตลูกจ้างคนหนึ่งได้เข้าไปตอบคอมเมนต์ออนไลน์โดยแอบอ้างตนว่าเป็น CEO หรือผู้บริหารบริษัท และด้วยความที่เป็นบริษัทไอที การจะหาว่าใครเป็นทำเรื่องนี้นั้นก็ไม่ยาก เพียงแค่แกะรอยจาก IP Address เท่านั้น และเมื่อพบตัวผู้กระทำผิด ผู้บริหารบริษัท Yang Jin-ho จึงเรียกตัวเขามาที่บริษัท และลงโทษลูกจ้างคนดังกล่าวด้วยการ ชกต่อย และ ตบหน้า ท่ามกลางสายตาพนักงานคนอื่นๆ พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอเอาไว้ คลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าว ลงโทษจนกระทั่งชายผู้กระทำผิดยอมคุกเข่าขอโทษกับ CEO ของบริษัท แม้ว่าต้นเหตุของเรื่องจะเป็นความผิดของพนักงานคนนี้ แต่ข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับเรื่องนี้ก็กล่าวว่า Yang นั้นเคยมีประวัติบังคับให้พนักงานชายไปย้อมผมสีแดงและเขียวเพื่อให้ตนเองหัวเราะ และยังเคยมีการบังคับให้พนักงานดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากโดยไม่อนุญาตให้ไปเข้าห้องน้ำ ทำให้หลายคนต้องอาเจียนออกมาบนโต๊ะ นอกจากนี้ Yang ยังชอบทารุณกรรมสัตว์อีกด้วย มีรายงานว่าเขาเคยใช้ธนูยิงไก่ และใช้ดาบซามูไรฟันคอพวกมันอีกด้วย ปัจจุบันอดีตพนักงานรายดังกล่าวต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่เกาะห่างไกล เนื่องจากกลัวอิทธพลของ Yang และบริษัทที่มีมากในเมืองหลวง…
-
หนุ่มจีนโมโห เที่ยวบินถูกยกเลิก “ตบหน้า” กราวด์ชายด้วยโทรศัพท์มือถือ!
ในสนามบิน Qingdao ของประเทศจีน ผู้โดยสารชายคนหนึ่ง ได้ระเบิดอารมณ์ ตบหน้า พนักงานต้อนรับภาคพื้นดินด้วยโทรศัพท์มือถือ หลังทราบว่าเที่ยวบินของเขาถูกยกเลิก จากรายงานทราบว่า ชายชาวจีนสกุล Wu ได้เกิดอารมณ์โมโห หลังทราบว่าเที่ยวบินของตนถูกยกเลิกไปเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้า เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย คลิปเหตุการณ์ ตามรายงานของสื่อในท้องถิ่น ทางสายการบินได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกและค่าเสียหายให้กับ Wu แล้วในวันก่อนเกิดเหตุ แต่ถึงกระนั้น Wu ก็ยังคงระเบิดอารมณ์ใช้โทรศัพท์มือถือของตนเอง “ตบหน้า” พนักงานต้อนรับภาคพื้นดินเพศชายคนหนึ่ง ขณะที่เขาเข้ามาติดต่อที่เคาน์เตอร์ แม้จะถูก Wu ตบหน้าด้วยโทรศัพท์มือถือ แต่พนักงานชายคนดังกล่าวก็ไม่มีการตอบโต้ จากเหตุการณ์นี้ Wu ก็ถูกคุมตัวไปสอบสวน จนสุดท้ายก็ถูกกักตัวไว้เป็นเวลา 10 วัน และถูกบันทึกลงบัญชีดำสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศจีน ที่มา: nextshark, local media, Netizen Watch และ Shanghaiist
-
เศรษฐีมาเลฯ “ทำร้ายร่างกาย” พนักงานลานจอดรถ ยืนยันจะไม่ยอมจ่ายค่าจอด 24 บาท…
นักธุรกิจชาวมาเลเซียคนหนึ่งกำลังถูกสอบสวนหลังพบหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอที่เขาได้ทำร้ายพนักงานลานจอดรถทั้งทางวาจาและร่างกาย โดยมีเหตุมาจากเงินจำนวน 3 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 24 บาท) ตามรายงาน ทราบว่าเหตุเกิดในลานจอดรถของโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2018 ภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่า นักธุรกิจชายสูงวัยเดินเข้ามายังห้องทำงานของพนักงานดูแลลานจอดรถ และกระทำความรุนแรง ขว้างปาวิทยุสื่อสารใส่พนักงานคนดังกล่าว จากนั้นนักธุรกิจก็เดินเข้ามาในห้องทำงาน พร้อมทำท่าทางจะทำร้ายร่างกาย จากนั้นเขาก็ผลักเก้าอี้ก่อนที่จะชกพนักงานคนดังกล่าวหลายครั้ง ชมคลิปวิดีโอ วิดีโอถูกโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก Balamuraly Doraisamy เมื่อวันอังคารที่ 9 ตุลาคม 2018 ซึ่งอัปโหลดพร้อมกับภาพรถของนักธุรกิจดังกล่าว “พนักงานจำเป็นต้องดำเนินการกับชายคนนี้เพราะชายคนนี้คิดว่าตัวเองนั้นเป็นท่านขุนที่เหนือกว่าคนอื่นๆ ที่จะทำอะไรกับใครก็ได้ ผมคิดว่าเรื่องนี้ถูกรายงานกับตำรวจเรียบร้อยแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ อย่างไรก็ตามช่วยแชร์คลิปนี้ต่อๆ กันจนกว่าชายคนนี้จะถูกดำเนินการตามกฎหมาย” ภายหลังทราบมาว่านักธุรกิจวัยกลางคนผู้นี้ เกิดอารมณ์เสียหลังพนักงานลานจอดรถวัย 31 ปี ไม่ยอมเปิด “ไม้กั้น” ทางออกให้กับเขา เนื่องจากเขาไม่ยอมจ่ายค่าจอดรถเป็นจำนวนเงิน 3 ริงกิตมาเลเซีย (24 บาทไทย) ทำให้นักธุรกิจคนดังกล่าวลงจากรถมาระบายอารมณ์กับพนักงานอย่างเต็มที่ ทั้งด่าทอและทำร้ายร่างกาย จนพนักงานลานจอดรถเกิดรอยฟกช้ำหลายจุดบนร่างกาย .…
-
คลิปไวรัล พนักงานร้านอาหาร ‘ถ่มน้ำลายใส่พิซซ่า’ ของลูกค้า ก่อนราดซอสทับลงไป…
ยามที่เราไปรับประทานอาหาร ณ ร้านอาหารต่างๆ เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าภายในห้องครัวหลังร้านนั้น มีการเตรียมอาหารกันอย่างไรบ้าง อย่างเช่นตัวอย่างจากวิดีโอหนึ่งที่กำลังโด่งดังบนโลกออนไลน์ ที่หนุ่มทำพิซซ่าคนหนึ่งมีการ ถ่มน้ำลาย ลงบนแป้งพิซซ่าก่อนจะราดซอสปิดทับลงไป Jaylon Kerley หนุ่มพนักงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ขณะที่เขากำลังเตรียมพิซซ่าให้กับลูกค้า วิดีโอก็ถ่ายติดจังหวะที่เขากำลังถ่มน้ำลายลงไปบนแป้งพิซซ่าถอดหนึ่งที่เขากำลังเตรียม เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 2018 และเขาก็ถูกไล่ออกจากงานพร้อมกับถูกจับกุมหลังจากที่พฤติกรรมของเขาครั้งนี้ถูกเผยแพร่ออกไป Quinelle May เพื่อนร่วมงานที่ถ่ายวิดีโอนี้และนำไปโพสต์ลงอินเทอร์เน็ตก็ถูกไล่ออกเช่นเดียวกัน คลิปวิดีโอ May เพื่อนร่วมงานของ Kerley กล่าวว่าวันนั้นเป็นวันที่แย่ของ Kerley จริงๆ เขาก็เลยถ่มน้ำลายใส่พิซซ่าแบบนั้น ซ้ำยังกล่าวต่ออีกว่า การกระทำครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก Kerley เคยถ่มน้ำลายใส่พิซซ่ามาก่อนหน้านี้แล้ว May บอกว่าที่นำวิดีโอมาเผยแพร่เพราะคิดว่าควรทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทางเจ้านายของเขากลับพยายามไม่ให้นำไปเผยแพร่ Quinelle May โพสต์วิดีโอดังกล่าวลงบน อินสตาแกรม ของตัวเองพร้อมเล่าประกอบว่า วันที่เกิดเหตุเขาถูกไล่กลับบ้านเนื่องจากไม่ได้สวมเสื้อตามที่ทางร้านกำหนดมา และเขาใช้ห้องน้ำนานเกินไป จากนั้นเขาก็คิดว่าลูกค้าควรรู้ว่าในพิซซ่าของพวกเขามีน้ำลายอยู่ เพราะไม่มีลูกค้าคนไหนสมควรได้รับสิ่งที่น่าขยะแขยงแบบนี้ สุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวว่าจากการกระทำครั้งนี้ Kerley…
-
หนุ่มแอบเนียนเป็น ‘ฝ่ายบุคคลสาว’ หลอกให้เพื่อนถ่ายหน้าฮาๆ ส่งให้ อย่างจี้!!
บางครั้งในชีวิตการทำงาน มันก็จะมีวันที่ว๊างว่าง ว่างจนไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี ก็เลยอยากจะหาเรื่องมาแกล้งเพื่อนร่วมงาน เช่นเดียวกันกับนาย Lee Blaylock วัย 22 ปี พนักงานก่อสร้างถนน จากเมือง Carlisle ที่ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เลยนึกครึ้มแกล้งเพื่อนร่วมงานขึ้นมาจนกลายเป็นกระแสความฮาในโลกโซเชียล เรื่องมันเริ่มจากที่นาย Lee เคยส่งข้อความไปหาเพื่อนร่วมงานชื่อว่านาย Jordan และปรากฏว่าเขาไม่ได้เมมเบอร์ของ Lee เอาไว้ ด้วยเหตุนี้เองก็เลยแสร้งทำเป็นฝ่ายบุคคล ที่กำลังจะมาตรวจตราการทำงานของพนักงานส่งข้อความไปหาซะเลย!! ข้อความที่ Lee ส่งไปหา Jordan “สวัสดีค่ะ นี่ Claire จากฝ่ายบุคคลเองนะ คือว่าเราอยากจะขอให้คุณช่วยส่งภาพของคุณมาให้ตอนนี้จะได้ไหม เพื่อที่จะเอาไปติดบัตรพนักงานน่ะ” เหมือนการแกล้งจะสำเร็จไปได้ด้วยดี แต่จู่ๆ ก็กลายเป็นว่าเหมือนจะโป๊ะแตก เพราะนาย Jordan นั้นเป็นเพียงพนักงานฝึกหัดเท่านั้น และเขาก็บอกว่าก่อนหน้านี้ได้ส่งภาพถ่ายพร้อมกับใบสมัครงานไปแล้วนี่นา แต่นาย Lee ก็ใช้สกิลในการแถต่อไปว่า “อ๋อ อันนั้นมันอยู่ในระหว่างดำเนินการค่ะ แต่ถ้าส่งมาให้ตอนนี้มันจะสะดวกและรวดเร็วยิ่งกว่า” และก็ได้ภาพนี้มา ก็เลยเสริมไปว่า “ถ้าเป็นไปได้ขอเป็นภาพที่ดูสบายๆ…
-
สาวจีนนักประดิษฐ์เอาอีกแล้ว คราวนี้ออกไป “ดักปลา & ย่างไก่” กันนอกออฟฟิศเลยหรา!?
คนที่มีความคิดสร้างสรรค์มักมีกิจกรรมที่สามารถทำแก้เบื่อได้เสมอ ดูตัวอย่างได้จากพนักงานออฟฟิศสาวชาวจีนนักประดิษฐ์อย่าง Ms. Yeah ที่มีเวลาว่างเป็นไม่ได้จะต้องคิดหาวิธีแต่งหน้าหรือทำอาหารแม้จะอยู่ในที่ทำงานก็ตาม และ วิดีโอล่าสุด ของเธอเรียกได้ว่าพีกมากๆ เพราะคราวนี้ Yeah และเพื่อนๆ ร่วมงานของเธอต้องได้ออกไปปฏิบัติภารกิจกันนอกสำนักงานด้วยล่ะ เรื่องราวเริ่มจากที่ Yeah และเพื่อนๆ กำลังดีใจกับทริปเดินสายเที่ยว (สิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย) ที่กำลังจะเกิดขึ้น และแล้วจู่ๆ หัวหน้างานของพวกเธอก็ดับฝันด้วยการไม่อนุญาตให้ไปเที่ยวไกลๆ ให้ไปเที่ยวลำธารใกล้ๆ แต่แถมไก่อีก 2 ตัวเป็นการทดแทน อดไปเที่ยวแต่ได้ไก่มาแทนเนี่ยนะ!!? Ms. Yeah ก็เลยต้องเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์นี้ (คิดแผนดีๆ ออกแล้ว!!) จากนั้นเธอนำถังน้ำในออฟฟิศมาตัดส่วนของปากออก แล้วประกอบตะแกรงพัดลมเข้าไปกับถัง (เอ…จะทำอะไรกันนะ?) ถึงเวลาที่พวกเขาต้องไปเที่ยวลำธารกันแล้ว เรามารอชมแผนการของ Ms. Yeah กันเถอะ เธอวางถังน้ำที่นำมาด้วยลงไปในน้ำ จากนั้นเธอก็นนำไม้ไผ่มาตัดแล้วผูกเข้าด้วยกัน พร้อมนำกระดานเกมของเพื่อนๆ มาตัดอีกด้วย ผ่าม!!…
-
พนักงานร้านให้โอกาส “หนุ่มออทิสติก” ได้ช่วยจัดของอย่างใจเย็น ชาวเน็ตช่วยระดมทุนการศึกษา!!
คนที่ป่วยด้วยกลุ่มโรคออทิสติก มักจะถูกกีดกันทางสังคม และมองว่าเป็นบุคคลไร้ความสามารถ ไม่อาจทำงานได้เหมือนคนปกติทั่วไป ในบางครั้งเราอาจจะต้องมองกลับอีกมุมหนึ่ง หากว่าลองหยิบยื่นโอกาสให้กับพวกเขาได้พิสูจน์ตัวเองสักครั้ง ตัวอย่างจาก Jordan Taylor พนักงานร้านขายของ Rouses Markets รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ในขณะที่เขากำลังช่วยลูกค้าหนุ่มออทิสติก สอนงานจัดของขึ้นชั้นสินค้าแม้จะเป็นงานง่ายๆ แต่ก็ยากพอสมควรสำหรับเขาด้วย Jack Ryan คือหนุ่มออทิสติกคนดังกล่าว หลังจากที่เข้ามาในร้านและยืนดู Jordan กำลังสต๊อกสินค้าเข้าตู้แช่ แทนที่จะถูกเมิน เขากลับหยิบยื่นโอกาสดีๆ ด้วยการให้มาช่วยงาน พร้อมกับสอนงานให้อย่างใจเย็น ทุกขั้นตอนที่ดูง่ายๆ แต่ยากสำหรับ Jack ชายหนุ่มพยายามขึ้นชั้นสินค้าให้ตรงกับที่จัดไว้ โดยมีนาย Jordan คอยส่งของให้อยู่ตลอด จนเสร็จงานทั้งหมดโดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที Delaney Edwards Alwosaibi พี่สาวของ Jack กล่าวว่า “เราต่างรู้กันดีว่ากลุ่มผู้ประสบออทิสติกนั้นยากที่จะปฏิบัติตัวข้างนอก อย่างการออกไปร้านขายของชำจะเป็นอีกหนึ่งความท้าทายกันเลยล่ะ… และชายคนนี้ก็ยอมเสียสละเวลาของตัวเอง ยอมให้ Jack ช่วยและเรียนรู้งานของเขากว่า 30 นาที…
-
พนักงานร้อยคนเลิกทำงาน เพราะเพื่อนร่วมงาน ถูกนายจ้าง ‘เหยียดผิว’ และ ‘ไล่ออก’!!
ในยุคปัจจุบันที่โลกของเราพัฒนาความคิดเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ทางเชื้อชาติ มาจนถึงขนาดที่ว่ายอมรับซึ่งกันและกันได้แล้ว นั่นทำให้พฤติกรรมต่างๆ ที่ส่อแววให้เห็นถึงความเหยียด การไม่ยอมรับกับความหลากหลายเหล่านั้น มักจะกลายเป็นเรื่องที่คนในสังคมไม่สามารถยอมรับได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้เมื่อพนักงานคนหนึ่งในบริษัทถูกเหยียดสีผิวและถูกไล่ออก พนักงานคนอื่นๆ ก็เลยหยุดทำงานแล้วก็เดินออกจากบริษัทไปทั้งอย่างนั้นเลย เหตุการณ์ดังกล่าวนี้ถูกบันทึกเอาไว้โดยนาย Antoine Dangerfield วัย 30 ปี เขาโพสต์วิดีโอดังกล่าวลงบนโลกโซเชียลพร้อมกับแคปชันว่า “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน…พวกเขาคงคิดว่าจะทำเ*ยอะไรกับคนเม็กซิกันในที่ทำงานของผมก็ได้ โดนไปซะ!!” ตามรายงานระบุเอาไว้ว่าเหตุเกิดในอินเดียนาโปลิส รัฐอินเดียนา สหรัฐฯ ที่โรงเก็บพัสดุของ UPS แต่แล้วจู่ๆ พนักงานหลายคนก็ทิ้งงานของตัวเองแล้วเดินออกมามากกว่า 100 คน!! เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของเจ้านายที่กระทำการเหยียดเชื้อชาติเพื่อนร่วมงานของพวกเขา Antoine เล่าถึงเหตุการณ์ในวันนั้นว่า “มีหนึ่งในเจ้านายคนหนึ่งของเราที่ชอบเหยียดทุกคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว เวลาที่เขามาตรวจงานพวกเราจะบอกกันว่าให้ระวังเอาไว้ เพราะเขามักจะคอยมาหาเรื่องเราตลอดเพื่อให้ถูกไล่ออก” “แล้ววันนั้นจู่ๆ เขาก็บอกให้พนักงานเม็กซิกันคนหนึ่งที่พูดภาษาอังกฤษได้ช่วยแปลคำพูดของเขา ให้กับคนเม็กซิกันอีกคนฟัง แล้วก็เป็นคำพูดที่ไม่ดี แต่พนักงานคนนั้นไม่ยอมทำ เจ้านายก็เลยโมโหแล้วไล่เขาออก” “จากนั้นเขาก็เดินไปไล่พนักงานที่เป็นเม็กซิกันออกทีละคน ทีละคนประมาณ 5 ถึง 6 คนได้” ชาวเน็ตหลายคนที่ได้เห็นคลิปวิดีโอเหตุการณ์นี้ต่างก็แสดงความเห็นชื่นชมเหล่าคนงาน ยูทูบเบอร์รายหนึ่งกล่าวว่า “ผมชอบมากเลย…
-
หนุ่มเดินไปทำงานวันแรก 35 กิโลฯ CEO เลยซื้อรถใหม่ให้ เพื่อตอบแทนความทุ่มเท!!
เรื่องราวดีๆ มักจะเกิดขึ้นกับคนดีๆ เสมอ… ขอแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกับ Walter Carr ผู้อยู่อาศัยในรัฐแอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา และเขากำลังจะได้เป็นพนักงานในบริษัทที่ชื่อว่า Bellhops ที่เป็นบริษัทรับจ้างขนของ แต่ก่อนจะเริ่มงานวันแรก ชีวิตก็ต้องพบเจอกับความซวย เพราะรถของเขาเกิดพังขึ้นมาซะงั้น!! แต่แทนที่จะขอลางาน Walter กลับตัดสินใจที่จะเดินออกจากบ้านตอนเที่ยงคืน เป็นระยะทางกว่า 20 ไมล์ หรือราวๆ 32 กิโลเมตร เพื่อไปทำงานขนของให้กับลูกค้าชื่อว่า Jenny Hayden Lamey โชคดีที่เขาเดินไปได้แค่ 14 ไมล์ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาพบตัวเสียก่อน ทางตำรวจจึงช่วยพาเขาไปส่งที่ทำงาน จากรายงานของเว็บไซต์ CBS42 ระบถว่า “Walter ต้องเดินเป็นระยะทางอย่างน้อยกว่า 23 กิโลเมตร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาพบเขาระหว่างทางตอน 4.00 น. และจะพาเขาไปส่งที่หมาย” “ระหว่างทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พูดคุยกับเขา ทำให้ทราบเรื่องราวต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงเลี้ยงมื้อเช้ากับเขาเพื่อเป็นการปลอบใจ” “เมื่อไปถึงยังบ้านของครอบครัวของคุณ Lamey นาย Walter…
-
ลูกค้าหัวปูดเถียงไม่ตกฟาก คืนของพร้อมขอคืนเงิน ฝั่งแคชเชียร์หน่าย ‘ลูกค้าไม่ใช่พระเจ้า’
ในงานการให้บริการทั้งหลายแหล่ วลี “ลูกค้าคือพระเจ้า” มักจะถูกหยิบยกมาใช้ครอบคลุมคุณภาพงานบริการ ราวกับว่าฝั่งผู้ให้บริการนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเองได้เลย ลูกค้าต้องการแบบไหนต้องได้แบบนั้น แม้จะไม่ถูกต้องตามเงื่อนไขก็ตาม ในประเทศสหรัฐอเมริกามักจะเกิดเรื่องแบบนี้อยู่บ่อยๆ เมื่อลูกค้าอยากจะได้บริการอะไรบางอย่าง แต่เมื่อทางพนักงานชั้นผู้น้อยให้ไม่ได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจตัดสินใจหรือผิดเงื่อนไข ก็ยังดื้อดึงแถมขู่จะฟ้องอีกต่างหาก https://twitter.com/davidsosaa_/status/1016503116693417984 ทวิตเตอร์ David Sosa ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอที่บันทึกภาพลูกค้าในอาการเดือดอย่างรุนแรง โต้เถียงกับพนักงานแคชเชียร์แบบไม่หยุดหย่อน แถมยังชี้นิ้วพร้อมบอกว่า “ถ้าเจอคลิปนี้ในยูทูบหรือเฟสบุ๊ก คุณเจอฟ้องแน่ๆ” โดยเบื้องหลังเรื่องราวนั้น เกิดขึ้นจากลูกค้ากลุ่มนี้จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต และนำของที่ซื้อไปแล้วมาคืนพร้อมกับขอเงินคืนเป็นเงินสด แต่เนื่องจากคืนเป็นเงินสดไม่ได้ก็เลยออกอาการหัวร้อน ซึ่งนี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว และสุดท้ายลูกค้าก็ได้เงินคืน ตอนนี้ David Sosa กำลังจะลบคลิปนี้ออกจากโทรศัพท์ เขาจึงนำมาโพสต์บนอินเตอร์เน็ตให้ทุกคนได้ชม ถ้าจะหาคลิปในยูทูบต้องพิมพ์ว่าอะไร “ลูกค้าผู้สุภาพชน แสดงออกด้วยกิริยาอันมีเหตุผลและนอบน้อมต่อแผนกดูแลลูกค้า” รึเปล่า ด้วยคลิป 3 ลูกค้าตะโกนด่าแคชเชียร์ดังกล่าว ทำให้เหล่าบุคคลที่กำลังทำงานด้านนี้อยู่ต่างส่ายหัวกันถ้วนหน้า เพราะพวกเขาต่างเห็นพ้องกันว่า ต้องเจอกับลูกค้าประเภทนี้แทบทุกวัน บั่นทอนกำลังใจในการทำงาน โดยที่ไม่ยอมฟังเหตุผลกันบ้างเลย… คุณอยากรู้มั้ยว่ามันแย่ตรงไหน? พนักงานห้างทุกคนจะต้องเจอกับลูกค้าแบบนี้ทุกวัน มันบั่นทอนสุขภาพจิตนะ พวกเราอยากจะได้กฎหมายมาปกป้องสิทธิ์ของเราบ้าง …
-
คุณแม่ขอลางานเพราะลูกชายป่วยหนัก แต่หัวหน้ากลับบอกให้เธอ “ลาออก” ไปเสีย!
ในความคิดของคุณ ความเห็นอกเห็นใจ เป็นสิ่งที่หัวหน้างานและลูกน้องควรมีให้กันหรือไม่? เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2018 ที่ผ่านมาได้เกิดเรื่องราวแสนดราม่าขึ้นบนโลกออนไลน์ เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งนามว่า Crystal Reynolds Fisher โพสต์เล่าเรื่องราวสุดเลวร้ายของเธอลงบนเฟซบุ๊ก เธอโพสต์เล่าว่า “ลูกชายของฉันป่วยและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด ฉันเลยบอกหัวหน้า 48 ชั่วโมงก่อนฉันจะเข้าไปทำงาน บอกว่าฉันจะไม่สามารถเข้ามาทำงานได้จนกว่าลูกชายของฉันจะอยู่ได้ด้วยตัวเอง แต่แล้วดูหัวหน้าตอบฉันมาสิ” Crystal Reynolds Fisher และลูกชายวัย 18 ปีของเธอ ที่ปัจจุบันกำลังป่วยหนักอยู่ เมื่อเธอขออนุญาตลางานกับหัวหน้าของเธอไปเนื่องด้วยอาการป่วยของลูกชาย เรามาดูกันดีกว่าว่า “หัวหน้างาน” ของเธอ ตอบเธอว่าอะไรบ้าง… Crystal: สวัสดี Dawn ฉัน Crystal เองนะ ฉันอยากจะบอกว่าลูกชายของฉันต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ หากเขายังไม่มีอาการที่ดีขึ้น ฉันคงไปทำงานไม่ได้ ฉันจะรีบบอกคุณทันทีหากเขามีอาการดีขึ้น ฉันจะได้ไปทำงานได้อย่างไม่ขัดข้อง Dawn: นั่นไม่ใช่สิ่งที่เราทำกันนะ Crystal ฉันจะถือว่าเธอลาออกก็แล้วกัน Crystal: แล้วสิ่งที่เราทำกันคืออะไรล่ะ ยามที่ลูกของฉันป่วยรุนแรงแบบนี้? ฉันยังไม่ได้บอกว่าจะลาออก…
-
การ์ตูนคูลๆ ที่ทำให้เห็นว่า “เจ้านาย (Boss) VS หัวหน้า (Leader)” มันต่างกันอย่างไร!?
ทุกวันนี้ในโลกของการทำงาน บุคคลสำคัญที่เราหลีกเลี่ยงที่ไม่ได้ก็คือ หัวหน้างานหรือเจ้านาย นั่นเอง แค่พูดคำว่า “หัวหน้า” หรือ “เจ้านาย” ออกมาหลายคนก็ถึงกับขนลุกซู่ แต่ไม่ว่าคุณจะรู้สึกอย่างไร คำสองคำนี้มีความแตกต่างกันอยู่ โดยคำว่า เจ้านาย (Boss) นั้นว่ากันตามตรงมักใช้ในเชิงลบ ความหมายก็คือผู้ที่ใช้อำนาจควบคุมทุกคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชา แต่คำว่า หัวหน้า (Leader) นั้นจะหมายถึงผู้ที่เข้าใจในผลประโยชน์ของการกระตุ้นให้พนักงานเกิดความสามัคคีแข็งขัน และทำงานจนบรรลุผลสำเร็จ อ่านข้อความอาจเข้าใจได้ยาก วันนี้เราจึงขอนำภาพการ์ตูนสุดเจ๋งจาก yukbisnis.com ที่วาดขึ้นเพื่ออธิบายความแตกต่างระหว่าง “หัวหน้า VS เจ้านาย” ได้เข้าใจง่ายสุดๆ แถมน่ารักอีกด้วย เราไปชมพร้อมกันเลยดีกว่า… เจ้านาย (Boss) จะเอาแต่ผลประโยชน์ให้ตัวเอง แต่ หัวหน้า (Leader) จะคอยส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพของลูกทีมให้ทำงานได้ดีขึ้น เจ้านาย (Boss) มักจะดุด่าว่ากล่าวหากผิดพลาด แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะสอนและหาทางแก้ไข เจ้านาย (Boss) มักออกคำสั่ง เช่น “ไปทำให้สำเร็จ!” แต่ หัวหน้า (Leader) มักจะชักชวนหรือกระตุ้น เช่น “เรามาทำให้สำเร็จกันเถอะ!”…
-
หืมม!? โพลออกมาว่า สาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เคย “ซั่ม” กับพนักงานหนุ่มในที่ทำงานเดียวกัน!!
ในบรรยากาศของการทำงานที่หนักหนาและเคร่งเครียด มันอาจทำให้คุณเหงา เคว้งคว้าง และไร้ที่พึ่ง ยิ่งในสำนักงานของประเทศญี่ปุ่นที่ได้ชื่อเรื่องความเคร่งด้วยแล้ว พนักงานก็อาจขาดความอบอุ่นได้เป็นเรื่องธรรมดา ด้วยเหตุนี้ จากสถิติจึงพบว่า หญิงสาวชาวญี่ปุ่นจำนวนมากหลงใหลในความอบอุ่นของอ้อมแขนเพื่อนร่วมงานต่างเพศ ซึ่งจากการสำรวจล่าสุดก็ยังคงพบว่า พนักงานหญิงและชายที่มีสัมพันธ์สวาทต่อกันนั้นเป็นเรื่องปกติ มีการทำโพลจาก Aikatu เว็บไซต์สำหรับหญิงสาววัย 20-30 ปีขึ้นไป ถามผู้ใช้งานเว็บไซต์ของตนเองว่า “มีความสัมพันธ์ทางกายกับเพื่อนร่วมงาน” บ่อยแค่ไหน? คำตอบที่ได้คือ จากผู้ใช้ 1,162 คนที่ตอบเข้ามา มากกว่า 3 ใน 4 ตอบว่า เคยหลับนอนกับเพื่อนร่วมงาน ผู้ตอบแบบสำรวจ 45.5 เปอร์เซ็นต์ เผยว่า ไม่ได้มีเซ็กส์กันกับเพื่อนร่วมงานเพศชายเพียงเท่านั้น บางทียังทำกับคนที่ไม่ได้รู้สึกรักใคร่อีกด้วย ส่วนอีก 32.2 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า พวกเขามีการล้ำเส้นหลังจากที่มีเพศสัมพันธ์กันแล้วกลายเป็นความรักใคร่เกิดขึ้น แต่อีก 22.3 เปอร์เซ็นต์ บอกว่า การมีเซ็กส์ที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของการงานเลย แต่ก็ไม่อาจพูดได้ว่าสถานที่ทำงานของประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นแหล่งนัดแลกเซ็กส์หรือว่าอะไรก็ตามที่เป็นทำนองเดียวกัน แต่นั่นเป็นเพราะว่าสังคมการทำงานที่จริงจังและเคร่งครัดของญี่ปุ่นทำให้ผู้คนมีเวลาพบปะและสานสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ค่อนข้างน้อย ดังนั้น ตราบใดเท่าที่ผลงานในที่ทำงานยังคงดี เรื่องความรักที่เกิดขึ้นหากจัดการอย่างรอบคอบแล้วก็ไม่ได้เป็นผลเสียในมุมมองของบริษัท อีกอย่างคือในวัยทำงานสำหรับชาวญี่ปุ่นก็คือวัยที่สามารถรับผิดชอบตัวเองได้…
-
สาวเอเชียถูกเหยียด “ชอบกินหมาแมวใช่ไหม?” ได้รับเงินชดใช้เกือบ 3 แสนบาท!!
เชื่อว่าหลายคนอาจไม่เข้าใจว่าการกระทำหรือคำพูดแบบใดบ้างถึงจะเรียกว่าเป็นการ “เหยียด” คนอื่น ฉะนั้น มันก็อาจมีบ้างทีที่เราจะพูดอะไรออกไปแล้วไปเหยียดคนอื่นเข้าโดยไม่ได้เจตนา ขณะเดียวกันก็มีคนที่ตั้งใจจะพูดเหยียดคนอื่นจริงๆ คนที่ชอบเหยียดคนอื่น ซึ่งทำให้ผู้อื่นต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ก็สมควรจะชดใช้ในสิ่งที่เขากระทำลงไป อย่างเช่นเหตุการณ์ต่อไปนี้… หญิงสาวชาวเอเชียที่เข้าไปทำงานยังบริษัทบัญชีแห่งหนึ่งในไอร์แลนด์ เมื่อราวๆ เดือนกรกฎาคม 2017 เพียงเดือนแรกที่เธอเข้าทำงาน เพื่อนร่วมงานเพศชายก็เข้ามาถามด้วยความเหยียดว่า “ผมได้ยินมาว่าแมวและหมาเป็นอาหารจานหลักของชาวเอเชียนี่ คุณชอบทานมันใช่ไหม?” คำถามนั้นทำให้หญิงสาวเสียความรู้สึกอย่างมาก เธอไปรายงานกับผู้จัดการด้วยน้ำตา จากนั้นผู้จัดการจึงรับปากว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้ โดยการทำให้ชายที่เหยียดเธอต้องออกมาขอโทษ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน หญิงสาวคนนี้ก็ลาออกจากตำแหน่งงานเดิม และก็ได้ยอมรับคำขอโทษของเพื่อนร่วมงานที่เคยพูดจาเหยียดเธอ แต่เรื่องราวกลับใหญ่โตไปถึงองค์กร Workplace Relations Commission (WRC) ที่ขอให้บริษัทชดใช้ให้เธอเป็นจำนวนเงินราว 296,000 บาท ขณะในระหว่างการสอบสวน ทางองค์กรก็ทราบมาอีกว่า เพื่อนร่วมงานชายคนดังกล่าวยังมีพฤติกรรมเหยียดแบบอื่นอีก เขาได้แอบถ่ายรูปของสาวเอเชียคนนี้และส่งไปให้เพื่อนของเขาดู แถมเธอยังบอกว่า บางครั้งแอบเห็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเรียกเธอว่า “แม่สาวร่องสวย” นอกจากนี้ ชายคนเดิมยังมีพฤติกรรมเหยียดอื่นๆ อีกมากมาย เช่น พูดว่า “ผมคงจะได้หญิงสักคนในคืนที่คุณไปเที่ยว เพราะที่ที่คุณไปผมก็จะไปด้วยเหมือนกัน”…
-
ลูกค้าเดือดเถียงพนักงานไฟแล่บ ดูแววท่าจะแพ้ ‘ล้างลำไส้’ กลางร้าน ปาอาวุธชีวภาพใส่!!
บ่อยครั้งภายในร้านค้าหรือร้านอาหารต้องให้บริการลูกค้ามากหน้าหลายตา อารมณ์ของลูกค้าแต่ละคนก็มีขีดจำกัดไม่เท่ากัน ยิ่งเป็นในต่างประเทศ หากเกิดความไม่พอใจ อาจมีการต่อว่าตำหนิอย่างรุนแรงตามมา… เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นที่ประเทศแคนาดา ภายในร้านอาหาร Tim Hortons เป็นการฉะหน้ากันระหว่างลูกค้าขี้โมโหกับพนักงานแคชเชียร์หน้าร้าน ซึ่งโดยเบื้องต้นแล้วยังไม่ทราบถึงสาเหตุของการปะทะครั้งนี้ แต่ภาพเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ได้ กลายมาเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง หลังจากที่ลูกค้ารายนี้ชี้หน้าด่าพนักงานด้วยความไม่พอ แถมดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอม และตัวเองกำลังจะแพ้… เถียงยังไม่ทันขาดคำ เธอตัดสินใจล้างลำไส้ตัวเอง ถกกางเกงลงกลางร้านพร้อมดำเนินการ ‘ล้างลำไส้’ ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว อาวุธชีวภาพที่ซ่อนอยู่ภายในร่างกายของเธอ ถูกคว้าขึ้นมาจากพื้นและปาใส่หน้าพนักงานทันที!! ก่อนที่จะคว้ากระดาษเช็ดมือมาเช็ดทำความสะอาดสิ่งสกปรก และปาใส่พนักงานซ้ำอีกรอบ ภายหลังจากเกิดเรื่องไปแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก Royal Canadian Mounted Police ที่รับผิดชอบในท้องที่ ยืนยันว่าได้ทำการจับกุมและปล่อยตัวลูกค้าคนดังกล่าวไปเป็นการชั่วคราวแล้ว เพราะต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดเพื่อพิจารณาการตั้งข้อหาเสียก่อน คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในร้าน สำหรับประเทศแคนาดา หากประชาชนกระทำอนาจารในที่สาธารณะ ด้วยเหตุจงใจเหยียดหยามหรือรุกรานผู้อื่น อาจถูกตัดสินมีความผิดตามข้อกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ที่มา: barstoolsports, dailymail
-
ชาวเน็ตจวกยับ..พนักงานเซเว่น ยืนเหยียบลังใส่อาหาร / นั่งกินข้าวกลางร้านขวางทางเดิน!!
กำลังกลายเป็นประเด็นทวิตเตอร์อยู่ ณ ขณะนี้เลยทีเดียว หลังผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อว่า Plaizlupang ได้โพสต์ภาพของพนักงานเซเว่น ไม่ระบุสาขา ที่ยืนบนลังใส่ของซึ่งอาจจะดูไม่เหมาะ พร้อมกับเอาอาหารมานั่งทานกันกลางร้านโดยไม่แคร์สายตาลูกค้าเลยแม้แต่น้อย โพสต์ดังกล่าวใช้แคปชั่นว่า “ขอโทษนะคะ คือพนักงานเซเว่นนี่เค้าไม่มีอบรมพนักงานหน่อยหรอคะ ยืนบนที่ใส่อาหาร แล้วมาตั้งโต๊ะกินข้าวแบบนี้ในเซเว่นได้เลยหรอ? คนชุดแดงนี่คือพนักงานนะคะ ทราบว่าเป็น พนง เพราะว่ามาใช้สาขานี้ประจำ จำหน้าได้ แล้วสาขานี้หลายรอบแล้ว ตะโกนคุยกันหยาบคายข้ามหัวลูกค้า #รีวิวเซเว่น” โพสต์นี้ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมากจนมีคนเข้ามากดไลก์กว่า 3,107 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 45,417 ครั้งเลยทีเดียว . จากที่ดูแล้วเรื่องนี้ชาวเน็ตพูดกันไว้ 2 ประเด็นด้วยกัน 1.เรื่องแรกคือการยืนบนกล่อง ซึ่งจากการสอบถามไปยังร้านค้าดังกล่าว พบว่าจริงๆ แล้วมันอาจจะยืนได้ แต่ทางด้านเจ้าของโพสต์ก็มองว่ามันไม่ควรเพราะลังเหล่านี้เป็นลังที่เอาไว้ใส่อาหารต่างๆ อีกด้วย 2.นั่งตั้งวงกินข้าวกลางร้าน ส่วนในประเด็นที่สองคือพนักงานนั่งทานอาหารกันกลางร้าน แบบไม่เกรงใจผู้อื่นเลย ทำให้เกิดการกีดขวางการเลือกซื้อของเป็นอย่างมาก ซึ่งประเด็นที่สองนี้ชาวเน็ตหลายคนให้ความสำคัญมากกว่าเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ควร ล่าสุดทางด้านคุณ @Plaizlupang ได้ทำการแจ้งไปยัง Cp All เรียบร้อยแล้วถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากมีความคืบหน้าอะไร…
-
พนง. โดนขู่หาคนมาแทน เหตุจะไปดูแลเมียป่วย เซย์โนแคร์เพราะ ‘ไม่มีใครแทนที่เมียได้’
เรื่องของการดูแลคู่ชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ แม้ว่าหน้าที่การงานจะต้องมาก่อนเสมอ แต่มองในอีกมุมหนึ่งแล้วคนที่คอยอยู่เคียงข้างนั้นจะอยู่สนับสนุนและกำลังใจในชีวิต ที่ใครก็ไม่อาจแทนที่ได้… และเป็นที่รู้กันว่าสภาพของสังคมการทำงานในญี่ปุ่น เหล่าพนักงานออฟฟิศ มนุษย์เงินเดือนฝ่ายชายส่วนใหญ่ จะต้องทำงานแบบถวายหัว จะมองงานมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยที่ทิ้งความรู้สึกของคนในครอบครัวเป็นอันดับรอง แต่ทุกครั้งที่เกิดเรื่องสำคัญกับคนในครอบครัว มนุษย์เงินเดือนจะแปรเปลี่ยนไปได้หรือไม่? และเรื่องเล่าจาก @Rakshasa_JP ชาวเน็ตญี่ปุ่น ที่ได้แชร์เรื่องราวสามีของเพื่อนตนเองว่า เหล่ามนุษย์ออฟฟิศญี่ปุ่นไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปหรอก เขาเล่าว่า วันหนึ่งฝ่ายสามีได้พูดคุยกับผู้จัดการว่า ‘ภรรยาของผมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ เพราะฉะนั้นผมขอกลับบ้านก่อนเวลานะครับ’ ก็เพื่อที่จะได้ไปดูแลภรรยาที่กำลังนอนป่วยอยู่บ้าน แต่ทว่าฝั่งผู้จัดการไม่เห็นด้วยกับเหตุผลที่กล่าวมา พร้อมตอบกลับด้วยความโมโห ‘รู้มั้ยว่า… เราหาคนมาแทนที่แกได้ง่ายมากเลยนะ’ เป็นการพูดในเชิงว่าจะไล่เขาออก ด้วยบทสนทนาที่ดูรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝ่ายสามีจึงตอบไป ‘เมียของผมจะหาใครมาแทนไม่ได้ทั้งนั้น ไอ้งั่ง’ ด้วยประโยคคำขาดเขาก็กลับบ้านไปทำหน้าที่สามีดูแลภรรยา และคิดว่างานในบริษัทครั้งนี้คงจบสิ้นแล้ว… ในตอนจบที่แท้จริง คุณ @Rakshasa_JP ได้เผยว่า ฝ่ายสามีไม่ถูกไล่ออก แต่กลับกันคือผู้จัดการคนดังกล่าวตกงานไปเรียบร้อย โดยที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดว่า ทางบริษัทไล่ผู้จัดการออกด้วยเหตุผลอะไร อาจจะเพราะการใช้อำนาจโดยมิชอบ (ซึ่งที่ญี่ปุ่นกำลังตื่นตัวเรื่องมาตรการในการจัดการกับการคุกคามทางเพศ (Sexual Harassment) และการใช้อำนาจในทางมิชอบ (Power Harassment) ในที่ทำงานอยู่) หรือประสิทธิภาพในการทำงานของตัวผู้จัดการเอง แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม…
-
พนักงานสาวพูดแค่ว่า “ไม่รู้ว่าคุณพูดอะไรอยู่” โจรก็ถึงกับงง หยุดปล้นและเดินออกจากร้านไป
การปล้นนั้นแท้จริงแล้วต้องใช้ความกล้ามากกว่าที่คิด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่โจรบางคนที่ใจไม่นิ่งพอ ทำพลาดในการปล้นร้านค้าอยู่บ่อยๆ บางครั้งก็กลับตัวกลับใจล้มเลิกการปล้น และบางครั้งก็เผลอสร้างช่องโหว่ จนทำให้การปล้นนั้นพังไม่เป็นท่า… เรื่องราวในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อนาย Itsuo Kushida วัย 64 ปี ได้พกพาอาวุธมีดเดินเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ในบริเวณแขวง Edogawa กรุงโตเกียว ซึ่งในขณะนั้น ที่ส่วนหน้าของร้านมีพนักงานสาววัย 24 ปี ประจำอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น Kushida เดินไปยังแคชเชียร์ที่หญิงสาวประจำอยู่ ชี้มีดในมือใส่และบอกเธอด้วยความตื่นเต้นว่า “ส่งเงินมา 30,000 เยน (9,000 บาท)” แม้ว่าจะเป็นการลั่นเปิดฉากปล้นที่สั้นและห้วนไปบ้าง แต่ก็ยังคงไว้ด้วยเจตนาที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม การที่เขาใส่จำนวนเงินที่ต้องการลงไปเลยนั้น ทำให้การกระทำของเขานั้นเหมือนสั่งกดเงินกับตู้ ATM อัตโนมัติ ก็คงมีผิดนัก… แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม การปฎิบัติตัวของเขานั้นแปลกเกินไป (เพราะมีการระบุจำนวนเงินในการปล้น) จนทำให้พนักงานหญิงเข้าใจผิดว่า นาย Kushida นั้นกำลังทำการแกล้งเธอขำๆ อยู่เท่านั้น… แทนที่จะส่งเงินให้ เธอจึงตอบเขากลับไปว่า “知らないです” (Shiranai desu)…
-
คู่รักหนุ่มสาวโดนแบนจากโรงแรมหรู เนื่องจากใช้ ‘โปรฯ ลดราคา’ เข้าพักบ่อยเกิน…
โรงแรมหรูระดับ 4 หรือ 5 ดาวย่อมต้องเป็นที่ดึงดูดใจผู้คน ใครก็ต้องอยากเข้าพักโรงแรมที่มีระดับสูง เนื่องจากสามารถมั่นใจได้ถึงการบริการ ความสะดวกสบาย และความสวยงามหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อโรงแรมเหล่านั้นมีการลดราคา อย่างเช่นคู่รักหนุ่มสาววัยรุ่นคู่นี้ หนุ่ม Luke Donovan วัย 19 ปีและสาว Taylor Perkins วัย 18 ปี ที่ได้เข้าพักในโรงแรมหรูระดับ 4 ดาว Royal Hotel ใจกลางกรุงคาร์ดิฟฟ์ ประเทศเวลส์ ด้วยโปรโมชันลดหลายต่อหลายครั้ง จนทำให้ผู้จัดการของโรงแรมต้องออกมาพบพวกเขา คู่รักบอกว่า ผู้จัดการได้สั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเข้ามาพักที่โรงแรมแห่งนี้อีก หลังจากที่พวกเขาได้ก่อ “ความรำคาญ” ให้กับพนักงาน ทั้งคู่เริ่มเข้าไปพักที่โรงแรมดังกล่าวเมื่อปี 2017 แต่ปัญหาได้เกิดขึ้นในการเข้าพักเที่ยวสุดท้ายของพวกเขาในเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่พวกเขาได้แจ้งกับโรงแรมถึงปัญหาประตูห้องที่ล็อกไม่สนิทและน้ำที่ใช้อาบน้ำนั้นเย็นจนเกินไป Luke บอกว่า “ผมเข้าไปแจ้งกับผู้จัดการในเช้าวันรุ่งขึ้น และเขาก็ได้บอกผมว่า ผมและแฟนได้ประโยชน์จากโรงแรมมากเกินไปแล้ว และพวกเราก็เริ่มสร้างความรำคาญให้กับพนักงานในโรงแรมแล้วด้วย แถมผู้จัดการยังบ่นเรื่องที่ผมจองห้องผ่านเว็บไซต์ booking.com ที่ทำให้เขาได้เงินลดลงอีก” Luke ยังกล่าวอีกว่าผู้จัดการเสนอเงินคืนให้กับเขาและแฟนสาวราว 2,000 บาทพร้อมกับบอกว่า…
-
หนุ่มผิวสีถูกร้านกักตัว กล่าวหาว่าขโมยเสื้อกันหนาว แม้บริสุทธิ์แต่ไม่มีคำขอโทษสักคำ!?
ในปัจจุบัน คนบางกลุ่มยังคงยึดถือในเรื่องของความแตกต่าง มองว่าตนเองอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเพียงเพราะเรื่องของเชื้อชาติหรือสีผิว ทำให้เกิดการเหยียดคนที่เป็นเชื้อชาติอื่นๆ เหมือนอย่างเหตุการณ์ที่ชายคนนี้ต้องเจอเพียงเพราะว่าเขาเป็นคนผิวดำ เขาคนนี้มีชื่อว่า James Conley III วัย 29 ปี หนุ่มผิวสีที่เป็นลูกค้าประจำของแบรนด์เสื้อผ้า Old Navy แต่วันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับการโดนดูถูกจากร้านเสื้อผ้าที่ตนเองชื่นชอบ James ได้โพสต์สิ่งที่เกิดขึ้นลงในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2018 เรื่องราวมีอยู่ว่าในวันนั้น เขาได้เข้าไปเลือกซื้อเสื้อผ้าของร้าน Old Navy สาขาหนึ่ง ที่ตั้งอยู่ในศูนย์การค้า Jordan Creek รัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา ซึ่งในตอนนั้นเขาก็ใส่เสื้อแบรนด์เดียวกันไปด้วย โพสต์ของเขาที่พูดถึงการโดนเหยียดสีผิว จากนั้นเขาก็ถูกผู้จัดการร้านที่ชื่อ Beau Carter เรียกตัวไป เพื่อจะตรวจสอบเสื้อหนาวสีน้ำเงินตัวที่เขาใส่อยู่ เพราะเกิดการตั้งข้อสงสัยว่าเขาได้ขโมยเสื้อตัวนี้ไปหรือเปล่า ทั้งๆ ที่จริงเสื้อตัวนี้ James ได้มาเป็นของขวัญวันคริสต์มาสในปีที่ผ่านมานี่เอง James (คนซ้าย) ถูกผู้จัดการร้านเรียกไปตรวจสอบว่าเสื้อที่เขาใส่คือตัวของทางร้านหรือเปล่า ผู้จัดการร้านชี้แจงกับเขาว่า “เวลาที่มีลูกค้าใส่เสื้อของ Old Navy เดินเข้ามาในร้าน…
-
ร้านสะดวกซื้อในจังหวัดกิฟุประเทศญี่ปุ่น เปิดบริการโดยไม่มีพนักงานแม้แต่คนเดียว
“สวัสดีครับ เชิญครับ” หรือ “สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” นั้นเป็นคำทักทายที่เราได้ยินจนติดหูเมื่อเราเข้าไปใช้บริการในร้านสะดวกซื้อ พนักงานในร้านมักจะทักทายเราแบบนี้เสมอๆ เพื่อเป็นการบ่งบอกว่าเหล่าพนักงานนั้นยินดีตอนรับและพร้อมบริการลูกค้าอย่างเต็มที่ ร้านสะดวกซื้อนั้นคงอยู่ไม่ได้หากไม่มีสินค้าวางขาย และก็อยู่ไม่ได้เช่นกันหากว่า “ไม่มีพนักงาน” คอยดูแลร้านแม้แต่คนเดียว แต่เชื่อไหมล่ะว่ามันกลับมีร้านแบบนี้อยู่จริงๆ ในจังหวัดกิฟุ ของประเทศญี่ปุ่น ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งและเพื่อนๆ กำลังเดินทางไปยังเมืองคะคะมิกะฮะระ ในจังหวัดกิฟุ นั้นเอง พวกเขารู้สึกว่าอยากจะซื้อบุหรี่ และบังเอิญหันไปเห็นร้านค้าสะดวกซื้อแบรนด์ดังของญี่ปุ่น Lawson พวกเขาจึงไม่รอช้าที่จะเข้าไปซื้อบุหรี่ เมื่อเข้าไปแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกเขาอึ้งก็คือ ชั้นวางสินค้าที่ว่างเปล่า แทบไม่เหลืออะไรเลยนอกจาก เครื่องดื่มที่กระจัดกระจาย หมากฝรั่ง แล้วก็ของต่างๆ สำหรับใช้ในห้องน้ำ นอกจากนี้ห้องน้ำของร้านแห่งนั้นยังแปะป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า “ปิดให้ใช้บริการ: ไม่สามารถใช้ได้ทั้งห้องน้ำผู้หญิงและผู้ชาย” พวกเขาจึงพยายามเรียกพนักงานอยู่หลายครั้ง แต่ไม่มีใครออกมา ไม่ได้ยินแม้เสียงของผู้คนที่ทำงานอยู่หลังร้าน จึงสรุปได้ว่า ที่ร้าน Lawson แห่งนี้ “ว่างเปล่า” ไม่มีใครอยู่ มีแต่ประตูที่ไม่ได้ล็อค และไฟที่เปิดไว้ตลอด 24 ชั่วโมง แต่หากดูจากเว็บไซต์ของ Lawson ร้านนี้ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน 10,000 สาขาที่ยังเปิดตัวอยู่…
-
กราบใจเจ้านาย… ยังคงจ่ายเงินลูกน้องรุ่นแรกทุกเดือน แม้ว่าเขาจะขอลาออกไปแล้วก็ตาม
ด้วยยุคสมัยในสังคมปัจจุบัน ที่เพียงแค่ก้าวขาออกจากบ้านก็อาจจะเสียเงินได้แล้ว ทำให้คนส่วนใหญ่จึงต้องทำงานเพื่อแลกกับเงินเอาไว้อยู่ไว้กิน ซึ่งถ้าหากไม่มีงานก็ย่อมไม่มีเงินเอาไว้ใช้สอยเป็นธรรมดา แต่เรื่องนี้อาจจะใช้ไม่ได้กับชายคนหนึ่ง ที่อาจจะเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะถึงแม้จะลาออกจากการเป็นพนักงานแล้ว แต่เจ้านายก็ยังจ่ายเงินเดือนเหมือนกับสมัยที่ยังทำงานอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง!! โดยเรื่องราวอันน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นกับนาย Tang Jianguo พนักงานขับรถบัสของบริษัทเดินรถแห่งหนึ่งทางตะวันออกของประเทศจีน โดยจุดเริ่มต้นของการได้รับเงินเดือนแม้ไม่ต้องทำงานที่ว่านี้ เริ่มมาจากเมื่อ 5 ปีก่อนที่เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเกี่ยวกับไตอย่างรุนแรง ซึ่งตัวเขาเกรงว่าจะไม่สามารถทำงานได้เหมือนแต่ก่อน และไม่อยากให้เป็นภาระของทางบริษัท จึงตัดสินใจลาออกเพื่อไปพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้เจ้านายใจดีของเขา ตัดสินใจจ่ายเงินเดือนให้กับเขาดังเดิม แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำงานแม้แต่ชั่วโมงเดียวก็ตาม เพราะเจ้านายคนนี้รู้ดีว่า การรักษาอาการของโรคนั้นจะต้องมีค่าใช้จ่ายไม่น้อย และ Tang ก็คงไม่สามารถไปทำงานที่อื่นได้อีกต่อไป เขาจึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพื่อให้ลูกน้องของเขาคนนี้สามารถมีชีวิตอยู่รอดในสังคมนี้ต่อไปได้ ตามการรายงานจากสื่อ China Press ระบุว่าชายสกุล Tang วัย 49 ปี นั้นเป็นพนักงานรุ่นบุกเบิกของบริษัทเอเจนซี่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองฉางโจว มลฑลเจียงซู ประเทศจีน ในตอนที่เขาเข้าร่วมนั้นบริษัทแห่งนี้มีอายุเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น และ Tang ก็ได้ทำงานให้กับบริษัทนี้ในตำแหน่งคนขับรถ ตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา ทว่าก็เกิดโชคร้ายขึ้นกับเขาในปี 2012 เมื่อเขาได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นภาวะ Uremia (อาการเป็นพิษในเลือด) จึงทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกว่า 3…
-
หอการค้าญี่ปุ่นเผย กว่า 60% ของบริษัทขนาดเล็ก-กลาง ประสบภาวะขาดคนทำงานอย่างหนัก
การมองหางานในประเทศญี่ปุ่นถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับชาวต่างชาติ เพราะความแตกต่างของวัฒนธรรมและภาษาที่ใช้ อีกทั้งบริษัทต่างๆ ก็ได้ตั้งมาตรฐานสำหรับพวกเขาเอาไว้สูงมาก แต่ตอนนี้พวกเขาอาจต้องนำเรื่องนี้มาแก้ไขกันใหม่ เมื่อผลสำรวจออกมาว่าบริษัทจำนวนมากในประเทศกำลังขาดแคลนคนทำงานอย่างหนัก จากการศึกษาของฝ่าย หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งประเทศญี่ปุ่น (หรือเรียกว่า JCCI) บอกว่า กว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของบริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางของประเทศกำลังประสบปัญหาขาดแคลนพนักงานอย่างหนัก Akio Mimura ประธานฝ่ายดังกล่าวได้เสนอให้รัฐบาลลดมาตรฐานการรับคนต่างชาติเข้าทำงาน เพราะการรับสมัครแต่ชาวต่างชาติที่มีทักษะสูงและเข้มงวด แถมยังต้องมีทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นที่ดีเยี่ยม ทั้งหมดนั้นทำให้เกิดสภาวะขาดแคลนคนทำงานแบบนี้มากขึ้น Akio จึงได้แนะนำให้รัฐบาลดึงชาวต่างชาติที่ไม่มีหรือมีทักษะการทำงานต่ำเข้ามาทำในส่วนของอุตสาหกรรมก่อสร้างและการขนส่งคมนาคม เพื่อลดช่องว่างของปัญหานี้ให้เล็กลง นายกรัฐมนตรีของประเทศ Shizo Abe ก็ตั้งใจว่าจะลดมาตรฐานในการรับชาวต่างชาติเข้ามาทำงานลง และเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะทำลายความเป็นอยู่ของประชาชนหรือการบริหารประเทศแต่อย่างใด ขณะเดียวกันชาวเน็ตญี่ปุ่นกลับคิดว่าปัญหาขาดแคลนคนทำงานเกิดจากเงินเดือนที่น้อยนิดมากกว่าเรื่องของชาวต่างชาติ “ผลลัพธ์จะออกมาดีกว่านี้ถ้าหากมีการขึ้นเงินเดือนให้” “การแก้ปัญหาแบบนั้นก็เหมือนกับเรานำเข้าทาสชาวต่างชาติที่สามารถทนรับเงินเดือนอันน้อยนิดได้” “นี่ก็เพราะไม่มีการขึ้นค่าแรงให้กันบ้างเลย ช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ทีเถอะ” “บริษัทเล็กและกลางจ่ายเงินเดือนให้น้อยมากๆ จึงไม่แปลกที่จะหาคนเข้ามาทำงานไม่ได้” “ทุกคนเข้าใจมั้ย? พวกเขาก็แค่อยากได้ทาสเข้ามาเท่านั้นเอง!” ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นก็อาจเป็นได้จากทั้งสองเหตุผล แต่นี่ก็อาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับชาวต่างชาติผู้ต้องการเข้าไปทำงานในประเทศนี้ก็ได้ ที่มา: rocketnews24
-
20 ภาพความตั้งใจของพนักงานทั้งหลาย เชิญรับรางวัลพนักงานดีเด่นประจำปีไปเล๊ยยย!!
การทำงานด้วยความเต็มที่และตั้งใจเป็นสิ่งที่ดีและน่ายกย่อง แต่ในบางครั้งถ้าทุ่มเทให้กับงานมากจนเกินไปก็อาจเกิดความเบลอ หรือมึนงงจนกลายเป็นความมผิดพลาดที่ไม่น่าเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับพวกเขาเหล่านี้ นี่คือภาพผลงานของคนที่หักโหมให้กับการทำงานมากจนเกินไป จนแสดงออกมาให้เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาพยายามกันมากขนาดไหน เห็นแล้วก็อยากมอบรางวัลพนักงานดีเด่นประจำปีให้เลยจริงๆ เราไปดูผลงานของพวกเขากันเลย สงสัยที่หนีบเล็กไปจนมองไม่เห็น เขาก็เลยเอาเทปกาวมาติดไว้ให้แทน รับรู้ได้ถึงความเอาใจใส่ กลัวเราไม่รู้ว่าขนมปังจะหมดอายุวันไหน นี่ก็คงเป็นฝีมือของพนักงานคนเดียวกันกับขนมปังเมื่อกี้สินะ วันหมดอายุของกระป๋องนี้ดูแปลกๆ ไม่รู้หมดวันไหน แต่รูปร่างคุ้นๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ใช่สีเทียน 64 สี แต่เป็นสีส้ม 64 แท่ง จากที่นอนคิดมาสามวัน ผมว่ามันน่าจะสะกดเป็น Shift มากกว่านะ อันนี้ไม่น่าเรียกว่าเบลอ แต่อาจจะละเมอมาทำงานหรือเปล่า เป็นรั้วที่ทำให้เจ้าของบ้านรู้สึกปลอดภัยมากกว่าเดิมเยอะเลย จุดประสงค์ชัดเจน “ร้านนี้ให้บริการกับสัตว์เท่านั้น” มนุษย์ไม่ต้องแหยมเข้ามานะ ทิ้งภาพเอาไว้ซะกลัวว่าจะมีเหล็กในหลงเหลืออยู่เลย ก็ถ้าเป็นเหรียญบาทบ้านเรา เหรียญนี้ก็มีค่า .50 ขนาดตรงปกยังผิด แล้วเราจะรอดมั้ยละเนี่ยยย สงสัยพนักงานคนนี้คงไม่เคยกิน M&M มาก่อน สงสัยพนักงานคนนี้อาจยังใช้ภาษาอังกฤษได้ไม่คล่องเท่าไหร่ …
-
แบบนี้ก็ได้!? พนักงานซุปเปอร์มาร์เก็ตถูกไล่ออก หลังจากที่เขาทำงานหนักและมาเช้าจนเกินไป…
ว่ากันว่าคนที่ทำงานพนักและทำอย่างตั้งใจมักจะเป็นที่รักขององค์กรเสมอนั้น ดูท่าจะเป็นนิยามที่ดูจะไม่ค่อยจริงสำหรับเรื่องราวในครั้งนี้สักเท่าไหร่ เพราะพนักงานคนนี้ดันถูกไล่ออกจากงานเพราะตั้งใจทำงานมากเกินเนี่ยสิ งงไหม Jean P. ผู้จัดการของซุปเปอร์มาร์เก็ต Lidl ในสเปนได้ถูกเจ้านายไล่ออกหลังจากทำมานานถึง 12 ปี ด้วยเหตุผลที่ว่า เขานั้นตั้งใจทำงานหนักและมาเข้างานเช้าจนเกินไป และเมื่อเรื่องนี้เผยแพร่ออกไปก็กลายเป็นที่พูดถึงกันยกใหญ่เลยทีเดียว โดยเขาจะเป็นคนที่มาเข้างานก่อนปกติราวๆ 1 ชั่วโมงเพื่อเช็คชั้นสินค้า เช็คความเรียบร้อยเพื่อให้แน่ใจว่าสินค้าพร้อมที่จะเปิดขายแล้วจริงๆ แต่ว่าทางหัวหน้าใหญ่ก็บอกว่าการทำแบบนี้มันเป็นการล่วงระเมิดกฎของบริษัท เพราะเขามักจะมาก่อนและทำอะไรคนเดียวลับๆ ซึ่งตัวหัวหน้ามองว่าการทำแบบนี้ยังไงก็ผิดเพราะถือเป็นการทำงานล่วงเวลาที่บริษัทไม่ได้จ่ายนั่นเอง และเมื่อเรื่องนี้มันไปถึงชั้นศาล ก็มีการฟ้องกันยกใหญ่ แต่ทางศาลก็ได้ยกขึ้นมาว่าทาง Lidl นั้นยอมรับว่าพวกเขาไม่เคยบอกกับ Jean ว่าห้ามมาทำงานก่อนเวลาเลย ฉะนั้นการมาทำงานก่อนของเขาจึงไม่มีข้อผิดพลาดอะไร ด้านนาย Jean ก็ยังบอกอีกว่า การมาทำงานล่วงเวลาของเขาไม่ได้รับค่าตอบแทนอะไรจากบริษัทหรือหาเงินจากช่องโหว่ของกฎเลยด้วยซ้ำ เขาแค่ต้องการให้ร้านค้าของเขาเปิดบริการได้อย่างปกติเท่านั้น นอกจากนั้นตัวทนายยังยืนยันว่าเพราะลูกความของเขาต้องอยู่ในความกดดันจากการทำยอดขายและโปรแกรมควบคุมคุณภาพพนักงาน ทำให้เขาต้องรีบมาทำงานแต่เช้า เพื่อให้งานออกมาดีที่สุด สุดท้ายแล้วผลสรุปของเรื่องราวนี้จะจบยังไงก็ไม่มีใครรู้ เพราะการสอบสวนและฟ้องร้องยังคงดำเนินต่อไป ยังไงก็ตามบางครั้งการหวังดีกับบริษัทที่ไม่ได้รักพนักงานจริงๆ ก็อาจจะเกิดผลเสียกับตัวคุณได้นั่นเอง ที่มา mirror
-
นี่คือ 10 สิ่งที่เหล่าพนักงานร้านอาหารรู้สึก ‘รำคาญ’ มากที่สุด แต่ต้องเก็บให้ลึกสุดใจ…
สิ่งหนึ่งที่มักจะทำให้เหล่าพนักงานบริการรู้สึกปวดหัว และหมดกำลังใจในการทำงานมากที่สุด ก็คือการที่พวกเขาต้องเผชิญกับลูกค้าที่มาพร้อมกับทิฐิอันสูงส่งซะจนแทบจะลืมความเป็นมารยาททางสังคมไปซะแล้ว จากประเด็นถกเถียงบนเว็บไซต์ Quora เกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้พนักงานร้านอาหารรู้สึกรำคาญใจมากที่สุด ก็ทำให้ชาวเน็ตต่างออกมาระบายความในใจกันยกใหญ่ ด้วยเหตุนี้เราจึงรวบรวม 10 พฤติกรรมที่เหล่าพนักงานร้านอาหารจากทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ‘นี่คือพฤติกรรมที่พวกเขารังเกียจ และรำคาญมากที่สุด!!’ 1. ทำให้พวกเขาต้องวิ่งหัววุ่นไปมา หากคุณเป็นคนจู้จี้จุกจิกละก็.. ทางที่ดีควรจะสั่งพนักงานในรอบเดียว เพราะหากมัวแต่ให้พนักงานวิ่งบริการคุณไปมามีหวังพวกเขาไม่ต้องไปบริการโต๊ะอื่นกันแล้วแน่ๆ ลองจินตนาการดูสิว่าคุณจะรู้สึกรำคาญใจขนาดไหนถ้ามีคนมาบอกให้คนเอานู้น เอานี้ เอานั่น มาให้ทีละอย่างสองอย่าง 2. ใช้น้ำเสียงคำพูดที่ไม่ให้เกียรติกัน ควรตระหนักไว้เสมอว่า ‘พนักงานเสิร์ฟ’ ก็เป็นอาชีพหนึ่งที่มีความเท่าเทียมกับคนอื่นๆ ในสังคม ที่ทำให้กลไกลเศรษฐกิจมันหมุนเวียนไปได้ ลึกๆ แล้วพวกเขาต่างก็อยากให้คุณได้รับการบริการที่ได้ จบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ ดังนั้นการเลือกใช้คำพูดและน้ำเสียงที่ให้เกียรติกัน จะช่วยทำให้บรรยากาศรอบตัวเราดูน่ารื่นรมย์กว่าเยอะเลย 3. ทำเป็นดีดนิ้วเพื่อเรียกพนักงานเสิร์ฟ คุณอาจจะไปจำจากมาดเท่ห์ๆ ของมาเฟียอิตาลีในหนังฮอลลีวู้ด หรือไปจำมาจากละครหลังข่าวที่มีพระเอกใส่สูทชี้นิ้วสั่งคนนั้นคนนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่มีมารยาทเอามากๆ เพราะฉะนั้นแล้วเราขอแนะนำว่าอย่าทำเลยนะ 4. ปล่อยให้ลูกที่น่ารักของคุณวิ่งป่วนไปทั่วร้าน จริงอยู่ที่เด็กเป็นวัยน่ารัก แต่ต้องไม่ลืมว่าลูกของเราไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน และร้านอาหารก็ไม่ใช่สนามเด็กเล่นด้วยเช่นกัน ลองนึกถึงภาพของพนักงานภายในร้านดูสิว่า หากเขาต้องเสิร์ฟอาหารจารโปรดของคุณให้ไวที่สุด พร้อมกับต้องคอยบริการลูกค้าคนอื่นๆ แล้วต้องมารับมือกับเด็กซนโดยที่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาอีก แหม่… หนักเลยนะนั่น…
-
พาไปเยี่ยม 9 บริษัทสุดเจ๋งที่ใครๆ ก็อยากเข้าไปทำงานด้วยมากที่สุด สวัสดิการดีเวอร์!!
ผู้จัดการส่วนใหญ่อาจจะมองเห็นว่ารายได้นั้นสำคัญกว่าพนักงาน แต่อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้มองข้ามความสำคัญหลักไปว่า แท้จริงแล้วความสุขของเหล่าพนักงานก็ช่วยส่งผลต่อความสำเร็จของบริษัทเหมือนกันนะ เหมือนดังเช่น 9 บริษัทเหล่านี้ ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นบริษัทในฝันที่ใครๆ ต่างก็อยากจะมาร่วมงานด้วย เพราะนอกจากเป็นงานที่มั่นคงแล้ว สวัสดิการยังดี๊ดีอีกด้วย ว่าแล้วก็มาดูกันเลยว่าจะมีบริษัทไหนกันบ้าง คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล ทุ่มเงินกว่า 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปให้พนักงานกว่า 100 คนไปพักผ่อนที่มัลดัฟส์ คุณชาตรี ตรีศิริพิศาล นักธุรกิจหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ได้ทุ่มเงินมากถึง 400,000 ปอนด์ หรือราวๆ 17 ล้านบาท เพื่อจ่ายค่าทริปพักผ่อนประจำปีของบริษัทให้กับพนักงานกว่า 100 ชีวิต ได้ไปท่องเที่ยวที่รีสอร์ทหรูใจกลางทะเลที่เกาะมัลดีฟส์ ทั้งนี้ การที่เขาได้ตัดสินใจพาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อนนั้น เพื่อเป็นการมอบความสุขให้กับเหล่าพนักงาน เพราะพวกเขาสามารถเพิ่มรายได้ให้บริษัทในแต่ละปีได้ถึง 30% และนี่ก็ไม่ใช่ทริปแรก เพราะคุณชาตรี ได้จัดเตรียมวันหยุดให้กับพนักงานเอาไว้ล่วงหน้า และเก็บเป็นความลับอยู่เสมอ แต่สิ่งเดียวที่พนักงานรู้ก็คือ พวกเขาสามารถคาดเดาได้เลยว่าทริปต่อไปจะต้องได้ไปพักผ่อนในโรงแรมสุดหรูระดับ 5 ดาวอย่างแน่นอน บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ ให้พนักงานสามารถลางานไปดูสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ได้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ BrewDog บริษัทผู้ผลิตคราฟท์เบียร์สัญชาติสก็อตแลนด์ ได้มอบสวัสดิการให้กับพนักงาน…
-
เจ้าหน้าที่ส่งของ ถูกลูกสุนัข 7 ตัวโจมตีด้วยความน่ารัก เจอแบบนี้ทำงานไม่ได้เลย…
น้องหมาสัตว์เลี้ยงน่ารักและแสนซน สำหรับใครที่มีเจ้าสี่ขาตัวเล็กอยู่ที่บ้านคงจะเข้าใจถึงความป่วนของพวกมันเป็นอย่างดี และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีคลิปวิดีโอน่ารักๆ ที่เผยให้เห็นความซุกซนของเหล่าน้องหมาตัวจ้อย ภาพในคลิปวิดีโอเผยจังหวะของเจ้าหมาน้อยทั้ง 7 ตัวที่ออกมามะรุมมะตุ้มชายหนุ่ม ผู้ที่กำลังเดินเข้ามาส่งของในบ้านหลังหนึ่ง เขาพยายามที่ออกจากวงล้อมของน้องหมา แต่ดูเหมือนว่างานนี้จะไม่ใช่ของง่ายซะแล้ว!! ฝูงหมาน้อยที่ออกมาต้อนรับพนักงานส่งของ ในระหว่างที่เจ้าลูกหมากำลังรุมล้อมชายคนดังกล่าว แม่ของหมาน้อยทั้ง 7 ก็เข้ามาร่วมแจมด้วยอีกหนึ่งตัว แต่แทนทีมันจะห้ามลูกๆ กลับทำเป็นไม่สนใจซะนี่!? งานนี้ชายหนุ่มเลยต้องอาศัยความสามารถของตัวเอง เพื่อฝ่าออกจากวงล้อมให้ได้!! การรอบล้อมไปด้วยน้องหมา จะชุนละมุนวุ่นวายแค่ไหน ไปชมที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกถ่ายไว้โดยคุณ Jon Ashe เจ้านายของพวกมะหมา และด้วยความฮาของคลิปดังกล่าว มันจึงถูกนำไปเผยแพร่ทางแฟนเพจของบริษัท Sainsbury’s ด้วย หลังจากมีการเผยแพร่ความน่ารักของเหล่าน้องหมาลงในโลกออนไลน์ คลิปวิดีโอนี้ก็ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตอย่างมาก หนึ่งในความคิดเห็นจากชาวเน็ตท่านหนึ่งกล่าวว่าเธออยากจะลงไปกองบนพื้นหญ้า และให้น้องหมารุมล้อมเธอแบบนั้นเลยจริงๆ และหลายๆ คนก็อยากจะกลายเป็นพ่อหนุ่มส่งของคนนั้นกันเลยทีเดียว แต่ในขณะที่บางคนก็ออกมาแสดงความคิดเห็นแบบเห็นอกเห็นใจคนส่งของ พร้อมกับบอกว่า “เจ้าหมาเหล่านั้นน่ารักจริงๆ แต่ผมว่าคนส่งของคงจะทำงานลำบากหน่อยนะ” แหม่… เล่นรุมกันแบบนี้ก็แย่เลย!? ที่มา dailymail
-
สื่อนอกตั้งคำถาม บริษัทมีนโยบาย “ฝังไมโครชิป” ในตัวพนักงาน เหมาะสมหรือไม่อย่างไร!?
กลายเป็นเรื่องฮือฮาในต่างประเทศอีกครั้ง เมื่อบริษัทแห่งหนึ่งจากรัฐวิสคอนซิน ได้ประกาศว่าพวกเขามีแผนจะใส่เครื่องติดตามให้กับเหล่าพนักงงานในบริษัท จึงทำให้กลายเป็นเสียงวิพากย์วิจารณ์กันอย่างมากตั้งแต่มีแผนนี้ออกมาเลย ชาวเน็ตต่างรู้สึกว่านโยบายดังกล่าวไม่ต่างอะไรจากทาสหรือสัตว์เลี้ยง กระทั่งการฝังไมโครชิปในตัวนั้นสามารถให้บริษัทรับรู้ได้ตลอดเวลาว่าพวกเขาไปไหน ทำอะไรบ้าง แม้จะไม่ใช่เวลางานก็ตาม แต่อย่างไรก็ตามทางบริษัท Three Square Market ร้านสะดวกซื้อชื่อดัง ได้ออกมาเปิดเผยว่าพวกเขาไม่ได้มีแผนที่จะใช้ระบบ GPS ในการติดตามการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด แต่ชิปที่จะติดให้กับพนักงานของพวกเขานั้นเป็นเพียงสิ่งที่จะช่วยให้การทำงานต่างๆ ได้ง่ายขึ้น พวกเขาได้ออกมาเปิดเผยว่าระบบ Radio-Frequency Identification (RFID) ที่นำมาใช้นั้นจะช่วยให้พนักงานของพวกเขาสามารถสั่งจ่ายสินค้าต่างๆ การล๊อคอินเข้าระบบคอมพิวเตอร์ หรือการเปิดประตูเข้าไปในส่วนของพนักงาน พูดง่ายๆ ก็คือเพื่อเพิ่มความสะดวกในการทำงานนั่นเอง โดยตอนนี้มีพนักงานกว่า 50 คนแล้วที่ยอมสมัครใจใช้ชิปที่ว่านี้ ทางด้านผู้บริหารของ Three Square Market กล่าวว่า “เราคาดว่าจะใช้เทคโนโลยีนี้มาช่วยในการทำงานของเรา อย่างเช่นการปลดล๊อคโทรศัพท์ การสั่งย้ายสินค้า หรือการเก็บข้อมูลทางด้านสุขภาพและการแพทย์ของพนักงงานนั่นเอง” ทางด้านคุณ Tony Danna รองประธานฝ่ายต่างประเทศของบริษัทนี้บอกว่าพวกเขาได้นำไอเดียนี้มาจากบริษัทของพวกเขาในยุโรป “ตอนที่ทำงานร่วมกับผู้บริหารในยุโรป เราได้พบกับบริษัท BioHax International และได้เรียนรู้เกี่ยวกับการนำเทคโนโลยี RFID ไปใช้ในองกร และพบว่ามันช่วยให้บริษัทมีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว” ก่อนหน้านี้ในประเทศอังกฤษได้ออกกฏหมายให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงทุกคนต้องติดเครื่องติดตามกับเหล่าหมาหรือน้องแมวเมื่อพวกมันอายุครบ 8 สัปดาห์…
-
สวนสัตว์ลอนดอน เชิญชวนผู้กล้ามาร่วมกิจกรรม ‘วิ่งเปลือยมาช่วยเสือ’ มีใครสนใจบ้างไหม!?
ในแต่ละปี สวนสัตว์ลอนดอน ที่กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร จะมีการจัดกิจกรรมวิ่งโดยให้ผู้กล้า และผู้ที่มีใจอนุรักษ์สัตว์ ออกมาวิ่งเปลือยเพื่อระดมเงินการกุศลช่วยเหลือเสือโคร่ง และในปีนี้ กิจกรรมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคม 2560 โดยจะมีทางเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ได้ออกมาเปลือยกายวิ่งล่อนจ้อน พร้อมกับผู้ที่สนใจจะมาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย เพื่อเป็นการเชื้อเชิญเหล่าผู้กล้าให้เห็นภาพมากขึ้น พนักงานสวนสัตว์ก็ออกวิ่งเปลือยลองเชิงให้ดูก่อนงานวันจริง โดยจะใช้เวลาในการวิ่งเพียง 5-10 นาทีเท่านั้น ซึ่งใครที่สนใจก็สามารถเข้ามาลงทะเบียนกับพนักงานในสวนสัตว์ลอนดอนได้ สำหรับกิจกรรมวิ่งที่ชื่อว่า The Streak for Tigers ได้วางเป้าหมายในการระดุมทุนเงินบริจาคเอาไว้ 40,000 ปอนด์หรือราวๆ 1.7 ล้านบาท และคาดว่าจะสามารถดึงดูดผู้คนให้มาร่วมกิจกรรมได้มากกว่า 300 คน ซึ่งเงินทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นจากการบริจาค ก็จะนำมาใช้กับการอนุรักษ์เสือภายในสวนสัตว์แห่งนี้นั่นเอง . หากเพื่อนๆ คนไหนอยากจะแก้ผ้ากลางที่สาธารณะแบบไม่ผิดกฎหมายอนาจาร แถมยังได้ช่วยเหลือเสือด้วย ก็สามารถบินไปเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ได้ โดยคุณสามารถเข้ามาร่วมวิ่งเปลือย หรือจะมาเป็นกำลังใจให้กับบรรดานักวิ่งก็ได้เช่นกันจ้า ที่มา : ladbible
-
พนักงาน McDonald’s โมโหโกรธาสุดขีด เข้ารุมกระทืบลูกค้าจนอ่วม หลังจากที่ถูกปาอาหารใส่…
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2017 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพของชายคนหนึ่ง กำลังถูกพนักงานจากร้าน McDonald’s สาขา Canning Town ในกรุงลอนดอน รุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บ หลังที่ได้ขว้างปาอาหารใส่พวกเขา จากการรายงานระบุว่า ภาพจากคลิปวีดีโอดังกล่าวถูกบันทึกเอาไว้ได้โดย Joseph Weare หนึ่งในลูกค้าที่ได้เข้าไปในบริการ ณ ขณะนั้น โดยทาง Joseph ได้ออกมาเผยว่า “ผมได้เดินเข้ามาพร้อมกับแฟนของผมในเวลาประมาณ 11.30 น. โดยในขณะนั้นที่ร้านมีลูกค้าอยู่ประมาณ 12 คน ซึ่งตอนที่ผมกำลังสั่งอาหาร และรอรับอาหารอยู่นั้น ก็เริ่มมีการทะเลาะวิวาทระหว่างผู้ชายกางเกงสีชมพู กับพนักงานคนหนึ่งในร้าน McDonald’s เกิดขึ้น โดยชายคนดังกล่าวได้แต่ขว้างปาอาหารใส่พนักงาน นั่นจึงทำให้พนักงาน 4 คน ได้กระโดดข้ามเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เริ่มรุมทุบตีเขา” นอกจากนี้ ยังมีลูกค้ารายหนึ่งภายในร้านได้ตะโกนห้ามปราม เพื่อให้เหล่าพนักงานใจเย็นลง เพราะเขาเชื่อว่าเหตุที่พนักงานได้มารุมตีชายคนนั้น เป็นเพราะถูกขว้างปาอาหารใส่จนมีอาการโมโห ทางหญิงรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น ก็ได้ตะโกนเสียงดังว่า…
-
บริษัทในปักกิ่งเปิดตัว ‘ห้องเช่าแคปซูล’ ให้พนง. ได้งีบหลับ เพื่อการทำงานที่ดีขึ้น
หนึ่งในปัญหาใหญ่ของเหล่าพนักงานออฟฟิศทั้งหลาย ก็คงจะเป็นอาการง่วงหนาวหาวนอนหลังทานอาหารเที่ยงเสร็จเนี่ยแหละ ครั้นจะให้ไปนอนพักต่อในที่ทำงานก็อาจจะถูกหัวหน้าแจกซองขาวใส่ได้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้ตรงจุด และต้องการพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงานในองค์กร บริษัทสตาร์ทอัพจากปักกิ่ง ‘Xiangshui Space’ จึงได้เปิดตัวห้องเช่าแคปซูล หวังเอาใจพนักงานให้ได้งีบพักผ่อนก่อนกลับไปทำงานซะเลย โดยห้องพักแคปซูลชั่วคราวนี้ จะไม่มีการจ้างพนักงานเพื่อมาดูแล แต่จะใช้วิธีสแกนบาร์โค๊ดแล้วหักเงินผ่านระบบแอพฯ แทน ทางห้องพักจะคิดอัตราค่าบริการเริ่มต้นที่ 1 หยวน ต่อ 3 นาที ในช่วงเวลา 11 โมง – บ่าย 2 นอกเหนือจากช่วงเวลานี้จะคิดค่าบริการเป็น 1 หยวน ต่อ 5 นาที ราคานี้จะรวมผ้าปิดตากันรังสี UV และที่อุดหูสำหรับป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก จะว่าไปแล้ว.. อันที่จริงเทรนด์ธุรกิจแนวนี้ในประเทศจีนมีมาตั้งแต่ปี 2011 แล้วล่ะ แต่นับว่าเป็นครั้งแรกที่มีบริษัทเปิดห้องพักโดยมุ่งเจาะตลาดไปที่กลุ่มพนักงานออฟฟิศ “เป็นความต้องการของผู้สื่อที่เราสามารถนำมันมาบรรจบกันได้อย่างลงตัว เพราะเรามั่นใจว่านักธุรกิจ หรือพนักงานบริษัทต่างๆ ย่อมมีความรู้สึกอยากหาที่นอนพักเที่ยงชั่วคราวก่อนกลับไปทำงานอีกครั้ง” Han Yue ผู้จัดการบริษัทให้สัมภาษณ์ และดูเหมือนว่าเทรนด์ห้องพักแคปซูลจะได้รับความนิยมสูง…
-
บริษัทสตาร์ทอัพในเกาหลีใต้ จ้างพนักงานที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป หวังแก้ปัญหาให้ผู้สูงอายุ!!
EverYoung บริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติเกาหลีใต้ จากใจกลางกรุงโซล ได้ออกกฎระเบียบวาระการจ้างลูกจ้างแบบใหม่ที่สวนกระแสชาวโลกเลยก็ว่าได้ เพราะผู้สมัครจะต้องมีอายุ 55 ปีขึ้นไปเท่านั้น!! เดิมทีกฎหมายเกาหลีใต้ค่อนข้างที่จะใกล้เคียงกับบ้านเรา โดยอายุการเกษียณงานตามกฎหมายจะอยู่ที่อายุ 60 ปี แต่ตรงกันข้ามกับ Chung Eunsung ผู้ก่อตั้งบริษัท เพราะเขาต้องการพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า พนักงานวัยอาวุโสก็สามารถสร้างผลงานอันโดดเด่นได้ไม่แพ้เด็กรุ่นใหม่ บริษัทแห่งนี้ดำเนินกิจการด้านเทคโนโลยี มีพนักงานแล้วมากกว่า 420 คน และมีอายุตั้งแต่ 55 – 83 ปี “เราต้องยอมรับว่าตอนนี้เกาหลีใต้กำลังเผชิญกับปัญหาตัวเลขผู้สูงอายุที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และผมก็ค่อนข้างมั่นใจว่าความสามารถของพวกเขาช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศเราได้ เช่นเดียวกับที่เราอยากจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตในวัยเกษียณให้พวกเค้า” ประธานบริษัทให้สัมภาษณ์ เนื้อหาการทำงานของพนักงานวัยอาวุโสต้องถือว่าไม่ธรรมดาเลย เพราะพวกเขาได้เรียนรู้ที่จะทำงานร่วมกับระบบ Naver ได้ติดต่อกับบริษัทกูเกิ้ลประจำเกาหลีใต้ รวมไปถึงการดูแลเนื้อหาคอนเทนท์ออนไลน์ และการเขียนโค๊ด พนักงานวัย 83 ปีคนหนึ่งเล่าว่า “ช่วยทำให้ผมกระตือรือร้นขึ้นอีกครั้ง เราได้เรียนรู้สกิลคอมพิวเตอร์เหมือนคนรุ่นใหม่ และผมไม่ต้องตื่นเช้ามาโดยไร้จุดหมายอีกแล้ว” โดยปกติคนทั่วไปอาจจะเชื่อว่า ผู้สูงอายุไม่สามารถทำงานในระบบของคนรุ่นใหม่ หรือมีไอเดียดีๆ ในการนำมาใช้กับกระแสโลกปัจจุบันได้ แต่สำหรับ Chung Eunsung เขามองเห็นสิ่งที่แตกต่างออกไป เขาพบว่าการทำงานกับผู้สูงอายุมันช่างเต็มไปด้วยพลังงานในแบบที่คนหนุ่มสาวไม่มี วิธีการคิดที่สุขุมรอบคอบ…
-
สุดยอดเจ้านายผู้ใจดี นอกจากจะพาพนักงานไปเที่ยวแล้ว ยังซื้อรถให้เป็นของขวัญอีกด้วย!!
เมื่อกล่าวถึง ‘บอส’ หรือเจ้านายแล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะนึกถึงภาพของความดุ ความโหด ความเนี้ยบ ที่คอยมาจ้ำจี้จ้ำไชกับเหล่าลูกจ้างตาดำๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปอิจฉาตาร้อนกับเหล่าพนักงานที่มีบอสที่เรียกได้ว่าใจดีมากที่สุดในโลก เพราะนอกจากจะพาเหล่าพนักงานไปเที่ยวแล้ว ยังมีการแจกของขวัญต่างๆ ให้พนักงานทั้ง รถ ตั๋วดูฟุตบอลโลก และอื่นๆ อีกเพียบ!! ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Radomir Novakovic Cakan นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งจากมอนเตเนโกร เขาทำธุรกิจเกี่ยวกับร้านขายอุปกรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมอนเตเนโกร และล่าสุดก็ได้ผันตัวเองเข้าไปเล่นการเมืองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หนึ่งในเรื่องที่นาย Radomir เชื่อมั่นก็คือความสำเร็จของเขานั้นไม่ได้มาจากน้ำมือของตัวเอง แต่มาจากการร่วมมือของเหล่าพนักงานด้วย นั่นทำให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้บริษัทอยู่รอดต่อไปได้ก็คือความสุขของพนักงาน และเขาก็มักจะมีเซอร์ไพรส์ให้กับเหล่าพนักงานของตัวเองอยู่บ่อยๆ ย้อนกลับไปในปี 2012 Radomir ได้ทำการซื้อรถยนต์ยี่ห้อ Volkswagen ให้กับพนักงานถึง 4 คน แถมพ่วงประกันชั้น 1 ให้อีก “เมื่อผมเห็นรถเหล่านั้น ถึงกับช็อคจนพูดไม่ออกเลยทีเดียว พอบอสบอกว่า ‘นี่เป็นของขวัญสำหรับนายนะ’ สิ่งที่อยู่ในหัวของผมมีแต่คำว่า ‘ไม่นะ นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ มันไม่น่าจะมีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นกับเราได้หรอก’” Danijela Roćenović หนึ่งในพนักงานที่ได้รับของขวัญเล่า ซึ่งพนักงานทั้ง…
-
จัดหนัก 61 คีย์ลัดของ Microsoft Word เส้นทางสู่ปรมาจารย์ แห่งการพิมพ์งานเอกสาร!!
เมื่อกล่าวถึงโปรแกรม Microsoft Word แล้วเพื่อนๆ หลายคนคงจะเคยใช้งานกันมาบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์รายงานเพื่อส่งอาจารย์ หรือใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ ในการทำงาน สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเทิร์นโปร เป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้งานโปรแกรม Microsoft Word ไปพร้อมๆ กัน ด้วยคำสั่งคีย์ลัดต่างๆ ที่ไม่ต้องไปหากดบนแถบเครื่องมือกันให้เมื่อยตุ้ม 1. Alt + Ctrl + D → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงไปตรงข้อความที่ต้องการอธิบาย (Endnote) 2. Alt + Ctrl + F → แทรกคำอธิบายเพิ่มเติมลงทางด้านล่างของหน้ากระดาษ (Footnote) 3. Alt + Ctrl + I → แสดงหน้าต่าง Print Preview 4. Alt + Ctrl + Page Down → ไปทางด้านล่างของหน้าต่างเอกสาร…
-
รถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้าย กับการยุติบทบาทของนายสถานี ผู้ทำงานมานานกว่า 40 ปี
อย่างที่ทราบกันดีกว่า ประเทศญีปุ่นนั้นมีชื่อเสียงในด้านระบบขนส่งสาธารณะรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดินเป็นอย่างมาก ซึ่งเบื้องหลังความยอดเยี่ยมเหล่านั้น ประกอบไปด้วยความตั้งใจและความขยันขันแข็งของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟมากมาย ล่าสุดทาง Tokyo Metro ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในโตเกียวและกาแฟแบรนด์ Boss ได้ปล่อยคลิปอันน่าประทับใจออกมา เรื่องราวการทำงานวันสุดท้ายของเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟใต้ดินคนหนึ่ง ที่ทำงานมานานกว่า 40 ปี คลิปดังกล่าวเป็นเรื่องราวของคุณอิชิกาวะ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินอากิฮาบาระ เขาได้ทำงานในสถานีรถไฟแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว (เรียกว่าทำมาตั้งแต่แรกเริ่มกิจการเลยทีเดียว) และในเดือนมีนาคมนี้เอง ก็ถึงเวลาที่เขาเกษียณตัวเองจากงานนี้แล้ว หลังจากที่เขาบอกลารถไฟขบวนสุดท้ายที่ออกจากสถานี จู่ๆ ป้ายโฆษณาที่ควรจะปิดไปแล้ว ก็เปิดขึ้นมาใหม่ โดยมีภาพกล่าวอำลาจากพนักงานในสถานีปรากฎขึ้นมาด้วย ขณะที่เขากำลังซาบซึ้งใจอยู่นั้นเอง ไฟในสถานีก็เปิดขึ้น พร้อมๆ กับพนักงานสถานีรถไฟที่ปรากฎตัวออกมา ทั้งหมดได้นำดอกไม้มามอบให้กับคุณอิชิกาวะ เพื่อเป็นการอำลาและอวยพรให้ช่วงชีวิตใหม่ของเขา มีแต่ความสุข ไปชมคลิปจริงๆ กันเลยดีกว่า สุดท้ายงานเลี้ยงก็ย่อมมีวันเลิกรา ยังไงก็ขอให้มีความสุขกับบทใหม่ของชีวิตนะฮะ ที่มา rocketnews24
-
พนักงาน Burger King “ชนะคดี 1.6 ล้านบาท” หลังถูกไล่ออกเพราะแค่เอาแซนด์วิชกลับบ้าน
ที่เมืองนอกนั้น การทำงานที่ร้านอาหารโดยเฉพาะร้านฟาสต์ฟู้ดถือเป็นทางเลือกที่ง่ายมากกับการหารายได้ ไม่ว่าจะเป็นพาร์ทไทม์หรือฟูลไทม์ แต่เนื่องจากมันง่าย ก็เลยต้องแลกมากับเงินอันน้อยนิด แต่ก็ยังดีที่บางร้านก็มีอะไรตอบแทนให้กับพนักงานบ้าง เช่นมีมื้ออาหารให้ฟรี แต่บางครั้งมันก็ไม่เพียงพอ ผู้จัดการก็ใจดีให้พนักงานสามารถนำอาหารกลับไปที่บ้านได้ แต่สำหรับร้าน Burger King สาขานี้ ผู้จัดการตัดสินใจที่จะไล่พนักงานคนหนึ่งออกหลังจากเกิดเรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเอาแซนด์วิชชุด Big Fish Meal กลับบ้าน เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อ Usha Ram วัย 55 ปี พนักงานของ Burger King ในประเทศแคนาดา ได้ถามผู้จัดการ Tayyaba Salman ว่าขอนำแซนด์วิชปลากลับบ้านได้ไหม พร้อมจะจ่ายเงินให้ภายหลัง แต่ทว่าเธอลืมนำกระเป๋าเงินติดตัวมาด้วย ซึ่งผู้จัดการก็โอเคแล้ว ดังนั้นเธอนำแซนด์วิชกลับบ้านไปโดยไม่จ่ายเงิน แต่ปัญหามันอยู่ที่ผู้จัดการคิดว่าเอาไปแค่แซนด์วิช ไม่ได้หมายถึงทั้งชุดอาหาร พอเห็นว่าพนักงานคนนี้ถือของกลับบ้านชุดใหญ่ มีทั้งน้ำส้มโซดา เฟรนช์ฟราย ผู้จัดการก็เลยไปรายงานเจ้านายใหญ่ พร้อมกับกล่าวหาว่า Ram ขโมย แต่เธอก็บอกว่าจะจ่ายให้ ผลสุดท้ายก็ลงเอยที่เธอโดนไล่ออก!? Ram ทำงานกับ Burger King มา 24 ปี ทำเงินกว่า 735,000…
-
พบกับ Negão ตูบที่เคยถูกทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ได้กลายมาเป็น “เด็กปั๊ม” สุดเท่ไปซะแล้ว!!
หากครั้งหนึ่งคุณเคยเจอเรื่องราวที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต เราเชื่อว่าไม่นานมันก็จะผ่านไป และหลังจากนั้นคุณก็อาจจะได้เจอกับสิ่งดีๆ ที่พร้อมจะเข้ามาเติมเต็มในส่วนที่ขาดหาย และมันก็จะทำให้คุณมีความสุขตามไปตลอดกาล เหมือนดังเช่นเรื่องราวของ Negão เจ้าหมาพนักงานปั๊มน้ำมันสุดเท่ตัวนี้ คุณรู้หรือไม่ว่ากว่าที่จะมีวันนี้ได้ มันเคยผ่านแย่ๆ มาก่อน แต่ตอนนี้ชีวิตของมันแฮปปี้มากๆ แล้วละ หลังจากที่ได้สถาปนาตัวเองเป็น “เด็กปั๊ม” ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เจ้า Negão ถูกเจ้านายคนเก่าของมันน้ำมาทิ้งไว้ที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในเมือง Mogi das Cruzes ประเทศบราซิล แต่โชคดีเหลือเกินที่ Sabrina Plannerer เจ้าของปั๊มแห่งนี้ได้มาเห็นมันเข้า และไม่คิดรังเกียจไล่มันออกไปด้วยซ้ำ ดังนั้นเธอจึงได้เข้าไปช่วยเหลือมัน พร้อมพาเจ้าหมาไปพบสัตว์แพทย์เพื่อฉีดวัคซีน และกำจัดพยาธิในตัวของมันอีกด้วย Sabrina ได้ตัดสินใจที่จะรับเจ้า Negão ดูแล และจะจ้างให้มันเข้ามาเป็นพนักงานในปั๊ม เพราะเจ้า Negão ได้พิสูจน์ให้เธอเห็นว่า มันชื่นชอบ และมีความสุขที่จะอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็ทำให้เจ้า Negão ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานปั๊ม ทีนี้ก็เริ่มทำงานได้แล้วสินะ!! หากคุณได้ไปใช้บริการ ณ…
-
แนะนำหนัง The Belko Experiment หากพนักงานออฟฟิศ ต้องหันมาห้ำหั่นกันเอง?
ในปี 2017 นี้ก็มีหนังน่าดูมากมายหลายเรื่องต่อคิวรอฉายให้พวกเราได้ชมกัน แต่ถ้าใครเบื่อหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ทั่วไปแล้ว วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะมาแนะนำหนังสยองขวัญแนวคิดแปลกที่น่าสนใจแห่งปีให้เพื่อนๆ ได้รู้จัก จะน่าดูขนาดไหน เราไปชมกันเลย!! หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า The Belko Experiment ผลงานการเขียนบทและอำนวยการสร้างโดย เจมส์ กันน์ จาก Guardians of the Galaxy (แค่ชื่อทีมงานก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ) ว่ากันว่าหนังเรื่องนี้เป็นผสมของ Battle Royale เข้ากับ The Office เลยทีเดียว เรื่องราวเกิดขึ้นจู่ๆ อาคารสำนักงานของบริษัทเบลโก้ถูกปิดด้วยประตูเหล็กทุกด้าน จนทำให้พนักงาน 60 คนติดอยู่ภายใน ทันใดนั้นเองก็มีคำสั่งปริศนาสั่งมาว่า ให้เลือกพนักงานมา 30 คนแล้วฆ่าทิ้งซะ ไม่อย่างนั้นทั้ง 60 คนต้องตายทั้งหมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการฆ่ากันของเหล่าพนักงานออฟฟิศเบลโก้ ซึ่งอุปกรณ์ที่พวกเขาใช้กัน ก็เป็นของที่หาได้ภายในออฟฟิศนั่นเอง หนังนำแสดงโดย โทนี โกลด์วิน(Scandal), จอห์น ซี. แม็คกินลี่ย์(Scrubs), จอห์น กัลลาเกอร์…
-
พนักงานตั๋วสวนสาธารณะญี่ปุ่น ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรีกว่า 160,000 ราย เพราะสื่อสารกันไม่ได้
ท่ามกลางกรุงโตเกียวนั้นจะมีสวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน อันเป็นที่นิยมสำหรับทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมแทบจะทุกฤดูและทุกเวลา การจะเข้าไปเยี่ยมชมนั้นไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าได้ฟรี จะต้องจ่ายค่าตั๋วเพื่อเข้าชมอยู่ที่ 200 เยน สำหรับผู้ใหญ่ และ 50 เยน สำหรับเด็ก ซึ่งก็ไม่ได้มีราคาแพงเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับธรรมชาติภายในสวนใจกลางเมืองใหญ่แบบนี้ แต่ทว่าเรื่องราวการสูญเสียรายรับจากค่าตั๋วของสวนสาธารณะแห่งนี้เพิ่งจะได้รับการเปิดเผย โดยจุดเริ่มต้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2014 มีการยกเว้นค่าธรรมเนียมตั๋วเข้าชมสำหรับนักท่องเที่ยวมาจนถึงปัจจุบัน นักท่องเที่ยวไทยบางรายอาจจะได้รับการยกเว้นค่าตั๋วไปด้วยในช่วงดังกล่าวด้วย การยกเว้นค่าตั๋วเข้าชมนี้ ไม่ได้เป็นโปรโมชั่นสำหรับการท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่มันเกิดขึ้นมาจากความผิดพลาดของพนักงานบูธขายตั๋วเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2014 พนักงานคนดังกล่าวปล่อยให้นักท่องเที่ยวต่าชาติเข้าชมสวนสาธารณะแห่งนี้ได้ โดยไม่ต้องเสียค่าตั๋วเลย จนกระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2016 เมื่อพนักงานอีกคนพบว่าเขาได้ปล่อยให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนได้โดยที่ไม่ต้องซื้อตั๋ว เรื่องดังกล่าวจึงถูกรายงานไปถึงฝ่ายจัดการทันที และทำการตรวจสอบเบื้องต้นก็พบว่าเขายกเว้นค่าตั๋วไปแล้วกว่า 160,000 ใบ ในช่วงตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งแทนที่เขาจะช่วยในเรื่องของการจ่ายค่าเข้าและมอบตั๋ว เขากลับยกเลิกการขายตั๋วและปล่อยให้นักท่องเที่ยวผ่านประตูอัตโนมัติไป ทางด้านกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่น อันเป็นหน่วยงานดูแลสวนสาธารณะแห่งนี้ ได้สืบหาสาเหตุของข้อผิดพลาดจากพนักงานขายตั๋ววัย 71 ปีผู้นี้ และได้ตั้งข้อหายักยอกค่าเข้าชมสวนสาธารณะกับเขา ซึ่งตัวพนักงานวัย…
-
บริษัทโรงงานญี่ปุ่น จ้างสาวคอสเพลย์ ถ่ายแบบลงปฏิทิน เพื่อจูงใจคนมาสมัครงาน!!
โดยปกติแล้วการถ่ายแบบลงปฏิทินนั้นเราคงจะเคยเห็นภาพแบบวาบหวิวๆ กันอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวๆ น่ารักๆ นุ่งบิกินี่โพสท์ท่าเซ็กซี่ๆ หรือจะเป็นหนุ่มๆ ที่ออกมาสลัดผ้าถ่ายแบบเพื่อการกุศลลงปฏิทินกันเป็นว่าเล่น แต่สำหรับบริษัท Ohmiya ที่ตั้งอยู่ในเมือง Higashiosaka ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นของตัวเอง แต่ด้วยความที่รูปแบบของงานในโรงงานอุตสาหกรรมนั้นมักจะถูกมองว่าเป็นงานที่ต้องเผชิญกับความสกปรก ความอันตราย และ ความหนักหนาสาหัส จึงทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้ามาสมัครงานที่บริษัทนี้กันเท่าไหร่นัก จนถึงกับต้องไปขอยืมคนงานจากบริษัทอื่นๆ ที่ตั้งอยู่ในเมือง Higashiosaka ด้วยกัน อย่างเช่นบริษัท Bibi Lab ที่ทำเกี่ยวกับหมอนข้างภรรยาเสมือนจริง และชุดนอนที่มีรูปร่างแปลกประหลาดคล้ายชุดคลุมอาบน้ำ จึงได้คิดแผนการที่จะเรียกคนมาสมัครงานด้วยการจ้างนางแบบมาถ่ายแบบลงปฏิทินเพื่อหลอกล่อให้คนเข้ามาสมัครงานที่บริษัท แต่ไม่ได้ถ่ายแบบวาบหวิวนะ พวกเขาได้เชิญนางแบบสาว Ayato Nikukyu วัย 21 ปี นักคอสเพลย์ชื่อดัง ที่เคยเป็นนางแบบให้กับบริษัท Bibi Lab เพื่อโปรโมทชุดนอนของพวกเขามาก่อนหน้านี้แล้วและได้ผลการตอบรับเป็นอย่างดี แต่ในครั้งนี้เธอจะได้รับบทบาทเป็นเด็กสาววัยมัธยมปลายที่แต่งชุดนักเรียนเข้ามาสมัครงานที่บริษัท Ohmiya หลังจากที่ได้รับเข้าทำงานแล้วก็เปลี่ยนชุดมาเป็นนายช่างสาวที่ช่างมีความสุขกับการทำงานซะเหลือเกิน เผยให้เห็นบรรยากาศที่แสนสนุกในการทำงาน เป็นการแสดงให้เห็นว่าชีวิตการทำงานที่โรงงานของบริษัท Ohmiya นี้ไม่ได้น่ากลัวหรือสกปรกดังที่ทุกคนคิดไว้ และสร้างแรงบันดาลใจกับวัยรุ่นทั้งหลายให้มีความรู้สึกว่าโชคดีที่ได้มาเป็นพนักงานที่นี่ต่อจากเธอ …
-
แนวคิดจาก CEO บริษัทคาลบี้ เพราะการพัฒนาบุคลากรสำคัญกว่า การให้ทำโอทีจึงไม่จำเป็น…
พูดถึงในเรื่องของการทำหน้าที่การงานภายในบริษัทเอกชนต่างๆ ผู้บริหาร นายจ้างหรือหัวหน้าใหญ่ มักจะมอบหมายงานให้บุคลากรแต่ละแผนกทำอย่างแข็งขัน แบบชนิดที่ว่ายิ่งทำงานให้บริษัทมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดี เพราะนั่นหมายถึงปริมาณงานที่สามารถดำเนินการได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่ทว่าแนวคิดดังกล่าวจะนำไปสู่การทำงานล่วงเวลา โดยในปัจจุบันไม่ว่าบริษัทไหนๆ ก็มีระบบดังกล่าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นการทำงานที่เร่งด่วน หรืองานสะสมคั่งค้าง แต่มองในอีกมุมหนุึ่งของคนที่ต้องทำงานล่วงเวลา การทำงานแบบนี้ส่งผลดีหรือผลร้ายกับใครกันแน่ พวกเขาเต็มใจที่จะทำหรือไม่? บังคับให้ทำงานเกินเวลาโดยไม่นึกถึงจิตใจของพนักงานเลยรึเปล่า? ด้วยเหตุนี้เองทางด้านคุณ Akira Matsumoto ประธานบอร์ดบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของบริษัทผลิตขนมในเครือคาลบี้ แห่งประเทศญี่ปุ่น ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวประเด็นการทำงานล่วงเวลาและมุมมองการบริหารงานของบริษัทไว้น่าสนใจมากเลยทีเดียว เนื่องจากตัวเขาเองนั้นมีแนวคิดที่แตกต่างจากการบริหารงานบริษัทอื่นๆ ที่ไม่ค่อยจะมองกัน นั่นก็คือการลงทุนกับปริมาณงานนั้น แทบจะเทียบกับการลงทุนพัฒนาศักยภาพของพนักงานไม่ได้เลย โดยเฉพาะในสังคมญี่ปุ่นที่มักจะมีภาพติดตาของเหล่าพนักงานบริษัททำงานหามรุ่งหามค่ำ กลับบ้านดึกดื่นเพราะต้องทำงานล่วงเวลา จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับคุณ Akira Matsumoto แล้วเขากลับแย้งว่า ‘เลิกซะเถอะ กับการทำงานล่วงเวลาเนี่ย’ มุมมองของเขานั้น เล็งเห็นว่าถ้าหากให้พนักงานใช้เวลาไปกับการทำงานล่วงเวลาเพียงอย่างเดียว เวลาส่วนนั้นก็จะไม่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาศักยภาพของพนักงานเลย เพราะนั่นคือเวลาว่างของพวกเขาหลังจากการเลิกทำงานตามเวลาปกติ คุณ Akira Matsumoto ไม่กังวลในเรื่องของการจ่ายค่าโอทีเลยแม้แต่น้อย มันเป็นเพียงส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่สิ่งที่เขากังวลมากกว่าก็คือ ถ้าให้พนักงานทำโอทีบ่อยๆ ก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยประสิทธิภาพไปเรื่อยๆ…
-
บริษัทรับเจ้าเหมียวมาเลี้ยงที่ออฟฟิศ 2 ตัว เพื่อเพิ่ม เอ้ย!! เพื่อบำบัดความเครียดให้พนักงาน!?
เจ้าเหมียว 2 ตัว จากสถานสงเคราะห์สัตว์ถูกรับเลี้ยงมาไว้ที่บริษัทแห่งหนุ่งเพื่อช่วยงานเหล่าพนักงานทั้งหลายด้วยการออดอ้อนและการกอด และจะช่วยคลายความเครียดให้กับพนักงานได้ (จริงหรา!?) ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับเจ้าเหมียว Chomsky และเจ้า Pirate บริษัท Memrise เป็นบริษัทเกี่ยวกับการเรียนการสอน ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้เหล่าผู้บริหารได้มาประชุมกันหาวิธีในการลดความเครียดของพนักงานเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพในการทำงาน และจู่ๆ การรับเลี้ยงเจ้าเหมียวจากสถานสงเคราะห์สัตว์ก็ปิ๊งขึ้นมา เหล่าผู้บริหารต่างก็หวังว่าการที่มีแมวมาไว้ในบริษัทซัก 1 ตัว เอาไว้ให้เป็นมาสค็อตของบริษัท แต่สุดท้ายก็รับมาสค็อตมาไว้ถึง 2 ตัวด้วยกัน “เจ้า Pirate และ เจ้า Chomsky นั้น ถูกรับมาจากสถานสงเคราะห์มาได้ประมาณ 1 ปี แล้ว ในช่วงแรกๆ นั้นมันขี้อาย และขี้กลัวมาก” พนักงานในบริษัทกล่าว “พนักงานทุกคนในบริษัท Memrise นั้นต่างก็มอบความรัก และความเอาใจใส่ให้กับพวกมันเป็นอย่างดี ในวันนั้นจึงกลายเป็นวันที่แสนสุขทั้งสำหรับเจ้าเหมียวและพนักงานทุกคน” ในทุกๆ วันมันจะรอเหล่าทาส (หรือที่มันเข้าใจว่าเป็นที่เปิดกระป๋อง) อยู่ที่ประตูหน้าของบริษัท เพื่อขอให้ที่เปิดกระป๋องนั้นเปิดกระป๋องเอาอาหารมาเสิร์ฟให้กับพวกมัน หลังจากที่พนักงานแต่ละคนเดินไปนั่งที่โต๊ะทำงานแล้ว เจ้าเหมียวทั้ง…
-
หนุ่มทำเงินแสนปลิวกระจุยหน้าธนาคาร พนักงานช่วยตามเก็บ จนได้กลับมาครบทุกใบ!!
ลองนึกภาพถ้าเราถือเงินสดกว่าแสนบาทเพื่อที่จะนำไปฝากธนาคาร แต่โชคร้าย เราดันทำเงินจำนวนนั้นตก แถมยังถูกลมพัดจนกระจุยกระชาย ความรู้สึกของเราตอนนั้นจะสิ้นหวังขนาดไหน สำหรับ หยาง ชายชาวจีนคนนี้ก็เช่นกัน เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเขาได้นำเงินสดที่เก็บหอมรอมริดมาอย่างยาวนานจำนวน 30,000 หยวน หรือราว 150,000 บาท ไปฝากธนาคารแห่งหนึ่งในมณฑลเจียงสู แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าธนาคาร เขาดันทำเงินก้อนนั้นตกหน้าประตู สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เงินจำนวนนั้นถูกลมพัดกระจุยกระจายไปทุกทิศทาง ตอนนั้นเขาถึงกับช็อคและทำอะไรไม่ถูกไปเลยทีเดียว โชคดีที่พนักงานธนาคารคนหนึ่งชื่อว่า ซุน เห็นเหตุการณ์ เธอจึงรีบวิ่งออกมาช่วยเก็บเงินที่กำลังปลิวในทันที “เธอไม่สนใจด้วยซ้ำว่าฝนตกอยู่หรือเปล่า เธอเข้ามาช่วยผมเก็บเงินที่ตกอยู่ แม้สุดท้ายเธอจะต้องเปียกทั้งตัว แต่เธอก็ยังตัดสินใจช่วยผม” หลังจากนั้น พนักงานธนาคารคนอื่นๆ ก็ออกมาช่วยเก็บเงินเช่นกัน สุดท้ายเงิน 30,000 หยวนที่ปลิวไป ก็กลับมาอยู่ในมือของนายหยางครบทุกหยวนไม่ขาดแม้แต่นิดเดียว พอเก็บเงินเสร็จแล้ว ผู้จัดการของธนาคารก็นำผ้าเช็ดตัวมาให้กับนายหยาง รวมทั้งนำไดร์เป่าผมมาช่วยเป่าให้เงินแห้งอีกด้วย ขอชื่นชมพนักงานทุกคนจริงๆ ถ้าไม่ได้พวกเขาเงินของนายหยางอาจมีหายไปบ้างก็เป็นได้ นี่แหละน้า น้ำใจของเพื่อนมนุษย์ ที่ยังทำให้โลกใบนี้งดงามอยู่ ^^ ที่มา Shanghaiist
-
สื่อนอกตีข่าว พนักงานบริษัทหนึ่งในจีน ถูกสั่งให้กินหนอนเป็นๆ หากยอดขายไม่ถึงเป้า!!!
คุณคิดว่าบอสที่ทำงานของคุณโหด และโฉดมากพอรึยัง? ถ้าใครที่คิดว่าตัวเองมีบอสที่โหดเหลือเกิน อาจจะด้วยวิธีการจัดการกับลูกน้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ เราขอบอกเลยว่า หัวหน้าใหญ่ของบริษัทแห่งนี้ในเมืองจีน โหดกว่านั้นหลายเท่า เพราะเขาสั่งให้พนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายได้ถึงเป้า ต้องกินหนอนเป็นๆเพื่อเป็นการทำโทษ!! สำนักข่าว Huashang Daily รายงานว่า มีบริษัทแห่งหนึ่งในเมือง HanZhong มณฑลส่านซี กำลังยืนประชุมอยู่ในใจกลางเมือง พร้อมกับพนักงานราว 60 ชีวิต ซึ่งพยานในเหตุการณ์เล่าว่า มีหัวหน้าใหญ่ถือถุงที่เต็มไปด้วยหนอน พร้อมกับตะเกียบ และเหล้าต้นตำรับของจีน สำหรับพนักงานที่ไม่สามารถทำยอดขายให้ถึงเป้าได้ เดิมทีบริษัทนี้มีชื่อว่า ‘อ้ายเจีย’ หรือที่แปลว่า ‘รักบ้าน’ ซึ่งเป็นบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทย่อยอื่นๆอีก 10 แห่ง โดยระหว่างประชุม หัวหน้างานจะขานเรียกชื่อพนักงานที่ทำยอดขายได้ไม่ถึงเป้า เพื่อให้ออกมากินหนอนทั้งเป็น พร้อมกับเหล้าป๋ายจิ่ว (เหล้ายี่ห้อหนึ่งของจีน) พนักงานคนหนึ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “วันนี้เราถูกทำโทษให้กินหนอน สำหรับลูกค้า 1 คนที่เราเสียไป จะต้องแลกมาด้วยหนอน 4 ตัว” ซึ่งพนักงานเล่าว่า ในทุกๆเช้าวันใหม่ของการทำงาน บริษัทและพนักงานขายจะตั้งเป้ายอดขายในแต่ละวันไว้ และสำหรับใครที่ทำไม่ถึงเป้า ในตอนเย็นจะต้องถูกลงโทษด้วยการกินเหล้า…
-
บริษัทจีนขอเลื่อนจ่ายเงินเดือน ไม่อยากให้พนักงานเปลืองเงินใน “วันคนโสด” 11 พฤศจิกายนนี้!!
วันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ที่จะถึงนี้ ทางเว็บไซต์จำหน่ายสินค้าออนไลน์ของจีน จะมีการจัดมหกรรมลดราคาสินค้า เนื่องในวันคนโสด หรือ “Single’s Day” ด้วยเหตุนี้ ทางบริษัทอาหารแห่งหนึ่งในมณฑลฉงชิ่ง ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน จึงได้ประกาศแจ้งให้กับพนักงานได้ทราบว่า จะมีการเลื่อนจ่ายเงินเดือนของพวกเขาจนถึงสิ้นเดือนธันวาคม โดยทางผู้จัดการบริษัทได้ออกมาเผยว่า เหตุที่ต้องประกาศเลื่อนเงินเดือน เนื่องจากเป็นการป้องกันไม่ให้พนักงานในบริษัทนำเงินไปสั่งซื้อสินค้าออนไลน์อย่างสิ้นเปลืองในช่วงของวันดังกล่าว เอกสารเลื่อนจ่ายเงินเดือน หลังจากที่เรื่องราวได้เผยแพร่ไปทั่วโลกออนไลน์ ต่างก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก โดยบางรายก็เข้ามาแสดงความเห็นว่า “การระงับเงินเดือนของพนักงาน มันเป็นข้ออ้างของทางบริษัทมากกว่า” “พวกเขามีสิทธิ์ที่จะใช้เงินของตัวเอง คนจีนไม่ได้เป็นเด็กที่ต้องการพี่เลี้ยง พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ด้วยตนเอง” ด้านผู้จัดการบริษัท ก็ได้ออกมากล่าวว่า เขายินดีที่จะจ่ายให้ตรงเวลา หากพนักงานมีความจำเป็นต้องใช้เงินเร่งด่วนเช่นกัน ที่มา : cctvnewschina
-
คุณแม่ชาวอเมริกันเผยความในใจ ลูกชายไม่ควรได้รับโดนัทฟรี เพียงเพราะเขาเป็นคนพิการ
หลายคนอาจมองว่าเด็กพิการ เป็นเด็กที่เกิดมาผิดปกติ และแตกต่างจากเด็กทั่วๆ ไป แต่ถ้าลองมองในมุมของผู้เป็นพ่อแม่ที่มีลูกพิการ พวกเขาคงอยากให้คุณปฏิบัติกับเด็กๆ เหล่านั้นเหมือนเด็กทั่วๆ ไป นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นพ่อแม่ต้องการมากที่สุด Ellen Seidman คุณแม่ลูกสองชาวอเมริกันก็คงอยากให้ทุกคน มองลูกของเธอไม่ต่างจากเด็กปกติทั่วๆ ไปเช่นกัน หลังจากที่ Max ลูกชายที่พิการด้วยโรค Cerebral Pulsy หรือ CP ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้กล้ามเนื้อร่างกายเกร็ง ได้รับโดนัทฟรีจากพนักงานหญิงคนหนึ่ง เพราะเธอเห็นว่าเขาเป็นเด็กพิการ ด้วยเหตุนี้ เธอจึงใช้พื้นที่เล็กๆ ในโซเชียล มาระบายความรู้สึกที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางคุณแม่ลูกสองได้เผยว่า Dave ลูกชายคนที่ไม่พิการ ได้บอกกับเธอว่า เขาและ Max ได้เดินเข้าไปที่ร้าน Dunkin’ Donuts แห่งหนึ่ง โดย Max ได้พยายามบอกกับพนักงานว่าเขาต้องการนมช็อกโกแลต แต่พนักงานหญิงคนดังกล่าวกลับคิดไปในทางของตัวเองว่า “เขาไม่ได้พูดอะไรเลย” ทั้งๆ ที่ Dave ก็สังเกตเห็นว่า Max กำลังพูดอยู่ หลังจากนั้น เธอก็ได้ถามเด็กชายผู้พิการว่า เขาต้องการโดนัทชิ้นไหน ซึ่ง Max…
-
เหมียวโบโบ้ ผู้ทำหน้าที่เป็นพนักงานร้านค้ากว่า 9 ปี มีประสบการณ์การทำงานสูงมว๊ากกก
หากคุณรู้จักแมวเหมียวเป็นอย่างดี คุณจะรู้ว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าขนชนิดนี้ มักจะมีเรื่องราวที่น่าสนใจมาให้ชาวโลกได้รับรู้อยู่ตลอดเวลา และในวันนี้เราจะพาคุณมาพบกับ “โบโบ้” เจ้าเหมียววัย 9 ขวบ ที่มีความน่ารักเหมือนแมวธรรมดาๆ ทั่วไป แต่สิ่งที่ทำให้มันดูพิเศษกว่าแมวตัวอื่นๆ คือเจ้าเหมียวตัวนี้มันมีงานทำด้วยนะ นั่นจึงทำให้มันกลายเป็นแมวที่มีสตอรี่ไปในทันที ย้อนกลับไปสมัยที่โบโบ้ยังเป็นเด็ก เมื่อปี 2007 มันเป็นลูกแมวจรที่ต้องการบ้าน ด้วยความน่าสงสารพนักงานจากร้านค้าที่ไชน่าทาวน์ ในนิวยอร์ก จึงได้ตัดสินใจนำเจ้าเหมียวมาอาศัยอยู่ในร้านแห่งนี้ เพราะเขาต้องการให้มันมีที่อยู่อาศัย อีกทั้งยังมีทนายความผู้ใจดีที่เลี้ยงแมวอยู่แล้วถึง 4 ตัว แบ่งปันจัดหาอาหารให้มันกิน และพามันไปหาสัตว์แพทย์เพื่อตรวจสุขภาพร่างกายของมันอีกด้วย….นี่แหละคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เจ้าโบโบ้กลายเป็นพนักงานประจำร้านค้าแห่งนี้ไปในทันที จากวันนั้นจนถึงวันนี้…นี่ก็ผ่านมา 9 ปีแล้ว ที่เจ้าโบโบ้ได้รับหน้าที่เป็นพนักงานในร้านค้า มันมีประสบการณ์ในการทำงานสูง แถมยังรักงาน และรักลูกค้าของมันมากๆ เลยล่ะ ถึงจะเป็นแมวที่ชอบนอนเล่นอยู่ในร้านไปวันๆ แต่มันก็ไม่เคยหยุดทำงานเลยแม้แต่วันเดียว “เจ้าเหมียวมักจะชอบนั่งใกล้ๆ กับประตูทางเข้า และชอบทักทายลูกค้าเป็นประจำ แถมยังชอบมองออกไปนอกหน้าต่างอยู่บ่อยๆ เพราะมันเป็นแมวที่ขี้สงสัยมาก” แอนนี่ พนักงานที่ร้านค้าแห่งนี้กล่าว นับตั้งแต่ที่แอนนี่ได้เข้ามาทำงานในร้านค้าแห่งนี้ในปี 2014 เธอก็ได้กลายเป็นผู้ดูแลเจ้าโบโบ้คนปัจจุบัน…
-
เพื่อนร่วมงาน จัดงานเกษียณให้พนักงานดาวน์ซินโดรม ผู้ทอดเฟร้นฟรายซ์มานาน 32 ปี
ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะเกิดมาพร้อมความผิดปกติทางร่างกายบางอย่าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดที่พวกเขาควรได้รับ คือการปฏิบัติตัวจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำให้พวกเขารู้สึกว่า ตัวเองยังสามารถทำงานได้อย่างดี และทำให้พวกเขารู้สึกถึงการมีคุณค่าในตัวเอง เช่นเดียวกับเรื่องราวของ Freia David (อ่านว่า ฟราย-อา) พนักงานสาวผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้แก่แมคโดนัลด์ มาอย่างยาวนานกว่า 32 ปี ซึ่งปีนี้อายุของเธอก็เข้าเลข 52 ปีแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะป่วยเป็นดาวน ซินโดรม แต่กาลเวลาก็ได้พิสูจน์การทำงานอันแสนยอดเยี่ยมของเธอ ตลอดระยะเวลา 32 ปี ที่เธอทำงานในฐานะพนักงานฝ่ายทำอาหารทอด ประจำสาขา Needham รัฐแมสซาชูเซตส์ เมื่อไม่นานมานี้ เธอก็ได้ประกาศให้เพื่อนร่วมงานรู้ว่า เธอจะเกษียณตัวเองแล้วนะ นั่นทำให้หลายคนรู้สึกว่าต้องทำอะไรให้เธอสักอย่างแล้ว ผู้จัดการประจำสาขาก็เลยวางแผนจัดปาร์ตี้อำลาให้เธออย่างสมเกียรติ ในฐานะที่เธอคือพนักงานรุ่นแรกๆทำงานร่วมกันมาอย่างยาวนาน มีเพื่อนๆและผู้ที่อยากจะแสดงความยินดีให้เธอมากกว่า 100 คน เข้ามาร่วมงานอำลาในครั้งนี้ อีกทั้งเธอยังได้ของขวัญมากมาย ทั้งสร้อยคอ โมเดลคริสตัลของแมคสาขานี้ ใบประกาศณียบัตรอันทรงคุณค่าจากรัฐสภา และ บัตรทานแมคโดนัลด์ฟรีทุกมื้อตลอดชีวิต ให้แก่เธอและแม่ของเธอ “ฉันคิดว่าเราจะมีแค่ปาร์ตี้อำลากันเล็กๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะออกมายิ่งใหญ่มากขนาดนี้ ฉันพูดไม่ออกเลยล่ะค่ะ” Anneliese แม่ของเธอกล่าว Timothy McCoy…
-
นี่สิสุดยอด… เจ้าหมาอ้อนพนักงานร้านสะดวกซื้อ จนมันได้ไส้กรอกกลับบ้านฟรีๆ ทุกวัน!!!
เมื่อไม่นานมานี้ ทางเฟสบุ๊คที่ชื่อว่า Twinme Chang ผู้เป็นเจ้าของน้องหมาอ้วนสีขาวตัวหนึ่ง ได้ทำการเผยภาพพร้อมเรื่องราวน่ารักๆ ของเจ้าหมา ที่ได้สร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวเน็ตจีนไปทั่วโลกออนไลน์ ทางเจ้าของได้เผยว่า เจ้าตูบสีขาวตัวนี้ เป็นหมาที่ฉลาดมาก ดังนั้นทุกวันในเวลาเที่ยงคืน เขาจะอนุญาตให้มันออกไปวิ่งเล่นนอกบ้านได้ แต่ทุกๆ ครั้งที่ถึงบ้าน มันก็มักจะกลับมาพร้อมกับไส้กรอกที่ห้อยอยู่ในปากเสมอ งานนี้เขาก็เกิดความสงสัยว่า มันไปขโมยมาจากที่ใดกันนะ!? ในบางวันมันก็มักจะคาบไส้กรอกมาถึง 4 ชิ้น แถมยังกัดไว้แน่น ราวกับกลัวอาหารอันโอชะจะหลุดออกจากปากยังไงยังงั้นเลยละ ด้วยความสงสัยเขาจึงทนไม่ไหวอีกต่อไป เพราะในใจก็อยากจะรู้เหลือเกินว่าไส้กรอกที่มันคาบมา มาจากที่ใดกันแน่ งานนี้เขาเลยทำตัวเป็นเหมือนตำรวจ รีบติดตามเบาะแสคนร้ายในทันใด จนในที่สุดความจริงก็กระจ่าง… ภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็คือ เจ้าตูบได้เข้าไปในร้านสะดวกซื้อ และมีพนักงานผู้ใจดีรออยู่ จากนั้นเขาก็ยื่นไส้กรอกให้มันครั้งละ 2-3 อัน โดยที่ไม่มีท่าทางที่แปลกใจเลยสักนิด งานนี้ก็เลยทำให้ผู้เป็นเจ้าของกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ แถมยังแอบแซวขำๆ ว่ามันจะต้องใช้ปืนขู่ปล้นไส้กรอกจากพนักงานมาแน่ๆ อ๋อ!! เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง ก็นึกว่ามันไปขโมยมาจากที่ไหนซะอีก ส่วนเจ้าตูบก็น่ารักเนาะ มีแหล่งของกินประจำก็ไปรับทู๊กกกกกวัน ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่สร้างรอยยยิ้มให้กับผู้คนทั่วโลกออนไลน์เลยก็ว่าได้ ที่มา : eryunews
-
สนใจกันหน่อยเถ้อะ!!! โจรบุกปล้นร้านอาหาร ลูกค้า-พนักงานเมิน สุดท้ายกลับบ้านมือเปล่า
โจรที่เราเห็นทั่วไปบ่อยๆตามคลิปและหนังนั้น คงเห็นว่าโจรต้องดูน่ากลัว มีความมั่นใจในการมาปล้น แต่ไหนโจรที่มาปล้นร้านอาหารที่นี่กลับแตกต่างจากโจรที่เรานึกภาพกันนะ ร้านอาหารแห่งหนึ่งชื่อว่า Souvlaki ในประเทศนิวซีแลนด์ ได้เกิดเหตุการณ์ระทึก ได้มีโจรเข้ามาปล้น (เหมือนในหนังที่เราดูนั้นแหล่ะ) แต่ว่าใครจะคิดว่าโจรพร้อมจะมาปล้น กลับโดนลูกค้าและพนักงงานร้านเมินซะงั้น เอิ่ม…. จากในคลิปเราจะเห็นได้ว่าโจรเข้ามาพร้อมปืน ระหว่างนั้นพนักงานและลูกค้าก็ยื่นของให้กัน พอพนักงานยื่นของเสร็จก็เดินไปหลังร้าน โดยไม่สนใจโจรที่มายืนรอหน้าเค้าเตอร์ ทางฝั่งโจรก็เหมือนพยายามเรียกร้องความสนใจ ประมาณว่า เฮ้ย ตรูมาปล้นนะเฟร่ย ช่วยกลัวหรือใส่ใจหน่อยได้ไหม แต่ก็ นั่นละ ไม่มีใครสนใจอยู่ดี -*-!! ช่างเป็นโจรที่ดูน่าสงสารยิ่งนัก เพราะจากในคลิปจะเห็นว่า ไม่มีใครสนใจเค้าเล๊ยยยยยย จากเหตุการณ์นี้เราจะเห็นว่าวิธีสงบโจรคือเดินออกไปโดยไม่สนใจสินะ แหะๆๆ ที่มา : stuff.co.nz,distractify
-
อยากไปไหม!! รับสมัคร ‘พนักงานดูแลเม่นแคระ’ งานฟินๆ แถมรายได้ปีละ 1 ล้าน
ก็เรียกได้ว่ามีบ้านขายบ้าน มีรถขายรถ มีงานออกจากงานกันเลยล่ะ เพราะตอนนี้ในส่วนของทาง Suffolk Wildlife Trust ที่เป็นองค์กรเกี่ยวกับน้องเม่นแคระนั้น กำลังเปิดรับสมัครพนักงานแบบฟูลไทม์ไปทำงานกับพวกเขาอยู่ แถมรายได้ดีซะด้วยขอบอก!!! ป้ายเปิดรับสมัครงาน ‘เรากำลังเสาะหาคนที่จะมาทำงานในด้านการอนุรักษ์เหล่าเม่นแคระตัวน้อยในอิปสวิช คุณจะได้ใช้ความสามารถของคุณในการสร้างอิปสวิชให้กลายเป็นเมืองที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยและเป็นมิตรที่สุดสำหรับเหล่าเม่นแคระ ประสบการณ์ในด้านนิเวศวิทยา การประชาสัมพันธ์และขอความร่วมมือกับคนในสังคมเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับงานนี้’ รายละเอียดในป้ายกระกาศรับสมัครงาน โดยเมืองที่เพื่อนๆ จะได้ไปทำงานนั้นก็คือเมือง Ipswich แห่งสหราชอาณาจักร สำหรับค่าจ้างจะอยู่ที่ราวๆ 24,000 ปอนด์ต่อปีด้วยกัน ถ้าเป็นเงินไทยก็มีมุลค่าถึง 1.15 ล้านบาทเลยทีเดียว!!! หลักๆ แล้วคุณต้องทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลเจ้าตัวน้อยเหล่านี้ โดยเฉพาะในด้านความปลอดภัยของพวกมันล่ะ ในส่วนของเมือง Ipswich นั้นก็ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์มาก แน่นอนว่าในการดูและเจ้าตัวน่อยเหล่านี้นั้น คุณจะได้รับการสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่จากคนในพื้นที่อีกด้วย ดูแลเจ้าตัวน้อยเหล่านี้คืองานของคุณ!!! หลักๆ แล้วคือคุณต้องมีความรักและเข้าใจในเม่นแคระค่อนข้างดี มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับ ICT นิดหน่อยและเคยทำงานในด้านการอนุรักษ์สัตว์อื่นๆ มาก่อนก็จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษอีกด้วย และถ้าใครอยากสมัครงานดูล่ะก็ ทำการสมัครได้ ที่นี่ โฆษณารณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนระวังเหล่าเม่นแคระ อื้อหือออออ งานนี้ ทั้งฟิน ทั้งเปรม แถมรายได้ดีอย่างนี้…
-
ผู้โดยสารจีนปรอดแตก ตบหน้าพนักงานสายการบิน หลังเครื่องบินดีเลย์อย่างหนัก!!
หนึ่งในปัญหาที่ผู้โดยสารเครื่องบินไม่อยากเจอมากที่สุดคือการที่เครื่องดีเลย์ นั่นหมายความว่าผู้โดยสารต้องเสียเวลารอไปอีก จนบางทีอาจพลาดสิ่งที่สำคัญไปและอาจนำไปสู่ความไม่พอใจของผู้โดยสารก็เป็นได้ อย่างเช่นเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่สนามบินในนครฉางซา เมื่อเครื่องบินของสายการบิน Capital Airlines ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทางผู้โดยสารทีไ่ด้รับผลกระทบ จึงรวมตัวกันและขอพบกับตัวแทนของสายการบิน แต่ทางสายการบินได้ปฏิเสธคำร้องนั้น ทางผู้โดยสารจึงเริ่มไม่พอใจ และเข้าไปทำร้ายพนักงานต้อนรับภาคพื้นดินของสายการบินนั้น ในภาพเราจะเห็นว่ามีผู้โดยสารหญิงคนหนึ่ง สาดกล่องข้าวใส่พนักงานสาวของสายการบิน และชายเสื้อลายขวาง ก็ปรี่เข้าไปตบหน้าพนักงานของสายการบินคนดังกล่าวอีกที พร้อมพูดว่า “ชั้นตบหน้าเธอแล้วยังไง?” เมื่อข่าวดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจีนก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่า ตอนนี้ทั้งสองถูกใส่ชื่อเข้าไปในบัญชีดำของบรรดาสายการบินแล้วหรือยัง หรือพวกเขาได้รับบทลงโทษทางกฎหมายใดๆ หรือไม่ ที่เข้าไปทำร้ายพนักงานเช่นนั้น ลองไปชมคลิปกันดีกว่า โหดจริงๆ ผู้โดยสายชาวจีน แต่จะโมโหขนาดไหนก็ไม่ควรเข้าไปทำร้ายพนักงานนะ เพราะเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วย หวังว่าทั้งสองจะได้รับบทลงโทษตามกฎหมายที่เหมาะสมไปนะฮะ ที่มา Shanghaiist
-
น้ำตาจะไหล…รวม 11 ภาพการ์ตูนที่ทำให้เห็น “ชีวิตจริง” ของเหล่า “พนักงานออฟฟิศ”
สำหรับคนที่เป็นพนักงานบริษัท เชื่อว่าเวลา 80% ของชีวิตนั้นใช้อยู่ในออฟฟิศล้วนๆ ซึ่งชีวิตของเหล่าพนักงานออฟฟิศนั้นถือว่ามีเอกลักษณ์และความทุกข์สุขที่ไม่เหมือนอาชีพใดๆ วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 11 ภาพการ์ตูนผลงานของเว็บไซต์ Bright Side ที่สะท้อน “ชีวิตจริง” ของเหล่าพนักงานออฟฟิศ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เช้าวันจันทร์ทีไร ทุกคนนี่หน้าตาเนือยๆ ตลอด หัวหน้าไม่อยู่ หนูร่าเริง อยากจะโยนงานทิ้ง แต่สุดท้ายก็ต้องกลั้นใจทำอยู่ดี กล่องข้าวต้องวางเรียงกันสูงๆ ผู้ตรวจงานมาที เหมือนตัวเล็กลง 10 เท่า วันหยุดกะจะพักสบายๆ แต่สุดท้ายก็ต้องแก้งาน T^T งานอยู่กับเราทุกที่ทุกเวลา ต้นเดือนเหมือนราชา ปลายเดือนนี่กินมาม่าตลอด งาน…ถ้าไม่ถึงวันเดดไลน์ ก็ไม่ค่อยมีแรงทำเท่าไหร่ ใครที่ขรึมๆ พอมีงานปาร์ตี้นี่คือสุดเหวี่ยง หน้าหม่นหมองมาทั้งอาทิตย์ พอถึงวันศุกร์ปุ๊บนี่ร่าเริงเลย …
-
พนักงานบริษัทนับสิบออกมาคลานบนถนนเพื่อลงโทษตัวเอง หลังทำยอดไม่ถึงเป้า!!
กลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเตอร์เน็ตของประเทศจีนเลยทีเดียว เมื่อมีคลิปวีดีโอพนักงานบริษัทนับสิบออกมาคลานเข่าเพื่อเป็นการลงโทษตัวเอง หลังจากทำยอดขายไม่ถึงเป้า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่บริษัทรถเช่า Jilin เจ้าของบริษัทได้กล่าวว่า เขาเป็นคนสั่งให้หัวหน้าแผนกฝ่ายขายออกมาคลานเข่าไปบนถนนเอง เหตุผลคือ เขาต้องการให้หัวหน้าแผนกฝ่ายขายรับผิดชอบในการที่ทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า ซึ่งเขาบอกว่าจริงๆ แล้วเขาสั่งแค่คนที่เป็นหัวหน้าเท่านั้น แต่พอพนักงานในแผนกที่เหลือเห็นหัวหน้าโดนลงโทษ พวกเขาก็มาร่วมคลานด้วย เพื่อเป็นการรับผิดชอบร่วมกัน เมื่อชาวเน็ตจีนได้เห็นภาพดังกล่าว ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์มากมาย บ้างก็บอกว่านี่เป็นการลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ บางคนก็บอกว่านี่มันผิดกฎหมายชัดๆ จะมาลงโทษทางวินัยอะไรก็ว่ากันไป แต่ให้มาคลานเข่าแบบนี้ไม่ถูกต้อง ลองไปชมคลิปกันดีกว่า อย่างกับการรับน้องเลยนะเนี่ย แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง ลองเสนอกันเข้ามานะฮะ ที่มา Shanghaiist
-
รู้แล้วอึ้งแป๊บ!! เผยโฉมพนักงานทรูอกโตที่ถูกแชร์ต่อกระหน่ำ ความจริงนั้นเป็น ‘นาย’ นะครับ
#เหมียวเลเซอร์ ส่องอยู่ใน Facebook เมื่อวานอยู่ซักพักใหญ่ๆ ในช่วงค่ำๆ ก็พบเจอกับการแชร์ภาพของพนักงานทรู 2 คนกำลังไหว้อยู่ โดยมีการเปรียบเทียบเชิงว่า ‘อ่ะ ทายสิเราคือคนไหน’ อะไรประมาณนั้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาได้มากที่สุดก็คือ หน้าอก ของฝั่งขวานี่แหละ!! ถ้ามองแบบไม่คิดอะไรมาก ก็คิดว่าพนักงานทั้งสองคนนี้เป็นผู้หญิงแน่นอน ส่วนฝั่งขวานี่ทำให้เหล่าชายทั้งหลายถึงกับหวั่นไหวเป็นพิเศษ ด้วยขนาดหน้าอกหน้าใจนี่แหละ อยากจะรู้ความจริงรึยังว่าเธอผู้นี้คือใครกันแน่ ไปสืบมาแล้วก็พบว่า ว่า ว่าาาาาา…. ผ่างงงง!! เขามีชื่อว่า ‘นาย นครินทร์ ธนีสัตย์’ เป็นพนักงานประจำอยู่ที่ทรูช็อป บิ๊ก ซี นครสวรรค์ นี่เอง หากใครอยู่แถวๆ นั้นก็ลองทักทายกับเขา เอ๊ะ หรือจะเรียกว่าเธอ ก็ได้นะ (ดับฝันเหล่าชายหนุ่มไปแล้วล่ะสินะ) ที่มา : tnews
-
พนักงานดีสนีย์เตรียมทางให้พาเหรด แต่หนูน้อยนอนขวางก็เลยร่วมวงแล้วถามว่า ‘เห็นอะไรเหรอ’
Disney มักจะเติมเต็มความฝันและจินตนาการให้กับเด็กๆ อยู่เสมอ รวมไปถึงยังช่วยเติมเต็มความฝันให้กับผู้ใหญ่ได้อีกด้วย ซึ่งนอกจากจะผลิตสื่อการ์ตูนน่ารักออกมามากมายแล้ว ก็ยังมีรูปแบบของสวนสนุกและรีสอร์ทต่างๆ อีกมากมาย ที่หลายคนก็หวังว่าจะได้ไปเยือนซักครั้ง ซึ่งเวลาที่ไปเยี่ยมเยือน Disneyland ความฝันสูงสุดของใครหลายคนก็คือการได้ชมขบวนพาเหรดของเหล่าตัวละครจาก Disney ในช่วงเวลาใกล้จะเดินขบวนเหล่าแคส (พนักงานดีสนีย์) ก็จะต้องมาทำการเคลียร์และกันพื้นที่สำหรับขบวนพาเหรดให้สามารถเดินผ่านไปได้ แต่สำหรับเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้น ณ Disneyland ในสหรัฐอเมริกา ขณะที่แคสกำลังเคลียร์ทางให้ขบวนพาเหรดกลับเจอหนูน้อยรายหนึ่งนอนอยู่กลางทางขวางทางของขบวนพาเหรด ซึ่งหนูน้อยรายนี้ประสบกับโรคในกลุ่มอาการดาวน์ด้วย เมื่อเห็นแบบนี้แล้วหลายคนอาจจะคิดว่าไม่นานเธอก็คงโดนห้ามและกันออกไปจากพื้นที่แน่นอน แต่ทุกอย่างกลับตรงกันข้าม เหล่าแคสต่างพร้อมใจกันนอนลงข้างๆ หนูน้อยพร้อมกับชวนคุย หยอกล้อกันไปมา และถามว่า ‘มองเห็นอะไรเหรอ’ ช่วยสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับน้องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งผู้คนที่เห็นเหตุกาณณ์ต่างก็รู้สึกประทับใจกับงานบริการของเหล่าแคสที่บริการด้วยจิตใจอันดีงาม เหมาะสมกับคำว่า ‘บริการด้วยใจ’ เป็นอย่างมากเลยล่ะ กับคุณภาพของบรรดาแคสของดีสนีย์ #เหมียวเลเซอร์ รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเลย ที่มา : @dsnyshe, spotlight-media
-
ลูกค้าส่งคำร้องเกี่ยวกับการส่งของให้กับทางบริษัท พนักงานก็จัดให้เต็มที่ แต่…เอิ่มมมม
แหม๊…นึ่ก็นึกว่าศรีธนญชัยมาเองเลยนะเนี่ย ขอถามก่อนเลยว่านี่ซื่อจริงๆ อยากทำตามลูกค้าขอ หรือกะจะกวนทีนลูกค้ากันแน่เนี่ย ฮ่าๆๆๆ (แต่ #จ่าสิบเหมียว คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่านะเนี่ย -*-) จะว่าไปแล้วเรื่องราวฮาๆ ของพฤติกรรมเด็กส่งของจากสำนักส่งของต่างๆ ทั้งไทยและเทศก็มีมาให้เราได้ฮากันเป็นประจำ แต่อย่างน้อย การส่งของในครั้งนี้ก็ต้องบอกว่าเด็กส่งของได้ทำตามคำขอของลูกค้าทุกประการเลยล่ะ ข้อความที่ลูกค้าส่งไปให้บริษัทส่งของ แนะนำเกี่ยวกับการส่งพัสดุ คำขอจากทางลูกค้า: ‘โปรดวางไว้ตรงประตูหน้า ซุกไว้ใต้พรมให้ด้วยนะจ๊ะ….’ เอิ่มมมม มาถึง ณ จุดๆ นี้ #จ่าสิบเหมียว คิดว่าเพื่อนๆ หลายๆ คนก็เริ่มเห็นภาพกันแล้วล่ะ >< แต่พอดีพัสดุของเขาเป็นกล่องยาวอ่ะนะ นี่ก็ทำตามคำสั่งทุกประการเลยนะเนี่ย -*- ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าของบ้านเห็นแบบนี้ก็ฮาสุดๆ นำภาพไปใส่ใน Imgur เว็บไซต์ฝากรูปขนาดใหญ่ ซึ่งมีคนเข้ามาดูเกือบ 1 ล้านวิวเลยทีเดียว!!! I’m just here to serve the customer ฮ่าๆๆๆ ถือว่าพนักงานส่งของทำหน้าที่ได้สมบูรณ์แบบมาก นี่แหละพนักงานในฝันเลยล่ะ หวังว่านายจะได้เลื่อนตำแหน่งและขึ้นเงินเดือนภายในเร็ววันนะจ๊ะ…ถรุ้ยยยยย…
-
สุดใจ!! พนักงานเซเว่นเจอโจรปล้นร้านแต่ขอสู้ไม่ถอย ฟาดใส่โจรแบบไม่ยั้ง!!
กลายเป็นคลิปทอล์กออฟเดอะทาวน์เลยทีเดียว สำหรับคลิปวิดีโอของพนักงานเซเว่นที่กำลังต่อสู้กับคนร้ายอย่างสุดใจ จนชาวเน็ตยกย่องในความพยายามของเธอ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 26 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอจากเฟซบุ๊กเพจ YouLike (คลิปเด็ด) เป็นคลิปของพนักงานเซเว่นแห่งหนี่งในอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายในคลิปเผยให้เห็นภาพของหัวขโมยที่บุกไปยังร้านสะดวกซื้อเพียงคนเดียว และหวังชิงทรัพย์จากเครื่องคิดเงินของพนักงาน แต่พนักงานรายนี้กลับไม่ยอมง่ายๆ แถมยังสู้กลับไปแบบสุดใจอีกต่างหาก แต่สุดท้ายก็ต้องถอยออกมาเพราะถูกมีดของคนร้ายบาดเข้า ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่ด้านล่างเลย โจรปล้น 7-11 พนักงานสู้ขาดใจ!! – อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ::–> โจรปล้น 7-11 พนักงานสู้ขาดใจ!! – อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ <–:: CREDIT: @นาย บุญธรรม ราษฎรไทย |https://goo.gl/qNDdQz ************************* ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@นาย บุญธรรม ราษฎรไทย Posted by YouLike (คลิปเด็ด) on 26 กุมภาพันธ์ 2016 หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไปในวงกว้าง…
-
สาวโพสต์ภาพตัวเองโดนทำร้ายลงเฟซบุ๊ก แฉผู้บริหารกระทืบลูกน้อง เหตุเพราะแค่มาขอลาออก!?
บางครั้งการทำงานกับบริษัทบางแห่งหรือกลุ่มเพื่อนร่วมงานบางคนก็เป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ จึงทำให้ลูกจ้างบางคนเลือกที่จะเดินออกมาหางานทำใหม่ แต่วิธีแก้ปัญหานี้อาจใช้ไม่ได้กับพนักงานทุกๆ คนนะ เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กสาวรายหนึ่งได้โพสต์ภาพใบหน้าของตนเองที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ โดยอธิบายว่าเธอถูกเจ้านายทำร้ายร่างกายเพียงเพราะขอลาออกเท่านั้น พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “หนูทำอะไรผิดขนาดนั้นหรอคะ! ถึงได้กระทืบหนูขนาดนี้ถุยน้ำลายใส่หน้าหนู ผลักหนูล้มแล้วกระทืบหนูอีก เหตุผลหนูแค่ขอเขียนใบลาออก เนื่องย้ายหนูทำงานที่ไกลกว่าที่เดิม ก็ด่าหนูเนรคุนบริษัท” “เป็นถึงผู้บริหารสูงสุดกลับทำตัวเหมือนกับ? กระทืบผู้หญิงได้ลงคอ นี้และสันดานของบริษัท… ฝากให้เพื่อนทุกๆ คนช่วยกันแชร์อย่าให้เกินเหตุการแบบนี้กับใครเลยค่ะ!” ทั้งนี้เจ้าตัวได้ทำการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันแล้วเรียบร้อย หลังจากที่เรื่องราวของเธอถูกแชร์ออกไปในโลกออนไลน์ ก็มีชาวเน็ตจำนวนมากพากันเข้ามาให้กำลังใจเธอกันอย่างล้นหลามทีเดียว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้โพสต์ขอบคุณทุกๆ กำลังใจที่มีให้ พร้อมกับบอกว่าตนเองเป็นเพียงชาวบ้านคนหนึ่งที่ไม่ได้มีคามรู้อะไรมาก แต่พยายามจะเล่าให้เข้าใจมากที่สุด และดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่เคสแรกที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อตามไปดูที่เฟซบุ๊กของบริษัทนี้ก็มีพนักงานเข้ามาบ่นในทำนองเดียวกันว่าบริษัทแห่งนี้ใช้งานเขาหนักจนไม่ได้กลับบ้านตรงเวลาเหมือนคนอื่นๆ เลย ส่วนความเห็นทางด้านลูกค้าเองก็บอกว่าบริษัทแห่งนี้ให้บริการได้ค่อนข้างแย่ เพราะสั่งของไปแล้วแต่กลับไม่ได้ตามกำหนด ครั้นพอสินค้าไม่ได้ตามมาตรฐานหรือสินค้าหมดสต็อกกลับไม่มีการแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าก่อน แถมยังบริการแย่อีกด้วย งานนี้ดูจะไม่ใช่แค่กรณีเดียวแล้วนะเนี๊ยะ เพราะทั้งพนักงานและลูกค้าออกมาพูดเป็นเพียงเดียวกันแบบนี้ #เหมียวฟิ้นว่าต้องมีการปรับปรุงแล้วล่ะ เรียบเรียงโดย เหมียวฟิ้น
-
มนุษย์เงินเดือนแสนเหงา โดนทิ้งไว้ออฟฟิศคนเดียวบ่อยๆ โชว์สกิลแต่งภาพตัวการ์ตูนมาอยู่ด้วยซะเลย!!!
สำหรับเหล่ามนุษย์เงินเดือน แน่นอนว่าการไปทำงานในออฟฟิศนั้นก็เหมือนเป็นการอีกสังคมหนึ่ง ที่ค่อนขางเงียบกัน แต่ก็คึกคักแปลกๆ เพราะมีเพื่อนร่วมงานอยู่กับเราเกือบตลอดเวลา แต่ก็มีบางคนเช่นกัน ที่ต้องทำงานอย่างโดดเดียวในออฟฟิศอยู่บ่อยๆ เหมือนเจ้าหนุ่มคนนี้ Ervin Boer ที่มักจะต้องทำงานในออฟฟิศเพียงลำพัง เขาเลยสร้างเพื่อนๆ ในจินตนาการขึ้นมาเองซะเลย!!! มาเล่น XO กันหน่อยเจอร์รี่!!! แพ้แล้วต้องโดนทำโทษ!!! จะหนีไปไหนนนนน Nibbles แอบเข้าครัวมากินอาหารเหรอ!!? ตกลงไปในแก้วกาแฟ ไปทำมาให้ใหม่ด้วย!!! ทำงานหลายวันไม่ยอมอาบน้ำ กลิ่นไม่ไหวละนะ!!! นี่ๆๆ จะเล่าอะไรให้ฟัง จุดให้หน่อยสิ มาช่วยทำงานกัน กล้วยของใครหน๊อออ?? ออกไปจากแก้วเดี๋ยวนี้นะ!!! ช่วงเวลาผ่อนคลาย… ก็ท่าจะดีเหมือนกันถ้าเพื่อนๆ ในออฟฟิศทิ้งเราให้อยู่คนเดียวบ่อยๆ ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์เพื่อนในจินตนาการแบบเจ้าหนุ่มคนนี้ได้ อย่างไรก็ตามอย่าจินตนาการออกมาเป็นคุณมัดเลยนะ ฮ่าๆๆๆ เหมียวกลัววว >< ที่มา: Ervin Boer Photography
-
พนักงานพิพิธภัณฑ์โดนจับ หลังทำ ‘หน้ากากฟาโรห์’ อายุ 3,000 ปีพัง แล้วติดกาวซ่อมปกปิด!!!
สงสัยจะสิ้นไร้หนทางแล้วจริงๆ ฮ่าๆๆๆ เมื่อพนักงานพิพิธภัณฑ์ราวๆ 8 คนถูกหมายศาลเรียกไปสอบปากคำเรื่องหน้ากากของฟาโรห์ Tutankhamun หรือ ฟาโรห์ทุตอังค์อามุน อันเลื่องชื่อ!!! เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก็เพราะพวกเขาถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำส่วนเคราของหน้ากากหลุด แถมพยายามใช้กาว ติดส่วนเคราที่หลุดเพื่อความแนบเนียนด้วยล่ะ!!! หลักๆ แล้วข้อหาที่พวกเขาโดนฟ้องก็คือความประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ และความไม่เป็นมืออาชีพ ปิดบังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมา ภาพหน้ากากของฟาโรห์ทุตอังค์อามุนและส่วนเครา สำหรับหน้ากากของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน นั้น คือของสำคัญของประเทศอียิปต์ที่นักท่องเที่ยวนับล้านๆ คน เข้ามาชมทุกๆ ปี พอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้พบว่าส่วนหนวดของหน้ากากนั้นได้เสียหาย และถูกซ่อมแซมอย่างรีบๆ ลวกๆ โดยใช้กาวติดกลับเข้าไป พอสอบปากคำก็สามารถรู้ได้ในที่สุดว่าหน้ากากนี้เสียหายตอนที่นำออกมาจากตู้โชว์เพราะระบบไฟมีปัญหาต้องทำการซ่อม พอเกิดการเสียหายก็รีบใช้กาวติด แล้วใช้มีดขูดๆๆ บริเวณขอบเพื่อจะได้ไม่เห็นรอยกาว เรื่องนี้ทำเอานักโบราณคดีอียิปต์หัวเสียอย่างมาก ถึงกับกล่าวออกมาว่า ‘ช่างหัวมันปะไรเรื่องวิทยาการล้ำสมัยต่างๆ ที่จะเข้ามาซ่อมแซม คนทำผิดพยายามปกปิดความผิดของพวกเขาโดยการใช้กาวสั่วๆ และอุปกรณ์แหลมคมเนี่ยนะ!!? ทำลายประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปีได้แบบไร้หัวคิดสุดๆ !!!’ ก็ไม่ใช่แค่กลุ่มนี้เท่านั้นที่โดยหมายศาลเรียกไปให้ปากคำ ยังลามไปถึงผู้ดูแลและผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ด้วยล่ะ และสำหรับคนที่เป็นห่วง ไม่ต้องห่วงกันแล้วเพราะตอนนี้ก็ได้รับการบูรณะกลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิมโดยช่างซ่อมชาวเยอรมนีแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะจ๊ะ ที่มา: BusinessInsider
-
23 ภาพผลงานสุดเนี๊ยบของเหล่าพนักงาน ที่นายจ้างเห็น คงอยากเลื่อนตำแหน่งให้ทันที!!!
ในการทำงานไม่ว่าจะประเภทไหน หรือทำอะไรก็ตามแต่ ถ้าเราใส่ใจล่ะก็ มันจะออกมาดูดีสุดๆ เลยล่ะ และผลพลอยได้ก็คือ การที่คนอื่นมาเห็นงานของเราและชื่นชมและชื่นใจ และอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่งแบบไม่รู้เรื่องกันเลยทีเดียว วันนี้ก็มี 23 ภาพของการทำงาน ที่ต้องกล่าวชมเชยพนักงานจากใจจริงๆ ว่าทำงานได้เพอร์เฟ็คต์สุดๆ เลยทีเดียว ลองมาดูกันเลยว่าจะเด็ดขนาดไหน ดูเรียงเข้าสิ สุดยอด!!! กว่าจะได้แบบนี้คงเรียงนานน่าดู อูยยยย น่ากินมาก ขอให้มันเป็นระเบียบแบบนี้ทุกที่นะ -*- ราวกับเป็นศิลปะเลยล่ะ สวยงาม น่าทำงานมากๆ เป็นลูกค้าคงมาซื้อแผงนี้ก่อนเลย เป๊ะมาก หวังว่าจะไม่มีเด็กๆ ตัวป่วนผ่านมาแถวนี้นะ กลัวถล่มจัง ฮ่าๆๆ เพอร์เฟ็คต์!!! แบบนี้นายจ้างไม่รักก็บ้าแล้ว ลูกค้าคงไม่มาทำเละนะ T^T น่ากินกว่าเดิมอีกนะเนี่ย ไข่แดง ภาพจากมุมสูง…
-
เจ้านายบอกลูกน้องให้ตกแต่ง ‘โต๊ะในออฟฟิศ’ พวกเขาเลยจัดปราสาทสุดอลังการให้ซะเลย!!
นี่คือเรื่องราวของ Karl Young พนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง หลังจากที่เขากลับมาทำงานหลังวันหยุดปีใหม่ เขาและเพื่อนๆ ที่ทำงานก็ได้รับอีเมล์จากเจ้านาย ซึ่งข้อความในนั้นเป็นการมอบหมายภารกิจที่ยิ่งใหญ่ นั่นก็คือการตกแต่งโต๊ะทำงาน ด้วยความที่เป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์สูงมาก พวกเขาจึงทำการใหญ่ด้วยการสร้างประตูปราสาทด้วยกระดาษลังนั่นเอง นี่พวกเขาสร้างปราสาทในออฟฟิศจริงๆเหรอเนี่ย!! ทุกคนช่วยกันอย่างตั้งใจ มีการวัดขนาด วางแผนเป็นอย่างดี เริ่มจากการทำกำแพงก่อน มีการใช้ปืนกาวเพื่อความติดทนนาน เพื่อความสมจริง ต้องทำรายละเอียดของอิฐด้วย เริ่มออกมาเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ส่วนที่ยากที่สุดก็คือการทำให้หอคอยมันตั้งขึ้นมาได้ เพราะมันสูงถึง 3 เมตรเลยทีเดียว ท้ายที่สุดพวกเขาก็ใช้ระบบพิงนั่นเอง พวกเขาพิงกำแพงไว้ก่อน รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ส่วนต่อมาก็คือการทำประตู เอาซะเหมือนเป๊ะเลย อย่าลืมทำธงด้วย สุดท้ายก็ออกมาเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจ คนก็นั่งทำงานในปราสาทไป เหมือนได้ห้องทำงานที่ส่วนตัวมากๆ เจ้านายเห็นต้องตะลึง!! เจ้านายคงจะปลื้มปริ่มไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย ที่มา boredpanda
-
พนักงานเก็บขยะจีนรอดปาฏิหาริย์ หลังถูกรถบรรทุกชนเข้าอย่างจัง
กลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวอันน่าตื่นตาตื่นใจจากประเทศจีน ที่ครั้งนี้จะสอนให้เราตื่นตัวทุกครั้งที่อยู่บนท้องถนน โดยเฉพาะเหตุการณ์แบบนี้ โดยวีดีโอดังกล่าวเป็นภาพของพนักงานทำความสะอาดถนนคนหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังเก็บขยะอยู่กลางถนนนั้น อยู่ดีๆ ก็มีรถบรรทุกคนหนึ่ง พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ด้วยความเร็วและความใกล้ขนาดนั้น หลายๆคนคงคิดว่าเธอคงถูกทับแบนแต๊ดแต๋แน่นอน แต่โชคดี ด้วยปฏิกิริยาขั้นเทพของเธอ เธอจึงเบี่ยงหลบออกมาได้ทัน โดยคนขับรถบรรทุกเล่าว่า มีรถกำลังจะเลี้ยวขวา ทำให้เขาต้องเบี่ยงออกมาที่เลนกลาง และเขาก็เห็นพนักงานคนดังกล่าว ซึ่งเขาเบรกไม่ทันแล้ว โชคดีที่พนักงานคนดังกล่าว บาดเจ็บแค่กระดูกเท้าซ้ายแตกเท่านั้น แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บหนักๆ อย่างอื่น ตำรวจกล่าวว่า รถบรรทุกดังกล่าวไม่ยอมลดความเร็วเมื่อถึงสี่แยก ทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น ไปชมคลิปกันเลย อื้อหือ รอดมาได้นี่คือปาฏิหาริย์สุดๆ คราวหน้าไปทำความสะอาดถนนก็ระวังๆ กว่านี้นะ ไม่งั้นอาจไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้ ที่มา Shanghaiist
-
กรี๊ดสนั่นลั่นโซเชียล!! เชิญพบกับ ‘น้องแพน’ ลูกชายเจ้าของปั๊มน้ำมัน ทั้งหล่อ และน่ารักโดนใจสาวๆ ฝุดๆ
ใครที่กำลังเดินทางไกล (โดยเฉพาะสาวๆ) แล้วได้แวะพักที่ปั๊มน้ำมันบางจาก สาขาท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรีละก็ เชื่อว่าถ้าถ้าได้ขับรถเข้าไปปุ๊บ คุณจะต้องหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งทันทีแน่นอน เพราะคุณจะได้พบกับ ‘น้องแพน’ ลูกชายเจ้าของปั๊มน้ำมันแห่งนี้ ออกมาต้อนรับ และบริการลูกค้าถึงที่เลยละเหมียว และนี่ก็คือคือโฉมหน้าของน้องแพน ลูกชายเจ้าของปั๊ม ที่ทั้งหล่อ น่ารัก ยิ้มทีทำเอาสาวๆ ใจละลายกันเป็นแถว โอ๊ยยยยย งานนี้สาวๆ คนไหนที่ขับรถมาเหนื่อยๆ แล้วได้แวะพักที่ปั๊มน้ำมันแห่งนี้ รับรองว่าความเหนื่อยจะต้องหายไปในพริบตาแน่นอน ก็ดูสิ…มีหนุ่มหล่อหน้าตาดี ออกมาต้อนรับถึงที่แบบนี้ ใครไม่ฟิน เอ้ย!! ไม่หายเหนื่อยก็ให้มันรู้ไป นอกจากจะหล่อ น่ารักแล้ว ยังมีเสน่ห์มากๆ อีกด้วยนะเนี่ย แม้แต่แมวอย่างเหมียวเห็นแล้วยังหลงรักเลย เรียกได้ว่าเมื่อภาพของหนุ่มหน้าตาดีคนนี้ ได้ถูกเผยแพร่ลงในโลกโซเชียล ชาวเน็ตโดยเฉพาะสาวๆ ต่างก็พากันกรี๊ดในความหล่อกันเป็นแถว แหมๆๆ มีของดีขนาดนี้ เห็นทีต้องลองแวะพักเหนื่อยที่ปั๊มแห่งนี้ดูบ้างซะแล้วเมี๊ยว ที่มา : view.aynas
-
ภาพประทับใจของพนักงาน KFC กำลังป้อนอาหารให้ชาวต่างชาติที่ไม่สามารถทานเองได้
กลายเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับคนไทยไม่น้อย เมื่อได้มีการแชร์ภาพของพนักงานผู้หญิงคนหนึ่ง คาดว่าจะเป็นพนักงานของร้านอาหาร KFC กำลังป้องอาหารให้กับชาวต่างชาติที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น และดูเหมือนว่าจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เหมียวได้ไปเจอภาพนี้จากเพจ เรารักพัทยา ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่พัทยานั่นเอง ต้นภาพมาจากคุณ Numchok Boonmeprasect และถูกแชร์ต่อไปเรื่อยๆ จนคนกดไลค์ทะลุหนึ่งหมื่นไปแล้ว หลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่าฝรั่งคนนี้มาคนเดียวเหรอ ทำไมมาคนเดียวได้ทั้งๆเป็นแบบนี้ แต่ก็ได้มีผู้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดออกมาเล่าแล้วว่าฝรั่งคนนี้เขามาคนเดียว ถือเป็นภาพประทับในที่เห็นได้ไม่บ่อยนัก นี่แหละคนไทยที่แท้จริง!! ที่มา Numchok Boonmeprasect
-
หางานใหม่!! ประธานบริษัท Foxconn บอกลูกน้องให้หยุดสูบบุหรี่ กลับโดนสวน “ยุ่งไรด้วย?”
เห็นทีชะตาคงขาดเป็นแน่แท้ สำหรับพนักงานคนนี้ หลังจากสวนคุณลุงคนหนึ่งที่มาบอกให้เขาหยุดสูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ ก่อนจะทราบภายหลังว่าเขาคือประธานบริษัท เรื่องราวมีอยู่ว่า วันหนึ่ง Terry Gou ประธานบริษัท Foxconn บริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกยักษ์ใหญ่ของโลก ที่ส่งชิ้นส่วนให้กับบริษัทดังๆมากมายไม่ว่าจะเป็น Apple, Xiaomi และอื่นๆอีกมากมาย ได้เดินเข้าไปเยี่ยมชมโรงงานของตนเอง เขาพบเห็นพนักงานสองคน ยืนสูบบุหรี่ในสถานที่ห้ามสูบ เขาจึงเดินเข้าไปตักเตือนและบอกให้หยุดสูบ แต่พนักงานสองคนนั้นกลับสวนมาว่า “แกเป็นใคร? อย่ามายุ่งไม่เข้าเรื่อง!” Terry เจอแบบนั้นก็ช็อคไป เขาโมโหมากจึงเรียกผู้จัดการโรงงานมา พร้อมตะคอกว่า “ถ้าผู้จัดการไม่ทำอะไรพวกแก ฉันจะจัดการพวกแกเอง Foxconn ไม่ต้องการพนักงานอย่างพวกแกหรอก!!” Foxconn เองก็เป็นหนึ่งในบริษัท ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยวต่อพนักงาน อย่างที่เราเคยเห็นข่าวว่า พนักงานโรงงานนี้ฆ่าตัวตายเนื่องจากความเครียด รวมถึงทำงานหนักจนล้มป่วยก็มี และนั่นยังไม่กล่าวถึงค่าแรงที่ต่ำเตี้ย จนมีการรวมตัวกันประท้วงของพนักงาน ครั้งหนึ่งนาย Terry Gou เคยให้สัมภาษณ์ว่า “Foxconn เป็นบริษัทที่ใหญ่ และมีพนักงานกว่า 1 ล้านคนทั่วโลก และคนก็เหมือนกับสัตว์ชนิดอื่นๆนั่นแหละ การดูแลสัตว์ 1 ล้านตัวก็ทำเอาปวดหัวเหมือนกัน” …
-
พนักงาน McDonald’s รวมตัวกันจัดปาร์ตี้เซอร์ไพรส์วันเกิดให้คุณปู่วัย 93 ปี ลูกค้าประจำที่มักมานั่งทานคนเดียว
ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องราวน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เมื่อพนักงาน McDonald’s จัดปาร์ตี้วันเกิดเซอร์ไพรส์คุณตาวัย 93 ปี ลูกค้าประจำของทางร้าน ที่แทบจะมาทานอาหารที่นี่ ‘คนเดียว’ ทุกๆ วัน Harry Scott คุณตาลูกค้าประจำของสาขา Workington ใน Cumbria มักจะมาทานอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ ตั้งแต่ปี 2013 ซึ่งจะว่าไปแล้วก็มาราวๆ 6 วันต่อสัปดาห์เลยทีเดียว อันนี้ไม่ได้เวอร์นะเมี๊ยวว เค้าบอกอย่างนี้จริงๆ >< คุณตาวัย 93 ปี คุณตาได้เสียภรรยาไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว และตั้งแต่นั้นมา เขาต้องอยู่ตามลำพังมาโดยตลอด เพราะไม่มีลูก เหล่าพนักงานร้านจึงวางแผนลับๆ กันขึ้นมา เพื่อทำให้ลูกค้าประจำมีความสุขเสีย กระชุ่มกระชวยมากขึ้นหน่อย เนื่องในวันเกิดครบ 93 ปีที่กำลังจะถึง จึงเป็นอีเว้นท์ที่ดีที่สุดที่จะเซอร์ไพรส์คุณตา โดยเหล่าพนักงานสาขาได้เตรียมธงต้อนรับ ลูกโป่ง วิสกี้ ขนมอีกเล็กน้อย และแน่นอน ชุดแฮปปี้มีลสำหรับเขา บนโต๊ะประจำที่เขาชอบมาทานอาหารอยู่ ดูรอยยิ้มของคุณตาสิ…
-
เลิกแล้วนะครับ!! เจ้าของน้องหมาชิบะที่เฝ้าร้านขายของชำอันโด่งดัง ประกาศพักงานให้น้องชิบะแล้วจ้า
หากใครยังจำกันได้ ย้อนกลับไปเมื่อไม่นานมานี้มีการแชร์ทั้งภาพและวิดีโอคลิปอันน่ารักน่าชังของน้องหมาชิบะตัวหนึ่งที่ทำหน้าที่เป็นคนเฝ้าร้านขายของชำในญี่ปุ่น โดยที่ร้านขายของชำนี้ก็คือร้าน Suzuki Tobacco Shop หรือร้านขายบุหรี่ที่มีน้องหมาชิบะชื่อว่า ‘ชิบะ’ อีกทีเป็นพนักงานขายนั่นแหละ ซึ่งในตลอดปีที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของเจ้าชิบะนั้นเป็นที่ดึงดูดของนักท่องเที่ยวมากๆ ไม่ว่าใครผ่านมาเห็นก็ต้องแวะซักหน่อย เพราะความน่ารักและแสนรู้ของมัน แต่ทว่าล่าสุดนี้เจ้าของน้องชิบะนั้นได้ออกมาประกาศผ่านอินสตาแกรมของตัวเองว่า ร้านขายบุหรี่แห่งนี้ได้ปิดตัวลงอย่างเป็นทางการแล้ว และน้องชิบะก็จะได้ใช้ชีวิตวัยเกษียณเหมือนกับสุนัขทั่วๆ ไป สงสัยว่าต่อจากนี้ไปคงได้ไปนอนแทะแตงกวาทั้งวันแน่ๆ เลย ที่มา : thechive
-
ห้างเทสโก้ในอังกฤษ ให้พนักงานแต่งผีมาหลอกลูกค้ารับฮัลโลวีน เล่นเอาลูกค้าตกใจไปตามๆ กัน
พอใกล้ถึงวันฮัลโลวีน แน่นอนว่าหลายๆ ประเทศ ก็อาจจะเริ่มมีการแต่งผีออกมาหลอกหลอนชาวบ้านชาวช่องกันเป็นธรรมดา ก็เหมือนกับห้างเทสโก้ในประเทศอังกฤษ ที่อินกับเทศกาลฮัลโลวีนเหมือนกัน เพราะจู่ๆ ก็เกิดปิ๊งไอเดีย โดยการให้พนักงานในห้างแต่งผีมาหลอกลูกค้าซะอย่างนั้น งานนี้ทำเอาลูกค้าที่มาซื้อของต่างก็พากันตกอกตกใจกันเป็นแถว ผีฟักทองดูสยองดีนะว่ามั้ยยย และที่เหมียวว่าหลอนสุดๆ ก็คงจะเป็นพนักงานท่านนี้ ที่จัดแต่งหน้าผีมาซะเต็มที่ แถมยังทำหน้าตานิ่งๆ ทำเอาลูกค้าหลายต่อหลายคนสะดุ้งเฮือกไปตามๆ กัน นั่นแน่!! มีการหลอกลูกค่าซะด้วย แสดงได้สมบทบาทจริงๆ ส่วนผีฟักทองก็แผลงฤทธิ์ออกมาซะแล้ว ไปชมคลิปกัน ^^ เรียกได้ว่างานนี้ทำเอาลูกค้าหลายๆ คนถึงกับกระเจิงกันเลยทีเดียว แหมๆๆ ก็ไม่ให้กระเจิงได้ยังไงกำลังช้อปปิ้งอยู่ดีๆ เล่นเอาผีมาหลอกกันซะนี่ แต่จะว่าไป ก็ดูสนุกดีเหมือนกันนะเหมียว อิอิ!! ที่มา : kapook
-
ชีวิตสุดประหยัดของวิศวกรซอฟต์แวร์ Google ใช้ชีวิตอยู่ในรถบรรทุกที่จอดในบริเวณบริษัท
การที่เรามีหน้าที่การงานที่ดี อยู่กับบริษัทในฝัน แถมยังเป็นบริษัทที่มีสวัสดิการดีเยี่ยมและเป็นผู้นำทางด้านเว็บไซต์ค้นหาอันดับหนึ่งของโลกอย่าง Google ด้วย ใครๆ ก็คงจะคิดว่าหากได้เป็นพนักงานของบริษัทนี้ คุณภาพชีวิตต้องดี๊ดีทั้งนั้น แต่ไม่ใช่กับพ่อหนุ่มวิศวกรซอฟต์แวร์รายนี้ เขาเปิดเผยเพียงแค่ชื่อว่า Brandon วัย 23 ปี โดยก่อนหน้าที่จะได้รับบรรจุเป็นพนักงานของ Google จะต้องผ่านการฝึกงานเสียก่อน ซึ่งในช่วงฝึกงานเขาต้องอยู่ร่วมกับเพื่อนอีก 3 คน โดยจะต้องร่วมกันจ่ายค่าห้องเช่าประมาณ 71,000 บาท (2,000 ดอลลาร์) ทุกเดือน จากการที่จะต้องร่วมกันแชร์พื้นที่ส่วนตัวและค่าเช่าที่ว่านั้น มันทำให้เขารู้สึกว่าไม่มีความเป็นส่วนตัวเอาเสียเลย และยิ่งไปกว่านั้นคือเขารู้สึกเสียดายเงินที่ต้องจ่าย แต่กลับไม่มีความสุขแม้แต่นิดเดียว เขาจึงตัดสินใจวางแผนซื้อรถบรรทุกมูลค่าประมาณ 356,000 บาท (10,000 ดอลลาร์) หลังจากที่ได้รับบรรจุเป็นพนักงาน Google เมื่อได้รถบรรทุกมาก็นำมาจอดในที่จอดรถของบริษัทและใช้ชีวิตอยู่ในนั้น ค่าใช้จ่ายของเขามีเพียงแค่ค่าประกันภัยรถยนต์ ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ค่าโทรศัพท์บริษัทก็จ่ายให้ เดินไปอาบน้ำในฟิตเนส เดินไปทำงาน ประหยัดค่าน้ำมัน และรับประทานอาหารเช้า กลางวัน เย็นที่บริษัท …
-
ตามมาส่องรถยนต์ธรรมดาๆ ของเหล่าพนักงาน Facebook ณ สำนักงานใหญ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย
หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก ณ ปัจจุบัน กับบริษัท Facebook ที่มีพนักงานประมาณ 11,000 ชีวิตจากสำนักงานทุกสาขาทั่วโลก ซึ่งสำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมีพนักงานเยอะที่สุด และหนึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือยานยนต์ที่จอดเรียงรายในลานจอดรถ คันนี้คือ Lotus Elise มือหนึ่งราคาอยู่ที่ประมาณ 1.6 – 2.6 ล้านบาท พนักงานบริษัทที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกนั้น จะขับรถยนต์แบบไหนมาทำงานกันบ้าง ก็คงจะเหมือนๆ กับบริษัทอื่นๆ ทั่วไปแหละ รถยนต์ธรรมดาๆ ไม่ได้พิเศษอะไรมากมายเลยจริงๆ นะ แต่ทำรู้สึกอิจฉาตาร้อนผ่าวๆ ฮ่าฮ่า!! อย่าง BMW Z4 ก็มีให้เห็นเยอะเหมือนกัน ราคามือหนึ่งอยู่ที่ 1.6 – 1.8 ล้านบาท รถเก่าย้อนยุคอย่าง Ford Mustang 1965 ก็มากับเขาด้วย Chevy Corvette C3 1980 ตามมาติดๆ …
-
Google มอบรางวัลให้อดีตพนักงานที่ซื้อเว็บบริษัท เพิ่มให้เป็นสองเท่าเมื่อรู้ว่าเขาจะนำไปบริจาค!!
เรื่องบังเอิญที่เกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจกับกรณีของพ่อหนุ่ม Sanmay Ved อดีตพนักงานของบริษัท Google จากข่าวก่อนหน้านี้ที่เหมียวเคยนำเสนอไปแล้ว ซึ่งทาง Google เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใด ทราบถึงข้อบกพร่องของระบบดังกล่าวต้องรีบแก้ไขโดยด่วน ทั้งนี้ทั้งนั้น เนื่องจาก Sanmay Ved เป็นผู้ที่เจอข้อบกพร่องของระบบ ทางบริษัทก็ยินดีมอบเงินรางวัลเป็นการตอบแทน ซึ่งเจ้าตัวก็กล่าวเอาไว้ว่า ‘ผมไม่สนใจเงินรางวัลอะไรนั่นหรอก ผมแค่อยากจะให้กรณีนี้เป็นตัวอย่างในการหาข้อผิดพลาดก็เท่านั้นเอง’ โดยระเบียบทั่วไปของบริษัทนั้นจะมอบเงินรางวัลให้กับผู้ที่สามารถค้นหาข้อบกพร่องเป็นการตอบแทนอยู่แล้ว เป็นส่วนหนึ่งของโปรแกรมการหาช่องโหว่ความปลอดภัยของระบบ อย่างไรก็ตามเขาก็เลือกที่จะนำเงินรางวัลที่ว่านี้ มูลค่ามากกว่า 1 หมื่นดอลลาร์ (355,000 บาท) มอบให้องค์กรการกุศลของอินเดียแทน เพื่อช่วยเหลือด้านการศึกษาในสลัม ซึ่งหลังจากบริษัท Google ได้ทราบเรื่องเงินที่เขานำไปใช้ ก็เพิ่มเงินบริจาคให้เป็นสองเท่าไปเลย!! ที่มา : businessinsider
-
เซลส์ขายตรงพากันเผ่นไฟแลบ เมื่อเจอที่เคาะประตูสุดหลอน แถมยังพูดได้อีกต่างหาก (มีคลิป)
เวลาที่มีเซลล์ขายตรงมาเคาะประตูตื้อขายของถึงหน้าบ้าน หลายคนคงจะรู้สึกเซ็งสุดๆ บางคนก็หาวิธีหนีโดยการแกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้านบ้างละ หรือไม่สนใจเสียงเคาะประตูบ้างละ นึกแล้วก็รู้สึกเบื่อแทนจริงๆ ซึ่งในวันนี้เราจะพาคุณผู้ชมทุกท่านมาชมคลิปวีดีโอสุดฮา จากบริษัท Energy Online ในประเทศนิวซีแลนด์ ที่ได้ปิ๊งไอเดียสุดแจ่ม โดยการโฆษณาความเจ๋งของที่เคาะประตู ซึ่งในคลิปวีดีโฮได้แสดงให้เห็นถึง ช่วงเวลาที่พนักงานเซลล์มาเคาะประตูที่หน้าบ้าน แล้วเจ้าที่เคาะประตูสุดแสบก็เกิดมีชีวิต และพูดได้ขึ้นมาซะอย่างนั้น งานนี้ขอบอกเลยว่าทำเอาเซลล์ทั้งหลาย แทบเผ่นหนีไม่ทันกันเลยทีเดียว เหยื่อรายแรกมาถึงก็โดนเล่นงานซะแล้ว ดูสิ…คงตกใจน่าดูเลย ฮ่าๆ โอ้ววว เธอดูตกใจสุดๆ เลยนะเนี่ย ไม่แปลกใจเลยที่เซลล์เหล่านั้นจะตกใจ ก็ดูหน้าตาของที่เคาะประตูสิ น่ากลัวชะมัด แถมยังหลอนอีกด้วย น่ากลัวชะมัด เอ้าๆๆ รีบวิ่งให้ไวเลย ลองมาชมคลิปกันเลยดีกว่า เจอแบบนี้เข้าไป ใครจะอยู่ตรงนั้นละครัช ก็เผ่นสิถามได้ ฮ่าๆ ที่มา : dailymail
-
หมีน้อยสุดแสบ แอบย่องเข้าไปในร้านพิซซ่าเพื่อหาของกิน แต่ดันง่วงซะก่อน ก็เลยของีบแปบ!!
ฮ่าๆ เจ้าหมีนะเจ้าหมี สงสัยคงจะกินแต่น้ำผึ้งมานาน ก็เลยเบื่อความหวาน เลยอยากจะลองเปลี่ยนมากินอะไรแปลกๆ ซะหน่อย งานนี้มันเลยแอบย่องเข้ามาในร้านพิซซ่า ที่ชื่อว่า ‘Louie’s Pizza’ ในเมืองโคโลราโด สปริงส์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อหวังจะกินให้หมดเกลี้ยง แต่ทว่าเรื่องราวมันกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเจ้าหมีน้อยสีน้ำตาลสุดน่ารักตัวนี้ กำลังจะแอบกินพิซซ่า ทันใดนั้นเอง มันก็เกิดอาการง่วงนอนขึ้นมาทันที โถๆๆ อดกินซะแล้วหรอเนี่ย!! จะกินพิซซ่าให้หนำใจสักหน่อย แต่มันง่วงอะ…งั้นขอนอนก่อนก็แล้วกัน อั้ยหยา!! สงสัยนอนเพลินไปนิด พอตื่นมาก็โดนพนักงานของร้านพิซซ่าจับได้ซะแล้ว และเมื่อพนักงานได้เจอเจ้าหมีตัวนี้ พวกเขาจึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์พิทักษ์สัตว์ ให้มาช่วยเหลือมันทันที เพื่อที่จะได้ส่งเจ้าหมีน้อยกลับเข้าไปอยู่ในที่ของมันยังไงละเหมียว ดีแล้วละ ที่เจ้าหมีน้อยตัวนี้เกิดอาการง่วงขึ้นมาซะก่อน ไม่อยากนั้นมันคงป่วนร้านพิซซ่าจนวุ่นวายเป็นแน่ ฮ่าๆ แต่ความแสบของมันยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะก่อนหน้านี้ มันก็เคยเข้าไปป่วนในโรงเรียนมัธยมปลายพาลเมอร์ ทำเอาเด็กนักเรียนตกใจกันเป็นแถว แหม!! สร้างวีรกรรมแสบๆ ไว้เยอะเหมือนกันนะเจ้าหมี ที่มา : mirror
-
ร้านอาหารชื่อดังในจีน จัดพิธีให้พนักงานกราบไหว้เจ้านาย เพื่อสำนึกบุญคุณที่ให้งานทำ!!
การสำนึกบุญคุณแก่ผู้มีพระคุณนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้ต้องเกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของแต่ละบุคคล ไม่ใช่เป็นการบังคับแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่ว่าก็เกิดขึ้นในประเทศจีน โดยที่ร้านอาหารแนวหม้อไฟชาบู ได้จัดพิธีให้พนักงานร้านกราบไหว้ผู้บริหารในที่สาธารณะ เกิดเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก โดยพิธีการดังกล่าวนั้นจะให้เหล่าพนักงานมานั่งคุกเข่ากลางจัตุรัสในพื้นที่สาธารณะ และให้โค้งตัวก้มลงกราบลงพื้นพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณเจ้านายที่ทำให้พวกเขามีงานทำ โดยมีพนักงานอีกกลุ่มคอยยินถือธงและป้ายยืนล้อมพื้นที่ และมีการบันทึกภาพพิธีการทั้งหมดเอาไว้ด้วย โดยที่ทางร้านอาหารสาขานี้ หวังว่าพิธีการที่จัดขึ้นนั้นจะนำไปใช้เป็นต้นแบบให้สาขาอื่นๆ ทำตามในอนาคตด้วย แต่ทว่ากลับได้รับเสียงตอบรับในแง่ลบจากสังคมจีนเป็นจำนวนมาก นักจิตวิทยาก็ได้วิเคราะห์ไว้ว่าพิธีการแบบนี้จะทำให้พนักงานรู้สึกอาย กลัว และกระวนกระวายในที่ทำงาน อีกทั้งยังเป็นการละเมิดสิทธิของลูกจ้างด้วย ส่วนทางด้านชาวเน็ตในประเทศจีนต่างแสดงความเห็นในเชิงลบประมาณว่า ‘แล้วใครอยากจะไปใช้บริการร้านอาหารที่มีทัศนะคติงี่เง่าแบบนี้!?’ อย่างไรก็ตามกรณีที่เจ้านายหรือผู้บริหารใช้อำนาจของตนกดขี่ข่มเหงลูกน้องในประเทศจีนนั้นเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ใช้อำนาจของตัวเองลงโทษพนักงานจนเกินขอบเขต สร้างความอึดอัดให้กับพนักงานชั้นผู้น้อยเป็นอย่างมาก ที่มา : shanghaiist
-
ชาวเน็ตชื่นชม พนักงานเซเว่นเชิญคนขอทานออกจากหน้าร้าน ด้วยวิธีสุภาพสุดๆ
น้ำใจในทุกวันนี้ กลายเป็นเรื่องที่หาได้ยากหน่อยได้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วเหมียวก็ขอนำมาเผยแพร่ต่อให้เพื่อนๆได้อ่านและรู้สึกอิ่มเอมไปด้วยกันนะ เมื่อช่วงคำของวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความจากเฟซบุ๊คของ Surote Mao Paengma เป็นภาพเหตุการณ์ของขอทานรายหนึ่งที่นั่งขอทานอยู่หน้าเซเว่นสาขาหนึ่งจนทำให้ประตูไม่สามารถปิดลงได้ แต่แทนที่พนักงานเซเว่นจะเดินไปไล่เขาให้ออกไปจากหน้าร้าน เขากลับนำข้าวกล่องและน้ำดื่มมามอบให้กับขอทานรายดังกล่าว และขอให้เขาออกไปจากหน้าร้านซะ แม้เรื่องนี้จะไม่ใช่การทำความดีที่ยิ่งใหญ่อะไร แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก็มีผู้พบเห็นและสามารถถ่ายภาพมาแชร์ให้โลกออนไลน์ได้เห็นกัน ซึ่งคอมเม้นส่วนใหญ่ก็แสดงความชื่นชมพนักงานเซเว่นอย่างมาก ในการกระทำอันสุภาพและมีน้ำใจของเขา โอ้ย แค่เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ แต่ทำไมเหมียวอ่านแล้วมีความสุขจัง มีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์เยอะๆนะจ๊ะทุกคน เพิ่มเติม : มีรายงานล่าสุดบอกว่าคนที่ซื้อข้าวกล่องนั้นไม่ใช่พนักงานเซเว่น แต่เป็นลูกค้ารายหนึ่งที่มาใช้บริการที่นั่น ยังไงเหมียวก็ขอขอบคุณและขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ ที่มา Surote Mao Paengma
-
ลูกค้า McDonald’s โมโหหิวต่อยพนักงานเข้าอย่างจัง เมื่อรู้ว่าเมนูชีสเบอร์เกอร์ที่อยากกิน ‘หมด’
เมื่อวันที่ 22 ที่ผ่านมา ได้มีการเผยแพร่คลิปของชายรายหนึ่ง ซึ่งเป็นลูกค้าของร้าน McDonald’s ในประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ทำการอาลาวาด และด่าทอพนักงานอย่างหยาบคาย เนื่องจากเขาทราบว่าเมนูชีสเบอร์เกอร์สุดโปรดที่อยากกินนั้น ‘หมด’ ยังไงล่ะเหมียว งานนี้ทำเอาลูกค้าคนอื่นๆ ภายในร้านพากันตกอกตกใจกันเป็นแถว เพราะนอกจากชายผู้นี้จะทำการอาลาวาดแล้ว เขายังชกเข้าที่หน้าของพนักงานอีกคนที่ยืนถัดไปอย่างจัง โดยที่พนักงานคนนั้นไม่ทันตั้งตัวอีกด้วย แหม!! แค่ของที่อยากกินหมด ถึงกับโมโหขนาดนี้เลยหรอเนี่ยพ่อคุณ เรียกได้ว่าอาการโมโหหิวของคนเรานี่น่ากลัวจริงๆ ทำให้ขาดสติถึงขั้นต้องไปทำร้ายคนอื่น แบบนี้ก็ไม่ไหวจะเคลียร์เหมือนกันนะเหมียว ที่มา : mirror
-
เมื่อพนักงานร้านกาแฟแห่งนี้ ‘เปลือย’ ทั้งร้าน งานนี้ทำเอาลูกค้าถึงกับตกอกตกใจไปตามๆ กัน
เมื่อคุณได้เดินเข้าไปภายในร้านกาแฟแห่งนี้ เชื่อว่าถ้าหากไม่ได้สังเกตดีๆ คุณก็อาจจะคิดว่ามันก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติแม้แต่น้อยใช่ไหมล่ะ แต่…คุณลองสังเกตเหล่าพนักงานในร้านให้ดีๆ ว่าพวกเขามีอะไรผิดปกติไปหรือไม่ หากไม่บอกก็คงไม่รู้แน่นอนว่าพนักงานทั้งหมดในร้านกาแฟ Natural Bliss Cafe แห่งนี้ กำลังเปลือยกายอยู่!! ใช่แล้ว!! พวกเขากำลังเปลือยกาย โดยการบอดี้เพ้นท์ตัวเองเป็นเครื่องแบบพนักงานอยู่นั่นเอง แถมลูกค้าบางคนที่เป็นหน้าม้าก็เปลือยกายบอดี้เพ้นท์เหมือนกัน งานนี้ทำเอาลูกค้ารายอื่นที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงกับงง และตกใจกันเป็นแถวเลยล่ะ แต่ความจริงแล้ว นี่คือแคมเปญโฆษณาของของผลิตภัณฑ์ครีมเทียมคอฟฟี่เมตตัวใหม่ ที่ได้เหมาร้านกาแฟในนิวยอร์ก เพื่อทำการถ่ายโฆษณาไวรัลสำหรับสื่อออนไลน์นั่นเอง โดยผลิตภัณฑ์ครีมเทียมตัวใหม่นี้ จะเน้นส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ และด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้พนักงานทุกคนในร้านต้องเปลือยกาย เพื่อจะสื่อถึงธรรมชาติยังไงล่ะเมี๊ยว นอกจากนี้ลูกค้าที่มาใช้บริการยังต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อรู้ว่ากาแฟที่เขาสั่งไม่ต้องจ่ายเงินสักบาท แถมยังมีรสชาติที่ดีอีกด้วย ถือเป็นการสร้างงานโฆษณาที่สร้างสรรค์มากเลยทีเดียว ที่มา : adweek
-
ดิสนีย์เวิลด์ยอมเปลี่ยนนโยบาย จากการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานไปรษณีย์ของบริษัท!!
เรื่องของการเลือกปฏิบัติ ตามนโยบายทางด้านรูปลักษณ์ของดิสนีย์เวิลด์นั้น ทำให้นายเกอร์ดิท ซิงห์ พนักงานไปรษณีย์ซึ่งนับถือศาสนาซิกข์ที่จะต้องโพกผ้าพันหัวและไว้หนวดเครานั้น ต้องทำงานในส่วนที่ลับตาผู้คน กีดกันทุกทางในสวนสนุกดิสนีย์ในฟลอริดาตั้งแต่พ.ศ. 2551 ย้อนกลับไปเมื่อปีพ.ศ. 2548 เขาเคยมาสมัครงานกับดีสนีย์ และต้องทำงานในส่วนการเงิน ทำความสะอาดลานจอดรถและในครัวตลอดเวลา โดยไม่อาจเปิดเผยตัวตนของเขาให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมสวนสนุกได้ ในที่สุดทางดิสนีย์ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ว่า นายซิงห์นั้นสามารถออกมาส่งเอกสารได้ในทุกเส้นทาง สามารถให้ผู้คนพบเห็นได้ตามปกติ โดยที่ทางดีสนีย์นั้นยอมรับในความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและความเชื่อทางศาสนาแล้ว และจะไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อพนักงานอีกต่อไป ทางด้านนายซิงห์เองก็ได้ขอบคุณที่ทางบริษัทยอมเปลี่ยนโยบาย ให้ความเป็นธรรมกับเขา เนื่องจากผ้าโพกหัวและหนวดเครานั้นเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธาในศาสนาของเขานั่นเอง ที่มา : บีบีซีไทย – BBC Thai
-
เยี่ยมไปเลย ร้านอาหารสุดโหด หักเงินพนักงานกว่าครึ่ง ด้วยเรื่องที่โคตรจะหยุมหยิม
ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็เรียกได้ว่าน่าเห็นอกเห็นใจคนที่โดนหักเงินพอสมควรเลยล่ะ อะไรกัน ทำงานทั้งเดือนโดนหักไปกว่าครึ่ง!!! งานนี้ก็เป็นที่จับตามองกันในโลกออนไลน์เลยทีเดียว เมื่อทางเพจ โหดสัส V2 ได้มีการแชร์ภาพของการหักเงินของร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ ทำได้เดือนเดียวผู้เคราะห์ร้ายก็ต้องออกจากงาน เพราะอะไรน่ะเหรอ ภาพของการหักเงิน มีเป็นลายลักษณ์อักษรกันเลยทีเดียว คือแบบนี้เหมียวก็คิดว่ามันเกินไปหรือเปล่า ทั้งเรื่องไม่ถอดปลั๊ก 20 บาทเอย ไม่ปิดตู้ไอติม 40 บาทเอย ให้เบอร์เจ้าของร้านโดยมิได้รับอนุญาตก็ 500 บาทเอย และโดยเฉพาะติดต่อป้าต๋อมเรื่องปัญหาเงินเนี่ย เค้าก็อยากได้คำชี้แจงป่าวว้าาา โดนหักอีก 500 บาท!!! อะไรกัน โถๆๆๆ -*- ใครรู้เรื่องกฎหมายรู้เรื่องอะไรทางสิทธิแรงงานก็ช่วยแนะนำเขาหน่อยนะจ๊ะ เพราะบางเรื่องแค่ตักเตือนก็ได้ ไม่รู้ว่าน้องเขาไปทำอะไรให้ขุ่นหมองใจหรือไม่ชอบรึเปล่า สังคมเดี๋ยวนี้ก็น่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย เอารัดเอาเปรียบคนที่ทำงาน เก็บเล็กเก็บน้อยขนาดนี้ ไม่รวยให้มันรู้ไป…แต่ กลางคืนน่ะ นอนหลับได้เต็มตื่นรึเปล่า!!? ที่มา: โหดสัส V2
-
กฎข้อบังคับของพนักงานดีสนีย์แลนด์ทั้ง 14 ข้อ แถวนี้เป๊ะ!! ไม่แน่จริงอยู่ไม่ได้
ดีสนีย์แลนด์แดนฝันวัยมหัศจรรย์ ถือว่าเป็นเป้าหมายที่ใฝ่ฝันของใครหลายๆ คนไม่ว่าจะเป็นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ในดีสนีย์แลนด์ก็จะมีความบันเทิงมากมายที่รอให้ไปสัมผัส บางคนอาจจะติดใจจนถึงขั้นอยากจะทำงานที่นี่เลย แต่รู้บ้างมั้ยว่าการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดีสนีย์แลนด์นั้นจะมีข้อบังคับเหล่านี้อยู่ด้วย แบบว่าถ้าใครไม่เป๊ะจริง อยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน!! 1. พนักงานที่จะมาแต่งตัวเป็นตัวการ์ตูนนั้นๆ จะต้องมีใบหน้าเป๊ะ ผมเป๊ะ ส่วนสูงต้องเป๊ะ น้ำหนักก็ต้องเป๊ะด้วย!! 2. การชี้ด้วยนิ้วเดียวเป็นสิ่งที่ไม่สภุาพ เพราะฉะนั้นจะต้องใช้การชี้ด้วยสองนิ้วหรือใช้การผายมือแทน 3. คำว่า “ไม่รู้” สำหรับพนักงานดีสนีย์แลนด์นั้นเป็นคำต้องห้าม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องหาคำตอบมาให้ได้ 4. เล็บต้องสั้นและสะอาดอยู่เสมอ ถ้าจะทาสีเล็บหรือเพ้นท์เล็บให้ลืมไปได้เลย 5. แว่นตาแฟชั่นที่ดูไม่เรียบร้อยก็ห้าม หากจะใส่แว่นจริงๆ ห้ามให้เห็นแบรนด์และจะต้องมีสีสุภาพ ุ6. ในขณะที่กำลังสวมบทบาทเป็นตัวละครใดตัวละครหนึ่งอยู่ ห้ามเรียกชื่อจริง ให้เรียกชื่อตัวละครนั้นแทน 7. ในเมื่อได้มาเป็นตัวละครนั้นๆ แล้ว เอกลักษณ์ของตัวละครจึงสำคัญที่สุด ต้องเรียนรู้และซึบซับให้กลายเป็นตัวละครนั้นจริงๆ 8. เมื่อไหร่ก็ตามที่เห็นขยะ ต้องเก็บให้เรียบอย่าให้เหลือ 9. ห้ามมีรอยสักเด็ดขาด 10. จะเรียกชื่อจริงให้เรียกชื่อต้น…
-
เหมียวจะพาไปชมพนักงานแมคโดนัลด์จากไต้หวันสุดน่ารัก ที่เห็นแล้วใจละลาย อยากกินแต่ฟาสฟู๊ดเลย
เวลาเราไปร้านขายของ ถ้าได้เจอพนักงานหล่อๆสวยๆให้บริการ ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีๆที่ทำให้การซื้อของเรามีความสุขยิ่งขึ้น และวันนี้เหมียวจะพาไปชมพนักงานขายของแมคโดนัลด์จากประเทศไต้หวัน รับรองว่าน่ารักจนคุณละลายเลยล่ะ ไม่เชื่อไปชมกันเลย เห็นแบบนี้แล้ว เหมียวไปแมคโดนัลด์แถวบ้านมั่งดีกว่า เผื่อได้เจอพนักงานแบบนี้บ้าง อิอิ ที่มา raindog