Tag: พยาบาล
-
สาวสู้ชีวิต จากพนักงานร้านอาหาร เดินตามความฝันจนเป็น “นางพยาบาล” วิชาชีพ!!
เรื่องราวในวันนี้ เป็นเรื่องราวของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ฝ่าฟันจากอาชีพพนักงานสาวในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด กระทั่งได้กลายเป็นพยาบาลวิชาชีพได้สำเร็จ Faye Lewis หญิงสาวที่กำลังศึกษาอยู่ในระดับปริญญาแพทยศาสตร์ด้านการพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัว ได้บังเอิญพบหลักฐานสำคัญที่บ่งบอกว่าชีวิตของเธอนั้นได้ผ่านอุปสรรคอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอพบป้ายชื่อของตนเอง ป้ายชื่อแต่ละแผ่นได้ระบุตำแหน่งงานของเธอเอาไว้ โดยป้ายเหล่านี้ได้ย้ำเตือนให้เธอได้รู้ว่าการไล่ตามความฝันที่จะเป็นพยาบาล สำหรับเธอแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย Faye Lewis เธอได้โพสต์ภาพแผ่นป้ายชื่อเหล่านั้นลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ตนเองในการเรียนปริญญาแพทยศาสตร์สาขาพยาบาลเวชปฏิบัติครอบครัวให้จบ เพราะนี่คือความฝันของเธอ และกว่าเธอจะมายืนจุดนี้ได้เธอผ่านอะไรมามากมายเลยทีเดียว เธอเริ่มรับงานแรกตอนอายุ 16 ปี โดยการสมัครเป็นพนักงานของร้าน KFC เพื่อเก็บเงินสำหรับเรียนต่อ เธอทำงานที่นี่จนเรียนจบมัธยม แต่มันกลับไม่เป็นไปตามแผน เธอได้เกรด B มาสองวิชา ทำให้เธอเกรดไม่พอที่จะเข้าเรียนต่อในสถาบันพยาบาล เธอจึงเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและหลังจากเรียนจบปี 1 เธอก็ตั้งครรภ์ เธอจึงลาออกจากมหาวิทยาลัยมาอยู่กับพ่อแม่ เวลาผ่านไป Faye ได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็นผู้จัดการร้าน KFC และได้รับตำแหน่งแม่บ้านของ Assisted Living Facility ซึ่งเป็นโครงการของรัฐบาล ในเวลานั้น Faye สามารถเรียนจบหลักสูตรพยาบาลผู้ช่วยได้สำเร็จและเริ่มทำงานใน Memorial Medical Center ผู้จัดการ KFC แม่บ้านของ Assisted…
-
ชายวัย 70 ปีน้อยใจเกิดมาเล็ก ทุ่มเงินเกือบ 500,000 บาท ฉีดฟิลเลอร์เพิ่มขนาด “ไอ้จ้อน”
เรื่องของ “ขนาดน้องชาย” นั้นมักเป็นปัญหาคาใจของหนุ่มๆ จำนวนมาก ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องอยาก “ใหญ่” กันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะ… ไม่เว้นแม้แต่ชายสูงอายุ Eric Bell วัย 70 ปีที่ทุ่มเงินจำนวน 12,000 ปอนด์สเตอร์ลิง (เกือบ 500,000 บาท) เพื่อให้แพทย์ฉีดฟิลเลอร์ เพิ่มขนาด อวัยวะเพศของเขา Eric Bell วัย 70 ปี Eric Bell อดีตบุรุษพยาบาล ปัจจุบันไม่มีลูกและภรรยา เขาตัดสินใจเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนเป็นครั้งที่ 6 หลังจากการฉีดเพิ่มขนาดนั้นคงอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น ครั้งนี้เขาอธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจเพิ่มขนาดอวัยวะเพศ เขากล่าวว่า… “ก่อนหน้านี้ผมรู้สึกเศร้าและดูถูกตัวเองที่เกิดมามีอวัยวะเพศขนาดเล็ก ผมแทบไม่มีความสัมพันธ์กับใครอย่างจริงจังเลย แต่ตอนนี้ผมเดตกับสาวเอ๊าะๆ ได้สบายๆ รู้สึกเหมือนผมมีความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยม” ค่าใช้จ่ายนั้นอยู่ที่ราวๆ 3,000 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือราวๆ 120,000 บาท ต่อการฉีดฟิลเลอร์ 10 มิลลิลิตร ซึ่งมันจะช่วยเพิ่มขนาดเส้นรอบวงขององคชาตได้ Eric เล่าเพิ่มว่า……
-
Jane Lana จากนางพยาบาลสู่การเป็น “นางแบบ” ล่าสุดมี Photo Book ของตัวเองแล้ว
ก่อนหน้านี้เป็นที่ฮือฮาในได้หวันอย่างมากที่มีภาพของ นางพยาบาลสาว คนหนึ่งผู้มีใบหน้าอันน่ารักและงดงามจนครองใจชายหนุ่มทั่วประเทศ พยาบาลสาวคนนั้นนามว่า Jane Lana ก่อนหน้านี้ ภาพที่เธอสวมเครื่องแบบพยาบาลแล้วอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งเอาไว้ก็กลายเป็นภาพสุดโด่งดังบนโลกออนไลน์ของไต้หวัน Jane Lana จนล่าสุด ชายหนุ่มทั้งหลายจะได้เชยชมความงดงามของ Jane Lana พยาบาลสาวคนนี้ได้อย่างจุใจแล้ว เพราะว่า เธอได้ถ่ายแบบลงหนังสือภาพหรือ Photo Book ของตัวเองเป็นที่เรียบร้อย จากพยาบาลสาวที่ดูแลคนไข้อยู่ในโรงพยาบาล ด้วยกระแสของโลกออนไลน์ทำให้เธอผันตัวมาเป็นนางแบบบน Photo Book ซึ่งมีทั้งภาพความงามภายนอกและ “ภายใน” ของเธอกันเลยทีเดียว Jane Lana กับ Photo Book ของเธอ น่าหามาเชยชมจริงๆ อวยกันมาขนาดนี้ จะไม่ให้เห็นภาพถ่ายของเธอก็ดูจะใจร้ายไปหน่อย เอาเป็นว่าเราไปชมตัวอย่างภาพถ่ายสุดงดงามและเซ็กซี่ของ Jane Lana ใน Photo Book ของเธอกันหน่อยดีกว่า ลุย!!! อะเฮือกกก~ . . . โมเมนต์ใสๆ กับ…
-
มาดูการ “จดเลกเชอร์” โคตรเทพของพยาบาลสาวชาวไต้หวัน สวยจนนึกว่าศิลปินมาจดเอง!!
การเรียนให้มีประสิทธิภาพหลายคนอาจจะเลือกวิธีการ จดโน้ต ลงบนสมุดเพื่อให้ตนสามารถกลับมาอ่านทำความเข้าใจได้อย่าง่ายอีกครั้ง แต่การจดโน้ตมันจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้มากน้อยขนาดไหนนั่นก็ขึ้นอยู่กับ “สกิล” การจดด้วยนะ บางคนจดด้วยลายมือเร่งรีบจนกลับมาอ่านอีกครั้งก็อ่านไม่ออกไปซะแล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องการจดโน้ต วันนี้ก็มีเรื่องราวสุดพีคจากฝั่งไต้หวันมาให้ชมอีกแล้ว เมื่อคุณแม่รายหนึ่งโพสต์ภาพสมุดโน้ตของลูกสาวตัวเองลงบนเฟซบุ๊ก จากนั้นเมื่อชาวเน็ตหลายต่อหลายคนผ่านมาเห็นถึงกับอ้าปากค้างกันเป็นแถว เพราะ ภาพประกอบ สมุดโน้ตนั้นมันสวยงามมาก สวยจนนึกว่าศิลปินมาวาดเลยทีเดียว อะไรประมาณนี้ (วาดสวยมว๊ากกกก) และอะไรประมาณนี้ คุณแม่ที่โพสต์ภาพดังกล่าวเล่าว่าลูกสาวของตนปัจจุบันกำลังศึกษาที่คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย Fooyin ในไต้หวัน (ป้าด! นึกว่าเรียนคณะศิลปกรรมศาสตร์เสียอีก) คุณแม่รายนี้ยังอธิบายเพิ่มว่าที่ลูกสาวของตนวาดรูปประกอบการจดโน้ตได้สวยงามขนาดนี้ก็เพราะว่าตอนเด็กๆ เธอเคยเรียนวาดรูปมาก่อนนั่นเอง แต่พอโตขึ้นกลับอยากเปลี่ยนจากวาดรูปมาเป็นดูแลผู้คนมากกว่า นี่แหละโฉมหน้าพยาบาลสาวที่วาดรูปได้สวยจนคว้าใจชาวเน็ตไปเพียบ! นอกจากหน้าตาน่ารักๆ แล้วฝีมือการวาดภาพยังเรียกได้ว่าขั้นเทพเลยอีกด้วย การลงเงาและการเน้นให้เกิดมิติถือว่าทำได้อย่างชำนาญเลยล่ะ แถมการจดโน้ตของเธอยังมีระเบียบเพื่อให้อ่านได้สบายตา . . . . สาวน้อยคนนี้ทุ่มเทกับการเรียนมากเลยทีเดียวนะเนี่ย คุณครูจะว่าอย่างไรไม่รู้แต่ #เหมียวโลลิ ให้ไปก่อนเลย 100 คะแนนเต็ม!!! ที่มา: ●【爆廢公社】● via ck101
-
เมื่อ “ข้อความ” แสนน่ารำคาญของแม่ กลับกลายเป็นสิ่งที่ “ช่วยชีวิต” ลูกน้อยของเธอจากอุบัติเหตุ
บางครั้งความจู้จี้ขี้บ่นของคนเราก็เกิดขึ้นเพราะความเป็นห่วง ที่ต้องจู้จี้จุกจิกก็เพราะว่าไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับคนที่เรารักนั่นเอง และแล้วเหตุการณ์ในวันนี้ก็แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งความจู้จี้จุกจิก ของคุณแม่นามว่า Rebecca Tafaro Boyer ผู้ที่เป็นนางพยาบาลจากเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ที่ได้ช่วยชีวิตลูกน้อยของเธอเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ Rebecca เล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า “สามีของฉัน David ได้ขับรถพาลูกน้อยเดินทางไปด้วยความเร็วประมาณ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และแล้วหญิงคนหนึ่งที่ขับรถสวนมาก็เลี้ยวตัดหน้า ทำให้ David ชนกับด้านหน้าของรถเธอเข้า” Rebecca เล่าต่อว่าหญิงที่ขับรถตัดหน้าสามีของเธอนั้นไม่มีใบอนุญาตขับขี่ และไม่มีประกันอุบัติเหตุ และครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่สามแล้วที่หญิงคนนั้นฝ่าฝืนขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต Rebecca ผู้ที่หลายๆ คนเรียกว่า “นังจู้จี้” อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ David กระดูกนิ้วเท้าหัก 3 นิ้วและต้องห้ามเดินลงน้ำหนักที่เท้าขวาเป็นเวลา 6-8 สัปดาห์ แต่ลูกน้อยของพวกเขา William กลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังนอนหลับปุ๋ยอีกต่างหาก และที่เป็นแบบนั้นก็เพราะความจู้จี้ของ Rebecca ผู้เป็นแม่นั่นแหละ… Rebecca กล่าวกับสามีก่อนพาลูกน้อยเดินทางว่า “ดีแล้วๆ แต่ว่าตัวล็อกตรงหน้าอกยังไม่สูงพอและไม่แน่นพอนะ คุณควรหนีบตัวหนีบให้สูงประมาณหัวนมเลย” “เมื่อตอนที่ฉันแยกกับลูกครั้งแรก ฉันจะสั่งให้สามีส่งรูปเจ้าตัวน้อยมาให้ดูทุกๆ ชั่วโมงเลยล่ะ อยากรู้ว่าเมื่อเขาไม่ได้อยู่กับฉัน เขาจะเป็นอย่างไรบ้าง”…
-
จับกุมอดีตพยาบาล ลอบวางยาผู้ป่วยสูงวัยเสียชีวิต คาดลงมือหวังผลไม่ต่ำกว่า 20 ราย!!
คดีสะเทือนขวัญในครั้งเกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2016 เมื่อมีผู้ป่วยสูงอายุ 2 ราย เสียชีวิตอยู่บนเตียงชั้น 4 ในโรงพยาบาล Oguchi จังหวัดโยโกฮาม่า ในวันที่ไล่เลี่ยกัน พร้อมกับหลักฐานความผิดปกติในถุงน้ำเกลือของผู้ป่วย โดยคาดว่าเป็นการลงมือฆาตกรรม แต่ไม่สามารถระบุตัวคนร้ายได้ (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ทางเว็บไซต์ Asahi Shimbun ได้ทำการรายงานความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หน่วยงานตำรวจจังหวัดคานางาวะ ได้ทำการจับกุมนาง Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาลวัย 31 ปี ในวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา Ayumi Kuboki อดีตนางพยาบาล ผู้ต้องสงสัยลงมือก่อเหตุฆาตกรรม ในข้อหาต้องสงสัยลงมือฆาตกรรมผู้ป่วยสูงวัย 2 ราย ได้แก่นาย Sozo Nishikawa วัย 88 ปี และนาย Nobuo Yamaki วัย 88 ปี ด้วยวิธีการเจือนปนยาฆ่าเชื้อผสมในถุงน้ำเกลือ …
-
ยังจะสูบอีกหรือ… เปรียบเทียบปอดของคนสูบบุหรี่ กับปอดคนไม่สูบ แค่สีก็ต่างกันชัดเจนแล้ว
แม้จะมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องมายาวนานมากๆ กับการลดถึงขั้นงดสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรชาวโลก ในปัจจุบันก็ยังคงมีจำนวนผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการรณรงค์เพื่อสุขภาพอยู่ดี… การสูบบุหรี่นั้นเป็นความต้องการส่วนบุคคลที่เลือกจะสูบ แน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่า ในอนาคตข้างหน้าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองบ้าง? Amanda Eller นางพยาบาลจากมหาวิทยาลัย Western Carolina University ได้ทำการโพสต์วิดีโอคลิปเผยให้เห็นว่า สภาพของปอดที่มีสุขภาพดีไม่ได้สูบบุหรี่นั้นเป็นอย่างไร และนำมาเปรียบเทียบข้างๆ กันกับปอดของผู้สูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน ต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี เพียงแค่เห็นสีของปอดทั้งสองชิ้น ก็ทำให้รู้และแยกแยะได้ทันทีว่าปอดของผู้สูบบุหรี่และไม่สูบเป็นแบบไหน ซึ่งนอกเหนือจากสีของปอดภายนอกแล้ว ระบบการทำงานของปอดก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิม ปอดของผู้สูบบุหรี่ ปอดของผู้ไม่สูบบุหรี่ ทางพยาบาลได้นำเครื่องเป่าลมเข้าไปในปอด เพื่อจำลองประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะ ผลก็คือปอดที่สูบบุหรี่จะไม่สามารถกักเก็บลมเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงการหายใจที่ถี่มากกว่าปกติ ส่วนปอดที่มีสุขภาพดีจะสามารถกลั้นหายใจได้นานกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม นโยบายลดปริมาณผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกยังคงใช้วิธีในการเพิ่มภาษีบุหรี่ เพราะยังคงเล็งเห็นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีเงินซื้อบุหรี่ก็จะเลิกสูบไปเอง แต่ทว่ามีงานวิจัยบางส่วนที่มองสวนทางเนื่องจากการเพิ่มภาษีบุหรี่แพงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะส่งผลทำให้เกิดยาสูบเถื่อนมากยิ่งขึ้น ที่มา : @amanda.orr.56, ladbible
-
พยาบาลสาวบอดี้สแลมใส่ผู้ต้องหา หลังขัดขืนการจับกุม และทำร้ายตำรวจจนสลบ
เมื่อเย็นวันอาทิตย์ที่ 15 เมษายน 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจเมือง Portage สองคน ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายในขณะพยายามจับกุม Jacob R. Hellenbrand ชายผู้ต้องสงสัยในคดีคุมประพฤติ และละเมิดทัณฑ์บน อย่างไรก็ตาม Olivia J. Boomsma หญิงคนหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัย ได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วยการ รั่วหมัดต่อยเจ้าหน้าที่ตำรวจ Brian Loewenhagen ในระหว่างที่เขาพยายามจะใส่กุญแจมือ Jacob ทำให้เจ้าหน้าที่ Loewenhagen ได้รับบาดแผลฟกช้ำจำนวนมาก ภาพของ Jacob R. Hellenbrand (ซ้าย) และ Olivia J. Boomsma (ขวา) เมื่อเห็นดังนั้นสิบเอก Eric Walters จึงได้ทำการเข้ามาช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจ Loewenhagen ด้วยการกดร่างของ Olivia ลงกับพื้น แต่ก็โดน Jacob ที่หลุดออกจากการจับกุม เตะเข้าอย่างแรงที่ใบหน้าจนหมดสติไป ในตอนนั้นเอง Vanessa Guerra นางพยาบาลจากโรงพยาบาล Divine Savior ที่เห็นเจ้าหน้าที่หมดสติไป ก็รีบเข้ามาดูอาการของสิบเอก Walters ก่อนที่เธอจะพบว่า Olivia เริ่มที่จะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Loewenhagen และขู่ว่าเธอมีมีดอยู่ในกระเป๋า …
-
แมวป่วย ทำหน้าที่เป็น ‘เหมียวพยาบาล’ เพราะอยากให้สัตว์ทุกตัวดีขึ้นเหมือนตัวเอง
ที่เขาบอกว่าคนหัวอกเดียวกันย่อมเข้าใจดี ท่าทางจะเป็นเรื่องจริง เจ้าเหมียวดำที่เคยป่วยหนักมาก่อนตัวนี้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน มันรู้ว่าคนป่วยต้องการกำลังใจมากแค่ไหน มันก็เลยทำหน้าที่เป็นพยาบาลคอยอยู่ให้กำลังผู้ป่วยให้อาการดีขึ้นเหมือนมัน เหมียวดำ Rademenes เคยป่วยเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้มันมักจะจามและหายใจหืดหอบ แม้จะไม่ร้ายแรงถึงชีวิต แต่โรคนี้ก็ทำให้มันต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเจ็บปวด แถมเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียอื่นๆ ง่ายด้วย เจ้า Rademenes แมวเหมียวพยายบาล เมื่อเจ้าของของมันรู้ว่ามันเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เขาก็พามันไปหาสัตวแพทย์ในเมือง Bydgoszcz ประเทศโปแลนด์ เพื่อให้สัตวแพทย์ปลิดชีวิตมันซะ มันจะได้ไม่ทรมานไปกว่านี้ ทว่า Lucyna Kuziel-Zawalich ไม่สามารถทำใจให้ตัวเองจบชีวิตเหมียวน้อยตัวนี้ได้ เธอก็เลยพยายามรักษามันให้หายดีแทน แม้ว่าอาการของมันจะค่อนข้างรุนแรงก็ตาม สัตวแพย์ทำใจจบชีวิตมันไม่ได้ เลยรักษามันแทน Rademenes ต้องถูกแยกตัวไปรักษาให้ห่างจากสัตว์อื่น อีกทั้งต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดด้วย แต่เจ้าเหมียวเองก็ใจสู้ไม่เบา บวกกับสัตวแพทย์และอาสาสมัครที่พยามช่วยเหลือมันแล้ว ไม่นานนักอาการของมันก็ดีขึ้นมากอย่างไม่น่าเชื่อ พอมันดีขึ้นมากแล้ว เจ้าเหมียวก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ มันอาจจะรู้สึกอยากช่วยเหลือสัตว์อื่นแบบที่คนอื่นช่วยมันบ้างก็ได้ มันก็เลยทำหน้าที่ดูแลสัตว์ที่ป่วยในคลินิกสัตว์แห่งนี้ซะเลย กอดน้องแมวไว้ พอได้กำลังใจก็จะหายไวขึ้น ไม่ต้องกลัวนะ พี่แมวดำจะอยู่เป็นเพื่อนเอง เจ้าหมานอนพักไปเถอะ เดี๋ยวก็หายแล้วเชื่อพี่ ไหนมาให้พยาบาลดูซิว่าดีขึ้นรึยัง ใกล้หายดีแบบนี้เดี๋ยวก็กลับบ้านได้แล้ว …
-
แมวเหมียวพยาบาล ถูกสั่งให้ออกจากคลินิก สัตวแพทย์กับชาวเน็ตเลยเข้าช่วย
วันนี้มีเรื่องของแมวตัวหนึ่งที่อาศัยอยู่ในคลินิกมาฝากกัน มันถูกเจ้าหน้าที่สั่งให้หาที่อยู่ใหม่เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นพาหะนำโรค คนที่คลินิกและชาวเน็ตก็เลยรวมตัวกันเพื่อต่อต้านคำสั่งนี้ มันจะได้อยู่ที่คลินิกที่มันรักเหมือนบ้านตามเดิม Honey เหมียวพยาบาลดามใจผู้ป่วย เจ้าเหมียวตัวเอกของเรื่องชื่อว่า Honey ตอนแรกมันก็เป็นแมวที่ถูกเก็บมารักษาในคลินิก Ringsjöns Veterinärklinik ในประเทศสวีเดนเหมือนกับแมวตัวอื่นๆ เจ้าแมวผอมโทรมมากจนดูน่าเป็นห่วง แต่ก็ได้สัตวแพทย์ในคลินิกพยายามช่วยเอาไว้จนหายดี หลังจากที่มันแข็งแรงแล้ว มันคงไม่อยากเป็นผู้รับอย่างเดียวก็เลยเป็นฝ่ายแบ่งปันความรักให้กับสัตว์และคนที่มายังคลินิกบ้าง ตอนแรก Honey ถูกคนในคลินิกช่วยไว้ พอหายดีก็เป็นฝ่ายช่วยคนอื่นบ้าง Lucie Havelka สัตวแพทย์ที่ทำงานในคลินิกนั้นเล่าว่า “ตอนแรกมันก็เป็นผู้ป่วยนี่แหละ แต่หลังจากนั้นเราก็สังเกตได้ว่ามันเริ่มเป็นคนดูแลผู้ป่วยอื่นไปแทนแล้ว” มันจะมอบไออุ่นจากร่างกายให้กับสัตว์ทุกตัวที่ต้องการกำลังใจ มอบความรักให้กับลูกแมว เธอยังบอกอีกว่า Honey สามารถรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าสัตว์ตัวไหนต้องการความช่วยเหลือ ถ้าเกิดมีสัตว์ตัวไหนต้องการมันก็จะเข้าไปช่วยทันที แต่นอกเหนือจากนั้นแล้วมันก็จะไม่ไปรบกวนผู้ป่วยเลย ถ้าเข้าไปใกล้ไม่ได้ก็จะให้กำลังใจอยู่ห่างๆ ไม่ต้องรอให้บอกก็เข้าไปช่วยเอง มันทำตัวเหมือนกับหมอที่คอยรักษาสภาพจิตใจให้กับคนที่มาพึ่งพาคลินิก และสร้างบรรยากาศอันอบอุ่นทำให้ที่แห่งนั้นรู้สึกเหมือนกับเป็นบ้านที่เปี่ยมด้วยความรักได้อย่างอัศจรรย์ นอกจากสัตว์เลี้ยงแล้ว มันก็ยังเข้าไปกอดเจ้าของที่เดือดร้อนใจเป็นห่วงสัตว์เลี้ยงเพื่อให้พวกเขาสบายใจมากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดทีเดียว ให้ความรักกับสัตว์ทุกชนิด สัตว์ต่างสายพันธุ์ก็สบายใจเมื่อได้อยู่กับเจ้าเหมียว หมอที่ทำงานอยู่ที่คลินิกยังออกปากบอกเองเลยว่า เจ้าเหมียวเองก็เป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ที่คลินิกเหมือนกับพวกเขา…
-
พยาบาลนางฟ้าบริจาคน้ำนมให้แก่ลูกชายที่แม่ป่วยเป็นมะเร็ง จนไม่สามารถให้นมเองได้
อาหารที่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของเด็กแรกเกิดที่สุดก็คือ ‘น้ำนมของแม่’ เพราะว่าเป็นอาหารสำหรับเด็กที่มีสารอาหารต่างๆ ที่เด็กแรกเกิดต้องการอย่างครบถ้วน อีกทั้งยังเป็นการสร้างสายใยความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกได้เป็นอย่างดีอีกด้วย แต่ว่าด้วยโรคภัยไข้เจ็บบางอย่าง ก็ทำให้คุณแม่บางคนไม่สามารถที่จะให้นมแก่ลูกของตัวเองได้ เช่นเดียวกับคุณแม่คนนี้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ก็เหมือนฟ้าประทานให้เจอได้พบกับพยาบาลใจดี ที่ยอมบริจาคน้ำนมของตัวเธอเองเพื่อให้ลูกน้อยของผู้ป่วยคนนี้ ได้มีโอกาสกินนมเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ เค้า!! นางฟ้าผู้บริจาคน้ำนม (คนซ้ายมือ) เรื่องราวดีๆ นี้เกิดขึ้นที่รัฐเนแบรสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อมีนางฟ้าใจดีชื่อว่า Jaclyn Kenney พยาบาลที่ทำงานอยู่ที่ศูนย์การแพทย์เนแบรสกา ตัดสินใจบริจาคน้ำนมมากกว่า 1,000 ออนซ์ให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งชื่อว่า Ashley Chesnut กับลูกชายวัย 5 เดือนของเธอชื่อว่า Easton สำหรับ Chesnut ผู้เป็นแม่วัย 30 ปีนั้น เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองเมื่อไม่นานมานี้ จึงทำให้เธอเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากที่ไม่สามารถให้นมแก่ลูกชายได้ ซึ่งอันที่จริงก่อนหน้านี้เธอก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างระหว่างที่ให้นมลูกคนนี้ เพราะว่าเธอมีอาการเจ็บปวดที่อกอย่างมากราวกับมีอะไรมาแทงเลยก็ว่าได้ Easton เด็กน้อยวัย 5 เดือนแสนน่ารัก “มันเจ็บเหมือนกับถูกรถไฟชนเลย มันเหมือนมีอะไรมาทิ่มแทง ในตอนนั้นฉันไม่สามารถขยับตัว ไม่สามารถหายใจหรือพูดคุยใดๆ ได้เลย” Chesnut กล่าว หลังจากพบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Non-Hodgkin ทางทีมแพทย์บอกกับเธอว่า เธอจะต้องหยุดการให้นมบุตรเพื่อเริ่มต้นการรักษาได้แล้ว “การให้นมแก่ลูกเป็นสิ่งที่พิเศษสำหรับฉันมาก ฉันรักทุกวินาทีที่ได้ใช้อยู่กับลูกของฉัน…
-
ฆาตกรในคราบเทวดา… บุรุษพยาบาลชาวเยอรมัน ถูกจับกุมหลังฆ่าคนไข้ไปกว่า 97 คน!!
บุรุษพยาบาล ฉายาว่า “เทวดาแห่งความตาย” มีความผิดข้อหาฆาตกรรมโดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย และต่อมาจึงพบอีกว่า เขาได้ก่อเหตุฆาตกรรมไปแล้วถึง 97 ศพ พยาบาลฆาตกรรายนี้มีชื่อว่า Niels Hoegel ซึ่งเป็นชาวเยอรมัน ได้ถูกตัดสินคดีว่ามีความผิดฐานฆาตกรรมเหยื่อ 2 ราย และพยายามฆ่าอีก 2 ราย และล่าสุดผู้ฟ้องร้องกล่าวว่าเมื่อหลายปีก่อน Niels ได้ฆ่าคนไป 97 คน จากทั้ง 2 โรงพยาบาลที่เขาเคยอยู่ โดยแห่งแรกก็คือ โรงพยาบาลใน Oldenburg ตั้งแต่ปี 1999 จนถึงปี 2002 และแห่งที่สองก็คือคลินิกที่ Delmenhorst ตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปี 2005 จากการสอบสวน Niels ในปี 2015 เขาให้การว่า ที่คลินิกใน Delmenhorst เขาจงใจทำให้ผู้ป่วยประมาณ 90 คนมีภาวะหัวใจล้มเหลว เนื่องจากเขาชื่นชอบในการพยายามทำให้ผู้ป่วย “ฟื้นจากความตาย” และเขายังให้การเพิ่มว่าเขาได้ทำการฆาตกรรมมาตลอดในช่วงที่ทำงานใน Oldenburg หลังจากได้รับคำสารภาพจาก Niels ผู้สืบสวนจึงทำการทดสอบสารพิษของผู้ป่วยที่เสียชีวิตในช่วงที่ Niels ทำงานในโรงพยาบาล และทำให้พบความผิดของเขาเพิ่มมากขึ้น ผู้ฟ้องร้องนามว่า Martin…
-
คนไข้โอด “ฉันนั่งรอที่ห้องฉุกเฉินกว่า 5 ชั่วโมง แต่พยาบาลจองรีสอร์ต เพื่อไปเที่ยววันหยุด!?”
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ข่าวต่างประเทศได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับพยาบาลคนหนึ่ง จากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล Princess Alexandra ประเทศอังกฤษ ถูกกล่าวหาว่าใช้เวลางานเพื่อทำเรื่องส่วนตัว และปล่อยให้คนไข้รอนานกว่า 5 ชั่วโมง ตามรายงานไม่ได้ระบุชื่อของพยาบาลคนนั้น แต่ข่าวระบุว่าเธอนั้นใช้เวลางานของเธอในการจองรีสอร์ตเพื่อวันหยุดของเธอ ส่งผลให้คนไข้บางรายถึงขั้นร้องเรียนในพฤติกรรมดังกล่าว ภาพพยาบาลที่ถูกโพสต์โดยเพจ Spotted in Harlow พร้อมกับข้อความว่า “รอในห้องฉุกเฉินมา 5 ชั่วโมง ขณะที่นางพยาบาลกำลังจองที่พักวันหยุดของหล่อน” จากภาพดังกล่าวก็สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก หลายคนที่ได้เห็นก็ออกมาต่อว่าพยาบาลคนดังกล่าว เพราะการจองรีสอร์ตในเวลางานจนทำให้คนป่วยต้องรอเป็นเวลานานมากนั้น เป็นเรื่องที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง แต่ก็มีผู้คนบางส่วนเข้ามาแสดงความคิดเห็นปกป้องพยาบาลคนนั้นว่า “จากที่ทำงานมาหลายชั่วโมง เธออาจจะมีเวลาว่างแค่นั้นก็ได้” “เธอทำงานหนัก เธอสมควรได้รับเวลาพักบ้าง” จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการร้องเรียนเรื่องการทำงานล่าช้าของแผนกฉุกเฉิน จากสถิติที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหาเรื่องการปล่อยให้คนไข้รอเป็นเวลานาน รถพยาบาลล่าช้า และปัญหาเรื่องเตียงไม่เพียงพอสำหรับผู้ป่วย หัวหน้าแผนกฉุกเฉินเผยว่า มีผู้ป่วยฉุกเฉินอาการหนักอยู่เต็มทางเดินโรงพยาบาล และมีผู้ป่วยเพียง 45 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้รับการตรวจภายใน 4 ชั่วโมง แม้ว่าทางรัฐบาลได้ตั้งเป้าไว้ให้คนป่วย 95% ได้พบแพทย์ภายในเวลา 4 ชั่วโมง แต่สถิติระบุว่าตัวเลขที่สูงสุดซึ่งได้พบแพทย์ในเวลานั้นคือราวๆ 75% ไม่ได้ใกล้เคียงกับที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้เลย นี่จึงอาจจะเป็นสาเหตุให้คนอังกฤษรู้สึกอัดอั้นตันใจ และตอบรับกับกระแสดราม่าเรื่องนี้อย่างหนักหน่วงมากก็เป็นได้… ที่มา…
-
พยาบาลสาวถูกปรับกว่า 240,000 บาท เพราะเธอจอดรถผิดที่เพื่อไปดูแลผู้ป่วย
เมื่อเรามีรถยนต์ส่วนตัวเป็นของตัวเองและขับไปยังสถานที่ต่างๆ บ่อยครั้งที่เราก็มักจะหงุดหงิดกับการหาที่จอดรถไม่ได้ไม่ว่าจะเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร หรือกระทั่งที่ทำงานก็ตาม และแล้วเรื่องการจอดรถก็ได้สร้างปัญหาใหญ่ขึ้นให้กับพยาบาลสาวคนหนึ่ง เมื่อเธอถูกใบสั่งจากการจอดรถเป็นเงินกว่า 5,500 ปอนด์ (ประมาณ 240,000 บาท) บาท ทั้งๆ ที่เธอกำลังปฏิบัติงานช่วยชีวิตของผู้ป่วยอยู่ในขณะนั้น… หน้าตาของ Victoria Slayford พยาบาลที่โดนค่าปรับดังกล่าว โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพยาบาลสาวลูกหนึ่งชื่อว่า Victoria Slayford วัย 38 ปี ที่ทำงานเป็นระยะเวลายาวนานถึง 12 ชั่วโมงต่อวันในตำแหน่งพยาบาลกุมารเวชศาสตร์ ที่โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัยครอยดอน ทางตอนใต้ของกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะที่เธอกำลังทำงานอยู่นั้น เธอก็บอกว่าผู้ดูแลที่จอดรถก็เดินเข้ามาหาเธอพร้อมมอบใบสั่งให้กว่า 80 ใบในข้อหา ‘จอดรถในที่ห้ามจอด’ แม้ว่าเธอจะมีใบอนุญาตพนักงานก็ตาม “ใบสั่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่ฉันทำงานล่วงเวลาและอยู่กับผู้ป่วย มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ฉันต้องมาเจอกับเรื่องนี้ แม้ว่าฉันพยายามจะช่วยชีวิตของผู้คนอยู่ก็ตาม” Slayford กล่าว โดยเธอบอกเอาไว้ว่า ที่ทำงานของเธอมีที่จอดรถสำหรับพนักงานที่ค่อนข้างจะจำกัด และมักจะเต็มเสมอเมื่อในเวลาที่เธอต้องไปทำงาน นอกจากนี้เธอยังบอกอีกด้วยเธอต้องวนหาที่จอดเป็นเวลานานอยู่บ่อยๆ จนในที่สุดก็ต้องยอมไปจอดที่จอดรถสาธารณะที่มีค่าจอดถึง 15 ปอนด์ (ประมาณ 650 บาท) ต่อวันเลยทีเดียว โดนปรับทีเป็นแสน แม้ว่าบัตรพนักงานจะทำให้เธอได้ลดราคามาอยู่ที่ 10…
-
คุณหมอเขียน “ชื่อ” และ “หน้าที่” ของตัวเองบนหมวกคลุมผม เกิดกระแสเปลี่ยนแปลงในวงการแพทย์
เมื่อเราต้องทำงานร่วมกับคนจำนวนมากที่แทบไม่รู้จักกันเลย เวลาเราต้องประสานงานหรือว่าช่วยงานกัน จึงทำให้การเรียกหรือระบุตัวคนเป็นเรื่องยาก เพราะว่าเราคงไม่สามารถจำชื่อคนทุกคนในเวลาอันสั้นได้ จากปัญหาดังกล่าว ทำให้หมอคนหนึ่งในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เกิดความคิดสุดประหลาดขึ้นมาว่า หากเขาเขียนชื่อและตำแหน่งงานของตนเองลงบนหมวกคลุมผม เวลาที่ทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงาน คนอื่นจะได้รู้ว่าเขาชื่ออะไร ทำงานส่วนไหน Dr. Rob Hackett คุณหมอ Rob Hackett เขามักจะมีปัญหาเวลาที่ต้องทำงานกับคนอื่นในห้องผ่าตัด เพราะหมอแทบทุกคนจะใส่หน้ากากอนามัย และหมวกคลุมผม จนแยกไม่ออกเลยว่าใครเป็นใคร มีหน้าที่อะไรบ้าง ซึ่งเวลาที่หมอแต่ละคนต้องการให้คนช่วยงาน พวกเขาก็จะเสียเวลามานั่งคิดนั่งจำว่าหมอคนนั้นชื่ออะไร เป็นหมอเชี่ยวชาญด้านใด จนอาจทำให้การผ่าตัดล่าช้าโดยใช่เหตุ เขาบอกว่า “เมื่อคุณต้องทำงานในโรงพยาบาลหลายแห่ง ร่วมกับคนหลายร้อยคน ผมบอกเลยว่าผมไม่รู้เลยว่าคนกว่า 3 ใน 4 นั้นชื่ออะไรบ้าง และเวลาจะเรียกให้ช่วยงานกันก็จะรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ” เขาเลยเขียนว่า “Rob วิสัญญีแพทย์” ลงบนหมวกคลุมผมของเขา ทีนี้แพทย์ทุกคนก็จะรู้แล้วว่าเขาทำหน้าที่อะไร และเรียกให้ช่วยงานได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลามาแยกว่าคนนั้นเป็นหมอด้านไหน หลังจากนั้นเพียง 6 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าไอเดียนี้ของเขา กลายเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นสากล และมีคนนำไปทำตามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ในประเทศออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร…
-
นี่คือสิ่งที่เหล่าผู้ป่วยมักจะพูดและทำเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะสิ้นลมหายใจ…
วันที่ 11 พฤศจิกายน 2560 เว็บไซต์ Independent ได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าสนใจของเหล่าพยาบาลที่มีหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายในโรงพยาบาล Royal Stoke University Hospital ที่ Stoke-on-Trent ประเทศอังกฤษ โดยพวกเขาได้ใช้เวลาทั้งวันอยู่กับบรรดาผู้ป่วยเหล่านั้น พร้อมกันนี้พวกเธอยังได้ออกมาบอกเล่าคำขอและความคิดสุดท้ายของผู้ป่วยก่อนที่พวกเขากำลังจะตายอีกด้วย “มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งที่แต่งงานกันแล้วทั้งสองกำลังจะตาย พวกเขาได้ขอให้เราเอาเตียงมาอยู่ใกล้กัน พวกเขาจับมือกัน ร้องเพลง Slow Boat to China ด้วยกัน และ 10 วันหลังจากนั้นทั้งคู่ก็เสียชีวิตพร้อมกัน” นางพยาบาล Angela Beeson กล่าว นอกจากนี้ยังมีการเผยอีกว่า ผู้ป่วยที่ป่วยหนักสามารถคาดเดาได้บ่อยๆ ว่าพวกเขากำลังจะตาย และจะมองเห็นภาพสวรรค์ในขณะที่กำลังนอนอยู่ ก่อนที่พวกเขาจะจากโลกนี้ไป ผู้ป่วยหลายๆ คนมักพูดถึงสิ่งที่พวกเขาชอบ ในขณะที่บางคนก็กล้าที่จะพูดคุยอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับเรื่องความตายของพวกเขาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ซึ่งในบางครั้งพวกเขาก็สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ด้านนางพยาบาล Nicki Morgan ได้ออกมากล่าวว่า “มีคนเคยพูดกับเราว่าในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเขาจะมีอายุครบ 80 ปี และจะจัดงานปาร์ตี้วันเกิด…
-
ชาวเน็ตช่วยตามหาเด็กที่ถูกลักพาตัวไปจากโรงพยาบาล หลังเห็นข้อความบนโลกออนไลน์
สื่อโซเชี่ยลในปัจจุบันเรียกว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังมากๆ แน่นอนว่าถ้าใช้ในทางที่ผิดมันก็จะเป็นเครื่องมืออันชั่วร้าย แต่ถ้าใช้ในทางที่ถูกมันก็จะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อย่างน่าอัศจรรย์แม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม เช่นเดียวกับเรื่องราวในครั้งนี้ เมื่อ Mélissa McMahon และ Simon Boisclair สองสามีภรรยาที่เพิ่งจะให้กำเนิดลูกน้อย Victoria ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองควิเบก ประเทศแคนาดา แต่แล้วไม่กี่ชั่วโมงต่อมาลูกน้อยของพวกเขาก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย!? Daniel Cossette ผู้เป็นลุงของหนูน้อย Victoria เล่าว่า เขาเห็นพยาบาลคนหนึ่งเดินออกไปยังทางเดินพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งโดยเธอใส่เครื่องแบบของโรงพยาบาล เลยทำให้ตัวเขาไม่ได้สงสัยอะไรว่าเด็กคนนั้นอาจจะเป็นหนูน้อย Victoria แต่เมื่อทั้งหมดรู้ว่าลูกของ Mélissa และ Simon ได้หายไป ทางโรงพยาบาลจึงรีบแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อช่วยตามหาหนูน้อย Victoria ทันที นอกจากนี้ ตัวคุณพ่อก็ได้โพสต์ภาพลูกสาวบนโซเชี่ยลเผื่อว่าจะมีใครบังเอิญเห็นคนร้ายและสามารถช่วยพวกเขาตามหาได้ เชื่อไหมว่าคนกลุ่มแรกที่ยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นคือ Mélizanne Bergeron และเพื่อนๆ ซึ่งเป็นวัยรุ่นอายุราวๆ 20 ปีเท่านั้น เธอเล่าว่าบังเอิญเห็นข้อความผ่านหน้าเฟซบุ๊กของพวกเขา จึงตัดสินใจทันทีว่าจะต้องทำอะไรสักอย่าง ทุกคนจึงช่วยกันออกตามหาคนร้ายอย่างเร่งด่วน เวลาผ่านไปไม่นานพวกเขาก็พบว่ามีรถโตโยต้ายาริสสีแดง พร้อมกับป้าย ‘มีเด็กบนรถ’ วิ่งผ่านไปด้วยท่าทีน่าสงสัย ทุกคนจึงพากันค้นกล้องวงจรปิดเพื่อหาเจ้าของรถ และพวกเขาก็พบกับโฉมหน้าของคนร้าย ที่เยี่ยมกว่านั้นคือพวกเขาจำได้ว่า หญิงคนในภาพดังกล่าวนั้นเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขาซึ่งอาศัยอยู่ในอพาตเมนต์ใกล้ๆ ทั้งหมดจึงรีบแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และเจ้าหน้าที่สามารถจับคนร้ายได้ในที่สุดพร้อมส่งคืนหนูน้อย Victoria ให้กับพ่อแม่ของเธอ…
-
ภาพวินาทีชีวิตกับบทความสุดซึ้ง ชีวิตกำลังจะเกิดขึ้นใหม่กับการช่วยเหลือของเหล่าพยาบาล
การเกิดแก่เจ็บตาย เป็นวัฏจักรของมนุษย์ที่ดำรงสืบมาบนโลกแห่งนี้ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครหลีกหนีได้ ไม่ว่าจนหรือรวยล้นฟ้า ทุกคนก็ต้องเข้าสู่วัฏจักรนี้กันทุกๆ คน อยู่ที่ว่าใครจะใช้ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ได้คุ้มค่ากว่ากัน การให้กำเนิดมนุษย์ซักคนหนึ่งจะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดมากมายของคนที่เป็นมารดา นับตั้งแต่วันที่เริ่มรู้ว่าตั้งท้อง อาการแพ้ท้องต่างๆ ที่คอยมารบกวนร่างกาย อีกทั้งการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างก้าวกระโดด ถือว่าเป็นความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของร่างกายมนุษย์ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ให้สืบไป Jill Krause นักเขียนแห่งเมืองเท็กซัส ได้ทำการเผยแพร่ช่วงชีวิตหนึ่งของมนุษย์ที่แสนจะน่าทึ่งและหาชมได้ยาก กับการคลอดลูกผู้หญิง ความเจ็บปวดที่เธอต้องเจอ รวมไปถึงสิ่งต่างๆที่คอยช่วยเหลือทำให้สิ่งมีชีวิตน้อยๆ ได้ลืมตาขึ้นมาดูโลกอย่างปลอดภัย ภาพถ่ายเหล่านี้ถูกบันทึกหลังจากได้รับการอนุญาตจากคุณแม่มือใหม่ 4 ราย ที่ยินยอมที่จะเปิดเผยให้เธอกับช่างภาพที่ชื่อว่า Katie Laecer เข้าไปถ่ายภาพและนำไปเขียนเป็นบทความ ให้ผู้อื่นได้รับรู้ว่ากว่าจะคลอดลูกออกมานั้นมีความยากลำบากเป็นอย่างยิ่ง และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังจะถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้ว แต่ทว่าเด็กน้อยคนนี้ดันไม่ยอมเกิดแบบธรรมดาๆ น่ะสิ คุณแม่ก็เลยจำเป็นต้องคลอดในห้องน้ำซึ่งมันก็ดูโกลาหลเล็กน้อย ภาพถ่ายของเธอไม่ได้เน้นแสดงความเจ็บปวดของการคลอดลูก แต่เน้นไปที่การทำงานของพยาบาลที่คอยช่วยเหลือเหล่าคุณแม่ หากไม่มีพยาบาลเหล่านี้เด็กก็คงคลอดออกมาอย่างไม่ปลอดภัย พยาบาลทั้งหลายจะคอยช่วยเหลือคุณแม่ เพราะรู้ดีว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เธอกำลังต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด “ฉันจะไม่มีวันลืมใบหน้าของคุณพยาบาลที่เดินตามฉันไปช่วยคุณแม่ที่กำลังจะคลอด ตอนนั้นฉันรู้สึกกลัวมากๆ กับภาพที่อยู่ตรงหน้า ฉันรู้สึกว่าท้องมวนๆ จนแทบทนไม่ไหว” Jill ได้เขียนในบทความของเธอ “สำหรับฉัน ช่วงเวลาเหล่านี้เป็นช่วงที่รู้สึกว่าผู้หญิงมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก…
-
จากเหตุการณ์คลิปวิดีโอ “พยาบาลถูกตำรวจจับ” เพราะทำหน้าที่ ตอนนี้ได้บทสรุปแล้ว
จากเหตุการณ์ขอความเป็นธรรมของพยาบาลสาวในเหตุการณ์ที่เธอปฏิเสธเจ้าหน้าที่ตำรวจ เหตุเพราะเธอไม่อยากเจาะเลือดของคนไข้รายหนึ่งออกมาในขณะที่เขาหมดสติอยู่ ทำให้เธอถูกเจ้าหน้าที่คนนั้นจับใส่กุญแจมือและดึงออกไปขังไว้ในรถก่อนที่จะทำการปล่อยตัวออกมาเมื่อผ่านไป 20 นาที เมื่อมีคลิปวิดีโอเหตุการณ์ดังกล่าวออกมา ก็กลายเป็นกระแสให้ชาวเน็ตและนายกเทศมนตรีเห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำในการรักษาสิทธิ์ของคนไข้ อีกทั้งไม่พอใจเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำลงไปนั้นกลับไม่ได้รับโทษใดๆ เลยและออกตรวจพื้นที่ตามปกติได้อย่างหน้าตาเฉย จากทั้งหมดนั้นจึงทำให้เกิดข้อสรุปออกมาแล้วในตอนนี้ อ่านข่าวเก่า : เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมพยาบาลสาว หลังเธอปฏิเสธไม่ให้เขาเจาะเลือดผู้ป่วยหมดสติ นายตำรวจ Brandon Shearer ได้ออกมาบอกว่าหัวหน้าของพวกเขาได้เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย และเขาก็ได้บอกด้วยอีกว่าเรื่องข้อระเบียบของการเจาะเลือดผู้ป่วยนั้นไม่ได้รับการอัปเดตให้ทุกคนได้ทราบกันอย่างถ้วนหน้า แต่หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวเรื่องนี้ก็ได้ถูกเพิ่มเติมในข้อระเบียบให้กับตำรวจทุกนายแล้ว นอกจากนั้น Payne นายตำรวจในเหตุการณ์แม้ว่าในตอนแรกจะได้รับปล่อยตัวให้กลับไปทำหน้าที่ตามปกติ แต่ก็ได้ถูกระงับเอาไว้และกำลังอยู่ในช่วงการดำเนินการตรวจสอบภายใน แต่เรื่องที่ควรจะกังวลมากกว่านั้นก็คือสิ่งที่เขาได้พูดกับนายตำรวจอีกคนในคลิปวิดีโอเกี่ยวกับอีกอาชีพหนึ่งของเขา ในการเป็นคนขับรถฉุกเฉินว่า “ฉันจะออกไปรับทุกคนอย่างรวดเร็ว และจะพาคนไข้ไปหาโรงพยาบาลอื่น” และกลายเป็นอีกเรื่องที่พวกเขายังคงต้องตรวจสอบกันต่อไป สุดท้ายแล้วเมื่อมีการถามคำถามกับพยาบาลสาว Wubbles ผู้เสียหายในเรื่องนี้ว่าเธออยากให้ทำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่คนนี้ เธอก็ได้ตอบกลับมาว่า “ฉันคิดว่าเขาจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการอบรมที่เข้มงวด” แม้ว่าจะยังเหลือการตรวจสอบภายในอยู่ ทว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพยาบาลคนนี้ก็ได้รับการคลี่คลาย และทางตำรวจได้ออกมาอธิบายเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงแค่ว่านายตำรวจคนดังกล่าวจะได้รับโทษสถานหนักหรือเบา ที่มา: dailymail
-
พยาบาลสาวใช้ความถนัดและความชอบของตัวเอง สร้างสรรค์ภาพวาดจาก “เข็มฉีดยา”
คุณ Kimberly Joy Magbanua หญิงสาวที่พบว่าตัวเธอเองมีความสามารถในการทำงานศิลปะ แต่ด้วยหน้าที่การงานของเธอ ทำให้ความสามารถทางด้านศิลป์ของเธอนั้นกลับไม่ได้รับการฝึกฝนมากเท่าไหร่ และวันหนึ่งเธอก็ตัดสินใจที่จะใช้ความสามารถทางด้านศิลปะที่เธอมีผสมผลานเข้ากับอาชีพของเธอนั่นก็คือพยายาบาลนั่นเอง คุณ Kimberly จึงตัดสินใจสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของเธอขึ้นมาโดยใช้เข็มฉีดยาแทนพู่กัน และนี่ก็คือผลภาพวาดจากปลายเข็มของเธอ พยาบาลสาววัย 24 ปีจากเมือง Valladolid ประเทศฟิลิปินส์บอกว่าเธอได้ไอเดียนี้มากจากการทำงานของเธอเมื่อประมาณหนึ่งปีที่แล้ว หลังจากที่เธอลองใช้เข็มฉีดยาในการลงสีแทนแปรง พยาบาลสาวกล่าวว่า “เครื่องมือทั้งสองชนิดนี้ให้ความรู้สึกที่คล้ายกัน ถึงแม้ว่าเข็มฉีดยาจะดูไม่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปะเลย” พยาบาลสาวเริ่มร่างภาพของเธอบนผืนผ้าใบด้วยดินสอก่อน จากนั้นจึงทำการลงสีด้วยเข็มฉีดยา หลังจากที่ลองฝึกฝนและผ่านความล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดผลงานศิลปะจากปลายเข็มฉีดยาของเธอก็ประสบความสำเร็จและออกมาได้สวยงามไม่แพ้กับงานศิลป์ชิ้นอื่นๆ “ฉันใช้เข็มฉีดยาในขนาดที่แตกต่างกันเพื่อให้ผลงานมีรายละเอียดที่มากขึ้น ฉันต้องคอยเปลี่ยนเข็มอยู่บ่อยๆ และทำงานให้เร็วขึ้นเพื่อแข่งกับเวลา เพราะสีนั้นจะแห้งเร็วมาก” ศิลปินสาววัย 24 ปีกล่าว ถึงแม้ว่าจะยังทำงานเดิมไปด้วย แต่ผลงานศิลปะของเธอก็ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศฟิลิปินส์ และเมื่อเร็วๆ นี้ผลงานของเธอยังถูกนำไปแสดงในเว็บไซต์ทางศิลปะชื่อดังของประเทศฟิลิปินส์อีกด้วย หญิงสาวใช้เวลาประมาณ 3 ถึง 5 ชั่วโมงในการสร้างสรรค์ชิ้นงานศิลปะของเธอ แต่การวาดภาพด้วยเข็มของเธอนั้นก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่หลายๆ คนคิด ศิลปินสาวต้องควบคุมความแรงของการกดเข็มฉีดยา พร้อมกับการตวัดข้อมือให้ได้ลายเส้นที่ดูสวยงามอีกด้วย เพราะบางครั้งทิศทางหรือปริมาณของสีที่ผิดพลาดอาจทำให้ผลงานของเธอเสียหายได้เลยทีเดียว . …
-
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมพยาบาลสาว หลังเธอปฏิเสธไม่ให้เขาเจาะเลือดผู้ป่วยหมดสติ
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของพยาบาลสาวรายหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ให้ทำการเจาะเลือดของชายแปลกหน้าขณะที่กำลังนอนหมดสติอยู่ในโรงพยาบาล ตามความต้องการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ อันเป็นเหตุให้เธอถูกจับกุมในที่สุด เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐ Utah เมื่อพยาบาลสาว Alex Wubbels ได้ทำการปฏิเสธกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ Jeff Payne ไม่ให้เขาทำการเจาะเลือด ผู้ป่วยรายหนึ่งที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียงจากอุบัติเหตุรถชน ซึ่งทาง Wubbles ก็ได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ Payne ฟังว่าทางโรงพยาบาลได้มีการกำหนดนโยบายเอาไว้ว่าไม่สามารถเจาะ หรือนำเลือดของผู้ป่วยที่หมดสติออกจากร่างกายได้หากพวกเขาไม่ยินยอม แต่จะยกเว้นได้ก็ต่อเมื่อเขาถูกจับดำเนินคดี หรือมีการออกหมายและมีลายลักษณ์อักษรจากศาลว่าสามารถให้เจาะเลือดของเขาไปทำการตรวจสอบได้ แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่ Payne จะมีท่าทางไม่ค่อยพอใจซักเท่าไหร่ เขาตอบกลับไปว่า “จะให้ผมกลับไปพร้อมกับเลือดหรือจะให้ลากตัวเอาออกไป!?” Wubbles ก็ยังคงอธิบายถึงกฎและข้อบังคับของทางโรงพยาบาลให้ฟังอีกครั้ง แต่ทางเจ้าหน้าที่ Payne ก็ยังคงยืนกรานว่าจะเอาเลือดของผู้ป่วยไปให้ได้ พร้อมกับออกปากเตือนว่าระวังเธอจะถูกจับด้วยนะหากขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ “ถ้าคุณกำลังขู่ฉันอยู่ล่ะขอบอกเลยว่าคุณกำลังทำในเรื่องที่ผิดมหันต์” Wubbles กล่าว “เราหมดธุระที่นี่แล้ว” เจ้าหน้าที่ Payne ตอบ พร้อมกับจับแขนของ Wubbles ลากออกไปนอกตึกโรงพยาบาลแล้วก็นำกุญแจมือใส่เธอ ระหว่างนั้น Wubbles ก็ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ “ใครก็ได้ ช่วยด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด มันชักจะไปกันใหญ่แล้ว!!” …
-
Violet Jessop พยาบาลสาวดวงแข็ง ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์เรือล่ม ได้ถึง 3 ครั้ง 3 ครา!?
ความโชคดีที่เราได้เจอในนการใช้ชีวิตนั้นคุณเคยรู้สึกอย่างนั้นกันมากี่ครั้งแล้ว ? แต่สำหรับเรื่องราวของเธอคนนี้นั้นเธอมีความโชคดีที่สูงมาก มากซะจนทำให้เธอรอดตายจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นถึง 3 ครั้งเลยทีเดียว หากคุณกำลังคิดว่าอุบัติเหตุนั้นมันจะใหญ่สักแค่ไหน บอกได้ว่ามี 1 เหตุการณ์ที่ดังกระฉ่อนไปทั่วโลกด้วย แต่ก่อนที่จะไปถึงเรื่องนั้น เราลองมาทำความรู้จักกับหญิงสาวที่มีชื่อว่า Violet Jessop กันเสียก่อน Violet Jessop เกิดในปี 1887 ประเทศอาร์เจนตินา ซึ่งเกิดมาเธอก็ได้ท้าทายความตายเป็นครั้งแรกกับการที่เธอป่วยเป็นวัณโรค แต่ถึงแม้ว่าแพทย์จะคิดว่าคงไม่สามารถช่วยเธอไว้ได้ แต่สุดท้ายเธอก็รอดมาใช้ชีวิดได้ตามปกติ หลังจากที่พ่อเธอเสียชีวิตตอนที่เธออายุได้ 16 ปี เธอและครอบครัวก็ได้ย้ายไปอยู่ประเทศอังกฤษ เธอต้องเรียนและดูแลน้องไปด้วยเพราะแม่ของเธอได้ขึ้นไปทำงานบนเรือ จึงทำให้มีเวลาอยู่ด้วยกันได้น้อยเพราะต้องเดินทางตลอด จนเมื่อแม่เธอป่วยจึงต้องออกโรงเรียนมาทำงานบนเรือแทนแม่ ซึ่งในตอนนั้นเธออยู่บริษัท Royal Mail Steam Packet และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งตัวดีๆ แต่งหน้าแต่งตา แต่เธอก็ได้รับการขอแต่งงานถึง 3 ครั้งในตอนที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่บนเรือ แม้ว่าจะสนุกกับงานที่ทำแต่ด้วยเงินเดือนอันน้อยนิด เธอก็ได้ย้ายไปทำให้กับบริษัท White Star Line ในปี 1910 และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความโชคดีที่ทำให้เธอรอดตายมาได้ถึง 3 ครั้งจากการทำงานในบริษัทนี้ ภาพความเสียหายของเรือ Olympic…
-
ศิลปินสาวสร้างผลงาน ‘เค้ก’ หน้าตาไม่ธรรมดา เพราะมันเหมือนจริงมาก จนกินไม่ลง…
หลังจากที่ได้เข้าทำงานในโรงพยาบาล และได้มีโอกาสเห็นสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล การได้เห็นเลือดกับแผลจากอุบัติเหตุนั้นถือเป็นเรื่องปรกติของเธอ และสิ่งเหล่านี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเหล่านี้ Katherine Day ได้เริ่มทำเค้กที่มีความสมจริง แต่แทนที่จะเป็นเค้กรูปดอกไม้หรือสัตว์แสนน่ารักๆ แบบหญิงสาวทั่วไป แต่เธอกลับเลือกทำเค้กที่เต็มไปด้วยเลือดที่ดูน่ากลั๊วน่ากลัว… เค้กก้อนนี้คุณ Katherine ใช้หน้าของสามีเธอเป็นแบบในการทำ อือหือ..สมจริงมากเลยนะเนี่ย นอกจากรูปร่างภายนอกจะมีความสมจริงแล้ว รายละเอียดด้านในเค้กก็ยังทำออกมาได้เนียนสุดๆ อีกด้วย บางผลงานอาจจะดูธรรมดาๆ แต่เมื่อคุณเริ่มลงมือตัดเค้ก มันก็กลับสยองขึ้นมาทันที เค้กรูปกะโหลกแพะ ที่ทำออกมาได้เหมือนสุดๆ แบบนี้คนใจอ่อนมีหวังกินไม่ลงแน่นอน ขั้นตอนในการทำเค้กของเธอนั้นค่อนข้างซับซ้อน และนี่คือหนึ่งในขั้นตอนการเตรียมเค้กก่อนที่มันจะถูกแต่งหน้าให้ดูน่าขนลุก . จากก้อนเค้กธรรมดาๆ ก็เริ่มเผยความน่าขนลุกขึ้นมาทีละนิด แอ่นแอ๊น!! เสร็จเรียบร้อยแล้วจร้าา เค้กรูปศพโอพอสซัมที่ทำมาจากเค้กและขนมธัญพืชอัดแท่ง ผลงานแต่ละชิ้น ใช้เวลาในการตกแต่งและการทำค่อนข้างนาน นอกจากการขึ้นรูปแล้ว ขั้นตอนการลงสีก็เป็นอีกขั้นตอนที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว ถ้าหากเจ้าของวันเกิดเป็นคนใจไม่แข็งพอ อาจจะไม่ค่อยชอบเค้กก้อนนี้ก็ได้นะ ฮ่าๆ โถ่… อะไรจะเหมือนขนาดน้านน แม่คู๊ณณ ที่มา thisisinsider
-
จิตใจทำด้วยอะไร… ชาวเน็ตจวกยับหลังเห็นคลิปพยาบาลหนุ่ม “ทำร้ายสาวท้อง” เป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย!?
กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของพาราเมดิคชาวชิลี ทำร้ายหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เหตุการณ์ดังกลาวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมือง Valparaiso ประเทศชิลี ซึ่งเป็นภาพของพาราเมดิคหนุ่ม กำลังทำพฤติกรรมรุนแรงใส่พยาบาลสาวที่กำลังตั้งท้องอยู่ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อน ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นพฤติกรรมของพาราเมดิคหนุ่ม ที่จู่ๆ ก็ถีบเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องของพยาบาลสาวผู้ตั้งครรภ์ จากนั้นพาราเมดิคหนุ่ม ก็ได้ดึงศีรษะของพยาบาลสาวพร้อมกับพยายามกระซิบข้อความบางอย่างใส่ และก่อนที่เจ้าตัวจะแยกย้ายก็ได้ถีบใส่หญิงสาวอีก 1 ครั้ง หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดถึงทั่วโลกอินเตอร์เน็ต พนักงานหนุ่มคนดังกล่าวก็ถูกบริษัทสั่งพักงาน พร้อมกับถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาทำร้ายร่างกาย แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งในครั้งนี้ ทว่าพฤติกรรมที่พาราเมดิคหนุ่มได้แสดงต่อหน้ากล้องวงจรปิด ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งจิตใจที่โหดเหี้ยมจากการทำร้ายหญิงสาวผู้ตั้งครรภ์ แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาชาวเน็ตออกมาแสดงความเห็นกันให้เพียบ “ขอเดาว่าผู้ชายต้องเป็นพ่อของเด็กในท้อง และเขาตั้งใจจะบังคับให้เธอไปเอาเด็กออกแน่ๆ เขาควรจะถูกข้อหาพยายามฆ่าเลยนะ” ชาวเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่า ควรจะโดนข้อหาพยายามฆ่ามากกว่าแค่ข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะนอกเหนือจากร่างกายของหญิงสาวแล้ว ก็เท่ากับว่าพาราเมดิคหนุ่มได้ทำร้ายร่างกายเด็กในท้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเช่นกัน โถ่วว.. มีปัญหาอะไรก็ควรจะใจเย็นๆ นะ อย่าได้ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้เลย ที่มา: Dailymail
-
คุณป้าโวยเดือด ตั้งใจไปผ่าตัดเล็ก ไม่รู้หมอทำอีท่าไหน… ตื่นมาฟันหน้าหายเกลี้ยง!?
ลองคิดดูว่าจะเป็นยังไง ถ้าคุณตั้งใจไปผ่าตัดเล็ก แต่หมอดั๊นไปทำอย่างอื่นแถมเล่นใหญ่อีกต่างหาก แบบนี้ไม่ตรงสเปคสุดๆ!! โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณป้า Gail Tapp เมื่อเธอได้เดินทางไปเข้ารับการผ่าตัดเล็ก เพื่อบรรเทาอาการแผลฟกช้ำตามร่างกาย ที่โรงพยาบาล USMD ในเมือง Fort Worth รัฐเท็กซัส คุณป้า Gail Tapp สำนักข่าว CBFNews รายงานว่า เนื่องจากตอนผ่าตัดคุณป้าได้รับยาชาทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มและไม่ได้สติ ซึ่งเธอได้บอกกับหมอว่าเธอมีสะพานฟัน (สำหรับผู้ใช้ฟันปลอม) อยู่ในปาก ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมาจากการผ่าตัด เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปจากเดิม… “ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับช่องปากของฉัน” เธอกล่าวถึงความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมา คุณป้าถึงกับตกใจเมื่อตื่นมาพบว่าฟันปลอมของเธอหายไปหมดเลย..!? ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ออกมาชี้แจงว่า คุณป้า Gail เป็นคนบอกคุณหมอเองว่าให้ช่วยถอดสะพานฟันออก ในช่วงที่คุณหมอกำลังย้ายท่อหายใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้าการผ่าตัด คุณป้าได้เซ็นเอกสารรับทราบข้อตกลงเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดแล้ว ทำให้โรงพยาบาลไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้เธอ ล่าสุดคุณป้าออกมาชี้แจงว่า ถ้าจะใส่ฟันใหม่ต้องใช้เงินสูงถึง 15,000 เหรียญสหรัฐฯ เธอขอแค่โรงพยาบาลยกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ก็พอแล้ว… ก็ไม่รู้นะว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง… แต่ดูเหมือนป้าจะแอบอยากหาเรื่องไม่จ่ายหนี้นะเนี่ย ที่มา: TheSun
-
เว็บภาพถ่ายสต็อกจากญี่ปุ่น เผยชุดภาพพยาบาลแบบโคตรแหวกแนว หลุดโลกไปใหญ่แล้ว!?
เรียกได้ว่ากำลังที่เป็นที่ตลกโปกฮาของชาวเน็ตในญี่ปุ่น เมื่อเว็บไซต์ Sukima Nurse ซึ่งเป็นเว็บไซต์คอลเลคชั่นภาพสต็อกที่เกี่ยวกับพยาบาล ได้เผยชุดภาพถ่ายของนางพยาบาลที่ดูเหมือนจะปกติ แต่ไม่ปกติ เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายว่ายังไงดี เพราะเกิดมาก็ยังไม่เคยเจอชุดภาพถ่ายไหนที่ทำให้รู้สึกงงได้มากขนาดนี้มาก่อน เอาเป็นว่าไปชมกันเองเลยละกัน เมื่อพยาบาลปลุกคนไข้ พยาบาลเดินผ่านคนไข้พร้อมไม้เบสบอล พยาบาลผู้ตรงต่อเวลา พยาบาลผู้สามารถวางชิ้นปลาดิบไว้บนแขนของเธอได้ (เพื่อ?) พยาบาล และคนไข้ที่กำลังช่วยกันกัดโฟมลอยน้ำ ภาพของพยาบาลแบบจับด้วยรังสีความร้อน พยาบาลกำลังเอากรรไกรเข้าปาก พยาบาลพักกินแฮม พยาบาลกำลังกู้ระเบิดกับคนไข้ (เฮ้ยย เดี๋ยวๆๆ!!) พยาบาลถือดาบซามูไร พร้อมกับยืนอยู่บนผิวน้ำ พยาบาลนั่งยองๆ ท่ามกลางขวดน้ำ พยาบาลได้เงินเดือน พยาบาลฝันอยากกินเนื้อย่าง พยาบาลฝันถึงพยาบาล และพยาบาลในฝันก็ฝันถึงพยาบาล ว่าพยาบาลในฝันอยากกินหมูกระทะ พยาบาลยืนโบกรถข้างทาง พยาบาลโผล่มาทางท่อระบายน้ำพร้อมกับพิซซ่า พยาบาลป้อนอาหารผู้ป่วย พยาบาลรีบมาช่วยผู้ป่วย …
-
คิดเห็นอย่างไร? เผยคลิปพยาบาลเต้นรำกันอย่างสนุกสนานต่อหน้าผู้ป่วย จนถูกไล่ออกยกแก๊งค์
กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ของต่างประเทศเมื่อมีคลิปวิดีโอคลิปหนึ่งอัพลงบนเว็บไซต์ยูทูบ.. เนื้อหาในคลิปวิดีโอก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล มีคนสวมชุดคล้ายกับเป็นพยาบาลเต้นรำกันอย่างสนุกสนาน ซึ่งในคำอธิบายใต้คลิปก็ได้บอกเอาไว้ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นโรงพยาบาลเอกชนในเมือง Antalya ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 23 เดือนธันวาคม ปี 2013 และขณะที่กำลังเต้นรำกันอยู่นั้นก็พบว่าเบื้องหลังของพวกเขาก็มีคนป่วยกำลังนอนอยู่ด้วย แต่เพิ่งจะถูกอัพลงโซเชียลเน็ตเวิร์คเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2017 โดยอดีตพนักงานในโรงพยาบาลที่ต้องสงสัยว่าอาจจะไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว จึงได้ออกมาแฉ แน่นอนว่าชาวเน็ตมากมายต่างก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิกลุ่มคนที่เต้นอยู่ในคลิปกันมากมายว่าทำตัวไม่เหมาะสม บ้างก็บอกว่าบางทีอาจจะเป็นวิธีการผ่อนคลายจากการทำงานที่เต็มไปด้วยแรงกดดันและความเครียดก็เป็นได้ จนในที่สุดเมื่อวันที่ 23 กุมถาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่า เรื่องไปเข้าถึงหูของนาย Huseyin Sari ผู้บริหารของโรงพยาบาลดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ผมจะยกเลิกสัญญาจ้างงานของพวกเขาในทันที” นาย Huseyin กล่าว นอกจากนี้เขายังได้รายงานพฤติกรรมของกลุ่มคนกลุ่มนี้ไปยังคณะกรรมการหน่วยงานด้านสุขภาพของท้องถิ่นให้ทำการสอบวินัยของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้อีกด้วย ลองไปชมคลิปดังกล่าวแล้วค่อยตัดสินใจว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นถูกหรือผิดอย่างไร? เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะ? พอได้ชมคลิปกันแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถคอมเม้นต์กันเข้ามาได้เลยนะ ที่มา : mirror, geogie hagaid
-
กลุ่มพยาบาลพา ‘ตุ๊กตาอุนจิ’ เที่ยวรอบโลก เพื่อให้ผู้คนตระหนักถึงอันตรายของ ‘มะเร็งลำไส้’
‘มะเร็ง’ อีกหนึ่งโรคอันตราย ที่มักจะพรากชีวิตคนที่เรารัก ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ทันได้รู้ตัว และเข้ารับการรักษาให้ทันท่วงที เช่นเดียวกับ ‘มะเร็งลำไส้’ ภัยใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่เราเองก็ตาม แต่ด้วยความที่ผู้คนยังไม่ค่อยให้ความสนใจ หรือตระหนักถึงภัยใกล้ตัวเรื่องนี้เท่าไหร่ กลุ่มพยาบาลจากเมือง Brisbane ประเทศออสเตรเลีย จึงได้เริ่มต้นโครงการเล็กๆที่จะช่วยให้ผู้คนได้หันมาตระหนักถึงเรื่องนี้กันมากยิ่งขึ้น แคมเปจเล็กๆนี้เกิดขึ้นอย่างง่ายๆ เมื่อ Jemma Ambrose และกลุ่มพยาบาลเพื่อนร่วมงานของเธออีกมากกว่า 40 ชีวิตจากโรงพยาบาล Wesley Hospital ได้ร่วมมือกันพาตุ๊กตาเจ้าอุนจิน้อย ติดตัวไปด้วยทุกสถานที่ทั่วโลก ที่พวกเค้าได้ไปเที่ยว หรือพักผ่อน พวกเขาไปมาแล้วทั้ง ดูไบ อังกฤษ หรือแม้แต่บราซิล โดยมีเจ้าอุนจิ ‘Bristol’ ติดสอยห้อยตามไปด้วยเสมอ อีกทั้งยังมี Instagram เป็นของตัวเองอีกด้วย ซึ่งทาง Jemma ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่า ผู้คนเริ่มออกมาให้ความสำคัญกับเรื่องมะเร็งเต้านมของผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีเลยค่ะ แต่ทว่ายังมี มะเร็งลำไส้ ที่เป็นเหมือนภัยร้ายใกล้ตัว ที่หลายคนมองข้าม เราเลยทำสิ่งนี้ เพื่อหวังว่าคนที่เข้ามาเห็น จะตระหนักถึงเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น”…
-
ปริศนาฆาตกรรมในโรงพยาบาลญี่ปุ่น คนไข้ได้รับสารแปลกปลอมในถุงน้ำเกลือ ยังหาคนร้ายไม่ได้..!!
กลายมาเป็นข่าวที่สะเทือนใจเป็นอย่างมากในขณะนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อคุณตาวัย 88 ปีท่านหนึ่ง ถูกพบเสียชีวิตอยู่บนเตียงโรงพยาบาลเอกชนในเมืองโยะโกะฮะมะ ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่าน ซึ่งประเด็นนี้กลายเป็นข่าวใหญ่โต เพราะมันไม่ใช่การเสียชีวิตทั่วไปตามอายุขัย แต่พบว่าเป็นการฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล!! จากการตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตเบื้องต้นแล้วพบว่า มีสารแปลกปลอมปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือของคุณตา ซึ่งสารประเภทที่ว่าก็คือ สารซักฟอก ซึ่งจัดอยู่ในสารลดแรงตึงผิว โดยตามปกติแล้วในถึงน้ำเกลือจะไม่มีสารชนิดนี้อยู่แน่นอน พยาบาลเปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 กันยายน ช่วงเวลา 22.00 น. เมื่อย้อนเหตุการณ์กลับไปช่วงก่อนที่คุณตาจะเสียชีวิต พยาบาลได้เปลี่ยนถุงน้ำเกลือครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 19 กันยายน เวลาประมาณ 22.00 น. ต่อมา… จนกระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันถัดมา เสียงเตือนอัตราการเต้นของหัวใจต่ำก็ดังขึ้น พยาบาลจึงรีบขึ้นมาดูอาการ แต่กลับพบว่าคุณตาเสียชีวิตแล้ว ประเภทของสารที่ถูกพบปนเปื้อนอยู่ในถุงน้ำเกลือ จากเหตุการณ์ข้างต้น ยังไม่สามารถสรุปตัวคนร้ายได้ เนื่องจากเป็นโรงพยาบาลขนาดเล็กที่ไม่มีกล้องวงจรปิด อีกทั้งโรงพยาบาลปิดทำการในเวลา 21.00 น. บุคคลภายนอกจึงไม่สามารถเข้ามาได้ (เปลี่ยนถุงน้ำเกลือในช่วงเวลา 22.00 น.)…
-
‘ช่วยทำหน้าที่คุณแม่แทนด้วยนะ’ คำขอสุดท้ายจากแม่ผู้ป่วยมะเร็ง ฝากพยาบาลดูแลลูกชายแทนเธอ
‘มะเร็ง’ โรคร้ายที่หลายคนรู้จักดี และไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวของเรา เพราะเราต่างรู้ดีว่า ผู้ป่วยจะต้องเผชิญกับความเจ็บปวด และผลกระทบมากมายจากการทำคีโมรักษา ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะหายรึเปล่า? เช่นเดียวกับเรื่องราวของคุณแม่ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และครอบครัวของเธอ ถึงแม้ว่าเธอจะทำใจได้ก็ตามกับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับมา แต่คำมั่นสัญญาที่เธอและพยาบาลผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ได้ให้ไว้ซึ่งกันและกัน กลับซึ้งกินใจยิ่งกว่า… Tricia Somers คุณแม่วัย 45 ปี เธอต้องเผชิญกับมะเร็งตับ และสิ่งเดียวที่ยังค้างคาใจผู้เป็นแม่ก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชายคนเดียวของเธอ Wesley หลังจากที่เธอจากไป วันแรกที่เธอได้พบพยาบาล Tricia Seamon โลกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไป ทั้งสองต่างรู้สึกถูกชะตา และดูเหมือนว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างผูกมัดพวกเขาทั้งสองและครอบครัวไว้ ต่อจากนี้ คุณหมอได้บอกกับคุณแม่ว่า เธอสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อีกประมาณ 6 เดือนเท่านั้น และสิ่งที่เธอกังวลมากที่สุดก็คือชีวิตต่อจากนี้ของลูกชายเพียงคนเดียวของเธอจะเป็นอย่างไร ดังนั้นเธอจึงขอร้องให้พยาบาลช่วยรับอุปการะลูกชายของเธอ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเพิ่งรู้จักกัน แต่พยาบาล Seamon เธอรู้สึกได้ทันทีว่า การรับอุปการะและทำหน้าที่เป็นแม่แทนต่อจากนี้ คือสิ่งที่เธอต้องทำ เธอรู้สึกอย่างนั้น.. พยาบาล Seamon ก็ได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับสามีของเธอ ทั้งคู่เห็นพ้องต้องกัน ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะมีลูกๆ 4 คนแล้วก็ตาม…
-
รถพยาบาลทิ้งศพผู้ป่วยกลางทาง หลังเขาเสียชีวิตแล้ว และมีอีกเคสต้องไปช่วยเหลือด่วน!!!
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ไปเสียแล้ว หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่ข่าวที่ว่าได้มีชายชราคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บหนักจากอุบัติเหตุในประเทศจีน แต่กลับถูกรถพยาบาลทิ้งหลังจากถูกยืนยันว่าชายคนนั้นเสียชีวิตแล้ว สื่อจีน Anhui News ได้รายงานว่ารถพยาบาลในมณฑลอานฮุยประเทศจีนได้ทิ้งร่างของผู้ป่วยหลังจากได้รับการยืนยันว่าเขาเสียชีวิตแล้ว โดยที่รถพยาบาลถูกโทรเรียกโดยครอบครัวของชายชราคนนี้ ผู้ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ และรถพยาบาลก็ได้รับเขาไปส่งที่คลินิคใกล้เคียง จากนั้นก็ได้ทำการส่งผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลที่ใหญ่กว่านี้ อย่างไรก็ตาม รถพยาบาลก็ได้หยุดระหว่างที่จะถึงจุดหมายเพื่อไปพบกับรถพยาบาลจากโรงพยาบาลที่ใหญ่กว่าและแพทย์ฉุกเฉินก็ประเมินผู้บาดเจ็บแล้วว่าเสียชีวิตไปแล้ว ทางหน่วยกู้ชีพจึงแจ้งไปทางครอบครัวว่าต้องพักการส่งตัวผู้ป่วยไว้ก่อน เพราะว่ามีเหตุด่วนอีกเหตุการณ์ที่ต้องไปทำหน้าที่ ทางครอบครัวก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากจากการกระทำของหน่วยกู้ชีพนี้ พร้อมทั้งรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับตำรวจฟัง ตำรวจก็ได้แนะนำว่าทางรถพยาบาลควรนำร่างของผู้เสียชีวิตไปส่งที่ห้องดับจิต หรือไม่ก็ย้ายไปที่รถที่พอจะพาไปส่งได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ ทางหน่วยกู้ชีพทีมนี้พร้อมทั้งคนขับรถก็ได้ได้แสดงความรับผิดชอบด้วยการออกจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางชาวเน็ตก็พูดในหลายแง่ที่แตกต่างกันออกไป บางคนก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหน่วยกู้ภัยที่จะออกไปช่วยอีกคน เพราะว่าอีกชีวิตก็สำคัญเช่นเดียวกัน . . . และอีกฝั่งก็บอกว่าทางรถพยาบาลควรเคารพร่างผู้เสียชีวิตด้วย ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีใครพาไปส่งที่โรงพยาบาล แล้วเพื่อนๆ มีความคิดเห็นยังไงกับเรื่องนี้บ้าง ลองแสดงความคิดเห็นมาได้นะ ที่มา rocketnews24
-
มารู้จักกับ “น้ำขิง กัญญาภัค” พยาบาลสาวเน็ตไอดอลสุดน่ารัก โด่งดังไปไกลถึงเมืองนอก!!
ว่ากันว่าสาวไทยเป็นหนึ่งในสาวๆ ที่สวยที่สุดในโลก เห็นทีคงจะเป็นเรื่องจริง เพาะวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับพยาบาลสาวเน็ตไอดอลคนหนึ่ง ที่โด่งดังไปไกลถึงเมืองนอก เธอจะน่ารักกระชากใจขนาดไหน เราไปชมกันเลยดีกว่า เธอคนนี้มีชื่อว่า “น้ำขิง กัญญาภัค” วัย 21 ปี ด้วยความน่ารักของเธอ ทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในทันที ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 4 เสน่ห์ที่ทำให้คนอื่นๆ หลงรัก คือรอยยิ้มอันอ่อนหวานและเป็นมิตรของเธอนั่นเอง จนตอนนี้เธอมีผู้ติดตามในเฟสบุ๊กกว่า 13,000 คนแล้ว แน่นอน ด้วยความสวยน่ารักขนาดนี้ ทำให้เธอมีงานถ่ายแบบเข้ามาในบางครั้ง . . . . . . . เห็นแล้ว รู้สึกอยากป่วยกันขึ้นมาบ้างมั้ยล่ะเพื่อนๆ อิอิ ล่าสุดทางเว็บไซต์ 9gag ได้นำภาพของเธอไปลงเช่นกัน และดูเหมือนเธอจะได้รับความนิยมพอสมควรเลยนะเนี่ย อย่างไรก็ตามมีหลายคนคอมเมนต์แซวว่า เธออาจเป็นผู้ชายก็ได้นะ แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่มีต่อหญิงไทยของชาวต่างชาติเลยนะเนี่ย .…
-
เจ้าสาวทิ้งงานแต่งของตัวเอง สวมวิญญาณ “นางพยาบาล” เข้าช่วยชีวิตคนที่เป็นลม!!
งานแต่งงาน ถือเป็นพิธีที่สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับเราแค่หนึ่งครั้งในชีวิต ซึ่งใครๆ ก็อยากทำออกมาให้ดีที่สุด แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เสมอ Julie Stroyne วัย 24 ปี เธอประกอบอาชีพเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล UPMC Presbyterian Hospital และนี่ก็คือวันที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ ในวันที่ 11 มิถุนายน เป็นวันที่เธอจะได้เข้าพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่ม Andrew Nixon ระหว่างที่พิธีดำเนินไปอย่างราบรื่น ช่างภาพก็กำลังเก็บภาพ จู่ๆ เจ้าสาวก็ได้ยินเสียงร้องให้ช่วย “มีใครทำ CPR เป็นบ้าง มีหมอบ้างไหม” ทันใดนั้นเธอก็ออกจากโรงแรมเพื่อไปตามเสียงทันที เธอทิ้งทุกอย่างที่อยู่ในมือ แล้วทำการช่วยชีวิตด้วยการทำ CPR แล้วมันก็ได้ผล หญิงสาวที่สลบผู้นั้นมีสติกลับมาอีกครั้งหนึ่ง Julie เล่าว่าในตอนนั้นเธอไม่ได้คิดเกี่ยวกับการแต่งกายหรือความตลกเวลาใส่ชุดเจ้าสาวแล้ววิ่งเลย แค่มีความสุขที่ได้ช่วยชีวิตคน คุณแม่ของเธอยังกล่าวอีกว่า “ลูกไปอยู่ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ ฉันดีใจที่เธอได้ไปอยู่ตรงนั้น” นี่อาจจะเป็นงานแต่งงานที่เธอไม่ได้หวังไว้ แต่เชื่อว่ามันน่าจะเป็นงานแต่งงานที่เธอจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต ที่มา distractify
-
คู่รักพยาบาลไอเดียเก๋ ถ่ายภาพพรีเวดดิ้งแบบไม่เหมือนใครกลาง “ห้องผ่าตัด”
ปัจจุบันเทรนด์การถ่ายภาพพรีเวดดิ้งหรือภาพแต่งงาน ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในประเทศจีน ทำให้คู่รักหลายๆ คู่ พยายามสรรหาคิดค้นโลเคชั่นเจ๋งๆ มาใช้เป็นภาพแต่งงานกัน อย่างเช่นคู่รักพยาบาลหนุ่มสาวสองคนนี้ จางซินและเหมาเล่ย พวกเขาได้ใช้สถานที่ทำงานของเขา นั่นก็คือ “ห้องผ่าตัด” เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพพรีเวดดิ้ง บอกได้คำเดียวเลยว่า ทั้งสวยแล้วก็เจ๋งสุดๆ ไปเลย พวกเขาบอกว่า ด้วยความที่พวกเขาเป็นพยาบาล ทำให้ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปไหนเท่าไหร่ ฉะนั้นสถานที่ที่ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกันมากที่สุดก็เป็นในโรงพยาบาลแห่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจใช้ห้องผ่าตัด เป็นสถานที่ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง พวกเขายังบอกอีกว่า ขนาดจะถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง พวกเขายังต้องรีบถ่ายให้จบภายในวันสองวันเลยทีเดียว เพราะว่าวัดหยุดที่ว่างตรงกันมีน้อยเหลือเกิน (ชีวิตพยาบาลจริงๆ ฮา) จางซินเล่าว่า เมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว อยู่ดีๆ เหมาก็โทรมาหาเธอแล้วบอกว่า “เลิกงานแล้วไปซื้อแหวนแต่งงานกันนะ” จนทุกวันนี้เธอก็ยังนึกขำอยู่ว่า ช่างเป็นการขอแต่งงานที่ฮาร์ดคอร์จริงๆ เมื่อชาวเน็ตได้เห็นภาพชุดนี้ ก็ต่างออกมาชื่นชมและอวยพรให้คู่รักทั้งสองรักกันไปนานๆ รวมทั้งขอให้ตั้งใช้ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยชีวิตคนต่อไป . น่ารักจริงๆ ก็ถือว่าเป็นไอเดียดีๆ สำหรับการถ่ายภาพแต่งงานนะฮะ ใครอยากเอาไปปรับใช้กับคู่รักของตนเองก็ไม่ว่ากันนะฮะ อิอิ ที่มา CCTV
-
วิจารณ์สนั่น คลิปรถกระบะพุ่งชนรถพยาบาลกลางสี่แยกจ.ชลบุรี งานนี้ใครผิดใครถูกกันแน่?
กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้เลย สำหรับคลิปวิดีโอรถกระบะพุ่งเข้าชนรถพยายาบกลางสี่แยกในจังหวัดชลบุรี ทำให้ชาวเน็ตตั้งคำถามตามมาว่าใครเป็นฝ่ายผิดกันแน่? เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดิโออุบัติเหตุที่ถูกถ่ายได้โดยกล้องติดรถของผู้พบเห็นเหตุการณ์รายหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่รถพยาบาลได้เปิดสัญญาณขอทางเพื่อผ่านสีแยกไป แต่ในขณะเดียวกันกลับมีรถกระบะพุ่งมาจากอีกแยกหนึ่งที่เป็นไฟเขียวพอดี ทำให้รถทั้งสองคันปะทะกันอย่างรุนแรงจนรถพยาบาลพลิกคว่ำลงไป ต่อมาผู้ใช้เฟซบุ๊ก Palm Sittichai ได้เข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ารถพยาบาลคันดังกล่าวเป็นรถจากโรงพยาบาลเอกชนที่เดินทางมาจากถนนสุขุมวิท มุ่งหน้าไปทาง 4 แยกห้างเฉลิมไทย ส่วนรถกระบะนั้นมาจากถนนอัคนิวาต ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บเป็นพยาบาล 1 ราย ส่วนคนขับรถกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก ชมคลิปเต็มๆ ได้ที่นี่เลย วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน …::>> วินาที..รถพยาบาล’กำลังไปรับผู้ป่วย โดนชนคว่ำกลางสี่แยกบ้านสวน #ชลบุรี (14’พ.ค.59) <<:: CREDIT: https://goo.gl/W5vGfC @Eaky Eksri Poonpanich ************************* ขอบคุณคลิปแนะนำจาก––@ซี ม่อน โพสต์โดย YouLike (คลิปเด็ด) บน 14 พฤษภาคม 2016 …
-
คนไข้สติแตกหยิบมีดจี้คอพยาบาลสาว แต่ทุกคนมัวแต่ถ่ายคลิป เจ้าตัวเลยแจ้งตำรวจเองซะเลย!?
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าพยาบาลสาวในโรงพยาบาลนานกิง ประเทศจีน ถูดผู้ป่วยสติแตกรายหนึ่งจับเป็นตัวประกันพร้อมกับใช้มีดจี้ไปที่คอของเธอ ทำให้เหล่าคนไข้คนอื่นในโรงพยาบาลพากันแตกตื่นไปตามๆ กัน ตามรายงานบอกว่าคนไข้รายนี้มีอายุราว 40 ปี เอาแต่ตะโกนโหวกเหวกว่า “ฉันไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว มีบางคนกำลังวางแผนจะฆ่าผมอยู่!!” จากนั้นเขาก็คว้ามีดปอกผลไม้ขึ้นมาแล้วจี้มันไปที่คอของพยาบาลสาว แต่แทนที่คนไข้คนอื่นๆ จะพยายามเรียกตำรวจหรือช่วยพูดให้ชายคนนี้สงบสติอารมณ์ลง กลับเอาแต่หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพและคลิปวิดีโอกันยกใหญ่ และก่อนที่เรื่องราวจะใหญ่โตไปกว่านั้น เขาได้บอกให้คนไข้ที่อยู่ใกล้ๆ เขาโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาจับตัวเขาด้วยตัวเอง (!?) เมื่อตำรวจเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุก็สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ และช่วยตัวพยาบาลสาวออกมาได้โดยไร้รอยขีดข่วน ใครที่เจอเหตุการณ์แบบนี้ให้รีบแจ้งตำรวจนะจ๊ะ ไม่ใช่เอาแต่ถ่ายคลิปจนต้องให้คนร้ายมาเตือนแบบนี้ ที่มา shanghaiist
-
สภากาชาดเผย ผู้บริจาคเลือดครบ 24 ครั้ง เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ 100% เหมือนข้าราชการ!!
ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีคนรู้กันเลยทีเดียว สำหรับสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่บริจาคเลือดอย่างเป็นประจำกับสภากาชาดแห่งประเทศไทย ซึ่งหากท่านบริจาคได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว ท่านอาจได้สิทธิเบิกค่ารักษาฟรีจากโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดได้! เพจ รู้ไว้ไม่โง่ ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับสิทธิพิเศษของผู้ที่บริจาคเลือดอย่างเป็นประจำมานำเสนอ โดยหากท่านบริจาคเลือดถึง 24 ครั้ง จะได้รับการยกเว้นเฉพาะค่ารักษาพยาบาลประเภทผู้ป่วยสามัญ ถ้าอยู่ห้องพิเศษ ผ่าตัด ผ่าตัดคลอดบุตร จะเสียเพียง ร้อยละ 50 ของอัตราที่กำหนด เฉพาะในโรงพยาบาลที่สังกัดกระทรวงสาธารณะสุขเท่านั้น ขอเรียนชี้แจงให้ทราบ ถึงรายละเอียดสิทธิในการักษาพยาบาลของผู้บริจาคโลหิต ที่ศูนย์บริการโลหิต ฯ ได้ให้การช่วยเหลือ จะเป็นไ… Posted by รู้ไว้ไม่โง่ on 8 กุมภาพันธ์ 2016 อย่างไรก็ถาม หากท่านบริจาคไม่ถึง 24 ครั้ง แต่มากกว่า 7 ครั้ง ท่านก็จะได้รับสิทธิพิเศษเช่นกันดังนี้ ผู้บริจาคโลหิต 7 ครั้งขึ้นไป เป็นผู้ป่วยในของโรงพยาบาลสังกัดสภากาชาดไทย จะเสียค่าบริการแค่ 50% เท่านั้น ผู้บริจาคโลหิตตั้งแต่ 7 ครั้งขึ้นไป อาศัยอำนาจจากกระทรวงสาธารณสุข ตามความในประเภท…
-
ซึ้งน้ำตาไหล หญิงสาวโผเข้ากอดพยาบาลที่เคยดูแลเธอเมื่อ 38 ปีก่อน ในเหตุการณ์ถูกไฟคลอก
เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ lifebuzz ได้เปิดเผยเรื่องราวสุดซึ้งของนาง Amanda Scarpinati ย้อนกลับไปเมื่อ 38 ปีก่อน ตอนที่เธออายุได้เพียง 3 ขวบ เธอประสบอุบัติเหตุกลิ้งตกจากโซฟาไปโดนเข้ากับเครื่องต้มน้ำเพิ่มความชื้นในอากาศ ทำให้ถูกน้ำร้อนลวกตัวจนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ศูนย์การแพทย์อัลบานี ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่นั่นเอง เธอได้พบกับนางพยาบาลสาวที่ชื่อว่า Sue Berger เธอคอยดูแล Amanda อยู่ไม่ห่าง เมื่อเวลาผ่านไป เธอก็ออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับรูปถ่ายของเธอและนางพยาบาลคนดังกล่าว Amanda เผยว่าภาพนั้นถือเป็นกำลังใจส่วนสำคัญในชีวิตของเธอเลย เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอรู้สึกท้อแท้ เธอมักจะหยิบภาพนั้นขึ้นมาดูตลอดเวลา Amanda ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Lifebuzz ว่า “ในตอนเด็กๆ ฉันเติบโตมาด้วยร่างกายที่ผิดแปลก มีรอยแผลเต็มไปหมด ทำให้ฉันตกเป็นเป้าในการกลั่นแกล้งของเด็กคนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง แต่ฉันก็รู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้ดูภาพนางพยาบาลคนนี้ เธอช่างจริงใจและเอาใจใส่ฉันมาก” และด้วยความฝังใจในวัยเด็กนั้นเอง ทำให้ Amanda พยายามออกตามหานางพยาบาลที่เคยช่วยเหลือเธอเอาไว้ โดยการโพสต์ภาพดังกล่าวลงในโซเชียลมีเดีย เพื่อให้ทุกคนช่วยกันตามหา และหลังจากนั้นไม่นานก็สามารถตามหานางพยาบาลคนนั้นเจอจริงๆ ปัจจุบันนาง Sue…
-
28 ปีผ่านไป…ในที่สุดหญิงสาวมีโอกาสได้พบกับนางพยาบาล ผู้ที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ตอนเด็กๆ
เมื่อสาวน้อย Amanda Scarpinati อายุได้เพียง 3 เดือน เหตุการณ์สุดหยั่งคิดก็เกิดขึ้น โดยการที่เธอได้ประสบอุบัติเหตุตกลงไปในเครื่องต้มน้ำร้อนเดือด ทำให้เธอบาดเจ็บสาหัส ต้องทำการรักษาอยู่ในโรงพยาบาลหลายเดือน 28 ปีต่อมาสาวน้อยผู้รอดชีวิต ได้มีโอกาสพบกับนางพยาบาล ผู้ที่เคยดูแลเธอตอนนั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ประทับใจมากๆ ‘ฉันเติบโตมาด้วยการถูกล้อเลียนต่างๆ นานา ถึงรอดไหม้ที่ฉันได้รับตอนเป็นเด็ก เวลาหมดกำลังใจฉันก็จะมองภาพของเธอ คนที่ดูแลฉัน ฉันพูดกับภาพใบนี้บ่อยๆ เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ’ Amanda กล่าว ภาพที่ Amanda เก็บไว้ เป็นภาพของเธอตอนบาดเจ็บ และพยาบาลผู้ดูแลเธอ พยาบาลสาวผู้ให้ความดูแลเธอก็คือ Sue Berger ซึ่งพวกเธอไม่ได้เจอกันนานมากๆ เธอดูรูปคิดถึงพยาบาลคนนี้มาตลอด แต่เธอไม่ได้เจอเลยตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอยังจำความไม่ได้ แต่กำลังจะมีบางอ่างเปลี่ยนไปแล้วล่ะ!!! เพราะพวกเธอกำลังจะได้เจอกันแล้วล่ะ!!! EMOTIONAL REUNION: Woman badly burned as a baby is reunited with the nurse who…
-
สัญชาตญาณ!! พยาบาลสาวหยุดถ่ายพรีเวดดิ้งกลางคัน แล้ววิ่งไปช่วยปั้มหัวใจคนจมน้ำ!!
ว่ากันว่าอาชีพสายแพทย์ สายสุขภาพทั้งหลาย จะถูกปลูกฝังให้มีความเอื้อเฝื้อต่อเพื่อนมนุษย์เป็นพิเศษ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรอยู่ ผู้ป่วยตรงหน้านั้นสำคัญกว่าเสมอ เช่นเดียวกับพยาบาลสาวชาวจีนคนนี้ เธอมีชื่อว่า Guo Yuanyuan ขณะที่เธอกำลังถ่ายรูปก่อนแต่งงานอยู่บนชายหาด Dalian จู่ๆก็คนหามคนจมน้ำขึ้นมา ด้วยความเป็นพยาบาล เธอจึงเข้าไปช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น และทำการผายปอดและปั้มหัวใจทันที โดยไม่สนว่า เธอจะอยู่ในชุดที่สวยขนาดไหน 20 นาทีต่อมา รถพยาบาลจึงมาถึงและรับตัวเขาไปโรงพยาบาล ข่าวรายงานว่า ชายคนนั้นพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่หากไม่มีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นของ Guo Yuanyuan เขาคงไม่รอดอย่างแน่นอน เธอได้รับการชื่นชมอย่างมากจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และเมื่อภาพของเธอเผยแพร่ไปบนอินเตอร์เน็ต เธอถูกขนาดนามว่า “เจ้าสาวที่สวยที่สุด” เนื่องจากความดีงานของเธอนั่นเอง ที่มา shanghaiist
-
สุดซึ้ง โรงพยาบาลมะกันยอมแหกกฎสาธารณสุข ให้คู่รักวัย 90 นอนพักห้องเดียวกันได้
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ CBS News ได้เผยแพร่เรื่องราวซึ้งๆของคู่รักรุ่นตายายคู่หนึ่งในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ในขณะที่ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล Piedmont Fayette Hospital ทำให้ทั้งคู่ต้องนอนแยกห้องกัน คุณตาและคุณยายมีชื่อจริงว่า Tom และ Arniesteen Clark วัย 96 และ 92 ปี ทั้งคู่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมานานกว่า 68 ปี และแทบจะไม่มีเวลาไหนเลยที่พวกเขาต้องแยกจากกัน จะมีก็แต่ช่วงที่คุณตาต้องไปรับใช้ชาติและประจำการอยู่ที่เกาหลีเมื่อสมัยหนุ่มๆเท่านั้น ด้วยความผูกพันธ์ที่มีมานาน ทั้งคู่จึงขอร้องให้ทางโรงพยาบาลย้ายพวกเขามาอยู่ห้องเดียวกัน แต่เนื่องจากเป็นการขัดต่อกฎสาธารณสุขของรัฐจอร์เจีย ทำให้ทางโรงพยาบาลไม่มั่นใจ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็อนุญาตให้ทั้งคู่นอนในห้องเดียวกัน หลังจากที่ทั้งคู่ได้ย้ายมาพักอยู่ในห้องเดียวกัน ทั้งคุณตาและคุณยายก็ดูจะมีความสุขมากกว่าเดิม ซึ่งพยาบาลภายในโรงพยาบาลก็อดไม่ได้ที่จะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายภาพในขณะที่ทั้งคู่กำลังนอนกุมมือกันอย่างน่ารักน่าชัง ทำให้ชาวเน็ตรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของความรักของพวกเขาไปด้วยเลย ที่มา cbsnews , kapook