Tag: พาสปอร์ต
-
ก็ซื่อเกิ๊น… เพื่อนขอรูปพาสปอร์ต จะเช็คอินออนไลน์ หนุ่มหน้ามนก็ส่งรูป ‘พาสปอร์ต’ ให้แต้ๆ
ความหน้ามึนของคนอาจจะเกิดขึ้นได้เสมอ อย่างสองคู่หูชาวสก็อต Ollie และ Dave ในระหว่างที่กำลังเตรียมตัวจะไปเที่ยวเมือง Malia บนเกาะครีต ประเทศกรีซ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อพ่อหนุ่มวัย 21 ปี นามว่า Ollie กำลังยุ่งกับการจัดการทริปสุดวุ่นวายอยู่ และในช่วงจังหวะที่ตัดสินใจจะเช็คอินผ่านระบบออนไลน์ เขาก็ต้องการภาพถ่ายหนังสือเดินทางของเพื่อนรัก Dave ด้วย สองสหาย Ollie และ Dave “ผมได้รับอีเมลในตอนเช้าที่บอกว่าสามารถเช็คอินออนไลน์ได้ ผมก็เลยส่งข้อความไปบอกเพื่อนเพื่อจะเช็คอินและรับบอร์ดดิ้งพาส… ก็อย่างที่เห็นกันอยู่ตามภาพ ผมต้องการรูปถ่ายหนังสือเดินทาง เพื่อใช้เลขบนหนังสือเดินทางสำหรับการเช็คอิน แต่ไม่รู้ว่าเขาคงคิดเป็นต้องใช้ภาพหลักฐานว่ามีพาสปอร์ต หรือแค่ส่งรูปพาสปอร์ตไปเฉยๆ พอเห็นภาพที่เขาส่งมาให้ผม ระหว่างพักทานมื้อเที่ยงก็ปล่อยขำก๊ากชุดใหญ่กลางโรงอาหารเลย Dave บอกว่ามันเป็นแค่มุกตลกขำๆ แต่ผมว่าเขาคิดแบบนั้นจริงๆ” Ollie ให้สัมภาษณ์กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แหม่ ส่งภาพหน้าพาสปอร์ตแบบนี้มี ใครๆ ก็มีมั้ยล่ะพ่อหนุ่ม ฮร่าาา ถ้าคิดเสียว่าเป็นมุกตลกก็โอเคนะ แต่ถ้าไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นก็ยินดีกับ Dave อีกที เพราะมันทำให้คนอื่นขำได้จริงๆ โอ๊ยยย จะซื่ออะไรปานนี้… …
-
อัพเดท 18 ประเทศที่ Passport ทรงพลังที่สุดในโลก สามารถเดินทางเข้าได้นับร้อยประเทศ
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศสิงคโปร์ได้ขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุดในโลก หลังจากที่ผู้ถือหนังสือเดินทางประเทศดังกล่าว สามารถเดินทางเข้าประเทศอื่นๆ ได้กว่า 159 ประเทศโดยไม่ต้องขอวีซ่า เนื่องจากการขอวีซ่านัั้นมีขั้นตอนทั้งการเตรียมเอกสาร เตรียมเงิน และอะไรต่างๆ อีกมากมาย การที่หนังสือเดินทางของชาตินั้นๆ สามารถไปได้หลายประเทศ ไม่เพียงแต่เป็นการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน แต่ยังรวมถึงการแสดงพลังอำนาจ หรือความสัมพันธ์อันดีที่ประเทศนั้นมีกับประเทศอื่นด้วย คราวนี้เราเลยจะมาอัพเดทให้ได้ทราบกันว่า ในปี 2017 นี้ ประเทศใดที่มีพาสปอร์ตทรงพลังที่สุดกัน Rank 5 เดินทางเข้าได้ 155 ประเทศ ประเทศโปรตุเกส ประเทศออสเตรีย ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศลักเซมเบิร์ก Rank 4 เดินทางเข้าได้ 156 ประเทศ สหราชอาณาจักร ประเทศญี่ปุ่น ประเทศนอร์เวย์ ประเทศสเปน ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศฟินแลนด์…
-
แบบนี้ก็มี!! ก๊วน 3 สาวโดน ตม.เกาหลี กักตัว หลังศัลยกรรมจนหน้าไม่เหมือนพาสปอร์ต
เรียกได้ว่าวงการศัลยกรรมในเกาหลีใต้นี่เลื่องชื่อลือชาเป็นอย่างมาก ถึงขนาดบรรดาสาวจีนที่ต้องการปรับปรุงรูปโฉมของตัวเอง ลงทุนซื้อตั๋วเครื่องบินเพื่อเดินทางเข้าไปทำศัลยกรรมเกาหลีโดยเฉพาะ สำหรับการทำผ่าตัดทำศัลยกรรมนั้น คนที่เคยทำจะรู้ดีว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาในการดูแลรักษา และพักฟื้นเป็นเวลานานหลายวัน แต่สำหรับ 3 สาวจากประเทศจีนกลุ่มนี้กลับไม่ได้คำนึงถึงเรื่องนั้น เพราะภายหลังจากการผ่าตัดดูเหมือนว่าพวกเธอจะยังไม่ได้รับการพักฟื้นอย่างเต็มที่ งานนี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินเกาหลีใต้ จึงไม่เชื่อว่าพวกเธอเป็นคนๆ เดียวกับที่อยู่ในภาพถ่ายของหนังสือเดินทาง สุดท้ายเลยทำให้พวกเธอไม่สามารถเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิดได้.. โอละพี่!! งานเข้าเต็มๆ ซะแล้วล่ะคนสวยยยยยยย วันที่ 9 ตุลาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยภาพของสามสาวจีน ขณะกำลังรอการยืนยันตัวตน หลังจากที่พวกเธอได้ปรากฏตัวที่สนามบินเกาหลีใต้ พร้อมกับสภาพใบหน้าที่บวมเต่ง และห่อหุ้มไปด้วยผ้าพันแผลมากมาย แต่ทว่าทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองกลับไม่สามารถให้พวกเธอออกนอกประเทศได้ เนื่องจากใบหน้าที่อยู่ในภาพถ่ายของหนังสือเดินทางมันดูแตกต่างจากตัวจริงอยู่มากโข ภายหลังจากที่ภาพของหญิงสาวกลุ่มนี้ได้ถูกนำไปเผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจจากบรรดาชาวเน็ตจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งก็มีคนเข้ามากดไลค์มากกว่า 66,000 คน และแชร์มากถึง 27,000 ครั้งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงขบขันกันอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “ถ้าคุณมีใบหน้าที่บวมขนาดนี้ บอกเลยว่าแม้แต่แม่ของคุณเองก็ยังจำไม่ได้” “อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ แต่หน้าของพวกเธอดูบวมจริงๆ” ทั้งนี้ยังไม่มีการะบุที่ชัดเจนว่าสามสาวจีนจะได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับประเทศได้เมื่อไหร่ ดังนั้นครั้งต่อไปหากใครที่จะบินไปทำศัลยกรรมใบหน้าในต่างประเทศ คุณอาจจะต้องอยู่พักฟื้นสัก 2-3 สัปดาห์ก่อนเดินทางกลับ เพราะไม่อย่างนั้นอาจประสบปัญหาเหมือนสาวจีนเหล่านี้ได้…
-
รู้หรือไม่? ว่าพาสปอร์ตบนโลกมีแค่ 4 โทนสีเท่านั้น และทำไมแต่ละประเทศจึงแตกต่างกัน
พาสปอร์ตหรือหนังสือเดินทางถือเป็นหนึ่งในเอกสารทางราชการที่มีความสำคัญมากๆ ซึ่งเพื่อนๆ เคยสังเกตกันไหมว่า จริงๆ แล้วพาสปอร์ตของแต่ละชาตินั้นก็จะมีสีที่แตกต่างกันนะ และรู้กันรึเปล่าว่าจริงๆ แล้วพาสปอร์ตเค้ามีกันแค่ 4 สีเท่านั้นนะเออ!! และในวันนี้เราก็มีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเจ้าหนังสือเดินทางนี้มาฝากกัน ซึ่งแต่ละสีนั้นจะมีความแตกต่างกันอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… เริ่มกันที่สีแดง นี่คือสีของปกของพาสปอร์ตที่เรามักจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ โดยปกพาสปอร์ตสีแดงนี้มักจะถูกใช้ในประเทศที่ที่มีประวัติศาสตร์การปกครองที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมมิวนิสต์อย่างเช่น สโลวีเนีย จีน เซอร์เบีย รัสเซีย โปแลนด์และจอร์เจีย นอกจากนี้ยังมีบางประเทศในสหภาพยุโรปที่เปลี่ยนมาใช้ปกพาสปอร์ตสีแดงเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา อย่าง ตุรกี และแอลเบเนีย สีน้ำเงิน ต่อมาเป็นพาสปอร์ตปกสีน้ำเงิน โดยปกสีนี้มักจะใช้ในกลุ่มของ 15 ประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน รวมทั้งบางประเทศในแถบอเมริกาใต้ ซึ่งพาสปอร์ตสีดังกล่าวยังหมายถึงการเป็นสมาชิกของสหภาพแรงงาน (Mercosur) อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีประเทศอเมริกาอีกด้วยที่เปลี่ยนมาใช้พาสปอร์ตปกสีน้ำเงินนี้ ตั้งแต่ปี 1976 สีเขียว พาสปอร์ตปกสีเขียวนี้ มักนิยมใช้ในประเทศมุสลิม อย่างเช่น โมร็อกโก ซาอุดีอาระเบีย และปากีสถาน รวมถึงหลายชาติในแถบแอฟริกาตะวันตกเอง ก็มีการใช้เอกสารเดินทางปกสีเขียวนี้ ซึ่งหมาถึงธรรมชาติและบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของประชาคมเศรษฐกิจของประเทศแอฟริกาตะวันตก หรือ ECOWAS นั่นเอง และสุดท้าย สีดำ หนึ่งในสีของพาสปอร์ตที่มักไม่ค่อยได้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ซึ่งปกสีดำนี้มีการใช้ในบางประเทศของทวีปแอฟริกา อย่าง บอตสวานา แซมเบีย บุรุนดีและกาบองเป็นต้น นอกจากนี้ประเทศนิวซีแลนด์ เองก็ใช้พาสปอร์ตสีดังกล่าว เพราะว่าสีดำคือสีประจำชาติของพวกเขานั่นเอง…
-
ผู้โดยสารโวยหนัก กัปตันทำเครื่องดีเลย์ ’15 ชั่วโมง’ เพราะหยิบพาสปอร์ตมาผิดเล่ม..!?
สำหรับการเดินทางไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามแต่ ถ้ามีปัญหาขัดข้องจนถึงกับต้องดีเลย์เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมง ก็อาจส่งผลต่อแผนการเดินทางทั้งหมดของเราอย่างรุนแรง… และเรื่องวุ่นๆ ก็เกิดขึ้นจนได้กับสายการบิน Hainan Airlines โดยเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุขัดข้องกับเที่ยวบิน เฉิงตู – ลอสแองเจลิส จนถึงกับต้องดีเลย์ออกไปอีกกว่า 15 ชั่วโมง..!! เรียกได้ว่าในวันนั้นที่สนามบินเฉิงตูได้เกิดเรื่องวุ่นวายมากที่สุดในรอบปีเลยก็ว่าได้ หลังจากสายการบินประกาศดีเลย์เที่ยวบินดังกล่าวออกไปอีก 15 ชั่วโมงเต็ม (รอครึ่งวันกันเลยทีเดียว) ทันทีที่สนามบินประกาศออกมา ความวุ่นวายเล็กๆ ก็ได้เกิดขึ้น เมื่อกลุ่มผู้โดยสารถามไถ่ถึงสาเหตุที่ทำให้เที่ยวบินดีเลย์… ซึ่งตอนแรกทางสายการบินก็ยอมรับว่าเป็นความผิดของบริษัทเอง แต่ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเกิดจาก คุณกัปตันหยิบพาสปอร์ตมาผิดเล่ม!? โดยอ้างว่าได้ยินมาจากการที่พนักงานสายการบินที่มีป้ายชื่อติด กำลังคุยกันถึงสาเหตุของปัญหาในครั้งนี้ จากกรณีนี้ทางสายการบินก็ยินดีที่จะชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้โดยสารทั้งหมด 150 คน ไม่ว่าจะเป็นค่าจองที่พัก ค่าตั๋ว หรือค่าเสียเวลา โดยสายการบินจ่ายเงินชดเชยให้ทั้งหมดจำนวนคนละ 500 หยวน (2,500 บาท) ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากรณีนี้จะเกี่ยวกับโชคไม่เข้าข้างรึเปล่า แต่ก่อนหน้านี้ Hainan Airlines เคยติดอันดับ 1 ใน 10 สายการบินที่มีการจัดการกับไฟลท์ดีเลย์ได้แย่ที่สุดในโลกด้วย…
-
สาวถึงกับเงิบ… เมื่อรูปในพาสปอร์ต ถูกปริ๊นท์ยืดออกเป็นสาวหัวสูง แบบนี้จะผ่านมั้ยเนี่ย!!?
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าหากทำพาสปอร์ต คุณจะต้องให้รูปถ่ายกับตัวจริงเหมือนกันมากที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเวลาเดินทางข้ามประเทศ แม้ว่ารูปถ่ายในนั้นอาจจะดูทำร้ายเราไปบ้างก็ตาม… อย่างคู่รัก Chelsey Ramos และ Reece Lagunas รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา กำลังจะเดินทางไปฉลองวันเกิดครบ 30 ปี ของฝ่ายชายที่ประเทศเยอรมนี ซึ่ง Lagunas ต้องทำพาสปอร์ตเป็นเล่มแรก ส่วนแฟนสาวก็ต้องทำเล่มใหม่เพื่อเตรียมพร้อมกับทริปที่กำลังจะถึงนี้ Chelsey Ramos และแฟนหนุ่ม Reece Lagunas ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติๆ ที่ใครๆ ก็ต้องทำ แต่สำหรับ Chelsey Ramos แล้ว นอกจากต้องใช้รูปหน้าสดติดในพาสปอร์ต ก็ยังเกิดความผิดพลาดขนาดหนัก จนทำให้รูปเธอออกมาหัวสูงกว่าปกติมาก ดูผิดรูปผิดร่างไปหมด ผ่างงงงงง!! กลายเป็นสาวหัวสูงไปซะแล้ว Reece Lagunas แฟนหนุ่มของ Chelsey บอกว่าตอนที่แฟนสาวเปิดพาสปอร์ตออกมาเธอถึงกับอุทานออกมา “โอ้วว ให้ตายเถอะ!!” ก่อนจะส่งให้เขาได้ดู.. และเมื่อเขาได้เห็นภาพถ่ายของเธอ ก็อดที่จะกลั้นขำเอาไว้ไม่อยู่ ถึงกับนำภาพพาสปอร์ตของแฟนสาวไปโพสต์ลงในเว็บบอร์ด Reddit จนกลายเป็นเรื่องตลกขำขันในโซเชียลไปโดยปริยาย แน่นอนว่าชาวเน็ตได้เห็นปุ๊บ ก็ไม่พลาดที่จะยำรูปของเธอ …
-
ตายแล้วไปไหน!? “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ของนักรบ ISIS ถูกพบโดยกองกำลัง Syria
เราคงเคยสงสัยว่าหากเราตายแล้วเราจะไปไหน เราคงได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย แต่ละเรื่องราวนั้นมีความแตกต่างกันไปตามลักษณะความเชื่อของศาสนา เมื่อไม่นานมานี้ กองกำลังของ Syria ได้พบกับ “พาสปอร์ตสู่สวรรค์” ของกลุ่มกองกำลัง ISIS โดยลักษณะภายนอกของพาสฟอร์ตนั้นประกอบไปด้วยตัวอักษรทั้งภาษาอังกฤษ และภาษามลายูหรือยาวี พาสปอร์ตสู่สวรรค์ที่กองกำลังพบ พาสปอร์ตสู่สวรรค์นี้เป็นอีกเครื่องมือหนึ่งที่กลุ่ม ISIS จะมอบให้กับเหล่านักรบของตนเองเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจทำให้รบได้ดีขึ้น โดยเฉพาะมือระเบิดพลีชีพ ในปกของหนังสือพาสปอร์ตนี้ได้เขียนไว้เป็นภาษาอาหรับว่า “ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ มูฮัมหมัดคือผู้ส่งสารของพระเจ้า” ISIS มีความเชื่อว่านักรบของพระเจ้าจะไม่สามารถเดินทางสู่นรกได้ แต่สามารถเดินทางสู่สวรรค์ได้ ถึงแม้จะไม่มีการระบุข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ถือพาสปอร์ตนี้ แต่เอกสารนี้ก็สามารถที่จะโน้มนาวนักรบส่วนหนึ่งให้เชื่อได้ว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปสวรรค์ได้โดยไม่ลงนรก Cihan Shekh Ehmed โฆษกกลุ่มทหารรักษาการณ์ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของกองกำลังประชาธิปไตยซีเรียกล่าวว่ากลุ่มนักสู้ของกลุ่มนี้ยึดเมืองทางตะวันตกของ al-Qadisiya จาก ISIS ในวันจันทร์ที่ 26 เดือนมิถุนายนปี 2017 ที่ผ่านมา Cihan Shekh Ehmed โฆษกของกองกำลัง Syria ที่มา: dailymail
-
อินโฟกราฟิคเปรียบเทียบพลัง ‘พาสปอร์ต’ ของชาติไหนจะแข็งแกร่งที่สุดแห่งปี 2017!?
โดยปกติแล้วการที่เราจะเข้าประเทศอื่นๆ ได้นั้น สิ่งที่สำคัญมากที่สุดเลยก็คงหนีไม่พ้น ‘พาสปอร์ต’ นี่แหละ ซึ่งการที่เรามีพาสปอร์ตติดตัวอยู่ก็จะทำให้เราสามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างง่ายดาย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่ามีแค่พาสปอร์ตเพียงอย่างเดียวแล้วจะสามารถเดินทางไปที่ไหนในโลกก็ได้นะ เพราะบางที่ก็ต้องทำวีซ่าเพื่อขอเข้าประเทศด้วย แต่สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมอินโฟกราฟิคแสดงพาสปอร์ตของแต่ละประเทศที่ทรงพลังมากที่สุดประจำปี 2017 แค่มีพาสปอร์ตใบเดียวก็สามารถเดินทางไปทั่วโลกได้แล้วโดยไม่ต้องขอวีซ่าเลย และอันดับหนึ่งของเราก็คือพาสปอร์ตจาก ประเทศเยอรมนี ที่สามารถเดินทางเข้าเข้าประเทศได้ทั้งหมด 176 ประเทศโดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า ถือได้ว่าเป็นพาสปอร์ตที่ทรงพลังมากที่สุดในโลก!! อันดับที่สอง ได้แก่ ประเทศสวีเดน สามารถเดินทางไปได้ถึง 175 ประเทศ ต่อด้วยเดนมาร์ก, ฟินแลนด์, อิตาลี และ สเปน ส่วน สหรัฐอเมริกา ที่อยู่ในอันดับที่ 3 เดินทางไปได้ 174 ประเทศ โดยไม่ต้องขอวีซ่า แต่สำหรับปีนี้ประเทศอังกฤษตกลงมา 1 อันดับ เพราะโดนยกเลิกสัญญาไป จนทำให้ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 4 หลังจากที่อยู่ในอันดับ 1 ร่วมกับเยอรมนีมายาวนานร่วม 3 ปี ตั้งแต่ปี 2013…
-
ปัดโถ่!! สื่อนอกเผยสหรัฐอาจขอดู “รหัสผ่าน” โซเชียลมีเดียของคุณ ประกอบการขอวีซ่า
กลายเป็นเรื่องให้ถกเถียงกันในโลกออนไลน์ทั้งในไทยและต่างประเทศเลย สำหรับข่าวต่างประเทศที่บอกว่าตอนนี้สหรัฐอาจจะมีมาตรการใหม่ในการป้องกันอันตรายจากต่างประเทศ โดยการของดูรหัสผ่านโซเชียลมีเดียของคุณ!? เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านสำนักข่าว NBC เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธุ์ที่ผ่านมา โดยบอกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติ John Kelly ได้กล่าวในขณะประชุมคณะกรรมาธิการ ว่าหลังจากนี้ไปหากชาวต่างชาติคนไหนจะยื่นวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าสหรัฐ จะต้องกรอกรหัสผ่าน Facebook, Twitter, Youtube, Line และอีกมากมาย เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบประวัติต่างๆ นาย Kelly กล่าวว่า “เราต้องการเข้าถึงโซเชียลมีเดียของพวกเขาด้วยรหัสผ่าน พวกคุณทำอะไร? พวกคุณคุยเรื่องอะไนกัน? ถ้าพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือก็ไม่ต้องให้พวกเขาเข้าประเทศมา” ซึ่งมาตรการนี้เป็นแนวคิดที่ต่อยอดมาจากคำสั่งของประธานาธิบ Donald Trump ที่ต้องการกีดกันผู้อพยพจาก 7 ประเทศมุสลิมได้แก่ โซมาเลีย, ซูดาน, เยเมน, ลิเบีย, อิรัก, อิหร่านและซีเรีย ไม่ให้เข้าประเทศ เพราะเกรงว่าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงความคิดที่ยังอยู่ในการพิจารณาเบื้องต้นเท่านั้น และยังคงต้องมีการหารือกันเพื่อความเหมาะสมก่อนจะมีการตัดสินใจใดๆ ก็ตาม แต่มีการคาดการณ์กันว่าหลังจากนี้ไป การตรวจคนเข้าเมืองจะเป็นเรื่องที่เข้มงวดขึ้นกว่าที่ผ่านมาอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่ความคิดใหม่เสียทีเดียว เพราะหาก ย้อนกลับไปในปี 2015 ในสมัยที่รัฐบาลสหรัฐยังคงอยู่ในความดูแลของประธานาธิปดี…
-
13 อันดับ ‘พาสปอร์ต’ ทรงพลัง ที่ใช้เดินทางเข้าประเทศอื่นๆ ได้มากที่สุดในโลก!!
ในที่นี้เพื่อนๆ หลายๆ คนก็คงจะชอบที่จะไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาในต่างประเทศกัน และก็คงรู้ว่าพาสปอร์ตนั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเวลาเราออกจากประเทศ เพราะนอกจากจะเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงตัวของตัวเองแล้ว ยังเป็นเอกสารสำคัญในการขอวีซ่าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามในการขอวีซ่าแต่ละครั้งนั้นก็ยุ่งยากมากๆ แถมเสียเงินเสียทอง และที่สำคัญที่สุดเสียเวลาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งถ้าเราอยากเดินทางไปประเทศที่ไม่ต้องขอวีซ่าล่ะก็ จะตัดกระบวนการเหล่านี้ออกไปทำให้สบายขึ้นมิใช่น้อยเลยล่ะ พาสปอร์ต และวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็จะพาเพื่อนๆ ไปชม 13 สุดยอดพาสปอร์ตที่ทรงพลังที่สุดในปี 2016 นี้จากทาง Passport Index ซึ่งจัดอันดับว่ามีพาสปอร์ตประเทศไหน ใช้เดินทางเข้าประเทศต่างๆ กันได้แบบสบายๆ ไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้ากันบ้าง ลองมาดูกันเลยว่าจะมีของประเทศไหนกันบ้าง… อันดับ 13. นอร์เวย์ เข้าได้ 156 ประเทศ อันดับ 12. เกาหลีใต้ — 156 ประเทศเช่นกัน อันดับ 11. เบลเยี่ยม — 156 ประเทศ อันดับ 10. เนเธอร์แลนด์ สามารถเข้าได้ถึง 156 ประเทศเช่นกัน อันดับ 9. อิตาลี — 156 ประเทศ อันดับ 8. เดนมาร์ก — 156 ประเทศ อันดับ…
-
อย่างเซ็ง!! ไปถ่ายรูปเพื่อทำหนังสือเดินทาง แต่รูปที่ได้ออกมาในเล่มดันคล้าย ‘ฮิตเลอร์’
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับการเดินทางออกนอกประเทศ เราจะต้องมีหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ไว้แสดงหลักฐานต่อเจ้าหน้าที่ประเทศนั้นๆ ว่าเราเป็นใคร มาจากประเทศไหน ซึ่งปัจจุบันใครๆ ก็มีติดตัวกันทั้งนั้น Stuart Boyd วัย 50 ปีก็เช่นเดียวกัน เขาวางแผนจะเดินทางไปเที่ยวกรีกในช่วงเดือนกรกฎาคมกับเพื่อนๆ ก็เลยต้องไปทำหนังสือเดินทางเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จนกระทั่งเวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ต่อมาหนังสือเดินทางก็เสร็จเรียบร้อยส่งถึงมือเขา แต่พอเปิดดูข้างในภาพถ่ายของเขาเองทำให้หัวเสียขึ้นมาทันที ภาพถ่ายที่พิมพ์ติดอยู่ในหนังสือเดินทางกับภาพจริงที่ถ่ายในวันนั้น นั่นเป็นเพราะว่ารูปถ่ายของเขาที่ติดอยู่ในหนังสือเดินทาง มีจุดแปลกๆ ติดที่บริเวณหนวดพอดิบพอดี ลักษณะคล้ายคลึงกับผู้นำนาซี ‘ฮิตเลอร์’ แบบไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ตอนที่เขาไปถ่ายรูปทำหนังสือเดินทางนั้นก็โกนให้เกลี้ยงเกลาพอประมาณแต่ลักษณะไม่เหมือนอิตเลอร์ขนาดนี้ พอเพื่อนๆ เขาได้เห็นก็บอกว่าไม่ต้องคิดมากหรอก มองให้เป็นเรื่องตลกขำขันไป แต่เขาก็ไม่อยากให้เกิดปัญหาที่อาจจะตามมาในภายหลัง ติดต่อเจ้าหน้าที่ให้ออกหนังสือเดินทางเล่มใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วล่ะ ฮร่าาา ที่มา : manchestereveningnews, theladbible
-
พาไปส่อง ‘พาสปอร์ต’ แบบใหม่ของญี่ปุ่น ใช้ศิลปะสอดแทรกเข้ามา คือแบบว่าดีงาม!!
ตั้งแต่นี้ไปนักเดินทางชาวญี่ปุ่นจะไม่ต้องทนกับพาสปอร์ตเก่าๆ โบราณๆ คร่ำครึอีกแล้ว เพราะพวกเขาจะนำศิลปะที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ประจำชาติ ติดตัวไปด้วยทุกๆ ที่ในโลกที่พวกเขาย่างกรายเข้าไป!!! แถมไม่ใช่เฉพาะประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น ตอนนี้ประเทศสหรัฐอเมริกาก็เริ่มนำภาพของสถานที่สำคัญๆ ต่างๆ ที่เป็นแลนมาร์กของประเทศใส่เข้าไปแล้วเช่นกัน พาสปอร์ตใหม่ของประเทศญี่ปุ่นที่พึ่งถูกประกาศใช้แบบสดๆ ร้อนๆ โดยกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับผลงานศิลปะในพาสปอร์ตรูปแบบต่างๆ นี้เป็นของศิลปินชาวญี่ปุ่นนามว่า Katsushika Hokusai หนึ่งในศิลปินชื่อดังชาวซามูไร ด้วยคอนเซ็ปต์ของภาพที่แสดงออกถึงศิลปะและเอกลักษณ์ความเป็นญี่ปุ่นออกมาได้อย่างดีเยี่ยมในอัลบั้มผลงาน Thirty-six Views of Mount Fuji ukiyo-e ของเขา แต่กระนั้นพาสปอร์ตของประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้มีถึง 36 หน้าเท่ากับผลงานของเขา ทางกระทรวงเลยเลือกมาแค่ 24 ภาพดังต่อไปนี้… ถือว่ายังอยู่ในขั้นทดลองอยู่นะเนี่ยสำหรับโครงการนี้ เพราะพาสปอร์ตใหม่จะถูกประกาศใช้โดยสมบูรณ์ในปี 2019 ที่จะถึงนี้ เพราะจะได้นำไปใช้อย่างเป็นทางการในโอลิมปิก 2020 ที่ประเทศญี่ปุ่น เห็นอย่างนี้แล้วก็รู้สึกอยากให้พาสปอร์ตของบ้านเราเหมือนกันนะเนี่ย งานสวยๆ ลายสวยๆ สถานที่ท่องเที่ยวแจ่มๆ ก็มีไม่แพ้ประเทศเขาเลย #จ่าสิบเหมียว ฝากผู้หลักผู้ใหญ่กระทรวงต่างประเทศพิจารณากันเรื่องนี้หน่อยนะคร้าบบบบบ เป็นการโปรโมทประเทศไปในตัวด้วยนะเออ!!! ที่มา: EnRocketnews
-
นวัตกรรมการเดินทางแห่งโลกอนาคต พาสปอร์ตไร้กระดาษ ง่ายๆ เพียงแค่ใส่ไว้ในสมาร์ทโฟน!!?
สำหรับพาสปอร์ต หรือหนังสือเดินทางนั้น ก็เรียกได้ว่าเป็นเอกสารที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เลยทีเดียว ยิ่งเวลาเราไปต่างประเทศยิ่งแล้วใหญ่ รักษาอย่างกับไข่ในหินเลยล่ะ แต่ในอนาคตหนังสือเดินทางแบบเป็นรูปเล่มนี้อาจจะกลายเป็นแค่อดีตและความทรงจำเพียงเท่านั้น เพราะตอนนี้บริษัทในอังกฤษอย่าง De La Rue กำลังวางแผนสร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อจัดการเรื่องยุ่งยากนี้เสียที พาสปอร์ตแบบไร้กระดาษ สำหรับบริษัท De La Rue ก็จัดว่าเป็นบริษัทผลิตพาสปอร์ตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ขณะนี้ กำลังคิดวิธีกลวิธีปลอดภัยๆ ที่จะบรรจุพาสปอร์ตของคุณลงในสมาร์ทโฟน แถมอยู่กับคุณได้ตลอดและเก็บได้สะดวกมากขึ้น โฆษกจากทาง De La Rue ก็ออกมากล่าวว่า ‘คอนเซ็ปต์นี้กำลังอยู่ในช่วงเริ่มแรกมากๆ แต่ถ้าสามารถใช้ได้จริง ก็เหมือนตั๋วเครื่องบินที่เราเก็บไว้โชว์เหล่าพนักงานในมือถือของเรานี่ล่ะ’ แต่กระนั้นก็มีผู้คนบางส่วนไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้เช่นกัน เพราะถ้าเกิดโทรศัพท์หายขึ้นมาล่ะ!? ตอนนี้ก็ยังไม่ชัวร์ว่ารูปแบบพาสปอร์ตแบบอิเล็คทรอนิกส์นี้จะออกมาในรูปแบบไหน จะเป็นแบบชิปความปลอดภัยสูงที่ฝังไว้ในโทรศัพท์ หรือจะเป็นแบบแอพพลิเคชั่นกันแน่ David Jevans ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยทางด้านไอทีกล่าวว่า ‘การทำให้พาสปอร์ตสามารถใส่ลงไปในสมาร์ทโฟนได้นั้นต้องมีฮาร์ดแวร์ตัวใหม่ใส่ลงไปในโทรศัพท์โดยเฉพาะ เพื่อที่มันจะไม่ได้ถูกก็อปปี้และเจาะเข้าไปได้ง่ายๆ แถมปัญหาหลักก็คือต้องสามารถใช้งานได้ง่ายๆ แบบไร้สาย เช่นการสแกน QR Code แต่นั่นก็จะทำให้มันก็อปปี้ได้ง่ายอีก’ ก็เหมือนที่ทางบริษัทได้ออกมาพูดว่านี่ยังอยู่ในขั้นแนวคิดเท่านั้น ยังมีโจทย์อีกมากมายที่ต้องแก้ไขกันไป แต่ #จ่าสิบเหมียว…