Tag: พิพิธภัณฑ์
-
“The Oldest Gentleman” ชุดดำน้ำที่เก่าแก่ที่สุดจากศตวรรษที่ 18 ทำขึ้นจากหนังและไม้
หากใครยังไม่ได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ Raahe Museum ในประเทศฟินแลนด์แล้วล่ะก็ ต้องบอกเลยว่าไอเทมเด็ดของที่นั่นก็คือเจ้า “The Old Gentleman” หรือชุดนักดำน้ำที่เก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยพบมายังไงล่ะ ชุดดำน้ำ หรือ ชุดประดาน้ำ ดังกล่าวถูกทำขึ้นราวๆ ศตวรรษที่ 18 ซึ่งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้รับชุดดำน้ำชิ้นนี้มาจากการบริจาคของกัปตัน Leufstadius ในช่วงปี 1860 ผู้ที่สร้างชุดนี้ขึ้นมานั้นนับได้ว่ามีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีการดำน้ำที่ล้ำหน้ามากเมื่อเทียบกับยุคสมัย เจ้าชุด The Oldest Gentleman จึงกลายเป็นชุดเต็มตัวสำหรับสวมดำน้ำแทน Diving Bell อุปกรณ์ครอบดำน้ำแบบดั้งเดิม วิธีการสวมใส่ก็คือ ผู้สวมใส่จะแทรกตัวเข้าไปในชุดนี้ทางช่องด้านหน้า แล้วก็ทำการปิดช่องให้แน่นแล้วม้วนเก็บติดกับเข็มขัด ส่วนอากาศหายใจนั้นจะถูกส่งผ่านท่อไม้ที่เชื่อส่วนศีรษะเอาไว้ ส่วนอากาศที่หายใจออกมาแล้วจะถูกปล่อยทิ้งทางท่อเล็กๆ ด้านหลังของชุด ชุดนี้ทำให้ผู้ดำน้ำสามารถดำดิ่งลงไปในใต้น้ำเป็นระยะเวลาสั้นๆ และดำลงไปได้ไม่ลึกเท่าใดนัก เนื่องจากชุดไม่ได้กันน้ำอย่างสมบูรณ์และไม่สามารถทนต่อแรงดันสูงได้ ชุดนี้จึงมีประโยชน์มากสำหรับลูกเรือที่จะดำน้ำลงไปตรวจใต้ท้องเรือโดยที่ไม่ต้องเทียบท่าและพลิกลำเรือขึ้น วิเคราะห์จากลักษณะการสร้างและหลักฐานอื่นๆ เชื่อกันว่าชุด The Oldest Gentleman นี้มีต้นกำเนิดจากประเทศฟินแลนด์ แต่นี่ก็เป็นเพียงการสันนิษฐานเท่านั้น . . . . . ที่มา: designyoutrust และ museum-of-artifacts
-
พิพิธภัณฑ์ญี่ปุ่นดูแล ‘ตุ๊กตา’ ที่เด็กลืมไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว …ยังรอเจ้าของมารับคืนอยู่นะ
หน้าที่สำคัญของ พิพิธภัณฑ์ ก็คือการเก็บรักษาสิ่งของที่มีมูลค่าเชิงประวัติศาสตร์เอาไว้ให้มีสภาพที่ดีที่สุด ก็อย่างที่พวกเราเข้าใจกัน แต่สำหรับพิพิธภัณฑ์ Chido Museum ในเมืองสึรุโอกะ จังหวัดยามางาตะ ประเทศญี่ปุ่น นั้นทำหน้าที่การเป็นพิพิธภัณฑ์ได้ดีเยี่ยม แถมน่ารักอีกด้วย นั่นก็เป็นเพราะว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้เก็บ ตุ๊กตา ที่เด็กคนหนึ่งลืมไว้เมื่อ 30 ปีที่แล้ว ไว้ ณ พิพิธภัณฑ์แห่งอย่างดี แถมมีการดูแลที่ดีเยี่ยมสุดๆ เจ้าตุ๊กตา โดนัลด์ดั๊ก ตัวนี้แหละ! เจ้าตุ๊กตา โดนัลด์ดั๊ก ยัดนุ่นตัวหนึ่งถูกพบบริเวณลานจอดรถของพิพิธภัณฑ์ โดยคาดว่ามันน่าจะเป็นของเด็กคนหนึ่งที่เข้ามาเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้พร้อมครอบครัว ทางพิพิธภัณฑ์เองก็รอคอย เผื่อว่าครอบครัวดังกล่าวจะพาลูกน้อยของตนกลับมารับตุ๊กตาตัวโปรดคืน กระทั่งปัจจุบันเจ้าตุ๊กตาโดนัลด์ดั๊กตัวนี้ก็ยังคงรอคอยเจ้าของเดิมกลับมารับคืนอยู่… เรื่องราวนั้นมีอยู่ว่า แอดมินทวิตเตอร์ของ Chido Museum นั้นเคยทำงานในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้สมัยที่เพิ่งเจอตุ๊กตาตัวนี้ใหม่ๆ แต่เขาก็ลาออกในอีก 10 ปีให้หลัง และราวๆ 5 ปีที่แล้ว เขาก็กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง เขาก็พบว่า ไม่มีใครจัดการกับตุ๊กตาตัวนี้เลยแม้เวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม แน่นอนว่าเมื่อเวลาผ่านไปรวมๆ ถึง 30 ปี มันก็ย่อมทำให้มีฝุ่นมาจับเจ้าตุ๊กตาตัวนี้จนเกรอะกรัง แอดมินคนนี้จึงจัดการนำเจ้าโดนัลด์ดั๊กมาอาบน้ำ…
-
พบ “สมุดคณิตฯ” ของเด็กจากศตวรรษที่ 18 พร้อมความอัศจรรย์ที่ J.K. Rowling ยังชม!
แน่นอนว่าในพิพิธภัณฑ์นั้นจะต้องมีสิ่งของเก่าๆ ซึ่งเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์เก็บไว้มากมาย และก็ต้องยอมรับเลยว่าสิ่งของบางอย่างที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนก็ทำให้คนปัจจุบันอย่างเราถึงกับอึ้งได้เหมือนกัน อย่างเช่นล่าสุดที่ Museum of English Rural Life พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษได้ค้นพบสมุดบันทึก (สมุดคณิตศาสตร์) จากอดีต 234 ปีที่แล้ว… สมุดเล่มดังกล่าวเป็นของ Richard Beale เด็กชายวัย 13 ปีจากเมื่อกว่าสองร้อยปีที่แล้ว ซึ่งสมุดเล่มดังกล่าวเป็นหนึ่งในบันทึกทั้ง 42 ชิ้นจากครอบครัว Beale ที่ทางพิพิธภัณฑ์ค้นพบ Museum of English Rural Life ได้ทำการจัดเก็บเอกสารและบันทึกเก่าๆ ให้เรียบร้อย ขณะที่พวกเขากำลังจัดการเอกสารและบันทึกเก่าๆ อยู่นั้น พวกเขาก็พบสมุดบันทึกของเด็กคนหนึ่งจากราว 200 กว่าปีที่แล้ว สิ่งที่น่าสนใจของสมุดบันทึกเล่มดังกล่าวก็คือ มันถูกเขียนและวาดด้วยลายเส้นอันงดงามจนเกินจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของเด็กหนุ่มวัย 13 ปี นี่คือโฉมหน้าของสมุดบันทึก (การเรียน) จาก 234 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นของเด็กชายวัย 13 ปี ภายในไม่ได้มีแต่การจดตัวเลขคณิตศาสตร์หรือสมการเท่านั้น แต่กลับมีความงดงามแฝงอยู่อย่างน่าอัศจรรย์ นี่คือลายมือของเด็กหนุ่มวัย 13 ปีจากศตวรรษที่…
-
พิพิธภัณฑ์เมโทรโพลิทัน ปล่อยไฟล์ศิลป์คุณภาพสูง 400,000 ชิ้น ใช้ ‘ฟรี’ ไม่มีค่าใช้จ่าย!!
หากให้พูดถึงของฟรีใครๆ ก็ชอบใช่มั้ยเอ่ย? แต่ว่าของฟรีก็มักจะไม่มีมาบ่อยๆ หรอกนะ จะต้องคอยตามข่าวกันอยู่เสมอว่าจะมีใครปล่อยให้เอาอะไรไปใช้ฟรีๆ กันบ้าง โดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ตที่มักจะมีการแจกนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยๆ แต่ข่าวคราวล่าสุดนี้ น่าจะเป็นที่ยินดีมากๆ สำหรับเหล่าพีเพิลสายอาร์ท เพราะยานแม่ ‘พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน’ จากนครนิวยอร์ก ได้ออกมาปล่อยของใส่ผู้รักงานศิลปะแบบเข้าถึงได้ฟรี ไม่ต้องบินไปอเมริกาเลย เพียงแค่คุณมีอินเทอร์เน็ต!! ‘Open Access’ จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน โดยเมื่อช่วงปีที่ผ่านมาทางพิพิธภัณฑ์ได้ริเริ่มโครงการ เปลี่ยนงานศิลปะให้เป็นรูปแบบดิจิทัลเพื่อนำไปใช้งานได้ฟรีๆ ในชื่อคอลเลคชั่น Open Access ที่เชิญชวนให้เหล่านักออกแบบ ศิลปิน และประชาชนทั่วไป สามารถนำชิ้นงานเหล่านี้ไปต่อยอดได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะทั้งแชร์ ก็อปปี้ หรือนำไปผสมกับงานอื่นๆ หากข้อมูลใต้ภาพมีสัญลักษณ์เลข 0 (CC0) สามารถนำไปใช้งานได้ฟรีทันทีโดยไม่ต้องขออนุญาต ด้วยสัญญาอนุญาต CC0 รูปภาพที่อยู่ภายใต้แท็กเหล่านี้ สามารถดาวน์โหลดไปใช้งานได้ฟรี ทั้งเป็นการส่วนตัวและสำหรับเชิงพาณิชย์ โดยไม่ต้องทำการขออนุญาตจากเจ้าของผลงานแต่อย่างใด… ตัวอย่างผลงานศิลปะคุณภาพสูง จากพิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทัน . . . . . . ใครที่มองหาลายแทงอยู่…
-
นี่มันสวรรค์ชัดๆ เชิญชม ‘พิพิธภัณฑ์ขนมหวาน’ ของฟิลิปปินส์ ที่คุณจะหยิบอะไรมากินก็ได้!!
เพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบขนมหวาน และการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ต่างๆ รับรองว่าต้องถูกใจแน่นอน กับ “พิพิธภัณฑ์ขนมหวาน” ในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2018 นี้เอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีพื้นที่ราว 1,100 ตารางเมตร ประกอบไปด้วยห้อง 8 ห้อง ที่ตกแต่งด้วยสีอันสวยสดงดงาม และที่สำคัญเลยก็คือ แต่ละห้องจะประดับประดาไปด้วยขนมหวานต่างๆ เช่น สายไหม เยลลี่ มาร์ชแมลโลว์ หมากฝรั่ง โดนัท ลูกกวาด ไอศกรีม และเค้กป๊อป เป็นต้น เมื่อคุณเข้าไปแล้ว คุณสามารถทำอะไรในห้องนั้นๆ ก็ได้ เช่น กระโดดโลดเต้น เล่น เหวี่ยง หรือถูไถตัว เรียกได้ว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นสวรรค์ของคนรักของหวานอย่างแท้จริงเลยล่ะ ทางพิพิธภัณฑ์จะพาผู้เข้าชมเดินเข้าประตูโดนัท และสไลด์ตัวลงมาตามสไลเดอร์สีชมพูแสนหวาน เมื่อลงมาแล้วก็จะเจอประตูทางแยก 2 ทาง ประตูด้านหนึ่งเขียนว่า “เด็กดี” อีกด้านเขียนว่า “เด็กดื้อ” ประตูทั้งสองทางจะนำไปสู่สถานที่ที่แตกต่างกัน เช่น พุ่มไม้ลูกกวาด ต้นไม้สายไหม…
-
ญี่ปุ่นทำพิพิธภัณฑ์หินหน้าคน โอ้โห… หน้าคนดังเต็มไปหมด
คนเราย่อมมีงานอดิเรกไม่เหมือนกัน บางคนสะสมเหรียญ บางคนสะสมธนบัตร และคนที่เราจะกล่าวถึงนี่สะสมหิน ฟังดูปกติใช่มั้ยล่ะ แต่หินที่เธอสะสมเป็นหินที่มีรูปร่างคล้ายกับหน้าของคน แถมสะสมเยอะจนสามารถตั้งเป็นพิพิธภัณฑ์ได้เลย คนที่เราพูดถึงนี้คือคุณ Yoshiko Hayama ผู้อาศัยอยู่ในจังหวัดไซตามะอยู่ทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งงานอดิเรกของเธอนั้นโดดเด่นมากๆ นั่นคือการเสาะหาหินที่รูปร่างคล้ายกับหน้าของคน โดยที่พิพิธภัณฑ์ที่เธอสร้างขึ้นมาถือว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เดียวในโลกที่สะสมหินหน้าคน ซึ่งเจ้าหินต่างๆ ที่คุณ Hayama คัดเลือกมาให้อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของเธอ จะเป็นหินที่มีรูปร่างใบหน้าคล้ายกับดาราดังหรือคนที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศ ดูเผินๆ เหมือนเป็นแนวคิดที่แปลกประหลาด แต่ภายใต้เรื่องประหลาดๆ นี้ ก็มีเรื่องราวซึ้งๆ ของคุณ Hayama ซ่อนอยู่ คุณ Hayama ได้เริ่มงานอดิเรกสะสมหินเพราะเธอทำตามพ่อของเธอ และถึงเขาจากไปแล้วไปแล้ว คุณ Hayama ก็ยังคงสะสมหินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ที่เธอจะไปเสาะหาก้อนหินก็คือแถวลำธารใกล้ๆ ที่เธออาศัยอยู่นั่นเอง เจ้าหินที่มีรูปร่างคล้ายหน้าคน ที่ญี่ปุ่นเรียกมันว่า “Jinmenseki” ซึ่งก็แปลได้ว่า หินหน้าคน นั่นเอง ซึ่งหินที่จะเป็น Jinmenseki ได้ ต้องมีตา ปาก และจมูกด้วย มันค่อนข้างหายากเลยล่ะที่จะได้หินครบทั้งสามปัจจัย คุณ Hayama ยังบอกต่อว่า…
-
พิพิธภัณฑ์แปลกๆ จากทั่วโลก ที่คุณควรมาร์กจุดไว้ และลองไปให้ได้ซักครั้ง
เมื่อพูดถึงพิพิธภัณฑ์ เรามักจะนึกถึงสถานที่ที่รวบรวมสิ่งของต่างๆ ที่หาดูได้ยาก สิ่งของเก่าแก่ที่มาจากยุคประวัติศาสตร์หรือโครงกระดูกฟอสซิลไดโนเสาร์ แต่ก็มีพิพิธภัณฑ์บางแห่งที่ได้รวบรวมสิ่งของแปลกประหลาดต่างๆ ซึ่งบางทีดูแล้วก็ไม่น่าจะเอามาเป็นสิ่งของที่สามารถนำมาตั้งโชว์ได้ แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็ยังมีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เหล่านี้มากมาย เมื่อเวลาเราไปเที่ยวต่างประเทศแล้ว เราก็คงอยากเก็บภาพความทรงจำ หรือประสบการณ์ที่ไม่เคยลืมเลือน ลองไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ดูสิ 15. พิพิธภัณฑ์เส้นผม Avanos ประเทศตุรกี พิพิธภัณฑ์เส้นผม Avanos ในเมือง Cappadocia ประเทศตุรกี ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1979 เมื่อตอนนั้นยังมีเส้นผมแค่ไม่กี่ปอยที่ถูกนำมาตั้งโชว์ หลังจากนั้นก็ได้มีผู้หญิงกว่า 16,000 คนได้ทิ้งปอยผมห้อยไว้กับผนังและเพดาน 14. พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมพิธีศพจากทั่วโลก ประเทศรัสเซีย พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงพิธีศพจากวัฒนธรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเผาศพ การทำมัมมี่ และวิธีอื่นๆ อีกมากมาย และยังแสดงให้เห็นถึงเสื้อผ้าที่สวมใส่ในพิธีรวมไปถึงชนิดของโลงศพที่ใช้ของแต่ละวัฒนธรรมอีกด้วย . 13. พิพิธภัณฑ์รวมศิลปะห่วย ประเทศสหรัฐอเมริกา อ่านไม่ผิดหรอก เพราะสถานที่นี้ได้รวมงานศิลปะที่ดูห่วยจนสามารถตั้งเป็นงานนิทรรศการได้ ซึ่งนิทรรศการนี้จะนำงานศิลปะไปโชว์ทั่วโลกด้วยเช่นกัน และยังมีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับงานศิลปะเหล่านี้อีกด้วย บางครั้งความห่วยก็มีความดีอยู่ในตัว 12. พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำ Cancun ประเทศเม็กซิโก หากได้ไปเที่ยวเมือง Cancun แต่คุณเบื่อที่จะเล่นน้ำทะเลหรือว่าอาบแดด…
-
ช่างตัดไม้ค้นพบซากมัมมี่หมาติดอยู่ในต้นไม้โดยบังเอิญ มันติดในนั้นมานานเกือบ 60 ปีแล้ว
โดยปกติแล้วเวลาที่สัตว์ตายร่างกายของมันก็จะเน่าเสียและสลายกลายเป็นสารอาหารให้กับพื้นดินไป แต่ในบางครั้งเราก็พบปรากฎการณ์หายากในธรรมชาติที่ร่างของสัตว์ไม่ถูกย่อยสลายแต่กลายเป็นมัมมี่แบบนี้แทน ในปี 1980 คนตัดไม้จากบริษัท Georgia Kraft Corp ทำงานตัดไม้กันตามปกติ แต่พวกเขากลับพบว่าในโพรงของต้นโอ๊กต้นหนึ่งมีมัมมี่สุนัขติดอยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้นก็เลยบริจาคท่อนไม้นี้ให้กับพิพิธภัณฑ์ต้นไม้ Forest World ในเมืองเวย์ครอส รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาไป เจ้าหมา Stuckie มัมมี่สุนัขตามธรรมชาติ จากนั้นในปี 2002 ทางพิพิธภัณฑ์จึงจัดการประกวดตั้งชื่อสุนัขตัวนี้และได้รับชื่อว่า Stuckie (จากคำว่า stuck แปลว่า ติด) ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าหมาจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสาเหตุที่เจ้าหมาตัวนี้ติดอยู่ในต้นไม้ น่าจะเป็นเพราะมันวิ่งไล่สัตว์เล็กจนกระทั่งมันหนีเข้าไปในโพรงต้นไม้ แต่เจ้าหมาก็ไม่ละความพยายาม ตะกายเข้าไปในโพรงยาว 28 ฟุต (ประมาณ 8.5 เมตร) จนในที่สุดตัวของมันก็ติดอยู่อย่างที่เห็นนี่แหละ ท่อนไม้ที่เจ้ามัมมี่หมาติดอยู่ ถูกตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Forest World การที่เจอเจ้าหมาตายอยู่ในโพรงไม้นั้นก็ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ แต่ที่แปลกจริงๆ ก็คือการที่มันกลายเป็นมัมมี่เองตามธรรมชาติต่างหาก ตามปกติหากสิ่งมีชีวิตตายไปร่างกายของมันก็จะเริ่มเน่าเสีย แบคทีเรีย เชื้อราและแมลงก็จะตามกลิ่นนี้มาแล้วย่อยสลายร่างของมันตามวัฎจักรของธรรมชาติ ทว่าเจ้า Stuckie ไม่ได้เน่าสลายไปเช่นนั้นเนื่องจากมันติดอยู่ในตัวต้นไม้นั่นเอง ทางพิพิธภัณฑ์เขียนคำอธิบายถึงปรากฎการณ์นี้ไว้ว่า “ในขอนไม้ท่อนนี้เกิดปรากฎการณ์ปล่องควันไฟ…
-
พาชมพิพิธภัณฑ์ ‘มนตร์ดำ’ ที่รวบรวมสิ่งของเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องแม่มดไว้กว่า 3,000 ชิ้น!!
“ห่างจากที่นี่ประมาณ 4 กิโลเมตรจากจุดนี้ คุณจะพบกับหินแกะสลักรูปเขาวงกตในยุคก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าในบริเวณนี้เคยเป็นที่ประกอบพิธีกรรมในสมัยโบราณมาก่อน ในประเทศอังกฤษนั้นมีเรื่องราวเร้นลับมากมาย และพวกวิญญาณก็อยู่ใกล้กับเรามากกว่าที่คิด” คุณ Cecil Williamson ผู้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์มนต์ดำ The Museum of Witchcraft and Magic จากหมู่บ้าน Boscastle เมือง Cornwall ประเทศอังกฤษเล่าถึงสิ่งที่ยืนยันว่าเหตุใดเขาจึงเริ่มสร้างสถานที่สำหรับเก็บสิ่งของเร้นลับมากกว่า 3,000 ชิ้นขึ้นในที่แห่งนี้ ที่นี่จัดเป็นหนึ่งในสถานที่ที่เก็บสิ่งของเกี่ยวกับมนต์ดำมากมายเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นโบราณ ลูกแก้ว กระดานผี และเครื่องรางอย่างโหลที่เต็มไปด้วยผึ้ง ซึ่งคนในยุคนั้นเชื่อว่ามันคือเครื่องรางสำหรับความโชคดี และรวมถึงหนังสือมากกว่า 7,000 เล่มที่เล่าถึงความเป็นมาของเวทย์มนตร์ในยุคโบราณ ความสนใจในโลกเวทย์มนตร์ของคุณ Williamson เริ่มต้นขึ้นในสมัยเรียน หลังจากที่เพื่อนร่วมชั้นได้สอนเขาเกี่ยวกับท่องคาถาบางอย่าง และจากนั้นเขาก็เริ่มตามหาสิ่งของทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับไสยศาสตร์เพื่อเก็บสะสม หุ่นจำลองของหญิงสาวลึกลับที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ของสะสมของเขาเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และนอกจากนี้เขายังได้มีโอกาสสนิทสนมกับเหล่าผู้ก่อตั้งลัทธินอกรีตต่างๆ อย่าง Gerald Gardner จากลัทธิ Wicca รวมถึง Aleister Crowley จากกลุ่ม Thelema และคนอื่นๆ ที่มีชื่อเสียงในวงการนี้อีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามคุณ Williamson ของเรานั้นไม่ได้มีความคิดที่จะก่อตั้งลัทธินอกรีตเหมือนกับเพื่อนๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย ประติมากรรมของลัทธิ Horned God of Wicca หนึ่งในลัทธินอกรีต ความหลงใหลเรื่องเวทย์มนตร์ของเขาถูกนำไปใช้ในหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษอย่าง MI6 ชายหนุ่มได้รับมอบหมายในการปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการสืบราชการลับและตรวจสอบข่าวปลอมของฝ่ายนาซีในช่วงสงคราม หลังจากสงครามสงบ Williamson ได้ผันตัวเป็นผู้กำกับภาพยนตร์และเริ่มต้นสร้างโลกเวทย์มนตร์ของเขาอย่างจริงจังอีกครั้ง ชายหนุ่มเริ่มตั้งร้านค้าและแกลอรี่แห่งแรกของเขาที่ชายฝั่งของแม่น้ำ Avon ในเมืองเล็กๆ ใกล้ๆ กับเบอร์มิงแฮม แต่โชคร้ายที่ผู้คนในละแวกนั้นไม่ค่อยสนใจเรื่องราวของเวทย์มนตร์และไสยศาสตร์เท่าไหร่ หนำซ้ำร้านของเขายังถูกไฟไหม้อีกด้วย โชคดีที่พ่อมดของเราสามารถรอดมาได้ และถึงแม้ว่าไฟจะไหม้ร้านเดิมของเขาไป แต่ความหลงใหลของเขากลับไม่ได้ถูกเผาไปด้วย คุณ Williamson เริ่มเปิดร้านใหม่ของเขาอีกครั้งในปี 1951…
-
ช่างภาพตามถ่ายคนที่เข้ามาชมงานศิลปะ และพบว่าพวกเขาแต่งตัวได้เข้ากับภาพจริงๆ
ครั้งหนึ่งในชีวิตคนเรานั้น เชื่อว่าต้องเคยถูกพาไปทัศนะศึกษาหรือถูกลากไปชมงานศิลปะในนิทรรศการต่างๆ กันบ้างใช่ไหม? แล้วทุกครั้งที่ไปถ้าเราไม่ได้รู้สึกสนใจในงานนั้นๆ เราก็จะรู้สึกเบื่ออย่างรวดเร็ว ทว่าสำหรับ Stefan Draschan ผู้ทำงานเป็นช่างภาพคนนี้กลับไม่คิดแบบนั้น แม้ว่าเขาจะเบื่อกับการไปชมงานศิลป์ แต่เขาก็สามารถหาวิธีสร้างความสนุกให้กับตัวเองได้ด้วยวิธีที่คนคาดไม่ถึงและเขาทำมันเป็นประจำ นั่นก็คือการถ่ายรูปนั่นเอง แน่นอนว่านั่นไม่ใช่การถ่ายภาพงานศิลปะธรรมดาๆ เพราะแทนที่เขาจะถ่ายงานศิลปะต่างๆ เขากลับถ่ายคนที่มาร่วมงานแทน โดยเขาจะตระเวนไปยังพิพิธภัณฑ์ต่างๆ แล้วแอบถ่ายภาพของผู้ชมที่แต่งกายคล้ายหรือมีโทนเดียวกับภาพที่พวกเขากำลังชม จนออกมาเป็นภาพศิลป์ที่ดูแล้วก็เจ๋งแบบแปลกๆ ดี พูดไปก็อาจจะคิดภาพตามไม่ออก งั้นลองมาดูผลงานของเขากันเลยดีกว่า สีของเสื้อผ้า ผม หรือสไตล์การแต่งกายอาจจะไม่ต้องเป๊ะมาก แต่แค่ให้มันดูเข้ากันก็เพียงพอแล้ว เช่นสองคนนี้ที่เสื้อผ้าดูเข้ากับธีมของภาพ ลองดูสีเสื้อผ้าของหญิงในภาพ กับคนที่มาดูสิ ไงล่ะ เหมือนไหม สีไม่เป๊ะ แต่ลายมันใช่ . . . . เขาบอกว่าต้องใช้ความอดทนพอสมควรเลยนะ กว่าจะเจอคนที่ใส่ชุดเข้ากับชิ้นงาน . แต่มันก็คุ้มค่าจริงไหม . คนที่มาดูเขาจะทันคิดไหมน้า ว่าเสื้อผ้าหน้าผมของพวกเขามันพอเหมาะพอเจาะจริงๆ แม้แต่หุ่นข้างๆ ก็ถือว่าเป็นงานศิลปะนะ…
-
พาส่องพิพิธภัณฑ์ “กายวิภาคมนุษย์” ในอัมสเตอร์ดัม ที่ใช้ศพคนจริงๆ มาจัดแสดง
เราอาจเคยเห็นพิพิธภัณฑ์หลายประเภทจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์รถยนต์และเครื่องจักร พิพิธภัณฑ์ของเล่น และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ ในโลกเรายังมีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะพวกเขาจัดแสดง “ร่างกายมนุษย์” นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า BODY WORLDS: The Happiness Project ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือนร่างของมนุษย์กว่า 200 ร่าง สะท้อนให้เห็นความงดงาม ความซับซ้อน และความเปราะบางของสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ด้วยความมีเอกลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 40 ล้านคนในแต่ละปี ลองไปชมกันดีกว่า . . . . . . . . . . . . . . ข่าวดีคือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ใครที่สนใจก็ลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมได้เลยนะครับ หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มตาม กดเข้าไปที่เว็บไซต์แห่งนี้ได้เลย (bodyworlds) ที่มา bodyworlds
-
เหล่านักเดินทางข้ามกาลเวลา เพราะหน้าตาดันไปเหมือนภาพในพิพิธภัณฑ์อันเก่าแก่
ในบางครั้งเวลาที่เราเดินไปไหนมาไหน ก็อาจเจอเข้ากับคนที่หน้าเหมือนเราหรือเพื่อนเราเอามากๆ ชวนให้คิดกันว่านั่นเป็นฝาแฝดที่พลัดพรากจากกันมานานหรือเปล่านะ บางทีไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่เดินสวนไปมาก็ได้ แต่เรากลับสามารถเห็นหน้าตัวเองผ่านภาพอันเก่าแก่ ภายในพิพิธภัณฑ์ที่มีอายุมามากกว่า 10 ปี หรือ 100 ปี เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ ที่ไม่แน่ว่าความจริงแล้วเขาอาจเดินทางข้ามกาลเวลามาก็ได้นะ เพราะว่ามันช่างเหมือนกันซะเหลือเกิ๊นนน เธอเองไงในวัยเด็ก เมื่อ 100 ปีที่แล้วอ่ะนะ หันมามองที ต้องขยี้ตากันเลย นี่เบลอไปเองป่ะเนี่ย การแตกตัวที่แตกต่างคนละยุคสมัย ก็คิดว่าแฝดสอง แท้จริงมีแฝดพี่ สีกางเกงคืออยู่ไกลไป 1 กิโล ก็ยังเห็น “ภาพของตัวข้าเมื่อครั้งยังหนุ่ม 111 ปีที่แล้ว ออกรบในคราบซามูไร ปัจจุบันจึงกลายมาเป็นนักสะสมของเหล่านี้” ประจวบเหมาะเกิ๊นนน เชิดได้อีก เชิดเลยลุง เชิดเข้าไว้ ผ่านกาลเวลามานาน สีผมก็ต้องมีซีดลงบ้าง นี่ภาพคุณย่าทวด ของคุณย่าทวด ของฉันแน่ๆ เลย ผมสลวยได้ เพราะข้าใช้ซันซิลค์มากว่า 100…
-
นานเกิ๊นนน!! ไฟล์ GIF ที่ยาวที่สุดในโลก ใช้เวลามากถึง 1000 ปี กว่าจะเล่นจบ!?
เวลาที่เราดู GIF ทั่วๆ ไปที่จะมีระยะเวลาไม่กี่วินาที ต่างกับคลิปหรือวิดีโอที่ใช้เวลามากกว่า เป็นเรื่องปกติที่เราทุกคนเข้าใจตรงกัน แต่ว่าตอนนี้ได้มีสิ่งที่เหนือความเข้าใจของเรามากยิ่งขึ้นไปอีกขั้น เมื่อมันไม่ได้เล่นให้เห็นแค่แป๊บเดียว แต่กลับยาวนานถึง 1000 ปีกันเลยทีเดียว นับเป็นศิลปะแบบหนึ่งที่ศิลปิน Juha Van Ingen ได้สร้างสรรค์ขึ้นมาคู่กับผู้ที่ทำเรื่องเสียง Janne Särkelä ทำให้เกิดการเดินทางสู่โลกอนาคตของเจ้าสิ่งนี้ . สิ่งที่มันแสดงออกมาให้เห็นก็จะไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่จะเป็นตัวเลขสีขาวบนพื้นหลังสีดำสนิท นับไปเรื่อยๆ ทุก 10 นาที จากเลข 1 ไปสิ้นสุดที่เลข 48140288 รวมระยะเวลาเท่ากับ 1000 ปี ซึ่งเขาได้เริ่มเล่นเจ้านี่ไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคมที่ผ่านมา ที่พิพิธภัณฑ์ KIASMA ในเมืองหลวงของประเทศฟินแลนด์ และแน่นอนว่ามันก็จะไปจบเอาในตอนปี 3017 และหวังที่จะให้มันเดินทางต่อไปให้ได้ไกลที่สุด มีผู้เข้ามาพูดถึงโปรเจกต์ As Long As Possible นี้ไว้มากมายว่ามันเปรียบได้กับความคงที่ของเทคโนโลยีที่จะยังคงก้าวต่อไปโดยมีความเป็นนิรันดร์ประกอบควบคู่ และเมื่อเทียบกับตัวเราแล้วชีวิตของคนนั้นช่างสั้นเสียเหลือเกิน ถึงตรงนี้แล้วก็คงมีคนสงสัยกันว่าแล้วถ้าหากไฟดับหรือมีปัญหาอะไรขึ้นมามันก็ต้องนับใหม่หรือเปล่า แน่นอนว่าพวกเขาก็จะต้องเตรียมการป้องกันสำหรับปัญหานี้เอาไว้กันแล้วอย่างแน่นอน เพราะหากว่าตัวหลักที่มีอยู่นั้นถูกทำลายจากสงครามหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ…
-
ครอบครัวฝ่าฝืนข้อห้าม เหตุเพราะอยากถ่ายรูป ทำให้โลงศพอายุกว่า 800 ปี แตกหักเสียหาย…
บ่อยครั้งที่เราเข้าชมงานศิลปะหรือวัตถุโบราณต่างๆ ก็มักจะสังเกตเห็นป้ายเตือนเล็กๆ ในทำนองว่าห้ามจับ ห้ามแตะต้อง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมาได้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะฝ่าฝืนป้ายเตือนเหล่านั้น จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแบบนี้ อย่างโลงศพจากยุคกลางที่มีอายุกว่า 800 ปี ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Prittlewell Priory ต้องหักเป็นส่วนๆ หลังจากที่ครอบครัวหนึ่ง ได้ให้ลูกน้อยของพวกเขาเข้าไปนั่งด้านใน เพื่อถ่ายรูปคู่กับโบราณวัตถุขิ้นนี้ สภาพของโลงศพโบราณที่แตกหักเป็นส่วนๆ เจ้าหนูน้อยถูกอุ้มขึ้นเหนือกระจกกั้น เพื่อเข้าไปนั่งในโลงที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ แต่ทว่าน้ำหนักตัวของเขานั้นมีมากเกินไปจึงทำให้โลงศพโบราณแตกออกเป็น 3 ส่วนทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวครอบครัวของเจ้าหนูน้อยได้หนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่กล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์สามารถบันทึกภาพของครอบครัวดังกล่าวเอาไว้ได้ โลงศพดังกล่าวนั้นสร้างขึ้นจากหินทรายในยุคกลาง และคาดว่าน่าจะเป็นที่เก็บศพของนักบวช มันถูกค้นพบเมื่อปี 1921 พร้อมกับโครงกระดูกในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณ Clare Reed ผู้ดูแลโลงศพและเป็นผู้ได้รับมอบหมายในการซ่อมแซมกล่าวว่า “การดูแลโบราณวัตถุเหล่านี้คือหนึ่งในงานของเรา พวกเราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ผมและเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปกป้องมรดกของเมือง Southend เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ” นอกจากนี้คุณ Ann Holland เจ้าหน้าที่จากสภาวัฒนธรรมยังได้ออกมาเตือนผู้เข้าชมคนอื่นๆ พร้อมกับขอความร่วมมือในการช่วยอนุรักษ์โบราณวัตถุเหล่านี้อีกด้วย “เราอยากให้ผู้เข้าชมช่วยกันอนุรักษ์ และช่วยกันปกป้องมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเหล่านี้ด้วย” คุณ Ann กล่าว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะถูกทำลายในสมัยของพระเจ้าแฮนรี่ที่ 7…
-
ไปดูเหตุผลที่ว่าทำไม “ฉลามขาว” ไม่เคยถูกนำมาโชว์ในที่สาธาณะเหมือนกับสัตว์น้ำอื่นๆ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำคือสถานที่ที่จะจัดแสดงให้เห็นการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่ตามปกติแล้วเราแทบจะไม่โอกาสได้เห็น แต่ละที่ก็จะมีพยายามรวบรวมสัตว์น้ำจากที่ต่างๆ มารวมเอาไว้ อย่างเช่นการนำวาฬเพชฌฆาตมาไว้ในตู้โชว์ก็เคยมีมาให้เห็น แต่หลังจากนั้นก็ได้ถูกสั่งห้ามเนื่องจากกฎหมายเรื่องการละเมิดสิทธิของมันที่มากเกินไป แต่ก็ได้มีบางทีที่สามารถจัดแสดงโชว์เอาไว้ได้ รวมถึงฉลามอีกหลากหลายสายพันธุ์ที่คุณก็สามารถเห็นกันได้ภายในตู้ที่ถูกจัดแยกกันเอาไว้ แต่ว่าทำไมเราถึงไม่เคยเห็นฉลามขาวกันเลยละ ซึ่งเราจะสามารถทราบคำตอบได้จากเรื่องนี้ ครั้งแรกที่มีการนำเจ้าฉลามขาวมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์นั้นเกิดขึ้นในปี 1950 แต่แล้วมันก็ตายในวันเดียวกัน และได้มีพิพิธภัณฑ์อีกแห่งที่พยายามกับการนำมันมาจัดแสดงในบางครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งมันก็จะตายหรือไม่ก็ต้องปล่อยมันกลับไปสู่มหาสุมทร จนเมื่อปี 2004 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Monterey Bay สามารถนำมันมาจัดแสดงได้นานเกิน 16 วันเป็นครั้งแรก และพวกมันสามารถมีชีวิตอยู่ได้หลายเดือน โดยส่วนใหญ่นั้นจะถูกจับมาตั้งแต่ยังเด็กด้วยตาข่ายตกปลา แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีตัวไหนตายเลย แต่ก็ต้องปล่อยพวกมันกลับไปเพราะบางตัวไม่ยอมที่จะกินอาหาร จนเมื่อล่าสุดปีที่แล้วที่ญี่ปุ่นได้มีการจัดแสดงพวกมันอีกเหมือนกันก่อนที่จะตายไปในสามวันต่อมาและมีคลิปวิดีโอที่แสดงให้เห็นถึงการแหวกว่ายอย่างกระตือรือร้นที่ไม่มีการหยุดพัก คลิปวิดีโอการจัดแสดงฉลามขาวในอควาเรียมประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเหตุผลที่การตายมีอยู่สองเรื่องหลักๆ ก็คือเรื่องการกินของพวกมันที่จะกินเฉพาะเหยื่อที่ยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น ซึ่งขัดกับจรรยาบรรณของอควาเรียมและแน่นอนว่าการทำอย่างนั้นต้องเสียเงินเป็นจำนวนมาก อีกเหตุผลหนึ่งก็คือขนาดของตู้ปลา ฉลามขาวนั้นจะมีความเหมือนกับวาฬเพชฌฆาตตรงที่มันจะว่ายในระยะทางที่ไกลเอามากๆ แต่ความพิเศษที่เพิ่มขึ้นของมันก็คือมันจะว่ายไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น ก็ถ้าอยากให้ตอบโจทย์จุดนี้ก็คงต้องมีตู้ปลาที่ใหญ่เอามากๆ เลยทีเดียว . และในบางที่ก็มีการพูดว่าตัวรับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าของพวกมันนั้นไม่สามารถใช้ได้ในตู้ที่ล้อมรอบไปด้วยกระจก ฉลามจึงเกิดความรู้สึกสับสนกับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวมัน ทฤษฎีจึงเป็นเหตุที่ว่าทำไมฉลามขาวที่ถูกจับมาถึงไม่ยอมกินอาหารแม้จะเป็นเหยื่อที่มีชีวิตอยู่ก็ตาม จากที่เล่ามาทั้งหมดนั้นแล้วก็คงจะรับรู้กันได้ว่าการจะนำมันมาจัดแสดงนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเอาซะเลย ควรจะปล่อยให้มันได้ใช้ชีวิตในที่ที่มันคุ้นชินและเปรียบเสมือนบ้านของมัน เพราะคงไม่มีที่ใดสุขใจเท่าบ้านเราแล้วละ…
-
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาชสุดหรูหรา ได้ตกเป็นทาสแมวมาแล้วกว่าร้อยๆ ปี!!
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแม้แต่พิพิธภัณฑ์แอร์มิทาชสุดหรูหรา ที่ตั้งอยู่ในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย ก็ยังคงวิธีดั้งเดิมในการกำจัดหนูที่ป้วนเปี้ยนไปมาด้วยการเลี้ยงเจ้าแมวเหมียว แถมยังเลี้ยงไว้ถึง 74 ตัว!! พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 1764 ซึ่งเริ่มแรกนั้นตัวพิพิธภัณฑ์ยังเป็นแค่สถานที่ไว้เก็บผลงานศิลปะ หรือของหายากต่างๆ ของตัว Queen Catherine the Great เท่านั้น แต่เนื่องจากคอลเลคชั่นของพระองค์มันเริ่มเยอะเกินรับไหว มากเกินกว่าจะชมแค่คนเดียว ที่แห่งนี้ก็เลยจัดการเปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าชมได้ในปี 1852 นั่นเอง ด้วยความที่ตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เป็นสถานที่ขนาดใหญ่และเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันแสนสำคัญ นับตั้งแต่การครองราชของเจ้าหญิงจักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งรัสเซีย และยังครอบคลุมไปถึง Winter Palace ซึ่งเป็นพระราชวังของจักรพรรค์รัสเซียในตอนนั้นด้วย ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 18 พระราชวังนั้นถูกโจมตีอย่างหนักโดยกองทัพหนู ทำให้ครัวหลวงประสบปัญหาใหญ่ในการทำอาหาร รวมถึงเครื่องครัวที่เป็นไม้ก็พังไปมากมายจากฝีมือพวกมัน ด้วยเหตุนี้ทำให้จักรพรรดินีเอลิซาเบธแห่งรัสเซีย สั่งให้นำแมวเข้ามาในวังเพื่อไล่หนูทั้งหมดไป ตอนแรกคนก็ดูไม่เชื่อในฝีมือเจ้าเหมียว แต่พอเวลาผ่านไปมันกลับได้ผลสุดๆ ประชากรหนูลดลงอย่างต่อเนื่อง!! นั่นทำให้แม้ว่าพระราชวังจะเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ พวกเขาก็ยังเลือกที่จะเก็บรักษาและดูแลเจ้าเหมียวไว้ในสถานที่แห่งนี้ต่อ ทว่าพอถึงช่วงสงครามโลกพวกมันก็ล้มหายตายจากไปจนหมด จนต่อมาในปี 1950s ประชากรหนูก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ราวกับพวกมันรู้ว่าที่แห่งนี้ไม่มีคนกุมอำนาจอยู่แล้ว และแน่นอนว่าวิธีที่จะใช้จัดการพวกมันก็คือ การนำกองทัพแมวที่เคยเรืองอำนาจกลับมาอีกครั้ง ต่อมาในปี…
-
คุณแม่โพสต์ประชดฮาๆ หลังถูกเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ เตือนให้ปิดหน้าอกขณะให้นมลูก…
ตอนสมัยเป็นเด็กเราก็คงจะต้องกินนมแม่กันมาเกือบทุกคนอยู่แล้ว และการให้นมแม่นั้นเราก็สามารถเห็นได้โดยทั่วไปโดยเฉพาะในต่างประเทศที่ผู้หญิงมักจะให้นมลูกในที่สาธารณะเป็นเรื่องปกติเลยทีเดียว เธอคนนี้นั้นใช้ชื่อในทวิตเตอร์ว่า Vaguechera ที่เธอบอกว่าเธอเพียงแค่เปิดหน้าอกเพื่อจะป้อนนมให้ลูกเพียงเสี้ยววินาที ก็ถูกเจ้าหน้าที่ในพิพิธภัณฑ์ Victoria and Albert เข้ามาเตือนให้เธอปิดหน้าอก ทำให้เธอแอบรู้สึกตกใจเล็กๆ คุณแม่ถูกเตือนให้ปิดหน้าอกไว้ในขณะที่ให้นมลูก เพราะว่าการให้นมลูกนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ในอดีตกาลนานมากแล้ว และเป็นสิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากนั้นทางรัฐบาลในประเทศอังกฤษก็ได้มีกฎหมายปกป้องในเรื่องนี้ ที่อนุญาตให้แม่ป้อนนมลูกได้ในที่สาธารณะ และที่แย่ไปกว่านั้นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้มันดันไปเกิดในช่วงสัปดาห์แห่งการให้นมลูกทั่วโลกอีกด้วยสิ หลังจากนั้นคุณแม่คนดังกล่าวจึงโพสต์ภาพและข้อความลงในทวิตเตอร์ ที่สร้างกระแสให้ชาวโซเชียลรีทวิตไปกว่า 7 พันครั้ง และจึงทำให้ทางพิพิธภัณฑ์ต้องกล่าวขอโทษเธอกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น . นอกจากเธอจะถ่ายภาพรูปปั้นที่เปลือยหน้าอกอยู่มากมายในพิพิธภัณฑ์แล้ว เธอก็ได้มีการใส่แคปชั่นฮาประกอบรูปภาพเอาไว้อีกด้วย ขอโทษด้วยนะครับคุณผู้หญิง ช่วยเอาหน้ากากปิดหน้าอกคุณไว้ตอนให้นมลูกได้มั้ยครับ ? “ผมจะโยนคุณออกไปพร้อมหน้าอกที่เปลือยเปล่าของคุณ” “แต่ฉันทำมาจากหินอ่อนนะ” “ขอโทษครับ งั้นเชิญตามสบายเลย” หน้าอกที่เปลือยเปล่าเหล่านั้น ทำให้คนไม่อยากอาหาร จากเรื่องที่ถูกประชดประชัน ทางกรรมการบริหารพิพิธภัณฑ์ก็ได้เข้ามากล่าวขอโทษเธอผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาเองด้วย เราต้องขอโทษด้วย ตอนนี้กฎระเบียบของเรามีความชัดเจนแล้วว่า ผู้หญิงสามารถให้นมลูกได้ทุกที่ที่คุณสะดวกและจะไม่ถูกรบกวน เราขอโทษด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรายินดีที่จะให้คุณผู้หญิงได้ให้นมลูกภายในพิพิธภัณฑ์ และเราก็มีพื้นที่เล็กๆ สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว จากกระแสโซเชียลก็ได้มีหลายคนที่ได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสนับสนุนและเห็นด้วยกับเธอ…
-
พิพิธภัณฑ์สิงคโปร์ ติดตั้ง ‘โดมตาข่าย’ ลบบรรยากาศน่าเบื่อ เสริมสร้างความสนุกให้เด็กๆ!!
ตอนเราเป็นเด็กเวลาที่ได้ไปพิพิธภัณฑ์ก็อาจรู้สึกเบื่อหน่าย เซ็งๆ กันไปบ้าง ถึงแม้จะตื่นเต้นแต่ก็ต้องเซ็งเมื่อจับโน่นเล่นนี่ไม่ได้ซะอย่าง แต่สำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คุณจะได้พบกับความแปลกใหม่ทำให้ลืมความรู้สึกเดิมๆ เกี่ยวกับพิพิทธภัณฑ์ไปเลย มาพบกับพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสิงคโปร์ ที่สามารถให้คุณได้ทั้งเล่นและชมสถาปัตยกรรมได้ในเวลาเดียวกัน กับตาข่ายที่ติดไว้ในตึกหลักที่มีชื่อเรียกว่า Soft Dome จากความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบชาวฝรั่งเศสที่เรียกกันว่า Atelier YokYok สู่การเชิญชวนให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ได้เข้าไปเล่น และเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไปพร้อมๆ กัน สำหรับโดมตาข่ายนั้นได้ติดตั้งเอาไว้ให้ผู้เข้าชมพิพิธภัณฑ์ได้เล่นกันในช่วงเทศกาล Children’s Season Singapore ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของประเทศสิงคโปร์ การออกแบบนี้นั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อให้เด็กๆ สามารถที่จะชมพิพิธภัณฑ์ในรูปแบบใหม่ โดยสามารถที่จะปีนหรือนั่งพักผ่อนสบายๆ กับบรรยากาศภายในตึกหลักแห่งนี้ที่เป็นสีขาวมองเพลินตา ตัวตาข่ายใช้พื้นที่เกือบ 200 ตารางเมตร โดยสูงขึ้นไปประมาณ 6 เมตรมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 10 เมตร และได้ใช้เวลาในการติดตั้งทั้งหมดนานถึง 5 วัน เด็กเล่นได้ สนุกสนานกันไป หรือจะนั่งชิล ชมบรรยากาศโดยรอบทำให้จรรโลงใจยิ่งนัก . . . .…
-
ญี่ปุ่นจัดแสดง ‘ดาบพระจันทร์เสี้ยว’ หนึ่งในตำนานสุดยอดห้าดาบใต้หล้า พร้อมให้ชมกันแล้ว!!
หากจะพูดถึงประเภทของดาบที่มีชื่อเสียงอยู่ทั่วโลกหลายๆ คนก็จะได้นึกถึง Katana ดาบแห่งประเทศญี่ปุ่น ที่มีความงดงามน่าหลงใหลในรูปลักษณ์ของมัน ที่มากไปกว่านั้นเมื่อถามผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ถึงที่สุดของ Katana ก็จะต้องเป็น “ห้าดาบใต้หล้า” หรือที่ญี่ปุ่นเรียก Tenko Goken โดยทั้ง 5 เล่มนั้นได้นำเสนอถึงรูปแบบวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และฝีมืออันยอดเยี่ยมของช่างที่ตีดาบเหล่านี้ขึ้นมา ซึ่ง Mikatzuki Munechika นั้นคือดาบที่หลายคนจัดให้มีความงดงามที่สุดในทั้ง 5 เล่ม และในตอนนี้ก็ได้มีการจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์นานาชาติโตเกียว ชื่อของดาบที่ดูเหมือนจะเป็นชื่อของคนมากกว่านั้น ก็ด้วยเหตุผลที่ว่าส่วนหนึ่งมาจากชื่อของช่างที่ตีดาบนี้คือ Sanjo Munechika เขาเป็นหนึ่งในช่างตีดาบที่มีฝีมือมากที่สุดในยุคเฮอัน (ช่วงปีค.ศ. 794 ถึง 1185) โดยดาบเล่มนี้นั้นได้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 10 ส่วนชื่อ Mikazuki นั้นในญี่ปุ่นมีความหมายว่า พระจันทร์เสี้ยว โดยในระหว่างการตีดาบประเภทนี้นั้นก็จะสร้างลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ลงไปบนผิวดาบแต่ละเล่ม สำหรับเล่มนี้นั้นมีลักษณะคล้ายจันทร์เสี้ยวที่โค้งอย่างสวยงาม เป็นเรื่องน่าเสียดายที่การจะถ่ายรูปให้เห็นลวดลายผ่านกระจกป้องกันที่กั้นไว้นั้นแทบเป็นไปไม่ได้ แต่รูปทรงและแสงสะท้อนจากตัวเหล็กกล้านั้นก็ยังคงสามารถจับภาพไว้ได้ ดาบ Mikazuki Munechika ในช่วงประวัติศาสตร์อันยาวนานพันปี ก็ได้มีผู้ที่เป็นตำนานในอดีตได้นำมันไปใช้ เช่น ในศตวรรษที่ 16 ได้แก่ยอดซามูไรอย่าง Toyotomi Hideyoshi…
-
หนุ่มไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ เซ็งรูปภาพชอบทำหน้าบูดดั่งตูดลิง เลยจัดแอพฯหน้ายิ้มให้เลยนี่!!
จะว่าไปแล้วในสมัยก่อนการจะวาดภาพเหมือนมันคงไม่ง่ายอย่างการถ่ายรูปเซลฟี่สมัยนี้ กว่าจะให้ศิลปินวาดให้จนเสร็จคนเป็นแบบคงนั่งรอจนเมื่อยแล้วเมื่อยอีก ก็ไม่แปลกที่รูปส่วนใหญ่จะออกมาหน้าบึ้ง ด้วยความที่ Olly Gibbs ได้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในอัมสเตอร์ดัม เจ้ากลับรู้สึกเซ็งเพราะมองไปทางไหนก็เจอแต่รูปคนทำหน้าบึ้ง เลยจัดการเพิ่มรอยยิ้ม แถมสร้างข้อความไว้ให้กลายเป็นมีมที่ดูกวนทีนไปอีก ดูสิ… ที่หน้าบึ้งๆ พอยิ้มขึ้นมาโลกก็สวยทันใด เมื่อคุณแสร้งทำหน้าเนียน แต่ดันโดนเพื่อนจับได้ ความรู้สึกของคุณ เมื่อพบว่าตัวเองเอาหมอนรองคอติดตัวมาด้วย เมื่อมีคนมาบอกคุณว่า คนที่คุณชอบเลิกกับแฟน และกำลังเป็นโสด (ยิ้มแป้นเลย 555+) นี่คือสภาพของสาวๆ เมื่อพวกเธอเห็นป้ายลดราคา พี่ดาว ขำมิน… ใบหน้าของคุณเมื่อช่างตัดผมเสร็จ… เมื่อใครซักคนกำลังพูดถึงคุณอยู่ แล้วคุณดันไปได้ยินพอดี (ประมาณว่า ห๊ะ… เราเหรอ!? 555+) เมื่อคุณแอบตดแต่ไม่มีใครจับได้ เมื่อแฟนบอกคุณว่า… พ่อแม่ไม่อยู่บ้านนะ เมื่อคุณส่องกระจกหลังอาบน้ำเสร็จ แล้วบอกตัวเองว่า… เราก็ดูดีเหมือนกันนี่หว่า รอยยิ้มของมนุษย์แฟนที่บอกว่า ไม่มีอะไรจริงๆ!! แหม่..…
-
สุดยอด “เส้นด้ายสายรุ้ง” กว่า 1,000 เส้น ถูกไล่เรียงสีอย่างบรรจง จากฝีมือมนุษย์!!
เป็นที่ทราบกันดีว่าสายรุ้งหรือรุ้งกินน้ำนั้นเกิดจาปรกฎการณ์ทางธรรมชาติ มักจะเกิดหลังฝนตก ซึ่งตอนนั้นก็มีลองอองน้ำนิดๆ และเมื่อแสงแดดส่งมา ทำให้เกิดเป็นรุ้งสวยงามเป็นสีม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง แต่สำหรับที่พิพิธภัณฑ์ Toledo Museum of Art ในส่วนของ Great Gallery ที่รัฐโอไฮโอที่เต็มไปด้วยงานอาร์ตมากมาย และมีของที่มีอายุหลายร้อยปีจัดแสดงอยู่ ถ้าคุณเข้าไปแล้วจะได้รับบรรยากาศเหมือนย้อนอดีตเลยล่ะ แต่ตอนนี้บรรยากาศได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่ามีสายรุ้งอันงดงามตั้งอยู่ด้วย แน่นอนว่าสายรุ้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่มันเกิดจากศิลปินที่ชื่อว่า Gabriel Dawe ชาวเม็กซิกันเป็นผู้สร้างขึ้นมา โดยใช้เส้นด้ายกว่า 1,000 เส้น ไล่เรียงสี ซึ่งดูแล้วเหมือนกับการยิงแสงเลเซอร์ ผลงานชิ้นนี้มีชื่อว่า Plexus no. 35 ซึ่งจะจัดแสดงจนถึงวันที่ 22 เดือนมกราคมปีหน้า มันน่าอัศจรรย์ตรงที่การเรียงเส้นด้ายกว่า 1,000 เส้นยังไงให้มันเรียงสีแบบนี้ ใครอยากจะชมผลงานของเขาเพิ่มเติม ก็ลองเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ Gabriel Dawe หรืออินสตาแกรมของเขาที่ gabrieldawe ที่มา demilked, boredpanda
-
พาชมพิพิธภัณฑ์สุดแปลก ที่รวบรวม “หินรูปหน้าคน” ไว้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น!!
ถ้าคุณได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นแล้วไปเที่ยวที่โตเกียว คุณอาจจะชอบการกับได้ชมเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยอะไรแปลกๆ มากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่คุณไม่ควรพลาดก็คือที่แห่งนี้ ที่แห่งนี้คือเมือง “ชิชิบู” อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือห่างจากโตเกียวประมาณ 2 ชั่วโมง นี่คือที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ที่แปลกแหวกแนวแบบไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพราะมันได้รวบรวมสะสมหินรูปร่างแปลกๆ เหล่านี้มาไว้รวมกัน พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า “ชินเซคิคัง” โดยผู้ก่อตั้งที่แห่งนี้ได้ใช้เวลากว่า 50 ปีในการรวบรวมหินที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนคนไว้ พร้อมกับตั้งชื่อให้ตามลักษณะและความเหมือนของแต่ละก้อน มีตั้งแต่พระเยซูไปจนถึงเอลวิส ซึ่งทั้งหมดแล้วมีประมาณ 1,700 ก้อน และหินที่มีหน้ามี 900 ก้อน หินที่เป็นรูปหน้าก็มีมากมายหลายชนิด ทั้งดาราคนดัง นักการเมือง หรือแม้กระทั่งตัวละครจากเกมอย่าง ดองกี้ คอง ก็มีด้วยเหมือนกัน เราไปชมบรรยากาศภายในนั้นกันเลย ตอนนี้ลูกสาวของผู้ก่อตั้งเป็นผู้ดูแลอยู่ เพราะว่าผู้ก่อตั้งคนแรกนั้นได้จากไปตั้งแต่ปี 2010 แล้ว และยังเปิดให้ผู้คนได้เขาไปเยี่ยมชมอยู่ โดยจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ที่มา boredpanda , spoon-tamago
-
‘พิพิธภัณฑ์รักร้าว’ สถานที่รวมสิ่งของ ที่เกิดจากความสัมพันธ์ร้าวฉาน และความรักที่ไม่สมหวัง…
เมื่อเรารักใครซักคน เราก็อยากจะอยู่กับคนที่เรารักไปนานๆ อยากจะทำให้ความสัมพันธ์และช่วงเวลาดีๆ ที่มีกับคนรักคงอยู่ไปตลอดกาล แต่บางที…ความสัมพันธ์ก็อาจจะไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด และสำหรับพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพื่อนๆ ลืมเรื่องงานศิลปะ หรือประติมากรรมอันแสนสวยงามไปได้เลย เพราะที่นี่คือที่จัดแสดงสิ่งของต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวของความรักที่แตกร้าว และความสัมพันธ์ที่ไม่ได้จบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งเหมือนดั่งหนังรักโรแมนติก แรกเริ่มเดิมทีพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในเมือง Zagreb ประเทศโครเอเชีย และตอนนี้ได้เปิดให้บริการเพิ่มที่เมือง Los Angeles เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยราคาค่าเข้าชมเพียงแค่ประมาณ 650 บาท ผู้เยี่ยมชมจะได้พบกับสิ่งของที่ถูกทิ้งไว้ และไม่มีใครต้องการ จากความสัมพันธ์ของคู่รักที่ต้องแยกทางกัน ที่แห่งนี้มีสิ่งของมากมายที่นำมาจัดแสดงไม่ว่าจะเป็น รูปถ่าย ชุดชั้นใน นิตยสารโป๊ เครื่องดนตรี จดหมาย หรือแม้แต่ชุดแต่งงาน!! สิ่งของที่นำมาจัดแสดงเหล่านี้ จะถูกรวบรวมมาจากผู้คนทั่วไปที่บริจาคและต้องการบอกเล่าเรื่องราวอันแสนเจ็บปวดของตนเอง แต่จะไม่มีการเปิดเผยถึงชื่อ หรือข้อมูลของคนนั้นๆ เสื้อยืด ชุดแต่งงาน และขวาน!!! (อยากรู้เรื่องราวของขวานมากๆ เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น) สิ่งของทั้งหมดที่ถูกนำมาแสดง จะได้รับการรักษาอย่างดีเพื่อให้คงสภาพเดิมไว้ให้ได้นานที่สุด ดอกไม้กระดาษ ซึ่งมีเรื่องราวมาจาก “ชายหนุ่มคนหนึ่งในแอลเอ ได้เจอกับสาวคนหนึ่งและเขารู้สึกตกหลุมรัก หลังจากนั้นเธอคนนั้นก็หายไปหลายสัปดาห์…
-
จากรอยแยกแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในจีน ถูกเปลี่ยนให้เป็น “พิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถาน”
ในปี 2008 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่ประเทศจีนที่เหวินฉวน ในมณฑลเสฉวน ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 70,000 คน และอีกกว่า 5 ล้านคนต้องสูญเสียบ้านไป และกลายมาเป็นคนไร้บ้านไปโดยปริยาย เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้กลายเป็นแผ่นดินไหวที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1976 และรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่แผ่นดินไหว Chayu ในปี 1950 เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัย Tongji University ได้ร่วมมือรัฐบาลในการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานขึ้นมาในเหวินฉวน ซึ่งมีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนี้มากจากแผ่นดินไหวความแรงขนาด 7.9 แมกนิจูด ดีไซเนอร์ Cai Yongjie คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบครั้งนี้ ได้ทำการสร้างพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานจากรอยแยกบนพื้นดินที่เกิดจากแผ่นดินไหว ให้ดูงดงามและยังคงรูปร่างเดิมของมันไว้อยู่ โดยพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์สถานแห่งนี้เปิดให้เข้าเยี่ยมชมตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2013 ซึ่งถ้าให้นับตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ครบรอบ 5 ปีแล้ว ถือเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้มีใครเกิดขึ้น และเป็นเหตุการณ์ทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อจีนเป็นอย่างมาก . . . ที่มา boredpanda
-
เมื่อมีคนถ่ายภาพงานศิลปะใน “พิพิธภัณฑ์” และคิดแคปชั่นสุดฮา ให้กับผลงานต่างๆ!!!
พิพิธภัณฑ์นั้นเป็นสถานที่ที่รวบรวมสิ่งของเจ๋งๆ ไว้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะหรือสิ่งของในประวัติศาสตร์ต่างๆ ใ้หผู้คนได้เข้ามาเยี่ยมชมและศึกษา แต่ไม่น่าเชื่อว่ายุคนี้ พิพิธภัณฑ์จะกลายมาเป็นสถานที่สำหรับคนแก้เบื่อได้คิดเรื่องราวเจ๋งๆ ให้กับสิ่งที่พวกเขาได้เขอที่นั่น ซึ่งตอนแรกมันก็ไม่ตลกหรอก แต่พอใส่เรื่องราวให้มันไปแล้วก็ตลกเลย โดยที่พวกเขาได้โพสต์ข้อความเหล่านี้ลงใน Snapchat ไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละคนจะมีความคิดสร้างสรรค์มากขนาดไหน (แปลไม่ตรงมากนะ เพื่ออรรถรส) ใครก็ได้ไปบอกให้มันหยุดเล่นทีดิ๊!! จับชั้นไม่ได้หรอก เพราะว่าชั้นสวยยย จะมีไหมวันใดเห็นเงา เป็นเช่นเราข้างใน… (ร้องเป็นเพลงในมู่หลานนะ) เอ๊ะ เมื่อกี้เหมือนได้ยินอะไรนะ ท่าเดินลงบันไดนี่ฮาใช้ได้รึยังครับ? โว๊ะ โอะ โอ่…. (ร้องเป็นเพลงบียอนเซ่) ชิบละ เด็กมีกัมมันตภาพรังสี ‘Cause This Is Thriller, Thriller Night’ (ร้องเป็นเพลงไมเคิล แจ็กสัน) ได้โปรดดดด บอกพาสเวิร์ดไวไฟหน่อยเถอะ ความรู้สึกตอนจะเข้าใกล้ปีใหม่ แล้วยังไม่มีคู่ เมื่อมีคนเสร่อมาแก้คำผิดให้ เมื่อมีคนบอกว่าให้ทำไข่ใหญ่ๆ …
-
ใครไม่รู้วางแว่นไว้ที่พิพิธภัณฑ์ คนก็นึกว่าเป็น “งานศิลปะ” มาชื่นชมกันใหญ่!!
การที่เราเข้าไปในพิพิธภัณฑ์งานศิลป์นั้น ใจเราก็คงคิดอย่างเดียวว่าวันนี้คงได้รับความสุนทรีอย่างเต็มที่จากงานศิลปะต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ข้างใน แต่บางทีก็อาจจะมีเรื่องที่ชวนสับสนว่าไอ่ที่แสดงอยู่นี่มันคืองานศิลปะรึเปล่านะ เหตุการณ์สุดฮานี้เกิดขึ้นเมื่อได้มีวัยรุ่น 2 คน จากซาน ฟรานซิสโก ได้วางแว่นไว้บนพื้นพิพิธภัณฑ์งานแสดงศิลปะ ซึ่งเป็นความตั้งใจแกล้ง คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็คิดว่าแว่นอันนี้คืองานศิลปะที่จัดแสดงไว้ บางคนก็มาถ่ายรูปไปด้วย สองวัยรุ่นนั้นคือ @TJCruda และ @k_vinnn เรียกได้ว่าเป็นนักแกล้งคนเลยก็ว่าได้ ทำเอาพิพิธภัณฑ์ Museum of Modern Art ถึงกับเงิบเลยทีเดียว และเงิบยิ่งกว่าคือคนที่มาดูแว่นที่วางไว้แล้วคิดไปต่างๆ นานา หนึ่งในคนที่แกล้งคือ T.J. Khayatan อายุ 17 ปี ได้บันทึกภาพการเยี่ยมชมแว่นตาจากคนทั่วไปไว้แล้วอัพโหลดลงในทวิตเตอร์ของเขาเอง แล้วหลังจากนั้นภาพก็โด่งดังคนมีรีทวีตไปกว่า 50,000 ครั้ง ไปดูภาพงานอาร์ตนี้กันเลย . . . . . . . ช่างเป็นการแกล้งที่ทำร้ายจิตใจกันเหลือเกิน ถ้าเราไปก็ไม่มีทางรู้ได้เลยว่าแว่นอันนี้คืองานอาร์ตหรือคนที่ลืมไว้ เพราะมันว่าได้รูปทรงที่เป๊ะเกินไป ฮ่าๆ ที่มา boredpanda
-
รถไฟฝรั่งเศสเปลี่ยนโบกี้ให้กลาย “พิพิธภัณฑ์งานศิลป์” เคลื่อนที่ ให้คนนั่งได้สุนทรี!!
ฝรั่งเศสนี่ขึ้นชื่อผลงานศิลปะ ซึ่งมีหลายชิ้นมากที่โด่งดังไปทั่วโลก ดังนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหน เราจะได้เห็นอะไรที่เป็นงานศิลป์บ่อยๆ แม้กระทั่งรถไฟ ตอนนี้ถ้าคุณไปที่ฝรั่งเศส คุณจะสามารถเสพงานศิลปะได้จากรถไฟโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นผลงาน ‘Morning, Sun’ ของปิกัสโซ่ หรือจะเป็น ‘Blue Water Lilies’ ของโมเนต์ โปรเจกต์ครั้งนี้เป็นการร่วมมือกันของรถไฟฝรั่งเศส บริษัท SNCF และ 3M จากอเมริกา คอนเซ็ปต์ของมันก็คือการย้ายเอาพิพิธภัณฑ์มาอยู่ในที่ที่คนอยู่เยอะ นั่นก็คือในตู้รถไฟนั่นเอง นอกจากจะเพิ่มความสวยงามแล้ว งานศิลป์พวกนี้ยังสามารถลดอัตราการเสียหาย และการทำลายข้าวของในรถไฟได้อีกด้วยนะเออ เห็นแล้วก็อยากไปขึ้นรถไฟที่นั่นเลย กลัวอย่างเดียวคือจะฟินจนลืมลงอีกสถานี ที่มา Design Boom, sobadsogood
-
เมี้ยว…พิพิธภัณฑ์จ้างแมวตัวหนึ่งให้ทำหน้าที่ต้อนรับแขก หลังเห็นมันมาป้วนเปี้ยนอยู่นาน
วันนี้#เหมียวฟิ้นจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับเจ้า Maray เจ้าแมวสีส้มผู้รักการใช้ชีวิตอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในรัสเซีย มันไปบ่อยจนเจ้าหน้าที่ที่นั่นต้องจ้างให้มันมาเป็นมาสคอตประจำพิพิธภัณฑ์เลยนะขอบอก เมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Distractify ได้เปิดเผยเรื่องราวของเจ้าเหมียว Maray ที่มักจะชอบไปเดินเล่นในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะแห่งหนึ่งในเมือง Serpukhov ในประเทศรัสเซีย จนพนักงานที่นั่นตกหลุมรักมันด้วยความทะเล้นและกวนโอ้ยของมัน แรกเริ่มเดิมที ทางพิพิธภัณฑ์ไม่ได้คิดจะรับเลี้ยงหรือว่าจ้างเจ้าแมวตัวนี้แต่อย่างใด เพียงแต่ลองนำเอาเรื่องของเจ้า Maray มาทำเป็นมุกตลกๆ ในวัน April Fool’s Day เท่านั้น และทำทีเป็นว่าเจ้าเหมียวตัวนี้เขียนจดหมายสมัครงานและประทับตราด้วยเท้าของมันเอง แต่มุกตลกก็ไม่ใช่แค่มุกตลกอีกต่อไป เพราะเมื่อชาวเน็ตเห็นเข้าก็รู้สึกรักและเอ็นดูเจ้าแมวตัวนี้ เลยขอให้ทางพิพิธภัณฑ์นำเจ้า Maray ไปเลี้ยงดูจริงๆ เลย พนักงานประจำพิพิธภัณฑ์เลยเสนอตำแหน่งให้เจ้า Maray เป็นพนักงานต้อนรับอย่างเป็นทางการ โดยแลกกับอาหารมื้อเที่ยงและเต็นท์สำหรับพักผ่อนด้วย หนึ่งในพนักงานของพิพิธภัณฑ์อย่าง Nina Strelkova กล่าวว่าเจ้า Maray มีปฏิสัมพันธ์อย่างมากกับผู้ที่มาใช้บริการ “ทุกคนที่ทำงานที่นี่รักเจ้า Maray ทั้งนั้น…
-
สนใจไหม!? ‘พิพิธภัณฑ์อึแห่งชาติ’ ในประเทศอังกฤษ ที่จะให้ความรู้เรื่องขรี้ๆ กับคนทั่วไป!!!
ฮูเร่!!! เป็นข่าวดีของคนที่ชื่นชอบอึจริงๆ -*- เพราะตอนนี้มีพิพิธภัณฑ์หนึ่งที่คุณจะต้องสนใจมากๆ แน่นอน ชื่อว่า ‘พิพิธภัณฑ์อึแห่งชาติ’ ที่รวบรวมอึของสัตว์และสิ่งมีชีวิตต่างๆ เอาไว้มากกว่า 20 สายพันธุ์ด้วยกันเลยทีเดียว!!! โดยพิพิธภัณฑ์อึแห่งชาตินี้ตั้งอยู่ในประเทศอังกฤษ บน Isle of Wight เกาะที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ ผลงานทั้งหมดที่จัดแสดงเป็นของ Eccleston George และไม่ต้องกลัวนะจ๊ะว่าอึจะส่งกลิ่น เพราะถูกเคลือบไว้ด้วยยางไม้แล้วล่ะ (นึกว่าจูราสสิคปาร์ค) ด้วยความร่วมมือจาก Isle of Wight Zoo ก็อย่างที่ได้บอกไป ในงานจะมีการจัดแสดงอึหลากหลายสายพันธุ์ และไฮไลต์ของมันก็คือทุกชิ้นงานจะถูกใส่ไว้ในโถส้วมจำลอง ซึ่งผู้ชมจะต้องไปเปิดมันเพื่อชมผลงานข้างใน มีซากฟอสซิลของอึอายุกว่า 140 ล้านปีด้วยนะ!!! Nigel George หนึ่งในทีมงานผู้จัดนิทรรศการนี้กล่าวว่า ‘อึส่งผลต่อปฏิกิริยาของผู้คนอย่างรุนแรง เด็กๆ จะรู้สึกว่าอึเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ แต่พอเราโตขึ้น เรารู้ว่ามันสกปรก เราก็ค่อยๆ ตีห่างออกจากมัน จนกระทั่งปัจจุบัน การพูดถึงอึนั้นถึงกับเป็นเรื่องน่าอายเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่มันอยู่รอบตัวเรา อยู่ในตัวเรา ทุกๆ คนก็ล้วนมีอึเหมือนกัน’ เปิดโถดูกันได้เลย …
-
ไม่มีเวลา อยู่ไกลด้วย!? พิพิธภัณฑ์ระดับโลกทั้ง 12 แห่ง เปิดให้เข้าเยี่ยมชมแบบออนไลน์แล้ว
อันเนื่องมาจากชีวิตอันวุ่นวายของคนเราในปัจจุบัน สิ่งต่างๆ รอบตัวก็หมุนไปไวเสียเหลือเกิน จนไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมความงดงามของศิลปะและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในพิพิธภัณฑ์ #เหมียวเลเซอร์ เองก็เช่นกัน ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ซักเท่าไหร่ อันเนื่องมาจากการงานที่ต้องมานั่งหัวฟูทำบทความนี้ แถมพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่งก็อยู่ไกลเหลือเกิน The Louvre พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะ ประเทศฝรั่งเศส เอาเป็นว่าในตอนนี้อินเทอร์เน็ตพัฒนาไปไกลมาก ผู้คนสามารถเข้าถึงได้ ถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ไม่มีเวลาไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ สถานที่เหล่านี้ก็จะมาหาคุณเอง แม้จะอยู่ไกลถึงต่างแดน แค่คุณมีอินเทอร์เน็ตก็สามารถเข้าไปชมได้แล้ว จะมีที่ไหนบ้าง มาดูกัน!! 1. พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ พิพิธภัณฑ์ทางศิลปะตั้งอยู่ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส 2. พิพิธภัณฑ์โซโลมอน อาร์. กุกเกนไฮม์ พิพิธภัณฑ์ศิลปะในนครนิวยอร์ก รวมศิลปะสมัยใหม่ยุคแรก และศิลปะร่วมสมัย 3. หอศิลป์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ศิลปะแห่งชาติที่ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา 4. พิพิธภัณฑ์บริติช พิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของมนุษย์ 5. Smithsonian National Museum of Natural History …
-
เสี่ยงกันมั้ย!! ออกผจญภัยสัมผัสไวรัสคอมพิวเตอร์ยุคเก่า ไม่มีอันตราย แค่มาหยอกเล่นเฉยๆ
ในยุคบุกเบิกคอมพิวเตอร์ส่วนตัวที่มีใช้กันในบ้าง สเปคไม่ได้สูงมาก แต่ถือว่าล้ำยุคสมัยสุดๆ แล้ว ใครมีใช้นี่ต้องบ้านมีฐานะแน่นอน อย่างเช่นบ้าน #เหมียวเลเซอร์ (ฐานะยากจน) เป็นต้น แต่ในสมัยนู้นระบบการรักษาความปลอดภัยยังไม่สูงมาก สิ่งหนึ่งที่ทำให้หลายคนหวาดกลัวสุดๆ คือ ‘ไวรัสคอมพิวเตอร์’ นี่เอง โดนไปทีนึงอาจจะต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว พิษสงของแต่ละตัวก็ต่างกันไป ทำเครื่องค้างบ้าง ปิดเครื่องบ้าง หรือลบข้อมูลในเครื่องก็มี และในวันนี้หากใครที่อยากจะลองไปสัมผัสความร้ายของไวรัสคอมพิวเตอร์ยุคเก่า ทาง Malware Museum พิพิธภัณฑ์ไวรัสและมัลแวร์ ก็ได้ทำการจัดแสดงผ่านเว็บไซต์ สามารถเข้าชมได้ผ่านบราวเซอร์ของเราเอง โดยจะเป็นการแสดงผลของมันเฉยๆ ไม่ได้ทำร้ายเครื่องแต่อย่างใด เหมือนกับการรีดพิษงูแล้วเอาตัวงูมาให้เราชมนั่นเอง ว่าแล้วก็มาดูกันว่าจะมีอะไรบ้าง ไวรัส Q Walker จะปล่อยตัวการ์ตูนผู้ชายออกมาเดินเล่นผ่านหน้าจอ ไวรัส Delyrium ลักษณะของมันจะทำการเขย่าหน้าจอ ทำให้นึกถึงสมัยเล่น MSN เลยแฮะ ไวรัส LSD ทำให้หน้าจอคัลเลอร์ฟูลแบบไม่ได้ตั้งใจ ไวรัส Zohra โลกทั้งใบกลายเป็นอะไรก็ไม่รู้ ไวรัส Q…
-
นักศึกษาโชว์ ‘กระดูกแมว’ ผลงานส่งขึ้นพิพิธภัณฑ์ แต่ดันเป็นแมวยายข้างบ้าน
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นมาเป็นประเด็นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธุ์ เวลาประมาณตี 1 ได้มีคนหนึ่งได้แคปภาพของนักศึกษาที่โพสต์อวดโครงกระดูกแมว ซึ่งเป็นผลงานทำส่งอาจารย์ลงในกลุ่ม “ทาสแมว” หลังจากนั้นก็มีคนออกมาวิจารณ์ถึงการกระทำของเขา ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 19 มกราคม ปี 2016 นักศึกษาคนนี้ได้ทำการโพสต์ภาพผลงานกระดูกแมวของเขาลงในเฟซบุ๊คส่วนตัว เปิดเป็นแบบสาธารณะให้คนทั่วไปสามารถเห็นได้ มีใจความว่า “ก็แบบ ตอนนั้นทำมีแต่คนด่า หาว่าเราป่าเถื่อน โหดร้าย แต่สุดท้ายพอทำเสร็จ ส่งอาจารย์ไปแล้ว 2ปี งานกระดูกก็ได้เอาไปวางจัดแสดงใน พิพิธภัณฑ์ ปล. ขอบคุณน้องแมว จากยายข้างบ้าน ที่ตอนนี้ก็ยังหาแมว ไม่เจอ รู้สึกผิดเล็กน้อย” หลังจากโพสต์ไป ก็ได้มีผู้คนมาแสดงความคิดเห็นบางส่วน คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกัน และเขาได้เล่าถึงวิธีฆ่าแมวด้วย หลังจากเรื่องนี้ถูกแชร์เป็นอย่างมาก ชาวเน็ตจึงเข้าไปประนามนักศึกษาคนนี้อย่างรุนแรง แต่ก็ยังไม่มีการตอบโต้ใดๆจากเจ้าของผลงาน รวมถึงมีการแจ้งให้อาจารย์ประจำวิชาที่นักศึกษาคนนี้นำงานไปส่งด้วย สรุปสั้นๆ แบบเข้าใจง่ายจากเพจจ่าพิชิต ไอ้ที่เป็นประเด็นกันในกลุ่มทาสแมว ก็ประมาณนี้ครับคือมีนักศึกษาคนนึง เห็นว่าได้การบ้านมาต้องทำโครงกระดูกสัตว์ส่งอาจารย์อ… Posted by Drama-addict on Saturday, February…
-
คนดูหลุดขำ!! ผู้จัดอารมณ์ดี แอบใส่โมเดล “รถเต่า” เนียนไปกับซากแมลงในพิพิธภัณฑ์
พิพิธภัณฑ์คือสถานที่ที่คนจะไปหาสิ่งต่างๆ ที่หาดูได้ยาก เพราะที่นั่นมักจะจัดแสดงและรวบรวมประวัติศาสตร์และสาระความรู้รวมถึงของสะสมมากมายให้คนทั่วไปได้เข้าเยี่ยมชมกัน และที่ Cleveland Museum of Natural History เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงสิ่งของเกี่ยวกับธรรมชาติ เป็นที่ที่ทุกคนอยากจะเห็นเหล่าแมลงต่างๆ มากมายที่ได้มาจัดแสดงอยู่ แต่ก็ได้มีคนได้ค้นพบสิ่งน่ารักๆ ที่ซ่อนอยู่ในตู้แสดง นั่นก็คือโมเดลรถเต่า VW Beetle ที่เนียนไปกับกลุ่มแมลงที่ถูกสตาฟไว้ และนี่ก็คือรถเต่า (จริงๆ เมื่อก่อนเรียกว่ารถเต่าทอง) ที่เนียนไปกับบรรดาแมดงทั้งหลาย ถือเป็นการเล่นคำของผู้จัดที่ทำให้ใครหลายคนที่เข้ามาดูถึงกับยิ้ม เจ้ารถเต่านี่ไม่ได้เพิ่งมาติดนะ เขาติดมาหลายปีแล้ว รอคนช่างสังเกตมาค้นพบ A World of Beetle สมแล้ว ที่เราได้เห็นรถคันนี้อยู่ข้างใน อิอิ ที่มา boredpanda
-
พิพิธภัณฑ์ในเนเธอร์แลนด์ ให้ใช้การ “วาด” แทนการ “ถ่ายภาพ” เพื่อสัมผัสความงามที่แท้จริง!?
การไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ ในที่ต่างๆ สิ่งหนึ่งที่ผู้คนมักจะทำก็คือการถ่ายภาพนั่นเอง เพราะในพิพิธภัณฑ์จะมีสิ่งของสำคัญๆ ที่เก็บรวบรวมไว้มากมาย และเราก็คงจะอดไม่ได้ที่จะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ แต่ดูเหมือนว่าพิพิธภันฑ์บางแห่งจะไม่เห็นด้วยและสั่งห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวนำกล้องเข้าไปถ่ายภาพ เพราะคิดว่าการ “ถ่ายภาพ” นั้นง่ายเกินไป!? วันนี้เหมียวจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์ The Rijksmuseum ในเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่นี่มีกฎห้ามไม่ให้ผู้คนนำกล้องและโทรศัพท์มือถือเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ หากนักท่องเที่ยวคนไหนอยากจะเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกแล้วล่ะก็ พวกคุณจะต้องวาดเอาเอง สาเหตุที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งกฎแบบนี้ขึ้นมาก็เพราะว่าต้องการให้นักท่องเที่ยวสัมผัสความงามของศิลปะด้วยตนเอง แม้ว่าภาพวาดที่ออกมานั้นจะสวยบ้าง ไม่สวยบ้าง แต่นั่นก็เกิดจากฝีมือของคุณเอง และนั่นถือเป็นประสบการณ์ความงามอันล้ำค่าที่คุณควรได้สัมผัสมันเอง เพราะหากว่าคุณใช้การถ่ายภาพ มันจะทำให้คุณเห็นแต่ “ภาพ” ที่ประกอบไปด้วยองค์ประกอบและวัตถุมากมาย จนบางครั้งคุณก็อาจสังเกตเห็นมันได้ไม่หมด แต่การวาดจะทำให้คุณสนใจในทุกรายละเอียดและเส้นสาย จนคุณเข้าใจความงามที่แท้จริง หากว่าคุณเดินทางมาที่แห่งนี้ แต่ดันลืมพกกระดาษและดินสอมาแล้วล่ะก็ ทางพิพิธภัณฑ์เองก็เตรียมไว้ให้แล้วเหมือนกัน หากใครอยากลองสัมผัสศิลปะที่เกิดจากศิลปะอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ ลองเปลี่ยนจากการถ่ายภาพเป็นการวาดภาพดูไหมล่ะ? ที่มา boredpanda
-
ไปชม The Mutter Museum พิพิธภัณฑ์โรคประหลาด ทั้งสยองและได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน!!
ภายนอกของอาคารหลังนี้อาจดูไม่ได้ประหลาดหรือแตกต่างกับสิ่งก่อสร้างที่อยู่บริเวณรอบๆเท่าใดนัก แต่ภายในนั้น กลับเก็บซ่อนแหล่งความรู้และความน่ากลัวของโลกใบนี้อยู่ ที่นี่คือ The Mutter Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยฟิลาเดเฟีย ซึ่งตั้งชื่อตาม Dr. Thomas Dent Mütter ผู้บริจาคของสะสมทางการแพทย์ส่วนหนึ่งในกับพิพิธภัณฑ์เมื่อปี 1858 ภายในพิพิธภัณฑ์เราจะได้เห็นของสะสมทางการแพทย์อันประหลาดและน่ากลัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นศพดอง โครงกระดูก และอวัยวะต่างๆมากมาย จะน่ากลัวขนาดไหน ไปชมกันเลย แฝดสยามก็มี หนูทดลอง . . โครงกระดูกหน้าตาประหลาดๆ . . . ทำไมทรงกระโหลกหน้าตาแปลกๆละนี่ . . . . . . . แต่ละอันน่ากลัวๆทั้งนั้นเลยหง่ะ แต่ถ้าใครอยากไปดูละก็ ได้ตามไปดูได้ที่เมืองฟิลาเดเฟีย ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ถ้าไม่อยากเสียตังเยอะละก็ แวะไปที่ “พิพิธภัณฑ์การแพทย์ศิริราช” ดูได้ รับรองว่ามีอะไรเจ๋งๆไม่แพ้ที่อเมริกาอย่างแน่นอน ^^ ที่มา zaeega
-
เหมือนจริงจนน่าตกใจ พิพิธภัณฑ์ฉากจิ๋ว ที่จัดแสดงฉากจากภาพยนตร์กว่า 100 เรื่อง!!!
วันนี้เหมียวก็ขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวเล็กๆ แต่ความตื่นตาตื่นใจนั้น ไม่เล็กตามเลยทีเดียว กับ Musée Miniature et Cinéma พิพิธภัณฑ์ฉากจิ๋วอันน่าฉงน เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่สำหรับเก็บฉากต่างๆ ของภาพยนตร์มาแล้วกว่า 100 เรื่อง ถึงจะเล็กจิ๋วแต่รายละเอียดของแต่ละฉากนั้น มากมายสุดๆ เก็บรายละเอียดทุกซอกทุกมุม ฉากทั้งหมดของที่นี่ถูกสร้างโดยเหล่านักสร้างฉากเล็กผู้มีชื่อเสียงระดับโลก ดูแทบไม่ออกเลยว่าเป็นฉากปลอม ขนาดฉากจากภายนอกนะเนี่ย การใส่ใจในทุกรายละเอียดนั่นเอง คือหัวใจหลักที่ทำให้มันเหมือนจริง ผู้เยี่ยมชมต้องมุดหัวเข้ามาดูกันภายในฉาก ไม่อยากจะจินตนาการเลยล่ะคุณเอ๋ยยย ว่าต้องใช้เวลาสร้างนานขนาดไหน ทั้งแสงสีประกอบให้ได้ฉากแบบนั้นอีก ศิลปินต้องใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดจริงๆ วัสดุต่างๆ ก็แทบจะต้องใช้ของจริงทั้งสิ้น ละเอียดสุดๆ อลังการมากๆ ถึงกระนั้นถ้าใช้ฉากเหล่านี้ในภาพยนตร์ ก็อาจจะประหยัดงบประมาณได้มากกว่าเดิม…หรือเปล่า!!? แต่ต้องยอมรับว่า เป็นศิลปะอีกหนึ่งแขนงที่น่าตื่นตาตื่นใจมากๆ สำหรับพิพิธภัณฑ์นี้ก็ตั้งอยู่ในเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศสนะจ๊ะ ใครที่สนใจก็สามารถเข้าไปเยี่ยมชมกันได้…
-
แบบนี้ก็มีด้วย!? รวม 20 พิพิธภัณฑ์ที่แปลกและแหวกแนวจากทั่วทุกมุมโลก
หากจะกล่าวถึงพิพิธภัณฑ์ คงจะหนีไม่พ้นข้าวของ เครื่องใช้โบราณแต่กาลก่อน นำมาเก็บรักษาไว้ในที่เดียวกัน บอกเล่าถึงประวัติศาสตร์ นั่นก็เป็นที่มาของพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่มีอยู่ทั่วโลก แต่ละที่ก็จะมีแนวทางที่แตกต่างกันไป จะแปลกแค่ไหน ตามมาดูกันเถอะ!! 1. พิพิธภัณฑ์ลึงค์ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม Icelandic Phallological Museum, Iceland 2. พิพิธภัณฑ์ศิลปะยอดแย่ Museum of Bad Art, Massachusetts, USA 3. พิพิธภัณฑ์ปลอกคอสุนัข Dog Collar Museum, England 4. พิพิธภัณฑ์เครื่องตัดหญ้า British Lawnmower Museum, England 5. พิพิธภัณฑ์กระปุกเกลือและพริกไทย Salt and Pepper Shaker Museum, Tennessee, USA 6. พิพิธภัณฑ์อวัยวะภายใน The Mütter Museum, Philadelphia, USA 7. พิพิธภัณฑ์มัสตาร์ดแห่งชาติ National…
-
ไอเดียดี!! ชมป้ายโฆษณาการจัดแสดง “ฉลาม” ในโอซาก้าสุดเก๋ ไม่เจ๋งจริงคิดไม่ได้นะเนี่ย!!!
ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี้ ทางช่องสารคดีระดับโลก Discovery Channel ได้นำนิทรรศการจัดแสดงฉลามนานาพันธุ์มาให้ชาวญี่ปุ่นได้ชม โดยงานจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเมืองโอซาก้า แน่นอน เมื่อมีงานแบบนี้ ก็ต้องมีการโฆษณา ทางผู้จัดงานก็ได้นำแผ่นป้ายโฆษณาไปติดยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีรถไฟ เพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่เดินผ่านไปมา และมีป้ายโฆษณาอันหนึ่งที่กลายเป็นที่ตื่นตาของผู้คนอย่างมาก จนกลายเป็นกระแสบนอินเตอร์เน็ต คือป้ายโฆษณาชิ้นนี้ เรียกได้ว่าทั้งเจ๋งและไอเดียดีสุดๆไปเลย เจ๋งๆไปเลยเนอะเพื่อนๆ ป้ายโฆษณายิ่งทำออกมาดีเท่าไหร่ ก็สามารถดึงดูดให้คนไปชมได้มากขึ้นเท่านั้น ใครที่สนใจไปงานนี้ ก็ลองหาข้อมูลจากเว็บไซต์นี้ได้ ไปแล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันบ้างล่ะเหมียว ที่มา kaiyukan, rocketnews24
-
แฟนๆเฮ!! พิพิธภัณฑ์ Snoopy สาขาโตเกียวกำลังจะเปิดปีหน้าแน่นอน!!!
แฟนๆตัวการ์ตูน Snoopy จากเรื่อง Charlie Brown คงได้เฮกันดังๆ เมื่อไม่ต้องเดินทางไปถึงแคลิฟอร์เนียเพื่อชมพิพิธภัณฑ์ตัวละครสุดโปรดอีกต่อไปแล้ว เพราะพิพิธภัณฑ์ Snoopy สาขาโตเกียว กำลังจะเปิดทำการเดือนมีนาคมปีหน้า!!! โดยพิพิธภัณฑ์จะตั้งอยู่ย่านรปปงหงิ ในกรุงโตเกียว ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟรปปงหงิเพียง 10 นาทีเท่านั้น เรียกว่าเดินเหงื่อยังไม่ทันซึมก็ถึงแล้ว ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีคาเฟ่ ร้านขายอาหาร Snoopy และพื้นที่จัดแสดงผลงานต่างๆ รวมถึงร้านขายของที่ระลึกและอีเวนท์ประจำเทศกาล เช่น ฮาโลวีนหรือคริสต์มาส เป็นต้น แม้ว่าจะยังไม่ทันได้เปิดให้บริการ พวกเขาได้กำหนดวันปิดเอาไว้แล้ว โดยพิพิธภัณฑ์จะเปิดเพียงสองปีเท่านั้น และจะปิดช่วงเดือนกันยายน 2018 รายละเอียดเรื่องราคาบัตร และวิธีเข้าชม แฟนๆสามารถติดตามข่าวสารได้จากทางเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์ได้เลย รับรองว่าถูกกว่าไปอเมริกาอย่างแน่นอน ที่มา Snoopy Museum
-
พิพิธภัณฑ์ในวอชิงตันเปิดให้คนได้แหวกว่ายบนบอลพลาสติกกว่า 1 ล้านลูก!!!
พิพิธภัณฑ์ The National Building Museum ในวอชิงตันตอนนี้ได้เปลี่ยนมาเป็นมหาสมุทรแห่งลูกบอลพลาสติกไปเสียแล้ว เนื่องจากมีลูกบอลกว่า 1 ล้านลูกอยู่ตรงกลางพิพิธภัณฑ์เปิดให้คนได้แหวกว่ายกันให้สนุก งานชิ้นนี้ออกแบบโดยศิลปินที่ชื่อว่า Snarkitecture เขาได้ทำการเทลูกบอลนี้ลงไป โดยที่ลูกบอลเหล่านี้สามารถนำไปรีไซเคิลได้อีกด้วย ทางพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้จัดงานในทำนองนี้ทุกๆปี และครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งที่เขาสามารถเรียกผู้เข้าร่วมได้มากมาย โดยทะเลลูกบอลนี้จะเปิดให้เล่นถึงวันที่ 7 กันยายนเลย ถ้าใครผ่านไปก็ลองไปเล่นดูได้นะ อิอิ เราไปชมภาพบรรยากาศกันเลยดีกว่า ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ nbm.org | snarkitecture.com | Facebook | Instagram | Twitter ที่มา boredpanda