Tag: พุทธ
-
ทำไรครับตุ๊…หลวงพี่ยกโทรศัพท์แอบถ่าย ‘ผู้หญิง’ ไลฟ์สด ชาวเน็ตถามสมควรรึไม่!?
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอยู่ในโลกโซเชียลบ้านเราอยู่ ณ ขณะนี้ เนื่องจากมีชาวเน็ตชื่อว่า Kamonwat Rojjanadechakul แชร์ภาพของพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งกำลังนั่งถ่ายคลิปไลฟ์สดผู้หญิงบนรถไฟฟ้า กลายเป็นประเด็นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!! โพสต์ดังกล่าวแคปชั่นว่า “ทำไรหลวงพี่ ค้างงี้มา 5 สถานีละ” ก็อย่างที่เรารู้กันดีว่าพระสงฆ์เป็นผู้เรียนรู้และสืบทอดในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า อีกทั้งยังจะต้องรักษาศีลเป็นจำนวนมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป ทำให้พระสงฆ์จะต้องปฏิบัติตัวให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย จึงจะเป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงที่ถือเป็นข้อกำหนดของศีลที่พระสงฆ์จะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด เพื่อการตัดเรื่องทางโลกออกไปและมุ่งหน้าสู่แก่นของพระธรรมอย่างแท้จริง ทำให้ชาวเน็ตจำนวนมากแสดงความเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของพระสงฆ์กลุ่มนี้ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง บ้างก็บอกว่าควรจะเตือนพระเค้าหน่อยนะ ไม่น่าถ่ายภาพมาประจานอย่างเดียว ถ้าไม่มีคนเห็นล่ะก็ ไม่อยากจะคิด!! พระสงฆ์ควรจะสำรวมนะ เพราะทุกวันนี้ถูกมองในแง่ลบอยู่ พระก็กลายเป็นอาชีพหนึ่งไปแล้วล่ะ คิดซะว่าการทำบุญนั้นทำบุญให้กับผ้าเหลือ เพราะเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า พระเหล่านี้อาจจะเป็นแค่พระใหม่ก็ได้ ก็เลยละเรื่องทางโลกไม่ได้ หมดศรัทธากับพระสงฆ์จริงๆ คนในศาสนาที่แหละที่เป็นตัวบ่อนทำลายตัวเอง แล้วเพื่อนๆ ชาวเหมียวล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง ก็ลองคอมเมนต์กันเข้ามาได้เลยนะจ๊ะ ที่มา : Kamonwat Rojjanadechakul
-
‘บังโต’ ชี้แจงไม่ได้ว่าคนไหว้รูปปั้น ไม่ได้พาดพิงใคร ‘จุฬาราชมนตรี’ ไม่สบายใจจนต้องเตือน…
จากการที่ โต วีรชน ศรัทธายิ่ง’ อดีตนักร้องวงซิลลี่ ฟูลส์ ออกมาพูดในรายการ “โต ตาล” ในหัวข้อ “ทำไมอิสลามถึงไม่มีรูปปั้น เหมือนชาวพุทธไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ” จนกลายเป็นกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ ในช่วงเมื่อวานที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงวันนี้ เนื่องจากชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่า โต กำลังวิจารณ์ศาสนาอื่นอยู่… (อ่านข่าวเก่า) จนกระทั่งล่าสุดนี้ โต ซิลลี่ ฟูลส์ ก็ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” ช่องอมรินทร์ทีวีผ่านทางโทรศัพท์ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า… คลิปรายการที่จัดไปในวันศุกร์นั้นคือคำถามจากผู้ชม “ทำไมศาสนาอิสลามถึงไม่มีรูปปั้นไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ” โดยตามหลักศาสนาอิสลามแล้ว จะไม่เคารพสิ่งอื่นใดนอกจากผู้สร้าง ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้าง จึงอธิบายได้ว่าทำไมรูปปั้นถึงไม่มีค่าในทัศนะของคนที่เป็นมุสลิม “เรื่องของผมคือคนถามว่าทำไมมุสลิมถึงไม่เอารูปปั้นไว้ยึดเหนี่ยวจิตใจ ผมก็ตอบในทัศนะของคนที่เป็นมุสลิมว่าเราไม่ยึดเหนี่ยวจิตใจกับรูปปั้น เพราะคุณลักษณะมันต่ำกว่าความเป็นมนุษย์ มันเป็นสิ่งปลูกสร้าง ถ้าใครจะยกขึ้นเหนือกว่ามนุษย์ผมว่าก็ประหลาดสำหรับผม ผมก็พูดตรง ๆ ไม่ได้ดูถูกอะไร” ใจความจากการให้สัมภาษณ์ผ่านรายการทุบโต๊ะข่าว ซึ่งบังโตเองก็ยืนยันว่าตนนั้น ไม่ได้พาดพิงถึงศาสนาพุทธ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการเข้าใจผิด กลายเป็นการสรุปกันเองว่ารูปปั้นที่พูดถึงคือพระพุทธรูป เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น โตก็จะทำผิดหลักศาสนาอิสลาม ที่ห้ามไม่ให้วิจารณ์ศาสนทูต…
-
เอ้า รับพร!! มาดู 22 ภาพที่แสดงให้เห็นว่านิกายออร์โธดอกซ์นั้น “เจิม” ได้ทุกสรรพสิ่ง
ปกติแล้ว ประเทศไทยเราในฐานะเมืองพุทธเราจะเห็นกันประจำเลยว่า เมื่อใครบางคน มีรถใหม่เอย บ้านใหม่เอย ก็ต้องทำพิธีกรรมทางพุทธศาสนาชนิดหนึ่งที่เรียกว่าการ “เจิม” ด้วยความเชื่อที่ว่า จะช่วยป้องกันภยันตรายและเสริมดวงชะตาโชคลาภ พิธีกรรมทำนองนี้ไม่ได้มีแต่บ้านเราหรือว่าผู้นับถือศาสนาพุทธเท่านั้น ทางศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์เขาก็มีเช่นกันนะ บางคนอาจจะไม่เชื่อว่ามีการเจิมอย่างหลากหลาย ชาวเน็ตก็เลยช่วยกันรวบรวมภาพที่ยืนยันได้เลยว่า พิธีกรรมให้พรที่เปรียบเสมือนการเจิมของศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์นั้น ใช้เจิมได้กับทุกอย่างจริงๆ เริ่มจาก… รถแข่งแรลลี่ เครื่อง MRI เจิมคุก เจิมปืน ห้องบำบัดฟื้นฟู ให้น้ำมนต์เหล่าทหาร เจิมโรงอาหารในโรงพยาบาล เจิมม้า สระว่ายน้ำก็ไม่เว้น เรือ และก็วนมาที่ ปืน… ยัง… ยังไม่จบกับปืน ไร่องุ่น ศูนย์วิทยาศาสตร์และการวิจัย ให้พรเหล่าทหาร หรือจะนักเรียนตำรวจ เจิมสนามกีฬาหน่อยมั้ยล่ะ? มหาวิทยาลัยก็มา…
-
ศิลปินอินเดีย บรรจงใช้ฝีมือวาดภาพบนใบไม้ ให้กลายเป็นงานศิลปะอันล้ำค่า…
สำหรับคนที่ไม่ได้มีความสามารถในด้านการวาดภาพแล้ว แค่อาจารย์คาบวิชาศิลปะให้วาดรูปเหมือนก็เล่นเอาเหงื่อตกกันไปเป็นแถวๆ ทำไมมันช่างยากเหลือเกิน แต่ผลงานของศิลปินชาวอินเดียคนนี้ จะทำให้เรารู้สึกว่าเรื่องพวกนั้นมันเบสิคไปเลยก็ว่าได้ เพราะ Sadashiv G. Rangnekar ได้นำใบไม้มาวาดภาพจนกลายเป็นงานศิลปะขั้นแอดวานซ์ เดิมทีศิลปินชาวอินเดียคนนี้ เกิดมาในครอบครัวของศิลปินนักวาดภาพ และนั่นก็ทำให้เค้าได้คลุกคลีเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มาตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อพ่อของเขาจากไป เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเดินตามรอยพ่อ ด้วยการแสดงฝีมือทักษะการวาดภาพที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น มาอยู่บนใบไม้แห้ง สาเหตุที่เขาเลือกใช้ใบจากต้นโพธิ์ เพราะตามเรื่องเล่าของชาวพุทธ เจ้าชายสิทธัตถะได้ตรัสรู้ที่ใต้ต้นโพธิ์นั่นเอง นอกจากนั้นแล้วในอดีตกาล ใบไม้จากต้นโพธิ์ก็เคยถูกนำมาใช้เป็นกระดาษ หรือแผ่นแคนวาสสำหรับวาดภาพด้วยเช่นกัน แต่กว่าจะได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เขาต้องนำใบไม้ไปแช่น้ำนานนับเดือน ก่อนที่จะค่อยๆ ใช้แปรงขูดเอาสีเขียวออกจากใบไม้ ‘งานศิลปะบนใบไม้ ก็เหมือนกับชีวิตของเรานั่นแหละครับ มันเปราะบาง ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ก็มีความซับซ้อนในตัวเอง และงานศิลปะของผมทั้งหมดนี้คุณต้องเก็บรักษาไว้ในกรอบอย่างดี ถ้าไม่อย่างนั้นฝุ่นก็จะเข้ามาจับทำให้เราอาจมองไม่เห็นสีที่เพ้นท์ลงไปได้’ เจ้าของผลงานเล่า หลังจากที่ได้ใบไม้ที่พร้อมสำหรับการลงสีแล้ว เขาก็ใช้พู่กันขนาดเล็กแต่งแต้มสีลงไปจนกลายมาเป็นภาพอย่างที่เราเห็นกัน ซึ่งานหนึ่งก็ใช้เวลาประมาณ 1-2 วันเป็นอย่างน้อย เป็นงานศิลปะที่แฝงไปด้วยปรัชญาแห่งพุทธ ละเอียดอ่อนและซับซ้อนในตัวเอง อู้วว๊าววว ที่มา: OddityCentral
-
สัมภาษณ์แนวคิดดีๆ จาก “คุณทากะ” หนุ่มญี่ปุ่นผู้ศรัทธาพุทธศาสนา จึงมาบวชในประเทศไทย
ปกติแล้วในประเทศไทยเราจะได้เห็นว่าพระส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทย ส่วนน้อยมากๆ ที่จะมีชาวต่างชาติมาบวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมอย่างจริงจัง #เหมียวเลเซอร์ เองได้มีโอกาสสัมภาษณ์ชาวต่างชาติท่านหนึ่ง อันเป็นผู้ศรัทธาพระพุทธศาสนาและรักประเทศไทยมากๆ คนหนึ่ง เขาก็คือ คุณทากะ จากเมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นท่านนี้นั่นเอง คุณทากะ เพิ่งจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของการเป็นพระในประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันลาสิกขาและกลับภูมิลำเนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เราจะมาเรียนรู้มุมมองของชาวต่างชาติต่อการบวชเป็นพระในไทยกันสักหน่อย ว่าเขาจะมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรบ้างกับการบวชในครั้งนั้น (บทสัมภาษณ์ดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้เผยแพร่แล้ว) ก่อนอื่นเลยต้องกล่าวถึงคุณทากะสักนิดหน่อย เขาเป็นชาวญี่ปุ่นจากเมืองโอซาก้า เลือกเรียนเอกภาษาไทยจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า อันเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินทางมาประเทศไทยของเขา เหมียวเลเซอร์: สวัสดีครับ #เหมียวเลเซอร์ จากเว็บไซต์แคทดั๊มบ์ ตามที่คุยไว้ว่าอยากจะนำเรื่องราวและแนวคิดของคุณทากะ ไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของเราครับ คุณทากะ: สวัสดีครับ ผมชื่อทากะครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เหมียวเลเซอร์: ยินดีที่รู้จักครับ ขออนุญาตคุณทากะ ช่วยแนะนำตัวให้ฟังหน่อยจะได้มั้ยครับผม คุณทากะ: ได้ครับ บ้านเกิดอยู่โอซาก้าใกล้ๆ สนามบินคันไซครับ ตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยผมเริ่มเรียนภาษาไทยเป็นวิชาเอกที่มหาวิทยาลัยโอซาก้าครับ เหมียวเลเซอร์: โอ้ ตั้งใจเรียนภาษาไทยมาเลยเหรอครับ คุณทากะ: จริงๆ แล้ว ตอนแรกไม่ได้สนใจเรียนภาษาไทยครับ เเต่ผมเลือกภาษาไทยก็เพราะว่าคะแนนสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยไม่ดี คิดว่าการเรียนเอกภาษาไทยคงมีอัตราแข่งขันต่ำกว่าภาษาอื่นๆ ก็เลยสมัครไปครับ …
-
ดีไซน์เนอร์ญี่ปุ่นออกแบบหมวกไหมพรม “พระพุทธเจ้า” ขายผ่านเว็บ-จัดแสดงงานพุทธศิลป์
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Rocketnews24 ได้รายงานข่าวผลงานใหม่ ซึ่งดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นสร้างขึ้นมา เป็นลักษณะของหมวกไหมพรม ที่มีความแปลกไปมากกว่าหมวกทั่วไป สำหรับหมวกไหมพรมนี้ ถูกออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับเศียรพระพุทธเจ้า มีจุกตรงกลางและมีติ่งหูห้อยลงมาเล็กน้อย ทำให้ผู้สวมใส่มีลักษณะคล้ายกับพระพุทธเจ้า หลายคนสงสัยว่าออกแบบมาให้คล้ายเพื่ออะไร!? เนื่องจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติญี่ปุ่น จะมีการจัดแสดงนิทรรศการพุทธศิลป์ญี่ปุ่น ซึ่งภายในงานก็จะมีการจัดแสดงวัตถุต่างๆ และสินค้าไอเดียเกี่ยวกับทางด้านพุทธ ก็จะมีจำหน่ายภายในงานนี้เช่นกัน หมวกไหมพรมพระพุทธเจ้านั้นมีให้เลือกด้วยกัน 5 สี คือสีเทา สีขาว สีน้ำเงิน สีแดง และสีมัสตาร์ด สนนราคาอยู่ที่ใบละ 920 บาท สามารถสั่งซื้อได้ผ่านเว็บไซต์ felissimo นอกจากจะวางขายบนเว็บไซต์ออนไลน์แล้ว ยังมีการวางขายในงานเฉลิมฉลองนิทรรศการพุทธศิลป์ญี่ปุ่น ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติญี่ปุ่นตั้งแต่วันที่ 13 กันยายน ถึง 11 ธันวาคม ปี 2016 ด้วย แต่แน่นอนว่า เนื่องจากเป็นเรื่องศาสนา ก็ย่อมจะต้องมีความเห็นเข้ามาหลากหลาย และหลังจากที่มีการวางขายเจ้าหมวกไหมพรมนี้ได้ไม่นาน ก็ทำให้เกิดความเห็นที่หลากหลายทีเดียว เช่น “ฉันเป็นชาวพุทธและนี่มันแย่มากที่เห็นคนตะวันตกมีเศียรพระพุทธเจ้าในสวนของพวกเขา เชื่อในพระเยซูมากเกินไปจนลืมว่าอะไรดีอะไรไม่ดี อะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ” “ฮ่าๆๆ…
-
คำสอนจากพระอาจารย์ตัวจริง แนะถึงการแก้กรรมไม่มีจริง และไม่สอนให้งมงาย!!
ในเรื่องของคำสอนของศาสนาต่างๆ นั้น ยิ่งกาลเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งผิดเพี้ยนไปมากเท่านั้น กลายมาเป็นความเชื่อแบบผิดๆ ที่สอนต่อๆ กันมา งมงายในแบบที่ไม่เคยคิดจะพิสูจน์หาข้อเท็จจริงกันเลย อย่างเช่นในกรณีของโยมรายหนึ่งที่ได้เข้ามาสอบถามพระอาจารย์ ไพรวัลย์ วรรณบุตร โดยมีคำถามประมาณว่า แฟนของตนแท้งลูก จะแก้กรรมอย่างไรให้ให้ไปถูกลูก เนื่องจากสอบถามมาแล้วว่าจะต้องทำพิธีสวดส่งวิญญาณ ไหนจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในพิธีกรรมอีกเป็นเงินจำนวน 20,000 บาท ไม่ต้องสวดต้องส่งอะไรทั้งนั้นแหละโยม เก็บเงินสองหมื่นไว้ดูแลลูกคนโตเถอะ เสียลูกไปทั้งคนก็ทุกข์หนักแล้ว ยังจะต้องมาเสียเง… Posted by ไพรวัลย์ วรรณบุตร on Saturday, September 12, 2015 เมื่อได้รับคำถามมาแล้ว ทางด้านพระอาจารย์ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ได้ให้คำแนะนำในเชิงข้อเท็จจริงที่ไม่เน้นความงมงาย ซึ่งหาได้ยากยิ่งในสมัยนี้ โดยกล่าวเอาไว้ว่า ‘ไม่ต้องทำการสวดส่งอะไรทั้งนั้น ลูกก็เสียไปแล้ว จะมาเสียเงินทำพิธีกรรมอีกก็คงไม่ใช่ เก็บเงินจำนวน 20,000 บาทเอาไว้เลี้ยงลูกคนโตดีกว่า ไม่มีทางแก้ไขอะไรได้แล้ว หากรู้สึกไม่สบายใจก็ไปบริจาคสิ่งของให้กับเด็กๆ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ลูกที่ทำแท้ง’ ปิดท้ายด้วยการให้คำสอนเกี่ยวกับการแก้กรรม ซึ่งในศาสนาพุทธไม่มี…