Tag: ภัยพิบัติ
-
ภาพเหตุการณ์ “ภูเขาถล่ม” ที่เกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาในกรุงปักกิ่ง ประชาชนพากันตื่นกลัว
ภัยพิบัติทางธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก หากไม่ระวังให้ดีมันอาจพรากชีวิตของผู้คนไปได้เลยทีเดียว… ล่าสุดภูเขาแห่งหนึ่งในเมืองฟางซาน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ส่วนหนึ่งได้เกิดถล่มลงมาสู่พื้นถนนซึ่งมีผู้ใช้รถใช้ถนนอยู่บริเวณเกิดเหตุเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวและผู้เดินทางหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ได้แต่ตกตะลึงอยู่กับภาพที่เห็นท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้องและฝุ่นที่เกิดจากแผ่นดินถล่ม จังหวะดินและหินบนภูเขาถล่มลงสู่พื้นถนน ผู้คนต่างตื่นตระหนกตกใจกลัว ภาพภัยพิบัติแผ่นดินถล่มจากทางอากาศ ชมคลิปวิดีโอดินถล่ม ณ เมืองฟางซาน กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน กรุงปักกิ่งเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2018 ที่ผ่านมานั้นต้องประสบกับพายุฝนกระหน่ำอย่างหนัก ซึ่งคาดกันว่ามีส่วนทำให้เกิดแผ่นดินถล่มในครั้งนี้ มีการบันทึกภาพและเผยแพร่ต่อกันไปอย่างกว้างขวางจนทำให้ประชาชนที่ได้รับชมต่างพากันตื่นกลัวที่จะเข้าใกล้เขตภูเขา เพราะแม้แต่ภูเขาสูงใหญ่ในภาพยังสามารถสั่นคลอนและถล่มลงมาได้ ภาพหลังดินถล่มสงบลง ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นเหตุการณ์ที่อันตรายอย่างมาก ฉะนั้น จงเตรียมตัวรับมือกับมันเอาไว้ให้ดี… ที่มา: ck101 และ 千年蠢猪习近平
-
สาวรักสัตว์เสี่ยงชีวิตตนเอง เพื่อดูแลวัวที่ถูกทอดทิ้ง ในพื้นที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสี…
ผู้ที่อุทิศและทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หากจะต้องฝ่าฟันอันตรายที่อาจจะหมายถึงชีวิตก็ตาม พวกเขาก็ยอมที่จะเสี่ยงเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ ดั่งหญิงสาวชาวญี่ปุ่นผู้นี้ ที่ยอมสละเวลาส่วนตัวในทุกๆ วัน เดินทางมายังเขตอันตรายในจังหวัดฟุกุชิมะ เพื่อมาป้อนน้ำป้อนอาหาร คอยดูแลเหล่าวัวทั้ง 11 ตัวที่ถูกทอดทิ้งจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ภัยพิบัติในปี 2011 นั้น พรากชีวิตผู้คนไปร่วม 20,000 ราย และผู้คนอีกจำนวน 160,000 ราย จำเป็นจะต้องย้ายออกจากพื้นที่ภูมิลำเนาไปสู่พื้นที่ปลอดภัย เหลือเพียงแต่สัตว์น้อยใหญ่ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ปศุสัตว์ในเขตกัมมันตรังสีส่วนใหญ่ เป็นวัวจำนวน 3,500 ตัว และกลายเป็นวัวนิวเคลียร์แห่งฟุกุชิมะไปโดยปริยาย ได้รับการปนเปื้อนจนส่วนใหญ่ล้มตายไปตามๆ กัน รวมไปถึงอดตายและถูกการุณยฆาต Tani Sakiyuki หญิงสาวผู้อุทิศตนเดินทางมายังเขตปนเปื้อน เพื่อมาดูแลวัวจำนวนที่เหลืออยู่ ตามปกติแล้วเธอทำงานอยู่ในกรุงโตเกียวเมื่อ 7 ปีก่อน แต่หลังเกิดเหตุภัยพิบัติ เธอก็ได้ย้ายมาทำงานในสาขาที่ใกล้กับเขตอันตรายและเปลี่ยนมาทำงานกะกลางคืนแทน เพื่อที่จะสามารถมาดูแลวัวทั้ง 11 ตัวได้ในทุกๆ วัน เธอให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ได้รับแรงบันดาลใจจากรายงานข่าวเกี่ยวกับสัตว์ที่อดอยาก และชาวไร่ชาวนาก็พยายามช่วยเหลือพวกมัน แม้ว่ารัฐบาลจะสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปก็ตาม เธอจึงรู้สึกถึงแรงกระตุ้นที่จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ “ถ้าฉันไม่ทำ…
-
สื่อนอกระบุ ไทยนำเข้าปลาจาก ‘ฟุกุชิมะ’ เป็นครั้งแรกหลังเกิดภัยพิบัติ แต่ถูกปิดเงียบ…
ถือว่าเป็นข่าวใหญ่โตอีกหนึ่งเรื่อง แต่กลับไม่เป็นที่พูดถึงภายในประเทศไทยมากนัก เมื่อสื่อจากประเทศญี่ปุ่นเองได้ทำการรายงานเกี่ยวกับเรื่องธุรกิจส่งออกและนำเข้าปลาจากจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น มาสู่ประเทศไทย The Japan Times รายงานเมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 โดยระบุว่าเรือขนส่งสินค้าปลาลิ้นหมา ได้เดินทางถึงประเทศไทยเมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว และเป็นครั้งแรกที่มีการส่งออกปลาจากฟุกุชิมะตั้งแต่เกิดเหตุภัยพิบัติฟุกุชิมะไดอิชิในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2554 Kanji Tachiya หัวหน้าสมาคมประมงจากเมืองโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ กล่าวว่า “พวกเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถส่งออกปลาจากจังหวัดของเราไปสู่ทั่วโลก และเราจะทำการส่งออกปลาที่ปลอดภัยเท่านั้น” จังหวัดฟุกุชิมะทำหน้าที่สนับสนุนสินค้าและธุรกิจในเครือประมง โดยไม่ได้กล่าวถึงความปลอดภัยจากการปนเปื้อนสารกัมมันตภาพรังสีมากนัก โดยเมื่อวันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2561 สินค้าประเภทปลาน้ำหนัก 110 กิโลกรัมถูกส่งไปยังประเทศไทย จากท่าเรือเมืองโซมะ ปลาดังกล่าวถูกนำมาใช้ในภัคตาคารอาหารญี่ปุ่น 12 แห่งในกรุงเทพฯ ในวันศุกร์ที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2561 ซึ่งการส่งออกปลาในครั้งนี้ทำให้ประเทศไทยจะกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางส่งออกหลักในอนาคต ข้อมูลจากจังหวัดฟุกุชิมะ ตัวอย่างสุ่มของปลานั้นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานความปลอดภัยของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ซึ่งหลังจากเกิดเหตุภัยพิบัติ…
-
สามีไต้หวันถูกยกให้เป็นฮีโร่ หลังกระโดดบังไม่ให้ลูกและภรรยารับอันตรายจากเหตุแผ่นดินไหว
ภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถจะควบคุมได้ สิ่งที่จะทำได้ก็มีเพียงแค่ป้องกันตัวเอง เมื่อมีภัยต่างๆ มาเยือนเพียงเท่านั้น ซึ่งในช่วงเวลาอย่างนี้หลายคนก็คงจะหนีเอาชีวิตรอด ก่อนที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็มีชายคนหนึ่งที่ยอมเสี่ยงชีวิตด้วยการเอาตัวเองไปปกป้องภรรยาพร้อมกับลูกน้อย จนกลายเป็นวิดีโอสุดประทับใจอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ตในตอนนี้ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นที่เขตปกครองพิเศษไต้หวัน เมื่อคืนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา เมื่อมีแม่คนหนึ่งกำลังนอนกับลูกน้อยอยู่บนเตียงในบ้านหลังหนึ่ง แต่ว่าในขณะนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ถึง 6.4 แมกนิจูดขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าด้วยการสั่นไหวที่รุนแรงของมัน ก็ต้องทำให้คุณแม่คนนี้ตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน ทันทีที่เธอรู้สึกตัว เธอก็รีบเอื้อมมือไปอุ้มลูกน้อยมาไว้อยู่ในอ้อมอกก่อนเพื่อความปลอดภัย หลังจากนั้นภาพในวิดีโอก็ได้แสดงให้เห็นว่า สามีของเธอที่กำลังทำงานอยู่อีกมุมห้องอีกแห่งหนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามาแล้วใช้ลำตัวเป็นเสมือนเกราะกำบังให้แม่ลูกคู่นี้ปลอดภัยในที่สุด และทันทีที่สามีคนนี้คุ้มครองภรรยาพร้อมลูกๆ ของเขาไปจนถึงเตียง กล้องที่กำลังจับภาพอยู่ก็ดับลงด้วยแรงการสั่นสะเทือน ของภัยพิบัติในครั้งนี้ ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถทราบได้ว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นกับครอบครัวนี้บ้าง แต่ก็คาดกันว่าพวกเขาดูเหมือนจะปลอดภัยกันดี และต่อมาวิดีโอฟุตเทจนี้ก็ได้เป็นที่โด่งดังบนโลกออนไลน์เป็นอย่างมาก ซึ่งหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในครั้งนี้ ก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน รวมทั้งยังมีตึกอีกหลายตึกที่ทรุดตัวลงในเขตพื้นที่ Hualien และยังคงมีผู้คนอีกหลายคน ติดอยู่ในอาคารเหล่านี้ รวมถึงยังมีคนอีกประมาณ 60 คนที่สูญหายไป โดยในตอนนี้เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังออกช่วยค้นหาผู้ประสบภัยในบริเวณพื้นที่ที่เกิดภัยพิบัติครั้งนี้อยู่ วิดีโอระทึกขวัญขณะที่สามีกำลังปกป้องภรรยาพร้อมกับลูกของเขา ที่มา:…
-
ภาพเหตุการณ์ “น้ำแข็งท่วม” เมืองบอสตัน น้ำท่วมและหนาวจัด เกิดเป็นภัยพิบัติหาชมยาก!!
ภัยธรรมชาติเป็นเรื่องที่มนุษย์พยายามหลีกเลี่ยงมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ดีธรรมชาติก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์และหลีกเลี่ยงได้อยู่ดี และราวกับธรรมชาติกลั่นแกล้งในบางครั้งมนุษย์เราก็ต้องพบกับภัยพิบัติอันแสนเลวร้ายยิ่งกว่าที่เคยมีมาอีกด้วย ในขณะเมืองบอสตันกำลังพยายามจัดการกับปัญหาน้ำท่วมอยู่นั้นพวกเขาก็ได้พบกับอุณหภูมิที่ลดลงอย่างกะทันหันจากพายุหิมะ จนทำให้เกิดธารน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วท้องถนน สำนักข่าว The Boston Globe รายงานว่าประชาชนราว 20 ครอบครัวต้องทำการอพยพจากที่พักอาศัย แต่มีเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้นที่ได้รับความช่วยเหลือจากยานพาหนะลุยน้ำของเจ้าหน้าที่ National Guard น้ำท่วมแข็งในทางเหนือของเมือง Boston ภาพของรถที่ทำการยกที่ปัดน้ำฝนและกระโปรงหลังไว้เพื่อไม่ให้ส่วนนั้นจมอยู่ในหิมะ แต่ก็ไม่สามารถต่อต้านการจมอยู่ในธารน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำท่วมแข็งได้ . ภาพพยากรณ์อากาศของของอเมริกาฝั่งตะวันออก อุณหภูมิเยือกแข็งที่ประมาณ -9 องศาเซลเซียส จะยังปกคลุมเมืองบอสตันไปอีกประมาณสองวันและอาจลดลงไปได้ถึง -18 องศาเซลเซียสในตอนกลางคืน โดยที่ในบางพื้นที่อาจพบลมหนาวพัดซึ่งทำให้อุณหภูมิสามารถลดลงไปอย่างเลวร้ายที่สุดที่ -37 องศาเซลเซียส Benjamin Sipprell นักอุตุนิยมวิทยาในบอสตันกล่าวว่าน้ำท่วมครั้งนี้เกิดจากพายุหิมะพัดผ่านในช่วงน้ำขึ้นซึ่งขึ้นสูงกว่าปกติเพราะซูเปอร์มูนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ซูเปอร์มูนมักจะเกิดขึ้นประมาณ 4-6 ครั้งต่อปี น้ำขึ้นน้ำลงเกิดขึ้นเพราะดวงจันทร์ น้ำจะขึ้นสูงสุดในช่วงพระจันทร์เต็มดวงและซูเปอร์มูนจะยิ่งทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นไปอีก จนในที่สุดก็ทะลักเข้าท่วมเมือง “น้ำขึ้นตามปกติในบอสตันจะสูงประมาณ 9 ถึง 10 ฟุต” Sipprell บอก “มันอาจขึ้นไปได้ถึง 12 ฟุต และเราก็คาดการณ์ว่าครั้งนี้มันจะขึ้นไปได้ถึง 12.1 แต่กลายเป็นว่ามันกลับสูงถึง 15 ฟุต มันต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แน่ๆ “ ครั้งสุดท้ายที่เมืองจมอยู่ในธารน้ำแข็งแบบนี้ก็ตั้งแต่เมื่อปี 1978 และเมืองที่ได้รับผลกระทบเลวร้ายที่สุดก็จะเป็นเมืองที่ติดแนวชายฝั่งแบบ Plum…
-
ครอบครัวชาวออสซีถึงกับผวา หลังเกิดหลุมหยุบกว้างเกือบ 10 เมตรที่สวนหลังบ้าน โอ้!! พระพุทธเจ้า
การมีสระว่ายน้ำในส่วนตัวที่บ้านอาจจะเป็นความฝันของหลายๆ คน แต่คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ ถ้าหากบังเอิญคุณดั๊นได้รับสระว่ายน้ำจากธรรมชาติที่เกิดจากหลุมยุบเหมือนกับครอบครัวจากออสเตรเลียครอบครัวนี้!! เหตุการณ์ราวกับฉากในหนังภัยพิบัติวันสิ้นโลกนี้เกิดขึ้นกับบ้านของคุณ Lynn และ Ray McKay ในรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย ในระหว่างที่พวกเขากำลังใช้เวลาพักผ่อนกันอยู่ในบ้าน สองสามีภรรยาเกิดอาการตกใจอย่างมากหลังจากที่มองออกไปนอกหน้าต่างบ้านแล้วต้องพบกับหลุมหนาดยักษ์ที่โผล่ขึ้นมาในสนามหญ้าแบบงง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่ได้ติดต่อไปยังบริษัทจำหน่ายดิน หรือกำลังวางแผนจะปลูกต้นแอปเปิลแต่อย่างใด ทั้งสองได้ติดต่อไปทางผู้เชี่ยวชาญให้ทำการตรวจสอบเจ้าหลุมยุบที่ว่านี้ เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ก็ต่างตกตะลึงกับขนาดของหลุม โดยเจ้าหน้าที่ได้ให้เหตุผลถึงสาเหตุการเกิดหลุมยุบในบ้านของครอบครัว McKays ว่าในช่วงปี 1900 พื้นที่แห่งนี้เคยเป็นเหมืองถ่านหินเก่ามาก่อน และทำให้มีแนวโน้มที่จะเกิดโพรงใต้ดินและเกิดการยุบ อย่างไรก็ตามหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ขนาดของหลุมยังคงขยายออกเรื่อยๆ ซึ่งหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์ปากหลุมมีขนาดกว้างขึ้นมีขนาดถึง 20 ฟุตหรือราวๆ 6 เมตรเลยทีเดียว ภาพของหลุมดังกล่าวหลังจากที่สูบน้ำออก ทางผู้เชี่ยวชาญได้ทำการย้ายครอบครัว McKays ออกจากบ้านก่อนที่จะนำดินมาถมตรงหลุมเพื่อเป็นการแก้ปัญหาให้กับทางครอบครัว แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะผ่านมาแล้วกว่า 6 เดือนทางครอบครัวก็ยังคงมีความกังวลว่าเจ้าหลุมยุบนี้จะกลับมาอีก!! ชมวินาทีของการเกิดหลุมยุบที่หลังบ้านของครอบครัว McKays กันได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา boredomtherapy
-
เด็กสาว ม.ต้น เขียนเรียงความสุดซึ้ง ‘ปฏิเสธคนจังหวัดฟุกุชิมะ’ ชนะใจคนญี่ปุ่นทั้งประเทศ
ย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์อันน่าเศร้าภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ณ จังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น เป็นเหตุทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ปลดปล่อยสารกัมมันตรังสีออกมา และถือว่าเป็นภัยพิบัตินิวเคลียร์ที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เชอร์โนบิลในปี 1986 สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาต่อจากนั้นก็คือ ความเกลียดชังของผู้คนรอบข้างที่มีต่อจังหวัดฟุกุชิมะและชาวบ้านที่อยู่อาศัยเติบโตภายในจังหวัดนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่ได้เป็นคนเลือกให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และไม่อยากให้เกิดความหายนะเช่นนี้ด้วย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักถึงความเกลียดชังที่เกิดขึ้นในใจของชาวญี่ปุ่น Ruzo Maoma อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปี 3 ได้ส่งเรียงความเรื่อง ‘ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ’ เข้าประกวดในงาน การเขียนเรียงความสิทธิมนุษยชนจากนักเรียนชั้นมัธยมต้นทั่วประเทศครั้งที่ 36 โดยมีใจความดังต่อไปนี้ ปฏิเสธตัวตนของจังหวัดฟุกุชิมะ นี่เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันช็อคมาก สำหรับการเป็นคนจังหวัดฟุกุชิมะอย่างฉัน ฉันเกิดและเติบโตในเมืองมินะมิโซมะ จังหวัดฟุกุชิมะ จนถึงกระทั่งชั้น ป. 3 เมื่อพูดถึงเมืองมินะมิโซมะ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงทางด้านเทศกาลและวัฒนธรรม ให้ความสำคัญกับประวัติศาสตร์ในอดีตมาอย่างช้านาน ฉันรักผู้คนและเมืองมินะมิโซมะในแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้… แต่ทว่าเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ และนั่นก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะสารกัมมันตรังสีที่ถูกปลดปล่อยออกมา ทำให้เมืองมินะมิโซมะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนอยู่อาศัยไม่ได้อีกต่อไป และตัวฉันเองก็ต้องย้ายหลบภัยไปอยู่กับญาติพร้อมกับครอบครัวที่จังหวัดโทะชิงิแทน เมื่อไปถึงที่นั่น ก็พบกับข้อความสติ๊กเกอร์บนรถยนต์คันหนึ่ง ในลานจอดรถร้านค้าที่แวะข้างทางว่า…
-
เพราะเหตุใดประเทศอย่างสหรัฐฯ และญี่ปุ่น จึงเลือกที่จะไม่ฝังสายไฟฟ้าลงใต้ดิน!?
เมื่อพูดถึงเรื่องสายไฟฟ้า เสาไฟฟ้าในประเทศที่พัฒนาแล้ว เราก็มักจะนึกถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก่อนเป็นอันดับแรก และจะตามมาด้วยความสวยงามของการจัดการระบบสายไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันหลากหลายประเทศก็เริ่มที่จะนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินแล้ว (และในบ้านเราก็เริ่มทำแล้วในบางจังหวัด) ย้อนกลับไปดูสภาพของเมือง Jersey City หลังประสบกับพายุเฮอร์ริเคนแซนดี้ ในปี 2012 แต่ทว่าการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินนั้นยังไม่อาจสามารถทำได้ครอบคลุมไปทั่วประเทศ ทั้งๆ ที่เราคิดว่าก็ประเทศเหล่านั้นน่าจะทำได้ แต่ด้วยเหตุใดที่ประเทศก้าวหน้า ยกตัวอย่างเช่น สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นจึงไม่ทำ? ก่อนอื่นเลยต้องเกริ่นว่าประเทศเหล่านี้อยู่ในโซนที่เกิดภัยภิบัติอยู่บ่อยครั้ง อย่างสหรัฐอเมริกาจะต้องเจอกับพายุเฮอร์ริเคนและแผ่นดินไหว ส่วนทางฝั่งญี่ปุ่นก็ต้องเจอพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวในทุกๆ ปี แผนภาพพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหวของสหรัฐอเมริกา สีแดงจะเป็นระดับที่รุนแรงที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น สิ่งที่ตามมาก็คือความเสียหายต่อระบบสายส่งไฟฟ้า ซึ่งจะต้องทำการซ่อมแซมให้รวดเร็วที่สุด โดยเมื่อเทียบกันแล้ว แม้ว่าเสาไฟฟ้ากับสายไฟฟ้าที่อยู่เหนือพื้นดินจะเสียหายมากกว่า แต่สำหรับราคาการซ่อมนั้นถูกกว่าระบบสายไฟฟ้าฝังดินหลายเท่าตัว ดังนั้นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงภัยพิบัติสูงยังคงใช้ระบบสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินอยู่ สำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา ค่าใช้จ่ายในการทำสายส่งไฟฟ้าลงดินจะแพงกว่าการทำสายส่งไฟฟ้าเหนือพื้นดินประมาณ 3 ถึง 10 เท่า ราคาของระบบสายไฟฟ้าเหนือพื้นดินจะอยู่ที่ 285,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร ระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจะอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์ต่อ 1.6 กิโลเมตร (ข้อมูลล่าสุดในปี 2015)…
-
รวม 15 อันดับ ‘ภัยพิบัติทางธรรมชาติ’ ที่เลวร้ายสุดของมนุษย์ จัดอันดับโดย ORZZZZ
โลกเราได้ผ่านภัยพิบัติมาหลายศตวรรษ… ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นภัยที่เกิดขึ้นจากน้ำมือมนุษย์ อาทิเช่นภัยสงคราม การก่อการร้าย และแน่นอนว่าทุกการกระทำย่อมส่งผลถึงสิ่งที่จะตามมา… นี่คือ 15 อันดับภัยธรรมชาติที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ ซึ่งจัดอันดับโดยเว็บไซต์ ORZZZZ เราลองไปดูว่ามีอะไรติดมาบ้าง.. อันดับที่ 15. Afghanistan Blizzard (2008) พายุหิมะที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์อิหร่าน โดยมีผู้บาดเจ็บล้มตายไปถึง 1,337 คน เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลงต่ำกว่า -30 องศาเซลเซียสและหิมะสูงถึง 180 เซนติเมตร นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาจากอาการเนื้อตาย จากความเย็นมากกว่า 100,000 คน อันดับที่ 14. New Zealand Earthquake (2011) แผ่นดินไหว “Christchurch” ที่มีความรุนแรงถึง 6.3 ริกเตอร์ เกิดเมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2011 ที่นิวซีแลนด์ บ้านเรือนเสียหายมากมายและ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียชีวิตถึง 185 คน อีก 238 คนหายสาบสูญ อันดับที่ 13. Bhola Cyclone (1970)…
-
ต่างประเทศคิดค้น “แคปซูลหลบสึนามิ” ช่วยให้คุณรอดตายจากอุทกภัยและแผ่นดินไหวต่างๆ
หากคุณเคยจินตนาการภาพสึนามิสูงหลายเมตร หรือน้ำท่วมโลกแบบในหนังเรื่อง Deep Impact แล้วเกิดกังวลว่าคุณจะสามารถมีชีวิตรอดจากโลกใบนี้ไปได้อย่างไร วันนี้ #เหมียวฟิ้น มีเทคโนโลยี้ล้ำๆ จะมาแนะนำกันล่ะ เจ้าเทคโนโลยีที่ว่านี้เป็นแคปซูลผู้รอดชีวิต (Survival Capsule) เจ้าแคปซูลตัวนี้มีลักษณะทรงกลม สามารถนั่งได้ตั้งแต่ 2 – 16 คนเลยทีเดียว มันถูกออกแบบมาอย่างแน่นหนา แต่ในขณะเดียวกันมันก็มีรูระบายอากาศ ทำให้คุณสามารถหายใจอยู่ในนั้นได้ . มันถูกเสริมความแข็งแรงด้วยโครงอลูมิเนียมที่หนา 6.35 มิลลิเมตร และลอยอยู่เหนือน้ำได้ ตอนนี้ถูกเล็งให้วางขายที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกๆ เพราะที่นั่นมีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งรุนแรงถึง 8-9 แมกนิจูด อาจก่อให้เกิดสึนามิได้ด้วย โดยราคาเริ่มต้นของแคปซูลขนาด 2 คนจะอยู่ที่ 13,500 เหรียญดอลลาร์ หรือประมาณ 475,000 บาท แม้จะดูเป็นราคาที่แพงไปสักหน่อย แต่หากเทียบกับชีวิตของคุณแล้ว เท่านี้ก็เป็นราคาที่น่าลงทุนทีเดียว แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตไว้มากมายว่า หากเจ้าลูกบอลช่วยชีวิตนี้สามารถใช้ได้จริง แต่ยังไงเราก็ไม่สามารถควบคุมทิศทางของมันได้อยู่ดี มันอาจจะพาคุณลอยออกไปในทะเล จมลงไปใต้น้ำ ติดอยู่บนต้นไม้ หลุดจากสัญญาณ GPS แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ถือเป็นปัญหาเบื้องต้นที่เหล่านักพัฒนาต้องเก็บไปคิดและต่อยอดในแคปซูลรุ่นต่อๆ…
-
5 ปีผ่านไปกับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องของโทโฮะกุ หลังประสบเหตุแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ
ด้วยลักษณะภูมิประเทศของญี่ปุ่นที่เป็นเกาะ จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิได้ เพราะในหนึ่งปีอาจจะต้องเจอมากกว่าหนึ่งครั้ง ทางการจึงต้องมีการเตรียมแผนรับมือเพื่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุด และจะต้องทำการฟื้นฟูอย่างเร่งด่วน ในช่วงเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 2011 โทโฮะกุหนึ่งในอนุภูมิภาคทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ได้ประสบกับภัยธรรมชาติร้ายแรงอย่างแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์สึนามิ ทำให้ทั่วทั้งบริเวณได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ถึงแม้จะร้ายแรงแค่ไหน ประเทศญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ทำการฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2011 มาจนถึง 2015 รวมแล้ว 5 ปีผ่านไป ตลอดทั้งอนุภูมิภาคค่อยๆ ได้รับการฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเหลือเพียงแต่ซากปรักหักพัง แต่ตอนนี้ก็เริ่มกลับมาเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยเหมือนเดิมแล้ว โดยโปรเจคนี้ทำการเก็บภาพถ่ายตั้งแต่ช่วงหลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดิน The Great East Japan Earthquake เป็นการเก็บภาพถ่ายผ่าน Google Street View ของญี่ปุ่น จากหลายๆ พื้นที่ในอนุภูมิภาคโทโฮะกุ เห็นความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังคงมีร่องรอยของภัยพิบัติหลงเหลืออยู่เช่นกัน ที่มา : googlejapan, rocketnews24
-
The Mobile Factory ชุบชีวิตให้กับซากบ้านจากภัยพิบัติ ด้วยรูปแบบจากตัวต่อเลโก้
ไอเดียความคิดสุดสร้างสรรค์จากบริษัท The Mobile Factory ที่เข้ามาช่วยลดงบประมาณในการบูรณะสร้างบ้านใหม่ให้กับประเทศที่ประสบกับปัญหาภัยพิบัติอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งในแต่ละครั้งนั้นจะต้องใช้งบประมาณหลายล้านดอลลาร์เลยล่ะ ด้วยระบบการซ่อมแซมและสร้างใหม่ของบริษัท The Mobile Factory ที่จะนำซากของสิ่งก่อสร้างเหล่านั้นมาบีดอัดและแปลงให้กลายเป็นปูนซีเมนต์เปียก และนำมาขึ้นรูปเป็นบล็อคซีเมนต์ลักษณะคล้ายกับตัวต่อเลโก้ เมื่อนำบล็อคซีเมนต์เลโก้เหล่านี้มาสร้างบ้านใหม่ ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆ เลยล่ะ เหมือนกับการนำตัวต่อชิ้นเล็กๆ มาต่อเป็นบ้านเลโก้ ซึ่งเจ้าบล็อคเลโก้เหล่านี้ก็สามารถนำมาต่อเป็นบ้านในชีวิตจริงได้อย่างรวดเร็ว ชมวิดีโอคลิปแนะนำ The Mobile Factory กันได้ที่นี่เลยจ้า ที่มา : thechive