Tag: มะเร็ง
-
อดีตนักโทษมะกันเสีย ‘อวัยวะเพศ’ จากมะเร็ง โร่ฟ้องเรือนจำปล่อยโรคไร้การ “วินิจฉัย”
เรื่องราวชวนปวดหัวในวันนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนาย Keith Jackson วัย 49 ปี ที่ต้องเสียอวัยวะเพศไปเนื่องจากโรคมะเร็ง Keith Jackson เคยเป็นผู้ต้องขังในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เขาถูกจับกุมในข้อหาพกพาอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายและก่ออาชญากรรมร้ายแรง หลังจากนั้นเขาเสียอวัยวะเพศจากโรคมะเร็ง เขาจึงโทษเรือนจำที่ไม่ตรวจอาการเขาก่อนหน้านี้ Keith Jackson วัย 49 ปี ในช่วงเวลา 15 เดือนแรกที่เขาถูกขังอยู่ในเรือนจำ เขาก็เริ่มมีอาการเจ็บปวดที่แผลบนอวัยวะเพศของตนเอง มันเริ่มบวมช้ำและมีเลือดออกมาก ข้อมูลจากบันทึกทางการแพทย์ของ Keith พบว่าเขาถูกวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะเพศหลายต่อหลายครั้ง โดยทีมแพทย์เชื่อว่าเขาได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน จึงให้ยาปฏิชีวนะแก่เขา ภายหลังทีมแพทย์ตัดสินใจ ทำการผ่าตัด Keith แต่มันก็สายเกินไปเพราะอาการของมะเร็งได้ลุกลามจนทำลายอวัยเพศของเขาไปแล้ว นั่นทำให้ Keith ต้องการให้ทางเรือนจำและทีมแพทย์ในเรือนจำออกมารับผิดชอบ ที่ปล่อยให้อาการของโรคมะเร็งลุกลามในตัวเขาโดยที่ไม่มีการตรวจวินิจฉัย Keith กล่าวว่า… “ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ และสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ก็คือ ‘ความช่วยเหลือ’ เท่านั้นเอง” สุดท้ายเขาก็ยื่นเรื่องฟ้องรัฐบาลกลางภายใต้กฎการฟ้องร้องของภาคเอกชนต่อภาครัฐบาล นอกจากนี้เขายังฟ้องเรือนจำอีก 6 แห่งที่เขาเคยถูกขัง และสถานรักษาพยาบาลอีก 2 แห่งอีกด้วย Keith…
-
เด็กสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ใฝ่ฝันอยากรู้ตอนจบของ Avengers 4 ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
ในชีวิตของเพื่อนๆ เคยคิดกันบ้างไหมว่าก่อนตาย อยากจะทำอะไรเป็นครั้งสุดท้าย? สำหรับเด็กสาวที่ชื่อว่า Keira ที่รู้ว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ความหวังก่อนตายของเธอคือการได้รู้ตอนจบของ Avengers 4 ก่อนที่จะลาจากโลกใบนี้ไป และด้วยความช่วยเหลือจากองค์กรที่มีชื่อว่า My Shining Star Children’s Cancer Society ได้ทำการโพสต์เล่าเรื่องราวของเธอเพื่อสานต่อความหวังครั้งสุดท้ายของเด็กสาวคนหนึ่งให้กลายเป็นจริง Keira ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งสมองมานานกว่า 4 ปีครึ่ง จนในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้ต่อมัน และเหลือชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกราวๆ 3-4 เดือนเท่านั้น “ก่อนที่จะตายเธอต้องการที่จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นใน Avengers ภาคต่อไป ครอบครัวของเธอพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ฝันของเธอกลายเป็นความจริง แต่มันก็ดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก” “อย่างที่ทุกคนรู้ เราเป็นเพียงองค์กรองค์กรหนึ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือพวกเขา เด็กสาวคนนี้ต้องต่อสู้กับมะเร็งร้ายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก และเธอสวมควรได้รับการเติมเต็มความฝันของตัวเอง เราต้องช่วยกัน ได้โปรด!!” My Shining Star Children’s Cancer Society กล่าว องค์กรได้นำเรื่องราวนี้โพสต์ลงทวิตเตอร์และได้รับความสนใจจากชาวเน็ตมากมาย ตอนนี้มีคนเข้ามากดไลก์มากกว่า 32,000 ครั้ง และรีทวีตไปอีกกว่า 53,100 ครั้งแล้ว …
-
เจ้าบ่าวใจสลาย จัดงานแต่งกับแฟนสาวที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่เธอจากไปก่อนงานเริ่ม
เรื่องราวความรักที่รู้ทั้งรู้ว่าอย่างไรมันก็ต้องถึงจุดจบ และมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องจากไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงเดินหน้าต่อไปแม้ว่าเส้นทางความรักของเขาจะมีความผิดหวังรออยู่ที่ปลายทางก็ตาม… Yang Feng หนุ่มชาวจีนวัย 27 ปี ตัดสินใจจัดงานแต่งงานกับคู่หมั้น Xiao Hui ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวระยะเรื้อรัง ในโรงพยาบาลที่เธอรักษาตัวอยู่ในเมืองเจิ่งโจว มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน สาเหตุที่นาย Yang ตัดสินใจจัดงานแต่งขึ้นมาก็เพราะว่าอาการของ Xiao ย่ำแย่ลงมาก เขาจึงอยากจะทำให้สิ่งที่เธอหวังมาตลอดคือการแต่งงานเกิดขึ้นอย่างที่เธอได้ตั้งใจเอาไว้ โดยกำหนดวันแต่งเอาไว้เป็นวันที่ 12 สิงหาคม 2561 แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลก เพราะ Xiao ได้เสียชีวิตจากโลกใบนี้ไปอย่างสงบในเวลา 17.20 น. ของวันงาน ฝ่ายว่าที่เจ้าบ่าวเมื่อรู้เรื่องราวดังกล่าวแล้วก็พยายามที่จะทำให้งานแต่งนั้นดำเนินต่อไปท่ามกลางผู้สื่อข่าวและแขกมากมายที่มาร่วมงาน แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า “งานแต่งงานนี้ผมไม่สามารถจัดมันต่อไปได้อีกแล้ว ขอให้ทุกคนออกไปด้วยครับ” เรื่องราวความรักของทั้งคู่เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 2 ปีก่อน ขณะที่นาย Yang เป็นคนส่งของ แล้วไปส่งที่บ้านของเธอ ทั้งคู่ตกหลุมรักกันตั้งแต่ตอนนั้นและตัดสินใจเดตกัน ทางด้าน Xiao เองก็บอกฝ่ายชายไว้ก่อนแล้วว่าเธอกำลังป่วย แต่เขาเองก็ยืนยันที่จะสานต่อความสัมพันธ์ต่อไป “ผมรู้ว่าเธอป่วยตั้งแต่แรก…
-
เด็กสาวตัวน้อย ‘ลั่นกระดิ่งแห่งชัยชนะ’ หลังต่อสู้กับมะเร็งมานาน 2 ปี และเอาชนะมันมาได้!!
หลังจากที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายมาอย่างยาวนาน และสามารถเอาชนะโรคร้ายได้สำเร็จ ก็ต้องมีการแสดงให้เห็นถึง ‘ความเป็นผู้ชนะ’ กันบ้างล่ะ นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวตัวน้อยวัย 4 ขวบ ที่ต้องอดทนดิ้นรน ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาอย่างยาวนานตลอด 2 ปี!! Holly Hughes ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก่อนที่จะถึงวันครบรอบวันเกิดในปีที่ 2 เมื่อปี 2016 “เราเพิ่งมารู้ก่อนวันเกิดครั้งที่ 2 ของเธอ ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ที่อเมริกา และ Christina ภรรยาของผมก็โทรมาบอกว่า Holly เหมือนจะมีพฤติกรรมแปลกไป” คุณ Chris Hughes พ่อของ Holly เล่า “ตอนเราก็ไม่ได้คิดอะไร และเมื่อผมกลับมาก็พบว่า ลูกดูตัวซีด ก็เลยพาไปหาหมอ และพบว่าเธอกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และหมอบอกว่าเธออาจจะมีชีวิตได้อีก 6-8 สัปดาห์เท่านั้น หากไม่ทำการรักษา” “ผมจำเหตุการณ์ตอนนั้นได้ดี มันเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังแตกสลาย ผมอยากจะหายไปเสียตอนนั้นเลย ผมทั้งโกรธและผิดหวัง” “แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวบรวมสติได้ผมก็ถามหมอว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะผ่านมันไปได้ จะต้องรักษาอย่างไร” ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้ Holly ต้องผ่านเรื่องราวมากมาย…
-
แพทย์แนะหนุ่มนักดนตรี ให้เล่นกีตาร์ระหว่างผ่าตัดเนื้องอกในสมอง ป้องกันอัมพาตหลังผ่า…
เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อของนาย Robert Alvarez ผู้ถูกวินิจฉัยเป็นเนื้องอกในสมองระดับ Low-grade ในปี 2013 โดยเจ้าตัวยังทำใจยอมรับไม่ได้ และขอเลื่อนเข้ารับการรักษามาโดยตลอด Robert Alvarez ผู้รอดชีวิตจากเนื้องอกในสมอง เนื่องจากแพทย์ผู้วินิจฉัยกล่าวกับเขาไว้ว่า การผ่าตัดอาจทำให้เขาเป็นอัมพาตได้ เขาจึงขอเวลาทำใจสักระยะ ระหว่างนั้นเขามีอาการซุ่มซ่ามและหลงๆ ลืมๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ Robert ในวัย 19 ปี รู้สึกถึงความเสี่ยงในชีวิตกับการตัดสินใจเข้ารับผ่าตัด หากผลออกมาเป็นอัมพาตก็ยิ่งแย่กว่าการใช้ชีวิตอยู่กับเนื้องอก “ผมหวังได้เพียงแค่ไม่ให้มันกระจายไปมากกว่านี้ และต้องระวังเรื่องของการใช้ชีวิตให้มากขึ้น” หลังจากเรียนจบระดับมัธยมปลายแล้ว Robert จึงออกเดินตามฝันสายอาชีพนักดนตรีเข้าเรียนในสายวิศวกรเสียง ในขณะที่คุณแม่ของเขาดิ้นรนหาวิธีการรักษาลูกชายที่เสี่ยงน้อยที่สุด… แต่อาการก็ยิ่งแย่ลงขึ้นเรื่อยๆ เพราะอาการใหม่เริ่มแสดงออกมาให้เห็นชัดยิ่งขึ้น ในคืนหนึ่งเขานอนตกเตียงเนื่องจากมีอาการชักแทรกซ้อนในระหว่างนอนหลับ จนในที่สุดคุณแม่จึงตัดสินใจพาเขาเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์สถาบัน MD Anderson Cancer Center Sujit Prabhu ศัลยแพทย์ผู้รับผิดชอบเคสของ Robert นายแพทย์ Sujit Prabhu…
-
หญิงสาวใจแกร่ง เผยประสบการณ์ดูแลแม่ป่วยโรคมะเร็ง 2 ครั้ง ในระยะเวลา 4 ปี
โรคมะเร็งเป็นหนึ่งในโรคที่สามารถคร่าชีวิตมนุษย์ได้เป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวมากๆ สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุไหน และเรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรคมะเร็งกับคนในครอบครัวที่ทางผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ชื่อว่า คุณแสตมป์ ได้ออกมาถ่ายทอดเพื่อเตือนใจให้กับทุกๆ คน #เหมียวบู้บี้จึงได้ขออนุญาตและนำเรื่องราวมานำเสนอเผื่อใครกำลังประสบปัญหานี้อยู่จะได้มีกำลังใจและมีแนวทางในการปฏิบัติต่อไป คุณแสตมป์ได้เล่าเรื่องราว ประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งในช่วงระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา ผู้ป่วยโรคมะเร็งคือคุณแม่ของคุณแสตมป์เอง คุณแม่ป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูกตอนที่คุณแสตมป์กำลังอยู่ชั้น ม.2 แน่นอนว่าเรื่องนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ไม่ว่าใครก็ตาม . หลังจากที่คุณแม่ตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งก็เสียใจมาก มีเพียงกำลังใจเดียวนั่นก็คือครอบครัวที่คอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่างและพร้อมที่จะสู้ไปด้วยกัน คุณแม่ได้ต่อสู้กับโรคร้ายด้วยการรักษาทางการแพทย์ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบันหรือดื่มยาจีนเพื่อทำให้ร่างกายกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่มันก็หนักหนามากสำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาบ่อยๆ ผลข้างเคียงจากการรักษาก็คอยรบกวนทำให้คุณแม่รู้สึกทุกข์ทรมานจากโรคที่เป็นอยู่ ลูกสาวอย่างคุณแสตมป์จึงต้องทำหน้าที่ลูกที่ดีด้วยการคอยดูแลคุณแม่ อีกทั้งยังได้รับความร่วมมือจากน้องชายที่คอยดูแลแม่อีกแรง คอยดูแลเรื่องอาหารการกินเพราะผลข้างเคียงจากการทำคีโมทำให้คุณแม่ไม่ค่อยอยากทานอาหารเท่าที่ควร . นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้วก็ยังเป็นเรื่องผลข้างเคียงอื่นๆ ที่มากระทบนั่นก็คืออาการปวดเมื่อยและคันตามมือและเท้า คุณแสตมป์และน้องจึงใช้วิธีนวดให้แม่ได้นอนหลับเพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกคันหรือปวดเมื่อย นอกจากการนวดแล้วก็ต้องให้แม่ออกกำลังกายเบาๆ ด้วยการเดินป้องกันพังผืด ช่วงระยะเวลา 1.5-2 ปีที่คุณแสตมป์และน้องชายคอยดูแลคุณแม่มาตลอดเวลา สิ่งที่สำคัญมากๆ นั่นก็คือกำลังใจ แต่ทว่าเรื่องราวมันไม่ได้จบแค่นั้น เมื่อได้ตรวจร่างกายอีกครั้งและพบว่าแม่เป็นมะเร็งครั้งที่ 2…
-
ยังจะสูบอีกหรือ… เปรียบเทียบปอดของคนสูบบุหรี่ กับปอดคนไม่สูบ แค่สีก็ต่างกันชัดเจนแล้ว
แม้จะมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องมายาวนานมากๆ กับการลดถึงขั้นงดสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรชาวโลก ในปัจจุบันก็ยังคงมีจำนวนผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการรณรงค์เพื่อสุขภาพอยู่ดี… การสูบบุหรี่นั้นเป็นความต้องการส่วนบุคคลที่เลือกจะสูบ แน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่า ในอนาคตข้างหน้าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองบ้าง? Amanda Eller นางพยาบาลจากมหาวิทยาลัย Western Carolina University ได้ทำการโพสต์วิดีโอคลิปเผยให้เห็นว่า สภาพของปอดที่มีสุขภาพดีไม่ได้สูบบุหรี่นั้นเป็นอย่างไร และนำมาเปรียบเทียบข้างๆ กันกับปอดของผู้สูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน ต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี เพียงแค่เห็นสีของปอดทั้งสองชิ้น ก็ทำให้รู้และแยกแยะได้ทันทีว่าปอดของผู้สูบบุหรี่และไม่สูบเป็นแบบไหน ซึ่งนอกเหนือจากสีของปอดภายนอกแล้ว ระบบการทำงานของปอดก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิม ปอดของผู้สูบบุหรี่ ปอดของผู้ไม่สูบบุหรี่ ทางพยาบาลได้นำเครื่องเป่าลมเข้าไปในปอด เพื่อจำลองประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะ ผลก็คือปอดที่สูบบุหรี่จะไม่สามารถกักเก็บลมเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงการหายใจที่ถี่มากกว่าปกติ ส่วนปอดที่มีสุขภาพดีจะสามารถกลั้นหายใจได้นานกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม นโยบายลดปริมาณผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกยังคงใช้วิธีในการเพิ่มภาษีบุหรี่ เพราะยังคงเล็งเห็นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีเงินซื้อบุหรี่ก็จะเลิกสูบไปเอง แต่ทว่ามีงานวิจัยบางส่วนที่มองสวนทางเนื่องจากการเพิ่มภาษีบุหรี่แพงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะส่งผลทำให้เกิดยาสูบเถื่อนมากยิ่งขึ้น ที่มา : @amanda.orr.56, ladbible
-
หนุ่มลาออกงาน เพื่อดูแลแฟนสาวป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย วอนช่วยเหลือค่าเปลี่ยนถังออกซิเจน
หลายครั้งที่เราได้เห็นการแสดงน้ำใจและหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับคนแปลกหน้าผ่านหน้าเฟซบุ๊ก ทำให้เราเห็นว่าเครือข่ายสังคมออนไลน์แห่งนี้ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย นี่เป็นเรื่องราวของคุณกวาง เทพประเสริฐ วรรณกาล ชายหนุ่มจากจังหวัดอำนาจเจริญ ที่เพียรพยายามดูแลแฟนสาวของเขา คุณเก๋ ศศิมาภรณ์ บุญโท เนื่องจากเธอป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในปอดระยะสุดท้าย พร้อมกับลูกวัย 10 ขวบอีก 1 คน ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2018 ที่ผ่านมา คุณกวางได้โพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านหน้าเฟซบุ๊กของตัวเองที่ชื่อ บุคคล ศูนย์หาย เพื่อขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปเปลี่ยนถังออกซิเจนให้กับแฟนสาว เนื่องจากตนเองต้องลาออกจากงานเพื่อมาดูแลแบบเต็มตัว ประกอบกับโรคที่เธอเป็นนั้นทำให้หายใจลำบาก จึงอยากวอนขอผู้ที่มีจิตเมตตาช่วยต่อลมหายใจให้กับแฟนของเขา ข้อความจากเฟซบุ๊กของคุณกวาง . ภาพของคุณกวางที่ต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืดเพื่อมาดูแลแฟนสาว หลังจากที่ข้อความของคุณกวางถูกแชร์ออกไป ก็ได้มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความช่วยเหลือแก่ทั้งสองคน หลายคนช่วยกันกดแชร์ข้อความของเขา และอีกหลายคนก็ช่วยกันโอนเงินบริจาค หรือบางคนทำธุรกิจเกี่ยวกับถังออกซิเจนอยู่แล้ว ก็เสนอความช่วยเหลือให้กับเขา . . . . . ต่อมาในวันที่ 23 เมษายน ทีมงานเฟซบุ๊กเพจ ฮักอำนาจเจริญ ได้ลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือทั้งคู่แล้ว โดยให้รายละเอียดไว้ว่าตอนนี้มีหน่วยงานรัฐและเอกชนสนใจให้ความช่วยเหลือทั้งสองรวมไปถึงการปรับปรุงสถานที่พักอาศัยให้เหมาะสมและสะดวกแก่ผู้ป่วยอีกด้วย .…
-
เด็กหญิง 7 ขวบป่วยเป็นมะเร็ง ต้องผ่าตัดกลับขา ด้วยความหวังที่เธอจะกลับมาเต้นอีกครั้ง
คงไม่มีใครที่อยากจะเกิดมาแล้วป่วย ทุกคนต่างก็อยากจะเกิดมามีสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น แต่ทว่าไม่มีใครเลือกเกิดได้ ในเมื่อเราไม่สามารถกำหนดโชคชะตาได้ ก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เป็นอยู่ เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเด็กหญิง Amelia Eldred อายุ 7 ขวบ ชาวเมืองแทมเวิร์ท รัฐนิวเซาท์เวลล์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ต้องประสบกับโรคร้ายตั้งแต่อายุยังน้อย ในเดือนสิงหาปี 2017 สัปดาห์แรกแห่งวันหยุดฤดูร้อน ขณะที่หนูน้อยเข้าร่วมการแสดงละครเวที เธอมีอาการแปลกๆ คือขาเริ่มบวม นาง Eldred และนาย Richard พ่อแม่ของเธอพยายามประคบให้ แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น ขาของเธอยังบวมอยู่ร่วมสัปดาห์ หลังจากนั้นพ่อแม่ก็พาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาลเด็ก มีการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ผลออกว่ามีชิ้นเนื้อที่มันส่งผลร้ายแรงกับร่างกายของเธอ เนื้องอกขนาด 10 ซม. บนกระดูกต้นขาเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งที่ชื่อว่า Osteosarcoma Osteosarcoma คือมะเร็งกระดูกที่สามารถพบได้มากที่สุดในวัยเด็ก ส่วนมากจะเป็นชนิดที่ร้ายแรง สามารถลุกลามไปยังเนื้อเยื่อส่วนอื่นได้อย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หนูน้อยได้เข้ารับการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแห่งโรงพยาบาล Royal Orthopedic การรักษาเธอต้องมีการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้องอกออกไป หนูน้อยต้องตัดขาในส่วนที่เป็นเนื้อร้ายออก แล้วเอาขาของเธอต่อเข้าไปที่เดิม แต่แทนที่จะเป็นการต่อขาแบบธรรมดา กลับกลายเป็นการต่อขาแบบกลับหลังแทน การต่อขาแบบกลับหลัง…
-
เรื่องราวสุดสลด เมื่อลูกสาวถูกแม่ทิ้งไป เพียงเพราะเธอป่วยเป็นมะเร็งขั้นรุนแรง
พ่อแม่ผู้ปกครองคือคนสำคัญที่จะช่วยดูแลและเยียวยารักษาเด็กๆ หรือลูกของตัวเอง พวกเขาไม่ได้เพียงแค่มีอิทธิพลต่อร่างกายการเจริญเติบโตของเด็ก แต่มันยังรวมถึงเรื่องจิตใจ ซึ่งคงไม่มีเด็กคนไหนจะอยากถูกพ่อแม่ทิ้งไปเหมือนกับเธอคนนี้ เด็กหญิงคนดังกล่าวมีชื่อว่า Gong Miao ชื่อเล่น Miaomiao วัย 9 ขวบ เธอต้องเจอกับความทุกข์ทรมานและความรู้สึกผิด หลังจากที่ถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองทิ้งไปเพราะอาการป่วยของเธอ Miaomiao เด็กหญิงที่ต้องเผชิญกับอาการป่วย เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2017 Miaomiao มีอาการของไข้หวัดที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ทำให้เธอถูกส่งตัวไปเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเด็กเมืองฮาร์บิน ประเทศจีน และหมอก็ได้วินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็นโรค Acute Lymphoblastic Leukemia (ALL) รูปแบบของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่รุนแรงเป็นอย่างมาก ตั้งแต่นั้นมาเด็กหญิงคนนี้จึงต้องทุกข์ทรมานกับอาการป่วยที่ถาโถมเข้าใส่ เจ็บปวดตามร่างกาย หายใจไม่สะดวก เหนื่อยล้า ทำให้เธอต้องเข้ารับการทำเคมีบำบัดในโรงพยาบาล The First Affiliated Hospital of Harbin Medical University ด้วยอาการที่น่าเป็นห่วง แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าอาการป่วยของเธอก็คือ 3 เดือนหลังจากที่หมอวินิจฉัยอาการป่วยของเธอ Zhao Huanhuan…
-
หญิงออสซี่ถูกจับ หลังหลอกญาติๆ ว่าเป็นมะเร็ง แล้วหอบเงินบริจาก 1 ล้านบาทหนีไป!!
ในปัจจุบันนั้นมีเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นเพื่อขอรับบริจากเงินเกิดขึ้นมากมาย โดยผู้รับบริจากนั้นมักจะสร้างขึ้นเพื่อหาเงินไปช่วยเหลือในส่วนต่างๆ ตามแต่ที่ตนคิด โดยส่วนใหญ่มักจะเป็นการรับบริจากเงินเพื่อช่วยเหลือการรักษาโรคหรือช่วยคนจร แน่นอนว่าการรับบริจาคด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นมักจะได้ผลเสมอๆ จนเป็นเหตุให้หลายคนใช้วิธีดังกล่าวหลอกเอาเงินจากผู้หวังดี ซึ่งการหลอกหลวงแนวดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะบนเว็บไซต์รับบริจาคเท่านั้น แต่บางคนถึงกับลงทุนหลอกคนรอบตัวว่าป่วยและเดือดร้อนเรื่อเงินเพื่อหลอกเอาเงินค่ารักษา Hanna Dickenson วัย 24 ปี จากประเทศออสเตรเลียก็เป็นอีกหนึ่งคนที่เลือกจะหลอกครอบครัวและญาติว่าตนป่วยเป็นมะเร็ง เพื่อหวังให้ได้รับเงินสนับสนุนค่ารักษาเป็นเงินกว่า 31,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือเกือบ 1 ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนดังกล่าวนั้นไม่ได้มาจากเพียงญาติและครอบครัวเพียงอย่างเดียว เพราะหลังเรื่องแดงขึ้นมา เหล่าญาติๆ ก็ทราบว่ามีการขอเรี่ยไรเงินจากเพื่อนฝูงมาช่วยเหลือค่ารักษา Hanna อีกด้วย แต่ความจริงกลับเปิดเผยหลังมีคนเห็น Hanna ยังคงใช้ชีวิตตามปกติบนโลกโซเชี่ยลของเธอ ด้วยเหตุนี้เหล่าญาติๆ จึงออกหมายศาลเพื่อตามจับเธอ โดยทางศาลได้ให้นิยามการกระทำของเธอว่าน่ารังเกียจ อย่างไรก็ตาม Hanna Dickenson ได้ออกมารับสารภาพในท้ายที่สุดว่า เธอหลอกเอาเงินจากทุกคนจริงๆ นั่นจึงทำให้เธอถูกตั้งข้อกล่าวหา 7 ข้อหาด้วยกัน David Starvaggi ผู้พิพากษาได้กล่าวถึงพฤติกรรมของ Hanna ว่า “การกระทำของเธอมันน่ารังเกียจ เพราะเธอได้ทำลายน้ำใจของเพื่อนมนุษย์ที่หยิบยื่นให้กับเธอ มีคนมากมายตัดสินใจจะช่วยเหลือและมอบโอกาสให้ ซึ่งพวกเขายินดีจะมอบสินน้ำใจที่ได้จากการทำงานอย่างหนักให้แก่เธอ แต่เธอกลับทำลายมัน” ที่มา…
-
เพื่อนไม่อยากทนทุกข์จากมะเร็ง หนุ่มยินดีขับรถทับ แต่สุดท้ายจบที่ ‘การฆาตกรรม’
ในเบื้องต้นแล้วทุกท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘การุณยฆาต’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งการกระทำดั่งกล่าวคือการทำให้หนึ่งชีวิตนั้นจากไปอย่างสงบ ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าไม่อยากปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นต้องทนกับความเจ็บปวดอีกต่อไป… ซึ่งกรณีแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ด้วยความยินยอมระหว่าง ผู้รับการการุณยฆาตและผู้ลงมือการุณยฆาต จะต้องมีเอกสารเซ็นยินยอมที่ชัดเจน และจะไม่มีผลทางคดีความใดๆ ในภายหลัง แต่แล้วมันกลับเกิดผิดเพี้ยนไป เมื่อชายหนุ่มชาวจีนถูกเพื่อนป่วยโรคมะเร็ง ขอร้องให้จบชีวิตเธอเสียที เพราะไม่อยากทนอยู่กับความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว หญิงแซ่ Wu ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในปี 2008 และเข้ารับการรักษาแบบเคมีบำบัด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดได้อีกต่อไปแล้ว และได้ขอร้องในเพื่อนชายแซ่ Xu ขับรถทับร่างเธอเสีย เพื่อไม่ให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาณอีกต่อไป ในช่วงเดือนพฤษภาคมของปี 2017 Xu เองก็ตกลงปลงใจที่จะทำตามคำขอ ซึ่งทางด้านสามีของนาง Wu นั้นก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนชายคนนี้จะไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรในภายหลัง… และแล้ววันตัดสินชีวิตก็เกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2017 ภาพจากกล้องภายในรถ เผยให้เห็นว่าเขาขับรถเพื่อเหยียบร่างของนาง Wu กลางถนนในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุไปแล้ว Xu ก็ได้ทำการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขาเสียชีวิตแล้ว และกระทำการถอยรถเหยียบซ้ำอีกหนึ่งรอบ …
-
‘ไรอัน เรย์โนลด์’ เอาอีกแล้ว คราวนี้มาในคราบ ‘เดดพูล’ สีชมพู ว่าแต่เขามาทำอะไรนะ?
นับตั้งแต่พระเอกหล่อมาดกวน ‘ไรอัน เรย์โนลด์‘ ได้รับบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ตัวโปรดของเขา ‘เดดพูล‘ ชายคนนี้ก็หยุดดีกรีความเกรียนไว้ไม่อยู่จนเราคิดว่าเดดพูลต่างหากคือไรอันไปแล้ว ยิ่งตอนนี้ภาค 2 ก็ใกล้จะฉายแล้ว พี่แกก็ปล่อยของไม่หยุดเลยทีนี้ แต่แม้จะเกรียนยังไง เขาก็ยังเป็นฮีโร่น้ำใจดีต่อคนป่วย เพราะถ้าใครจำได้ว่าล่าสุดนั้น เขาได้พาเด็กที่ป่วยมาเยี่ยมกองถ่ายเพื่อเสริมสร้างกำลังใจกันไป มาคราวนี้พี่แกก็ออกแคมเปญใหม่เพื่อช่วยผู้ป่วยมะเร็งอีกด้วย ที่เด็ดคือมาในชุดสีชมพูอีกต่างหาก!? หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการล้อเล่น แต่มันคือของจริง โดยเดดพูลนั้นได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเว็บไซต์ Omaze และเปิดแคมเปญที่ชื่อว่า Fuck Cancer เพื่อหาเงินบริจาคไปช่วยผู้ป่วยมะเร็ง ส่วนผู้ที่บริจาคเข้ามาก็ได้ไม่บริจาคเฉยๆ นะ นอกจากจะได้อิ่มบุญแล้วยังมีโอกาสได้เป็นเจ้าของชุดเดดพูลสีชมพูด้วย…ใช่ตัวที่อยู่ในรูปข้างบนนั่นแหละ ตัวเดียวกับที่ไรอันใส่เลย สำหรับจำนวนเงินที่สามารถบริจาคได้นั้นก็จะมีตั้งแต่ราคา 25 ดอลลาร์สหรัฐ ไปจนถึง 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยก็ราว 800 บาทถึง 150,000 บาท ยิ่งเราบริจาคเยอะก็จะยิ่งมีโอกาสลุ้นรับชุดมากขึ้น และเมื่อบริจาคในราคาที่แพงขึ้นได้รับของแถมดีขึ้น เช่นโปสเตอร์พร้อมลายเซ็น หรือคลิปเสียงจากเดดพูลแบบพิเศษเฉพาะเราคนเดียวด้วยนะ ใครที่อยากจะร่วมเป็นส่วนหนึง่ในโครงการดีๆ แบบนี้กับพี่เดดพูล ก็เข้าไปร่วมสนุกกันได้ที่ omaze.com เลย ที่สำคัญ…
-
หญิงป่วยมะเร็งเผย ‘สารสกัดน้ำมันกัญชา’ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย กำจัดมะเร็งให้หายเป็นปกติได้!!
เรื่องของสุขภาพกับโรคร้ายที่ยากจะรักษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะได้ยินเมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองหรือแม้แต่กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ที่สามารถลุกลามไปทั่วร่างกาย และยากต่อการเยียวยาให้หายขาดได้ ดั่งเช่นเรื่องของ Joy Smith หญิงชาวอังกฤษวัย 52 ปี เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ในปี 2016 และเวลาที่เหลือของเธอนั้นมีเพียงแค่ 6 เดือนต่อจากนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ทุกอย่างกลับกลายเป็นดีขึ้นเรื่อยๆ Joy Smith ในวัย 52 ปี การฟื้นฟูร่างกายอันน่าประหลาดใจนี้ เธอกล่าวว่ามีผลส่วนหนึ่งมาจากการรับ ‘สารสกัดน้ำมันจากกัญชา’ อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสารต้องห้ามและผิดกฎหมายในอังกฤษก็ตาม… เธอเปิดเผยว่า “เมื่อคุณรู้ว่ามีชีวิตเหลือเพียงแค่ 6 เดือน คุณจะหาหนทางเพื่อลองทุกอย่าง เชื่อฉันสิ ในตอนแรกฉันไม่ค่อยมั่นใจกับน้ำมันกัญชาเท่าไหร่นัก เพราะฉันไม่เคยเสพยามาก่อน แต่ฉันรู้แล้วว่าหากไม่มีมันฉันก็คงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้” “ฉันอยากจะบอกกับทุกคนว่า น้ำมันกัญชาควรจะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายสำหรับใช้ทางการแพทย์ ผู้คนกำลังล้มตายจากการทำเคมีบำบัด ที่ไม่ได้ช่วยรักษาให้หายดีขึ้นเลย” ก่อนหน้านี้ Joy ได้รับการทำเคมีบำบัดสามวันต่อสัปดาห์ และจะเว้นระยะห่างเป็นทุกๆ สองสัปดาห์ แต่แล้วก็ต้องหยุดรับการรักษาเนื่องจากมีภาวะติดเชื้อ จากนั้นเพื่อนของเธอจึงแนะนำให้รู้จักกับน้ำมันกัญชา หนึ่งในนั้นก็ได้ให้น้ำมันกัญชาในรูปแบบยาเม็ด…
-
คนแปลกหน้าโลกโซเชียล ลงทุนหอบยามาช่วย “เด็กสาว” ที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง
เราอาจเคยมีความคิดว่าคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน คงไม่เข้ามาช่วยเหลือเราง่ายๆ หรอก แต่เหตุการณ์นี้จะช่วยเปลี่ยนความคิดนั้นไปโดยปริยาย เพราะเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศจีนที่กำลังจะจากโลกนี้ไป กลับได้รับการช่วยเหลือจากชาวเน็ตที่ไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนที่ Song Shurui เด็กสาววัย 17 ปีในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดแสนสาหัสจากอาการปอดติดเชื้อภายหลังการปลูกถ่ายไขกระดูกเพื่อรักษา โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) ในช่วงเดือนธันวาคม 2017 สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด คุณหมอถึงกับบอก Dai Qinjia แม่ของเธอไว้ก่อนเลยว่า มีโอกาสน้อยมากที่ Song จะเยียวยากลับมาหายเป็นปกติได้ เธออยู่ในจุดที่อาจจะจากโลกนี้ไปได้ทุกเมื่อ คนเป็นแม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เธอเฝ้าดูแลลูกสาวอยู่ข้างเตียงไม่ห่างไปไหนนานเป็นเวลานับสัปดาห์ เธอบอกว่า “ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกสาวฉันกำลังจะตาย ฉันจะทำทุกหนทางเพื่อช่วยเธอด้วยทุกอย่างที่ฉันมี” ในตอนนั้นยาเพียงตัวเดียวที่จะสามารถช่วยเหลือเด็กสาวได้คือยาที่มีชื่อว่า Cidofovir แต่ว่ายาตัวนี้กลับไม่สามารถหาได้ในพื้นแผ่นดินใหญ่ของประเทศจีนที่พวกเธออาศัยอยู่ ถึงอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่ย่อท้อ Dai ตัดสินใจโพสต์ขอความช่วยเหลือลงไปในโลกโซเชียล หวังให้มีพลเมืองดีซักคนหยิบยื่นโอกาสให้ลูกสาวของเธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง แล้วในที่สุดสวรรค์ก็มีตา คุณแม่ได้รับการตอบกลับจากชายแปลกหน้าคนหนึ่ง เธอจึงรีบโทรติดต่อหาเขาในทันที ข้อความจากชาวเน็ตหลายๆ คน ชายผู้ไม่เอ่ยนามคนนี้เล่าว่า “ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณตี 2 Dai โทรมาสอบถามถึงข้อมูลตัวยาดังกล่าว…
-
ชายหนุ่มจัดงานแต่งให้แฟนสาว เติมเต็มความฝันครั้งสุดท้ายก่อนเสียชีวิตวันวาเลนไทน์
เมื่อช่วงวันวาเลนไทน์ที่ผ่านมาก็ได้มีเรื่องราวน่ารักๆ มากมายของคู่รักต่างๆ ทั่วโลกได้มาเจอกันและเซอร์ไพรส์กัน แต่สำหรับบางคู่ก็อาจเป็นการจากลากันครั้งสุดท้าย Lydia Dominguez วัย 19 ปีป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ไต เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเด็ก El Paso ในรัฐเท็กซัส ได้เสียชีวิตลงเมื่อเวลาประมาณ 8 โมงเช้าเมื่อวันพุธที่ 14 กุมภาพันธ์ 2018 Audrey Garcia ผู้จัดการทางด้านการตลาดของโรงพยาบาลกล่าวว่า “เมื่อเช้าเธอตื่นขึ้นมาและรู้สึกร้อน เธอต้องการจัดทรงผมใหม่ แม่ของเธอจึงมัดผมเธอขึ้นไป เธอรู้สึกหมดแรงจึงได้นอนลงบนเตียงและหันมายิ้มให้กับสามีของเธอ พวกเขากอดกันอย่างอบอุ่นก่อนที่ทั้งครอบครัวจะพูดกับเธอว่า ไม่เป็นอะไรนะ หนูปล่อยได้แล้ว หลังจากนั้นเธอก็สิ้นลมหายใจ” Dominguez ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งที่ไตครั้งแรกเมื่อเธออายุ 15 ปีท่ามกลางพ่อแม่และญาติๆ ของเธอ เธอสวมชุดกระโปรงสีขาวพร้อมกับดอกไม้สีแดงในพิธีแต่งงานที่จัดขึ้นมาเองเมื่อ 2 วันก่อนวันวาเลนไทน์ เนื่องจากพิธีแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมายนั้นไม่สามารถจัดขึ้นมาได้ Robert Warmath บาทหลวงที่โบสถ์ Del Sol ในเมือง El Paso ได้เป็นผู้จัดงานวิวาห์ให้กับทั้ง Dominguez และ Ordonez…
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ ไรอัน เรย์โนลด์ พาเด็กไปเยี่ยมกองถ่ายหนัง R พี่แกเลยสวนกลับแบบคูลๆ
เมื่อวันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมา ดารานักบู๊สายฮาอย่าง Ryan Reynolds ก็ได้ออกมาโพสต์ภาพที่เขาได้เปิดกองถ่าย Deadpool 2 เพื่อให้เด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งจากมูลนิธิ Make-A-Wish ให้เข้ามาเยี่ยมชม แน่นอนว่าเสียงตอบรับก็ดีมากๆ Make-A-Wish เป็นมูลนิธิไม่แสวงผลกำไร ที่จะคอยหยิบยื่นโอกาสให้กับเด็กๆ ที่ป่วย เพื่อสร้างความหวังให้กับพวกเขา โดยทางองค์กรจะให้เด็กๆ เขียนสิ่งที่ตัวเองอยากทำลงไป จากนั้นทางมูลนิธิก็จะประสานงานและจัดหาลู่ทางให้พวกเขา เขาบอกว่า “Deadpool จัดการมะเร็งได้จนหายได้ แต่เด็กๆ พวกนี้ต้องสู้กับมะเร็งในทุกๆ วัน” เด็กๆ ทุกคนที่มาก็ดูจะมีความสุขกับการเดินชมกองถ่ายมากๆ ตัวเขานั้นก็ดูจะอยากให้กำลังใจเด็กๆ ที่มาเยี่ยมกองถ่ายของเขา ที่สำคัญเด็กๆ ที่มาจะได้ดาบพร้อมลายเซ็นพี่แกไปด้วยนะ สิ่งที่พี่ Ryan ทำนั้นสุดยอดจริงๆ แต่แน่นอนว่าเมื่อเรื่องราวแบบนี้มันถูกโพสต์ลงบนโลกอินเตอร์เน็ต โดยพวกเขาได้บอกไปในทำนองเดียวกันว่า Deadpool 2 นั้นเป็นหนังที่จัดอยู่ในเรท R แล้วทำไมถึงพาเด็กไปที่กองถ่ายหนังดังกล่าว ถ้าใครที่เป็นแฟนตัวยงของ…
-
เพื่อนร่วมงานเต็มใจทำโอที 3,300 ชั่วโมง เพื่อแลกให้คุณพ่อได้ไปดูแลลูกป่วยมะเร็ง
สำหรับวัยทำงาน เราอาจจะต้องเจอกับปัญหาในเรื่องของการลางาน เพราะบางครั้งความจำเป็นของเรามันมีมากกว่าวันลาที่ทางบริษัทกำหนดไว้ให้ จนทำให้เรากังวลว่าอาจจะโดนไล่ออกก็เป็นได้ และนั่นก็คือความคิดเดียวกันกับของคุณพ่อคนนี้ เขามีชื่อว่า Andreas Graff เขาทำงานเป็นลูกจ้างที่บริษัทออกแบบแห่งหนึ่งในรัฐเฮ็สเซิน ประเทศเยอรมนี และวันหนึ่งเขาก็ต้องเจอกับปัญหาในเรื่องของการลา เพราะตัวเองมีความจำเป็นที่จะต้องไปอยู่บ้านเพื่อดูแล Julius ลูกน้อยวัย 3 ขวบ ผู้ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) คุณพ่อ Andreas Graff และลูกชาย Julius เขาบอกด้วยความกังวลใจว่า “ผมเริ่มจากการใช้วันลาพักร้อนจนหมด เพราะผมไม่รู้ว่าจะคาดหวังสิ่งใดได้อีกแล้วในตอนนี้ ผมพยายามคิดว่ามันคือวันหยุดยาว ก่อนที่ผมจะต้องลาออกหรือไม่ก็คงโดนไล่ออก” แต่แทนที่เขาจะโดนไล่ออกหลังจากที่ใช้วันหยุดจนหมด Andreas กลับได้รับการช่วยเหลือที่คาดไม่ถึงจากเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน การช่วยเหลือที่ว่ามานั้น เกิดจากความคิดของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล Pia Meier ที่ยื่นเรื่องขอความร่วมมือจากผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้ช่วยเปิดกองทุนค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานที่ทำงานเกินเวลาหรือที่เรารู้จักกันว่าการทำโอที เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของลูกจ้างที่กำลังลำบากในครั้งนี้ เมื่อข้อเสนอดังกล่าวได้รับการยอมรับ Pia จึงนำกระดาษตารางเวลาไปแปะประกาศเอาไว้ เพื่อให้เพื่อนร่วมงานของ Andreas สามารถเลือกได้ว่าจะมาทำงานแทนเขาได้วันไหนบ้าง ผลตอบรับที่ได้เหนือความคาดหมายอย่างมาก ภายใน 2 สัปดาห์ เพื่อนร่วมงานทั้งหมดกว่า 700 คนมาลงชื่อเอาไว้ อาสาที่จะทำงานแทนคุณพ่อผู้น่าสงสารคนนี้ จนทำให้…
-
สิ่งของภายในบ้านที่คุณอาจไม่เคยรู้ว่ามัน ทำให้คุณมีโอกาส ‘เป็นมะเร็ง’ ได้
“โรคมะเร็ง” เป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับมนุษย์เราตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ฉะนั้นหากคนเราได้ยินว่าอะไรที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งได้ ก็มักจะหลีกเลี่ยงสิ่งก่อมะเร็งเหล่านั้น แต่ถึงจะหลีกเลี่ยงอย่างไรก็ยังหนีไม่พ้นสารก่อมะเร็งอยู่ดี เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยาได้ออกมาบอกว่า “สิ่งของในบ้าน” ของเราเอง ก็ยังแอบซ่อนสารก่อมะเร็งเอาไว้เหมือนกัน แล้วทีนี้จะหลีกเลี่ยงมะเร็งกันได้ยังไงล่ะ? ไม่ต้องกังวลไป เพราะบทความนี้จะมาบอกทุกท่านเองว่าของใช้ในบ้านชนิดใดบ้างที่มีสารก่อมะเร็ง และควรจัดการกับสิ่งของเหล่านั้นด้วยวิธีใด เชิญทุกท่านไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. โซฟา โซฟา ที่นอน และเฟอร์นิเจอร์จำพวกหุ้มเบาะต่างๆ นั้นเต็มไปด้วยสาร TDCIPP เป็นสารที่ใช้หน่วงการติดไฟแต่กลับสามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ แถมสาร TDCIPP ยังถือว่าเป็นหนึ่งใน 10 สารที่พบเห็นบ่อยที่สุดในบ้านอีกด้วย วิธีแก้: ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์หุ้มเบาะของคุณว่าผลิตก่อนหรือหลังปี 2013 เพราะก่อนปี 2013 นั้นมีการใช้สาร TDCIPP บ่อยที่สุด นอกจากนี้ยังควรตรวจสอบป้ายสินค้าหรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าว่ามีการใช้สารหน่วงการติดไฟ TDCIPP นี้หรือไม่ 2. พรมและผ้าม่าน หากคุณสูบบุหรี่ในบ้าน พรมและผ้าม่านจะเป็นสถานที่ที่กักเก็บสาร Cadmium สารก่อมะเร็งที่ออกมาจากควันบุหรี่ มันจะคงอยู่แม้ว่าควันบุหรี่จะหมดไปแล้วก็ตาม สารแคดเมียมที่ติดอยู่ตามพรมและผ่าม่านนั้นจะทำให้ผู้ที่ไม่ได้สูบได้รับผลกระทบทางอ้อมและมีโอกาสเป็นมะเร็งได้ วิธีแก้: เลิกสูบบุหรี่ หรือสูบบุหรี่นอกบ้าน 3.…
-
รู้ตัวเมื่อสาย… สาวแชร์ภาพสุดท้ายบนเตียงพยาบาล ให้ตระหนักถึงเวลาที่เหลือแค่ 4 เดือน
มะเร็งเป็นโรคที่ฆ่าชีวิตคนไทยมากเป็นอันดับ 3 รองจากโรคหัวใจและอุบัติเหตุ เนื่องจากเราไม่สามารถคาดเดาว่าจะเป็นมะเร็งได้เมื่อไหร่ หลายๆ คนที่ดูสุขภาพแข็งแรง กลับเสียชีวิตเพราะเป็นโรคมะเร็งมากมาย สิ่งที่ทำได้มีเพียงแต่หมั่นไปตรวจร่างกายบ่อยๆ และรักษาให้ทันท่วงทีเพียงเท่านั้น ซึ่งก็เหมือนกับเรื่องของ Amy Redhead สาวสุขภาพดี ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่เธอกลับได้รับคำวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ และเธอจะมีชีวิตอยู่ได้ในไม่กี่เดือนที่เหลือเท่านั้น โดยที่เธอตัดสินใจแชร์รูปตัวเอง เพื่อที่จะให้ผู้คนตระหนักถึงเจ้าโรคร้ายนี้ Amy เป็นชาวเมือง West Midlands จากอังกฤษ เธอรู้สึกถึงความเจ็บที่หน้าท้อง จึงได้ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และจบลงด้วยการค้นพบก้อนเนื้อที่ท้อง เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ซึ่งลุกลามไปที่ปอดด้วย ร่างกายมีสภาพที่ย่ำแย่ลงจากก่อนหน้านี้มาก และจะต้องรับการรักษาอยู่ในบ้านพักรับรอง แต่ Amy ไม่ยอมเข้ารับการทำคีโมเพื่อยืดอายุของเธอ เพราะอยากจะใช้ชีวิตจนวันสุดท้ายแบบดังเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และตอนนี้เธอก็ใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อให้ผู้คนได้ตระหนักเกี่ยวกับโรคมะเร็งที่กำลังจะกลืนชีวิตเธอในอีก 4 เดือนข้างหน้า Emily น้องสาวของ Amy กล่าวว่า “Amy เป็นคนหัวแข็ง ไม่แปลกใจเลยที่เธอปฏิเสธการทำคีโม ซึ่งหมอบอกว่าการคีโมทำได้เพียงแค่ยืดอายุของเธอเท่านั้น เธอบอกว่าเธอเหลือเวลาน้อยลงแล้ว เธออยากจะใช้ชีวิตอย่างที่เธอเป็น นั่นแหละคือสิ่งที่เธอเลือก” “พวกเราดีใจที่ได้ฉลองวันเกิดกับเธอ วันคริสมาสต์ วันปีใหม่ และวันเกิดอายุครบ…
-
หนุ่มเมกันโชคดีถูกหวย 31 ล้านบาท แต่ดีใจไม่ทันไร 3 สัปดาห์ต่อมาเขาก็เสียชีวิตลง…
เหตุการณ์ดีๆ นั้นมักจะเกิดขึ้นกับเราไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับเรื่องร้ายที่มันชอบตามมาเหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเรา ดั่งเช่นหนุ่มอเมริกันวัย 51 คนนี้ที่โชคดีไม่ทันไรความซวยก็มาเยือนต่อทันที… Donald Savastano นั้นคือชายผู้โชคดีจากหวยขูด Merry Millionaire มูลค่าเพียง 10 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 314 บาท) แต่เขากลับโชคดีได้รางวัลใหญ่มูลค่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยได้ประมาณ 31 ล้านบาท) เมื่อช่วงต้นเดือนมกราคม 2018 สื่อหลายสำนักก็ให้ความสนใจกับผู้โชคดีคนนี้ โดยพวกเขาได้เดินทางไปสัมภาษณ์ Donald กันยกใหญ่ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน โดยเขาได้บอกว่า เขาเป็นชาวอเมริกาแท้ๆ และอาศัยอยู่ในย่านควีนส์เมืองนิวยอร์ก แต่ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่กับแฟนสาวและลูกอีกสองคนที่เมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในนิวยอร์ก ซึ่งเขาทำงานหลักเป็นช่างไม้ที่นั่น โดยสื่ออย่าง WBNG.com ก็ได้ถามเขาว่า เขามีแผนจะเกษียณไหมหลังจากที่ถูกรางวัลก้อนใหญ่ขนาดนี้ Donald ก็บอกว่า “ผมทำงานเป็นนายตัวเอง ฉะนั้นผมเลยไม่เห็นว่าทำไมผมต้องเกษียณด้วย ส่วนเงินที่ผมได้มานั้นมันก็จะมาช่วยในงานหลักของผม ผมจะเอามันไปซื้อรถบรรทุกและจ่ายหนี้สิน ส่วนที่เหลือก็จะใช้ลงทุนต่อในอนาคต” ฟังดูแล้วเหมือนเส้นทางชีวิตของ Donald กำลังจะไปได้สวยแต่จริงๆ มันกลับไม่เป็นแบบนั้นเพราะว่าเขานั้นกำลังป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย แต่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อนจนกระทั่งเขาป่วยในระยะเวลาต่อมา ซึ่งเป็นเวลา…
-
เสื้อผ้าสุดเจ๋ง ช่วยผู้ป่วยผ่าตัดมะเร็งเต้านมให้แช่น้ำบ่อน้ำร้อนได้เหมือนคนปกติ
ในบ่อน้ำร้อนของญี่ปุ่นไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำร้อนตามธรรมชาติหรือว่าอ่างน้ำร้อนในโรงอาบน้ำ ทุกที่จะมีกฎที่คนญี่ปุ่นรู้กันที่ว่า “ทุกคนที่เขามาอาบน้ำ จะต้องเปลือยทั้งตัว” พวกเขาเชื่อว่าการแช่น้ำทั้งๆ ที่ไม่ถอดชุดจะเป็นการทำให้น้ำไม่บริสุทธิ์ และการแก้ผ้าอาบน้ำนั้นไม่มีอะไรต้องอาย ถึงอย่างนั้นทุกเรื่องก็ต้องมีข้อยกเว้นเหมือนกัน บริษัทสิ่งทอในนะงะโนะ ชื่อ Bright Eyes พบว่าผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมมักจะรู้สึกไม่ดีและขาดความมั่นใจเวลาไปบ่อน้ำร้อน เพราะพวกเขามีบาดแผลขนาดใหญ่ที่หลงเหลือมาจากการผ่าตัด ดังนั้น Hitomi Kato ผู้บริหารสูงสุดของ Bright Eyes ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดมะเร็งเต้านมเช่นกัน จึงได้คิดค้นชุดสำหรับอาบน้ำของสาวๆ ผู้รอดชีวิตจากมะเร็งเต้านมขึ้น และให้ชื่อมันว่า Bath Time Cover (ชุดอาบน้ำปกปิด) เจ้าชุดที่ว่านี้ออกมาวางจำหน่ายสองแบบคือแบบตะขอและแบบสายผูก หน้าตาคล้ายเสื้อชั้นในแบบไหล่ แต่ไม่จำเป็นต้องถอดออกเมื่อเข้าของอาบน้ำหรือบ่อน้ำร้อน เพราะตัวชุดออกแบบมาให้ทำการล้างและถูสบู่ทำความสะอาดร่างกายผ่านเนื้อผ้าได้เลย แถมยังออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อความสะอาดของน้ำในบ่อแช่อีกด้วย โดยที่ความสามารถที่ว่านี้ได้รับการยืนยันจากนักวิจัยจาก Shinshu University ในนะงะโนะและได้รับการรับรองจาก กระทรวงสาธารณสุขของรัฐบาลญี่ปุ่น กระทรวงแรงงานและสวัสดิการ กระทรวงกิจการภายใน การสื่อสารและที่ดิน กระทรวงโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคม อีกด้วย ตัวชุดนั้นออกแบบมาให้แห้งเร็วจนสามารถเช็ดตัวไปด้วยผ้าขนหนูได้เลยโดยไม่ต้องถอดออก อันที่จริงชุดนี้ก็ออกมาขายเป็นเวลานานกว่า 20 ปีแล้วแต่กลับไม่เป็นที่รู้จักในหมู่คนญี่ปุ่นเท่าที่ควร ดังนั้นเหล่าพนักงานของ Bright Eyes จึงออกไปกระจายข่าวของชุดนี้ในนะงะโนะอยู่เสมอๆ บวกกับการที่รัฐบาลออกมาขอความร่วมมือในการอนุญาตปกปิดร่างกายอาบน้ำ ทำให้ในบัจจุบันสามารถใช้ชุดตัวนี้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ แล้ว ข้อความที่ใหญ่ที่สุดแปลว่า “น้ำพุร้อนของ Shinshu…
-
หญิงสาวป่วยมะเร็งวัย 27 ปีเขียนจดหมายล้ำค่า บอกเล่าบทเรียนของชีวิต ก่อนเธอจะจากไป…
ช่วงอายุ 20-30 ปี คงถือได้ว่าเป็นช่วงที่เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรียนหนังสือ เริ่มต้นงานที่ตนเองสนใจ ไต่เต้าตำแหน่งในสายงาน ออกไปท่องเที่ยวและใช้ชีวิต หรือสังสรรค์กับหมู่เพื่อน ซึ่งในวัยนี้เราจะทำอะไรก็ได้ที่ใจนึกเพราะคิดว่ายังมีเวลาอีกมากในชีวิต แต่แท้จริงแล้ว การที่เราอายุยังน้อย ไม่ได้หมายความว่าเรายังเหลือเวลาในชีวิตอีกมาก มีคนหลายคนที่ต้องจากโลกนี้ไปทั้งที่อายุยังน้อยอยู่ Holly Butcher เองก็เป็นคนหนึ่งในนั้นเช่นกัน เธอจึงอยากบอกให้ทุกคนใช้ชีวิตให้คุ้มค่าไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไรก็ตาม Holly Butcher Butcher เป็นหญิงสาวที่อาศัยอยู่ในเมืองกราฟตัน รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย เธอป่วยเป็นโรค Ewing’s sacroma ซึ่งเป็นมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่งที่มักพบในคนอายุน้อย เมื่อต้นปีที่ผ่านมานี้ เธอก็เสียชีวิตไปด้วยวัยเพียง 27 ปีเท่านั้น ก่อนหน้าที่เธอจะเสียชีวิต เธอใช้เวลาหลายเดือนเพื่อนั่งทบทวนสิ่งต่างๆ ในชีวิต และเตรียมพร้อมรับความตายที่กำลังจะมาถึง ในวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา เธอจึงได้เขียนบทเรียนในชีวิตที่เธอได้เรียนรู็ โพสต์ลงในเฟสบุ๊กของเธอ เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้หลายๆ คนได้นำไปปรับใช้กับชีวิตของตน จะได้มองเห็นคุณค่าของสิ่งต่างๆ ในชีวิตมากขึ้น โดยมีใจความบางส่วนดังนี้ “ฉันอยากให้ทุกคนหยุดกังวลกับเรื่องยิบย่อยในชีวิต และคิดให้ได้ว่าเราทุกคนล้วนมีจุดจบเหมือนกันหมด ทุกคนจะได้ใช้เวลาทุกวินาทีอย่างมีค่า ถ้ามองข้ามเรื่องแย่ๆ ในชีวิตไป” “ในเวลาที่คุณชอบบ่นถึงเรื่องเล็กๆ…
-
หญิงแกร่งผู้อุทิศตนใช้เวลาร่วม 20 ปี รับเด็กที่ถูกทิ้งมาเลี้ยง แต่โชคชะตากลับตอบแทนด้วยโรคมะเร็ง
ว่ากันว่าชีวิตจริงของคนเรานั้นมันยิ่งกว่าละครซะอีก ทุกเรื่องราวทุกบททดสอบที่ต้องประสบพบเจออาจจะทำให้เรารู้สึกท้อแท้และเหนืิ่อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเราก็ต้องผ่านสิ่งเหล่านี้ไปด้วยดีและมันจะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นเพื่อใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อไป ชีวิตของนาง Li Lijuan อดีตเศรษฐินีอายุ 43 ปี ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละครของเธอ เรื่องราวเริ่มต้นมาจาก เธอเป็นนักธุรกิจหญิงไฟแรงที่อาศัยอยู่ที่มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เธอต่อสู้ชีวิต ตรากตรำทำงานหนักโดยเริ่มจากการค้าขายสินค้าหลากหลายชนิดตั้งแต่เสื้อผ้ายันแผ่นดีวีดี เธอแต่งงานตั้งแต่อายุ 17 ปี และค่อยๆ ตั้งตัวได้จนกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากๆ เมื่อตอนอายุ 20 ปี แต่ชีวิตของเธอก็ต้องมาประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งใหญ่ที่ทำให้เธอต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน แต่ความบาดเจ็บทางร่างกายของเธอมันเทียบไม่ได้เลยกับความชอกช้ำทางจิตใจเมื่อเธอได้รู้ข่าวหลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลว่า สามีของเธอขายลูกชายแท้ๆ ของทั้งคู่เพื่อแลกเงินมาซื้อยาเสพติด เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ลูกชายได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง ยอมแม้กระทั่งจ่ายเงินจำนวนประมาณ 40,000 บาท เพื่อซื้อลูกกลับมา และตัดสินใจหย่าขาดกับสามีทันที ช่วงชีวิตของเธอหลังจากที่ผ่านเรื่องราวร้ายๆ มา แทนที่จะสิ้นหวังกับความล้มเหลว เธอยืดอกลุกขึ้นสู้ด้วยพลังบวกในตัว เธอก็ได้เริ่มลงทุนทำธุรกิจใหม่ๆ แต่แล้ววันหนึ่งเธอได้ไปพบกับเด็กหญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ริมถนนเพื่อขออาหารจากผู้คนที่ผ่านไปมาแถวนั้น เธอรู้สึกสงสารเจ้าหนูจับใจจึงได้รับเด็กหญิงมาเลี้ยง และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่เธอรับเอาเด็กยากไร้มาเลี้ยงภายในบ้านที่ชื่อว่า บ้านแห่งความเมตตา แต่ในปี 2008 เคราะห์กรรมของเธอก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อความพยายามอย่างหนักในการดูแลเด็กๆ เริ่มส่งผลร้ายให้กับร่างกายของเธอ เธอจำยอมต้องปิดเหมืองของตนเองลง และยังพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและส่งผลให้เซลล์คุ้มกันบกพร่องไปด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะต้องประสบกับโรคร้ายและภาวะทางการเงินที่ติดลบจนต้องขายบ้านเพื่อรักษาตัวแต่หนทางของเธอก็ยังคงมืดมน…
-
หนุ่มแสดงความรักมั่น ขอสาวผู้ป่วยมะเร็งเต้านมแต่งงานในโรงพยาบาล ก่อนเธอเสียชีวิต
โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายชนิดหนึ่ง ผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งจะมีการแบ่งเซลล์ผิดปกติ จนเกิดเป็นเนื้องอกร้ายในร่างกาย และอาจลุกลามไปยังส่วนต่างๆ จึงถือว่าเป็นโรคที่น่ากลัวที่สุดโรคหนึ่ง ที่พรากชีวิตคนจำนวนไม่น้อยไปจากโลกใบนี้ หากป่วยเป็นมะเร็งระยะร้ายแรงแล้ว ผู้ป่วยมักจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานนัก แต่ถ้าได้รับกำลังใจที่ดีพอ อาจจะเป็นแรงผลักดันให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดได้นานราวกับปาฏิหาริย์ก็ได้ เจ้าบ่าวและเจ้าสาวคู่นี้ อาจจะเป็นตัวอย่างที่ดีของเหตุการณ์ดังกล่าว David และ Heather Mosher เจ้าสาว Heather Mosher ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมชนิดทริปเปิ้ลเนกาทีฟ แต่เธอมีชีวิตรอดได้ยาวนานกว่าที่หมอคาดการณ์ไว้ เนื่องจากเธอได้รับกำลังใจอันล้นหลามจากคนรัก David Mosher ทั้งคู่พบกันในชั้นเรียนสวิงแดนซ์เมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 หลังจากนั้นทั้งสองก็หลงรักกันหัวปักหัวปำ กลายเป็นคู่รักที่ตัวติดกันตลอดเวลาเลยทีเดียว ดังที่ David เล่าว่า “หลังจากเราพบกันแล้ว ก็เหมือนว่าเราแยกจากกันไม่ได้เลย” แต่เรื่องราวรักหวานชื่นของทั้งคู่ก็ดำเนินมาได้ไม่นาน เพราะเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2016 แพทย์ก็ได้แจ้งข่าวร้ายกับพวกเขาว่า แฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านม ถึงแม้จะรู้ว่าแฟนสาวป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดจะปล่อยให้เธอต่อสู้กับโรคนี้เพียงลำพัง เขาตัดสินใจขอหมั้นเธอในวันเดียวกันที่เธอรู้ข่าวว่าเป็นมะเร็งเลย เขาเล่าว่า “เธอไม่รู้มาก่อนว่าผมจะขอหมั้นคืนนั้น แต่ผมอยากให้เธอรู้ว่า เธอจะไม่ต้องต่อสู้กับโรคนี้คนเดียว” จากนั้นเขาจึงขอเธอแต่งงานอย่างโรแมนติกบนรถม้าดังที่ชายหนุ่มเล่าว่า “ผมจัดเตรียมรถม้าไว้สำหรับเราสองคนแล้ว ในคืนนั้นระหว่างที่เรากำลังนั่งรถม้าไปในถนนที่มีเพียงแสงไฟ ผมก็ขอเธอหมั้นทันทีเลย” ทว่าข่าวร้ายเรื่องโรคมะเร็งเต้านมยังไม่จบสิ้น ห้าวันหลังจากเขาขอเธอหมั้นแล้ว…
-
คุณพ่อปฏิเสธการช่วยปลูกถ่าย ‘ไขกระดูก’ ให้ลูกสาวผู้ป่วยเป็นมะเร็ง แม้เขาคือความหวังสุดท้าย…
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2017 สำนักข่าว Daily Mail ได้รายงานเกี่ยวกับหญิงสาวชาวจีนผู้ป่วยเป็นลูคีเมียและจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ความหวังสุดท้ายของเธอคือการปลูกถ่ายไขกระดูกจากพ่อแท้ๆ ของเธอ แต่ทว่าพ่อของเธอกลับทำให้ความหวังนั้นต้องพังลงไป นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับสาวมหาลัยวัย 18 ปีที่ชื่อว่า Xinxin เธอถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นลูคีเมียเมื่อสามเดือนก่อน ทำให้เธอต้องรับยาเคมีบำบัดและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล Henan People’s Hospital เมืองเจิ้งโจว ประเทศจีน Xinxin เด็กสาวผู้ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว นายแพทย์ Bai Yanliang บอกว่า เธอมีอาการที่หาได้ยากมาก มีการเติบโตของเนื้องอกและเซลล์เม็ดเลือดที่ผิดปกติอยู่ในบริเวณไขกระดูกของเธอ หมอบอกว่า “การรักษาที่ดีที่สุดสำหรับเธอในตอนนี้ คือการปลูกถ่ายไขกระดูกของคนในครอบครัว” แต่เนื่องจากว่าแม่เธอป่วยเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ส่วนน้องชายก็มีน้ำหนักน้อยจนเกินไป ทำให้ทั้งสองไม่สามารถปลูกถ่ายให้เด็กสาวได้ และความหวังสุดท้ายก็ตกไปอยู่กับพ่อแท้ๆ ที่หย่าร้างกันไป ด้วยเหตุนั้นจึงทำให้ Zhang ผู้เป็นพ่อบุญธรรม ออกตามหาพ่อแท้ๆ ของเธอที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของมณฑลซานซี และเมื่อได้พบกันพ่อในสายเลือดก็ตบปากรับคำว่าจะช่วยเหลือลูกสาวของตัวเอง พ่อแท้ๆ เดินทางมารับการทดสอบความเข้ากันของไขกระดูก พบว่ามีความเข้ากันมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว Zhang…
-
นางแบบโพสต์ภาพออกงานอีกครั้ง หลังจากที่สูญเสียความเป็นตัวเองให้กับมะเร็ง
Osteosarcoma (ออสทีโอซาร์โคมา) เป็นมะเร็งของกระดูกชนิดร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ยาก ตำแหน่งเกิดมักจะอยู่ที่ช่วงต่อปลายกระดูก แต่พบบ่อยที่ปลายล่างของกระดูกต้นขาใกล้ข้อเข่า และปลายบนของกระดูกต้นแขน อีกทั้งส่วนของขากรรไกรล่างอีกด้วย โดยหากเป็นมะเร็งที่ส่วนขากรรไกรล่างนั้น จะเป็นจุดที่เห็นอาการบวมได้ชัดและเจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าบริเวณอื่นๆ ซึ่งความโชคร้ายของมะเร็งที่ขากรรไกรล่างนี้ตกเป็นของ Elizaveta Bulokhova เธอพบอาการบวมที่ขากรรไกรในเดือนพฤษภาคม ปี 2014 ขณะเดินทางไปเที่ยวกับแฟนหนุ่ม Roman Troubetskoi ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนจนถึงเดือนกรกฎาคม เธอก็รู้สึกเจ็บปวดเกินกว่าจะทนรับได้และรู้ว่านี่มันเป็นมากกว่าอาการปวดฟัน หลังจากได้รับการตรวจชิ้นเนื้อและการสแกน CT แล้ว ก็พบว่าสาวอายุ 24 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค Osteosarcoma และข่าวร้ายมากกว่านั้นคือเธอต้องมีชีวิตอยู่โดยการตัดขากรรไกรออก… มันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจยอมรับ เพราะ Bulokhova เธอทำงานเป็นนางแบบมาเป็นเวลากว่า 7 ปี ที่เดินรันเวย์ไปทั่วโลก งานแฟชั่นคือชีวิตของเธอ มันทำให้เธอยังยืนอยู่ได้และมันทำให้เธอได้ท่องเที่ยวไปทั่วโลก แต่ที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือหลังจากการผ่าตัดเธอจำเป็นที่จะต้องทำแท้งลูกในท้อง เนื่องจากจะต้องบำบัดด้วยเคมีถึง 5 รอบ ซึ่งเด็กในท้องนั้นก็คือลูกชายคนแรกของเธอ “ลูกของฉันเขาชอบที่จะดิ้นไปมา ฉันชอบที่จะคุยกับเขาบ่อยๆ ในขณะที่เขาอยู่ในครรภ์ของฉัน” “ฉันบอกให้ลูกชายของฉันหยุดเคลื่อนไหว เพราะฉันไม่สามารถที่จะรักษาเขาไว้ได้ และเขาก็ทำอย่างนั้นทันที ลูกชายของฉันหยุดนิ่ง เหมือนเข้าใจที่ฉันพูด” แพทย์ที่มหาวิทยาลัย…
-
4 ลักษณะอาการที่บ่งบอกว่า คุณมีความเสี่ยงเป็นโรค “มะเร็งรังไข่” ผู้หญิงทุกคนควรรู้เอาไว้!!
โรคมะเร็งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้มนุษย์ทั่วโลกเสียชีวิต เหล่านักวิทยาศาสตร์และแพทย์ทั่วโลกต่างก็ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเพื่อที่จะหาวิธีต่อสู้กับโรคมะเร็งเหล่านี้ แต่ดูเหมือนว่าเรายังห่างไกลจากจุดนั้นพอสมควร สาเหตุของมะเร็ง ปัจจุบันยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเซลล์มะเร็งเกิดจากอะไร เนื่องจากมะเร็งนั้นสามารถเป็นได้ทุกส่วนของร่างกายไม่ว่าจะเป็นสมอง ปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ หรือในระบบสืบพันธุ์ของทั้งชายและหญิง โรคมะเร็งจะไม่แสดงอาการจนกว่าร่างกายจะสู้ไม่ไหวจริงๆ ซึ่งกว่าที่ผู้ป่วยจะรู้ตัวว่าเป็นโรคมะเร็งก็อาจจะเข้าสู่ขั้นที่รักษายากแล้ว มะเร็งรังไข่ ภัยเงียบของผู้หญิง มะเร็งรังไข่เป็นอีกหนึ่งโรคที่สามารถพบได้เป็นอันดับสองของผู้หญิง เกิดจากที่เซลล์มะเร็งได้เข้าไปเจริญเติบโตในรังไข่ที่ทำหน้าที่ในการผลิตฮอร์โมนเพศหญิง มะเร็งรังไข่มีอยู่ 3 ประเภทคือ 1.มะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ เกิดจากเซลล์เยื่อบุผิวรังไข่ สามารถพบได้ในหญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไป 2.มะเร็งเซลล์ผลิตไข่ เกิดขึ้นจากเซลล์ที่ผลิตไข่ สามารถพบได้ในเด็กและวัยรุ่น 3.มะเร็งเนื้อรังไข่ เกิดขึ้นจากเซลล์เนื้อเยื่อที่ผลิตฮอร์โมนเพศหญิง แต่พบได้น้อยมากเพียงแค่ 5 % ปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งรังไข่ กลุ่มบุคคลที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งรังไข่นั่นก็คือ ผู้หญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือมีประวัติการเป็นมะเร็งเต้านม หรือคนในครอบครัวเคยเป็นมะเร็งรังไข่ 4 อาการเสี่ยงที่ส่งสัญญาณว่าคุณผู้หญิงอาจจะเป็นโรคมะเร็งรังไข่ 1. มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อนานกว่า 3 สัปดาห์ 2. ปวดท้อง ปวดสะโพกหลังหมดประจำเดือนหรือปวดท้องมากๆ ขณะที่มีประจำเดือน 3. ทานอาหารน้อยลงในช่วง 3…
-
สาวเป็นโรคผมร่วง กล้ายอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น จนได้รับการเซ็นสัญญานางแบบ
คุณอาจจะใส่วิกผมเพราะต้องการความสวยงาม หรือเปลี่ยนลุคเปลี่ยนสไตล์ใหม่ๆ ให้ดูแตกต่างไปจากเดิม แต่สำหรับ Therese Hansson สาววัย 26 จากเมืองมัลโม่ ประเทศสวีเดน คนนี้ เธอกลับสวมวิกเพื่อปกปิดความอาย และไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นคนหัวล้าน จะมีก็แต่ครอบครัวและเพื่อนสนิทของเธอเท่านั้นที่รับรู้เรื่องนี้ และเรื่องราวของ Therese ได้ถูกนำมาเปิดเผยผ่านทางสำนักข่าวต่างประเทศในวันที่ 3 ธันวาคม 2560 โดยระบุว่า ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน เมื่อครั้งที่ Therese อายุได้เพียง 14 ปี เธอได้สังเกตเห็นว่าเส้นผมของเธอร่วงหล่นเป็นจำนวนมากขณะที่กำลังยืนหวีผมอยู่หน้ากระจก และเมื่อลองมัดผมหางม้า เธอก็พบว่า เส้นผมบริเวณหน้าผากได้หายไปกระจุกหนึ่ง “ในตอนนั้นฉันกำลังเป็นเด็กอยู่ และรู้สึกเป็นกังวลอย่างมากว่าตัวเองจะเป็นโรคมะเร็ง เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่าผู้ป่วยมะเร็งจะมีอาการผมร่วงอย่างหนัก และสูญเสียเส้นผมไปหลังจากที่ได้รับการรักษาด้วยการทำเคมีบำบัด… มีแค่ครอบครัวของฉันเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และหลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไป 1 ปี เส้นผมของฉันก็เริ่มหายไปทีละน้อย ซึ่งมันทำให้ฉันได้ตัดสินใจที่จะเริ่มบอกเพื่อนสนิทถึงอาการผมร่วงของฉัน” Therese กล่าว นอกจากนี้ Therese ยังได้เผยอีกว่า อาการผมร่วงที่ทำให้เธอกลายเป็นคนหัวล้านแบบนี้ มันทำให้เธอต้องปกปิดเป็นความลับเอาไว้โดยที่ไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด…
-
หญิงสาวต่อสู้กับโรคมะเร็งร้าย ได้รับกำลังใจรวมทั้งความช่วยเหลือจาก ‘เมียใหม่ของผัวเก่า’
ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้วสิ่งหนึ่งที่พวกเขาต้องการก็คือกำลังใจเพราะว่าหากใจไม่สู้แล้วร่างกายก็คงจะแย่ตามไปด้วย ซึ่งกำลังใจสามารถหาได้จากคนในครอบครัวหรืออาจจะเป็นเพื่อนๆ คนสนิทแต่คงไม่มีใครเหมือนเธอคนนี้ที่ป่วยเป็นมะเร็งแต่ได้กำลังใจรวมทั้งความช่วยเหลือบางส่วนจากภรรยาใหม่ของสามีเก่าของเธอเอง Nicola Hitchen คุณแม่ลูกสองจากเมือง Chester สหราชอาณาจักรได้ป่วยด้วยโรคบางอย่างในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาและต่อมาเธอก็ได้รับการการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งมดลูกขั้นที่ 2 เหมือนว่าข่าวร้ายนั้นได้บั่นทอนกำลังใจของเธอเป็นอย่างมากในระยะเวลาเพียง 7 สัปดาห์หลังจากที่ต้องเข้ารับการดูแลอย่างใกล้ชิด มะเร็งก็ลุมลามไปไวจนถึงขั้นที่ 4 นั่นคือจุดที่หมอที่รักษาบอกกับ Niki ว่าเธอไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้อีกแล้ว เพราะว่ามะเร็งลุกลามอย่างรวดเร็ว และเธออาจมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อีกแค่สองหรือสามเดือนเท่านั้น แต่ว่าคุณแม่ลูกสองนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม เธอได้ออกเดินทางไปยัง Northumberland และยังเดินทางไปที่ Istanbul ประเทศตุรกรีเพื่อหาวิธีที่จะรักษามะเร็งนี้ หลักจากที่ใช้เงินไปกว่า £80,000 (ประมาณ 3 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการรักษามะเร็งขั้น 4 นี้ โดยเนื้อร้ายที่มดลูกของเธอก็เกือบจะหายไปทั้งหมด ถึงแม้ว่าการรักษาของเธอจะเป็นไปด้วยดี แต่ว่าการเดินทางไปตุรกีแต่ละครั้งต้องใช้เงินมากกว่า 10,000 ปอนด์ (เกือบ 4 แสนบาท) นั่นทำให้เธอสูญเสียเงินทั้งหมดที่มีไป และปัญหาเรื่องเงินนี้ก็ทำให้เธอไม่สามารถเข้ารับการรักษานี้ได้อีก แต่ก็มีใครคนหนึ่งที่เธอไม่เคยนึกถึงยื่นมือเข้ามาช่วย โดยคนๆ นั้นคือ ภรรยาใหม่ของสามีเก่าเธอที่มีชื่อว่า Clare Hitchen Clare ได้จัดตั้งแคมเปญเพื่อช่วยระดมทุนในการหาเงินมารักษาโรคมะเร็งให้แก่…
-
หญิงน้ำใจงามก่อตั้ง “Cleaning for a Reason” คุณรักษามะเร็งไป เราดูแลบ้านให้อย่างดี!!
ผู้ป่วยมะเร็งส่วนใหญ่มักจะไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิต เพราะนอกจากต้องทำเคมีบำบัดและฉายรังสีเป็นประจำแล้ว พวกเขายังต้องทำงานในชีวิตประจำวันด้วย โดยเฉพาะผู้ป่วยหญิงที่ต้องห่วงเรื่องงานบ้าน ด้วยเหตุนี้ Debbie Sardone จึงได้ก่อตั้ง Cleaning for a Reason องค์กรไม่แสวงหากำไร เพื่อทำความสะอาดบ้านฟรีให้กับผู้หญิงที่กำลังต่อสู่กับโรคมะเร็ง เดิมทีนั้น Sardone มีธุรกิจทำความสะอาดอยู่แล้ว กระทั่งวันหนึ่งมีผู้ป่วยมะเร็งคนหนึ่งโทรมาเรียกใช้บริการจาก Sardone แต่เมื่อสอบถามค่าบริการแล้ว เธอบอกว่ามีเงินไม่พอและจะโทรหาอีกครั้งเมื่อมีเงินพอ เมื่อได้ยินดังนั้น Sardone จึงได้รวมทีมงานส่วนหนึ่งแล้วไปที่บ้านของผู้ป่วยคนนั้น และช่วยกันทำความสะอาดบ้านอย่างดี โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว ประสบการณ์ในครั้งนั้น ทำให้หญิงสาวเกิดแรงบันดาลใจในการต่อตั้งมูลนิธิเพื่อทำความสะอาดบ้านให้ผู้ป่วยมะเร็งฟรี และเธอก็คิดถึงผู้ป่วยคนนั้นมาตลอด หลายปีต่อมา Sardone ได้พูดถึงเรื่องดังกล่าวในที่ชุมของผู้เชี่ยวชาญด้านการทำความสะอาด สร้างความสนใจให้ผู้คนเป็นจำนวนมาก และหลายคนอยากร่วมทำงานกับเธอ ในที่สุดเธอจึงได้ก่อตั้ง Cleaning for a Reason ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ไม่แสวงหาผลกำไร เพื่อทำความสะอาดบ้านฟรีให้กับผู้ป่วยมะเร็งหญิง มีทั้งบริษัทใหญ่ เล็ก และบุคคลทั่วไปที่อยากทำงานร่วมกับเธอ เพราะทุกคนคิดเหมือนกันว่าผู้ป่วยมะเร็งเจ็บปวดจากการรักษาแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่ควรต้องมาห่วงเรื่องงานบ้านอีก ปัจจุบัน Cleaning for a Reason ครอบรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เธอได้ทำความสะอาดบ้านฟรีให้ผู้ป่วยมะเร็งมากกว่า 19,000 คนแล้ว คิดเป็นมูลค่า 182…
-
จดหมายสุดซึ้งจากแม่ถึงลูกสาว สั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เธอจะจากไปด้วยโรคมะเร็ง…
ความสูญเสียเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะพบเจอแต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นธรรมชาติของโลกใบนี้ที่จะต้องมีการจากลาเสมอ แน่นอนว่าการจากลาย่อมเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ในความเศร้านั้น ก็ยังมีเรื่องดีๆ ซ่อนอยู่ เรื่องราวสุดซึ้งนี้ได้รับการเปิดเผยในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมาจาก Hannah Summers หญิงสาวในรัฐ Indiana ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเธอได้บอกว่าแม่ของเธอ Peggy ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งที่ไตขั้นที่ 4 เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา นี่คือรูปถ่ายของเธอกับแม่ในช่วงที่ป่วย Hannah ได้บอกว่าแม่ของเธอเป็นเหมือนเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกและดูเหมือนว่าแม่ของเธอรู้ว่าตัวเองจะต้องเสียชีวิตเธอจึงทิ้งจดหมายไว้ให้ลูกๆ ของเธอ โดยในจดหมายที่ Peggy ทิ้งไว้ให้นั้นเต็มไปด้วยข้อความที่แสดงถึงความรักที่มากล้นที่เธอมีต่อ Hannah รวมถึงคำแนะนำในการใช้ชีวิตต่างๆ จดหมายฉบับสุดท้ายจากแม่ถึงลูกสาว “ถึง Hannah ลูกรัก ถ้าลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้แสดงว่าการผ่าตัดเป็นไปไม่ดีนัก แม่ต้องขอโทษลูกด้วย แม่ได้พยายามจะทำให้ดีที่สุดแล้วที่จะเอาชนะโรคร้ายนี้ แต่แม่เดาว่าพระเจ้าคงต้องมีสิ่งอื่นที่อยากจะให้แม่ทำมากกว่า จงตั้งสติให้ดี สิ่งร้ายๆ มักเกิดขึ้นในชีวิตซึ่งเราต้องเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันไม่ว่ามันจะทำให้เราเจ็บปวดสักเท่าไหร่” “แม่อยากให้ลูกมีความสุขและใช้สิ่งที่พระเจ้าได้ให้ไว้กับลูก ในอนาคตลูกจะต้องเป็นพยาบาลที่แสนวิเศษเหมือนกับที่ลูกเป็นลูกที่แสนวิเศษสำหรับแม่ พยายามตั้งใจเรียนเข้าไว้และไม่ต้องกังวลเรื่องงานมากนัก” “จงใช้ความอดทนกับพ่อของลูกเพราะนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ยากสำหรับเขาและเขาอาจต้องการเวลาที่เยียวยาสักหน่อย ลูกและพ่อของลูกต้องต้องหัดพึ่งพาคนอื่นบ้างรวมถึงพูดคุยกันให้เยอะขึ้น ซึ่งมันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ทั้งสองคนถนัดนักแต่จงพยายายามและอย่ายอมแพ้ จำเอาไว้ว่าลูกมีผู้คนมากมายที่รักลูกอยู่ฉะนั้นลูกควรไปพูดคุยกับพวกเขาให้บ่อยขึ้น” “ใช้สัญชาตญาณของลูกในการทำสิ่งต่างๆ เช่นอย่าไปไหนคนเดียวและอย่าลืมที่จะเอาชุดปฐมพยาบาลไว้ในรถของลูกในช่วงฤดูหนาว พยายามห่างจากปาร์ตี้เข้าไว้ เพราะส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีเรื่องดี พวกหนุ่มๆ ก็เหมือนกัน พวกเขาอาจไม่ได้เลวร้ายทั้งหมด…
-
คุณรู้รึยัง.. งานวิจัยเผยว่า ชายหนุ่ม “จู๋คด” จะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งสูงกว่าคนทั่วไป
ผู้ชายหลายๆ คนอาจไม่ค่อยใส่ใจเรื่องขนาดหรือรูปร่างของอวัยวะเพศ แต่รู้มั้ยว่ารูปร่างของอวัยวะเพศเนี่ยสามารถบอกโรคได้นะ… จากการศึกษาใหม่ล่าสุดค้นพบว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศคดงอ มีความเสี่ยงมากที่จะเป็นโรคมะเร็งชนิดต่างๆ โดยมีโอกาสเป็นมะเร็งเร็งอัณฑะ 40% มะเร็งผิวหนัง 29% และมะเร็งกระเพาะอาหาร 40% โรคดังกล่าวนี้มีชื่อเรียกว่า โรคอวัยวะเพศชายโค้งงอ (Peyronie’s disease) ซึ่งคาดว่าผู้ชายน่าจะมีโอกาสเป็นได้ถึง 7% เลยทีเดียว ผลการวิจัยดังกล่าวถูกนำเสนอใน American Society for Reproductive Medicine หลังจากที่วิทยาลัย Baylor College ในฮิวสตัน รัฐเท็กซัส ได้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ป่วยมากกว่า 1.5 ล้านคน ทีมงานที่อยู่เบื้องหลังการวิจัยกล่าวว่าผู้ชายที่มีอวัยวะเพศโค้งงอ ควรได้รับการตรวจสอบอย่างใกล้ชิด ในขณะที่อังกฤษได้เพิ่มเติมว่าควรมีการตรวจคัดกรองเป็นประจำ เพื่อที่จะได้พบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นและทำการรักษาอย่างทันท่วงที ทางด้าน Alexander Pastuszak ผู้นำการวิจัยบอกว่า “เราได้วิเคราะห์พันธุกรรมของพ่อลูกคู่หนึ่งที่เป็นโรคอวัยวะเพศชายโค้งงอเหมือนกันพบว่าพวกเขามีชุดของยีนที่เหมือนกัน และอาจนำไปสู่มะเร็งในระบบทางเดินปัสสาวะได้” Pastuszak ยังบอกอีกว่า “โรคนี้มีลักษณะคล้ายกับโรค Dupuytren ซึ่งเป็นภาวะที่นิ้วมือ 1 นิ้วหรือมากกว่านั้นงออย่างถาวร นอกจากนี้มันยังมีความเกี่ยวข้องกับโรคพังผืดที่ฝ่าเท้าด้วย” สำหรับโรคอวัยวะเพศชายโค้งงอนี้ ผู้ชายมีโอกาสเป็นตั้งแต่ 3.7-7.1 เปอร์เซนต์ แต่อาจมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งมากกว่านี้หากผู้ป่วยไม่ยอมบอกความจริงกับแพทย์ เนื่องจากเรื่องนี้ค่อนข้างสร้างความอับอายให้กับผู้ชายพอสมควร ในขณะที่โฆษกของสถาบันวิจัย Cancer…
-
คุณแม่สุดแกร่งเผยภาพความเจ็บปวดในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง เพื่อความหวังในการมีชีวิต
โรคร้ายที่ยากต่อการรักษามักจะเป็นปัจจัยพรากความหวังไปจากผู้คน ทำให้คนที่เข้มแข็งกลายเป็นคนอ่อนแอ ทำให้คนมั่นใจกลายเป็นคนขี้กลัว จนแทบไม่อยากทำอะไรกับชีวิตที่เหลือ ตรงข้ามกับหญิงสาวคนนี้ ที่แม้ต้องเผชิญกับมะเร็งที่สร้างแต่ความเจ็บปวดให้ แต่เธอกลับถ่ายทอดเรื่องราวการต่อสู้กับโรคมะเร็ง เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ Ruth Naylor วัย 32 ปี เป็นคุณแม่ลูกสอง ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง Hodgkin ซึ่งเป็นมะเร็งที่เกี่ยวกับระบบน้ำเหลือง เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ก่อนจะไปเป็นมะเร็ง Naylor มีอาการเหมือนไข้หวัด เธอจึงไปหาหมอ และเมื่อเอ็กซ์เรย์ก็พบสิ่งที่ดูเหมือนก้อนเนื้ออยู่ที่ปอดข้างขวา และผลเลือดก็ผิดปกติ ซึ่งคุณหมอคาดเดาว่าน่าจะเป็นมะเร็ง จึงได้นัดมาทำ CT สแกนอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น เธอบอกว่า “นั่นคือตอนที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันสำหรับฉัน โลกทั้งใบของฉันเหมือนจะหยุดหมุนในทันที” Naylor กำลังต่อสู่กับความเจ็บปวด ขณะทำเคมีบำบัด ข่าวร้ายในครั้งนี้ ทำให้ Naylor หวนคิดถึงคุณแม่ที่จากไปด้วยมะเร็งตอนอายุ 47 ปี ส่วนเธอตอนนั้นอายุ 21 ปี ดังนั้นเธอจึงคิดถึงลูกๆ ว่าพวกเขาจะรับมือไหวได้อย่างไรถ้าไม่มีแม่ เพราะพวกเขายังเด็กมาก พอวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เข้ารับการตรวจด้วย CT สแกน หมอก็พบเนื้องอกอยู่ระหว่างปอดและหัวใจ เธอรู้สึกความมันคือความจริงที่ไม่สามารถเปลี่ยนได้ ลูกๆ ของเธอ Eva วัย…
-
คุณแม่ลูกสองกำลังจะลาโลกไปด้วยโรคมะเร็ง แต่สุดท้ายก็ได้ยูนิคอร์นมาช่วยเยียวยาจิตใจ
Sammi Fox คุณแม่ลูกสองวัย 29 ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่ก่อนจะจากไปเธอก็อยากจะบอกลาลูกน้อยของเธอด้วยตัวเอง ทว่ามันก็เป็นการยากเพราะลูกของเธอนั้นป่วยเป็นดาวน์ซินโดรม เธอได้บอกเล่าเรื่องราวผ่านเฟซบุ๊กของเธอก่อนจากไปว่า อาการของเธอลุกลามไปไวสุดๆ และเธอก็รักลูกๆ ทั้งสอง Bobby วัย 5 ขวบ กับ Kai วัย 13 ขวบ มากขนาดไหน… ข้อความของเธอได้ไปโดนใจกับ Lisa Walker คุณแม่ลูกสองวัย 41 ปี เข้า ทำให้เธอรู้สึกเห็นใจและอยากจะช่วย Sammi เธอจึงเดินทางตรงมายังโรงพยาบาลที่คุณแม่วัย 29 อยู่ทันทีพร้อมกับสัตว์ในตำนานที่ไม่มีใครคิดว่าจะเจอ สัตว์ที่ว่านั้นคือม้าแคระที่แต่งตัวเป็นยูนิคอร์นนั่นเอง ซึ่ง Lisa นั้นทำไงานอยู่ที่ Mini Pony Hire เป็นบริษัทที่ให้เช่าม้าแคระ หลังจากได้อ่านเรื่องราวของ Sammi และรู้ว่าเธอชอบยูนิคอร์นมากแค่ไหน เธอจึงพาม้าแคระจากบริษัทของเธอมาเพื่อให้กำลังใจเธอนั่นเอง . Lisa บอกว่าตอนที่เธอเห็นข้อความของ Sammi บนหน้าเฟซบุ๊กของเธอ เธอก็สะเทือนใจเป็นอย่างมากจนรู้สึกว่าต้องมาช่วยให้ได้ และวินาทีที่ Sammi เห็นเจ้ายูนิคอร์นเธอก็ดูมีความสุขมากๆ ฉะนั้นมันจึงคุ้มค่าแล้วที่เดินทางมาแม้จะเป็นคนแปลกหน้ากันก็ตาม และหลังจากเหตุการณ์นั้นจึงทำให้ Sammi มีกำลังใจที่มากขึ้นพร้อมกับต่อสู้โรคร้ายได้ดีขึ้น…
-
แม้มะเร็งจะพรากเส้นผมของเธอไป แต่ก็ได้ “เจ้าเหมียว” มาเป็นผมทรงใหม่ที่อบอุ่นเหลือเกิน
หลังจากที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งเต้านม หญิงสาวท่านนี้ก็เริ่มที่จะมองหาสิ่งที่จะช่วยดูแลสภาพจิตใจของเธอหลังจากเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด และในที่สุดเธอก็ได้มาพบกับเจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ พบกับเรื่องราวอันน่าประทับใจของผู้ใช้งานเว็บไซต์ imgur คุณ MyKittentotoro และเจ้า Totoro เหมียวน้อยเพื่อนซี้ของเธอ ก่อนที่ทั้งสองจะกลายมาเป็นเพื่อนซี้กัน เจ้าเหมียวน้อยตัวนี้ถูกช่วยชีวิตมาจากยุ้งฉางในฟาร์มของเธอ เมื่อประมาณช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา “เรามีแมวที่เลี้ยงไว้ในบ้านอยู่แล้ว 2 ตัว แต่เราก็รับมันเขามาเป็นสมาชิกใหม่เพราะว่าเราชอบแมวมากๆ “ หญิงสาวกล่าว ในตอนที่พบกันครั้งแรกหญิงสาวและคู่หมั้นของเธอ ได้ยินเสียงร้องของลูกแมวดังออกมาจากในฟาร์ม จากนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเข้าไปดู แล้วก็พบกับเจ้าเหมียวตัวนั้น ทั้งสองพาเจ้าแมวมาอยู่ด้วย ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่หญิงสาวเริ่มเข้ารับการรักษามะเร็งของเธอ “มันเหมือนเป็นตัวช่วยในการบำบัดให้ฉันเลย ในตอนที่ฉันผมร่วงจากการทำคีโม” เธอกล่าว เจ้า Totoro เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งสูญเสียเจ้าเหมียวตัวเก่าไป เมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา และดูเหมือนว่ามันจะเป็นส่วนเติมเต็มให้กับครอบครัวนี้ได้ดีเลยทีเดียว “มันยอมเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา ถึงแม้ว่ามันจะเคยใช้ชีวิตอย่างอิสระภายนอกมากนาน และเจ้าเหมียวทั้งสองตัวของเราก็เข้ากับมันได้ดีเลยทีเดียว แต่ดูเหมือนมันจะสนิทกับเจ้าแมวตัวผู้มากกว่านะ” หญิงสาวกล่าว และดูเหมือนว่าตอนนี้มันเริ่มมีฝีมือในการอ้อนมากขึ้นแล้วหล่ะ!! ทุกๆ วันเจ้าเหมียวจะเข้ามาคลอเคลียกับหญิงสาวและเล่นกับเธออยู่เป็นเวลานาน “เจ้า Totoro ชอบเข้ามาเกาะที่ไหล และอ้อนฉัน แถมยังชอบเข้ามาอยู่ด้วยเวลาฉันนอนอีกด้วย“ หญิงสาวกล่าว และเมื่อเธอต้องเข้ารับการทำคีโมต่อ เจ้าเหมียวก็คอยให้กำลังใจเธอเสมอและอยู่ไม่ห่างจากเธอเลย และทุกๆ คืนเจ้าเหมียวจะนอนบนหมอนของเธอ เพื่อมอบความอบอุ่นให้กับหญิงสาว “ถึงแม้ว่าคีโมจะทำให้ผมฉันร่วงหมด แต่เจ้าเหมียวก็ยังคอยให้ความอบอุ่นกับฉันแทนผมที่ร่วงไป ขอบคุณมากนะเจ้า Totoro ” หญิงสาวกล่าวทิ้งท้าย ที่มา lovemeow
-
หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็ง ปฏิเสธที่จะทำเคมีบำบัด เพื่อให้ลูกในท้องได้คลอดอย่างปลอดภัย…
หลายๆ คนทราบดีว่าหากพบว่าตนป่วยเป็นโรคมะเร็ง หนึ่งในการรักษาและยื้อเวลาผู้ป่วย คือการทำคีโมที่ใช้ยาหรือสารเคมีเข้าไปต่อสู้กับเซลล์ที่เป็นภัย หากว่าควบคู่ไปกับการฉายรังสีด้วยแล้ว จะถือว่าเป็นวิธีช่วยผู้ป่วยได้ดีที่สุด แม้จะรู้อย่างนั้น แต่ Carrie DeKlyen ก็เลือกที่จะปฏิเสธที่จะใช้วิธีการดังกล่าว จนทำให้เธอต้องจากไปอย่างสงบ เพราะไม่ต้องการให้การรักษากระทบกับลูกในท้องของเธอ เรื่องนี้เริ่มขึ้นเมื่อเธอได้รับการวินิจฉัยว่า ป่วยเป็นมะเร็งสมองที่มีชื่อเรียกว่า Glioblastoma Multiforme ซึ่งเป็นเนื้อร้ายชนิดเดียวกับที่พบในตัวแทนพรรครีพับลิกันในสหรัฐอเมริกา John Mccain ในตอนแรกเธอและสามีไม่ทราบว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ จนเมื่อรู้ว่ามีเด็กสาวอยู่ในท้อง จึงละทิ้งการใช้ยาและสารเคมีบำบัดที่จะช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง เพราะหากไม่ทำอย่างนั้นลูกของเธอก็จะไม่มีชีวิตรอดได้ การทำคีโมไปในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ ทำให้ลูกของเธอต้องมีกำหนดการคลอดเร็วกว่าปกติ นั่นคือ 28 สัปดาห์ของระยะเวลาตั้งครรภ์ หลังจากที่เธอเลิกใช้ยาช่วยและหันมาใช้แค่รังสี บวกกับการผ่าตัดเพื่อเอาเนื้อร้ายออก และดูดของเหลวออก กลับไม่สามารถช่วยให้สภาพร่างกายของเธอดีขึ้นได้ เจ้าเซลล์ดังกล่าวยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง น้องสะใภ้ของเธอ Sonya ได้ตั้งเพจชื่อว่า Cure 4 Carrie เพื่อเล่าถึงสถานการณ์ทั้งหมดที่เธอเป็นและต้องเจออยู่ ให้กับญาติ เพื่อนๆ หรือคนที่สนับสนุนเธออยู่ได้รับรู้ไปด้วยกัน . จากสถิติแล้วผู้คนที่ป่วยเป็นมะเร็งสมองขั้นรุนแรง จะมีเพียงแค่ 10% เท่านั้นที่จะสามารถมีชีวิตอยู่รอดนานถึง 5 ปีภายหลังจากการวินิจฉัย อาการของโรคที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ทำให้เธอหมดสติและไม่มีการตอบสนองของร่างกาย…
-
ความรักอันแสนเศร้า ของคู่รักที่คบกันตั้งแต่มัธยม แต่สุดท้ายก็มีฝ่ายหนึ่งต้องจากไป…
การตามหารักแท้ว่ายากแล้ว แต่การรักษารักแท้ให้อยู่กับเราไปตลอดชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ยากกว่า เพราะวันหนึ่งไม่เขาหรือเราก็ต้องจากกันด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง… นี่เป็นเรื่องราวของ Jake Coates และ Emmy Collett คู่รักที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม จนกระทั่งได้แต่งงานกัน แต่ไม่นานหลังจากนั้นฝ่ายหญิงก็ได้จากไปอย่างน่าเศร้า เหลือเพียงความทรงจำอันงดงามที่อยู่ในใจของฝ่ายชายตลอดไป เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ได้มีการแชร์เรื่องนี้ในเฟซบุ๊กที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว Jake เขียนไว้ว่า “ทุกวันที่ได้อยู่ด้วยกัน ผมแทบไม่เชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ผมสงสัยเสมอว่า ทำไมคนอย่าง Emmy ถึงเลือกผม” “แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เธอทำ เราอาจจะใช้ชีวิตคู่ด้วยกันในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้ผมคิดถึงเจ้าสาวแสนสวยมากกว่าครั้งไหนๆ” Jake กับ Emmy พบกันตอนที่คนหนึ่งอายุ 11 ปี จนกระทั่งอายุ 13 ปี Jake ก็ได้ตกหลุมรักฝ่ายหญิง และเขาก็ได้บอกเธอว่า เธอคือ กุ้งล็อบสเตอร์ ผู้ที่จะคอยโอบกอดเขาไว้นั่นเอง ต่อมาทั้งคู่ก็ได้ตกลงคบกันเป็นแฟน จนกระทั่ง 3 ปี ผ่านไป ตอนนั้นพวกเขาอยู่ในวัย 19 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ต้องเรียนระดับมหาวิทยาลัย และเนื่องจากเรียนคนละที่จึงจำเป็นต้องแยกทางกัน อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี พวกเขาก็ยังคงติดต่อกันตลอด แม้กระทั่งวัยทำงาน Jake…
-
สาวต่อสู้กับมะเร็งร้าย ผู้ไม่ทิ้งความฝันอยากเป็นเจ้าหญิง สามารถเอาชนะมันได้แล้ว..!!
เป็นอย่างที่เรารู้ๆ กันว่า ‘มะเร็ง’ คือก้อนเนื้อร้ายที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับคนที่เรารัก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นโรคที่รักษาหายได้ก็ตาม แต่โอกาสที่จะเอาชนะได้ก็ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป ก่อนหน้านี้เราเคยนำเสนอเรื่องราวของ Andrea Sierra Salazar สาววัย 18 ปี จากรัฐเท็กซัส ที่จู่ๆ ก็ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง จนเรื่องราวของเธอโด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ Andrea Sierra Salazar ก่อนหน้านี้เธอก็มีความฝันเฉกเช่นเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ เธอหวังอยากจะได้ทำงานในวงการโมเดลลิ่ง ทว่าเมื่อเธอตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็ง เธอก็รู้ทันทีว่าสิ่งที่ต้องตามมาคือ… อาการผมร่วง แต่ถึงกระนั้นครอบครัวเธอก็ยังอยู่เคียงข้าง และให้กำลังใจอยู่เสมอมา เธอจึงริเริ่มไอเดียที่จะถ่ายแบบทั้งๆ ที่ผมร่วงหมดทั้งหัว ซึ่งเธอต้องการจะประกาศให้ตัวเองและคนรอบข้างได้รู้ว่า แม้เธอจะเป็นโรคมะเร็งแต่นั่นก็หยุดความใฝ่ฝันของเธอไม่ได้ เธอจึงได้ Gerardo Garmendia ช่างภาพหนุ่มมาช่วยสานความฝันเล็กๆ ในครั้งนี้ . . หลังจากที่เธอแชร์เรื่องราวของตัวเองบนโลกออนไลน์ ทั้งหมดก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจดีๆ จนมีคนแชร์ออกไปมากกว่า 100,000 ครั้ง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็ผ่านมา 1 ปีแล้ว ไม่มีใครได้ข่าวคราวจากเธออีกเลย จนกระทั่งวันหนึ่งเธอออกมาประกาศให้ชาวเน็ตรู้ว่า… เธอเอาชนะโรคมะเร็งได้แล้ว!! และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง…
-
คุณพ่อเติมฝันให้เด็กๆ ได้สวมบทเป็นซูเปอร์ฮีโร่ หนึ่งวิธีสร้างกำลังใจเพื่อต่อสู้กับโรคร้าย…
ครั้งหนึ่ง Josh Rossi คุณพ่อผู้เป็นช่างกล้องเคยกล่าวเอาไว้ว่า “ฮีโร่ที่แท้จริงไม่ได้อยู่ในหนัง หากแต่เป็นเด็กๆ ที่กำลังต่อสู้กับโรคร้ายในโรงพยาบาลเพื่อชีวิตใหม่ของพวกเขาเอง” และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เขาตัดสินใจริเริ่มโปรเจคเติมฝันให้เด็กๆ ได้สวมชุดสวมบทบาทเป็นฮีโร่ในดวงใจ เพื่อเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กับโรคร้ายกันต่อไป… โดยตอนแรกคุณพ่อได้ถ่ายภาพลูกสาวตัวเอง ที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งในธีมของวันเดอร์ วูแมน “หลังจากที่ผมถ่ายภาพให้ลูกสาว ก็มีผู้ปกครองของเด็กคนอื่นๆ ที่ลูกของเขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งเหมือนลูกของเราได้ติดต่อมาว่าจ้างให้เราถ่ายรูปแนวนั้นให้บ้าง แต่ผมก็เลยอาสาทำให้พวกเขาฟรีนั่นแหละครับ เป็นกำลังใจให้กันและกัน” คุณพ่อให้สัมภาษณ์ โดยคุณพ่อให้เหตุผลว่า เด็กๆ ทุกคนต้องต่อสู้กับการทำคีโม การฉายแสง และพวกเขายังมีรอยยิ้มได้ นี่แหละคือคนที่เข้มแข็งของจริง หลังจากนั้นคุณพ่อก็ได้นัดแนะเด็กๆ ทุกคน พร้อมกับทีมงานคอสตูมที่จะช่วยให้ความฝันของหนูๆ กลายเป็นจริง เอาเป็นว่าเราลองตามไปชมผลงานทีมฮีโร่จากฝั่ง DC โดยฝีมือคุณพ่อที่มีความปรารถนาดีต่อเด็กๆ กันดีกว่า… Aquaman รุ่นจิ๋วก็มานะ ส่วนฉัน Batman จะจัดการมะเร็งร้ายในก็อตแธมให้หมดไป เดอะ แฟลช..!! และพลังการให้กำลังใจที่ไวเหนือสายฟ้า หนุ่มน้อยซุปเปอร์แมนที่มาพร้อมกับทรงผมสุดวินเทจ และสุดท้ายหนุ่มน้อยที่กลายร่างมาเป็นไซบอร์ก (หนึ่งในทีม Justice League)…
-
รวมภาพของชาวเน็ตจากรอบโลก กับการต่อสู้ชีวิต เอาชนะ ‘มะเร็ง’ ของพวกเขา
หนึ่งในโรคที่ร้ายแรงและขึ้นชื่อว่าคร่าชีวิตคนที่เรารักไปมากที่สุด ก็คงไม่พ้นโรคมะเร็ง และการจะเอาชนะโรคร้ายให้ได้นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเช่นกัน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของชาวเน็ตจากทั่วโลก ที่นำภาพและเรื่องราวการเอาชนะมะเร็งร้ายของพวกเขามาให้เราได้ชมกัน สาวน้อยป. 1 ผู้เอาชนะมะเร็งร้ายได้ ต่อสู้กับมะเร็ง 4 รอบ ผ่าตัด 4 ครั้ง คีโม 55 ครั้ง ฉายรังสี 28 ครั้ง แต่สุดท้ายฉันก็ผ่านมันมาได้… หนุ่มผู้ใช้เวลาต่อสู้กับมะเร็งทั้งหมด 1 ปีเต็ม และผลที่ได้ก็เป็นไปตามคาด สาวน้อย Sophia ที่เคยป่วยเป็นมะเร็งเมื่อ 3 ปีก่อน และเธอก็สามารถเอาชนะมันได้สำเร็จ ที่เห็นผมร่วงหมดแบบนี้ พ่อหนุ่มบอกว่าไม่ใช่เนื้องอกในสมองหรอกนะ แต่เป็นสภาพหลังเอาชนะมะเร็งได้แล้วต่างหากล่ะ ปี 1999 หมอบอกว่าเขามีโอกาสรอดเพียง 10% เจ้าตัวจึงเข้าทดลองรักษามะเร็งด้วยคีโมฯ ปรากฎว่าช่วยได้จริง สาวป่วยเป็นมะเร็งกล้ามเนื้อลายระยะ 4 หมอคาดว่าเธอจะอยู่ได้เพียง 3 เดือน ทว่าเธอเอาชนะมันได้สำเร็จ 3 สาวพี่น้องที่น่ารัก…
-
สุนัขวัย 12 ปี ป่วยด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย ได้พบความสุขอีกครั้ง ในบ้านหลังใหม่
เรื่องราวอันแสนน่าประทับใจนี้เกิดขึ้นกับคุณ Melani Andrews หญิงสาวที่ต้องสูญเสียสามีไป เมื่อช่วงมกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าหมาแสนรักจะตายตามสามีของเธอไปอีกในเดือนกุมภาพันธ์ และเพื่อให้เธอคลายความเศร้าและกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง ลูกสาวคนโตจึงตัดสินใจตามหาน้องหมาตัวใหม่ให้กับเธอ… และเมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมาคุณ Andrews ก็ได้พบกับเจ้า Jake สุนัขวัย 12 ปีจากสถานสงเคราะห์สัตว์ Front Street Animal คุณ Andrew และเจ้า Jake ในครั้งแรกที่พบกันนั้นเจ้า Jake สุนัขลูกผสมมีสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ แถมมันยังตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายอีกด้วย “ถ้าหากว่าคุณมองไปที่มันแล้ว คุณจะเห็นได้เลยว่ามันต้องการที่จะต่อสู้เพื่อร่างกายที่แข็งแรง และอยากออกไปอยู่บ้านหลังใหม่” คุณ Andrews กล่าว ด้วยแววตาของเจ้าหมา ทำให้หญิงสาวไม่ลังเลที่จะพามันเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในบ้านเธอเลย บ้านหลังใหม่ที่มีอาหารและความอบอุ่นที่เตรียมพร้อมไว้สำหรับเจ้าหมา ที่นี่เจ้า Jake ได้พบกับความอบอุ่น บ่อยครั้งที่มันมักจะเข้าไปซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ก่อนที่จะนอนหลับไป เจ้า Jake อยู่ไหนน้าาา!? ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ว่เจ้า Jake อาจจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่คุณ Andrews ก็พยายามดูแลมันอย่างเต็มที่ให้สมกับที่มันควรจะได้รับ “เจ้า Jake นั้นดูเป็นมิตรอย่างมาก…
-
หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็ง ได้กำลังใจต่อสู้กับโรคร้าย จากเจ้านกน้อยที่คอยบินมาเยี่ยมทุกวัน…
ความรักความผูกพันที่เกิดขึ้นนั้นอาจไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดจากคนในครอบครัวเสมอไป แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เราได้เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันอีกด้วย และหากเป็นไปได้ด้วยดี ก็จะเกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น เรียกได้ว่าจะตัดก็ตัดกันไม่ขาดเลย อย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ก็เช่นเดียวกัน ที่ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคน แต่กลับเกิดขึ้นระหว่างคนกับนกต่างหากล่ะ… มันเริ่มจากความบังเอิญที่คุณแม่ลูกหนึ่งอย่าง Dina Theissen ได้พบกับนกสายพันธุ์บลูเจย์ นอนอยู่ข้างต้นไม้บริเวณหน้าบ้านของเธอในตอนที่มันอายุเพียงไม่กี่วันเท่านั้น มันถูกตั้งชื่อว่า Gracie ซึ่งเธอกับสามีและลูกสาวของเธอได้นำมันมาเลี้ยงไว้ชั่วคราว เพราะไม่พบแม่ของมันและต้องการที่จะให้มันได้กลับคืนสู่ป่าตามธรรมชาติอีกครั้ง โดยให้มันได้เติบโตและฟื้นฟูร่างกายบริเวณชานบ้านของเธอ มันจึงเติบโตท่ามกลางธรรมชาติ ที่สามารถทำให้มันปรับตัวกลับคืนสู่ป่าได้ง่ายยิ่งขึ้น ได้เรียนรู้วิธีอาหารด้วยตัวเอง และเริ่มที่จะรู้ได้แล้วว่าการเป็นนกนั้นมันต้องทำอย่างไรบ้าง หลังจากนั้น 4 สัปดาห์ทางครอบครัวก็ได้พยายามปล่อยเจ้านกน้อยกลับคืนสู่ป่า แต่มันก็ไม่ยอมไปไหนและบินกลับมาหาพวกเขา จนเมื่อผ่านไปอีกอาทิตย์ครึ่ง มันก็เริ่มมีความกล้าที่จะบินออกไปบนต้นไม้ หันมองโลกกว้างอันสวยงามรอบตัว จนในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปมันก็ได้กลับคืนสู่ป่า ถึงแม้ว่ามันจะยังคงกลับมาหาในทุกๆ วัน เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเป็นเวลานานราวสองปีครึ่ง ที่มันมักจะแวะมาเล่นอยู่บ้านพวกเขาทุกวัน หรือบางครั้งก็มาแค่ส่งเสียงร้อง มาใช้เวลาอยู่ร่วมกันเพียงแค่นาทีสองนาทีบ้าง เพราะมันเป็นนกที่แสวงหาการเรียนรู้และกระตือรือร้น ที่จะบินไปทั่วธรรมชาติอันกว้างใหญ่ แต่สุดท้ายเมื่อข่าวร้ายเกิดขึ้นกับบ้านนี้ มันก็ได้แวะมาอยู่นานมากขึ้น ข่าวร้ายที่ว่านั้นก็คือ Dina ป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ซึ่งนับว่าเป็นความโชคร้ายของเธอ…
-
หญิงชาวจีนมีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เป็นผลกระทบจากมะเร็งชนิดที่หายาก
ผลกระทบจากโรคมะเร็งนั้นสามารถแสดงออกได้หลายรูปแบบ โดยเฉพาะอาการผมร่วงที่เกิดจากการรักษา แต่สำหรับเธอคนนี้ เป็นมะเร็งชนิดที่หายาก ทำให้มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่เติบโตบนใบหน้า เว็บไซต์ดัง Mirror รายงานว่า หญิงชาวจีนคนหนึ่งได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma) ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าบวมตั้งแต่ระยะเริ่มต้นของมะเร็ง เธอคนนี้อาศัยอยู่กับแม่ที่มีฐานะไม่ค่อยดีนักเป็นเวลาหลายสิบปีและไม่มีเงินสำหรับรักษาโรคมะเร็ง ส่งผลให้ใบหน้าของเธอได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อาสาสมัครจากองค์กรพัฒนาเอกชนได้เข้าไปเยี่ยมหญิงสาวคนนี้ที่บ้าน เมื่อเห็นสภาพหน้าของเธอ ทุกคนก็ต้องแปลกใจว่าเธอรอดมาได้อย่างไร ทั้งๆ เป็นมะเร็งนิวโรบลาสโตมาเป็นเวลานานแล้ว จากการสันนิษฐานเบื้องต้นคาดว่า โรคมะเร็งชนิดนี้น่าจะถ่ายทอดมาทางพันธุกรรม และก็มีวิธีการรักษาเท่าที่จะทำได้เพื่อบรรเทา จนทำให้อยู่รอดมาได้ถึงขนาดนี้ ทั้งนี้มีเพื่อนบ้านได้มอบเงินช่วยเหลือบางส่วน แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอต่อการรักษาอยู่ดี… อาสาสมัครบอกว่าหากปล่อยไว้นานกว่านี้ มันอาจจะทวีความรุนแรง จนแพทย์ในประเทศไม่สามารถรักษาได้ ต้องไปรักษาในต่างประเทศแทน สำหรับมะเร็งนิวโรบลาสโตมา มักจะพบในเด็กหรือทารก มันจะพัฒนาขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทเฉพาะ (neuroblasts) ถูกปล่อยทิ้งไว้หลังจากการพัฒนาของทารกในครรภ์ ภาวะเช่นนี้มักจะเกิดขึ้นในต่อมหมวกไตที่อยู่เหนือไตหรือเนื้อเยื่อประสาทที่ผ่านไขสันหลังขึ้นไปยังลำคอ หน้าอก ท้อง หรือกระดูกเชิงกราน มีรายงานว่าในแต่ละปีจะมีเด็กประมาณ 100 คนในสหราชอาณาจักรที่เป็นโรคมะเร็งชนิดนี้ และมักจะพบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 5 ขวบ ที่สำคัญไม่มีใครทราบว่ามะเร็งชนิดนี้เกิดมีสาเหตุจากอะไร แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากพันธุกรรม แม้ว่าในต่างประเทศจะมีการรักษามะเร็งนิวโรบลาสโตมาได้ แต่ก็ยังบอกไม่ได้ว่าหญิงชาวจีนคนนี้ได้รับการรักษาหรือเปล่า เพราะต้องใช้เงินไม่น้อยในการรักษา ที่มา ladbible
-
ร้านส่ง “มิลค์เชค” ไกลกว่า 600 กิโลให้หญิงใกล้ตาย เพื่อให้เธอมีความสุขกับของโปรดครั้งสุดท้าย…
หากเราอยากกินโน่นกินนี่มันก็คงไม่ยากที่เราจะขับรถไปกิน หรือถ้าไม่มีรถเราก็อาจนั่งรถประจำทางหรือโทรสั่งมากินได้ที่บ้าน แต่สำหรับเธอคนนี้นั้นมันเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินเมื่อมันอยู่ห่างออกไปไกลและเธอก็ไม่สามารถจะไปกินได้ด้วยตัวเอง นี่คือเรื่องราวของหญิงสาวชาวอเมริกันที่มีชื่อว่า Emily Pomeranz ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับอ่อนพร้อมกับคำขอสุดท้ายของเธอที่จะได้กินมิลค์เชคจากร้านโปรดก่อนที่เธอจะจากไปอย่างน่าเศร้า เธอนั้นเติบโตในเมือง Cleveland Heights รัฐโอไฮโอ ซึ่งที่นั่นมีร้านอาหารชื่อว่า Tommy’s ที่มีชื่อเสียงความอร่อยจากอาหารและมิลค์เชค นอกจากนั้นร้านนี้ยังเป็นร้านโปรดของเธออีกด้วย Sam Klein เพื่อนของเธอได้เข้าไปเยี่ยมเธอที่สถานดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และได้ถามว่าเธอต้องการอะไรบ้างไหม เขาจะได้ไปหามาให้ เธอได้ตอบกลับมาว่าเธอต้องการหมวกเบสบอล เขาจึงได้นำมาให้ในวันถัดมาและถามอีกว่า เธอยังต้องการอะไรอีกไหม เธอจึงตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันหวังว่าฉันจะได้กินมอคค่ามิลค์เชคจากร้านโปรดอีกสักครั้ง” อย่างที่รู้ว่าเธอคงไม่สามารถไปด้วยตนเองได้ ด้วยความเป็นเพื่อนจึงได้ตัดสินใจส่งอีเมล์ไปถามที่ร้านว่าจะมีทางไหนมั้ยที่จะทำให้เธอสมหวังด้วยระยะทางที่ไกลจากร้านถึง 600 กิโลเมตร มายังรัฐเวอร์จิเนีย ที่เธอพักอยู่ ไม่กี่วันผ่านไป Tommy Fello เจ้าของร้านก็ได้ติดต่อกลับมาว่า “ได้ เราจะหาทางให้เอง” จากการหาข้อมูลทางร้านจึงได้ส่งพัสดุที่บรรจุให้อย่างดีมาและเมื่อเปิดออกก็พบว่านั่นคือมิลค์เชคที่เธอต้องการนั่นเอง มันเป็นสิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน โดยเฉพาะเธอที่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และได้แบ่งกันกินกับครอบครัวของเธอ Sam ได้บอกอีกว่า เธอเล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนที่เจอฟังในทุกๆ วัน สิ่งนั้นก็ทำให้ทุกคนยิ้มได้มากแล้ว แต่ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเมื่อเธอต้องจากไปเมื่ออาทิตย์ก่อน โดยทิ้งความทรงจำอันสวยงาม เสียงหัวเราะและความสุขไว้ให้กับเพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ “ถึงอย่างไร…
-
ช่วงเวลาดีๆ ของ ‘Ryan Reynolds’ เฟซไทม์ให้กำลังใจหนูน้อยวัย 5 ขวบที่ป่วยเป็นมะเร็งสมอง…
Daniel Downing หนุ่มน้อยที่ถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคเนื้องอกในสมองและโชคร้ายที่เจ้าหนูไม่สามารถเข้ารับการผ่าตัดได้ หลังจากที่ได้ทราบข่าวร้ายทางครอบครัวของเจ้าหนูได้ติดต่อไปยังหนุ่ม Ryan Reynolds นักแสดงหนุ่มคนโปรดของเจ้าหนู เพื่อขอให้คุยกับเขา เมื่อติดต่อกับดาราคนโปรดได้ เจ้าหนูน้อยได้ขอร้องไปยังหนุ่ม Ryan ว่าอยากจะเฟซไทม์กับกับนักแสดงผู้รับบทฮีโร่มาดกวนอย่าง Deadpool วินาที่ที่เจ้าหนูได้วิดีโอคอลกับฮีโร่คนโปรด เจ้าหนูดีใจอย่ามากที่ได้พบกับ Ryan เขาบอกกับดาราคนโปรดว่าเขาอายุเพียงแต่ 5 ขวบเท่านั้นและรู้สึกดีใจสุดๆ ที่ได้มีโอกาสเฟซไทม์กับ Deadpool และนอกจากนี้เจ้าหนูยังเล่าเรื่องสุขภาพของเขาให้ Ryan ฟังอีกด้วย แต่ Daniel ไม่ได้พูดคุยกับ Ryan เพียงลำพังแต่ยังมีพ่อแม่ พี่ชาย และพี่เลี้ยงเด็กเขาอยู่ด้วย คุณ Stephanie ผู้เป็นแม่กล่าวว่า “ฉันมีความสุขมากๆ ที่เห็น Daniel ได้เจอกับดาราคนโปรด เขาตื่นเต้นมากๆ และเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนๆ และคุณครูที่โรงเรียนฟัง” การรักษาของเจ้าหนูน้อยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบากและมีค่าใช้จ่ายที่สูง ในการรักษาแต่ละครั้งเขาและครอบครัวต้องเดินทางไกลกว่า 321 กิโลเมตรเพื่อไปพบแพทย์ คุณ Biffy ได้จัดตั้งแฟนเพจ JustGiving เพื่อระดมทุนช่วนเหลือในค่ารักษาและค่าเดินทางเพื่อไปโรงพยาบาลของเจ้าหนู ซึ่งเป้าหมายในการระดมทุนนั้นอยู่ที่ประมาณ 2 แสน 6 หมื่นบาท แต่ตอนนี้มีผู้ร่วมบริจาคมากถึง 6 แสน 5 หมื่นบาทแล้ว …
-
เด็กหญิงป่วยมะเร็ง ขอกอดแมวเป็นครั้งสุดท้าย และอยากให้เลี้ยงต่อเมื่อเธอจากไปแล้ว…
หากรู้ตัวว่ากำลังจะจากโลกนี้ไป คุณอยากทำอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย? หลายคนอาจเศร้าเกินกว่าที่จะอยากทำอะไร แต่บางคนเลือกที่จะมีความสุขเล็กๆ ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป… เหมือนกับ Kylie เด็กหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่ขอกอดแมวเป็นครั้งสุดท้าย เพราะนั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขที่สุดในชีวิต เธออยากกอดแมวทั้งๆ ที่ที่บ้านไม่เคยมีสัตว์เลี้ยงเลย และไม่ได้คิดเรื่องการรับแมวมาเลี้ยงด้วย ครอบครัวจึงได้ติดต่อไปยังศูนย์พักพิงสัตว์เพื่อหาแมวมาให้เธอได้กอดสมดั่งคำปรารถนา ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีเจ้าเหมียวชื่อ Eliza ถูกพาเข้ามาพักรักษาตัวอยู่ในศูนย์พักพิง Angels Among Us Pet Rescue ในสภาพที่ป่วยหนักมาก มันผอมแห้งจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ทาง Angels Among Us Pet Rescue บอกว่า “เราทำให้มันมีสุขภาพแข็งแรงขึ้น จากนั้นก็รอคนใจดีรับมันไปเลี้ยง “ เป็นจังหวะเดียวกับที่ครอบครัวของ Kylie กำลังต้องการแมวสักตัวเพื่อมาทำความปรารถนาของสาวน้อยให้เป็นจริงในช่วงสุดท้ายของชีวิต ทางศูนย์บอกว่า “และแล้วก็มีคนโทรเข้ามา เธอคือ Kylie สาวน้อยผู้น่ารักที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เธอรักษาตัวจนกระทั่งทุกคนคิดว่าเธอใกล้จะหายแล้ว แต่โรคร้ายก็กลับมาอีกครั้ง” ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงรีบนำตัวเจ้าเหมียว Eliza ไปหาเด็กหญิงที่โรงพยาบาลทันที เพื่อให้มันได้อยู่ปลอบประโลมเธอก่อนจะหมดลมหายใจสุดท้ายของชีวิต เมื่อเด็กหญิงได้พบกับ Eliza ใบหน้าของเธอก็เต็มด้วยรอยยิ้ม จนทำให้ทั้งห้องอบอวลไปด้วยความสุขที่ไม่อาจอธิบายได้เลย Kylie อุ้มน้องแมวขึ้นมาแล้วมันก็ขดตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอ… ตั้งแต่นั้นมา Eliza ก็ไม่ยอมไปไหน แต่มันอยู่กับเด็กหญิงตลอดเป็นระยะเวลากว่า 2 วันครึ่ง น้องแมววางคางบนไหล่ของเด็กหญิงเพื่อทำให้เด็กหญิงรู้สึกที่ความรักที่มันต้องการจะมอบให้…
-
ชายสูญเสียหน้าไปครึ่งนึง ได้รับการศัลยกรรมหน้าใหม่ โดยใช้ผิวหนังจากแขนและขา..!!
สำหรับผู้ที่ต้องเผชิญโรคร้ายจนถึงกับต้องสูญเสียใบหน้าไป คงเปรียบได้กับการถูกพรากสิ่งสำคัญบางอย่างของชีวิตไปเลยทีเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่ ที่ช่วยทำให้ Tim McGrath หนุ่มวัย 38 ปี จากรัฐมิชิแกน ได้กลับมามีใบหน้าอีกครั้ง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่สมบูรณ์แบบเท่าเดิมก็ตาม… **คำเตือน: อาจมีภาพสะเทือนใจและทำให้รู้สึกใจคอไม่ดีเลยได้** ย้อนไปในปี 2014 เจ้าตัวรู้สึกปวดบริเวณกราม เมื่อไปตรวจก็พบว่ามีเนื้องอกและหมอได้วินิจฉัยว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งซาร์โคมา อ้างอิงข้อมูลจาก National Institutes of Health พบว่า มะเร็งซาร์โคมาร์เป็นกรณีที่เกิดขึ้นได้ยาก เป็นโรคที่มีความรุนแรงปานกลาง แม้ว่าตอนแรกอาจไม่พบอาการ แต่มะเร็งชนิดนี้สามารถขยายตัวได้เร็วมากๆ ทว่าสำหรับ Tim ก้อนเนื้อร้ายของเขากลับโตมีขนาดเท่าลูกซอฟท์บอล ในระหว่างการรักษานั้นเขาต้องอยู่ในห้องผ่าตัดนานกว่า 30 ชั่วโมง และต้องคอยเฝ้าสังเกตอาการผลข้างเคียงต่างๆ อยู่ในโรงพยาบาลต่ออีกนานถึง 7 สัปดาห์ หลังการผ่าตัดแพทย์พยายามปลูกถ่ายผิวหนังบนใบหน้าของเขาขึ้นมาใหม่ ทว่าร่างกายกลับไม่ตอบสนอง ทำให้อีกซีกหนึ่งของหน้าเขามีสภาพอย่างที่เห็นนี้… “ตลอดการผ่าตัดที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องดีเอาซะเลย หลังผ่าตัดผมต้องเจอกับปัญหาผิวหนังติดเชื้อและอื่นๆ อีกเยอะแยะ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกอยากจะยอมแพ้…” Tim McGarath ให้สัมภาษณ์ ทว่าชีวิตของเขามีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง…
-
สามีบันทึกภาพถ่ายภรรยา ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง กับโลกอันโหดร้ายผู้ป่วยต้องเผชิญ…
ผู้ป่วยมะเร็งหลายๆ คนพยายามปกปิดสิ่งที่ตัวเองเป็นด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันไป แต่ใครบางคนบอกเราว่า ‘การต่อสู้กับความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องที่ต้องปกปิด’ Faye Eid วัย 26 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในรังไข่เมื่อปี 2016 และได้รักษาด้วยการทำเคมีบำบัดมา 6 เดือนที่ผ่านมา ด้วยเหตุนี้ Jarred สามีของเธอผู้เป็นช่างภาพงานแต่ง จึงตัดสินใจบันทึกภาพของภรรยาทุกช่วงเวลาต่อจากนั้น เพื่อเผยให้เห็นว่าโลกของผู้ป่วยมะเร็งเป็นอย่างไร สามีได้เริ่มถ่ายรูปของภรรยาตั้งแต่ก่อนที่เธอจะเริ่มเข้ารับการทำเคมีบำบัด ช่วงเข้ารับการรักษา และช่วงหลังจากที่โกนผม เพื่อแสดงให้เห็นว่าตลอดการต่อสู้กับมะเร็งนั้น Faye มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางไหน ภาพส่วนใหญ่จะเป็นภาพขาวดำหรือปรับให้เป็นโทนสีมืดๆ เขาก็มักจะถ่ายภาพใบหน้าของภรรยาแบบใกล้ๆ เพื่อให้เห็นความรู้สึกที่แสดงออกทางสายตาของเธอ Faye พยายามต่อสู้กับโรคร้ายด้วยความยากลำบาก แต่ก็รู้ดีว่าคนที่ลำบากไม่น้อยไปกว่าเธอคือสามีและครอบครัว พวกเขามักจะบอกเธอทุกครั้งก่อนทำเคมีบำบัดว่า ‘ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี’ แม้จะรู้ว่าเป็นแค่คำปลอบใจแต่มันก็ทำให้เธอมีแรงใจในการสู้ทุกครั้ง ตอนแรก ภรรยาไม่รู้ว่าสามีแอบถ่ายรูป เพราะเธอเหนื่อยเกินไปที่จะสังเกต แต่หลังที่ Faye รู้ เธอก็ยินดีให้สามีถ่ายต่อไป เพื่อที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วยคนอื่นๆ ในการต่อสู่กับโรคร้ายเช่นเดียวกับเธอ พวกเขาบอกว่าสิ่งที่คนป่วยมะเร็งต้องเจอนั้นมีทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง แค่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติและอยู่กับมันให้ได้ . .…
-
ผลวิจัยชี้ ถ้าชายหนุ่ม “ขัดจรวด” 21 ครั้งต่อเดือน ลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
การช่วยตัวเอง อาจจะเป็นการผ่อนคลายยามว่าของท่านชายหลายๆ คน แต่การทำบ่อยๆ นั้นอาจจะทำให้คุณถูกมองว่าเป็นพวกหมกหมุ่นทางเพศได้ง่ายๆ อ๊ะๆ..อย่าเพิ่งคิดแบบนั้น คนที่ชอบแบบทำนี้เนี่ย เขาอาจต้องการลดความเสี่ยงโรคมะเร็งต่อมลูกหมากก็ได้นะเออ!! เมื่อไม่นานมานี้ทางสื่อนอกได้รายงานว่า มีผลการวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่าการปั๊ดว้องหรือการช่วยตัวเองนั้นช่วยลดความเสี่ยงของโรคร้ายนี้ได้ มะเร็งต่อมลูกหมากถือว่าเป็นหนึ่งในโรคที่พบมากในเพศชาย ในปี 2014 มีผลสำรวจออกมาว่าชายชาวอังกฤษมากกว่า 45,000 คนป่วยด้วยโรคร้ายนี้ ซึ่งสร้างความทรมานและความลำบากในการใช้ชีวิตของพวกเขาอย่างมาก แต่ล่าสุดนักวิจัยจากทางมหาวิทยาลัย Harvard พบว่าการทำกิจกรรมทางเพศนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากได้ จากการศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 32,000 คนพบว่า ชายที่มีอัตราการหลังน้ำอสุจิสูงมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้น้อยกว่า นอกจากนี้ผลวิจัยยังพบว่า การหลังน้ำอสุจิ 21 ครั้งต่อเดือนช่วยลดโอกาสเสี่ยงของการเกิดโรคได้ถึง 33 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ถ้าหากจะออกไปซุกซนข้างนอกบ่อยๆ ก็อาจะเลี่ยงติดโรคอย่างอื่นมาแทนได้ ดังนั้นการนั่งซ้อมน้องชายอยู่บ้านน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่อย่างไรก็ตามนอกจากการสาวแหนแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญในการหลีกเลี่ยงมะเร็งก็คือการบริโภคอาหารที่มีประโยชน์นั้นเอง ด๊อกเตอร์ James Balch กล่าวว่า “ถ้าหากคุณต้องการที่จะหลีกเลี่ยงมะเร็งต่อมลูกหมากคุณต้องงดทานอาหารที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอย่างเช่นพวกอาหารขยะต่างๆ หรือความเครียด และควรทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายด้วย” “นอกจากนี้อาหารอย่างมะเขือเทศ หรือกาแฟ และไขมันจากพืชก็ช่วยลดความเสี่ยงได้เช่นกัน” คุณหมอกล่าวทิ้งท้าย แหม่… รู้แบบนี้แล้วเวลาใครหาว่าหมกมุ่นก็ตอบกลับด้วยความมั่นใจได้เลยว่า “กำลังลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่” ฮ่าๆ …
-
เทพธิดาสู่สรวงสวรรค์… Eileidh สาวน้อยป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ได้จากไปแล้วอย่างสงบ
หลังจากที่เมื่อไม่นามานี้เราได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับสาวน้อย Eileidh Paterson เด็กหญิงวัย 5 ขวบผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมหมวกไตระยะสุดท้าย ที่ได้เขาพิธีวิวาห์กับเพื่อนหนุ่มเมื่อเดือนที่แล้ว (อ่านข่าวเก่า สาวน้อย 5 ขวบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขอแต่งงานกับหนุ่มเพื่อนซี้ ทำฝันให้เป็นจริงก่อนตาย…) ล่าสุดทางเฟซบุ๊คเพจของเธอได้ออกมาเปิดเผยว่า เทพธิดาตัวน้อยได้จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา… โรคร้ายในร่างกายหนูน้อยลุกลามไปที่ตับ หลังจากที่เธอได้รับการสแกนร่างกายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนที่อาการของเธอจะทรุดลงหนักและจากไปในที่สุด ข้อความจากทางเพจเฟซบุ๊คดังกล่าวบอกว่า “ทุกๆ หัวใจของเรารู้สึกเศร้ามาก ฉันรู้สึกเสียใจที่ต้องบอกทุกคนว่า Eileidh นางฟ้าตัวน้อยของเราได้จากโลกนี้ไปแล้วเมื่อเวลา 11 โมง 45 นาทีของวันที่ 1 กรกฎาคม” “โชคร้ายที่เราได้พบเจอในวันพฤหัสบดี หลังจากทำการสแกนอัลตราซาวด์แล้ว ก็พบว่าตับของเธอนั้นขยายตัวและเต็มไปด้วยมะเร็ง มันเป็นสิ่งที่ร้ายแรงกับเธออย่างมาก เธอใช้ลมหายใจสุดท้ายอยู่กับครอบครัว เธอชนะใจทุกๆ คนที่ได้พบเจอ และทุกคนก็จะคิดถึงเธอเสมอ” หลังจากที่ทราบข่าว ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความเสียใจกับครอบครัวของเธอ หลายๆ คนรู้สึกเศร้าอย่างมาก หนึ่งในคอมเม้นต์จากชาวเน็ตบอกว่า “เธอได้รับความรักจากพวกเราที่นี่ทุกคน เราเสียใจอย่างมากที่เธอต้องจากไปแบบนี้” ชาวเน็ตร่วมแสดงความเสียใจต่อการจากไปของสาวน้อย …
-
ภาพสุดท้าย… พ่อโอบกอดลูกชายที่ป่วยเป็นมะเร็งไว้ เพื่อเติมเต็มความหวังก่อนที่จะจากไป
สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนไม่อยากเห็นมากที่สุดคือการเห็นลูกต้องล้มป่วยด้วยโรคร้าย ถ้าเลือกได้พวกเขาก็อยากจะเจ็บแทนเองด้วยซ้ำ แต่พ่อแม่คู่นี้ต้องเจ็บยิ่งกว่านั้น เพราะต้องทนเห็นลูกจากไปในอ้อมกอดของตัวเอง Braiden Prescott เด็กชายวัย 7 ขวบ ป่วยด้วยโรคมะเร็งชนิดนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma) ได้เสียชีวิตลงหลังแอดมิทเข้าโรงพยาบาลในเดือนกันยายนปี 2016 ได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดจากการเสียชีวิตของเด็กชายก็คงจะเป็นคุณแม่ Steph และคุณพ่อ Wayne Prescott จากเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พ่อแม่ได้แชร์ภาพช่วงสุดท้ายของ Braiden ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่แทบใจสลายไปพร้อมๆ ลูก เพราะต้องเห็นลูกชายที่รักจากไปต่อหน้าต่อตา ในวันที่เด็กชายเสียชีวิต คุณแม่ Steph เล่าว่า “ฉันนอนอยู่ข้างเตียงของลูกตลอดทั้งคืน แล้วตื่นมาตอนตี 3 เพราะได้ยินเสียงลูกสำลัก จึงทำการตามพยาบาลมาทันที” หลังจากที่เข้ามาตรวจสอบอาการสักพัก พยาบาลบอกกับเธอว่า “ใกล้จะถึงเวลาที่เขาจะไปแล้ว” แม้คุณแม่จะรู้อยู่แล้ว แต่เมื่อได้ยินแบบนั้น เข่าของเธอแทบจะทรุดลงไปทันที แต่ก็ยังพยายามฮึดสู้แล้วเดินไปปลุกสามี แม่อยากอุ้มลูกชายไว้เพื่อให้เขาจากไปอย่างสงบในอ้อมกอดของเธอ แต่ไม่อาจทำใจได้ เธอจึงปล่อยให้สามีเป็นคนอุ้มแทน ส่วนเธอก็นั่งจับมือลูกอยู่ข้างๆ สำหรับโรคร้ายที่หนูน้อยต้องเจอนั้น เป็นความผิดปกติเนื่องจากมีเนื้องอกที่ขากรรไกร ทำให้เขาไม่สามารถเปิดปากได้หรือพูดได้ พ่อแม่เลยไม่รู้ว่าลูกชายต้องการอะไรเป็นสิ่งสุดท้าย …
-
ช่างภาพหนุ่มทำสารคดีเกี่ยวกับแฟน หลังจากรู้ว่าเธอป่วยเป็นมะเร็ง และต้องฝ่าฟันต่อสู้กับมัน…
ถ้าวันหนึ่งเรารู้ว่าเพื่อนสนิทหรือคนใกล้ตัวอยู่ดีๆ ก็ป่วยเป็นมะเร็ง คำพูดหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดออกมาเป็นคำแรกๆ เสมอนั่นก็คือ “ไม่ต้องห่วง มันรักษาได้” หรือไม่ก็ “เดี๋ยวก็หายนะ” เป็นต้น Faye Eid หญิงสาววัย 26 ปี จากรัฐควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย เมื่อเธอรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งรังไข่ ญาติๆ ของเธอก็ต่างมาพูดด้วยคำปลอบข้างต้นเช่นเดียวกัน ซึ่งเธอรู้สึกว่าคำพวกนี้มันไม่ได้มีด้านดีเสมอไป ส่วนทางด้านสามีของเธอ Jarred ก็เลือกที่จะอยู่ข้างภรรยาและพร้อมจะผ่านมันไปด้วยกันมากกว่าเชื่อในคำปลอบดังกล่าว ในช่วงแรก Faye ต้องทนทุนกับสิ่งที่เธอต้องเจอ และในช่วงเวลานั้นก็มีทั้งความสุข ความเศร้า และความเครียดถาโถมเข้ามาพร้อมๆ กัน แต่ด้วย Jarred นั้นเป็นช่างภาพ เขาจึงได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องราวของภรรยาผ่านสารคดีที่เขาสร้างขึ้นนานถึง 6 เดือนตลอดระยะเวลาการบำบัดของเธอ เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า การป่วยเป็นมะเร็งและต้องบำบัดเรื่อยๆ นั้นไม่ใช่สิ่งที่ง่ายดายเลย ภาพถ่ายทั้งหมดนั้น Jarred ได้เริ่มถ่ายตั้งก่อนภรรยาของเขาเข้าบำบัด จนกระทั่งทำคีโม่และบำบัดอื่นๆ มากมาย และภายในภาพก็จะมีเรื่องราวและอารมณ์ของมันที่สื่อออกมาได้โดยไม่ต้องมีคำบรรยายอะไรเลย เพราะด้วยสีหน้าของตัว Faye ก็เพียงพอแล้ว . …
-
สุดซึ้ง!! วินาทีแม่ป่วยเป็น “มะเร็งระยะสุดท้าย” ได้เห็นลูกสาวเรียนจบ ก่อนจากโลกนี้ไป…
สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ทุกคนแล้ว ก็ย่อมอยากที่จะเห็นลูกของตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิต เหมือนดังเช่น Patricia Parrotte คุณแม่รายนี้ ที่อยากเห็นลูกสาวของตัวเองเรียนจบก่อนที่เธอจะเสียชีวิตจากการป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย และนี่คือเรื่องราวของคุณแม่ Patricia กับช่วงเวลาที่แสนเศร้า และมีความสุขในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เผยว่า เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว Patricia Parrotte คุณแม่วัย 55 ปี ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านมระยะที่ 3 พร้อมกับเป็นโรคภูมิคุ้มกัน ต่อมาในเดือนเมษายน ปี 2017 ทางแพทย์ได้บอกกับครอบครัวว่า มะเร็งได้แพร่กระจายไปยังกระดูกสันหลังของเธอ และเธอก็จะมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้อีกไม่นาน แต่ที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ ทางครอบครัวกลัวว่าเธออาจจะไม่ได้ไปร่วมงานวันสำเร็จการศึกษาของลูกสาวคนเล็ก ด้วยเหตุนี้ ทางโรงเรียนมัธยมนิวยอร์กจึงได้อนุญาตมอบโอกาสพิเศษให้ Samantha Parrotte ผู้เป็นลูกสาวเข้าทำพิธีสำเร็จการศึกษาที่ข้างเตียงของแม่ที่นอนป่วยอยู่ในโรงพยาบาล และให้ครอบครัวของเธออยู่เฉลิมฉลองร่วมกันได้ แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่แสนสั้น แต่เชื่อว่าคุณแม่ Patricia คนนี้ คงจะมีความสุขที่ได้เห็นลูกสาวของเธอเรียนจบไม่น้อยเลยล่ะ ภาพของคุณพ่อที่กำลังเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเขา มันเป็นช่วงเวลาที่อบอุ่น และซึ้งในเวลาเดียวกัน และแล้วเรื่องสุดเศร้าก็มาถึง…
-
สาวน้อย 5 ขวบป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ขอแต่งงานกับหนุ่มเพื่อนซี้ ทำฝันให้เป็นจริงก่อนตาย…
เราทุกคนต่างล้วนมีความฝันที่อยากจะทำซักครั้งในชีวิตกันแทบทั้งนั้น แต่จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าเราได้รู้ว่าเวลาที่เหลืออยู่มันอาจไม่มากพอที่จะพาเราไปถึงจุดนั้นได้ Eileidh Paterson สาวน้อยวัย 5 ขวบ เธอป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็กระยะสุดท้าย (Neuroblastoma) ซึ่งเธอก็รู้ดีว่าเวลาของตัวเองเหลือไม่มากนัก เธอจึงอ้อนวอนขอร้องเพื่อให้ได้ทำสิ่งสุดท้ายของชีวิต ก่อนที่เธอจะหมดลมหายใจ… สาวน้อย Eileidh ประกาศก้องให้โลกรู้ว่ากำลังจะแต่งงานกับ Harrison Grier เด็กหนุ่มเพื่อนซี้วัย 6 ขวบ คุณพ่อของ Harrison ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “ลูกชายตัวน้อยของเราไม่เคยไปงานแต่งมาก่อน และแน่นอนว่าเขาก็ไม่เคยเป็นเจ้าบ่าวด้วยเช่นกัน แต่มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมากครับซึ่งลูกชายของเราก็ดูจะตื่นเต้นเอามากๆ” เด็กน้อยทั้งสองคนอาจเปรียบได้ดั่งขวัญกับเรียม หรือโรมิโอกับจูเลียตส์ หากแต่เวลาของเจ้าสาวกลับเหลือน้อยลงทุกที และหนุ่มน้อยคนสนิทก็รู้ดีว่า เขาคือเพื่อนที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ ภายในงานถูกจัดขึ้นด้วยธีม ‘โลกแห่งเทพนิยาย’ เรียกได้ว่าเพื่อนๆ คุณครู และญาติๆ ต่างก็เดินทางมาร่วมงานกันอย่างครบครัน นอกจากนั้นภายในงานยังมีการกล่าวสุนทรพจน์เล่าเรื่องราวชีวิตของหนูน้อย Eileidh ในแบบแฟนตาซี โดยมีมะเร็งเป็นตัวร้ายของเรื่อง และยังมีการกล่าวประโยคสุดคลาสสิคที่ว่า… ‘ถึงแม้ว่าเราจะจากกัน แต่ฉันจะอยู่ข้างเธอเสมอ.. เพื่อนที่ดีที่สุด’ ด้วยความที่สาวน้อยวัย 5 ขวบ ชื่นชอบตัวละครและเพลงจากโลกดิสนีย์เป็นชีวิตจิตใจ ทำให้ภายในงานถูกตกแต่งให้อยู่ในธีมของโลกแห่งเทพนิยาย…
-
เด็กสาวป่วยเป็นมะเร็ง หมอบอกว่าเธอจะอยู่ได้แค่ 3 เดือน แต่กำลังใจที่ดีก็ทำให้อยู่นานนับปี!!
จะเป็นยังไงถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ดีๆ หมอก็มาบอกว่าคุณจะอยู่ไปได้อีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น!!? ย้อนกลับไปเมื่อปี 2015 เด็กสาววัย 17 ปี Maddy Richie จากประเทศออสเตรเลีย ซึ่งได้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยที่ 4 ซึ่งถือว่ารุนแรงมาก ครอบครัวของเธอต่างก็เป็นกังวล เตรียมทำใจกับการสูญเสีย ขณะที่คุณหมอเองก็บอกว่าเธอจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่พอเอาเข้าจริงๆ เธอก็ผ่านพ้นมันมาได้ ตั้งแต่ 3 เดือน 6 เดือน หรือตอนนี้เธอก็อายุปาไป 19 ปีเข้าไปแล้ว ด้วยเหตุนี้เธอจึงอยากจะแชร์เรื่องราวของเธอให้คนอื่นได้รู้ว่า แม้โอกาสจะมีน้อย แต่ถ้าเราไม่ยอมแพ้และคว้ามันไว้ ทุกอย่างมันก็เป็นไปได้ เธอเริ่มเล่าเรื่องราวของเธอในจุดเริ่มต้นว่า “หลังจากฉันจบจากไฮสคูลได้ไม่นาน ฉันก็เริ่มที่จะมองไปในอนาคตที่สดใสที่กำลังทอดยาวรอฉันอยู่ แต่ว่าอยู่ดีๆ ฉันก็รู้สึกหายใจลำบากมากติดๆ ขัดๆ ไม่มีแรงที่จะทำอะไรเลย แค่จะเดินขึ้นบันไดยังทำไม่ได้ จนฉันได้ไปตรวจร่างกายกับหมอและสแกนร่างกายดู ซึ่งในวันเดียวกันหลังจากฉันได้รับการวินิจฉัยและรู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและมีก้อนมะเร็งขนาดใหญ่กว่า 8 เซนติเมตรอยู่ หมอก็บอกฉันทันทีว่าเธออยู่ต่อได้อีก 3 เดือนเท่านั้น และก็มีโอกาสเพียงแค่ 4% ที่จะรอดผ่าน 3 เดือนดังกล่าวไปได้ ขณะเดียวกันฉัยก็ต้องเข้ารับการรักษามากมาย”…
-
สุดซึ้ง! พ่อใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต กอดกับลูกๆ ก่อนเขาจะจากไปด้วยโรคมะเร็ง
อีกเรื่องราวที่จะทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการได้อยู่ร่วมกับคนในครอบครัว ณ ห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต… Jon Strawson คุณพ่อวัย 33 ปี ป่วยเป็นโรค acute myeloid leukaemia (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) คุณหมอได้พยายามที่จะรักษาเขาด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะทำคีโมฯ หรือแม้แต่การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ แต่ก็ดูเหมือนว่าอาการของเขาจะไม่ดีขึ้นเลย ‘สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้แล้ว ถ้าคุณถึงขั้นต้องปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ในช่วง 6 เดือนแรก นั่นก็หมายความว่าโอกาสรอดของคุณนั้นต่ำมากๆ คุณหมอบอกว่าผมอาจจะมีชีวิตอยู่ต่อได้ไม่กี่อาทิตย์ แต่ผมคงต้องบอกว่าเวลาเท่านี้คงไม่พอ ผมมีลูก 3 คน และพวกเขายังต้องการผม เช่นเดียวกับที่ผมต้องการพวกเขา ยังไงซะผมก็จะขอสู้ต่อไปถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วมันจะไม่ได้ผลก็ตาม’ Jon กล่าว หลังจากที่เขาได้ทราบว่าตัวเองอาจจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน เขาจึงตัดสินใจที่จะใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า เขาเลือกที่จะอยู่กับลูกทั้ง 3 คน และโอบกอดพวกเขาไว้ตลอดเวลา… และถึงแม้ว่าจะผ่านมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว แต่อาการของคุณพ่อก็ดูจะไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งตอนนี้เขาก็ยังต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ต่อไป โดยหวังว่าจะได้กลับมาดูแลลูกๆ ทั้ง 3 ผู้เป็นความหวังทั้งชีวิตของเขาอีกครั้ง เราขอส่งกำลังใจไปให้คุณพ่อหายขาดจากโรคร้ายนี้ก็แล้วกัน สาธุ๊…. ที่มา: Ladbible
-
คุณตาเป็นมะเร็งท้อใจ จะมีชีวิตอยู่อีกแค่ 3 เดือน ควักเงินซื้อทุกอย่าง แต่ดันรอดอยู่ยาวถึง 15 ปีแล้ว
เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อของ Ron Adams คุณตาวัย 84 ปี ที่อาศัยอยู่ในเบอร์มิงแฮม เขาเคยป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดในปี 2002 โดยทางแพทย์ได้เผยว่า เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียงแค่ 3 เดือนเท่านั้น แต่ทว่า 15 ปีต่อมา คุณตากลับสามารถรอดชีวิต และโกงความตายมาได้ หลังจากที่รู้ว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 3 เดือน คุณตากลับไม่รู้สึกเศร้า หรือท้อแท้ในชีวิตเลย แต่เขากลับนำเงินจำนวน 2.1 ล้านบาทที่ฝากไว้ในธนาคาร มาใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการอย่างมีความสุข คุณตาได้ตัดสินใจนำเงินทั้งหมดที่มีมาซื้อรถ Mercedes CLK สุดคลาสสิก ในราคา 800,000 บาท โดยเขาได้ตั้งชื่อให้มันว่า “Cancer Car” ซื้อปลาคาร์พที่เขาชื่นชอบเป็นจำนวนเงิน 150,000 บาท และโมเดลรถยนต์อีกกว่า 507 ชิ้น ก่อนหน้านี้คุณตามีอาการไอเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และนั่นจึงทำให้เขาต้องรีบเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ก่อนจะพบว่าตนเองป่วยเป็นโรคมะเร็ง และจะมีชีวิตอยู่ได้อีก 3…
-
เด็กชายฟื้นจากโรคมะเร็งร้ายได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อได้รับกัญชาเข้าไปเยียวยาร่างกาย…
ย้อนไปเมื่อปี 2010 ในขณะที่เด็กชาย Deryn Blackwell มีอายุเพียง 6 ขวบ เขาพบว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งอาการป่วยดังกล่าวทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ถึงกระนั้น อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีก เมื่อในปีถัดมาทางแพทย์สามารถตรวจพบโรคมะเร็งอีกอย่างในร่างกายของเขา นั่นก็คือโรคมะเร็งซาร์โคมาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อ ซึ่งในปัจจุบัน มีเพียง 5 คนบนโลกเท่านั้นที่มีอาการนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกลายเป็นหนึ่งในคนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งแทรกซ้อนสองชนิดในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสเพียง 1 ใน 7 ล้านเท่านั้น อาการป่วยของโรคมะเร็งทำให้แทบทุกส่วนของร่ายกายเขาได้รับความเจ็บปวด จนเขาต้องฉีดมอร์ฟีนเพื่อระงับอาการเจ็บปวดเหล่านั้นแทบทั้งวัน หลังจากทำการรักษามาเกือบ 5 ปี อาการของเขาก็ยังแย่ลงเรื่อยๆ หมอบอกว่าถ้าเขายังไม่ดีขึ้น เขาอาจจะเสียชีวิตในไม่กี่สัปดาห์ ทำให้ทางด้าน Callie แม่ของเด็กชายรู้สึกเครียดมาก เธอพยายามศึกษาวิธีการรักษาต่างๆ ที่พอจะเป็นไปได้ จนกระทั่งเธอได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง ที่ผิวเผินแล้วคงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับเด็กอายุสิบขวบนิดๆ แต่เมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เธอก็ต้องยอมเสี่ยง “เราตัดสินใจทำสิ่งที่พ่อแม่หลายคนทั่วโลกต้องช็อค ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยเห็นถึงประโยชน์ของการเสพกัญชาเลย แถมในสายการทำงานของฉัน ยาเสพติด แอลกอฮอล์แทบจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันอย่างแรง แต่ถ้ามันจะช่วยให้ลูกชายของฉันพ้นจากความทุกข์ทรมานได้ ฉันจะลอง” Callie กล่าว…
-
ภาพถ่ายน่ารักๆ ของ 3 หนูน้อย กลับมาถ่ายภาพร่วมกันอีกครั้ง หลังจากที่หายจากโรคมะเร็ง
ย้อนเวลากลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2557 ช่างภาพนามว่า Lora Scantling ได้บันทึกภาพของเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ 3 คนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง แต่หลังจากนั้นอีก 3 ปีต่อมา พวกเธอได้เติบโตขึ้น แถมยังได้มารวมตัวกันเพื่อถ่ายภาพเซตใหม่อีกครั้ง ซึ่งต้องบอกเลยว่าหนูน้อยทั้ง 3 ดูแข็งแรง และมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย สำหรับ Lora เธอมีคุณพ่อที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็งปอด ดังนั้น เธอจึงได้ตัดสินใจเพื่อทำอะไรบางอย่าง และนั่นก็ทำให้เธอได้คิดว่าอยากจะถ่ายภาพของเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง เพราะเพื่อนของเธอได้สูญเสียลูกชายที่เป็นมะเร็งไปก่อนหน้านี้ “ฉันโพสต์ได้ข้อความลงบน Facebook เพื่อหาสาวน้อยที่กำลังต่อสู้กับโรคมะเร็ง และมันจึงเกิดเป็นภาพเหล่านี้” Lora กล่าว และนี่คือภาพของ Rylie อายุ 3 ขวบ Rheann วัย 6 ขวบ และ Ainsley อายุ 4 ขวบ โดยเด็กๆ ทั้งสามไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่มีสิ่งหนึ่งที่พวกเขามีเหมือนกันนั้นก็คือ พวกเขาป่วยเป็นโรคมะเร็งนั่นเอง Lora ได้เริ่มถ่ายภาพของเด็กๆ…
-
หนุ่มวัย 20 ปีที่ป่วยเป็นมะเร็ง โพสต์ข้อความเล่าถึงมุมมองต่อชีวิต ก่อนจะจากไป…
เรื่องราวความประทับใจของชายหนุ่มที่ป่วยเป็นมะเร็งรายหนึ่ง แม้ว่าจะรู้ตัวว่าตัวเองใกล้จะจากโลกนี้ไปเต็มทีแล้ว แต่ก็ยังลุกขึ้นมหาเงินระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็งคนอื่นๆ Pablo Ráez หนุ่มวัย 20 ปี เป็นชาวเมือง Marbella ประเทศสเปน เขาเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลูคีเมีย) เมื่อปี 2015 ที่ผ่านมานี้เอง หลังจากที่ทำการปลูกถ่ายไขกระดูก และทำคีโมไม่กี่ครั้ง ก็หายกลับมาเป็นปกติ หนุ่ม Pablo กำลังจะได้กลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติธรรมดาอีกครั้ง แต่โชคร้ายที่มันกลับมาทำร้ายเขาอีก และดูเหมือนว่ารอบนี้จะรุนแรงและหนักหน่วงกว่าครั้งที่ผ่านมามาก แต่แทนที่เขาจะยอมแพ้ เขากลับลุกขึ้นมาทำบางอย่างที่แตกต่างออกไป เขาได้ริเริ่มแคมเปญผ่านทางแฮชแท็ก #retounmillón (#onemillionchallenge) โดยจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อีกไม่กี่เดือนเพิ่มยอดผู้บริจาคไขกระดูกสันหลังจากจำนวน 230,000 คนให้กลายเป็นจำนวน 1,000,000 คนก่อนที่เขาจะจากไป ในช่วงต้นปี 2017 เมื่อรู้ว่าการเดินทางของตัวเองใกล้จะจบลง ก่อนที่มันจะถึงปลายทางพ่อหนุ่ม Pablo ก็ได้โพสต์ข้อความถึงแพนๆ ผ่านทางอินสตาแกรมว่า “ผมคิดอะไรบางอย่างได้ และคิดว่าอยากจะเล่าให้ทุกคนได้ฟัง พวกเราอาศัยอยู่ในสังคมที่ทำงานเพื่อเงิน นั่นเป็นเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่ เราเปรียบเสมือนเป็นทาสของเงินยอมทำทุกอย่างเพื่อมัน” “โลกของเราค่อยๆ ตายลงอย่างช้าๆ ด้วยฝีมือของพวกเราเอง พวกเราทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย…
-
เด็กน้อยป่วย “เนื้องอกในสมอง” อุทิศวันเกิดตัวเอง เพื่อช่วยเหลือสัตว์ในสถานรับเลี้ยง…
นี่คือหนูน้อย Bryce Hill เด็กตัวเล็กที่ใจไม่เล็ก… เมื่อปีที่แล้ว หนูน้อยถูกวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมอง ซึ่งพบได้ยากมากๆ สำหรับเด็กอายุแค่นี้ อาจเป็นเรื่องที่ยากลำบาก แต่ Bryce ก็ต่อสู้กับมันมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาลอยู่บ่อยครั้งก็ตาม ตอนนี้หนูน้อยต้องต่อสู้กับโรคร้าย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเป็นผู้ให้ โดยเฉพาะคนที่ต้องการความช่วยเหลือ Bryce อายุครบ 6 ขวบเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เขาได้จัดงานปาร์ตี้เล็กๆ กับครอบครัวพร้อมเพื่อนๆ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาทำแตกต่างออกไป แทนที่เขาจะอยากได้ของขวัญ หนูน้อยกลับอยากให้แขกที่มาร่วมงานช่วยกันบริจาคของให้กับสถานรับเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในละแวกบ้าน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ เพราะเดือนที่แล้ว Bryce ได้ไปเยี่ยมสถานรับเลี้ยง Illinois Valley Animal Rescue (IVAR) แล้วมอบของเล่นและอาหารให้กับสัตว์ที่ต้องการความช่วยเหลือ คุณแม่ Gina Panther เล่าว่าเธอภูมิใจในตัวลูกเป็นอย่างมาก และยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ทางสถานรับเลี้ยงยังให้หนูน้อยได้เป็นอาสาสมัครกิตติมศักดิ์ พร้อมกับได้เล่นกับเหล่าสัตว์ที่อยู่ที่นั่นด้วย ในตอนนี้หนูน้อยก็ยังต้องเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอที่โรงพยาบาล พร้อมทั้งยังได้เป็นอาสาสมัครที่มีโอกาสได้เข้าถึงสัตว์ในสถานรับเลี้ยงนี้อีกด้วย นอกจากนี้หนูน้อยยังได้รับหมาน้อยกลับบ้านมาเป็นเพื่อนแก้เหงา คอยดูแลซึ่งกันและกัน นี่อาจจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเขาเลยก็ได้ ถือเป็นเรื่องราวที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก เด็กตัวแค่นี้ แต่มีความคิดที่เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่น…
-
หญิงสาวป่วยมะเร็ง เขียนบทความ “หาคู่” ให้สามีที่แต่งงานกันมา 26 ปี เพราะกลัวเขาจะเหงา
เมื่อปี 2015 Amy Rosenthal นักเขียนหนังสือเด็กจากเมืองชิคาโก้ รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา รู้สึกปวดท้องอย่างหนัก จนเธอต้องแอดมิดเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน ตอนแรกเธอคิดว่าเธอแค่มีอาการไส้ติ่งอักเสบ แต่เมื่อผลตรวจออกมามันกลับแย่กว่านั้น เพราะหมอพบว่าเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ แม้เธอจะพยายามรักษาตัวเองมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนว่าอาการของมะเร็งจะหนักหนากว่าที่เธอคิด จนล่าสุดหมอบอกว่าเธอจะมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เองเธอจึงเขียนบทความลงหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์ เพื่อหาคู่กับ Jason Rosenthal สามีสุดที่รักของเธอที่แต่งงานกันมากว่า 26 ปี บทควมดังกล่าวมีชื่อว่า “คุณอาจอยากแต่งงานกับสามีของฉัน” เนื้อหาเขียนไว้ว่า “ฉันไม่เคยใช้เว็บหาคู่พวก Tinder, Bumble, หรือ eHarmony มาก่อน แต่ตอนนี้ฉันจะสร้างโปรไฟล์ของ Jason ตรงนี้ โดยอ้างอิงจากประสบการณ์การอยู่ร่วมกันกว่า 9,490 วันของฉัน เขาเป็นคนที่คุณจะตกหลุมรักได้ง่ายๆ ซึ่งฉันเคยตกไปแล้ว” “เขาเป็นผู้ชายสูง 175 เซนติเมตรหนัก 72 กิโลกรัม ผมสีขาวเทา มีนัยย์ตาสีน้ำตาล เขาเป็นคนที่มีรสนิยมการแต่งตัวที่ดีมาก ขนาด Justin และ Miles ลูกชายของเราทั้งสองยังยืมเสื้อผ้าเขาไปใส่บ่อยๆ…
-
คุณแม่แชร์ภาพลูกชาย ที่ต้องต่อสู้กับมะเร็งร้ายทุกวัน ชาวเน็ตจึงร่วมแห่ให้กำลังใจกันคับคั่ง!!
โรคมะเร็งนั้นเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไปแล้วมากมาย และมันเป็นโรคที่ไม่ว่าใครก็สามารถป่วยเป็นได้ อีกทั้งยังเข้าถึงได้กับทุกเพศทุกวัย ผู้ป่วยทั้งหลายจะได้พบเจอกับความทรมานจากความเจ็บปวดที่เกิดจากก้อนเนื้อร้าย อีกทั้งยังต้องเข้ารับการรักษาที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงไป จนหลายๆ คนเลือกที่จะยอมแพ้ และจากไป และหนูน้อย Drake Medinger วัย 10 ขวบ จากเมือง Romball รัฐ Texas เองก็เป็นอีกรายหนึ่งที่ได้รับความทรมานจากโรคมะเร็งร้าย ซึ่งขณะนี้เขาเองก็กำลังเข้ารับการรักษาด้วยคีโมอยู่ ซึ่งแม่ของเขาเองก็ได้ทำการถ่ายภาพพร้อมกับอัพลงบนโซเชียลมีเดีย จากนั้นก็ถูกแฟนเพจ Love What Matters นำเรื่องราวไปแชร์ต่อเพื่อเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งให้มีกำลังใจสู้ต่อไป คุณแม่เล่าว่า “นี่เป็นช่วงเช้าหลังจากที่พา Drake ไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำ เพราะเขาต้องการคนช่วยเหลือตลอดเวลา ร่างกายที่ผอมแห้งเพราะฉันต้องขอร้องให้เขาทานถั่วเขียวเป็นอาหารมื้อเย็น และดื่มน้ำตลอดทั้งวัน ทุกครั้งที่เขานอนหลับฉันจะต้องคอยอยู่ข้างๆ เพราะเขากลัวว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นเขาจะต้องอยู่เพียงลำพัง” หนุ่มน้อย Drake ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) มาตั้งแต่ปี 2012 และเข้ารับการรักษาจนหายดีในปี 2016 จากนั้นไม่นานเขาก็ต้องเริ่มการต่อสู้ครั้งใหม่กับโรคมะเร็งอัณฑะ เรื่องราวของ Drake ถูกแชร์ไปมากกว่า 80,000 ครั้ง…
-
คุณพ่อป่วยหนัก ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต หาครอบครัวใหม่ให้ลูกชาย ก่อนตัวเขาจากไป…
คุณพ่อที่กำลังป่วยหนักชาวอังกฤษใช้เวลาช่วงสุดท้ายของชีวิต ตามหาครอบครัวใหม่ให้กับลูกชาย ก่อนที่เขาจะสิ้นลมไปอย่างสงบ เรื่องราวสุดสะเทือนใจดังกล่าวเป็นของ นิค โรส คุณพ่อวัย 40 ปี เขาเพิ่งเสียชีวิตไปช่วงสัปดาห์ก่อน หลังจากต่อสู่กับโรคมะเร็งมากว่า 9 เดือน แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาจะต้องเข้ารับการรักษาโดยตลอด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ โลแกน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเขา ซึ่งจะต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าเมื่อเขาจากไป และถ้าไม่มีคนดูแลเขาจะอยู่อย่างไร!? เป็นคนจรจัด!? เป็นเด็กมีปัญหางั้นหรือ!? เขาคงจะทนแบบนั้นไม่ได้ จึงพยายามหาบ้านใหม่ให้ลูกโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย สำหรับพ่อที่จะตัดสินใจให้ลูกตัวเองไปอยู่กับคนอื่น แต่สำหรับเขาแล้ว ความสุขของลูกมันสำคัญที่สุด คุณภาพชีวิตของลูกคือสิ่งที่เขาต้องนึกถึง และช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขานั้น เขาต้องใช้มันอย่างคุ้มค่าเท่าที่จะทำได้ แอรอน วัย 24 ปี เพื่อนสนิทของนิคเล่าว่า “สำหรับนิคแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญกว่าโลแกน แม้ว่าเขาจะต้องทุกข์ทรมาณกับโรคร้ายขนาดไหนก็ตาม” เอมี่ น้องสาวของแอรอนเล่าว่า “เขาพยายามจะเข็มแข็งที่สุดเท่าที่ทำได้ และเขาได้จัดหาบ้านหลังใหม่ให้กับโลแกนในวันที่เขาไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว” ในช่วงเดือนสุดท้ายของชีวิต นิคได้พยายามตามหาครอบครัวใหม่ที่ดีที่สุดให้กับลูกชายของเขา เพื่อเขาจะได้แน่ใจว่า หลังจากที่เขาจากโลกนี้ไป โลแกนจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข และสุดท้ายเขาก็สามารถพบกับครอบครัวหนึ่งในมณฑลเดวอน ประเทศอังกฤษ ซึ่งเต็มใจจะรับลูกชายของนิคไปดูแล พวกเขามองว่าเด็กคนนี้ควรจะได้บ้านที่ดี และพวกเขานั่นแหละจะทำให้นิคหายห่วงได้อย่างแน่นอน …
-
สาวต้องตัดขาเพราะมะเร็ง แต่ก็ไม่ลืมพาขาข้างนั้นไปเที่ยวด้วย พร้อมอินสตาแกรมส่วนตัว!!
จะว่าไปแล้ว ‘มะเร็ง’ คงเปรียบเสมือนกับฝันร้ายของมนุษย์เรา เพราะทันทีที่เรารู้ตัวว่าป่วยเป็นมะเร็ง เราอาจจะต้องทุ่มทั้งเงิน และเวลา ไปกับการรักษา อีกทั้งยังต้องการกำลังใจจากคนรอบข้างอีกด้วย เช่นเดียวกับสาวสวยวัย 25 ปี จากรัฐโอคลาโฮมา ‘Kristi Loyall’ เธอพบว่าตัวเองป่วยเป็นโรคมะเร็งหายากชนิดหนึ่ง และทางเดียวที่จะสามารถรักษาได้ คือการที่เธอต้องยอมเสียสละผ่าตัดขาหนึ่งข้างออก Kristi Loyall และขาคู่ใจของเธอ ที่เคยพาเธอไปไหนมาไหนด้วยตลอด และด้วยความที่เธอต้องเฝ้าดูอาการจากคุณหมออย่างใกล้ชิด ทำให้เธอไม่สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ เธอจึงปิ๊งไอเดียสร้างแอคเคาท์อินสตาแกรมที่ชื่อว่า ‘@onefootwander‘ เพื่อบันทึกเรื่องราวการเดินทางของเธอ และขาคู่ใจที่วันนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว หลังจากที่เธอผ่าตัดขาคู่ใจออกมาแล้ว เธอทำการส่งกระดูกขาของเธอไปที่บริษัท ‘Skulls Unlimited’ เพื่อทำการฟอกขาว และเอากระดูกมาต่อกันให้สมบูรณ์ดังเดิม นอกจากต้องการที่จะนำเสนอเรื่องราวการเดินทางของขาคู่ใจแล้ว เธอยังต้องการที่จะระดมทุนเพื่อใช้สำหรับค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในชีวิตของเธอ ในระหว่างที่เธอไม่ได้ทำงาน ตอนนี้เธอก็สามารถระดมได้ทั้งหมด $1,000 จากเป้าหมายของเธอ $10,000 แล้วล่ะ ไม่ว่าจะไปไหน ขาคู่นี้ก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเธอไปด้วยกันเสมอ อาการป่วยของเธอ กินระยะเวลามาอย่างยาวนานถึง 4 ปี เธอไปหาหมอมาแล้วหลายต่อหลายคน …
-
Johnny Depp นำทีมดาราสานฝัน หนุ่มป่วยมะเร็งระยะที่ 4 ทำให้บทหนังของเขากลายเป็นจริง!!
Anthony Conti เด็กหนุ่มวัย 16 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในระยะที่ 4 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้ต่อความฝันที่อยากเป็นผู้สร้างหนัง ด้วยการเขียนบทหนังสั้นขึ้นมา และก็ได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนๆ นักแสดงของเขา หนังเรื่องนั้นมีชื่อว่า The Black Ghiandola เป็นหนังสั้นที่มีตัวเองเป็นนักแสดงนำ เล่าผ่านมุมมองของเด็กหนุ่ม Conti ที่ครอบครัวของเขาถูกฆ่าตายในช่วงยุคซอมบี้ครองโลก และต้องเอาชีวิตตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับการช่วยเหลือแฟนสาวอันเป็นที่รัก ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา องค์กร Make A Film Foundation ที่เป็นองค์กรคอยให้ความช่วยเหลือ และตอบสนองต่อความฝันของเด็กๆ ที่ต้องเผชิญกับอาการป่วยหนัก ทางองค์กรก็ได้ยื่นมือเข้ามารับบทหนังของ Conti ไป และทำให้มันกลายมาเป็นหนังจริงๆ โดยใช้เวลาถ่ายทำเพียงแค่ 5 วันเท่านั้น ถือเป็นการถ่ายทำที่รวดเร็วที่สุดตั้งแต่เคยก่อตั้งองค์กรนี้มา 9 ปี เลยทีเดียว!! เท่านั้นไม่พอ ยังมีคนเหล่าดาราที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Johnny Depp, David Lynch และ J.K. Simmons ได้เข้ามาร่วมเป็นนักแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย แถมยังได้ผู้กำกับที่มีชื่อเสียงอย่าง Sam Raimi, Catherine Hardwicke,…
-
ศิลปินสาวเพ้นท์ “มงกุฎเฮนน่า” ให้กับผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเรียกกำลังใจและความงดงาม ให้กลับมาอีกครั้ง
Sarah Walters ศิลปินสาวที่ต้องสูญเสียพ่อเลี้ยงไปเนื่องจากโรคมะเร็ง และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอได้สร้างกำลังใจให้กับผู้ป่วยคนอื่นๆ ที่เป็นโรคมะเร็ง โดยการมอบความงดงามให้กับพวกเขา เพื่อให้คนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตในที่สาธารณะ และกล้าที่จะเผชิญกับโลกภายนอกได้มากขึ้น สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นมะเร็ง อาจจะรู้สึกหมดความมั่นใจเพราะต้องสูญเสียเส้นผมไปทั้งหมดจากการทำเคมีบำบัด แต่ศิลปินคนนี้กลับทำให้พวกเขามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นโดยการมอบ “มงกุฎเฮนน่า” ให้ และนี่คือผลงานการเพ้นท์เฮนน่าเป็นรูปมงกุฎ ดูงดงาม และแปลกตามาก Sarah ได้เผยว่า “เธอได้เนรมิตมงกุฎเฮนน่าเป็นครั้งแรกให้กับเพื่อนของแม่ที่กำลังต่อสู้อยู่กับโรคมะเร็งในปี 2011 และเธอก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ที่จะลองทำมัน” และหลังจากนั้นเธอก็ได้รู้ว่า ควรมอบโอกาสเหล่านี้ให้กับผู้ป่วยมะเร็งทุกคนที่ได้สูญเสียเส้นผมไปจากการทำคีโม เส้นผมของพวกเขาค่อยๆ หลุดร่วงลงไป อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทนเจ็บปวดอยู่กับการรักษาด้วยเคมีบำบัด Sarah จึงได้มอบความสวยงามให้กับพวกเขา โดยการเพ้นท์มงกุฎเฮนน่าให้กับเหล่าผู้ป่วยมะเร็งแบบฟรีๆ อีกทั้งเธอยังเชื่อว่าการเพ้นท์เฮนน่า ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกคลายความกังวลจากการรักษา แม้จะไม่มีเส้นผม แต่พวกเขาก็ยังมีมงกุฎเฮนน่า ที่สร้างความมั่นใจให้กลับคืนมา และกล้าที่จะออกไปเผชิญในที่สาธารณะ ผลงานศิลปะของเธอมันช่างงดงามเหลือเกิน แถมยังทำให้ผู้ป่วยสามารถเอาชนะความเจ็บปวดทั้งหมดอีกด้วย หากใครที่ชื่นชอบผลงาน และอยากจะเข้าไปให้กำลังใจศิลปินสาวคนนี้ สามารถคลิกเข้าไปติดตามเธอในอินสตาแกรม sarahennaseattle ได้เลยจ้า ที่มา : boredpanda
-
เหมียวน้อยถูกทิ้งใกล้ตาย ถูกสาวป่วยเป็นมะเร็งช่วยไว้ ต่างก็ช่วยเติมความสุขให้กันและกัน!!
เรื่องราวของหญิงสาวผู้ป่วยเป็นมะเร็งและได้ทำการต่อสู้กับมันมายาวนานกว่า 7 ปี ได้ทำการช่วยเหลือด้วยการรับเจ้าเหมียวกำพร้าแม่ตัวน้อยมาเลี้ยงไว้ และทั้งคู่ต่างก็ช่วยเหลือกันด้วยการมอบความสุขให้แก่กัน มารู้จักกับเจ้าเหมียว Kesha “มันเป็นแมวที่ถูกช่วยเหลือมา แม่และพี่น้องของมันได้ทำการทิ้งพวกมันไปแล้ว และฉันก็กลายมาเป็นคุณแม่จำเป็นของมัน” คุณ Laramie Evans กล่าว (จะเรียกให้ถูกก็คือเป็นทาสรับใช้ดีกว่านะ ฮร่า) “ฉันเป็นผู้ป่วยโรคมะเร็งสมอง และทำการต่อสู้กับมันด้วยการทำคีโมมามากกว่า 6 ครั้งแล้ว และเจ้า Kesha นั้นก็เป็นตัวช่วยเยียวยารักษาใจของฉันได้เป็นอย่าดีเลยล่ะ และอะไรหลายๆ อย่างก็เหมือนจะไปได้สวยเลยทีเดียว” เธอเล่าเสริม เจ้าเหมียวสามสีตัวน้อยถูกพบเจอใกล้ๆ กับคลินิคของคุณ Laramie (เธอทำงานเป็นนางพยาบาล) ในสภาพที่ใกล้ตายแต่เจตนารมย์ที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อของมันนั้นช่างกล้าแข็งซะเหลือเกิน คุณ Laramie ได้ทำการดูแลรักษามันจนกลับมามีร่างกายที่แข็งแรงอีกครั้ง และตอนนี้เธอก็กลายเป็นทาสที่ซื่อสัตย์คอยปรนนิบัติรับใช้มันเป็นอย่างดี เช่นเดียวกันกับเจ้าเหมียว Kesha คุณ Laramie เองก็เป็นนักสู้ที่ต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งด้วยเช่นกัน เธอต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมานานกว่า 7 ปีด้วย หลายๆ ครั้งเธอยอมรับว่าก็ท้อบ้าง แต่ตอนนี้เธอก็ไม่คิดจะยอมแพ้แล้วล่ะ เพราะตอนนี้เหมือนเธอกำลังมีเป้าหมายในชีวิตใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว “เจ้า Kesha…
-
นักว่ายน้ำโอลิมปิกถูกช่วยชีวิตจากมะเร็ง หลังแฟนคลับเห็นสิ่งผิดปกติ จากรูปถ่ายล่าสุดของเขา
เมื่อเราพูดถึงคำว่า “ช่วยชีวิต” หลายๆ คนน่าจะนึกถึงการกระทำที่ยิ่งใหญ่ แต่บางครั้งมันก็สามารถเกิดขึ้นได้จากการกระทำที่เล็กเพียงนิดเดียวเช่นกัน เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนอเรื่องราวของนักกีฬาโอลิมปิก Mack Horton ชาวออสเตรเลียวัย 20 ปี ที่เพิ่งจะได้รับเหรียญทองมาจากงาน Rio Games 2016 ที่ผ่านมา แต่ถึงจะเป็นนักกีฬาระดับประเทศก็ตาม เขาก็ยังถูกโจมตีด้วยโรคร้ายอย่างมะเร็ง และที่น่ากลัวไปกว่านั้นก็คือ เขาเองไม่รู้ตัวด้วยว่าตัวเองกำลังป่วยและใกล้ถึงระดับอันตรายเข้าไปทุกทีๆ แต่โชคดีเหลือเกิน ที่หลังจากจบการแข่งขันโอลิมปิกไปได้ไม่นาน ก็มีแฟนตาดีที่นั่งชมเขาอยู่ที่บ้านสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนร่างกายของเขา มันคือไฝจุดเล็กๆ บนหน้าอก ที่หากดูเผินๆ แล้วทุกคนคงคิดว่ามันคือไฝทั่วๆ ไป แต่แฟนกีฬารายนี้ดันจำได้ว่าเมื่อตอนปี 2012 ที่นาย Horton ไปแข่งว่ายน้ำที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไฝที่หน้าอกของเขายังไม่ใหญ่ขนาดนี้ แฟนกีฬารายนี้จึงเริ่มเอะใจ แล้วรู้ว่ามันอาจเป็นสัญญาณอันตรายแก่สุขภาพของนักกีฬา เขาจึงรีบเขียนอีเมลส่งไปยังสโมสรนักกีฬาว่ายน้ำในประเทศออสเตรเลีย เพื่อเตือนให้นาย Horton รู้ตัวแล้วรีบไปตรวจร่างกาย นี่คือภาพเมื่อปี 2012 ของนาย Horton หลังจากที่ได้รับการเตือนเขาก็รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อออก ต่อมานาย Horton ก็โพสต์ภาพของตัวเองพร้อมกับผ้าพันแผลบริเวณหน้าอก พร้อมกันนี้ยังมีข้อความประกอบด้วยว่า “ผมตะโกนออกมาเมื่อได้อ่านอีเมล์ที่มีคนส่งมาถึงแพทย์ประจำทีมว่ายน้ำของเราและบอกให้ผมไปเอาไฝนั่นออก เป็นการเตือนที่ดี…
-
สาวน้อยที่สูญเสียขาไปเพราะ ‘มะเร็งร้าย’ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุด ‘เต้นบัลเล่ต์’ ได้!!
เรื่องราวของสาวน้อยที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเป็นเหตุให้เธอต้องเสียขาข้างหนึ่งไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอยอมแพ้และเลิกล้มความตั้งใจในการเป็นนักบัลเล่ต์ สาวน้อย Gabi Shull จากรัฐ Missouri เมื่ออายุได้เพียง 9 ปี เธอต้องเสียขาข้างหนึ่งไปเพราะโรคมะเร็งกระดูกที่เกิดขึ้นบริเวณเข่า แต่ก็มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งเธอจากการเต้นบัลเล่ต์ได้ คลิปบอกเล่าเรื่องราวชีวิตเธอ จากทางชานแนล Barcroft TV เจ้ามะเร็งร้ายนี้ถูกพบเจอจากการเอ็กซ์เรย์ตอนที่เธอได้รับบาดเจ็บจากการเล่นไอซ์สเก็ต เหมือนกับว่าเธออาจจะไม่ได้เต้นอีกต่อไป แต่ตอนนี้หนูน้อย Gabi อายุ 15 ปีแล้วแต่ก็ยังคงได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบต่อไปได้อย่างมีความสุข นั่นก็ต้องขอขอบคุณศัลยแพทย์ที่ช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถ พวกเขาไม่ได้ตัดช่วงขาทิ้งออกไปทั้งหมด แต่ได้นำส่วนปลายของขามาต่อเข้าไปแบบกลับด้านนั่นทำให้เธอสามารถบังคับขาเทียมให้สามารถเต้นอย่างอิสระ แต่อาจจะต้องใช้ความพยายามมากกว่าปกติ เพราะการขยับขาที่กลับด้านจากเดิมนั้นมันเป็นอะไรที่ยากมากๆ เพราะต้องขยับเป็นคนละทาง และไม่เพียงแค่เฉพาะแนวบัลเล่ต์เท่านั้นเธอยังสามารถเต้นแนวอื่นๆ อีก ทั้งฮิปฮอป แท็ป และแจ๊ส ต้องขอบอกเลยว่าเธอเป็นคนที่ชื่นชอบการเต้นเป็นชีวิตจิตใจเลยล่ะ แถมเธอยังทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กับองค์กรที่ช่วยเหลือเด็กๆ ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งระดับนานาชาติที่ชื่อว่า The Truth 365 อีกด้วยนะ ลองไปชมคลิปวิธีการใช้ขาเทียมของเธอแบบเต็มๆ ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า……
-
เด็กน้อยป่วย ‘ลูคีเมีย’ ต้องเดินทางคนเดียว 400 กิโล เพื่อไปรักษา และกลับมาเรียนให้ทันเวลา..!!
เรื่องราวของเจ้าหนูน้อยที่ป่วยเป็นโรคลูคีเมีย (หรือโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว) และต้องเดินทางไป-กลับเป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร ระหว่างโรงเรียนและโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาและเรียนในเวลาเดียวกัน Shi Luyao หนุ่มน้อยวัย 11 ปี ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคลูคีเมียเมื่อปี 2013 ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามากพอสมควรในทำคีโมเพื่อทำการรักษา และต้องได้รับการตรวจกระดูกสันหลังอย่างละเอียด ในเรื่องของการรักษานั้นเจ้าหนุ่มน้อยได้รับการช่วยเหลือจากประกันภัยสังคมเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เป็นเพราะว่าเขาต้องย้ายตามคุณพ่อจากเมืองเกิด Guizhou ไปทำงานที่เมือง Anhui (หลังจากที่แม่ทิ้งไปเมื่อตอนเขาอายุได้เพียง 2 ขวบ) และด้วยเหตุนี้เองทำให้คุณพ่อของหนุ่มน้อย Luyao นั้นต้องพยายามหาเงินทุกวิถีทาง กว่า 1 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้จ่ายเป็นค่ารักษาส่วนต่างที่ประกันไม่ได้จ่ายให้ การหาเงินระดมทุนนั้นเองก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ในประเทศจีนนั้นการขอเรี่ยไรเงินเพื่อนำไปรักษาโรคมะเร็งนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก (เอาจริงๆ ก็ยากหมดเกือบทุกประเทศแหละนะ ถ้าเราเกิดมาแล้วมีสุขภาพที่ย่ำแย่ แต่ช่วงหลังมีเว็บระดมทุนพวกนี้ในโลกฝั่งตะวันตกเยอะกว่าทางฝั่งเอเชียนั่นเอง) เมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านี้ คุณพ่อของหนูน้อย Luyao ได้ทำการสวมใส่หน้ากากม้าและให้คนมาขี่หลังเพื่อหาเงินมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกชาย และเมื่อสองปีก่อนเขาก็ได้ไปคุกเข่าอยู่หน้าบริษัทใหญ่แห่งหนึ่งใน Sichuan ร่วมกับกลุ่มนักเรียนที่เป็นเพื่อนของลูกชายเพื่อขอยืมเงินจากผู้อำนวยการไปใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล และในที่สุดการรักษาก็เริ่มขึ้น Luyao ต้องย้ายกลับไปอยู่ในเมือง Guizhou ที่เป็นบ้านเกิด เพื่อรับสิทธิ์ในการรักษาเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปีที่ผ่านมา…
-
เพื่อนบ้านดี๊ดี!! รีโนเวทบ้านให้ฟรี หลังครอบครัวหนึ่งพาลูกสาวไปรักษามะเร็งที่อื่นนาน 2 เดือน
เคยได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่หลายคนบอกกันว่าเราสามารถซื้อบ้านราคาเท่าไหร่ก็ได้ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง แต่เราไม่มีทางซื้อเพื่อนบ้านที่ดีได้นะ อย่างปัญหาที่ว่าบางคนซื้อบ้านหรูแต่มีเพื่อนบ้านแย่ๆ ก็ทำให้บ้านนั้นหมดราคาและไม่น่าอยู่ไปในทันที แต่กับครอบครัวตระกูล Cassidy ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ ครอบครัวของพวกเขาต้องย้ายออกจากบ้านไปเป็นเวลา 9 สัปดาห์เพื่อไปรักษาเนื้องอกหลังดวงตาของหนูน้อย Emily วัย 3 ขวบ ที่อาจเป็นอันตรายกับชีวิต การที่ครอบครัวของพวกเขาต้องพาลูกสาวเข้ารับการรักษาถือเป็นเรื่องที่ใหญ่และค่อนข้างซีเรียสกับครอบครัวของพวกเขามาก แต่ในที่สุดก็สามารถรักษาหายได้และพวกเขาก็ดีใจมากที่ได้กลับมายังบ้านอีกครั้ง แต่เหมือนกับพวกเขาถูกหวยยังไงยังงั้น เพราะเมื่อเปิดประตูบ้านออกมากลับพบว่าบ้านที่พวกเขาทิ้งไปนานกว่า 2 เดือน แทนที่จะมีฝุ่นจับและซอมซ่อ กลายเป็นบ้านสะอาดและสวยยิ่งกว่าเดิมสะอีก ครอบครัว Cassidy รู้สึกประหลาดใจมากที่บ้านของพวกเขาเหมือนกับได้รับการรีโนเวทใหม่ สืบไปสืบมาถึงได้รู้ว่าเป็นฝีมือของเพื่อนบ้านที่แสนดีนั่นเอง ในระหว่างที่พวกเขาไม่อยู่ กำแพงบ้านได้รับความเสียหาย หน้าต่างและหลังคาทรุดโทรม มีฝนสาดและเกิดเชื้อราขึ้นภายในบ้านหลายจุด เมื่อเพื่อนบ้านเห็นแบบนั้นจึงทนไม่ได้ เข้ามาช่วยซ่อมให้ ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อนบ้านยังช่วยดูแลสวนและทำห้องครัวกับห้องน้ำขึ้นมาใหม่หมด มันจะดีอะไรปานนั้น!? ทางด้าน Lucy แม่ของ Emily ได้แสดงความรู้สึกถึงเหตุการณ์นี้ว่า “มันน่าประหลาดใจมาก ฉันไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือบ้านของฉัน ตอนที่ฉันเดินเข้าไปฉันรู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมา มันงดงามมาก เหมือนกับบ้านตัวอย่างเลย” …
-
นักกีฬาเหรียญเงินโอลิมปิก ยอมนำเหรียญไปประมูล สมทบทุนช่วยเด็กป่วยโรคเป็นมะเร็ง
หลังจากที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่บราซิล ได้ปิดฉากลง มีเรื่องราวดีๆ มากมายเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขัน และตอนนี้นักกีฬาหลายๆ คน คงกำลังใช้เวลาไปกับการพักผ่อนหลังเก็บตัวซ้อมและแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกกันมาอย่างยาวนาน แต่สำหรับนักกีฬาขว้างจักรชายจากโปแลนด์คนนี้ เค้าไม่ได้ใช้เวลาไปกับการพักผ่อนอย่างสบายใจอย่างเดียว เพราะนอกจากจะสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรีในสนามแล้ว นอกสนามเขาก็ต่อสู้ได้อย่างสมเกียรติลูกผู้ชายเช่นกัน ปิโอเตอร์ มาลาชอฟสกี ที่ถึงแม้ว่าปีนี้จะไม่ได้เหรียญทอง แต่เค้าก็สามารถคว้าเหรียญเงินกลับบ้านไปได้ และเรื่องราวได้เกิดขึ้นเมื่อคุณแม่ของหนุ่มน้อย Olek ได้เขียนจดหมายขอความช่วยเหลือถึงนักกีฬาหนุ่มคนนี้ เนื่องจากอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งที่ตาของลูกเธอเป็นอาการแปลก และหากจะต้องรักษา มีความจำเป็นต้องส่งตัวไปยังโรงพยาบาลที่นิวยอร์กเท่านั้น แน่นอนว่าการรักษาที่ยาก ต้องมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และจดหมายฉบับนี้อาจเป็นความหวังเดียวและเป็นความหวังสุดท้าย ที่เหลืออยู่ของครอบครัวนี้… หลังจากที่นักกีฬาหนุ่มได้ทราบเรื่องราว เขาก็ตัดสินใจที่จะช่วยเหลือครอบครัวนี้อย่างทันที ต่อมาองค์กรการกุศลสำหรับช่วยเหลือหนุ่มน้อย Olek ก็ได้ก่อตั้งขึ้น ภายใต้ชื่อว่า ‘Siepomaga’ ซึ่งจำนวนเงินทั้งหมดที่ต้องการในครั้งนี้สูงถึง 126,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 4,300,000 บาท) “ที่ Rio ผมต่อสู้เพื่อเหรียญทอง แต่วันนี้…ผมขอเชิญชวนทุกท่านให้ออกมาสู้ร่วมกัน สู้เพื่อบางสิ่งที่มีค่ามากกว่าเหรียญโอลิมปิก สู้เพื่อความหวังและอนาคตของหนุ่มน้อยคนนี้” สำนักข่าว ESPN ได้รายงานว่า หลังจากนั้นเขาก็ได้นำเหรียญเงินโอลิมปิกที่ได้มา ออกประมูลสู่ท้องตลาดเพื่อระดมทุนช่วยเหลือ และการประมูลก่อนทุบราคาครั้งสุดท้ายนั้นอยู่ที่ 19,000…
-
เธอฝันอยากเป็น ‘เจ้าหญิง’ และเมื่อต้องสู้กับโรคมะเร็ง เธอจึงลงมือทำฝันให้เป็นจริง!!
ก็อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า ‘โรคมะเร็ง’ นั้นเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไปแล้วมากมาย ความจริงแล้วมันเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ถ้าเราตรวจพบเชื้อร้ายได้ทันท่วงที แต่หลายๆ คนนั้นไม่รู้สึกเอะใจพอไปตรวจก็กลายเป็นขั้นสุดท้ายแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเจ้าโรคร้ายนี้มันก็ไม่ได้มีวิธีการรักษาที่ง่ายดายเพียงแค่กินยาแล้วก็หาย ผู้คนที่ป่วยเป็นมะเร็งจะต้องได้รับการรักษาด้วยการทำคีโม และผลข้างเคียงของมันก็มีต่างๆ นานา หนึ่งในนั้นคือการที่จะต้องเป็นคนหัวล้านเช่นกัน… แต่ไม่ใช่กับเธอคนนี้ Andrea Sierra Salazar สาวน้อยอายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมปลายจากเท็กซัส ที่ถึงแม้ว่าจะป่วยเป็นมะเร็งและไม่มีผม แต่เธอก็ไม่หยุดยั้งงานอดิเรกที่ชื่นชอบการเป็นนางแบบของเธอ เด็กสาวคนนี้ต้องพบกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คุณแม่ของเธอได้พบความผิดปกติมีติ่งเนื้องอกขึ้นมาบนคอของเธอ ก็เลยตัดสินใจที่จะพาไปหาหมอ และก็พบว่ามันคือเนื้อร้าย “ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเป็นมะเร็ง จนวันหนึ่งรู้สึกเจ็บที่บริเวณลำคอ ความรู้สึกเหมือนกับนอนตกหมอน พอลูบๆ ที่บริเวณลำคอก็เหมือนกับมีก้อนอะไรซักอย่างอยู่ และมันก็เจ็บมากๆ เลยด้วย” Andrea กล่าว เท่านั้นยังไม่พอ จากการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก็ทำให้แพทย์พบว่าเธอยังมีเนื้อร้ายอยู่อีก 2 จุดด้วยกัน คือที่บริเวณกระดูกไหปลาร้า และหน้าอก ซึ่งมันดำเนินมาสู่ระยะที่ 2 แล้ว แน่นอนว่าเธอต้องทำการรักษาด้วยการทำคีโม ผมของเธอร่วงหายไปจนหมด และการรักษานั้นต้องทำอยู่เป็นประจำทำให้เธอใช้เวลาอยู่ที่โรงพยาบาลมากกว่าอยู่ที่บ้านและโรงเรียนซะอีก…
-
หมอบอกนางแบบสาว ว่าเธอเป็น “มะเร็ง และ ต้องทำแท้ง” แต่ใจเธอก็ยังสู้!!!
นี่คือเรื่องราวของนาวแบบสาววัย 24 ปี ชื่อว่า Elizaveta Bulokhova ชาวแคนาดา เธอได้รับข่าวดีและข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน ข่าวดีก็คือเธอกำลังตั้งท้อง แต่ข่าวร้ายคือเธอมีมะเร็งร้ายในตัว… เธอมีอาการปวดฟันอย่างหนักขณะที่กำลังเที่ยวที่อัมสเตอร์ดัมกับสามีของเธอ Roman Troubetskoi และพอไปตรวจก็พบว่าเธอมีมะเร็ง หมอจึงแนะนำให้ทำแท้งก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการคีโม “ลูกของฉันดิ้นแรงมากๆ และฉันก็คุยกับเขาตลอดเวลาอยู่ในท้อง ฉันพร่ำบอกลูกว่าอย่าขยับเลย เพราะว่าลูกจะต้องไปแล้ว และดูเหมือนลูกก็จะเข้าใจและเริ่มอยู่นิ่งๆ” เธอคิดชื่อลูกไว้แล้วว่าจะให้ชื่อ Valentin ก่อนที่จะเข้ารับผ่าตัด 2 วัน ซึ่งต้องทำก่อนทำคีโม ทั้งคู่ได้ลองขอหมอว่าให้ลองทำคลอดเด็กก่อน ถึงจะก่อนกำหนดมา 10 สัปดาห์ก็ตาม “มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายมากๆ ที่ต้องบอกให้หมอมาพรากชีวิตลูกที่แข็งแรงของเราไปโดยไม่มีทางเลือก เด็กอายุได้เกือบ 28 สัปดาห์แล้ว” เธอเลยพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้เด็กรอด และสุดท้ายปาฏิหาริย์ก็มีจริง นี่คือลูกของเธอในวันนี้… ตอนนี้มะเร็งของเธอก็ดีขึ้น 95% แล้ว และยังอยู่ในกระบวนการคีโมอยู่ แต่อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆ . . . . . . . . . “มันเป็นเรื่องยากมากๆ…
-
แต่งงานกับผมนะ…หนุ่ม ม.ปลายป่วยเป็นมะเร็ง ขอแฟนสาวแต่งงาน ก่อนจะไม่มีโอกาส
ก่อนที่จะอ่านเรื่องต่อไปนี้ #เหมียวฟิ้น อยากจะถามคุณว่า…ระหว่างคุณกับคนรักเคยมีประสบการณ์ที่ต้องผ่านช่วงเวลาแสนยากลำบากร่วมกันหรือไม่? แล้วถ้ามีมันหนักหนาขนาดไหน? ลองเก็บคำตอบนั้นไว้ในใจดูนะ แล้วมาอ่านเรื่องซึ้งๆ ของ 2 คนนี้กัน… นี่เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มม.ปลาย คนหนึ่งที่ชื่อว่านาย Swift Myers วัย 18 ปี เขาเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล The Children’s Hospital at Saint Francis รัฐโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา เนื่องจากป่วยเป็นมะเร็งในกระดูก เขาต้องเจอกับอาการป่วยย่อยๆ ถึง 6 ครั้ง และในครั้งที่ 7 ก็ถึงกับทำให้เขานอนหมดสติอยู่ที่โรงพยาบาล คุณหมอที่ดูแลอาการของนาย Swift กล่าวว่าอาการของเขาไม่สู้ดีนักเพราะมีอาการแทรกซ้อนถึง 4 ครั้งใน 1 สัปดาห์ เขาอาจจะจากเราไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หลังจากที่นาย Swift นอนหมดสติไป 10 วัน เขาก็ฟื้นขึ้น และทันทีที่ได้สติเขาก็ขอ Abbi Ruicker แฟนสาวที่เขาคบมานานกว่า 2 ปี…
-
หลังจากรู้ว่าหมาเป็น “มะเร็ง” จนถูกตัดขาทิ้ง เขาก็เลยพามันไปเที่ยวให้สมใจอยาก!!
ในเดือนพฤษภาคมปี 2015 สุนัขตัวหนึ่งชื่อว่า “เบลล่า” ถูกตรวจพบว่ามันเป็นมะเร็งกระดูก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสำหรับเจ้าของ Robert Kugler ที่ต้องตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากว่าขาของมันติดเชื้อและจำเป็นที่จะต้องตัดทิ้ง ทำให้ตอนนี้มันมีแค่ 3 ขา แต่ชีวิตของมันก็ยังเดินหน้าต่อไปได้ พร้อมกับช่วงเวลาชีวิตที่คาดไว้ว่าอีกประมาณ 3-6 เดือนเท่านั้น ที่มันจะยังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้ เนื่องจากว่ามะเร็งมันลามไปถึงปอดอย่างรวดเร็ว หลังจากการผ่าตัด เจ้านายก็เลยตัดสินใจจะพาเจ้าเพื่อนสนิทตัวนี้ไปผจญภัยครั้งสุดท้ายเพื่อเป็นการบอกลาครั้งสุดท้าย ทั้งคู่ได้ออกไปท่องเที่ยวหลากหลายที่มาก แทบจะทั่วสหรัฐฯ รวมไปถึง Chicago, Key West, Nashville และ Savannah จากที่หมอบอกว่ามันจะมีชีวิตเหลือเพียงแค่ 3 – 4 เดือน แต่ตอนนี้ผ่านมาได้ 14 เดือนแล้ว ทั้งคู่ก็ยังใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในการท่องเที่ยวราวกับว่าเจ้าเบลล่าไม่ได้ป่วยอีกแล้ว . . . . . . . . . . เรียกได้ว่าพลังใจล้วนๆ เลยที่ทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อจากที่หมอเคยคาดการณ์ไว้ ไปติดตามการเดินทางของเพวกเขาทั้งคู่ได้ที่ Instagram นี้เลย ที่มา boredpanda
-
สายเบิร์นฟังไว้!! นักวิจัยเตือน ‘ออรัลเซ็กส์’ เพิ่มอัตราการเกิด ‘มะเร็งศรีษะและลำคอ’
อื้อหืออออ ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายๆ คนอาจจะชอบหรือไม่ชอบกัน แต่ล่าสุดมีงานวิจัยออกมาแล้วล่ะว่า การ ‘ออรัลเซ็กส์นั้น’ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งมะเร็งศรีษะและลำคอได้!!? โดยส่วนมากแล้ว มะเร็งที่เกิดขึ้นบริเวณนั้นเรามักมีความเชื่อกันว่าเกิดจากการสูบบุหรี่และการดื่มสุราหนักๆ มากกว่า จากการเก็บข้อมูลของทาง American Cancer Society พบว่า ตั้งแต่ปี 1980 เป็นต้นมา อัตราการเกิดโรคมะเร็งนั้นเพิ่มขึ้นสูงกว่า 2 เท่าเลยทีเดียว โดยเฉพาะมะเร็งศรีษะและลำคอ อัตราการเสี่ยงเป็นมะเร็งที่มากขึ้น!? HPV – Human Papilloma Virus คือกลุ่มของไวรัสที่มีผลต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อชุ่มฉ่ำที่อยู่ภายในของร่างกายมนุษย์ ซึ่งนักวิจัยอย่าง Dr. Iain Morgan ได้ออกมาเผยว่า ‘เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างซีเรียสเลยทีเดียว และก็มีหลักฐานที่ชี้เบาะแสให้เรารู้ว่า การมีออรัลเซ็กส์นั้นทำให้อัตราการรับไวรัสกลุ่มนี้สูงขึ้น’ แต่อย่าพึ่งตกใจกันไปเพราะทางสำนักข่าง Dailymail ได้รายงานว่า จากงายวิจัยล่าสุด Journal of Clinical Oncology พบว่าคนส่วนใหญ่มีภูมิคุ้มกันที่จะป้องกันมันได้ ถึงแม้เชื้อ HPV นี้จะรุนแรงและสามารถนำไปสู่การติดเชื้อได้แค่แม้สัมผัสกัน (ในกรณีนี้อาจปากต่อปาก หรือปากต่ออวัยวะเพศ) แต่กระนั้นถึงโอกาสจะมีน้อย บางคนก็รับไวรัสตัวนี้เขาไปมันก็สามารถกระตุ้นเซลล์ที่ติดเชื้อให้เกิดเหตุการณ์อื่นๆ อันเป็นการเกิดโรคมะเร็งในภายหลัง… ** ไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งโดยตรง และก็อย่างที่เราทราบกันเป็นอย่างดีว่า…
-
ครอบครัวเล่าเรื่องสุดซึ้ง ถึงหนูน้อย 7 ขวบที่เสียชีวิตจาก ‘มะเร็งสมอง’ เตือนให้คนตระหนักถึงภัยร้าย
และนี่คือเรื่องราวที่ถูกแชร์จาก ผู้ที่ใช้ชื่อว่า Taisce ซึ่งเป็นน้าของ Katherine King สาวน้อยที่ต้องจากไปด้วยโรคมะเร็งสมองในวัยเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น ครอบครัวของเธอจึงบอกเล่าเรื่องเหล่านี้เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเธอ… ลาก่อน Katherine King การวิจัยเพื่อรักษามะเร็งสมองนั้นไม่ค่อยได้รับทุนสนับสนุนเท่ากับมะเร็งอื่นๆ และนั่นทำให้เด็กหลายคนผู้ป่วยเป็นโรคนี้ไม่สามารถรักษาตัวให้หายได้ เช่นเดียวกันกับ เด็กหญิงวัย 7 ขวบคนนี้ ชื่อ Katherine King เธอยอมจำนนต่อโรคร้ายนี้ในวันที่่ 6 มิถุนายนที่ผ่านมา พ่อแม่ของเธอก็จะเก็บเธอไว้ในความทรงจำตลอดไป และหวังว่าเรื่องราวที่แชร์นี้ จะทำให้หลายคนตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็งสมอง และสนับสนุนทุนเพื่อการวิจัยรักษาโรคนี้อย่างจริงจังมากขึ้น เธอได้จากเราเร็วเกินไป สิ่งที่เธอก่อนที่จะจากไป ในวัยเพียง 7 ขวบ ยังมีสิ่งที่ให้ลองทำและประสบการณ์ดีๆอีกมากมาย เธอมีชีวิตที่สดใสมาตลอด 12 เมษายน 2557 (นี่เป็นรูปสุดท้ายก่อนที่เธอจะเจอกับโรคร้าย) จริงๆแล้วเธอควรจะได้ไปโรงเรียน 2 มิถุนายน 2015 (วันที่แพทย์วินิจฉัยว่า เธอมีเนื้องอกในสมอง และเธอต้องได้รับการผ่าตัด) และหมอบอกว่า เธอมีชีวิตได้อีกเพียง 9 เดือน เธอควรจะมีโอกาสได้มีแฟน…
-
หนุ่มน้อยเสียแม่ไปเพราะ ‘มะเร็ง’… ปฏิเสธของขวัญวันเกิด เอาเงินช่วยผู้ป่วยมะเร็งแทน!!
เมื่อกล่าวถึง ‘โรคมะเร็ง’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนคงจะรู้กันดีว่าเจ้าโรคนี้เป็นตัวการที่คร่าชีวิตผู้คนมากมายบนโลกของเรา และในปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาวิธีที่รักษาที่ได้ผลแบบรวดเร็วทันใจได้ นอกจากจะต้องทำคีโมเพื่อกำจัดเชื้อมะเร็งร้ายให้หมดไป ทั้งนี้การทำคีโมนี้ก็มีผลข้างเคียงต่อร่างกาย แถมยังมีค่าใช้จ่ายสูงอีกด้วย ทำให้ใครหลายๆ คนที่เป็นมะเร็งในระยะสุดท้าย เลือกที่จะยอมแพ้และจากไป… วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมเรื่องราวของหนูน้อยคนหนึ่งที่สูญเสียแม่ไปด้วยโรคมะเร็งร้าย และด้วยเหตุนี้ทำให้เขาอยากที่จะช่วยเหลือชีวิตผู้ป่วยโรคมะเร็งคนอื่นๆ เจ้าหนูน้อย Harvey Hughes-Sharps วัย 7 ปี เขาได้ตัดสินใจทำบางอย่างที่ต้องขอบอกไว้เลยว่าทุกคนจะต้องยกย่องเค้าแน่ คุณพ่อ Jonathan Sharps เล่าว่าเขาสูญเสียภรรยาไปเมื่อ 3 ปีก่อน ตอนที่เจ้าหนู Harvey ยังอายุได้ 4 ขวบด้วยโรคมะเร็งรังไข่ ซึ่งเจ้าเนื้อร้ายนี้แพร่กระจายไปยังปอด และสมอง ก่อนหน้านั้นคุณ Rachel คุณแม่ของเจ้าหนู Harvey ได้เข้าทำการรักษาตัวอยู่ที่ ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย Good Shepherd ในเมือง Chester ในวันที่เธอเสียชีวิต เป็นวันที่เจ้าหนู Harvey กำลังเลิกเรียนและจะมาเยี่ยมคุณแม่เหมือนปกติทุกๆ วัน คุณ Rachel อดทนรอคอยที่จะพบหน้าลูกของเธอเป็นครั้งสุดท้ายหลังจากนั้นเธอก็จากไปอย่างสงบในเดือน ธันวาคม ปี…
-
ชมคลิปการดีใจของลูก เมื่อแม่มาเซอร์ไพรซ์ว่า “หนูเอาชนะโรคมะเร็งได้แล้วนะ” !!!!
นี่คือเรื่องราวของหนูน้อย Ben Morris วัย 8 ขวบ ที่ใช้ชีวิต 3 ปีในโรงพยาบาล The Children’s Hospital ที่ St. Francis ในรัฐโอคลาโฮม่า เพื่อทำการรักษาโรงมะเร็ง มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับหนูน้อยและครอบครัว Ben และแม่ Casi L Morris จำความรู้สึกเมื่อตอนที่เขาออกมาจากโรงพยาบาลเมื่อเดือนเมษายนปี 2013 ได้เป็นอย่างดี หนึ่งเดือนหลังจากพบว่าเขามีมะเร็ง ก็ได้ไปหาเภสัชแล้วก็ได้ใบสั่งยามา 9 ใบ และต้องดูแลลูกที่บ้าน งานก็คือต้องจำได้ว่าต้องกินยาช่วงเวลาไหน แล้วเวลานี้ก็มาถึง เมื่อตอนสิ้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Ben น้อยของเขาก็ได้กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปเจาะไขกระดูก และต้องรอผล ซึ่งเป็นเวลาที่ลุ้นมากๆ แม่ Casi พ่อ Michael และพี่ชาย Ethan ต่างก็มาให้กำลังใจเด็กน้อยคนนี้อยู่เสมอด้วยรอยยิ้ม ทำให้หนูน้อยไม่มีอาการเครียด Ben และคุณแม่กลับมาตรวจที่ห้องเดิม เหมือนตอน 3 ปีที่แล้ว เป็นเวลากว่า 1,167 วันที่หนูน้อยต้องรักษาตัว.. และวันนี้ผลที่ออกมาก็คือเด็กน้อยสามารถเอาชนะโรคมะเร็งนี้ได้สำเร็จแล้ว เด็กๆ ดีใจกันใหญ่ …
-
คุณพ่อลงทุน “สักที่หัว” เพื่อเสริมความมั่นใจให้ลูก ที่ผ่าตัดศีรษะเพราะมะเร็งร้าย!!
เมื่อลูกชาย Gabriel Marshall จากรัฐแคนซัสประเทศสหรัฐฯ ตรวจพบว่ามีเนื้องอกในสมองในเดือนมีนาคมปี 2015 และหลังจากการผ่าตัดก็ได้ทิ้งรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ไว้ที่หัว คุณพ่อ Josh “J-Mash” Marshall จึงอยากชะช่วยลูกของเขาเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิต เพราะกลัวว่าลูกจะอายเวลามีคนเห็นรอยแผลเป็นของเขา พ่อก็เลยไปสักบนหัวให้เป็นลายเหมือนกับลูก เพื่อให้ลูกไม่รู้สึกเหงา หลังจากที่คุณพ่อโพสต์ภาพนี้ลงไป ก็ได้มีคนให้ความสนใจเป็นอย่างมากจนกลายเป็นไวรัล ผู้คนต่างเคารพการตัดสินใจครั้งนี้ และกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายคน “ว๊าว ผมไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้นะเนี่ย” คุณพ่อโพสต์ในเฟซบุ๊กหลังจากที่ภาพนี้โด่งดังเป็นอย่างมาก อีกทั้ง Aesthetic Revolution ซึ่งเป็นแอคเคาท์ในอินสตาแกรมก็ได้แชร์ภาพนี้ไปพร้อมกับแคปชั่น “คนหนึ่งมีแผลเป็นจริงๆ อีกคนหนึ่งมีรอยสักแผลเป็นที่ทำให้ลูกรู้สึกเป็นคนปกติ นี่อาจจะเป็นคุณพ่อแห่งปีเลยก็ได้” ทั้งนี้ก็ยังมีกระแสที่ยังไม่เห็นด้วย เพราะว่าเขาหวังดีต่อตัวเด็ก เลยแนะนำให้คุณพ่อแทนที่จะทำตัวให้เหมือนกับลูก ให้แนะนำให้ลูกเรียนรู้กับการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากคนอื่นแทน เพราะจะทำให้ลูกเติบโตขึ้น และไม่มีอะไรที่จะเหมือนกับเขาได้ทั้งหมด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราสอนจะสอนลูกยังไง แล้วชาวเหมียวล่ะ คิดว่าการทำกับลูกแบบนี้มันดีรึเปล่า!? ที่มา boredpanda
-
ชายหนุ่มและสุนัขคู่ใจ ถ่ายภาพรำลึกความหลังอีกครั้ง หลังใช้ชีวิตร่วมกันมา 15 ปีแล้ว!!
เมื่อครั้งที่ชายหนุ่ม กอร์ดอน เดอลาครอยซ์ อายุได้ 14 ปี สุนัขที่ครอบครัวของเขาก็ได้คลอดลูกออกมาเป็นหมาน้อยมากมาย และหนึ่งในนั้นมีตัวที่พิเศษที่สุดชื่อว่าเจ้า “เบอร์ดี้” ตอนนี้เบอร์ดี้อายุได้ 15 ปีแล้ว เขาก็เลยอยากที่จะรำลึกความหลังกับเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตัวนี้สักหน่อย ด้วยการถ่ายภาพเหมือนที่เคยถ่ายตอนที่เจ้าเบอร์ดี้ยังเป็นเด็กแบเบาะ ในภาพนี้เราจะได้เห็นการเติบโตของทั้งคู่ตั้งแต่แรก จนถึง 10 ปีผ่านมา และ 15 ปีผ่านมา เปลี่ยนไปเยอะมากๆ เขาและเบอร์ดี้เติบโตมาด้วยกันในแถบนอกเมืองในเบลเยี่ยม และในช่วงที่เรียนมหาลัย ทุกๆ วันหยุดเขาก็จะมาหาเบอร์ดี้ทุกครั้ง และหลังจากเรียนจบ เขาก็พามันไปอยู่ที่เมือง Brussels ในเบลเยี่ยมด้วย เขาเล่าว่า “เบอร์ดี้เป็นหมาที่น่ารักและเงียบมากๆ มันชอบให้กอด แต่มันก็ไม่เคยไปรุกรานใคร และสิ่งที่มันชอบที่สุดก็คือการได้เจอเพื่อนใหม่ๆ” เขาและเบอร์ดี้นั้นยังมีบทบาทต่อกันและกันมาก เมื่อตอนที่กอร์ดอนมีวงดนตรีกับเพื่อนๆ ของเขา เบอร์ดี้ก็ไปอยู่ในเอ็มวีที่เขาได้ทำขึ้นมาด้วย ดูเหมือนว่ามันมีส่วนร่วมกับวงนี้ ขนาดว่าตอนที่มีบทความในหนังสือพิมพ์เกี่ยวกับวง เบอร์ดี้ก็ยังมีบทความพิเศษอยู่ข้างๆ ในตอนนี้เบอร์ดี้แก่ตัวขึ้นเรื่อนๆ ทางครอบครัวก็กลัวว่าจะเสียมันไป เพราะล่าสุดตรวจพบว่ามันมีมะเร็ง แต่นั่นก็ไม่ทำให้มันหยุดร่าเริงเลย กอร์ดอนเล่าว่า “ถึงแม้ว่าวันนี้มันจะไม่เหมือนแต่ก่อนมากนัก แต่มันก็ยังสนุกกับการได้ไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ พร้อมกับได้พบเพื่อนใหม่ เราพามันไปว่ายน้ำ…
-
เรื่องราวของสาวที่จู่ๆ ก็ป่วยเป็นมะเร็ง… แชร์ประสบการณ์รักษา และยอมรับที่จะอยู่กับมันให้ได้
‘โรคมะเร็ง’ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนมานักต่อนักแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่ป่วยเป็นโรคร้ายนี้ เนื่องจากว่าเป็นเพราะสารพิษที่ปนเปื้อนเข้าไปในร่างกายจนทำให้เนื้อเยื่อหรือเซลล์ตาย จากนั้นมันก็ค่อยๆ ลุกลามไปกินส่วนอื่นๆ นอกจากผู้ป่วยจะต้องอดทนกับความเจ็บปวดจากการถูกเนื้อร้ายกัดกินแล้ว การรักษาของมันก็ส่งผลข้างเคียงอย่างใหญ่หลวงอีกด้วย ทั้งผมร่วง แถมยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงอีกต่างหาก แต่ถ้าหากเราอดทนและมีใจสู้ทำการคีโมต่อไปสักวันหนึ่งมันก็จะหายไป ซึ่งหลายๆ คนก็ยอมแพ้ระหว่างทำการรักษาและเลือกที่จะยอมให้เจ้าเนื้อร้ายพรากชีวิตของตัวเองไป สาเหตุอาจมาจากสถานะทางการเงิน หรือทนความเจ็บปวดไม่ไหว และในวันนี้ #เหมียวหง่าว ขอนำเสนอเรื่องราวของ ‘ผู้ชนะ’ ที่สามารถผ่านพ้นเจ้าโรคร้ายนี้ไปได้ โดยเธอมีชื่อว่า คุณกิ๊ฟ ที่เคยเป็นนางแบบและพริตตี้มาก่อน จู่ๆ มาวันหนึ่งเธอเกิดเป็นลมล้มพับขณะไปเป็นนางแบบถ่ายรูป คุณหมอตรวจพบว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไป แต่สุดท้ายเธอก็ต่อสู้กับมัน และสามารถเอาชนะมันได้ในที่สุด ลองไปชมเรื่องราวของเธอกันที่โพสท์ข้างล่างนี้ได้เลย… . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .…
-
สาวจีนระดมทุนค่ารักษาโรคมะเร็งให้น้องสาว โดยการยืนเป็นเป้าให้ทุกคนยิงธนูใส่เธอ!?
บางครั้งเรื่องจริงมันก็น่าเศร้ายิ่งกว่านิยายซะอีกแหนะ… เมื่อวันจันทร์ที่ 23 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวในประเทศจีนได้รายงานว่าหญิงสาวชาวจีนได้ออกมายืนกลางถนนในมณฑลหางโจว ประเทศจีน ได้ยื่นข้อเสนอให้กับคนที่เดินผ่านไปผ่านมายิงธนูโดยมีตัวเธอเป็นเป็นเป้า เพื่อแลกกับเงินเพียง 10 หยวนต่อการปา 1 ครั้ง!? แต่หลังจากที่ยืนอยู่ได้ไม่ถึงชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารวบตัวเธอและนำไปสอบสวนที่สถานี จึงได้ความว่าที่เธอทำแบบนี้ก็เพราะเธอพยายามจะระดมทุนเพื่อนำเงินไปรักษา Ji Jiayan น้องสาวของเธอที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลัน น้องสาวของเธอนั้นต้องเข้ารับการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก ครั้งหนึ่ง Jiayan เคยพยายามจะหนีออกจากบ้าน โดยทิ้งกระดาษข้อความไว้ให้กับแม่ของเธอ ในเนื้อหาเป็นการแสดงความเสียใจที่เธอไม่สามารถอยู่ดูแลแม่ของเธอได้เมื่อแก่ตัวไป แต่ที่พูดไปแบบนั้นก็เพราะเธอคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับพวกเขา ทั้งนี้อาการป่วยไข้ของ Jiayan จำเป็นจะต้องใช้เงินในการรักษาสูงถึง 5 แสนหยวน หรือประมาณ 2,700,000 บาท เลยทีเดียว หลังจากเรื่องนี้เป็นประเด็นดัง ทางครอบครัวได้ทำการระดมทุนผ่านโลกออนไลน์และได้เงินค่ารักษามามากพอจนพี่สาวของเธอไม่ต้องไปทำอะไรเสี่ยงๆ แบบนั้นอีกแล้วล่ะ เมื่อถึงคราวจนตรอก สถานการณ์มันก็บีบบังคับให้คนทำได้ถึงขนาดนี้เลยนะเนี๊ยะ ที่มา shanghaiist
-
เรื่องราวสุดประทับใจ จากหมาป่วยโรคมะเร็ง เจ้าของให้ความรักจนตอนนี้มีชีวิตอยู่มาถึง 13 ปี!!
อย่างที่เพื่อนๆ ทราบกันดีว่า ‘โรคมะเร็ง’ เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนมาเป็นจำนวนมาก แต่หารู้ไม่ว่าจริงๆ แล้วเจ้าโรคร้ายนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแต่กับเฉพาะคนเท่านั้น เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็สามารถเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน วันนี้ #เหมียวหง่าว จะมาเล่าเรื่องราวของเจ้าหมาที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังกัน จะเป็นอย่างไรนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่า Jack Richards ชายหนุ่มชาวอังกฤษ ได้รับลูกหมาน้อยตัวหนึ่งเข้ามาเลี้ยงในครอบครัวและตั้งชื่อให้มันว่า D ทุกคนในครอบครัวของเขาต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้เลี้ยงเจ้า D เป็นอย่างมาก พวกเขาทำการเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี จนเวลาผ่านไป…เข้าสู่เดือนที่ 6 นับตั้งแต่รับมาเลี้ยง จู่ๆ ก็มีก้อนประหลาดงอกขึ้นมาที่ผิวหนังของมัน ทางครอบครัว Richards ก็เลยพามันไปตรวจกับสัตวแพทย์และพบว่า ก้อนเนื้อนั้นคือมะเร็งร้ายที่จะคอยกัดกินและคร่าชีวิตมันไปทีละนิดๆ พวกเขาก็เลยตัดสินใจที่จะรักษามันตามวิธีการของสัตวแพทย์ หลังจากนั้นก็ได้พาเจ้า D ไปหาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการรักษาสัตว์ที่มหาวิทยาลัย Cambridge เพื่อทำการตรวจสอบอีกครั้ง พวกเขาเต็มไปด้วยความคาดหวังว่าความรักของพวกเขา และการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญจะช่วยชีวิตมันได้… และพบปาฎิหาริย์เกิดขึ้นเพราะการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี จนสุดท้าย… มะเร็งร้ายนั้นหายไปแล้ว!! แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญยังบอกอีกว่าอย่างเพิ่งชะล่าใจไปล่ะ เพราะเจ้าเนื้อร้ายนี้มันสามารถกลับมาอีกได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจงใช้เวลาอยู่กับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก็แล้วกันนะ แต่เวลาผ่านพ้นไป 13 ปี เจ้า D ก็ยังมีชีวิตอยู่แถมยังมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ดีอีกด้วย…
-
สะเทือนใจ เด็กน้อยมะกันไว้ผมยาว 2 ปีเพื่อบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง แต่กลับป่วยซะเอง
นี่เป็นเรื่องราวชวนให้สะเทือนใจของเด็กชาย Vinny Desautels วัย 7 ขวบ จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อดทนไว้ผมยาวมานาน 2 ปี เพื่อนำเอาเส้นผมของเขาไปบริจาคทำเป็นวิกเพื่อช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยโรคมะเร็ง หลังจากผ่านไป 2 ปี นับตั้งแต่วันแรกที่เขาเริ่มไว้ผมยาว เขาสามารถไว้ผมได้ยาวถึง 13 นิ้ว เลยทีเดียว แต่เหมือนโชคชะตาจะเล่นตลกกับเขา เพราะหลังจากที่เขาตัดผมเอาไปทำวิกได้ไม่นาน กลับกลายเป็นว่า Vinny ป่วยเป็นโรคมะเร็งเสียเอง พ่อแม่ของ Vinny ได้นำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลทันทีที่รุ้เรื่อง เพื่อให้หมอดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย จากการตรวจพบว่าเขาเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายแล้ว เขามีก้อนเนื้อเจริญเติบโตที่รอบๆ สะโพก, ที่กระดูกรอบๆ ดวงตาและแก้มด้านขวา ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจพอสมควรที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเด็กที่มีจิตใจดีแบบนี้ แต่พ่อกับแม่ของเขาก็ยังคงภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้ และดีใจที่เขาเกิดมาเป็นลูกของพวกเขา ทั้งนี้ทางด้าน Sue และ Ron ผู้เป็นย่าและปู่ของ Vinny ได้ตระหนักถึงความเดือดร้อนของหลายชายผู้นี้ จึงได้ขอเรี่ยไรเงินค่ารักษาพยาบาลผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เพื่อนำไปจ่ายค่ารักษาแสนแพงในทุกๆ วัน พร้อมกันนี้ยังมีข้อความบรรยายในเว็บไซต์ด้วยว่า “หลานชายของพวกเราเป็นสิ่งล้ำค่ามาก เขาต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายแบบที่เด็กคนหนึ่งไม่ควรเจอ” นี่คือภาพของเจ้าหนู Vinny ขณะนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล…
-
หญิงสาวตัดสินใจโกนผมในวันแต่งงาน เพื่อเป็นกำลังใจให้คนรักที่ป่วยหนักใกล้เสียชีวิต…
หากคุณทราบว่าคนรักของคุณกำลังป่วยหนัก และกำลังจะเสียชีวิตในเวลาอีกไม่นาน คุณจะทำอย่างไร บางคนอาจทำใจ บางคนอาจเศร้าเสียใจ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอคนนี้ทำอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เธอทำนั้น ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งเหล่านั้นมากมายนัก เรื่องราวอันน่าประทับใจ (และน่าเศร้าไปพร้อมๆ กัน) เป็นของคู่รัก Craig และ Joan Lyons ทั้งสองเล่าว่าพวกเขารู้จักกันมากว่า 30 ปีแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา Craig แอบหลงรัก Joan มาตลอด แต่เธอไม่เคยรู้เลยแม้แต่น้อย “ครั้งแรกที่ผมเจอหน้าเธอตอนอายุ 14 ผมตกหลุมรักในทันที” Craig กล่าวกับ Dailymail จนกระทั่งเมื่อ 18 เดือนก่อน Craig ตัดสินใจบอกความรู้สึกจริงๆ ของเขาออกไป แน่นอน Joan ก็ตอบรับความรู้สึกนั้น และพวกเขาวางแผนที่จะแต่งงานกัน… ตอนแรกพวกเขาตั้งใจจะแต่งงานในปีถัดมา โชคร้าย Craig ตรวจพบมะเร็งตับอ่อนซึ่งอยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว พวกเขาจึงเลื่อนงานแต่งงานให้เร็วกว่าเดิม และในงานแต่งงาน Joan ตัดสินใจโกนผม เพื่อเป็นการให้กำลังใจการสามีที่กำลังป่วยหนักของเธอ “นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นเธอในสภาพที่ไม่มีผม เธองดงามมาก…
-
Dean James ชายหนุ่มผู้ไม่ย่อท้อต่อโชคชะตา เอาชนะโรคมะเร็งจนเป็นแชมป์มวยไทย!!
ชีวิตของคนเรามีเกิด แก่ เจ็บ และ ตาย ถึงแม้จะมีความคิดอยากทำหลายสิ่งหลายอย่าง ต่อให้มีเงินมากมายแค่ไหน ก็ไม่อาจทำได้ หากว่าสังขารไม่เอื้ออำนวย โดยเฉพาะกับโรคร้ายแรงอย่างมะเร็ง Dean James ชายหนุ่มจากเมือง Wolverhampton ประเทศอังกฤษ ผู้มีความฝันอยากจะเป็นนักกีฬามืออาชีพ แต่ฝันก็ดับสลายไปในพริบตาหลังจากที่ได้รู้ความจริงจากปากแพทย์ผู้วินิฉัยร่างกายของเขาว่า ‘เขาเป็นโรคมะเร็งสำไส้’ ก่อนหน้านั้นเขาก็ได้ชมทักษะลีลาฝีไม้มวยไทยมาเยอะพอสมควร และชอบกีฬามวยไทยเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าแพทย์จะแนะนำให้เขาเลิก แต่เขาก็ยังคงฝึกฝนมวยไทยต่อไป แม้จะรู้ตัวว่าประสบกับโรคมะเร็งก็ตาม ทั้งนี้การฝึกฝนชกมวยไทยนั้นทำให้เขาได้ระบายความโกรธและความเครียดออกมา นอกจากจะช่วยพัฒนาร่างกายแล้ว มวยไทยก็ช่วยพัฒนาด้านอารมณ์ของเขาด้วย ช่วยระบายความเครียดได้เป็นอย่างดีจากการชกและเตะกระสอบทรายเป็นประจำ ภายหลังจากที่ฝึกมวยไทยและได้รับบำบัดคีโมอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้เขาชนะการแข่งขันมวยไทยระดับโลกสามรายการ ในสัดส่วนน้ำหนักที่แตกต่างกัน อีกทั้งยังชนะในรายการ Commonwealth Games และ European Championships อีกด้วย ปัจจุบันเขาอายุ 32 ปีแล้วและได้เซ็นสัญญากับ Tanko Management เป็นที่เรียบร้อย มีความก้าวหน้าในวงการกีฬามืออาชีพ แต่ต้องตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำทุกๆ…
-
สาวจีนป่วยเป็นมะเร็ง ขอถ่ายภาพพรีเวดดิ้งกับแฟนก่อนตาย แถมอยากกลับมาเกิดเป็นลูกสาวของเขาด้วย
บางทีความรักก็ชอบเล่นตลกกับคน บางคนมีสิ่งดีๆ อยู่ในมือแล้วแท้ๆ แต่ไม่ดูแลรักษาไว้ดีๆ บางคนดูแลกันแทบตาย ยังไงก็ไม่ได้คู่กัน เหมือนกับเรื่องราวของคู่รักชาวจีนที่#เหมียวฟิ้นจะหยิบมาเล่าต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้บอกเล่าเรื่องราวของ เสี่ยว ยี่ หญิงสาววัย 21 ปี จากมณฑลกุ้ยโจว ประเทศจีน เธอได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคมะเร็วกระดูกตั้งแต่อายุได้เพียง 14 ปี เสี่ยว ยี่จึงต้องเข้ารับการรักษานานถึง 6 ปี แต่ดูเหมือนอาการของเธอจะค่อยๆ แย่ลงเรื่อยๆ ทีมแพทย์จึงตัดสินใจผ่าตัดเอาขาซ้ายของเธอออก โชคดีที่เธอมี เสี่ยว ฟู่ แฟนหนุ่มที่คบกันมา 2 ปีคอยเป็นกำลังใจให้เธอ แต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเลวร้ายลงเพราะเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา คุณหมอได้บอกกับเสี่ยว ยี่ว่า มะเร็งกระดูกของเธอได้ลุกลามไปทั่ว และเธอจำเป็นที่จะต้องหยุดการรักษา ในระหว่างที่เธอป่วยและมีอาการที่ทรุดลงเรื่อยๆ เสี่ยว ฟู่ก็ไม่ได้หายไปไหน แต่คอยอยู่เคียงข้างเธอและดูแลเธออยู่ข้างๆ เตียงตลอดเวลา เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ทั้งคู่ได้มีโอกาสไปถ่ายภาพพรีเวดดิ้งด้วยกัน เพื่อเติมเต็มให้กับความฝันของเสี่ยว ยี่ ก่อนที่เธอจะลาโลกนี้ไป…
-
เปิดจดหมายสุดซึ้งถึง J.K. Rowling ของแม่ผู้สูญเสียลูกสาวให้กับมะเร็ง ว่า Harry Potter ช่วยพวกเขาไว้ยังไง…
สำหรับเรื่องนี้ #จ่าสิบเหมียว เห็นด้วยกับเค้านะเนี่ย เวลาอ่านหนังสือ ราวกับว่าเราได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการเพื่อหลบหนีความโหดร้ายของความเป็นจริงที่ไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย และในกรณีของครอบครัวนี้ เรียกได้ว่าหนังสือ Harry Potter ของ J.K. Rowling นั้น ได้เปลี่ยนโลกของพวกเขาไปอย่างสิ้นเชิง Chrissy Hart แม่ของเด็กสาวผู้เป็นมะเร็งก็ได้อธิบายเรื่องนี้ไว้อย่างดี ในจดหมายที่ส่งถึงนักประพันธ์ของหนังสือชุดนี้นั่นก็คือ J.K. Rowling ว่า Harry Potter ช่วยเธอและลูกสาวยังไงจากสถานการณ์อันยากลำบาก และความตายที่คืบคลานใกล้เข้ามาทุกขณะของชีวิต J.K. Rowling จดหมายที่คุณแม่ของเด็กผู้เป็นมะเร็ง เขียนถึง J.K. ว่าหนังสือชุดนี้ได้มอบความกล้าให้เธอกล้าเผชิญกับความจริงได้อย่างไร… ถึง… J.K. Rowling, ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ขึ้นมาในฐานะแม่คนหนึ่ง ที่มีลูกสาวเป็นสาวน้อยแสนสวย และแน่นอนฉันรู้ดีว่ามีคนมากมายเคยบอกคุณว่าถ้อยคำและจินตนาการในหนังสือของคุณ ช่วยเหลือพวกเขาและครอบครัวของเขาอย่างไร ทั้งช่วยเกี่ยวกับปัญหาซึมเศร้าต่างๆ แรงบันดาลใจและความเข้มแข็งจากเรื่องราวชีวิตของ เนวิลล์ ลองบัทท่อม ที่เติบโตมาเป็นวีรบุรุษ หรือบางครั้งงานของคุณก็เป็นเพื่อนที่ดีของหนอนหนังสือตัวน้อยผ่ายถ้อยคำที่ร้อยเรียงในนั้น แต่ถึงกระนั้นฉันก็อยากจะเล่าประสบการณ์ดีๆ เกี่ยวกับสิ่งดีๆ ที่ลูกสาวของฉันได้รับจากงานเขียนของคุณ ลูกสาวของฉันที่ไม่นานมานี้เธอได้ต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็ง ตอนที่ฉันอ่านเรื่องราวจากหนังสือให้ลูกสาวฟัง เธอไม่ได้มีท่าทีชัดเจนว่าชอบตัวละครด้านดีหรือด้านมืดมากกว่ากัน แต่กลับเป็นตัวละครสีเทาๆ มากกว่า ในงานเขียนของคุณนั้นราวกับว่ามอบความหวังเล็กๆ ให้กับลูกสาวของฉัน…
-
หนูน้อยป่วยเป็นมะเร็งสมอง ผู้โชคดีขออะไรก็ได้ แต่เธอขอไปเก็บขยะ สร้างแรงบันดาลใจให้คนนับพัน!!!
ต้องบอกว่าเป็นเรื่องราวสุดประทับใจของหนูน้อย Amelia Meyer ที่เธอเป็นผู้โชคดี Make-A-Wish รายการที่จะให้เด็กๆ ขออะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นการพบกับดาราคนดังที่เธอชื่นชอบ ไปเที่ยวสถานที่เจ๋งๆ หรือว่าขอขนมเป็นตั้งๆ …ไม่หรอก เธอขออะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เธอขอการดูแลโลก!!! เป็นคำขอที่น่ารักที่สุดที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ Amelia Meyer หนูน้อยผู้ป่วยโรคมะเร็งสมองวัย 8 ขวบ ขอพรให้เธอสามารถไปช่วยดูแลสวนสาธารณะของเมืองที่เธออาศัย ซึ่งคุณครูของเธอก็บอกเพิ่มเติมว่า เธอรักสวนสารธารณะแห่งนี้มาก และมักจะไปบ่อยๆ กับคุณยายของเธอ Make-A-Wish ที่จะขออะไรก็ได้ เธอได้ให้สัมภาษณ์กับ CBS News ว่า ‘สวนสาธารณะมันดูไม่ดีเอาซะเลย และเหตุผลอีกข้อหนึ่งก็คือมันอาจทำให้สัตว์ที่เข้ามาในสวนป่วยหรือบาดเจ็บได้ด้วย’ ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่เธอขอ และทางรายการก็จัดให้ได้โดยง่าย แต่ก็เป็นแรงบันดาลใจให้คนแถบนั้นสุดๆ ไปเลยทีเดียว โดยวันที่เธอไปทำความสะอาดนั้น ทั้งสถานีตำรวจ พนักงานดับเพลิงทุกคน รวมถึงอาสาชาวเมืองอีกนับร้อยๆ คนต่างมาช่วยเธอทำความสะอาดสวนแห่งนี้ ‘หนูคิดว่าจะมีคนมานะ แต่ไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้’ Meyer กล่าว สำหรับตอนนี้หนูน้อยก็เป็นผู้สร้างแรงบันดาลใจและการทำความดีให้กับเมืองแห่งนี้เลยทีเดียว จนนายกเทศมนตรีของเมืองออกมาประกาศให้วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2559 ที่ผ่านมาเป็นวัน “Amelia Meyer’s Take Care…
-
เอาล่ะจุ้ย!! องค์การอนามัยโลกเผย ถุงยางบางยี่ห้อ อาจมีสารเคมีอันตรายที่เป็นสารก่อมะเร็ง!?
ในความเข้าใจของคนทั่วไป (รวมถึงเหมียว) คงเข้าใจกันว่ามะเร็งนั้นเกิดจากการสูบบุหรี่ ได้รับสารเคมี หรือกินของไหม้ๆ ทำให้เกิดเป็นมะเร็งในร่างกายของเราได้ แต่ล่าสุดมีการรายงานจากต่างประเทศว่า การสวมถุงยางบางยี่ห้อ ก็อาจทำให้เรากลายเป็นมะเร็งได้เช่นกัน เห้ย มันอะไรกันเนี๊ยะ!! เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าองค์การอนามัยโลกได้ออกมาเตือนผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากยางบางยี่ห้อ ว่าอาจมีส่วนผสมของสารเคมีอันตรายที่ก่อให้เกิดมะเร็งก็เป็นได้ เจ้าสารก่อมะเร็งที่ว่านี้ยังถูกพบในจุกนมเด็ก, ถุงมือยาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มียางเป็นส่วนประกอบ ทางด้านศาสตราจารย์ Hans Kromhout ได้เข้าร่วมการประชุมที่ประเทศฝรั่งเศสได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า “มันถูกค้นพบในถุงมือ ขวดนมเด็กและจุกนมปลอม” นอกจากนี้เขายังเสริมอีกว่า “มันได้รับการยืนยันเมื่อไม่นานมานี้ ว่าฝุ่นควันบนท้องถนนที่เกิดจากเศษยางเวลารถวิ่งผ่านไปผ่านมา เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง ซึ่งนี่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ลำดับถัดไปจากการสูบบุหรี่นั่นเอง” แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่มีรายงานว่ายางชนิดไหนกันแน่ที่ทำให้เกิดอันตราย อาจจะต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่อไปล่ะ ที่มา metro
-
มันจะโหดเกินไปแล้ว!! หญิงเนปาลวัย 112 ปี สูบบุหรี่วันละ 30 มวน ตลอด 95 ปี แต่กลับไม่เป็นไรเลย!?
อย่างที่รู้ๆ กันว่าการสูบบุหรี่นั้นมีโทษต่อร่างกาย เพราะมันทำให้ปอดของเราดำปิ๊ดปี๋ ทำให้เรากลายเป็นมะเร็ง ส่งผลถึงคนรอบข้างของคุณด้วย แต่ควันดำจากบุหรี่กลับไม่สามาถทำอะไรคุณยายคนนี้ได้เลย เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยเรื่องราวของคุณยาย Batuli Lamichhane จากประเทศเนปาลวัย 112 ปี เธอเกิดในปี 1903 และเริ่มสูบบุหรี่มาตั้งแต่อายุ 17 ปี และสูบมาอย่างต่อเนื่อง แต่แทนที่แกจะได้รับผลกระทบจากบุหรี่จนกลายเป็นมะเร็งและเสียชีวิต แกกลับมีชีวิตยืนยาวมากกว่าชาวบ้านในหมู่บ้านของแกซะอีก โดยแกให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า “ฉันสูบบุหรี่มามากกว่า 95 ปี ไม่มีอะไรผิดปกติกับการสูบบุหรี่ของฉันเลย” ทั้งนี้คุณยายยังได้เผยถึงเคล็ดลับในการมีชีวิตยืนยาวแบบนี้ว่า ควรจะผ่อนคลาย และมีความสุขในทุกๆ วัน “ฉันไม่สนหรอกว่าฉันจะอายุเท่าไหร่ แต่ฉันก็เห็นการเปลี่ยนแปลงมามากมายตลอดชีวิตของฉัน” เมื่อถามถึงสามีของเธอก็ถึงได้ทราบว่าเขาทอดทิ้งเธอไปหางานทำที่อินเดียตั้งแต่เมื่อ 80 ปีก่อนแล้ว ส่วนเธอนั้นยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าๆ ที่เนปาล และเมื่อปีก่อนนี้เองบ้านของเธอก็ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวที่โจมตีเนปาล จนทำให้หลังคาบ้านของเธอพังลงมา แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะย้ายไปอยู่ที่อื่น …
-
คุณแม่เจอมะเร็งระหว่างตั้งครรภ์ ตัดสินใจคลอดลูกก่อนกำหนด โชคร้ายเด็กไม่รอดชีวิต….
ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน บางครั้งเรื่องร้ายๆก็ถาโถมเข้ามาจนคุณไม่ทันตั้งตัว แม้จะพยายามเข้มแข็งแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผล อย่างเช่นเรื่องราวที่คุณแม่ผู้โชคร้ายคนนี้ได้ประสบ รับรองว่าคุณจะต้องสะเทือนใจกับชะตากรรมของเธออย่างแน่นอน คุณแม่คนนี้มีชื่อว่า Heidi Loughlin วัย 32 ปี ขณะเธอตั้งท้องได้ 6 เดือน เธอพบว่ามีเนื้อร้ายขั้นรุนแรงอยู่ในหน้าอก คุณหมอแนะนำให้เธอเข้ารับการรักษาด้วยการคีโมระดับรุนแรงในทันที ณ ตอนนั้นเธอมีทางเลือกอยู่สองทางเลือก หนึ่งคือทำแท้งเด็กในท้องเสียก่อนแล้วค่อยเข้ารับการรักษา หรือจะทำคลอดก่อนกำหนดและค่อยเข้ารับการรักษาซึ่งวิธีที่สองนี้ มีความเสี่ยงสูงมากที่เด็กจะไม่รอดชีวิต..เธอเลือกทางที่สอง คุณหมอได้ทำการผ่าตัดคลอดก่อนกำหนด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา เด็กเกิดมาด้วยน้ำหนักเพียง 1.1 กิโลกรัมเท่านั้น เธอถูกตั้งชื่อว่า Ally Louise Smith หากเหตุการณ์นี้เป็นหนังหรือละคร เด็กคนนี้จะต้องเติบโตมาอย่างแข็งแรงและ Heidi จะต้องได้รับการรักษามะเร็งจนหายดี แต่โลกแห่งความจริงไม่ได้สวยงามเช่นนั้น Ally มีอายุได้เพียงแค่ 8 วันเท่านั้น เธอก็เสียชีวิตลงไป.. สุดท้ายแล้ว Heidi ก็ไม่สามารถรักษาลูกน้อยของเธอไว้ได้ และเธอก็ต้องเข้ารับการรักษามะเร็งต่อไป แม้ความหวังจะมีเพียงเล็กน้อย แต่เธอก็ต้องสู้ต่อไป เพื่อลูกชายทั้งสองของเธอที่ยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตบางครั้งเราก็ต้องเจอกับเรื่องไม่สมหวังแบบนี้ล่ะนะ เหมียวขอเป็นกำลังใจให้คุณแม่สู้ต่อไปนะฮะ เหมียวเชื่อว่าคุณแม่ต้องเอาชนะโรคมะเร็งได้อย่างแน่นอน…
-
คุณแม่ใจดี ประดิษฐ์วิกผม “เจ้าหญิงดิสนีย์” ให้กับเด็กที่กำลังประสบกับโรคมะเร็ง
คุณแม่คนนี้เธอมีชื่อว่า Holly Christensen เธอมีลูก 3 คน อีกทั้งยังเป็นพยาบาลทางด้านเนื้องอกวิทยาอยู่อะลาสก้าอีกด้วย สิ่งหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นที่สนใจคือการได้ถักโคเชต์เป็นวิกให้กับเด็กที่ไม่มีผมเนื่องจากผ่านการทำคีโมมา และเด็กเหล่านี้ก็กำลังเผชิญกับโรคมะเร็งอีกด้วย วิกไหมพรมที่เธอทำขึ้นมานั้นเธอได้ถามเด็กๆว่าชอบตัวละครตัวไหนในดิสนีย์ จากนั้นเธอก็จัดการถักเพื่อเป็นของขวัญให้แก่เด็กๆ และสร้างกำลังใจให้กับเด็กให้ผ่านโรคร้ายนี้ไปให้ได้ ไอเดียนี้เธอได้มาจากลูกของเพื่อนเธอ ซึ่งถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในวัยเพียง 2 ขวบ เธอให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC ว่า “เหมือนเป็นการให้กำลังใจหนูน้อยด้วยการนำเอาพลังเวทมนตร์เล็กๆมาให้เธอได้ผ่านอุปสรรค์ครั้งนี้ไปได้ และมันก็รู้สึกเหมือนได้พลังเวทมนตร์ทุกครั้งที่ได้ช่วยเหลือผู้คน” หลังจากที่ลูกของเพื่อนวัย 2 ขวบของเธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เธอจึงต้องการจะเรียกกำลังใจให้เด็กน้อยคนนี้ “รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ต้องเสียผมบลอนด์อันงดงามของเธอไป ฉันก็เลยทำผมราพันเซลด้วยไหมพรมให้กับเธอ” “ฉันต้องมีความรับผิดชอบเพื่อทำวิกเหล่านี้ให้กับเด็กหญิงที่กำลังประสบกับมะเร็ง” อีกทั้งเธอยังโพสต์วิธีถักไหมพรมไว้ที่เว็บไซต์ themagicyarnproject อีกด้วย นี่คือวิกผมที่ทำให้เด็กอีกคน เป็นรูปร่างของเจ้าหญิงจัสมิน “การทำคีโมทำให้ผิวหนังบนหัวอ่อนโยนและเซนซิทีฟมากๆ วิกเหล่านี้จึงทำมาจากไหมพรมที่อ่อนนุ่มเป็นพิเศษ” ไม่ว่าใครก็ทำวิกของตัวเองได้แล้วนำไปมอบให้กับเด็กๆได้ เพียงแค่เข้าไปที่เว็บ themagicyarnproject หรือถ้าคุณถักไหมพรมไม่เป็น ก็อาจจะบริจาคเงินได้ที่โปรเจกต์ Gofundme ที่มา boredpanda
-
หนุ่มสาวรวมตัวเปลือยบนโป๊ล่างนั่งรถไฟเหาะ เพื่อระดมเงินบริจาคให้มูลนิธิเพื่อผู้ป่วยมะเร็ง
เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยภาพของกลุ่มหนุ่มสาว ที่กำลังเปลือยกายนั่งรถไฟเหาะ ในสวนสนุกแอดเวนเจอร์ ประเทศไอซ์แลนด์ โดยสาเหตุที่พวกเขาได้รวมตัวกันเปลือยกายโป๊ล่อนจ้อนทั้งบน และล่างแบบนี้ ก็เพราะว่า พวกเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มอาสาสมัครใจบุญ ที่มาระดมเงินบริจาคเงินให้กับมูลนิธิผู้ป่วยมะเร็ง ของโรงพยาบาล Southend ในเอสเซก ประเทศอังกฤษยังไงละเหมียว ซึ่งภายในงานมีผู้ที่มาร่วมเปลือยนั่งรถไฟเหาะด้วยกันถึง 57 คน แถมไม่ได้มีเพียงแค่การรวมตัวของหนุ่มสาวเท่านั้นนะจ๊ะ แต่ยังมีคุณลุงคุณป้าอีกหลายๆ ท่านมาร่วมสร้างสีสัน เปลือยท่อนล่างและบนอีกด้วย ‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้คนเปลือยกายนั่งรถไฟเหาะ เพราะในปี 2553 ก็เคยมีคนมาร่วมโป๊นั่งรถไฟเหาะ แถมยังมีมากถึง 102 คน ซึ่งถือเป็นการทำสถิติ Guinness World Record ที่มีคนมาร่วมสนุกกับกิจกรรมนี้มากที่สุดในโลกอีกด้วย’ หัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการของสวนสนุกกล่าว ส่วนการระดมเงินบริจาคให้กับมูลนิธิในครั้งนี้ สามารถระดมเงินได้ถึงได้ถึง 535,000 บาทกันเลยทีเดียว นอกจากจะยอมเปลือยกายต่อหน้าผู้คนมากมายแล้ว พวกเขายังมีน้ำใจ คอยช่วยเหลือเพื่อมนุษย์ร่วมโลกอีกหลายๆ คน โดยที่ไม่ได้หวังสิ่งใดๆ ตอบแทน…
-
ดาวตลกสาวสภาพจิตใจตกต่ำ หลังจากผ่ามะเร็งเต้านม สุดท้ายเลยเลือกใช้ศิลปะเพื่อเยียวยาจิตใจ…
นี่คือ Nikki Black สาวอายุ 25 ปีผู้ทำงานเป็นตลกอาชีพแห่ง Los Angeles แต่ชีวิตและเรื่องราวของเธอนั้นไม่ได้ตลกเลย… เพราะตอนเธออายุ 23 หมอบอกว่าเธอเป็นมะเร็งเต้านม และต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน พอเธอรักษาตัวเองจนหาย สภาพจิตใจเธอกลับไม่เหมือนเดิม เธอรู้สึกเสียใจและสิ้นหวังมากๆ พอรู้ว่าเป็นมะเร็ง แต่ครอบครัวก็ให้กำลังใจเธออยู่เสมอ แต่ถึงจะหายทางด้านร่างกาย สภาพจิตใจของเธอกลับตกต่ำ ราวกับว่าเธอได้สูญเสียการควบคุมร่างกายของเธอไปกับการรักษา ในการแก้ปัญหานี้เธอก็ขบคิดอยู่นาน และนึกออกได้ว่า ควรหันไปพึ่งพลังแห่งศิลปะ เพื่อมาเยียวยาสภาพจิตใจ และร่างกายหญิงสาวของเธอ และจะมีวิธีการไหนเหมาะไปกว่าการสักอีกล่ะ เธอกล่าวว่า ‘ฉันไม่ได้อยากเอาร่างกายก่อนรักษามะเร็งคืนมา แต่ฉันอยากเอาความรู้สึกเป็นเจ้าของตัวเองกลับมาต่างหาก’ และเธอก็ได้ติดต่อกับ Holly Feneht ช่างสักสาวที่สักเฉพาะทาง นั่นก็คือปกปิดรอยบาดแผลจากการรักษาตัวของผู้ป่วย และนั่นก็เป็นการเริ่มมีรอยสัก แน่นอนรวมถึงการกลับมามีชีวิตอีกครั้งของเธอ ‘ฉันอยากขอบคุณ Feneht จริงๆ ตอนสักเสร็จนี่ฉันแทบจะร้องไห้ เพราะมันสวยมากๆ’ นิกกี้กล่าวเสริม สำหรับลายที่ช่างสักสาวออกแบบมานั้นเป็นรูปมวลดอกไม้และปลา สื่อถึงราศีมีน เพื่อเยียวยาพลังและร่างกายความเป็นหญิงของเธอ …
-
‘มะเร็งเล็บ’ ภัยร้ายคืบคลานที่เราอาจไม่เคยสังเกตกันมาก่อน!!!
เหมียวเชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนคงรู้จักโรคมะเร็งกันเป็นอย่างดี โรคร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์มานักต่อนัก แถมยังรักษาได้ยากมากๆ โรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งผิวหนังนั้น คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่ถ้ากล่าวถึงคำว่า ‘มะเร็งเล็บ’ ล่ะ!!? ฟังดูแปลกหูขึ้นมาทันใด แต่ที่จริงแล้ว โรคนี้มันมีอยู่จริงนะเออ มะเร็งเล็บ ‘กล่าวได้ว่ามะเร็งนั้นจะมีผลต่อเม็ดสีของผิว และแน่นอน นั่นรวมถึงเม็ดสีใต้แผ่นเล็บด้วย และนี่ก็คือภาพของเนื้อเยื่อที่ถูกเซลล์มะเร็งคุกคาม’ Dr. Dana Stern ผู้เชี่ยวชาญทางด้านเล็บกล่าว ถึงแม้ว่าอาการที่เล็บหรือหนังใต้เล็บมีสีแปลกๆ นั้น อาจจะไม่ใช่สัญญาณของมะเร็งโดยตรงก็ตามที โดยปกติกแล้วอาการนี้จะเป็นอาการของการขาดวิตามิน หรือเกลือแร่มากกว่า มีโอกาสน้อยที่จะเป็นมะเร็ง แต่ก็ตรวจไว้จะดีกว่านะจ๊ะ ก่อนที่อาการจะรุนแรงขึ้น Dr. Stern กล่าวว่านิ้วที่มีโอกาสเกิดมะเร็งสูงกว่านิ้วอื่นๆ คือนิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และหัวแม่เท้า ยิ่งอาการหนักขึ้น ความเข้มของสีดำก็จะมากขึ้นนะจ๊ะ ลองมาชมวิดีโอกันได้ที่นี่ เห็นมั้ยล่ะ อาการเล็กๆ น้อยๆ เพื่อนๆ อย่าลืมสังเกตกันด้วยนะจ๊ะ ไม่งั้นถ้าสายเกินการแล้วล่ะก็ รักษายากไม่พอแถมต้องป่วยนอนโรงพยาบาลนานๆ เลยนะนั่นนะ…
-
แฟนหนุ่มทำเซอร์ไพรส์ “โกนผม” เป็นเพื่อนแฟนสาวหลังจากเข้ารักษามะเร็ง
Allie Allen หญิงสาวผู้ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งสมองเมื่อตอนเธออายุได้ 14 ปี และเธอต้องทรมานกับการกำเริบของอาการ ซึ่งภายหลังจากการรักษาจากโรงพยาบาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว Brayden Carpenter เพื่อนเก่าของเธอก็ได้มารับเธอที่โรงพยาบาลเพื่อพากลับบ้าน แต่สิ่งที่น่าประทับใจนั่นก็คือเขาได้โกนหัวเพื่อเธอ คุณปู่ของ Allie เสียชีวิตด้วยมะเร็งสมองในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อีกทั้งแม่ของเธอก็ยังเป็นมะเร็งเต้านมอีกด้วย และตอนนี้ Allie ก็เข้าสู่กระบวนการทำคีโม และเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน ก็ได้พบกับแฟนของเธอที่โกนหัวรอต้อนรับเธอกลับบ้าน เธอรู้สึกประหลาดใจมาก “ในวันเสาร์ ผมของฉันร่วงเยอะมาก มันทำใจยากเวลาเห็นมัน” “ในวันอาทิตย์ฉันตื่นขึ้นมาก็พบว่ามันผมเหลือเป็นก้อนๆ ฉันเลยตัดสินใจที่จะโกนมันและกลายเป็น Britney Spears แบบในปี 2007” แม่ของเธอก็ถูกวินัจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านม “ทุกคนอาจจะเห็นรอยแผลเป็นบนหัวฉันจากรูปเหล่านี้ แต่รอยแผลเป็นพวกนั้นก็คือรอยสักที่มีเรื่องราวดีๆ ว่าไหม?” เพื่อนร่วมชั้นของ Allie ก็ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ที่มา boredpanda
-
Taylor Swift คนงาม ยินดีบริจาคเงินช่วยเหลือหลานของแดนซ์เซอร์เพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง!!
หลายๆ คนที่เป็นแฟนคลับของ Taylor Swift ก็คงจะเคยได้อ่านและได้ยินข่าวเกี่ยวกับการบริจาคเงินช่วยเหลือผู้คนของเธอมามากมายแล้ว ซึ่งครั้งนี้มันก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแดนซ์เซอร์ที่ได้ร่วมงานกับเธอได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวน 1,800,000 บาท (50,000 ดอลลาร์) โดยที่ Kim Toshi Davidson แดนซ์เซอร์ที่ร่วมงานกับ Taylor นั้นมีหลานสาวน่ารักวัย 13 เดือนประสบกับโรคร้ายอย่างมะเร็ง และจะต้องใช้เงินรักษาเป็นจำนวนมาก หลังจากที่ Taylor รู้ข่าวปุ๊บ เธอก็ได้ทำการบริจาคเงินให้กับหลายสาวของเขาทันทีผ่านเว็บไซต์ GoFundMe เป็นเงินประมาณ 1,800,000 บาท (50,000 ดอลลาร์) พร้อมกับฝากข้อความเอาไว้ว่า ‘หนูน้อย Ayden, ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมงานกับคุณลุง Toshi ของหนูระหว่างทัวร์คอนเสิร์ต และเราทุกคนขอร่วมส่งกำลังใจให้ ด้วยรัก จาก Taylor’ ทางด้าน Toshi เองก็ได้ออกมาแสดงความรู้สึกที่มีผ่าน Instagram เอาไว้ว่า ‘Taylor Swift เปรียบได้เหมือนดั่งนางฟ้า ซึ่งทางครอบครัวของเราก็รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง…
-
หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจนต้องตัดปลายจมูก และปลูกถ่ายใหม่จากหนังบนศีรษะของเธอ!!
โรคร้ายอย่างมะเร็งถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็คงจะหาทางรักษาให้หายขาดยาก เว้นเสียแต่ว่าจะต้องทำการผ่าตัดกำจัดเนื้อร้ายออกไป อย่างในกรณีของหญิงสาวที่ชื่อว่า Bree Towner วัย 28 ปีรายนี้ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า Basal cell carcinoma ทั้งนี้เนื้อร้ายนั้นเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้ารวมไปถึงปลายจมูกของเธอด้วย เธอจึงต้องรับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดรอยแผลเย็บเต็มใบหน้า จนเธอเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าที่จะส่องกระจกมองตัวเอง รวมไปถึงคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วย แต่ทั้งนี้เธออยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างและบุคคลในครอบครัว ซึ่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เธอต้องต่อสู้ทั้งโรคร้ายและคำนินทาต่างๆ มากมาย เพราะใบหน้าของเธอมีความผิดปกติไปมาก จนกระทั่งเธอได้รับการศัลยกรรมผ่าตัดทำปลายจมูกขึ้นมาใหม่จากหนังศีรษะของเธอเอง!! สุดท้ายแล้วเธอยังคงพบกับปัญหาอีกเพราะเนื่องจากผิวหนังบนปลายจมูกที่ทำมาใหม่นั้นเป็นของผิวหนังศีรษะ ส่งผลทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นตามปกติ และจะต้องทำการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อลดขนาดจมูกและกำจัดขนออกไป ที่มา : metro, karar
-
นักวิจัยญี่ปุ่นเผย การจูบสัตว์เลี้ยงบ่อยๆอาจนำไปสู่มะเร็งกระเพาะอาหาร!!!
สำหรับผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงแล้ว ข่าวนี้อาจเป็นข่าวร้ายซักหน่อย เพราะพวกเขาอาจเป็นโรคมะเร็งได้ เพียงแค่ใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงมากเกินไป!! อ้างอิงจากงานวิจัยของศาสตราจารย์ Masahiko Nakamura และทีมงานจากมหาวิทยาลัย Kitasato พวกเขาพบว่าในของเหลวในร่างกายของสัตว์ โดยเฉพาะเหล่าสัตว์เลี้ยง จะมีแบคทีเรีย helicobacter heilmannii อยู่ ซึ่งแบคทีเรียชนิดนี้ อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารได้ พวกเขาบอกว่า ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร 60 เปอร์เซ็น มีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในร่างกาย ซึ่งตรงกับงานวิจัยจากเยอรมันก่อนหน้านี้ที่บอกว่า 70 เปอร์เซ็นของผู้ที่มีแบคทีเรียชนิดนี้ มีความใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างมาก พฤติกรรมที่มีความเสี่ยงในการติดแบคทีเรียชนิดนี้มีอยู่ 5 อย่างนั่นก็คือ 1. ถูกสัตว์เลี้ยงเลียหรือจูบอยู่บ่อยๆ 2. จูบบริเวณใกล้ปากของสัตว์เลี้ยง 3. ใช้ของที่สัตว์เลี้ยงเคยใช้ 4. ฝังซากของสัตว์เลี้ยงโดยไม่ใส่ถุงมือ 5. จูบคนที่มีแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในร่างกาย ถือว่าเสี่ยงนะเนี่ย ต่อไปนี้ใครจะจูบสัตว์เลี้ยง ต้องระวังเรื่องนี้ไว้เลย เกิดติดเชื้อขึ้นมา จะยุ่งเอานะเหมียวว ที่มา Rocketnews24
-
มะเร็งร้ายพรากชีวิตภรรยาไปจากอ้อมแขนของสามี หลังจากแต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์!!
จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตคู่ และเป็นความฝันอันสูงสุดของผู้หญิงที่จะได้ใส่ชุดเจ้าสาวในวันแต่งงาน ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เรื่องราวของ Courtney Webb วัย 27 ปี ที่ได้พบกับความสุขที่ดีที่สุดในชีวิตกับการได้แต่งงานกับแฟนหนุ่ม Bill ที่คบหาดูใจกันมานานมากถึง 11 ปี โดยเชื่อว่าความรักที่เกิดขึ้นกับทั้งสองคือความรักที่แท้จริงเปรียบเป็นดั่งคู่ชีวิตของกันและกัน และในที่สุดความฝันก็เป็นจริง ทั้งสองก็ได้แต่งงานกันในที่สุด ผู้ร่วมงานและเจ้าบ่าว เจ้าสาว ต่างก็มีความสุขเป็นอย่างมาก แต่ภายหลังจากที่เริ่มต้นชีวิตคู่แต่งงานกันได้เพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น ความสูญเสียก็มาเยือนอย่างไม่คาดฝัน มะเร็งร้ายได้พรากชีวิต Courtney ไปจาก Bill ซึ่งในตอนนี้เขากลายมาเป็นพ่อม่ายที่สูญเสียสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตไป โดยเขากล่าวเอาไว้ว่า ‘เธอซบที่หน้าอกของผมและเผลอหลับอยู่ภายใต้อ้อมแขนของผมเป็นประจำเหมือนกับหลายครั้งที่ผ่านมา’ ‘แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งไหน เพราะเธอไม่ตื่นขึ้นมาอีกแล้ว และผมไม่รู้ว่าผมจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร โดยที่ไม่มีเธอ แต่ผมยังคงจดจำวันที่เรามีความสุขที่สุดได้อยู่เสมอ’ Courtney เสียชีวิตภายในบ้านของครอบครัวเธอ หลังจากที่ต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายมาอย่างยาวนานถึง 8 เดือนด้วยกัน โดยที่มะเร็งร้ายก่อตัวขึ้นจากไต ก่อนที่จะลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด ตับ และหัวใจของเธอ …
-
โศกนาฏกรรมเรื่องราวของคู่รัก ที่ตัดสินใจแต่งงานกัน ทั้งๆ ที่เจ้าบ่าวมีชีวิตอยู่ได้อีกแค่เดือนเดียว…
อีกหนึ่งเรื่องราวสุดประทับใจของรักแท้ที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ แต่แน่นอนเหมือนกุหลาบ ที่สวยงามจับใจฉันใด ก็มีหนามแหลมคมคอยทิ่มแทงให้เจ็บปวดอยู่เช่นนั้น และเรื่องราวความรักในครั้งนี้ก็เช่นกัน… นี่คือ Jenn Carter และ Solomon Chau สองคู่รักชาวแคนาดา ราวๆ เดือนธันวาคม 2557 พวกเขาได้วางแผนจะแต่งงานกัน แต่ตอนนั้นฝ่ายชายก็ได้ทราบว่า ตัวเองเป็นมะเร็งตับ ซึ่งก็ได้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์ก็ได้ยืนยันว่า อาการเขาจะหายกลับมาเป็นปกติหลังจากการรักษา แต่กระนั้น ในราวๆ เดือนมีนาคมของอีกปี เชฟหนุ่มก็ได้รับแจ้งว่า มะเร็งของเขาไม่ได้หาย แต่ลุกลามร้ายแรงไปทั่วทั้งตับ และเขาจะมีเวลาใช้ชีวิตอีกเพียงไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น พอได้ทราบเรื่อง ทางครอบครัวก็พยายามจะจัดงานแต่งงานให้พวกเขาโดยเร็วที่สุด ถึงขนาดตั้งเพจ GoFundMe เพื่อรวบรวมทุนทรัพย์เลยทีเดียว จนได้เงินมากว่า 52,000 เหรียญ เพียง 1 เดือนต่อมา ในวันที่ 11 เมษายน พวกเขาก็ได้แต่งงานกันสมใจ และราวกับว่าเป็นงานแต่งที่ออกมาจากเทพนิยายเลยล่ะ เจ้าบ่าวของเรา Solomon Chau ถึงกับโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊คเลยล่ะว่า ‘เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของผม ^^’ หลังจากแต่งงานกันแล้ว Solomon Chau สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อีกกว่า…
-
สามีสานต่อความฝันของภรรยาผู้ล่วงลับ ขายเมล็ดทานตะวันเพื่องานวิจัยกำจัดโรคมะเร็ง!!
ความตั้งใจของคุณนาย Babbette Jaquish หรือในอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ‘คุณนายทานตะวัน’ (Sunflower Lady) โดยที่เธอนั้นมีเป้าหมายในการขายเมล็ดทานตะวันเพื่อใช้เป็นทุนในการวิจัยกำจัดโรคมะเร็ง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เธอเสียชีวิตในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาและความฝันของเธอก็คงจะจบลงเพียงเท่านี้ แต่สามีของเธอ Don จะไม่ยอมให้ความฝันของเธอสูญเปล่า เขาตัดสินใจปลูกดอกทานตะวันเพื่อสานต่อความฝันของภรรยา เขาปลูกดอกทานตะวันในพื้นที่ประมาณ 1,600,000 ตารางเมตร (400 เอเคอร์) และได้ตั้งเป็นบริษัท Babbette’s Seeds of Hope โดยเน้นการขายเมล็ดทานตะวันเพื่อเป็นทุนในการวิจัยโรคมะเร็ง ‘ทัศนคติและความคิดของเธอคือสิ่งที่หล่อเลี้ยงให้ผมมีขีวิตอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ และวันที่เธอฝันถึง วันที่การรักษาโรคมะเร็งให้หายกำลังใกล้เข้ามาแล้ว’ Don ผู้เป็นสามีกล่าว หลังจากที่ภรรยาของเขาจากไปแล้ว หลายเดือนต่อมาเขาก็ได้พบกับจดหมายที่ภรรยาทิ้งไว้ให้ก่อนจะเสียชีวิต มีใจความว่า ‘เธอจะต้องสู้และก้าวต่อไปในแต่ละวัน สัมผัสฉันผ่านอากาศยามเช้า และเมื่อใดก็ตามที่เธอตื่นขึ้นและชงกาแฟ ฉันก็จะอยู่ที่นั่นกับเธอตลอดไป’ ที่มา : thechive
-
สามีปลูกทานตะวัน 1,000 ไร่ เพื่อภรรยาผู้ล่วงลับด้วยมะเร็งร้าย หวังขายเมล็ดเอาเงินช่วยวิจัยมะเร็ง
นาง Babbette Jaquish หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Sunflower Lady” ในเมือง Eau Claire, Wisconsin เธอได้จากไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วหลังจากสู้กับโรคมะเร็งมานาน สามีของเธอ Don Jaquish จึงตัดสินใจที่จะเติมเต็มความฝันของเธอด้วยการปลูกต้นดอกทานตะวันกว่า 1,000 ไร่ และก่อตั้งบริษัท Babbette’s Seeds of Hope เพื่อหาเงินไปช่วยการทำวิจัยเกี่ยวกับโรคมะเร็ง เขาบอกกับสำนักข่าว ABC ว่า “เธอตระหนักถึงความสำคัญของการวิจัยทางการแพทย์” ไม่กี่เดือนหลังจากที่เธอจากไป เขาก็เจอจดหมายลับที่เธอเขียนไว้ให้กับเขา “จงก้าวไปข้างหน้า และใช้ชีวิตในแต่ละวันเหมือนกับว่าฉันเป็นอากาศในยามเช้า แต่เมื่อคุณตื่นมาและชงกาแฟ ฉันจะอยู่ที่นี่เสมอ” ชมคลิปความยิ่งใหญ่ของทุ่งดอกทานตะวันได้ในคลิปนี้เลย ที่มา boredpanda
-
ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับแล้วว่า ‘กัญชา’ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!!
เอาล่ะสิทำยังไงดี เมื่องานนี้สำนักข่าวเมโทรแห่งประเทศอังกฤษได้รายงานว่า พี่ใหญ่ผู้นำโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้ออกมายอมรับด้วยตนเองแล้วล่ะว่า กัญชานั้น สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!! เรื่องนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วล่ะ ซึ่งล่าสุดนั้นก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากทาง The National Cancer Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมะเร็งของทางกระทรวงสาธารณะสุขประเทศสหรัฐอเมริกา ‘…ทั้งการสูบ การใส่ลงไปในอาหาร หรือว่าการดื่มแบบสารสกัดสมุนไพร ล้วนแล้วแต่มีผลในด้านการช่วยฆ่าและรักษามะเร็งได้…’ ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ของทางหน่วยงานนี้ แถมในไซต์ของหน่วยงานยังระบุด้วยว่านอกจากมะเร็งแล้ว ยังช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์โดยเฉพาะเนื้องอก ต้านไวรัสบางตัว และแม้กระทั่งช่วยบรรเทากล้ามเนื้อกระตุกที่เกิดจากหลายเส้นโลหิตตีบ แต่กระนั้นนี่ก็เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นเท่านั้นนะจ๊ะ และเป็นผลข้างเคียงเพียงส่วนหนึ่งของกัญชา ถึงจะมีงานวิจัยเหล่านี้ออกมามากมายในอดีต แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับเท่ากับครั้งนี้ จะว่าไปแล้วอะไรๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วล่ะ… และแน่นอนคงไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เท่ากับเหล่าผู้ชาย (และหญิง)สายเขียวอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่อะไรก็ตามที่มีประโยชน์ แน่นอนถ้าเกินปริมาณที่พอดี มันก็จะกลายเป็นโทษได้นะจ๊ะ ที่มา: Metro
-
นางแบบสาวกลับคืนสู่วงการ หลังจากเกือบสูญเสียลูกในท้องจากการต่อสู้กับโรคมะเร็ง!!
เรื่องราวของนางแบบสาววัย 24 ปีที่ต้องต่อสู้กับโรคร้ายอย่างมะเร็งกระดูก มันเข้ามาเปลี่ยนชีวิตของเธอจากหน้ามือเป็นหลังมือ ประกอบกับเป็นช่วงที่เธอตั้งท้องด้วย วันคืนอันแสนโหดร้ายนี้เกือบจะทำให้เธอต้องสูญเสียลูกในท้องไป เธอมีชื่อว่า Elizaveta Bulokhova นางแบบสาวชาวแคนาดาวัย 24 ปี เธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคออสทีโอซาร์โคมา (Osteosarcoma) โรคมะเร็งกระดูกชนิดหนึ่ง ในช่วงเวลาอันโหดร้ายนี้ กำลังใจที่สำคัญที่สุดก็คือแฟนหนุ่มของเธอ ซึ่งทั้งสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกันในไม่ช้า เป็นช่วงที่เธอตั้งท้องและตรวจพบกับโรคมะเร็งนี้ด้วย เธอจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดครั้งใหญ่เป็นเวลา 16 ชั่วโมงเพื่อทำการนำมะเร็งร้ายออกไปและฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง โดยที่ก่อนผ่าตัดเธอจะต้องทำการคลอดลูกก่อนกำหนดเพื่อรับการทำคีโมหลังจากผ่าตัดนำมะเร็งออกแล้ว จนในที่สุดการผ่าตัดก็ประสบความสำเร็จ ลูกในท้องของเธอปลอดภัย มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี และตัวเธอเองก็กำลังพักฟื้นอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ตามลำดับ หลังจากที่ผ่านพ้นเวลาอันโหดร้ายมาได้ ตอนนี้ครอบครัวของนางแบบสาวจึงกลายมาเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ มีคุณพ่อ คุณแม่ และลูกน้อย เพียงเท่านี้เธอก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้วล่ะ รอเวลาอีกซักหน่อย เธอจะกลับไปทำงานเป็นนางแบบอีกครั้ง ที่มา : thechive
-
เด็กชายที่ต้องต่อสู้กับมะเร็ง อยากจะเจอ Deadpool ตัวเป็นๆ Ryan Reynolds ก็ยินดีทำให้!!
ซุปเปอร์ตัวจริงเสียงจริงในโลกแห่งความเป็นจริง (จะจริงอะไรนักหนา ห๊ะ!?) ต้องยกให้กับคนนี้เลย พ่อหนุ่ม Ryan Reynolds ที่ล่าสุดได้รับบทมาเป็นฮีโร่สุดกวนจากค่าย Marvel ในชุดสีแดงแจ๋ Deadpool ล่าสุดนี้เขาก็ได้โพสต์ภาพผ่านอินสตาแกรมพร้อมกับแคปชั่นน่ารักๆ กับการเป็นฮีโร่ในดวงใจของเด็กชายรายหนึ่งที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โดยน้องมีชื่อว่า Tony Acevedo ต้องการอยากจะพบกับ Deadpool ตัวเป็นๆ ซักครั้งในชีวิต และด้วยความช่วยเหลือจากมูลนิธิ Make-A-Wish ก็ทำให้ความฝันของน้องเป็นจริง ทำให้ทั้งสองได้มาพบหน้ากันในที่สุด ทำเอาหนุ่มน้อย Tony ดีใจเป็นอย่างมาก และ Ryan เองก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในการให้กำลังใจกับน้อง Tony สู้กับโรคร้ายต่อไป สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักว่าเจ้า Deadpool มันคือตัวอะไร เหมียวก็จะขออธิบายสั้นๆ ละกันว่า Deadpool เป็นทหารรับจ้างที่มาพร้อมกับความสามารถพิเศษในการรักษาตัวเอง แถมยังพูดมากอีกด้วย ลีลายียวนกวนบาทาเป็นอย่างยิ่ง และฉบับภาพยนตร์ก็กำลังจะออกมาในไม่ช้านี้ ติดตามกันไว้ดีๆ นะจ๊ะ ที่มา : thechive