Tag: มัมมี่
-
ทีมนักวิจัยพิสูจน์ดีเอ็นเอ ‘ร่างเอเลี่ยนจิ๋ว’ ขนาด 6 นิ้ว พบว่าเป็นร่างของเด็กหญิงแคระแกร็น…
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 ทีมนักวิจัยได้ค้นพบซากมัมมี่ขนาดเล็กเพียงแค่ 6 นิ้ว หากมองผิวเผินแล้วคาดว่าเป็นร่างของสิ่งมีชีวิตที่น่าจะมาจากนอกโลก เพราะด้วยขนาดที่เล็กเกินกว่าจะเป็นมนุษย์ทั่วไป แต่แล้วภายหลังก็ได้ค้นพบความจริงอีกด้านหนึ่ง ผลการศึกษาดีเอ็นเอในกระดูกของร่างมัมมี่ดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่าเป็นร่างกายของมนุษย์ และเป็นร่างมัมมี่ของเด็กหญิงวัยประมาณ 6 ขวบ ผู้ประสบกับโรคแคระแกร็น ร่างดังกล่าวถูกตั้งชื่อว่า Ata ค้นพบครั้งแรกในปี 2003 ในภูมิภาคอาตากามา ประเทศชิลี ด้วยรูปร่างกะโหลกศีรษะเรียวยาว และซี่โครงจำนวน 10 คู่ ถูกเก็บเอาไว้ภายในกระเป๋าหนังในโบสถ์ร้างแห่งหนึ่ง จนกระทั่งร่างมัมมี่ดังกล่าวได้ไปอยู่ในมือนักสะสมชาวสเปน ที่มองว่าเป็นร่างของมนุษย์ต่างดาว และเคยปรากฎอยู่ในสารคดี Sirus ที่ชี้นำว่าเป็นเบาะแสของสิ่งมีชีวิตที่มาจากนอกโลก หลังจากทำการวิเคราะห์และศึกษาด้านพันธุกรรมยาวนานกว่า 5 ปี ตั้งแต่ปี 2012 นักวิทยาศาสตร์ทำการสรุปเอาไว้ว่าเป็นผลของการกลายพันธุ์ ที่ส่งผลต่อรูปร่างอันผิดปกติ การทดสอบทางพันธุกรรมจาก University of California, San Francisco ร่วมกับทีมนักวิจัยจาก Stanford University ได้เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นชิ้นส่วนโครงกระดูกของมนุษย์เพศหญิงที่เสียชีวิตไปเมื่อ 40 ปีก่อน…
-
ช่างตัดไม้ค้นพบซากมัมมี่หมาติดอยู่ในต้นไม้โดยบังเอิญ มันติดในนั้นมานานเกือบ 60 ปีแล้ว
โดยปกติแล้วเวลาที่สัตว์ตายร่างกายของมันก็จะเน่าเสียและสลายกลายเป็นสารอาหารให้กับพื้นดินไป แต่ในบางครั้งเราก็พบปรากฎการณ์หายากในธรรมชาติที่ร่างของสัตว์ไม่ถูกย่อยสลายแต่กลายเป็นมัมมี่แบบนี้แทน ในปี 1980 คนตัดไม้จากบริษัท Georgia Kraft Corp ทำงานตัดไม้กันตามปกติ แต่พวกเขากลับพบว่าในโพรงของต้นโอ๊กต้นหนึ่งมีมัมมี่สุนัขติดอยู่ด้วย เมื่อพวกเขาเห็นแบบนั้นก็เลยบริจาคท่อนไม้นี้ให้กับพิพิธภัณฑ์ต้นไม้ Forest World ในเมืองเวย์ครอส รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาไป เจ้าหมา Stuckie มัมมี่สุนัขตามธรรมชาติ จากนั้นในปี 2002 ทางพิพิธภัณฑ์จึงจัดการประกวดตั้งชื่อสุนัขตัวนี้และได้รับชื่อว่า Stuckie (จากคำว่า stuck แปลว่า ติด) ซึ่งเป็นชื่อที่เหมาะกับเจ้าหมาจริงๆ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าสาเหตุที่เจ้าหมาตัวนี้ติดอยู่ในต้นไม้ น่าจะเป็นเพราะมันวิ่งไล่สัตว์เล็กจนกระทั่งมันหนีเข้าไปในโพรงต้นไม้ แต่เจ้าหมาก็ไม่ละความพยายาม ตะกายเข้าไปในโพรงยาว 28 ฟุต (ประมาณ 8.5 เมตร) จนในที่สุดตัวของมันก็ติดอยู่อย่างที่เห็นนี่แหละ ท่อนไม้ที่เจ้ามัมมี่หมาติดอยู่ ถูกตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ Forest World การที่เจอเจ้าหมาตายอยู่ในโพรงไม้นั้นก็ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ แต่ที่แปลกจริงๆ ก็คือการที่มันกลายเป็นมัมมี่เองตามธรรมชาติต่างหาก ตามปกติหากสิ่งมีชีวิตตายไปร่างกายของมันก็จะเริ่มเน่าเสีย แบคทีเรีย เชื้อราและแมลงก็จะตามกลิ่นนี้มาแล้วย่อยสลายร่างของมันตามวัฎจักรของธรรมชาติ ทว่าเจ้า Stuckie ไม่ได้เน่าสลายไปเช่นนั้นเนื่องจากมันติดอยู่ในตัวต้นไม้นั่นเอง ทางพิพิธภัณฑ์เขียนคำอธิบายถึงปรากฎการณ์นี้ไว้ว่า “ในขอนไม้ท่อนนี้เกิดปรากฎการณ์ปล่องควันไฟ…
-
7 การค้นพบ ที่เหมือนจะสร้างคำถามมากกว่าคำตอบให้กับวิทยาศาสตร์ซะมากกว่า
เป็นที่รู้กันดีว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความลึกลับมากมาย ทั้งในใต้ทะเลลึกที่มนุษย์เรายังไม่มีความสามารถหาได้ว่าจริงๆ แล้วภายใต้น้ำเค็มเหล่านั้นมีอะไรซ่อนอยู่อีกบ้าง นอกจากนี้บนผืนดินที่เราอาศัยกันก็มีความลับมากมายซ่อนอยู่เช่นเดียวกัน ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการขุดค้นพบสิ่งแปลกๆ ที่ฝังอยู่ใต้ดินอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง ทั้งนี้การค้นพบอาจจะให้คำตอบแก่เราได้ว่า จริงๆ แล้วโลกของเราในอดีตเคยเป็นอย่างไรมาบ้าง แต่ก็มีการค้นพบบางอย่างที่นอกจากจะไม่ให้คำตอบแล้ว ยังสร้างคำถามเพิ่มขึ้นให้แก่เราอีกว่า มันเกิดมาจากอะไร? หรือเกิดมาเพื่ออะไรกันนะ? สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปริศนาอยู่ในปัจจุบันที่ยังรอคนมาพิสูจน์อยู่ว่าจริงๆ แล้วมันเป็นเช่นไรกันแน่ และนี่คือ 7 การค้นพบบนโลกใบนี้ที่ได้สร้างความงงงวยให้แก่ทุกคน ซึ่งการค้นพบแต่ละอย่างได้สร้างความปวดหัวขนาดไหน มาลองดูกันเลยดีกว่า 1. เอ็มบริโอมัมมี่ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบโลงหินโลงหนึ่ง โดยในขั้นต้นการค้นพบนี้ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจนัก เพราะในสมัยอียิปต์โบราณผู้คนก็มักจะเก็บอวัยวะต่างๆ ของผู้เสียชีวิตเอาไว้ในโลงอยู่แล้ว ทว่าเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับโลงหินที่เพิ่งค้นพบนี้ ก็พบว่าโลงนี้ไม่ได้มีเอาไว้เก็บอวัยวะมนุษย์ แต่สิ่งที่พวกเขาเก็บเอาไว้ในโลงนี้กลับเป็น ทารกในครรภ์ที่ถูกทำเป็นมัมมี่ โดยเอ็มบริโอดังกล่าวมีอายุเพียงแค่ 16-18 สัปดาห์เท่านั้น โลงที่ถูกค้นพบนี้ นักวิทยาศาสตร์ได้คาดการณ์กันไว้ว่าน่าจะมีอายุประมาณ 664-525 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งการค้นพบนี้เป็นการค้นพบมัมมี่ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัตศาสตร์เลยทีเดียว 2. ม้วนกระดาษเดดซี ม้วนกระดาษเดดซี เป็นหนึ่งในหลักฐานทางโบราณคดีที่สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่งในประวัติศาสตร์ โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบม้วนกระดาษนี้ที่ถ้ำแห่งหนึ่งใกล้ๆ กับทะเลเดดซี กระดาษที่พวกเขาค้นพบมีมากมายนับพันๆ แผ่น ซึ่งข้อมูลที่เขียนขึ้นในแผ่นกระดาษเหล่านี้เกี่ยวข้องกับพระคัมภีร์ฮีบรูไบเบิลของศาสนาคริสต์ นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังเชื่ออีกว่า พวกเขายังสามารถค้นพบแผ่นกระดาษแบบนี้เพิ่มเติมได้อีก หากยังคงมีการค้นหาต่อ…
-
นักโบราณคดีพบมัมมี่อายุ 3,500 ปี ในสุสาน คาดว่ามีความพิเศษมากกว่าที่เคยค้นพบมา
อียิปต์เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มันจึงเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมที่มีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากมีโอกาสไปท่องเที่ยวที่ประเทศอียิปต์สักครั้ง เราจึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมอารยธรรมเหล่านี้ โบราณสถานของประเทศนี้ที่เรารู้จักกันดีนั้นคงจะเป็นพีระมิด และสุสานโบราณของคนสำคัญในสมัยก่อน เพราะนอกจากจะเป็นโบราณสถานที่ดูน่าหลงใหลแล้ว ยังเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและศิลปะสวยงามจำนวนมาก ถึงโบราณสถานเหล่านี้จะถูกค้นพบมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่ยังมีหลายแห่งที่ค้นพบแล้วไม่ได้รับการสำรวจจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรมได้ออกมาแจ้งว่า สุสานสองแห่งที่เคยพบทางตอนใต้ของเมืองลักซอร์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ได้รับการสำรวจแล้ว โดยสุสานทั้งสองถูกเรียกว่า KAMPP 161 มีอายุกว่า 3,000 ปี และคาดว่าจะเป็นสุสานของราชวงศ์ที่ 18 แห่งอียิปต์ พวกมันรอการสำรวจจากนักโบราณคดีมานาน และตอนนี้พร้อมจะเผยความลับที่ซ่อนไว้แล้ว ตัวสุสานนั้นมีความกว้างขวางอย่างมาก กำแพงสุสานถูกก่อสร้างจากหินและดินโคลนเป็นแนวยาว และทางทิศใต้ของสุสานยังเชื่อมออกไปถึงห้องอื่นๆ อีกจำนวนสี่ห้อง ในสุสานแห่งหนึ่งนักโบราณคดีพบมัมมี่ ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะคาดว่ามัมมี่ตัวนี้เป็นร่างของคนสำคัญคนหนึ่งในยุคนั้น แม้ว่าจะไม่ทราบแน่ชัดว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่มีการตั้งสมมติฐานว่าอาจจะเป็น Djehuty Mes บุคคลระดับสูงที่มีชื่อสลักอยู่บนผนังของสุสาน หรืออาจจะเป็นชายชื่อ Maati เพราะชื่อของชายคนนี้ถูกสลักลงบนป้ายสุสานที่พบในสุสานแห่งนี้กว่า 50 อันเลยทีเดียว . นอกจากมัมมี่แล้ว ยังสำรวจพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณ หน้ากากโบราณ และรูปปั้นสลักจากไม้จำนวนมาก…
-
จีนค้นพบ “พระมัมมี่” อายุกว่า 1,000 ปี สภาพกระดูกและสมองครบสมบูรณ์มากที่สุด!!
กลายเป็นเรื่องที่ทำให้วงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ถึงกับตื่นตะลึงเลยทีเดียว เมื่อมีการค้นพบรูปปั้นมัมมี่อายุกว่าพันปี ที่บรรจุร่างของพระรูปหนึ่งเอาไว้ด้านใน แถมยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยพบมาเลย เรื่องนี้ถูกเปิดเผยผ่านเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2017 ว่ามีการขุดพบร่างมัมมี่ของพระสงฆ์สีทองที่วัด Dinghui มณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เมื่อนำไปเข้าเครื่อง CT สแกนก็พบว่าภายในนั้นมีโครงกระดูกและสมองที่ยังอยู่ในสภาพดีจนสามารถนำมาศึกษาได้ โดยร่างมัมมี่นี้คือพระอาจารย์ Ci Xian ว่ากันว่าเป็นพระที่ได้รับการนับถือบูชาในสมัยก่อน และยังเคยเดินทางจากอินเดียไปยังจีนเพื่อเผยแพร่ศาสนาพุทธเมื่ออดีตกาลด้วย ในระหว่างการสแกนมีพระและเหล่านักบวชร่วมเป็นพยานด้วย ซึ่งผลการสแกนทำให้ผู้คนตกใจมาก เพราะกระดูกสมบูรณ์ราวกับคนปกติทั่วไป รวมไปถึงกราม ฟัน ซี่โครง กระดูกสันหลังและข้อต่อทั้งหมด ขั้นตอนการรักษามัมมี่ ขั้นตอนทั้งหมดล้วนใช้วิธีและวัตถุดิบทางธรรมชาติ เพื่อที่เหล่าสาวกจะได้รักษาสภาพของอาจารย์ของพวกเขาให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด โดยก่อนที่พระอาจารย์ของพวกเขาจะจากไป จะมีการถามก่อนว่าจะให้เผาหรือให้รักษาศพเอาไว้ หากเป็นอย่างหลังจะมีการนำศพไปใส่เอาไว้ในโหลเซรามิคขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยสารป้องกันการกัดกร่อนตามธรรมชาติ หลังจากนั้น 3 ปี เหล่าสาวกจะนำร่างของอาจารย์ออกจากโหลเพื่อดูว่าสภาพมัมมี่นั้นเน่าหรือไม่? พวกเขาเชื่อว่าหากดวงวิญญาณบรรลุไปอีกขั้นได้ ร่างของมัมมี่จะไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา . . . ภาพสแกนอวัยวะต่างๆ ของมัมมี่ ที่แสดงให้เห็นว่าภายในยังสมบูรณ์จริงๆ . ที่มา dailymail
-
นักโบราณคดีชาวอียิปต์ ค้นพบสุสานอายุประมาณ 2000 ปี ที่เก็บมัมมี่ชนชั้นสูงมากถึง 17 ตัว!!
“มัมมี่” คือเทคนิคการรักษาสภาพศพที่ถือว่าเป็นการค้นพบที่ทันสมัยมากในยุคก่อน หลายคนที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำมัมมี่นั้นเกิดขึ้นมานานแคไหน และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเรื่องที่ทำให้วงการณ์โบราณคดีต้องฮือฮาอีกครั้ง หลังจากที่มีนักโบราณคดีได้ทำการขุดพบสุสานเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2,300 ปี และยังไม่พอก็ยังพบมัมมี่ที่ถูกเก็บไว้ถึง 17 ตัวอีกด้วย!! นักโบราณคดีชาวอียิปต์ค้นพบสุสานโบราณที่ว่านี้ในหมู่บ้าน Tuna el-Gabal ใกล้กับแม่น้ำไนล์ ของประเทศอียิปต์ “เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่เราพบสุสานแห่งนี้” หนึ่งในคณะสำรวจบอกกับผู้สื่อข่าว พื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยซากของนกพันธุ์พื้นเมืองอย่าง Ibis (นกช้อนหอย) สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์แห่งแรกที่ถูกค้นพบในบริเวณหมู่บ้านนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากกรุงไคโรเมืองหลวงของประเทศอียิปต์ถึง 220 กิโลเมตร นักโบราณคดี Khaled al-Anani บอกว่า “มัมมี่ที่เราขุดพบส่วนมากเป็นชนชั้นสูงและนักบวช” ซึ่งพวกเขาต้องทำการขุดหลุมลงไปถึง 8 เมตร ถึงจะได้พบกับซากของอารยธรรมดังกล่าว สถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบโดยทีมสำรวจของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยไคโร โดยการใช้เรดาห์ในการค้นหา ตอนนี้มัมมี่ที่ถูกพบยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นในช่วงยุคไหน เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการสำรวจ แต่ทางทีมจากมหาวิทยาลัยคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วง 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช และการค้นหามีแนวโน้มว่าจะพบมัมมี่ในสุสานแห่งนี้เพิ่มเติมมากขึ้น นี่คือส่วนหนึ่งของมัมมี่ที่ถูกค้นพบในสุสานแห่งนี้ โดยส่วนหัวยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมและมีสภาพที่สมบูรณ์ มัมมี่ในสุสานแห่งนี้ส่วนมากเป็นชนชั้นสูงและนักบวช ศาสตราจารย์ Salah Al-Kholi จากมหาวิทยาลัยไคโร คาดว่าจะสามารถพบมัมมี่ได้มากถึง…
-
เปิดกรุภาพหาดูยากของ “มัมมี่” อียิปต์โบราณ เปิดให้เห็นกันชัดๆ ว่าข้างในมีอะไรบ้าง!!?
เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องราวของมัมมี่กันมาบ้าง แต่ส่วนมากก็คงมาจากภาพยนตร์ ซึ่งเราก็จะติดภาพว่ามัมมี่คือศพที่ได้รับการพันด้วยผ้า แล้วเก็บไว้ในโลงที่สวยงาม แต่วันนี้ #เหมียวสามสี จะพาทุกท่านไปเปิดโลงดูกันว่าจริงๆ แล้วภายในเป็นอย่างไรกันบ้าง!? ภาพเหล่านี้เป็นภาพที่มาจากพิพิธภัณฑ์ Cairo Museum ในประเทศอียิปต์ ซึ่งได้เก็บเอาซากมัมมี่ไว้เยอะแยะมากมาย นี่คือภาพของฟาโรห์ทาโอที่ 2 ถูกถูกฆ่าจากการสู้รบ ซึ่งเราจะได้เห็นรอยขวานและหอกบนใบหน้าของร่าง ภาพของหญิงไม่ทราบชื่อ(ซ้าย) และราชินี Anhapou(ขวา) ซึ่งในภาพเราก็จะได้เห็นผ้าที่พันไว้หยาบๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้รับการพันด้วยผ้าไว้ ในช่วงย่างเข้าศตวรรษที่ 20 ภาพของการเปิดโลงมัมมี่ที่พันด้วยผ้าลินิน และมีรอยที่สร้างโดยโจร ซึ่งตอนนั้นมีความเชื่อว่าต้องมีของที่ทำจากทองและของล้ำค่าอื่นๆ นี่คือมัมมี่ที่ชื่อว่าจะเป็นเจ้าชาย Ouabkhousenou ซึ่งได้มีโจรตัดผ้าพันออก เพราะคิดว่าข้างในจะมีของล้ำค่าอยู่ ฟาโรห์แรเมซีสที่ 6 ซึ่งในภาพนี้ทำให้เห็นการพันคร่าวๆ สำหรับมัมมี่ที่ไม่ได้พันผ้าไว้ ในช่วงย่างถึงศตวรรษที่ 20 มัมมี่ของ Dame Rai ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นแม่ของฟาโรห์ Sethi I มัมมี่ไม่ทราบชื่อถูกวางไว้พิงกำแพงเพื่อถ่ายภาพ ภาพนี้ถ่ายโดย Discovery Channel เป็นภาพของยายของกษัตริย์ตุตันคาเมน ซึ่งถูกนำมาทดสอบดีเอ็นเอ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปี อีกทั้งร่างนี้มีอายุกว่า 3,300…
-
นักวิจัยดี๊ด๊า พบมัมมี่น้องหมาอายุกว่า 12,400 ปี จากยุคน้ำแข็ง แถมสภาพสมบูรณ์มาก!!!
นับว่าเป็นหนึ่งในการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ของวงการวิทยาศาสตร์กันเลยทีเดียว เพราะล่าสุดเหล่านักสำรวจได้ขุดพบมัมมี่ของน้องหมาในยุค สมัยไพลสโตซีน(Pleistocene Epoch) ที่ครอบคลุมระยะเวลาประมาณ 1.6 ล้านปี – 10,000 ปีก่อน ซึ่งตอนนั้นเป็นยุคน้ำแข็ง สำหรับมัมมี่นี้มีอายุราวๆ 12,400 ปีเลยทีเดียว และนี่คือครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์ได้ชิ้นส่วนของสุนัขจากยุคนี้ โดยเชื่อกันว่าเจ้าตูบยุคก่อนประวัติศาสตร์ตัวนี้เป็นพี่น้องกับเจ้าตูบอีกตัวที่ถูกพบซากไปเมื่อปี 2011 ที่ผ่านมา ลิ้งค์ข่าว จากการสันนิษฐานคาดว่าเจ้าตูบเสียชีวิตเพราะดินถล่ม กลายเป็นมัมมี่อยู่ในชั้นน้ำแข็ง ซึ่ง Sergey Fedorov แห่ง North-East Federal University (ผู้คนพบมัมมี่น้องหมา) ได้เขียนอธิบายไว้ว่า ‘ชิ้นส่วนครบตั้งแต่จมูกไปจนถึงหาง แม้กระทั่งเส้นขนก็ยังมี’ มัมมี่น้องหมาอายุกว่าหมื่นปี และพอนำไปเข้าเครื่อง MRI scanner หรือการตรวจเอกซเรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ทำให้ต้องอึ้งเข้าไปอีก เพราะสภาพสมองของน้องหมามัมมี่ยังสมบูรณ์ราวๆ 70-80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว Dr. Pavel Nikolsky หนึ่งในทีมงานผู้วิจัยจาก Geological Institute กล่าวว่า ‘ถึงสมองจะแห้งไป แต่ส่วนสมองน้อย สมองส่วยท้าย และต่อมใต้สมองก็ยังสามารถมองเห็นได้ อาจพูดได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เราได้สมองจากยุคไพลสโตซีนเลยล่ะ’ แถมจากการพิสูจน์ DNA ยังชี้ชัดด้วยว่า เจ้าตูบมี DNA ที่คล้ายคลึงกับน้องหมา มากกว่าหมาป่า ซึ่งยุคนั้นส่วนมากจะเป็นหมาป่านั่นเอง…
-
พบศพชายนักล่องเรือชาวเยอรมันกลายสภาพเป็น ‘มัมมี่’ ชันสูตรศพพบว่าเสียชีวิตไม่เกินเจ็ดวัน!!
กลายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตกใจเป็นอย่างยิ่งกับการพบศพของนักล่องเรือ ผจญภัยไปตามมหาสุมทรต่างๆ ซึ่งจู่ๆ ชาวประมงสองรายจากชายฝั่งฟิลิปปินส์ บังเอิญไปเจอเรือที่อยู่ในสภาพล่องลอยอย่างไร้จุดหมาย แล้วก็พบกับสภาพของศพที่อยู่สภาพคล้ายกับมัมมี่!! สำหรับศพดังกล่าวก็คือนาย Manfred Fritz Bajorat ชาวเยอรมัน วัย 59 ปี โดยมีรายงานว่าเขาได้หายตัวไปตั้งแต่ปีค.ศ. 2009 และจากการสันนิษฐานในตอนแรก คาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตมาหลายปีแล้วอันเนื่องมาจากสภาพศพที่คล้ายกับมัมมี่ แต่ภายหลังการชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริง ทางตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์กลับแจ้งว่าเขาเสียชีวิตอันเนื่องมาจากหัวใจวายเฉียบพลัน ในช่วงที่ก่อนจะพบศพเขาอยู่บนเรือ ‘จากการชันสูตรศพพบว่าสาเหตุการตายของเขานั้นเกิดจากโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และคาดว่าเขาน่าจะเสียชีวิตมาไม่มากหรือไม่น้อยกว่า 7 วัน’ โฆษกตำรวจแห่งชาติฟิลิปปินส์กล่าว ตำรวจยังรายงานอีกด้วยว่า ชาวประมงผู้พบศพนั้นสังเกตเรือยอร์ชลำนี้ลอยอยู่ใกล้ๆ ชายฝั่งเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยที่ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหนหรือมีกิจกรรมใดๆ เลย จึงตัดสินใจเข้าไปสำรวจภายในก็พบกับสภาพศพของ Manfred Fritz Bajorat อยู่ในสภาพดังกล่าวคล้ายกับว่าจะทำการติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านวิทยุสื่อสารเป็นครั้งสุดท้าย แต่ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของสภาพศพที่กลายมาเป็นมัมมี่ได้ในเวลาอันรวดเร็วเพียงแค่ 7 วันได้ ยังคงเป็นเรื่องปริศนาที่ต้องการข้อพิสูจน์กันต่อไป ที่มา : mirror, unilad