Tag: มารยาท
-
11 กริยาท่าทาง “ไม่เหมาะสม” ในที่ทำงาน ใครเป็นแบบนี้ ควรเลิกทำได้แล้ว!
สำหรับวัยทำงาน หลายท่านคงทราบดีว่ามันต่างจากสมัยเรียนมาก ทั้งเรื่องของหน้าที่การงานและการวางตัว ขณะที่มารยาททางสังคมต่างๆ เองก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนเรียนอีกเสียด้วย วันนี้เราจะมากันด้วยเรื่องของ กิริยาท่าทางที่ดีในที่ทำงาน ซึ่งอาจมีหลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ วันนี้เราจะได้รู้กันแล้วว่าท่าทางแบบไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ถ้าอยากมีได้เลื่อนขั้นเร็วๆ ก็ไม่ควรพลาดบทความนี้เลยล่ะ… 1. การนั่งทำงานแบบปล่อยตัวสบายเหมือนอยู่บ้าน แน่นอนว่าหลายคนอาจจะติดวิธีการนั่งสบายๆ มาจากที่บ้าน แต่สำหรับที่ทำงานแล้ว หากคุณปล่อยตัวสบายๆ แบบนั้น นอกจากมันจะทำให้กระดูกสันหลังบาดเจ็บแล้ว มันยังทำให้ ภาพลักษณ์คุณเสีย อีกด้วย หัวหน้าอาจมองว่าคุณไม่ใส่ใจกับงาน และขี้เกียจ เปลี่ยนเป็นท่านั่งที่ทะมัดทะแมงมากขึ้น เพื่อให้คนเห็นว่างานทุกงานคือสิ่งที่คุณสนใจและทุ่มเทให้กับมันอย่างเต็มที่ 2. มองบน การมองบนอาจใช้เล่นกับเพื่อนๆ ได้ แต่อย่าใช้ในที่ทำงานเด็ดขาดเพราะมันไม่สุภาพเอามากๆ ต่อให้ไม่มีใครเห็นก็ตาม แต่การกลอกตาหรือมองบนนั้นเป็นการไม่ให้เกียรติผู้อื่นอย่างยิ่ง ถ้าหัวหน้างานคุณมาเห็นคุณอาจจะต้องพบกับความซวยที่แท้จริง 3. ยืนกุมเป้า การยืนกุมเป้านั้นเป็นท่าประจำของหนุ่มๆ เลย แต่อยากบอกไว้สักหน่อยว่าในบริบทของการทำงาน การยืนด้วยท่ากุมเป้านั้นจะทำให้เพื่อนร่วมงานของคุณรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ ฉะนั้น ลองยืนท่าปกติ ปล่อยมือออกจากบริเวณเป้า 4. รุกรานความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น ไม่ว่าหัวหน้างานของคุณจะเป็นคนอัธยาศัยดีและเป็นมิตรขนาดไหน คุณก็ไม่ควรเข้าไปรุกรานพื้นที่ส่วนตัวของเขา…
-
งงเลยครับ… หญิงรีบวิ่งไปแย่งที่จอดว่าง ไม่ยอมขยับไปไหน อ้างมาก่อนทั้งที่ไม่ได้ขับรถ!?
พื้นที่จอดรถสาธารณะตามห้าง ตามอาคารต่างๆ นั้น เป็นที่รู้กันดีในเรื่องของกฎการอยู่ร่วมกันในสังคม เมื่อใครมาถึงก่อนก็จะได้สิทธิ์ในการจอดตรงนั้นไป แต่ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันนี้สามารถพุ่งตัวเข้าไปจองซองจอด โดยที่ไม่ต้องขับรถได้ด้วยหรือไม่? พฤติกรรมการจองที่จอดดังกล่าว ถูกเก็บภาพเอาไว้ได้จากกล้องหน้ารถของนาย Nicholas Chew ในย่าน Flushing นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างที่เขากำลังหาซองจอดว่างๆ ภายในอาคารจอดรถ แต่แล้วก็มีหญิงรายหนึ่งพุ่งเข้าไปที่ว่างตรงนั้น พร้อมกับบอกว่าเขาจอดไม่ได้!! ภายในคลิปจะมีหญิงสองรายเข้ามาโต้เถียงกับเจ้าของรถที่มาถึงซองจอดก่อน พยายามบีบแตรไล่พร้อมตะโกนว่า “นี่เอาจริงเหรอ นี่มันที่จอดรถทั่วไปนะ ไม่ใช่ที่จอดรถสำหรับผู้หญิง ออกไปได้แล้ว” แม้จะพูดจาอย่างไรก็ไม่เป็นผล แถมยังโดนโบกมือไล่ให้ออกจากซองจอด โดยอ้างว่าเดี๋ยวจะมีรถจี๊บที่พ่อของเธอเป็นคนขับเข้ามาจอด และจะยืนรออยู่แบบนี้ต่อไปโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมาถึงก่อน ต่อให้โดนบีบแตรไล่ โดนด่าก็ไม่ยอมออก!! ภายหลังมีหญิงอีกรายเข้ามาเพิ่ม คาดว่าน่าจะเป็นคุณแม่ คลิปวิดีโอจากเหตุการณ์ดังกล่าว จนท้ายที่สุดแล้วผู้ (ขับรถ) มาถึงก่อนต้องยอมแพ้ และถอยรถออกไปหาที่จอดว่างอื่นแทน โดยที่เขาได้ชี้แจงกับทางเว็บไซต์ Dailymail ไว้ว่า… “พวกเขาเข้าใกล้รถผมมาก เหมือนพยายามขู่ให้ผมออก ผมรู้ว่าการที่เข้ามายืนจองที่จอดใครๆ ก็เคยทำ แต่ถ้ามีคันอื่นเข้ามาถึงก่อน ก็ไม่ควรทำตัวงอแงเหมือนเด็กแบบนี้” …
-
ญี่ปุ่นเปิดบริการให้เข้าเคารพศพแบบไดร์ฟทรู เพื่อเอื้อประโยชน์แก่ ‘คนแก่และคนพิการ’
การสูญเสียใครสักคนไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงหรือแม้แต่คนรู้จักผ่านๆ ไม่ว่าจะแบบไหนผลที่ตามมาก็ย่อมสร้างความเสียใจเสมอ และในบางครั้งคนที่เสียใจก็กับการจากไปก็ไม่พร้อมที่ต้องแสดงตัวในงานศพนั้นๆ ก็เป็นได้ และด้วยเหตุนี้ทางสถานที่จัดงานศพในญี่ปุ่นที่มองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงได้เพิ่มตัวเลือกใหม่กับญาติๆ หรือคนรู้จักของผู้เสียชีวิตสามารถขับรถมาเคารพศพโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงจากรถ หรือที่เราเรียกว่าการเข้าเคารพศพแบบไดรฟ์ทรูนั่นเอง โรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพ The Ueda-Minami Aishoden ในเมืองยูดะ จังหวัดนะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น ได้ริเริ่มแนวคิดดังกล่าวพร้อมเปิดหน้าต่างส่วนหนึ่งเพื่อให้ญาติหรือคนรู้จักของผู้เสียชีวิต สามารถลงทะเบียนเข้าเคารพศพผ่าน iPad และเดินทางมาทำพิธีแบบญี่ปุ่นได้โดยผ่านหน้าต่างโรงประกอบพิธีและหน้าต่างรถของพวกเขา ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่เข้าใช้บริการนั้นจะเป็นกลุ่มคนที่อยากจะมาเคารพศพจริงๆ แต่พวกเขาก็มีธุระต้องไปต่อเช่นกัน การทำแบบนี้จึงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับญาติ รวมถึงคนบางกลุ่มที่เสียใจเกินกว่าออกไปพบปะผู้มาร่วมงานศพคนอื่นๆ นั่นเอง แต่จุดประสงค์หลักของการเปิดบริการนี้จริงแล้วนั่นก็คือ การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้สูงอายุ เพราะว่าการทำพิธีแบบญี่ปุ่นนั้นจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการเคารพศพ และผู้คนก็จะต้องต่อแถวกันเป็นเวลานาน ฉะนั้นผู้สูงอายุที่ยากต่อการเดินทางและยืนรอนานๆ จึงจำเป็นจะต้องใช้ตัวเลือกนั่งทำพิธีกรรมในรถผ่านระบบนี้นั่นเอง Juken Takehara หัวหน้าของโรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพ The Ueda-Minami Aishoden ได้กล่าวว่า “ในตอนแรกที่เราเริ่มระบบนี้นั้น เราก็พบว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ออกมาตอบโต้ว่าระบบของเรานั้นไม่ให้ความเคารพต่อผู้เสียชีวิต แต่พอเวลาไปสักระยะหนึ่งปัญหานั้นก็เริ่มหมดไป และพวกเราก็ได้เสียงตอบรับที่ดีมากขึ้น เพราะว่ามันส่งผลดีต่อผู้สูงอายุและคนพิการเป็นอย่างมากนั่นเอง” . อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าการเข้าเคารพศพจะเกิดขึ้นด้วยวิธีไหน แต่ถ้าคนที่มาเขามีใจอยากจะบอกลาคนรู้จักหรือคนรักจริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวว่าจะเป็นไดรฟ์ทรูหรือยืนรอหรอกจริงไหม เพราะความรู้สึกที่พวกเขาส่งออกมานั้นแหละคือตัวบ่งบอกเจตนาของพวกเขา……
-
ญี่ปุ่นรณรงค์ให้คน “ขอบคุณ” รถที่จอดให้ข้าม กลายเป็นคลิปไวรัลที่ชาวเน็ตหลงรัก
การโค้งคำนับ ถือเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมการทักทายของชาวญี่ปุ่นที่ดูอ่อนช้อยและสวยงาม นอกจากจะใช้แทนการกล่าวทักทายกันแล้ว การโค้งคำนับยังยังเป็นการแสดงความขอบคุณอีกด้วยเช่นกัน และเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีหนึ่งในแคมเปญรณรงค์อันสุดแสนจะน่ารักของที่นี่ นั่นก็คือการสนับสนุนให้ทุกคนโค้งคำนับให้กับรถที่จอดให้ข้ามถนนเพื่อเป็นการแสดงถึงความขอบคุณน้ำใจของผู้ใช้รถนั่นเอง คลิปวิดีโอไวรัลจาก จังหวัด Iwate ทางต้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น ได้ทำเอาหลายๆ คนรู้สึกดีไปตามๆ กัน หลังจากที่เห็นการแสดงวัฒนธรรมนี้ระหว่างผู้ใช้รถและคนเดินเท้า บริเวณสี่แยกในจังหวัด Iwate เด็กๆ ในเมืองนี้จะได้รับการสอนให้โค้งคำนับแก่ผู้ที่มีน้ำใจบนท้องถนนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งการโค้งคำนับนี้ถูกจัดอยู่ในวิชามารยาทของเด็กๆ ในจังหวัดนี้เลยทีเดียว และถึงแม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะไม่ได้มีข้อกำหนดทางกฎหมาย แต่นิสัยนี้ก็ติดตัวผู้คนในจังหวัดนี้ และกลายเป็นเหมือนวัฒนธรรมของที่นี่ไปเลยทีเดียว เด็กๆ ที่แสดงการโค้งคำนับเพื่อขอบคุณ คนขับรถที่ยอมให้พวกเขาข้ามถนนก่อน แหม่.. ดูน่ารักจริงๆ เลยนะเนี่ย และเมื่อคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็ได้รับคำชื่นชมจากชาวเน็ตอย่างมาก หลายๆ คนได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากมาย “ฉันเห็นการโค้งคำนับนี้ทุกๆ ครั้งที่ฉันจอดให้คนข้ามถนนในตอนที่ไม่มีสัญญาณไฟ และถึงแม้ว่าฉันจอดเพราะติดไฟแดง พวกเขาก็ยังคงโค้งคำนับเช่นกัน” หนึ่งในความคิดเห็นของชาวเน็ต “ฉันมาจากจังหวัด Iwate ฉันคิดว่าทุกคนที่นี่ทำแบบนี้ แต่ทำแบบเดียวกันนี้ที่ Yokohama เมื่อ 40 ปีที่แล้ว มันกลับเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับคนที่นั่น” “นี่เป็นสิ่งที่เราควรจะเริ่มทำกันไม่ว่าจะที่ใดก็ตามในประเทศ” นอกจากมารยาทในการใช้รถใช้ถนนแล้ว ที่จังหวัดแห่งนี้ยังมีอัตราการเกิดอุบัติเหตุทางท้องถนนที่ต่ำมากๆ อีกด้วย โดยจากการศึกษาในปี…
-
เจ้าของร้านกาแฟจัดโปรโมชั่นลดราคา โดยขึ้นอยู่กับมารยาทการสั่ง ยิ่งพูดเพราะยิ่งลดเยอะ!?
ในปัจจุบันนี้ธุรกิจร้านกาแฟนั้นมีอยู่มากมายเรียกได้ว่ามีเยอะพอๆ กับร้านอาหารตามสั่งเลยก็ว่าได้ แต่ละร้านจึงต้องงัดกลยุทธ์การตลาดเพื่อที่จะเรียกลูกค้ากัน ไม่ว่าจะเป็นซื้อ 1 แถม 1 หรือจะเป็นการลดราคาเครื่องดื่ม 50% แต่เราได้ไปพบร้านกาแฟอยู่ร้านหนึ่งที่มีชื่อว่า Roanoke coffee shop ได้จัดโปรโมชั่นในการลดราคาของกาแฟให้คุณลูกค้า แต่แตกต่างจากที่อื่นไปอย่างสิ้นเชิง นั่นก็เป็นเพราะว่าการลดราคากาแฟจะขึ้นอยู่กับมารยาทในการสั่งของลูกค้าแต่ละคน!? โดยทางร้านได้เขียนป้ายรายละเอียดในการลดราคาของกาแฟโดยขึ้นอยู่กับคำพูดในการสั่งออร์เดอร์ตามลำดับขั้นความสุภาพไว้ถึง 3 ระดับด้วยกัน การสั่งธรรมดา “กาแฟแก้วเล็กหนึ่ง” อยู่ที่ราคา 5 ดอลลาร์ เพราะกลางๆ “ขอกาแฟแก้วเล็กที่หนึ่งครับ” ลดลงมาเหลือ 3 ดอลลาร์ และเพราะที่สุด “สวัสดีครับ ผมขอกาแฟแก้วเล็กที่หนึ่งคร้าบบบ” ลดเหลือเพียง 1.75 ดอลลาร์ ซึ่งราคานั้นก็ลดลงตามการสั่งที่สุภาพขึ้นนั้นเอง เจ้าของร้านกาแฟนี้มีชื่อว่า Austin Simms เขาเบื่อเหลือเกินกับลูกค้าที่หยาบคาย จึงตัดสินใจที่จะหาวิธีแก้ปัญหานี้ “ผมแค่อยากที่จะให้ทั้งลูกค้าและคนชงกาแฟนั้นได้รับความยุติธรรมเท่ากัน โดยการทักทายและการมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน” Simms ได้เขียนโปรโมชั่นนี้ลงบนป้ายหน้าในวันอาทิตย์และในวันจันทร์ต่อมาร้านกาแฟนี้ก็ได้รับความสนใจจากสื่อเป็นจำนวนมากมายเลยทีเดียว เมื่อข่าวนี้ได้มีการเผยแพร่ออกไปก็ได้มีชาวเน็ตมาแสดงความคิดอย่างล้นหลาม “เยี่ยมสุดๆ โปรโมชั่นแบบนี้น่าจะนำไปใช้ทั่วโลกนะ มันเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ” “้เป็นเรื่องที่ดีนะ ซึ่งคนในปัจจุบันมักหลงลืมมารยาทแบบนี้กันไป คุณควรมีมารยาทที่ดีต่อผู้อื่น…
-
24 เหตุการณ์ Culture Shock เมื่อต้องไปเจอวัฒนธรรมแปลกๆ รอบโลก รู้ไว้เถอะน่า!!!
ถ้าหากใครที่กำลังจะได้เดินทางท่องเที่ยวไปในประเทศใหม่ที่อาจไม่เคยไปมาก่อน ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาวก็อาจจะต้องเจอกับเหตุการณ์หรือธรรมเนียมปฏิบัติในต่างแดนที่มันไม่คุ้นเอาซะเลย วันนี้จึงขอพาเพื่อนๆไปเรียนรู้ธรรมเนียมปฏิบัติที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละประเทศที่ถูกรวบรวมโดยเว็บไซต์ FlyDubai เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมสู่การเดินทางเปิดโลกทัศน์ใหม่หรือถ้าหากใครที่ต้องติดต่อค้าขายธุรกิจกับคนต่างชาติ รับรองว่าจะช่วยให้เข้าใจธรรมเนียมของพวกเขาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน… 1. ธรรมเนียมการให้ทิปของคนอเมริกา ใครที่ได้ไปเยือนดินแดนแห่งเสรีภาพที่นี่ครั้งแรก อาจจะไม่ค่อยชินกับธรรมเนียมการให้ทิปแก่ทุกๆ อย่างของคนที่นี่ ไม่ว่าจะในร้านอาหาร บนรถแท็กซี่ โรงแรม หรือแม้กระทั่งคนดูแลภายในห้องน้ำ โดยส่วนใหญ่แล้วจะต้องมีการให้ทิปแก่พนักงานบริการคิดเป็นประมาณ 15-25% ของราคาจริง 2. การรับประทานอาหารที่ถูกจัดหาให้ในแอฟริกาใต้ ในแถบแอฟริกาใต้เมื่อมีแขกมาเยี่ยม พวกเขามักจะต้อนรับด้วยการนำอาหารมาเสิร์ฟให้เพื่อเป็นการแสดงถึงการต้อนรับที่ดีและความเคารพซึ่งกันและกัน บางทีอาจจะรวมถึงอาหารที่ทำมาจากแมลงหรืออวัยวะอื่นๆ จากสัตว์ที่เราอาจไม่คุ้นเคย แต่ถ้าหากเราไม่ยอมทานให้หมดล่ะก็…อาจจะหมายถึงการไม่เคารพซึ่งกันและกันเลยทีเดียว 3. ทานอาหารให้หมดจานในจีน อาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแตกต่างจากวัฒนธรรมฝั่งตะวันตก แต่ในจีนและบางธรรมเนียมของประเทศฝั่งตะวันออกที่เชื่อว่าหากแขกที่มาเยี่ยมทานอาหารจนหมดจานนั่นหมายความว่ามันเอร็ดอร่อยซะจนต้องขอเบิ้ลอีกจานและแน่นอนว่าเจ้าบ้านจะตักอาหารเพิ่มให้คุณ 4. ปิดเสียงโทรศัพท์ในรถไฟที่ญี่ปุ่น ในญี่ปุ่นผู้โดยสารรถไฟ จะถูกขอให้ปิดเสียงโทรศัพท์หรือเปิดระบบสั่นไว้เท่านั้นขณะเดินทาง เพราะที่นี่คำนึงถึงเรื่องของส่วนรวมที่ไม่ต้องการให้การใช้โทรศัพท์มีเสียงดังรบกวนแก่ผู้อื่นยังไงล่ะ.. 5. วิธีการขึ้นรถไฟสุดแปลกของคนอินเดีย ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าระบบการขนส่งรถไฟในอินเดียนั้นช่างแตกต่างจากทุกประเทศซะเหลือเกิน เพราะบางทีอาจมีการต่อสู้หรือแย่งกันปีนป่ายเพื่อเข้าไปในรถไฟเลยทีเดียว ถ้าหากไปเผลอชนใส่ใครเข้า การกล่าวขอโทษก็เป็นทางออกที่ดีสำหรับที่นี่เช่นกัน 6. ระยะห่างของการพูดคุยกันต่อหน้า นับว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญเลยทีเดียว ในอเมริกาการเข้าไปพูดคุยต่อหน้าในระยะประชั้นชิดอาจแสดงถึงการถกเถียงกันอย่างรุนแรงหรือการทะเลาะกัน แม้แต่ในอังกฤษและเยอรมันก็มักจะยืนคุยกันด้วยระยะห่างที่พอดี และในเม็กซิโกหากใกล้ชิดมากเกินไปอาจทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจระหว่างการสนทนาได้ …
-
มารยาท 13 ข้อ ที่ทุกคนควรรู้เอาไว้ เมื่อคิดจะไปเที่ยวต่างประเทศ…!!!
จะไปเที่ยวต่างประเทศกันทั้งทีบางทีมันก็มีเรื่องให้น่าเป็นห่วงบ้าง ทั้งภาษาที่แตกต่างกัน อาหารการกินก็ไม่เหมือนกัน และที่สำคัญจะไปเที่ยวให้สนุกก็ต้องมีการสื่อสารกับคนท้องถิ่นบ้าง แต่บางเรื่องที่สามารถทำได้สบายๆในบ้านเราอาจจะทำไม่ได้ในบางที่นะจ๊ะ 1. ศาสนาและแอลกอฮอล์ ปกติแล้วในกลุ่มประเทศศาสนาอิสลามนั้น แอลกอฮอล์ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฏและห้ามดื่มในที่สาธารณะเพราะฉะนั้นเวลาที่ไปเที่ยวเราควรระวังเรื่องนี้ไว้ให้มาก อาหารประเภท เนื้อหมู ก็เช่นกัน เรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะจ๊ะ 2. ดูได้แต่ห้ามจับ การจูบกันในที่สาธารณะหรือการมีกิ๊กถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดอย่างร้ายแรงในแถบตะวันออกกลาง ถ้าไปเที่ยวบ้านเค้าแล้วเราก็ควรระมัดระวังไม่ทำผิดกฏจะดีกว่า ถ้าไปกับแฟนอาจจะไม่กล้าหวานออกสื่อเลยทีเดียวเพราะที่ดูไบมีคู่รักที่โชว์หวานกันริมชายหาดถูกตัดสินให้จำคุกถึง 6 ปี!!!! เลยนะ 3. นิ้วโป้งเจ้าปัญหา ทางที่ดีเราควรศึกษาให้ดีก่อนไปเที่ยวเพราะต่างประเทศกันสัญลักษณ์การชูนิ้วโป่งที่บ่งบอกว่าเยี่ยมมากในแบบบ้านเราก็อาจจะมีความหมายที่ต่างกัน ในยุโรปและสหรัฐฯ การชูนิ้วโป่งมีความหมายแบบเดียวกับบ้านเรา แต่ในอิหร่านกลับหมายถึงการดูถูกซะงั้น แบบนี้จะเอาไปใช้ที่ไหนก็ต้องระวังกันบ้างละน้าาา 4. เล่นหัว ใช่แล้ว เล่นหัวเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เราจะเอาไปเล่นมั่วๆไม่ได้นะเออ ถึงแม้ว่าในยุโรปการแกล้งตบหัวเด็ก(แบบเบาๆนะ555)อาจจะมีความหมายเชิงเป็นมิตรต่อกันแต่ในประเทศที่นับถือความอาวุโสอย่างเช่นบ้านเรามันหมายถึงการไม่เคารพซึ่งกันและกันเพราะฉะนั้นเล่นให้ถูกคนล่ะ 5. สัญลักษณ์มือ การชี้นิ้วไปตรงๆในประเทศอเมริกาและยุโรปมีความหมายถึงการชี้ไปที่สิ่งของนั้นๆ ในมาเลเซียการใช้มือชี้ไปทั้งมือเป็นการบอกถึงเส้นทาง แต่ในฟิลิปปินส์จะชี้สิ่งของด้วยการขยับตาและใช้ปากชี้ แถมในบางที่การชี้ไปที่คนยังถือเป็นเรื่องไร้มารยาทอีกด้วยนะ ก็ต้องระวังกันให้ดีล่ะ 6. เรื่องต้องห้าม แต่ละประเทศก็มีเรื่องของการเรียกชื่อหรือเรียกคนท้องถิ่นนั่นๆทั้งแบบสุภาพและหยาบคาย เราไปเที่ยวก็ควรจะเลือกใช้คำแบบสุภาพอยู่แล้วเนาะ อย่างเช่น คนแอฟริกัน-อเมริกัน ไม่ชอบให้ใครมาเหยียดสีผิวพวกเขา หรือว่าไม่ควรคุยเรื่องทิเบตกับคนจีน เป็นต้น…
-
ไปดู The Conjuring 2 ต้องรีบออกจากโรง ไม่ใช่ผีน่ากลัวนะ แต่ ‘คนไร้มารยาท’ น่ากลัวกว่า!!
‘มารยาท’ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารในร้านอาหาร การใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือ การดูหนังที่ฉายในโรง ควรมีความเกรงใจต่อผู้อื่นที่มาใช้บริการร่วมกับเราด้วย แต่ก็อย่างว่า คนเราเกิดมาในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน ย่อมมีคนที่มักจะทำตัวไร้มารยาทอยู่ในสังคมร่วมกับเราอยู่ไม่น้อยเลย อย่างล่าสุดก็มีเหตุการณ์ที่ชาวเน็ตเฟซบุ๊ครายหนึ่งได้ประสบพบเจอมาในโรงหนัง โดยเธอซื้อตั๋วเข้าไปชมหนังเรื่อง The Conjuring 2 แต่ดันต้องมาหัวเสียเพราะเจอกับคนไร้มารยาท ทำให้ทนไม่ไหวลุกออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่จบเรื่อง จึงได้เก็บภาพและเอามาโพสต์ระบายความอัดอั้นตันใจ โดยเจ้าของโพสต์ได้เล่าว่า พบกลุ่มชาย 3-4 คนส่งเสียงดังมาก ดังกว่าเสียงหนังซะอีก แถมตอนฉากที่เงียบก็ส่งเสีย แฮ่!! ให้คนอื่นตกใจกลัว ยังไม่พอมีการเอาเท้าไปพาดบนเบาะที่นั่งด้านหน้า ซึ่งแถวนั้นมีคนนั่งถัดไปจากเบาะที่เอาเท้าพาดอีก 2 ที่นั่ง มีคนส่งเสียงเตือน จุ๊ๆๆ ก็ยังไม่หยุด นอกจากนี้หนึ่งในนั้น ก็เล่นโทรศัพท์มือถือโดยไม่ปิดเสียงแจ้งเตือน ดังทั้งเสียงปุ่มกด โทรศัพท์เข้า และเมจเสจเด้ง มาเต็ม แถมแสงจากหน้าจอก็สว่างจ้าอีกด้วย ถักมาข้างๆ เธอก็มีคู่รักหญิงชายนั่งซ้อนกันบนเบาะเดียว พร้อมกับจูบปากกันเป็นระยะๆ (โอ้วหมายก้อดดด) และสุดท้ายเจ้าของโพสต์ได้ทิ้งท้ายไว้ว่า ฝากถึงคนทั้งหลายที่รู้ตัวว่าไม่พร้อมที่จะดูหนังร่วมกับผู้อื่น เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ก็ให้ดูอยู่ที่บ้านจะดีกว่า เพราะคนอื่นที่มาดูเค้าเสียเงินมาดูเพื่อพักผ่อนจากการทำงานนที่เหน็ดเหนื่อย และต้องการใช้สมาธิในการดู…
-
ประเด็นร้อนๆ ดราม่าพาลูกไปกินข้าว โดนร้านอาหารไล่เพราะเด็กชิ้งฉ่อง-อ้วกในร้าน
เมื่อพูดถึงการไปทานอาหารนอกบ้าน ลูกค้าทั้งหลายก็ย่อมต้องนึกถึงคุณภาพของร้านและการบริการที่ดีจากทางร้านเพื่อให้เหมาะสมกับเงินที่เสียไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเสียเงินแล้วลูกค้าจะสามารถทำอะไรในร้านก็ได้… อย่างเช่นเหตุการณ์ที่ #เหมียวหง่าว จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังต่อไปนี้… เรื่องมีอยู่ว่ามีกลุ่มเน็ตไอดอลกลุ่มหนึ่งไปใช้บริการที่ร้านอาหาร และจู่ๆ เจ้าของร้านก็ไล่ให้เช็คบิลออกไปหน้าตาเฉยเลย ทั้งๆ ที่พวกเธอยังทานอาหารไม่เสร็จ ซึ่งขณะนั้นพวกเธอก็ได้ทำการอัดวิดีโอถ่ายทอดสด หรือเฟสบุ๊คไลฟ์ ไปด้วย แต่จริงๆ แล้วมันมีสาเหตุมาจากว่าพวกเธอพาลูกไปที่ร้านอาหารด้วย และเด็กส่งเสียงดังมาก วิ่งเล่นไปทั่วร้าน และที่สำคัญเด็กน้อยเหล่านั้นก็ได้ทำการทิ้งตอปิโดไว้เป็นกองที่พื้นร้าน แถมยังอ้วกเรี่ยราดอีกด้วย จากการที่เจ้าของร้านไล่ให้เหล่าเน็ตไอดอลทั้งหลายเช็คบิลออกไปจากร้าน พวกเธอก็แสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงได้มีปากเสียงกับทางเจ้าของร้านพร้อมกับตำหนิทางร้านให้กับคนที่ชมเฟสบุ๊คไลฟ์รัวๆ แถมเข้าไปรีวิวให้ทางร้านอีกด้วย… ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันที่ข้างล่างนี้ได้เลย.. หลังจากที่เหตุการณ์นี้ถูกเผยแพร่ออกไปทั่วโลกโซเชียลก็มีชาวเน็ตมากมายเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงตำหนิ…แต่ไม่ได้ตำหนิทางร้านนะ กรุ๊ปเน็ตไอดอลโดนไปเต็มๆ!! . . . . . เพิ่มเติม ล่าสุดทางฝ่ายเน็ตไอดอลก็ได้ออกมาทำการขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว . แล้วชาวเหมียวมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้างกับเรื่องนี้ เชิญคอมเม้นท์กันเข้ามาได้เลยนะจ้าา ที่มา : เรื่องเหล้าเช้านี้
-
วิเคราะห์สาเหตุ ทำไม ‘นักท่องเที่ยวจีน’ จึงขึ้นชื่อเรื่องพฤติกรรมไร้ระเบียบวินัย จนดังไปทั่วโลก?
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา และด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความคิดอย่างสุดกู่ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นกลายเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านประเทศเจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก เมื่อคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น…. พฤติกรรมแย่ๆ เรามักพบเห็นในเหล่านักท่องเที่ยวจีนก็อย่างเช่น การแซงคิว การขับรถที่น่าหวาดเสียว การตักอาหารในร้านบุฟเฟ่แบบเกินความจำเป็น การพูดคุยเสียงดังในที่สาธารณะ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้เล่าภายในหนึ่งวันก็อาจไม่หมด หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพฤติกรรมเหล่านั้น จึงมักปรากฏในตัวของชาวจีน พวกเขาใช่เป็นกลุ่มชนที่ไร้อารยะอย่างที่พวกเราตราหน้าจริงหรือ!? แล้วทำไมพวกเขาจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองไปหาสาเหตุกันดีกว่า?? ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน… อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาวกว่า 4,500 ปี ตลอดช่วงเวลานั้น มีนักปราชญ์ชื่อก้องโลกหลายต่อหลายคนถือกำเนิดขึ้นมาบนแผ่นดินมังกรแห่งนี้ และประเทศจีนก็เป็นดินแดนแรกๆ ที่เริ่มประดิษฐ์กระดาษและดินปืนขึ้นมาใช้อีกด้วย แน่นอน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานขนาดนี้ พวกเขาย่อมเป็นดินแดนที่มีประเพณีและวัฒนธรรมงดงามไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกอย่างแน่นอน อย่างเช่นลัทธิเต๋าและขงจื้อที่เป็นหลักจริยธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตให้กับชาวฮั่นมาตลอดหลายร้อยปี เรดการ์ด และ การปฏิวัติวัฒนธรรม แต่จนกระทั่งช่วงปี 1960 ประเทศจีนเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์ ที่มี เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำสูงสุด ตอนนั้นเขาเริ่มสูญเสียฐานอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์ของตนเอง ด้วยความกลัวที่จะเสียอำนาจนั้น เขาใช้ข้ออ้างในการ…
-
ด้วยการทักทายคำว่า ‘ชื่อไร’ สู่คำว่า ‘ไร้มารยาท’ ดราม่าสนั่นเรื่องมารยาทไร้ความหยาบคาย!!
เมื่อคืนนี้เอง ในขณะที่ #เหมียวเลเซอร์ กำลังเลื่อนๆ ดูหน้านิวส์ฟีดของตัวเอง จู่ๆ ก็ไปเจอกับคำว่า ‘ชื่อไร’ ขึ้นมาเฉยๆ จากสเตตัสของหลายๆ คน ทำเอา งง ค้างข้ามคืนกันเลยกับคำๆ นี้ มันคืออะไร มันมาจากไหน เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร!? บางคนอาจจะรู้กันมาบ้างแล้วว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอะไร ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกเปิดเผยจากเพจ Red Skull V.6 Plus ที่ได้นำภาพแชทต้นเรื่องมาโพสต์ เป็นการทักทายในแชทที่เปิดด้วยคำว่า ‘ชื่อไร’ เพียงแค่นี้ แต่โดนตอบกลับด้วยคำว่า ‘ไร้มารยาท’ จากภาพแชทกรณีดังกล่าว กลายมาเป็นประเด็นใหญ่โตเลยทีเดียว อันเนื่องมาจากคำว่า ‘ชื่อไร’ เท่านั้น เจ้าตัวตอบกลับด้วยคำว่า ‘ไร้มารยาท’ แถมท้ายด้วย ‘ไปไกลตีน’ ทั้งนี้ ถ้าให้ดูดีๆ แล้วก็ไม่น่าจะตอบกลับด้วยคำที่รุนแรง ราวกับว่าไปหยาบคายใส่อีกฝ่ายก่อน เจ้าตัวก็ยังคงใช้คำเช่นเดิมเหมือนกับที่ตอบแชทไปในตอนแรก อีกทั้งยังเน้นย้ำในเรื่องมารยาท ความสุภาพ ใครดีมาดีกลับ เพื่อนๆ…