Tag: ยาบ้า
-
ชมคลิปตำรวจเกาหลีใต้รวบ ‘คนไทย’ ลักลอบขนยาบ้า-ไอซ์ 30 ล้านบาท จับคาหนังคาเขา!!
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2018 เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า เอ็ม กิติศักดิ์ คนชุมแพ ได้ออกมาโพสต์เกี่ยวกับข่าวที่กำลังถูกพูดถึงในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจของประเทศนั้นจับได้ว่าคนไทยแอบลักลอบขนยาบ้าเข้าประเทศของพวกเขา จากโพสต์บอกว่า นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในวันที่ 22 มีนาคม 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ทำการสะกดรอยและเข้าจับกุมคนไทย 7 คน (ชาย 5 หญิง 2) ที่เดินทางออกจากสนามบินปูซาน แฮนัม ไปยังเขตชูจอนใต้ พบว่าผู้ต้องสงสัยนั้นลักลอบขนยาบ้าจำนวน 294 เม็ด และยาไอซ์อีก 274 กรัม รวมเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท!! ยาบ้าและยาไอซ์ที่พบในครั้งนี้ . ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีจึงกำลังดำเนินการเพื่อสืบหาผู้เกี่ยวข้องของคดีนี้ รวมถึงผู้ค้าและผู้เสพอื่นๆ ต่อไป ซึ่งเจ้าของโพสต์บอกว่ากฎหมายเกาหลีนั้นมีความรุนแรง โทษที่คนทั้ง 7 ต้องได้รับอาจถึงขั้นประหาร หรือไม่ก็ติดคุกตลอดชีวิต คลิปตอนที่ตำรวจเกาหลีเข้าตรวจสอบผู้ต้องสงสัย การรายงานข่าวที่ประเทศเกาหลีใต้ อีกหนึ่งข่าวจากช่องทีวีของเกาหลีใต้ ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าของโพสต์ยังบอกอีกว่า คดีดังกล่าวอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยเดินทางเข้าประเทศเกาหลีใต้ได้ยากมากกว่าเดิม…
-
สาววัย 20 ชีวิตเหลวแหลก เสียใจดรอปเรียน แฟนทิ้ง เสพยาหลอนหนัก จนควักเบ้าตาออก…
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘ยาเสพติด’ ที่ถูกเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยส่งผลดีอะไรให้กับสุขภาพร่างกาย และวิถีชีวิตของผู้เสพเลย นอกจากจะสูญเสียความเป็นตัวตนแล้ว ซ้ำร้ายไปยิ่งกว่านั้นก็คือหมดอนาคตในสังคม และอาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายในห้องขัง ซึ่งในหลายกรณีของผู้ที่เบนเข็มทิศชีวิตมาเสพยา นั่นก็เป็นเพราะหมดหนทางในการแก้ปัญหา จึงเลือกที่จะให้ยาเสพติดกลืนกินชีวิตตนไปอย่างช้าๆ… Kaylee Muthart เรื่องราวของ Kaylee Muthart วัย 20 ปี จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลังจากที่เธอทำการควักนัยน์ตาของตัวเองออกทั้งสองข้าง สืบเนื่องมาจากผลของการเสพยาไอซ์ถึงขั้นประสาทหลอน Muthart ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บไซต์ Cosmopolitan ว่าเธอดรอปเรียนตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ขาดเรียนบ่อยจนผลการเรียนย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียน ดีกว่าปล่อยให้มีผลการเรียนแย่ติดตัว พร้อมกับออกหางานทำเพื่อเก็บเงินไปเรียนวิทยาลัยด้านชีววิทยาทางทะเลแทน แต่แล้วในช่วงอายุ 18 ปี เธอเข้าสู่สังคมติดเหล้าและเสพกัญชาบ่อยครั้ง จนเมื่ออายุ 19 ปี เธอได้เสพกัญชากับคนรู้จักที่บ้านของเขา และมีอาการเมาที่ผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งในครั้งนั้นมันทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่าแต่ก่อน จนเธอคิดว่ากัญชาที่เสพเข้าไป มีส่วนผสมของโคเคนหรือยาบ้า โดยที่ไม่เคยมองกัญชาเป็นสารเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วังวนยาเสพติดมาก่อน จนกระทั่งสารที่เธอไม่เคยต้องการได้เริ่มเข้ามาทำลายชีวิตเธอแล้ว …
-
ชายหนุ่มโดนจับเพราะถูกเข้าใจผิดคิดว่าน้ำตาลไอซิ่งคือยาไอซ์ ฟ้องกลับได้เงินกว่า 1 ล้านบาท
บางครั้งเราก็อาจเข้าใจผิดคิดว่าสิ่งนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่ง อย่างเช่นคิดว่าน้ำตาลเป็นเกลือหรือถ้าหนักกว่านั้นหน่อยก็อาจคิดว่าน้ำตาลเป็นยาไอซ์ก็ได้ เหมือนกับที่ชายคนนี้โดนตั้งข้อหาและถูกจับในวันที่ 11 ธันวาคม 2015 นี่เป็นเรื่องราวของ Daniel Rushing วัย 65 ปี ย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วเขาถูกตรวจค้นรถขณะที่กำลังขับไปห้างสรรพสินค้า ก่อนที่เขาจะถูกจับข้อหามีอาวุธและสารเสพติดไว้ในครอบครอง เขาได้บอกกับเจ้าหน้าที่ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขามีใบอนุญาตครอบครองอาวุธอย่างถูกกฎหมาย ส่วนเรื่องของสารเสพติดก็ยืนยันว่าเศษผงบนพื้นรถที่ตำรวจพบเป็นน้ำตาลที่หล่นมาจากโดนัทที่เขากินไปเท่านั้นเอง Krispy Kreme โดนัทร้านโปรดของเขา ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่ Shelby Riggs-Hopkin ไม่เชื่อในคำแก้ตัวของเขาและบอกว่า “จากประสบการณ์เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกว่า 11 ปีของฉัน บอกได้เลยว่าเจ้าสิ่งนี้ต้องเป็นยาเสพติดแน่นอน” เพื่อความแน่ใจเธอจึงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นๆ ทำการทดสอบตรงด่านข้างถนนทันที เพื่อดูว่ามันใช่ยาเสพติดจริงหรือไม่ และผลลัพธ์ก็ออกมาว่ามันเป็นสารที่ใช้ในยาเสพติดจริง ทำให้ Daniel ถูกตั้งข้อหาและถูกจับกุมตัวไปขังเอาไว้นานกว่า 10 ชั่วโมงก่อนที่จะถูกประกันตัวออกมาด้วยเงินกว่า 80,000 บาท ภาพถ่ายที่ต้องการจะสื่อว่า เขาถูกจับเพียงเพราะโดนัทเนี่ยนะ?! แต่แล้วคดีก็พลิกเพราะหลังจากที่เศษผงดังกล่าวถูกส่งต่อไปตรวจในห้องแล็บที่ฟลอริด้าหลายสัปดาห์ต่อมา ผลตรวจกลับออกมาว่าสิ่งนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสารเสพติดเลย นั่นจึงทำให้ชายหนุ่มจ้างทนายและฟ้องร้องเจ้าหน้าที่รัฐในทันที เพราะเขารับไม่ได้ที่ต้องมาถูกจับโดยไม่มีเหตุผล ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกมาบอกกับสื่อว่า ตำรวจที่ทำการตรวจสอบสารเสพติดตรงด่านตรวจไม่ได้รับการฝึกอบรมที่เพียงพอ ทำให้การใช้เครื่องมือตรวจได้ผลลัพธ์ที่คลาดเคลื่อน ส่วนเจ้าหน้าที่ Shelby ก็ได้ถูกตำหนิและลาออกไป…
-
ชาวเน็ตแทบงงเต้ก เพราะล่าสุดนี้เค้าใช้นกพิราบส่งยาเสพติดแล้ว โถ่วว..สงสารนก!!
ดูเหมือนว่าภูมิปัญญาของมนุษย์ในยุคอดีตอย่างการใช้นกพิราบส่งจดหมาย จะสามารถนำมาใช้กับบางเรื่องในปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชือ จากเว็บไซต์ข่าว Alarabiya ได้รายงานว่าตำรวจจากประเทศคูเวต สามารถจับกุมนกพิราบผู้ทำหน้าที่เป็นนกต่อคอยส่งยาเสพติดให้กับพ่อค้ายาทั้งหลาย โถ่วว.. น่าสงสารเจ้านกจริงๆ จากเว็บไซต์ข่าวต้นฉบับได้รายงานว่า มีนายตำรวจคนหนึ่งเห็นนกพิราบท่าทางมีพิรุธ เพราะบนด้านหลังของมันมีถุงผ้าขนาดเล็กติดไว้ มายืนหยุดพักอยู่แถวบริเวณสถานีตำรวจ ด้วยความน่าสงสัยที่ว่าสมัยนี้ไม่น่าจะมีคนส่งจดหมายด้วยนกพิราบ นายตำรวจจึงลองเข้าไปค้นดูในถุงผ้าบนหลังนกพิราบ ก่อนจะพบว่าเป็นยาอีจำนวนทั้งหมด 178 เม็ด!! เห็นถุงผ้าเล็กๆ แบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าข้างในจะมียาเสพติดซ่อนอยู่ และก็เป็นอย่างที่ทุกคนทราบดี งานนี้ชาวเน็ตออกมาให้ความเห็นกันเพียบ… ‘โอ้วพระเจ้าหยุดเลยนะ!’ แหม..คงทำหน้าเจื๋อนเลยสิเจ้าพิราบ ‘โถ๊วว.. พิราบเจ้าเล่ห์’ หรือบางทีมันอาจจะอยากรวยทางลัดก็ได้นะ บางคนก็บอกว่าพิราบไม่ได้ส่งให้พ่อค้าหร๊อก มันเอาไปเล่นกันเองต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ แอบสงสารนกพิราบ ถ้ามันรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมายมันคงไม่รับงานนี้… ที่มา: Distractify
-
เจ้าหมาผู้น่าสงสาร มีกระสุนฝังอยู่ในตัวกว่า 20 เม็ด ตำรวจเชื่อว่าเป็นฝีมือเพื่อนบ้าน!!
เจ้า Jackson หมาพันธุ์ English Mastiff ที่มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ถูกเพื่อนบ้านขี้ยาใช้ปืนบีบีกันยิงเข้าที่ลำตัวจนสร้างบาดแผลมากมาย แถมกระสุนบางลูกยังคงฝังอยู่ในร่างกายของมันอีกต่างหาก ในตอนแรกที่คุณ Hayden Howard จากเมือง Seymour รัฐ Indiana ได้พบกับมันตอนแรกก็คิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด นาย Tim Woodward เพื่อนบ้านของเธอ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และคาดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดบาดแผลบนตัวของเจ้า Jackson “บนร่างกายของมันมีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” คุณ Hayden เล่า เธอพามันไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ทันที และพอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการโกนขนในบริเวณที่เป็นแผลออก พบว่ามีลูกกระสุนบีบีกันมากกว่า 20 ลูกฝังอยู่ในตัวของมัน และอีก กว่า 20 รอยแผล จากการตรวจค้นในบ้านของนาย Tim เจ้าหน้าที่ตำรวจพบสารเสพติดมากมายหลายชนิดทั้งกัญชา และเมทแอมเฟตามีน นอกจากนี้ยังมีปืนบีบีกันอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกเพิ่มข้อหาทารุณกรรมสัตว์ในการตัดสินโทษของเขาด้วย และตอนนี้เจ้า Jackson ก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยการดูแลของคุณ Jayden กับลูกชายแล้ว เชื่อว่าต่อจากนี้ไปมันคงจะได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไร้การกลั่นแกล้งจากคนใจร้ายแล้วล่ะ …
-
อาจารย์เคมีในจีน ผลิตยาบ้าส่งขายอเมริกา-ยุโรปทุกเดือน ทำเงินกว่า 21 ล้าน?!?!
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยได้ยินข่าวหรือได้ดูซีรี่ย์จากอเมริกเรื่องหนึ่งชื่อว่า Breaking Bad ที่ว่าด้วยเรื่องของอาจารย์สอนเคมีที่กำลังจะตายด้วยโรคมะเร็ง เขาจึงใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ผลิตยาบ้าขายเพื่อหาเงินก้อนสุดท้ายให้ครอบครัวให้ได้มากที่สุด ก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป แต่เชื่อหรือไม่ เรื่องราวเหล่านั้นไม่ได้เป็นเรื่องราวสมมุติในหนังเท่านั้น แต่ในชีวิตจริงก็มีอาจารย์สอนเคมีผันตัวไปเป็นผู้ผลิตยาเสพติดจนร่ำรวยเหมือนกัน เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปติดตามกันเลย เรื่องราวเกิดขึ้นที่เมืองอู่ฮั่น ในมณฑลเหอเป่ย ประเทศจีน เมื่อทางตำรวจได้จับกุมอาจารย์สอนเคมีคนหนึ่งแซ่จางวัย 46 ปี หลังจากพบว่าเขาได้ร่วมมือกับชายอีกสองคนผลิตยาเสพติดจำหน่ายจนมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในแต่ละเดือน โดยนายจางได้สำเร็จการศึกษาทางด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่น ก่อนจะกลายผันตัวเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ต่อมานายจางพบว่ายาเสพติด Flakka กำลังเป็นที่นิยมในออสเตรเลีย แต่กลับหาซื้อได้ยากและมีผู้ผลิตน้อย พอเขากลับมาจีน เขาจึงเช่าโรงงานแห่งหนึ่งในเมืองอู่ฮั่นสร้างเป็นแหล่งผลิตยาบ้า ส่งขายยังอเมริกาและยุโรป จนเขาสามารถทำเงินได้กว่าเดือนละ 21 ล้านบาทเลยทีเดียว แม้พวกเขาจะพยายามคุมเส้นทางการเดินของเงินให้รัดกุมที่สุดโดยมีการจ่ายเงินผ่าน Bitcoin และ UnionPay แต่สุดท้ายทางตำรวจก็สามารถติดตามและจับกุมพวกเขาได้ในที่สุด เรียกว่าเป็นการใช้ความรู้ไปในทางที่ผิดจริงๆ เห็นแล้วนึกถึงต้นตำหรับยาบ้าในไทยเลย ที่ส่งลูกไปเรียนเคมีเพื่อกลับมาผลิตยาเสพติด (พาไปรู้จัก “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ผู้ให้กำเนิด “ยาบ้า” คนแรกในประเทศไทย…) ใครสนใจก็ลองกดเข้าไปอ่านดูได้นะเหมียววว ที่มา Shanghaiist
-
พาไปรู้จัก “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ผู้ให้กำเนิด “ยาบ้า” คนแรกในประเทศไทย…
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สารเสพติดให้โทษร้ายแรงซึ่งกัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แม้จะมีความพยายามในการกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายยาบ้าชนิดนี้ก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียที แต่รู้หรือไม่ “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สูตรที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ แท้ที่จริงแล้วถือกำเนิดมาจากประเทศไทยนี่เอง และก็เป็นคนไทยเองนี่แหละที่คิดค้นมันขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นยังไง เราไปติดตามกันดีกว่า ถ้าย้อนไปถึงต้นกำเนิดจริงๆ สารแอมเฟตตามีนและเมทแอมเฟตตามีนมีการใช้ในการทำยากระตุ้นสำหรับทหารมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการใช้ในการกระตุ้นความกล้าหาญและความอดทนของทหารทั้งสองฝ่าย จนหลังสงคราม สารเหล่านี้เริ่มหลุดออกมาใช้งานในคนธรรมดา ส่วนในประเทศไทย ระยะแรกๆ มีการนำเข้ายาม้าเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการกระตุ้นม้าแข่ง และภายหลัง กลุ่มคนขับรถบรรทุกเริ่มนำยาม้าไปใช้ในระหว่างการทำงาน เพราะช่วยให้กระปี้กระเปร่าและไม่ง่วง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์การจากขายยาม้านี้ เธอจึงส่งลูกชายทั้งสองไปเรียนทางด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไต้หวัน จนเมื่อทั้งสองจบการศึกษา พวกเขาก็เริ่มคิดค้นสูตรยาม้าของตนเองขึ้นมา ต่อมาพวกเขาได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเปลี่ยนบ้านหลังนั้นให้กลายเป็นฐานผลิตยาของตนเอง ระยะแรกธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ต่อมา รัฐบาลเริ่มเล็งเห็นว่ายาเสพติดที่พวกเขาผลิตขึ้นมา ส่งผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี พ.ศ. 2530 มีการประกาศให้ “ยาม้า” กลายเป็นยาเสพติดต้องห้าม…
-
แบบนี้ก็มี!! ชาวเน็ตแห่ให้กำลังใจคนขายยาบ้าที่ถูกตำรวจจับ “คนขายยาบ้ามันผิดตรงไหน?”
ทำเอาเหมียวนี่อึ้งไปเลย เพราะโดยปกติแล้วเวลามีข่าวการจับกุมพ่อค้าแม่ค้ายาเสพติด เราก็จะได้เห็นชาวเน็ตในโลกออนไลน์พร้อมใจกันรุมประณามหยามเหยียดกับสิ่งเลวร้ายที่พวกเขาทำ แต่กับกรณีนี้กลับแตกต่างออกไป เพราะดันมีคนให้กำลังใจคนค้ายาเสพติดซะอย่างงั้น!? เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 มกราคมที่ผ่านมา ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอการจับกุมตัวแม่ค้ายาไอซ์ “โบว์ บางพระ” หรือ นางสาวจิดาภา ขันสุวรรณ วัย 20 ปี ได้ที่บริเวณถนนข้าวหลาม บางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพบของกลางเป็น ยาบ้าจำนวน 10 ถุง ๆละ 200 เม็ด รวม 2,000 เม็ด มูลค่า เจ็ดแสนบาท และยาไอซ์ จำนวน 24 ถุง รวมมูลค่าหนึ่งแสนบาท รวมทั้งหมดกว่าแปดแสนบาท แต่หลังจากที่คลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป กลับมีชาวเน็ตจำนวนมากพากันเข้ามาแสดงความเห็นอกเห็นใจแก่แม่ค้ายาไอซ์รายดังกล่าว โดยมีหลายๆ ความคิดเห็นพยายามแก้ตัวให้กับเธอว่าอาจจะทำไปเพราะจนหรือหมดหนทางทำมาหากิน และอย่าไปซ้ำเติมเธอ เพราะหากวันใดที่คุณล้มแบบเขา คุณอาจจะถูกซ้ำเติมบ้างก็ได้!? คนขายยามันผิดตรงไหน? เขาบังคับให้ซื้อเหรอ? คนเรามันเดินหลงทางกันได้…
-
ยิ่งกว่า Fast 7!! พ่อค้ายาชาวจีนสุดเพี้ยน ขับรถลงบันไดหวังหนีตำรวจ
กลายเป็นภาพที่กำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ของจีนอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพของรถฮอนด้าคันหนึ่ง ที่ติดอยู่ระหว่างทางเดินบันไดหลังจากการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหนุ่มจีนแซ่อู๋ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพ่อค้ายาเสพติด ได้ขับรถยนต์หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ดูเหมือนว่าเขาอาจจะมีดอมินิค ทอเร็ตโต้เป็นไอดอลก็ได้ เพราะเขาตัดสินใจที่จะขับรถหนีโดยการขับลงไปทางบันไดแทน ตามรายงานบอกว่านายอู๋ ถูกพบตัวในขณะขับรถด้วยความเร็ว และพยายามขับหนีลงไปยังทางบันไดหินอ่อน ใกล้กับหมู่บ้านดาชิบะ เมืองเจียงเป่ย ที่มีความสูงจากพื้นกว่า 4 เมตร แต่น่าเสียดายว่าการหลบหนีครั้งนี้อาจไม่สำเร็จเหมือนในหนัง เพราะรถของเขาต้องติดแหงกอยู่แบบนั้น และถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมในทันที หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาของกลางที่เป็นยาเสพติดเอาไว้ได้ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังซัดทอดไปยังเพื่อนๆอีก 2 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตามมาดำเนินคดีเช่นกัน ที่มา shanghaiist