Tag: ยาเสพติด
-
หนุ่มอัดคลิป ‘ป้อนยาอี’ ให้ผึ้งป่ากิน เดินโซซัดโซเซบนฝ่ามือ…ชาวเน็ตรุมจวกยับ!!
กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงกันอย่างแพร่หลายในโลกโซเชียลของต่างประเทศอยู่ ณ ขณะนี้ กับกรณีของคลิปวิดีโอนักเล่นมายากลคนหนึ่งนำ ‘ยาอี’ ให้ผึ้งป่ากิน ในคลิปวิดีโอมีชายคนหนึ่งป้อนของเหลวด้วยช้อนให้กับเจ้าผึ้งป่าตัวน้อย ซึ่งของเหลวนั้นคือ ‘ยาอี’ นั่นเอง จากนั้นเขาก็รอดูปฏิกิริยาที่เปลี่ยนไปของผึ้ง พบว่ามันเดินโซซัดโซเซอยู่บนมือของชายหนุ่ม มีการพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีขณะเห็นผึ้งกำลังโยกไปมาตามจังหวะเพลง “ดูสิมันเต้นว่ะ มันกำลังเต้นอยู่!!” เจ้าผึ้งเดินวนไปมาบนฝ่ามือของชายหนุ่ม มีบางช่วงที่เดินเซล้มไป บางช่วงก็โยกตัวเหมือนกับว่ากำลังเต้นตามจังหวะเพลง อาจจะเป็นเพราะผลข้างเคียงที่เกิดจากการเสพยา คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกแชร์ไปอย่างแพร่หลายในโลกออนไลน์พร้อมกับแคปชั่นว่า “ผึ้งเมายาว่ะ” ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้า… ชาวเน็ตหลายคนพอได้ชมคลิปวิดีโอดังกล่าวต่างก็เข้ามาคอมเมนต์ตำหนิการกระทำของคนถ่ายคลิป บ้างก็ว่า “มันคือการก่ออาชญากรรมชัดๆ เขาทำแบบนี้กับผึ้งไปทำไมกัน” บางส่วนพอได้ดูคลิปนี้แล้วก็รู้สึกหดหู่ “ผมรู้สึกหดหู่กับการดูคลิปอะไรแบบนี้ แม้มันจะเป็นแค่ผึ้ง แต่การทำแบบนี้กับมันถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง” บางส่วนก็แช่งให้ชายที่ถ่ายคลิปเสพยาเกินขนาดจนตาย “ขอให้เขาเสพยาเกินขนาดจนตายทีเถอะ” และข้อมูลจาก European Red List ก็ทำให้เรื่องราวนี้น่าสลดใจลงไปอีก เพราะปัจจุบันนี้เหลือผึ้งป่าอยู่เพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้น เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และการรุกรานที่อยู่อาศัยของมัน ทำให้ปัจจุบัน 1 ใน 10 สปีชีส์ของผึ้งป่ากำลังเผชิญกับปัญหาใกล้สูญพันธุ์เต็มที …
-
การตัดสินโทษประหาร ในวันต่อต้านยาเสพติดจีน มีคนร่วมดู 300 ชีวิต แอมเนสตี้ชี้ ‘ป่าเถื่อน’
การเชือดไก่ให้ลิงดู อาจจะเป็นวิธีที่โหดร้ายและรุนแรงเกินไปสำหรับบางคน และในประเทศจีน เรื่องทำนองนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอกับการตัดสินโทษขั้นสูงสุดของผู้กระทำผิด คือการ ‘ประหารชีวิต’ ต่อหน้าสามัญชนที่ร่วมเป็นสักขีพยาน การตัดสินโทษประหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ตามวันเวลาของประเทศจีน ทางเว็บไซต์ hinews ได้ทำการเผยแพร่ภาพการตัดสินโทษประหารของศาลเฉียงซาน ร่วมกับศาลประชาชนกลางไหโขว่ ท่ามกลางประชาชนร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 300 ชีวิต พร้อมกับถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานเป็นนักเรียนส่วนใหญ่ ถูกบังคับให้เข้าร่วมชมตัดสินโทษประหารกลางพื้นที่สาธารณะในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะมาในชุดนักเรียนจริงๆ พร้อมกับประชาชนบางส่วนที่เป็นคนในพื้นที่มณฑลไหหลำ การตัดสินโทษเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการจากรัฐบาล เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกที่ตรงกับทุกๆ วันที่ 26 มิถุนยานทุกปี Cai Liqun โดยนักโทษรายแรกคือนาย Cai Liqun วัย 39 ปี ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบค้ายาบ้าและยาเสพติดชนิดใหม่ Magu (มีส่วนผสมระหว่างยาบ้าและคาเฟอีน) โดยที่นาย Cai ลักลอบขนยาผ่านทางไปรษณีย์ หลายครั้งในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายนในปี 2015 Huang Zhengye …
-
เคสคดีสุดเศร้า ‘ชาถุงเดียว ติดคุก 10 ปี’ จงใจสร้างหลักฐานเท็จ ใส่ร้ายขนยาข้ามประเทศ!!
เรื่องราวคดีความที่ไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดของ Alexei Novikov ในเดือนกันยายนปี 2015 ชายวัย 34 ปีผู้นี้ กำลังจะออกเดินทางไปพบกับภรรยาและลูกสาวของเขาในเมืองซามารา ประเทศรัสเซีย ด้วยการขับรถยนต์ผ่านเส้นทางลัดตัดเข้าชายแดนคาซัคสถาน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาระหว่างเดินทางเขาจึงเลือกผ่านด่าน Isikul Road จนกระทั่งมาถึงด่านตรวจ เขาถามเจ้าหน้าที่ว่าสามารถเดินข้ามชายแดนได้หรือไม่ แต่ก่อนที่จะได้รับคำตอบ เขาถูกบังคับให้แสดงสิ่งของในเป้สะพายเพื่อตรวจสอบ และการดิ่งลงเหวของเขาก็เริ่มขึ้น… Alexei Novikov ในระหว่างการตรวจค้นกระเป๋า เจ้าหน้าที่ชายแดนพบกับถุงพลาสติกเขียนกำกับไว้ว่า Diabetisan ประกอบไปด้วยใบของพืชอบแห้งหลายชนิด Alexei พยายามอธิบายว่ามันเป็นชื่อของผลิตภัณฑ์ใบชา อันเป็นใบชาจากธรรมชาติ สำหรับดื่มป้องกันและลดอาการของโรคเบาหวาน บนถุงได้ระบุคำอธิบายไว้เป็นภาษาสเปนอ่านได้ใจความว่า ‘สมุนไพร 6 ชนิดใช้เพื่อป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน’ นอกจากอธิบายแล้ว เขายังชักชวนให้เจ้าหน้าที่ลองต้มและชิมด้วยตัวเอง แต่ข้อเสนอกลับถูกปฏิเสธและเรียกสุนัขดมกลิ่นมาตรวจสอบแทน… ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทว่าเจ้าหน้าที่ไม่ยอมเขียนรายงานตามนั้น กลับเขียน “พบสารสีเขียวเข้ม มีกลิ่นลักษณะคล้ายกับชามิ้นท์” ลงไปแทน และถุงชานั้นก็ถูกยึดไปทันที แม้ว่าเขาจะพยายามอธิบายถึงความสำคัญ ของชาที่นำเข้ามาจากเปรูเพื่อใช้เป็นยารักษา กลับไม่มีใครสนใจสักคนเดียว แต่ก็ดันปล่อยตัวให้เขาข้ามชายแดนไป ภายหลังจากการเดินทางข้ามชายแดนมา…
-
ภัยร้าย ‘กัญชาสังเคราะห์ K2’ แพร่ระบาดกลางนิวยอร์ก เปลี่ยนนิวยอร์กเกอร์เป็นซอมบี้เดินดิน…
ยังคงเป็นที่ถกเถียงไม่จบไม่สิ้นสำหรับประเด็นเปิดกัญชาเสรีภายในบ้านเรา ในขณะที่ประเทศอื่นๆ เปิดให้ประชาชนสามารถครอบครองและทำเป็นธุรกิจได้ในบางพื้นที่ ทว่ายิ่งเปิดให้เสรีก็ยิ่งมีจำนวนที่มาก ปัญหาบางอย่างก็เริ่มตามมา เพราะสารจากกัญชาธรรมชาตินั้นอาจไม่เพียงพอสำหรับคนบางกลุ่ม จนนำไปสู่การสร้างสารสังเคราะห์ที่รุนแรงกว่าเดิม… จากรายงานในพื้นที่ย่าน Brooklyn ภายในมหานครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2018 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งชาวเมืองว่ามีผู้ประสบกับอาการเมายา ลักษณะคล้ายกับซอมบี้นอนพิงอาคารและนอนกองเรี่ยราดบนทางเท้า ไม่ต่ำกว่า 25 ราย เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยฉุกเฉินเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ก็พบกับชาวนิวยอร์กเกอร์ในสภาพที่ไร้สติ นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง บางรายพยายามเดินหนีแต่ไม่สามารถประคองตัวได้ การตอบสนองเชื่องช้าอืดอาด หรือไม่ตอบเลยก็มี . ทั้งนี้สภาพไร้สติของผู้เสพยาเกินขนาดนั้น มีสาเหตุมาจาก K2 กัญชาสังเคราะห์ ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์ อันเป็นสารเสพติดควบคุมตามกฎหมายของสหรัฐฯ จะให้ความรู้สึกเทียบเทียมกับสาร THC ในกัญชาธรรมชาติ แต่ออกฤทธิ์แรงกว่า พร้อมกับสารหลอนประสาทชนิดอื่น และมีราคาถูกมากๆ เมื่อเทียบกับกัญชาที่ถูกกฎหมาย… . อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนนิวยอร์กเกอร์ในประจักษ์เป็นพยานของสภาพผู้เสพ K2 นั้น แทบจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้เสพนั้นเหมือนกับหลุดออกมาจาก The Walking Dead เลยทีเดียว…
-
ทดลองให้คนใช้สารเสพติดมาประกอบเฟอร์นิเจอร์ IKEA งานนี้กลายเป็น HighKEA ไปเลย!!
คำเตือน: การทดลองดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุม และไม่แนะนำให้ใช้สารเสพติดเด็ดขาด บ่อยครั้งที่เรามักจะพูดกันว่าสารเสพติดบางชนิดนั้นมีทั้งคุณและทั้งโทษ ซึ่งแน่นอนว่าของบางอย่างนั้นถ้าใช้อย่างถูกต้องก็ย่อมให้ประโยชน์เป็นธรรมดา เพียงแต่ว่าถ้าเราใช้มันอย่างผิดวิธีผลที่ตามมาย่อมไม่สวยอย่างแน่นอนโดยเฉพาะ LSD ด้วยเหตุนี้ทางช่องยูทูบนามว่า HIKEA จึงจัดการสาธิตการเสพ LSD ที่มีฤทธิ์หลอนประสาทพร้อมกับการประกอบเฟอร์นิเจอร์จาก IKEA ที่ว่ากันว่าประกอบง่ายมากๆ ให้เราได้ดูกัน แต่จะออกมาเข้าท่าไหม จะล่องลอยขนาดไหนมาดู!! ผู้เข้าร่วมทดสอบในตอนแรกนั่นก็คือ Giancarlo และ Nicole โดยตัว Giancarlo บอกว่าเขาเคยลองเก็ตฮายมาแล้วราว 5 ครั้งด้วยกันส่วน Nicole นั้นถือว่าเป็นครั้งแรก ทีมงานได้มอบสาร LSD ให้ทั้งคู่กินซึ่งก่อนจะประกอบเฟอร์นิเจอร์ทีมงานจำเป็นจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งผลถึงจะออกฤทธิ์ และผลทดสอบของความเมานี้จึงจะเริ่มขึ้น!! ในช่วงแรกผลของมันยังไม่ออกฤทธิ์มากนัก ทั้งคู่ยังคงรู้ตัวและยิ้มเล็กๆ พร้อมกับช่วยกันประกอบเฟอร์นิเจอร์ต่อไป จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานตัวยาเริ่มแสดงผลมากขึ้นเรื่อยๆ ทำไปหัวเราะไป พูดไม่ค่อยจะรู้เรื่องกันสักเท่าไหร่ แม้แต่ขั้นตอนการใช้ไขควงเฉยๆ ทั้งคู่ยังหัวเราะไม่หยุด แถมช่วงเวลาที่ทั้งคู่ประกอบเป็นเวลานานนั้นเพิ่งจะเป็นแค่ส่วนแรกของเฟอร์นิเจอร์เท่านั้น…จะรอดไหมเนี่ย ยิ่งเวลาผ่านไป Giancarlo นั้นเริ่มจะสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาเริ่มมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง เวลาผ่านไป…
-
งามไส้!! ตำรวจนอกเครื่องแบบปลอมตัวเตรียมจับยา ดันปะทะกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกเขต
เป็นเรื่องปกติที่ตำรวจจะทำหน้าสุดความสามารถเพื่อจับผู้ร้ายและรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชน แต่บางทีการปฏิบัติการที่เกินหน้าที่นั้นก็อาจทำให้เป็นอันตรายต่อประชาชนรอบข้างหรือแม้กระทั่งกับตำรวจด้วยกันเองเช่นกัน เมื่อไม่นานมานี้ก็มีเหตุการณ์ที่ตำรวจนอกเครื่องแบบได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้ายาเสพติดเพื่อปฏิบัติการล่อซื้อ แต่โชคไม่ดีที่ดันปฏิบัติการชนกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีกเขตที่ปลอมตัวเป็นผู้ซื้อ ทำให้เกิดเหตุใช้ความรุนแรงขึ้น เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อตำรวจนอกเครื่องแบบเขต 12 ปะทะกับตำรวจนอกเครื่องแบบจากเขต 11 ซึ่งก็มีกล้องตัวหนึ่งจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ James Craig หัวหน้าตำรวจเมืองดีทรอยต์ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “พวกเขาโผล่ออกมาเหมือนกับตำรวจในหนังตลก ถือว่าเป็นเรื่องน่าอับอายในวงการตำรวจมากๆ” นอกจากปฏิบัติการจะล่มอย่างไม่เป็นท่าแล้ว ยังอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตอีกด้วย เนื่องในช่วงปี 1800 ก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ทำให้มีตำรวจเสียชีวิตถึง 2 คน แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง โดยปกติแล้วงานตำรวจนอกเครื่องแบบนั้นเป็นงานที่ยากมาก เนื่องจากต้องทิ้งชีวิตปัจจุบันเพื่อไปใช้ชีวิตใหม่ และต้องปกปิดตัวตนของตัวเองไว้เป็นความลับ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตำรวจนอกเครื่องแบบของดีทรอยต์นั้นเก็บความลับดีเกินไป ทางด้านคนในชุมชนได้แสดงความเห็นว่า “ยาเสพติดนั้นเป็นปัญหาในชุมชนของพวกเรามาหลายปีแล้ว เมืองดีทรอยต์นั้นมีอัตราการเกิดอาชญากรรมเยอะมาก ผมว่าพวกคุณควรสื่อสารกันให้ดีกว่านี้ ผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่สื่อสารกัน” Craig กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่างยังคงอยู่ภายใต้การสืบสวนสอบสวนต่อไป คลิปวิดีโอที่มีนายตำรวจคนหนึ่งบันทึกเอาไว้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะเคยเห็นเหตุการณ์แบบนี้ในภาพยนตร์มาบ้าง แต่เมื่อเกิดขึ้นในชีวิตจริงแล้ว มันอันตรายมากๆ อาจทำให้มีคนเสียชีวิตได้เลยทีเดียว ที่มา Talkofweb, Dangerous
-
หญิงถูกจับมีผงขาวไว้ในครอบครอง ปฏิเสธทันควันอ้าง ‘สายลม’ พัดเข้ามาในกระเป๋า!?
ทุกวันนี้ปัญหายาเสพติดก็ยังคงเกิดขึ้นทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา ต่างก็ระดมกำลังเพื่อกำจัดกันอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าเมื่อมีการกวนขันของเจ้าหน้าที่ เหล่าผู้ค้า ผู้เสพทั้งหลายก็โดนจับกันเป็นจำนวนมาก ทว่าหญิงรายหนึ่งกลับดื้อดึงปฏิเสธข้อหามียาเสพติดไว้ครอบครอง อ้างว่าไม่ได้ซื้อไม่ได้ขาย ไม่ได้ตั้งใจเอามาเก็บไว้ในกระเป๋า แต่เป็น ‘สายลม’ ต่างหากที่พัดพามันเข้ามาในกระเป๋า!? คดีเด็ดนี้เกิดขึ้นกับนาง Kennecia Posey วัย 26 ปี หนึ่งในผู้โดยสารบนรถยนต์ที่กำลังแล่นอยู่บนถนนในรัฐฟลอริดา และถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ Fort Pierce เรียกตรวจค้นในวันที่ 21 มีนาคม 2018 Kennecia Posey ตามรายงานของตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้รถของผู้ต้องสงสัย และได้กลิ่นคล้ายกับกัญชามาจากข้างในตัวรถ และในระหว่างที่ทำการตรวจค้น เจ้าหน้าที่ก็พบผงขาวกับกัญชาถูกแยกเป็นสองถุง ใส่ไว้ในกระเป๋าของนาง Posey ที่วางไว้บนตักของตัวเอง เมื่อถูกสอบสวนเกี่ยวกับยาเสพติดดังกล่าวแล้ว Posey ยอมรับว่ากัญชาเป็นของเธอเอง แต่ผงขาวเนี่ยไม่ใช่ของเธอ “ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับโคเคนพวกนี้ วันนี้ลมแรงมาก มันจะต้องบินว่อนผ่านกระจกรถเข้ามาในกระเป๋าของฉันแน่ๆ” วันนั้นลมมันแรงจริงๆ นะ!! (ภาพประกอบเนื้อหา ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อข่าว) เธอถูกตัดสินจำคุกในความผิดทางอาญา…
-
ชายหนุ่มขยันผิดทาง ซัดโคเคนต่อเนื่อง 10 ปี ทำสองงานจุนเจือหนี้ แบกร่างเกินจะรับไหว…
ชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป ประโยคปลอมประโลมจิตใจเพื่อที่เราลุกขึ้นสู้ชีวิต ขยันทำมาหากินเพื่อหาเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ให้อยู่รอดพ้นไปในแต่ละเดือน… แน่นอนว่า ยิ่งทำงานหลายอย่าง ก็ยิ่งมีรายได้ที่มากขึ้น แต่มันก็ต้องแลกมาด้วยพละกำลังของร่างกายและจิตใจ มากกว่าปกติหลายเท่าตัว Jake Scicluna ตัวอย่างจากนาย Jake Scicluna วัย 35 ปี ชายชาวอังกฤษ ผู้ขยันขันแข็งทำงานหาเงินเพื่อชดใช้หนี้ของตัวเอง โดยที่เขาทำอาชีพเป็นคนเฝ้าประตูไนท์คลับ พร้อมกับเปิดร้านสักเป็นของตัวเองในเวลาเดียวกัน เนื่องจากเคยนำบ้านไปจำนองกับเพื่อนเพื่อหาเงินทุนมาหมุนเวียน จากหน้าที่การงานดังกล่าว เขาจึงเลือกใช้โคเคนเป็นตัวเสริมกำลังให้กับตัวเอง แน่นอนว่ายาเสพติดนั้นอาจจะช่วยรีดพลังในร่างกายออกมาได้ ในทางกลับกันมันก็ย่อมบั่นทอนและทำลายร่างกายของเขาอย่างช้าๆ ตลอดระยะเวลา 10 ปี ที่เขาทำ 2 งานควบคู่กันไป การสูดโคเคนเข้าจมูกอย่างต่อเนื่อง ก็ทำลายระบบหลอดเลือดในจมูก และทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา เขาประสบกับอาการหายใจไม่ออกถึงขั้นนอนล้มพับอยู่ภายในบ้านของตนเอง แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายแล้วเขาก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลของเช้าวันถัดมา… ผลของการชันสูตรพบว่า ปริมาณของโคเคนที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นมีจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นจำนวนมากพอที่จะทำให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นจนถึงตายได้ ทางด้านคุณแม่ Susan กล่าวว่า “โคเคนคือยาเสพติดที่เลวร้ายที่สุด เขาทำงานเป็นคนเฝ้าประตูไนท์คลับในเวลากลางคืน และโคเคนก็ทำให้เขาตื่นตัวตลอดเวลา จากนั้นก็มาเปิดร้านสักเป็นของตัวเอง…
-
เพลิงแค้น!!! หนุ่มล้างแค้นแฟนเก่า เอาข้อมูลไปโพสต์ในเว็บขายตัว สุดท้ายโดนจับเสียเอง
นับเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นเมื่อมีพบก็ต้องมีพราก เมื่อมีรักก็ย่อมมีวันเลิกรา แต่แทนที่เลิกกันไปแล้วจะต่างคนต่างใช้ชีวิตหรือกลับมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม กลับมีบางคู่ที่เจ้าคิดเจ้าแค้น อยากจะทำร้ายชื่อเสียงของอื่นฝ่ายให้ป่นปี้ให้ได้ไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วสิ่งเหล่านั้นก็กลับมาทำร้ายตัวเองในที่สุด ชายหนุ่มวัย 23 ปีนามว่า Thomas Traficante นั้นถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดข้อหาตามรังควานอดีตแฟนสาวบนอินเตอร์เน็ตและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง เนื่องจากเขาได้นำข้อมูลส่วนตัวของเธอไปโพสต์ลงเว็บไซต์ขายบริการและส่งยาเสพติดทางไปรษณีย์ไปยังที่อยู่ของเธอที่มหาวิทยาลัย Geneseo ที่รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ถึง 3 ครั้ง ข้อมูลส่วนตัวที่ Traficante ได้โพสต์บนเว็บไซต์ขายบริการนั้นเป็นเบอร์โทรศัพท์ส่วนตัว รูปถ่ายและตำแหน่งปัจจุบันของอดีตแฟนสาว ซึ่งเธอก็ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายครั้งว่าเธอได้รับสายจำนวนมากจากผู้ชายที่ต้องการมีเซ็กส์กับเธอ นอกจากนั้นเขายังส่งข้อความข่มขู่ที่จะทำร้ายร่างกายอีกมากมายให้กับแฟนเก่าของเขา เพื่อนร่วมชั้นและรูมเมทของเธอที่อาศัยอยู่ด้วยกันที่หอพัก . ทางตำรวจมหาวิทยาลัยได้ตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่มีหมายเลขพื้นที่ 585 และพบว่าเบอร์นั้นเป็นเบอร์ที่ใช้บริการออนไลน์และไม่ได้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นเขาก็ถูกจับข้อหาคุกคามบนโลกออนไลน์และข้อหาข่มขู่ เมื่อเขาส่งพัสดุที่เป็นยาเสพติดให้กับเหยื่อ เขาก็ได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจ โดยหวังว่าตำรวจจะจับเธอข้อหามียาเสพติดในครอบครอง นอกจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ FBI ก็พบปืนกลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 ที่เขาครอบครองอย่างถูกกฎหมายอีกด้วย คนสมัยนี้นี่น่ากลัวจริงๆ ยิ่งกฎหมายการควบคุมอาวุธปืนที่ค่อนข้างอ่อนในประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย โชคดีที่เขาโดนจับก่อน ไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้นได้เลยทีเดียว ที่มา Dailymail
-
ยังจำกันได้ไหม “โจอี้ บาซู” อดีตนักร้องดัง ล่าสุดถูกจับกุมข้อหาเสพยาไอซ์
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2561 ได้มีรายงานมาว่า นายศุรเฎฒฌ์ กรณ์งูเหลือมโชต อายุ 49 ปี หรือที่ประชาชนคนไทยรู้จักเขาในนาม “โจอี้ บาซู” ได้ถูกจับกุมตัวในวันที่ 22 มีนาคม พร้อมของกลางเป็น อุปกรณ์เสพยา จำนวน 1 ชุด ถุงพลาสติกแบบรูดเปิด-ปิด บรรจุยาไอซ์ที่ใช้แล้วจำนวน 2 ถุง และใบรับรองแพทย์ผลการตรวจปัสสาวะ โจอี้ บาซู ที่เป็นหนึ่งในสมาชิกวงดนตรีที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมากในช่วง พ.ศ. 2540-2545 ได้ถูก พ.ต.ท.พรทวี สมวงศ์ นำทีมตำรวจสน. โชคชัย เข้าบุกจับกุม ณ ห้องพักเลขที่ 5/341 ชั้น 5 อาคาร E ดุลิยาเพลส ซอยนาคนิวาส 37 แขวงและเขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าได้รับแจ้งเหตุจากสายลับว่า ห้องพักเลขที่ดังกล่าวมีการมั่วสุมเสพยาเสพติด ทางเจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ ทำให้ตรวจพบอุปกรณ์เสพยาวางอยู่บนโต๊ะที่เขาใช้ทำงาน…
-
สาววัย 20 ชีวิตเหลวแหลก เสียใจดรอปเรียน แฟนทิ้ง เสพยาหลอนหนัก จนควักเบ้าตาออก…
อย่างที่เราทราบกันดีว่า ‘ยาเสพติด’ ที่ถูกเรียกกันอยู่ทุกวันนี้ ไม่เคยส่งผลดีอะไรให้กับสุขภาพร่างกาย และวิถีชีวิตของผู้เสพเลย นอกจากจะสูญเสียความเป็นตัวตนแล้ว ซ้ำร้ายไปยิ่งกว่านั้นก็คือหมดอนาคตในสังคม และอาจใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ภายในห้องขัง ซึ่งในหลายกรณีของผู้ที่เบนเข็มทิศชีวิตมาเสพยา นั่นก็เป็นเพราะหมดหนทางในการแก้ปัญหา จึงเลือกที่จะให้ยาเสพติดกลืนกินชีวิตตนไปอย่างช้าๆ… Kaylee Muthart เรื่องราวของ Kaylee Muthart วัย 20 ปี จากรัฐเซาท์แคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา กลายเป็นพาดหัวข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ หลังจากที่เธอทำการควักนัยน์ตาของตัวเองออกทั้งสองข้าง สืบเนื่องมาจากผลของการเสพยาไอซ์ถึงขั้นประสาทหลอน Muthart ได้เปิดเผยเรื่องราวของตัวเองผ่านเว็บไซต์ Cosmopolitan ว่าเธอดรอปเรียนตั้งแต่อายุ 17 ปี เนื่องจากมีปัญหาหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทำให้ขาดเรียนบ่อยจนผลการเรียนย่ำแย่ เธอจึงตัดสินใจที่จะหยุดเรียน ดีกว่าปล่อยให้มีผลการเรียนแย่ติดตัว พร้อมกับออกหางานทำเพื่อเก็บเงินไปเรียนวิทยาลัยด้านชีววิทยาทางทะเลแทน แต่แล้วในช่วงอายุ 18 ปี เธอเข้าสู่สังคมติดเหล้าและเสพกัญชาบ่อยครั้ง จนเมื่ออายุ 19 ปี เธอได้เสพกัญชากับคนรู้จักที่บ้านของเขา และมีอาการเมาที่ผิดแปลกไปจากเดิม ซึ่งในครั้งนั้นมันทำให้เธอรู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากกว่าแต่ก่อน จนเธอคิดว่ากัญชาที่เสพเข้าไป มีส่วนผสมของโคเคนหรือยาบ้า โดยที่ไม่เคยมองกัญชาเป็นสารเริ่มต้นที่ทำให้เข้าสู่วังวนยาเสพติดมาก่อน จนกระทั่งสารที่เธอไม่เคยต้องการได้เริ่มเข้ามาทำลายชีวิตเธอแล้ว …
-
Valve ถอนสปอนเซอร์งานแข่ง ผลจากกฎหมายยาเสพติดในฟิลิปปินส์ที่ส่งผลมาถึงวงการ E-sport!!
ถ้าใครที่ได้ตามข่าวประเทศเพื่อนบ้านของเราในช่วงนี้ คงจะได้เห็นข่าวเกี่ยวกับประเทศฟิลิปปินส์ ที่ล่าสุดผู้นำประเทศ Rodrigo Duterte ได้ออกกฎหมายกวาดล้างยาเสพติดทุกชนิดอย่างดุเดือด จนส่งผลให้ผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติดล้มตายกันไปเป็นจำนวนมาก แต่เชื่อไหมว่า ผลพวงดังกล่าวนั้น นอกจากจะส่งผลต่อภาพลักษณ์อันรุนแรงในประเทศแล้ว มันยังส่งผลลามมาถึงวงการ E-Sport ด้วย เพราะเหตุความรุนแรงดังกล่าวทำให้การเดินทางเข้าประเทศเข้มงวดมากขึ้น บวกกับอีกไม่นานก็จะมีงานแข่งเกม Dota2 ที่ผู้เล่นระดับโลกหลายคนจะต้องเดินทางมาแข่งขันในงานนี้ เรื่องวุ่นๆ จึงเกิดขึ้้น การแข่งขันดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า Galaxy Battles ซึ่งมีเงินรางวัลแรกเริ่มอยู่ที่ 1,000,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นเงินกว่า 32 ล้านบาท เพียงแต่ว่าด้วยกฎหมายกวาดล้างที่บังคับให้ทุกคนที่เข้าประเทศต้องตรวจหาสารเสพติดก่อน มันขัดต่อแนวทางของ Valve ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวเรือใหญ่ในการจัดงานได้ถอนตัวและประกาศให้การแข่งขันนี้ไม่ได้เป็นการแข่งขันหลักอีกต่อไป ซึ่งส่งผลให้เงินรางวัลถูกลดเหลือเพียง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐหรือคิดเป็นเงินกว่า 16 ล้านบาท โดยเราจะเห็นว่าเงินรวมนั้นหายไปกว่าครึ่งเลยทีเดียว ทางด้าน Valve ก็ได้ออกมาแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ Dota 2 ว่า การแข่งขันนั้นจะยังคงดำเนินต่อไป เพียงแต่ทางบริษัทจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับงาน และทีมที่เข้าร่วมก็จะไม่ได้แต้มสะสม Pro Circuit จากการแข่งขันอีกด้วย (แต้ม Pro Circuit…
-
คู่ตายายวัยดึกขนกัญชาเกือบ 30 กิโล อ้างจะเอาไปเป็นของขวัญวันคริสต์มาสแต่โดนรวบก่อน!!
การขนสิ่งของต้องห้ามหรือว่ายาเสพติด เป็นสิ่งผิดกฎหมายที่ใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าผลของการกระทำนั้นจะเป็นอย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะอ้างว่าจะเอาไปเป็นของขวัญสำหรับวันคริสต์มาสที่กำลังจะใกล้เข้ามาถึงในเร็ววันนี้ก็ตาม เมื่อวันที่ 19 ธันวาคมที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวชายวัย 80 ปีชื่อว่า Patrick Jiron และเมียวัย 83 ปีของเขาชื่อว่า Barbara Jiron ขณะกำลังขนกัญชาซึ่งมีน้ำหนักมากกว่า 27 กิโลกรัมข้ามรัฐ ไม่น่าเลยตู เจ้าหน้าที่ตำรวจได้หยุดรถของคู่ตา-ยายคู่นี้บนถนนข้ามระหว่างรัฐสายที่ 80 และเมื่อเปิดผ้าคลุมหลังรถกระบะ โตโยต้า ทาโคม่า ออกพวกเขาก็ต้องตะลึงเพราะพบว่าที่กระบะรถคันนี้เต็มไปด้วยกัญชาอัดซ้อนๆ กันอยู่จนแทบจะไม่มีที่ว่าง และเมื่อนำไปตรวจสอบก็พบว่าเป็นกัญชาที่พบเป็นกัญชาคุณภาพชั้นยอดที่มีน้ำหนักถึง 27 กิโลกรัมและมีมูลค่ามากถึง 336,000 ดอลลาร์สหรัฐ(ประมาณ 11 ล้านบาท) เลยทีเดียว ตา-ยายสายปุ๊นคู่นี้ได้บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า พวกเขาออกเดินทางจากบ้านของพวกเขาที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และกำลังมุ่งหน้าเดินทางไปรัฐเวอร์มอนต์ นอกจากนั้นพวกเขายังบอกอีกด้วยว่ากัญชาที่ขนมานั้นเพื่อจะเอาไว้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสให้แก่คนที่พวกเขารู้จัก เยอะขนาดนี้ ปอดมีพังกันบ้างแหละ ซึ่งเหตุที่พวกเขาโดนจับก็เพียงเพราะว่า เจ้าหน้าที่สังเกตเห็นว่ารถคันนี้ได้ขับเลยเส้นกลางถนนโดยไม่เปิดสัญญาณไฟก็เลยเรียกมาตรวจสอบเพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเอาไว้ว่าพวกเขาได้กลิ่นกัญชาฉุนจมูกทันทีที่เข้าใกล้รถคันนี้ พวกเขาจึงเข้าค้นรถคันดังกล่าวแล้วก็พบสิ่งที่พวกเขาคิดเอาไว้จริงๆ นั่นจึงทำให้ Patrick ผู้เป็นสามีถูกจับในข้อหาครอบครองกัญชาด้วยเจตนาที่จะส่งมอบ และไม่มีตราประทับภาษียาเสพติด ส่วนภรรยาถูกจับในข้อหาสมรู้ร่วมคิด ของขวัญนี่เมาได้ทั้งหมู่บ้านเลยนะตาจ๋า.. ที่มา: dailymail
-
เต่าน้อยติดอยู่ในเชือกรัดของ เจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ เดี๋ยวนะ.. เอ็งขนโคเคน 1,700 ล้าน!?
นิสัยความมักง่ายของใครหลายคน อาจจะสร้างความเดือดให้แก่สิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมทั้งอาจจะทำให้สิ่งแวดล้อมต่างๆ ได้รับความเสียหายด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ อย่างคนที่ชอบทิ้งสิ่งของต่างๆ ลงทะเล ก็จะไปกระทบกับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในทะเลอย่างเช่น ปลา หอย ปู กุ้งรวมถึงเต่าด้วย และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเต่าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการทิ้งสิ่งของที่ว่านี้เช่นกัน โดยร่างของเต่าตัวนี้ได้ไปพันกับสิ่งของอย่างหนึ่งอย่างเหนียวแน่น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมันและตรวจสอบสิ่งของที่พันธนาการมันอยู่ก็ถึงกับต้องตะลึง เพราะสิ่งที่ว่านี้มันคือโคเคนที่มีราคากว่า 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.7 พันล้านบาท)!! เหตุบังเอิญนี้เกิดขึ้นบริเวณทางตะวันออกของมหาสมุทรแปซิฟิก เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยชายฝั่งทะเลของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไปพบเต่าทะเลพันธุ์หัวค้อนนี้โดยบังเอิญ ระหว่างภารกิจลาดตระเวนชายฝั่ง 68 วัน โดยยาเสพติดที่เจ้าเต่าตัวนี้ลากมานั้นมันคือโคเคนที่มีน้ำหนักมากกว่า 816 กิโลกรัมและเจ้าหน้าที่ก็คาดการณ์เอาไว้ว่ามันอาจมีมูลค่าสูงถึง 1.7 พันล้านบาท ซึ่งอาจเป็นของเจ้าพ่อยาเสพติดระดับโลกบางคนทำหล่นทิ้งเอาไว้ “ขณะเรากำลังลาดตะเวนกันในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หน่วยของเราได้ส่งเรือลำเล็กออกไปสำรวจพื้นที่ และสมาชิกบนเรือคนหนึ่งก็ได้สังเกตเห็นร่างของเจ้าเต่าน้อยตัวนี้เข้าไปพัวพันกับกล่องสินค้า ที่เราคาดเอาไว้ว่าจะเป็นสินค้าเถื่อนอยู่” “พวกเราเห็นว่าเชือกที่พันเจ้าเต่าตัวนี้อยู่ เป็นเชือกที่ผูกโยงลังหลายลังเข้าไว้ด้วยกัน เราจึงค่อยๆ ตัดเชือกเหล่านี้ออกด้วยความระมัดระวัง และในที่สุดเต่าตัวนี้ก็เป็นอิสระพร้อมทั้งเราก็ได้ของกลางเอาไว้ตรวจสอบด้วย” Mark Krebs ผู้บัญชาการภารกิจไล่ล่ากล่าว ทุกขลาภจริงๆ เจ้าเต่าน้อยเอ๋ย ที่มา: unilad
-
กลุ่มวัยรุ่นอัดคลิป “เสพยา” ผ่านหน้ากล้อง เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติดในยูทูบ
ปัจจุบันยูทูบคือสื่อกลางที่ทุกคนสามารถแชร์วิดีโอต่างๆ กันได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเอ็มวีเพลง การทำช่องเพื่อเป็นสื่อโฆษณา หรือแม้แต่การเสพยาโชว์หน้ากล้องอย่างของช่อง Drugslab ก็มีให้เห็นได้อย่างถูกกฎหมาย ช่อง Drugslab เป็นช่องจากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ทำขึ้นมาเพื่อการศึกษาให้ความรู้เกี่ยวกับสารเสพติด ผ่านผู้ดำเนินรายการ 3 คนได้แก่ Nellie Benner , Rens Polman และ Bastiaan Rosman โดยรายการนี้เริ่มปล่อยคลิปตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2016 ผู้ดำเนินรายการทั้งสาม Bastiaan (คนซ้าย) Nellie (คนกลาง) Rens (คนขวา) ในรายการพวกเขาทั้งสามคือคนอธิบายทุกอย่างเกี่ยวกับสารเสพติดที่นำมาใช้ในแต่ละครั้ง ตั้งแต่เรื่องของวิธีการใช้สารดังกล่าวอย่างถูกต้อง สามารถใช้ได้บ่อยมากแค่ไหน มันส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจหรืออุณหภูมิร่างกายอย่างไร และเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกมีการเปลี่ยนแปลงมากขนาดไหน สารเสพติดที่เลือกมาในแต่ละคลิป พวกเขาเลือกจากการอ่านในคอมเม้นต์ของคนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเอาไว้ว่า อยากให้พวกเขาได้ลองเสพและให้ความรู้เกี่ยวกับสารเสพติดตัวไหนบ้าง พวกเขาไม่ได้อธิบายปากเปล่าเพียงอย่างเดียว เพราะพวกเขาเสพมันให้เห็นต่อหน้ากล้องจริงๆ อีกด้วย ทำให้คนดูสามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาได้ผ่านปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับพวกเขาโดยตรง ตัวยาหรือสารที่นำมาออกรายการนั้นแทบจะมีด้วยกันเกือบทุกประเภทตั้งแต่ยาสูบ กัญชา ยาอี สาร LSD หรือแม้แต่โคเคน…
-
10 ผลกระทบของ “กัญชา” ที่ส่งผลต่อร่างกายของเรา ในแบบที่พวกคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
“กัญชา” พืชสมุนทรไพรที่อาจจะเป็นสิ่งต้องห้ามในหลายๆ ประเทศ แต่ในบางประเทศนั้นการใช้กัญชาในทางการแพทย์และการใช้เพื่อความเพลิดเพลินโดยอยู่ภายใต้กฎหมายกำหนดนั้นเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ และแน่นอนว่าเหรียญย่อมมีาสองด้านฉันใด เจ้าพืชสมุนไพรชนิดนี้ก็ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียฉันนั้น ซึ่งวันนี้เราก็ได้รวบรวม 10 ผลกระทบจากกัญชาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเรามาฝากกัน ซึ่งแต่ละข้อจะมีอะไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. กัญชานั้นทำให้คุณมีความสุข อย่างที่เรารู้ๆ กันดีอยู่แล้วว่ากัญชานั้นมีฤธิ์ต่อระบบประสาท โดยสารสำคัญที่ทำให้เรารู้สึกดีนั่นก็คือ THC หรือ Tetrahydrocannabinol นั่นเอง 2. การสูบกัญชาในระยะสั้นนั้นยังช่วยทำให้หัวใจเต้นเร็วได้อีกด้วย การสูบกัญชานั้นจะช่วยทำให้อัตราการเต้นของหัวใจคุณเพิ่มขึ้นประมาณ 20 ถึง 50 ครั้งต่อนาทีเลยทีเดียว ซึ่งอาการดังกล่าวจะมีผลตั้งแต่ 20 นาทีถึง 3 ชั่วโมงเลยทีเดียว 3. นอกจากนี้กัญชายังสามารถช่วยรักษาอาการเจ็บปวดได้ด้วยเช่นกัน สาร Cannabidiol หรือ CBD ที่อยู่ในกัญชานั้นมีผลในการใช้เป็นยารักษาโรคซึ่งรวมถึงอาการเจ็บปวดต่างๆ รวมไปถึงโรคลมชักอีกด้วย โดยสารเคมีดังกล่าวนั้นจะไม่ออกฤทธิ์ทำให้คุณเมาแต่อย่างใด และนอกจากนี้ปริมาณของ THC และ CBD ที่แตกต่างกันนั้นยังมีผลในการรักษาโรคที่ไม่เหมือนกันอีกด้วย 4. และที่สำคัญกัญชายังมีส่วนช่วยในการักษาโรคลำไส้อักเสบอีกด้วย จากผลการศึกษาพบว่ากัญชานั้นมีประโยชน์สำหรับผู้ที่มีปัญหาลำไส้อักเสบ โดยจากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในปี 2014 ได้เผยว่าผู้ป่วยที่ใช้สาร CBD ในปริมาณน้อยนั้นไม่พบอาการอักเสบของลำไส้ แต่อย่างไรก็ตามยังคงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป …
-
ภัยยาเสพติด Flakka เปลี่ยนคนให้เป็นซอมบี้ ไร้สติและทำร้ายตัวเอง กำลังระบาดหนัก..!!
กลายเป็นเรื่องน่าสะพรึงไปทั่วโลก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของหญิงสาวนิรนามจากบราซิลที่มีอาการผิดปกติคล้ายซอมบี้อันเกิดจากการใช้สารเสพติดที่เรียกว่า ‘Flakka’ คลิปวิดีโอที่ทำให้คนทั้งโลกรู้สึกสะพรึงกลัวถึงภัยอันตรายของมัน… แล้วมันคืออะไรกันแน่นะ? ‘Flakka’ (ฟลักกา) เป็นสารเสพติดในตระกูลเดียวกับพวก Bathsalt – Cathinone เนื่องจากมีลักษณะคล้ายเกลือที่ใช้สำหรับอาบน้ำ อีกทั้งยังมีความรุนแรงที่มากกว่าโคเคนและยาบ้าอยู่หลายเท่า แต่ด้วยราคาที่ถูกและหาซื้อได้ง่าย ทำให้มันกลายเป็นที่ระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยหลังจากที่ผู้เสพได้รับสารดังกล่าวเข้าไปสู่ร่างกายแล้ว จะทำให้เกิดความฮึกเหิมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หัวใจเต้นแรง ขาดสติสัมปชัญญะ ขาดการตัดสินใจด้านผิดชอบชั่วดี และทำให้เรากลายเป็นฆาตกรเลือดเย็นได้อย่างไม่รู้สึกผิดใดๆ ลักษณะอาการของผู้เสพฟลักกา ย้อนกลับไปในช่วงเดือนสิงหาคมเมื่อปี 2016 ได้เกิดเหตุการณ์น่าสะเทือนขวัญขึ้นที่รัฐฟลอริด้า เมื่อ Austin Harrouff เด็กหนุ่มวัย 19 ปี ได้ทดลองเสพยาดังกล่าวและเกิดอาการคุ้มคลั่ง นำมีดไปแทงสามีภรรยาเพื่อนบ้านจนเสียชีวิต..!! อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลก ก็คงเป็นความสยดสยองที่นอกจาก Austin จะใช้มีดแทงเพื่อนบ้านจนตายแล้ว เขายังกัดกินและใช้ฟันแทะใบหน้าของผู้เสียชีวิตอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย แต่กว่าที่เจ้าหน้าที่จะสามารถหยุดความโหดร้ายนี้ได้ เขาต้องใช้กำลังจากนายตำรวจถึง 4 นาย และสุนัขตำรวจอีก 1 ตัว และเมื่อสอบสวนถึงได้รู้ว่าก่อนหน้านี้ Austin ไม่เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้านมาก่อน โดยทั้งหมดเป็นเพียงฤทธิ์ของฟลักกา …
-
ตำรวจนิวยอร์กจับกุมสาววัย 18 ปี ใส่กุญแจมือ พาไปยังที่ลับตาคน แล้วลงมือข่มขืน…
เราทุกคนรู้ดีว่าตำรวจมีหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครองประชาชนและบ้านเมืองให้อยู่ในความสงบ แต่บางครั้งก็อาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไปเพราะเจ้าหน้าที่กลายเป็นคนก่อคดีขึ้นมาซะเอง เมื่อหญิงสาววัย 18 ปีแจ้งว่าถูกตำรวจแห่งเมืองนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา 2 นาย ข่มขืนเธอหลังจากที่เธอถูกจับกุมตัว เธอเล่าว่าในวันนั้นช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมาเธอกำลังขับรถเล่นอยู่กับเพื่อนอีก 2 คนบริเวณเกาะ Coney พื้นที่ของนิวยอร์ก หลังจากนั้นก็มีตำรวจมาดึงเพื่อนของเธอออกไปเพราะถูกสงสัยว่าครอบครองสารเสพติดผิดกฎหมายเอาไว้ ต่อมาตามที่เธอได้บอกกับทนายของเธอ Michael David เล่าว่าหญิงสาวถูกจับใส่กุญแจมือและนั่งรถอยู่กับตำรวจสองนายที่พาเธอไปที่ลับตาคน หลังจากนั้นก็บังคับเธอให้มีอะไรกับพวกเขา หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้นมาเธอก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง ไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายของเธอที่ได้รับผลกระทบแต่ที่สำคัญคือเรื่องของจิตใจ เธอบอกว่า “การถูกข่มขืนในครั้งนั้นกระทบกระเทือนต่อจิตใจฉันอย่างมาก ตอนนี้ทุกครั้งที่ฉันมองเห็นคนใส่ชุดตำรวจก็จะรู้สึกกลัวไปหมด” ในขณะนี้ คดีที่เกิดขึ้นยังคงอยู่ในช่วงตรวจสอบภายในและตำรวจทั้ง 2 กับผู้บังคับบัญชาของเขาก็ได้ถูกยึดตราและปืนเอาไว้ ระหว่างช่วงที่ยังคงสอบสวนคดีนี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้อาจไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็คือนายตำรวจ 2 คนนั้นยอมรับว่ามีอะไรกับเธอจริง แต่บอกว่าไม่ใช่การข่มขืนแต่เป็นการยินยอมของทั้งสองฝ่าย คำให้การพวกเขาทำให้กรมตำรวจนิวยอร์กออกมาพูดว่า “ปัจจุบันคดีนี้อยู่ระหว่างดำเนินการและสืบสวนว่าอาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของยาเสพติดที่มีอยู่ทางตอนใต้ของ Brooklyn” คงต้องรอดูต่อไปว่าแท้จริงแล้วคดีนี้จะเกิดจากความผิดของใครกันแน่ เพราะหากเจ้าหน้าที่ผู้ปกป้องไปก่อคดีร้ายแรงซะเอง คงจะเป็นเรื่องที่รับไม่ได้อย่างมากแน่นอน ที่มา: independent
-
ศิลปินหนุ่มเก็บสะสมถุงใส่ยา เพื่อสะท้อนปัญหาว่าผู้คนเสพติดยาขนาดไหน
ประเทศต่างๆ ทั่วโลกในขณะนี้ ต่างก็ต้องประสบปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาที่ใหญ่และหนักหน่วงมาก โดยแต่ละที่ก็มีวิธีการจัดการแก้ไขที่แตกต่างกันไป แต่ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่มีวันหมดไปเสียที นับวันก็ยิ่งจะทวีคูณจำนวนผู้ที่ติดยาเสพติดเพิ่มขึ้นไป จนเป็นปัญหาเรื้อรังที่ไม่มีวันจบสิ้น Ben Kurstin อายุ 32 ปี จากเมือง Humboldt Park ชิคาโก เขาสะสมถุงใส่ยาเสพติดถึง 8,816 ใบในอพาร์ตเมนท์ แต่ว่าเขาไม่ได้เป็นคนขายยาเสพติดหรอกนะ ที่เขาสะสมเหล่าถุงใส่ยาเหล่านี้ก็เพราะว่าจะนำไปสร้างผลงานศิลปะต่างหากล่ะ เมื่อสองปีที่แล้ว Ben ได้เดินไปบนทางเท้าในเมือง เขาได้สังเกตุเห็นว่ามีถุงใบเล็กๆ ถูกทิ้งไว้ เขาจึงเก็บมันมาเรื่อยๆ จนเกิดเป็นนิสัยและกลายเป็นของสะสม ถุงที่เขาเก็บมามีลวดลายและขนาดแตกต่างกันไป เขาสะสมมาเรื่อยๆ เป็นเวลา 2 ปีเลยทีเดียว พอเขาเก็บถุงใส่ยาเหล่านี้มา เขาก็นำมันไปทำความสะอาดและเก็บไว้เป็นอย่างดี… เขาได้เล่าให้ฟังว่า เขาชื่นชอบการสะสมถุงใส่ยามากๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เก็บถุงใส่ยาใบหนึ่งขึ้นมา วัยรุ่นที่เป็นเจ้าของถุงนั้นนึกว่าเขาจะเก็บแล้วส่งให้กับตำรวจ จึงพาพวกมารุมทำร้ายจนเขาได้รับบาดเจ็บ แต่พอหลังจากที่หายดีแล้ว เขาก็ไม่เข็ดและตามเก็บถุงใส่ยาต่อไปอีกเรื่อยๆ เมื่อสะสมจนมีจำนวนมากพอแล้ว เขาก็ได้นำถุงยาเหล่านั้นมาสร้างสรรค์ผลงานศิลปะขนาดใหญ่ด้วยการนำถุงยามาต่อๆ กันคล้ายกระเบื้องโมเสค และได้พ่นสีทับเป็นลายต่างๆ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ศิลปะจะสามารถเอาชนะยาเสพติดได้ เขาได้พ่นเป็นลายธงชาติอเมริกา เพื่อสื่อให้เห็นถึงปัญหาของยาเสพติดภายในชาติ และขอให้พวกเขาตระหนักถึงปัญหายาเสพติดที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน…
-
เรื่องราวของ ‘Lucky Luciano’ ราชามาเฟียแห่งนิวยอร์ก ที่ได้ขึ้นเป็นผู้นำตั้งแต่ยังวัยรุ่น..!!
ไม่ว่าตำรวจโลกจะสามารถปราบราชายาเสพติดไปได้กี่คน ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องมีคนใหม่ขึ้นมาแทนที่เสมอ อาจจะเพราะเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่พร้อมจะหลั่งไหลเข้ามา ดังกรณีของราชายาเสพติดคนอื่นๆ ที่เคยถูกจับไป แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ ‘Lucky Luciano’ ชายผู้ไต่เต้าจากการเป็นเด็กยากจนในสลัม สู่ราชามาเฟียแห่งมหานครนิวยอร์ก ที่ใครต่างก็ยอมก้มหัวให้ Lucky Luciano Luciano ออกมาลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ปี 1897 ท่ามกลางความเป็นอยู่อันยากลำบากของครอบครัว ที่ต้องเป็นแรงงานให้กับเหมืองกำมะถัน กระทั่งต่อมาครอบครัวได้รับโอกาสย้ายสัมโนครัวมาอาศัยอยู่บนเกาะแมนฮัตตันในปี 1907 เฉกเช่นเดียวกับครอบครัวชาวอิตาลีคนอื่นๆ ครั้น Luciano เริ่มโตเป็นหนุ่ม เขาก็เลือกเดินเส้นหาเงินจากการเป็นสมาชิกของแก๊งท้องถิ่น โดยในช่วงแรกเขาหาเงินเลี้ยงดูตัวเองจากการรับจ้างเป็นคนปกป้องเด็กชาวยิว ที่มักจะถูกแก๊งอิตาลีและไอริชกลั่นแกล้งอยู่เสมอ จากนั้นไม่นานเขาก็ได้รับฉายา ‘Lucky Luciano’ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าฉายานี้มาจากไหน แต่หลายคนเชื่อว่าน่าจะมาจากความโชคดีที่รอดชีวิตมาได้หลายต่อหลายครั้งของตัวเขาเอง โดยในปี 1920 เขาเคยรอดชีวิตจากการฆาตกรรมสมาชิกแก๊ง อีกทั้งตลอดระยะเวลาตั้งแต่ 1916 – 1936 เขาถูกตำรวจจับกุมมากกว่า 25 ครั้ง กระทั่งต่อมาเขาได้รับโอกาสเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊ง ‘Five Points Gang’ ซึ่งนับว่าเป็นกลุ่มมาเฟียที่มีอิทธิพลสูงที่สุดในช่วงศตวรรษที่ 20…
-
นกพิราบถูกยิงร่วง หลังทำตัวน่าสงสัยในคุกอาร์เจนตินา ก่อนตรวจพบขนยาเสพติดอยู่บนหลัง
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำในเมืองซานต้าโรซ่า ประเทศอาร์เจนตินา ได้จับตายนกพิราบที่น่าสงสัยตัวหนึ่ง หลังจากที่เห็นมันบินวนไปมาอยู่ในคุก ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงได้ตัดสินใจยิงมันทันที ซึ่งภายหลังจากที่ยิงนกตัวดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นำร่างของมันมาตรวจสอบ และพบว่าเจ้านกตัวนี้ได้ถูกติดถุงผ้าเล็กๆ ที่มีการอำพรางสีให้เหมือนกับขนเอาไว้ที่หลังของมัน เมื่อผ่าดูก็พบว่ามียาเสพติด กัญชา และ USB อยู่ภายในนั้น จากการรายงานระบุว่า ย้อนกลับไปในปี 2013 ในเรือนจำแห่งหนึ่งอาร์เจนตินาได้ออกมาเตือนว่า มีการลักลอบแอบใช้นกพิราบสื่อสารในการขนส่งยาเสพติดและสารลับอื่นๆ หลังจากทำการสอบสวน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 คน พวกเขากล่าวว่าได้ใช้นกพิราบในการส่งสารมากถึง 10 – 15 เที่ยวในทุกๆ วัน อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการใช้นกพิราบสื่อสารเป็นเครื่องมือในการส่งยาเสพติด และเอกสารลับอื่นๆ เพราะเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา มีนกพิราบต้องสงสัยตัวหนึ่งถูกจับในคูเวตใกล้ชายแดนอิรัก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้พบว่าบนหลังของมันมีการติดถุงผ้าขนาดเล็กเอาไว้ โดยภายในมีการบรรจุยาเสพติดจำนวนทั้งสิ้นถึง 178 เม็ดเลยทีเดียว ที่มา : metro
-
คลิปวิดีโอสุดป่าเถื่อน แสดงให้เห็นการต่อสู้เยี่ยงสุนัขของ “นักโทษที่ติดยาเสพติด”
สารเสพติดต่างๆ ก็จะมีฤทธิ์ร้ายแรงแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นการสร้างภาพหลอน หรือสั่งการให้สมองทำงานได้ช้าหรือเร็วขึ้น แน่นอนว่าผลกระทบของมันที่หากว่าใช้ไปอย่างไม่เหมาะสมหรือมากจนเกินไป สิ่งที่ตามมาก็อาจเป็นได้มากกว่าที่เราคาดคิด เมื่อได้มีคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายในเรือนจำ Forest Bank ในแกรนด์แมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ แสดงให้เห็นนักโทษชายสองคนคลานสี่ขาตะโกนใส่กันและกัดกันเหมือนหมาสองตัวที่ต่อสู้กัน ทั้งสองคนถูกฤทธิ์ยาที่มีชื่อว่ายาซอมบี้ ซึ่งเป็นตัวยาที่จะทำให้เกิดอาการคลุ้มคลั่งได้ และสภาพของพวกเขานั้นเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าปิดหน้ากับปลอกคอผ้าที่เอาไว้ให้ชายอีกสองคนคอยควบคุมเอาไว้เวลาที่สู้กัน ระบบการสังเคราะห์กัญชาที่สร้างแรงกดดันให้กับเรือนจำดังกล่าวเป็นอย่างมาก ทำให้มีนักโทษหลายร้อยคนที่เสพยาเสพติด นำไปสู่การทำร้ายร่างกายและนำส่งโรงพยาบาล คลิปวิดีโอการต่อสู้กันเยี่ยงสุนัขของนักโทษทั้งสอง ท่าทีของทั้งสองคนที่โดนบังคับเอาไว้เปรียบได้กับสุนัขอย่างมาก เพราะมีการแนะนำตัวชื่อสายพันธุ์ของพวกเขาก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ เมื่อกล้องซูมเข้าไปก็มีท่าทีจะพุ่งใส่กล้อง เหมือนสัตว์ที่บ้าคลั่ง มีการขู่คำราม แต่ทว่าจากการสังเกตจะมีให้เห็นการแต่งกายของชายชุดดำสองคนที่คอยควบคุมเอาไว้ เสื้อผ้าในชุดลำลอง อีกทั้งยังมีโน๊ตบุ๊กและขวดโหลเมล็ดกาแฟ จึงทำให้ไม่แน่ใจได้ว่าแท้จริงแล้วสถานที่นั้นอยู่ไหนกันแน่ และในคลิปชายคนหนึ่งก็ได้บอกกลับกล้องอีกว่า “เรากำหนดให้หนึ่งในสัตว์สองตัวนี้ต้องมีเลือดออก นั่นหมายความว่าผู้ที่แข่งแกร่งที่สุดจะเป็นผู้ชนะ” จากประโยคแสดงถึงการกลั่นแกล้ง และความหละหลวมของการดูแลเรือนจำดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่มีให้เห็นในทุกวัน ด้วยจำนวนของผู้คุมที่มีกันไม่เพียงพอที่จะจัดการปัญหา และนักโทษติดยาก็มีอยู่มาก ทำให้ต้องมีหลายคนที่ร่างกายทรุดตัวลงเพราะเสพมากจนเกินไป เป็นเรื่องที่เหนือการควบคุมทั้งสิ้น เรือนจำแห่งนี้จัดอยู่ในกลุ่มบี มีผู้ต้องหาอยู่ภายใต้การดูแลเกือบ 1,500 คน และบริหารจัดการโดยบริษัทเอกชน Sodexo การบริหารจัดการเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ในความเรียบร้อยนับเป็นสิ่งสำคัญ เพราะถึงแม้ว่าจะเป็นนักโทษแต่พวกเขาก็ยังมีสิทธิ์ได้รับทุกอย่างเทียบเท่ากับมนุษย์ รวมถึงความปลอดภัยที่พึงมีด้วย …
-
คุณแม่ถูกจับเพราะกล้องวงจรปิด เผยภาพฉีดเฮโรอีนเข้าเส้น ต่อหน้าลูกชายวัย 4 ขวบ…
ยาเสพติดนั้นเป็นของไม่ดีนี่คือสิ่งที่เราทุกคนเรียนรู้กันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ทั้งผ่านการสั่งสอนของครูในโรงเรียนหรือพ่อแม่ แต่นี่คนเป็นแม่กลับเสพยาให้ลูกดูเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแทน ไม่น่าเป็นสิ่งที่ึควรจะเกิดขึ้นเลย… เมื่อกล้องวงจรปิดได้จับภาพหญิงสาวกับชายหนุ่มคู่หนึ่งกำลังเสพเฮโรอีน โดยที่ฝ่ายหญิงได้พาเด็กน้อยมาด้วย ภายหลังทราบว่านั่นคือลูกของเธอเอง นาง Lauren Story คุณแม่วัย 29 ปี หญิงสาวในภาพกล้องวงจรปิด ได้ถูกศาลตัดสินให้โดนข้อหาทำให้เด็กตกอยู่ในอันตราย และเสพยาเสพติด ในเหตุการณ์นั้นเธอได้ให้ลูกของเธอเล่นมือถือรอไปในขณะที่กำลังเสพเฮโรอีนอยู่ เมื่อเสร็จแล้วจึงลูกเดินหลบออกไปจากบริเวณนั้น ปล่อยให้ลูกของเธอเดินตามหลังไปเอง ภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระบุตัวเธอได้อย่างชัดเจน ในตอนที่จับกุมตัวพบเข็มฉีดยาและสายรัดแขน แต่กลับไม่พบยาเสพติดแต่อย่างใด จนท้ายที่สุดแล้วลูกของเธอก็ได้รับการเลี้ยงดูโดยญาติที่ใกล้ชิด อัยการเขตยังพูดเสริมอีกว่า “ผู้คนจะยังคงมีความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่เสพเฮโรอีน แต่สิ่งนั้นจะหายไปเมื่อเธอคนนั้นกลับเสพมันต่อหน้าเด็ก” อย่างไรก็ตามสิ่งเสพติดก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไม่ควรเข้าไปยุ่งแล้วปล่อยให้มันมาทำลายชีวิตเรา ที่มา: thesun
-
ตำรวจรวบพ่อแม่ให้ลูกน้อยเสพ “เฮโรอีน” หลังเด็กติดยาตั้งแต่ในท้องแม่ หวังปกปิดให้เนียนแต่ก็ไม่รอด!!
เรื่องราวสุดหดหู่จากรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งถูกเข้าจับกุมตัวหลังจากที่ถูกค้นพบว่า พวกเขาให้สารเสพติดแก่ลูกสาวแรกเกิดมาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว สาเหตุนั้นเป็นเพราะลูกสาวของพวกเขาติดเฮโรอีนจากแม่ที่ใช้สารเสพติดระหว่างตั้งครรภ์ และนั่นนำไปสู่การจับกุมตัวพ่อแม่ทั้งสองในที่สุด… Lacey Dawn Christenson วัย 26 ปี และ Colby Glen Wilde วัย 29 ปี ผู้เสพติดเฮโรอีนและสารเสพติดอื่นๆ มาเป็นเวลานาน จนสุดท้ายแม้ Lacey จะตั้งท้อง พวกเขาก็ยังไม่เลิกที่จะเสพติดยา ผลของการติดยาจึงส่งต่อมายังลูกของพวกเขาแม้จะยังอยู่ในครรภ์ของเธอ… เจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐยูทาห์ได้รายงานว่า Lacey ใช้สารเสพติดอย่างเฮโรอีนและยาแก้ปวดหลายชนิดเป็นเวาติดต่อกันนานมากๆ ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ตัวพวกเขาเองยังรู้ดีว่าลูกที่เกิดมาจะมีอาการติดยาแน่ๆ พวกเขาจึงต้องรีบหาทางออกโดยด่วนก่อนเด็กจะเกิดออกมา เพื่อปกปิดความผิดของพวกเขาว่าใช้สารเสพติด เพราะการตรวจสุขภาพลูกน้อยนั้นจะต้องแสดงอาการอยากยาขึ้นมา ทำให้หมอสังเกตถึงความผิดปกติและความซวยอาจจะมาถึงตัวพวกเขาเองได้ ทั้งคู่ให้การสารภาพว่า ก่อนหน้านั้นพวกเขาได้ปรึกษากันรวมถึงปรึกษากับเพื่อนของทั้งคู่ว่าควรจะทำยังไง จนสุดท้ายพวกเขาได้คำตอบว่า ควรจะใช้สารเสพติดให้เด็กกินตั้งแต่แรกเกิดเลย เพื่อกลบอาการอยากยาของเด็ก ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงใช้ยา Suboxone ทาไปบริเวณเหงือกของเด็กเพื่อให้เด็กค่อยๆ ซึมซับยาไปอย่างช้าๆ และไม่แสดงอาการอยากยาขึ้นมา พวกเขาเริ่มทำแบบนี้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน ทำทุกครั้งหลังจากที่พยาบาลออกจากห้องไป พวกเขายังคงทำมันมาเรื่อยๆ จนถึงวันที่…
-
คุณแม่แชร์ภาพ ก่อนและหลังเลิกเสพ “เฮโรอีน” เพื่อกระตุ้นให้คนหันหลังให้ยาเสพติดซะ…
การเสพสารเสพติดนั้นนอกจากจะทำให้สุขภาพย่ำแย่แล้ว ยังส่งผลให้รูปลักษณ์ภายนอกดูแย่ลงไปด้วย อย่างเธอคนนี้ที่แชร์ภาพตัวเองตอนเสพเฮโรอีนกับตอนเลิกว่ามันแตกต่างกันแค่ไหน Melissa Lee Matos เป็นคุณแม่ลูกหนึ่ง จาก West Virginia ผู้เลิกเสพเฮโรอีนมาได้ 1 ปี กับ 5 เดือนแล้ว และพบว่าตัวเองเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ภาพตอนที่ Lee Matos เสพติดเฮโรอีนนั้นแทบจะดูไม่ได้เลย เธอนั่งพิงผนังห้องน้ำ มีจุดดำขึ้นอยู่บนใบหน้า ขอบตาคล้ำ และเบ้าตาก็ลึกเหมือนคนแก่ เธอบอกว่า “ฉันอยู่ในสภาพนี้ทุกวันเป็นเวลาหลายปี มันเป็นสภาพที่สามีฉันต้องเจอ และเป็นภาพที่ลูกสาวมักจะเดินเข้ามาเห็น” “มันคือภาพที่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของฉันเห็นจนชินตา เป็นแบบนี้เรื่อยๆ จนกระทั่งฉันเกิดป่วยหนัก รู้สึกเหมือนกำลังจะตาย และคิดว่าคงไม่มีทางรักษาแล้ว” ผลข้างเคียงจากการเสพเฮโรอีนคือ ทำให้เกิดฝีและมีแผลตามร่างกาย มีจุดดำขึ้นบนหน้าและลำตัว และทำให้น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อีกภาพหนึ่งของ Lee Matos เหมือนกับผีดิบไม่มีผิด มีตุ่มขึ้นเต็มใบหน้า ส่วนมือก็กำลังถือชามขนม หน้าแนบพื้นโต๊ะ ไม่มีแรงแม้จะกระทั่งจะยกหัวขึ้น เธอเขียนไว้ในเฟซบุ๊กว่า “ฉันสูญเสียทุกอย่าง ฉันคิดภาพไม่ออกว่าจะอยู่ได้มั้ยว่าถ้าไม่เสพเฮโรอีน ตอนนั้นฉันอยากตาย เพราะการมีชีวิตอยู่มันยากเหลือเกิน” ปัจจุบัน Lee Matos เลิกเฮโรฮีนได้…
-
จีนสั่งตัดสินโทษประหารชีวิต 13 พ่อค้ายา ต่อหน้าผู้คนนับหมื่น หวังกวาดล้างอย่างจริงจัง!!
อีกหนึ่งข่าวที่กำลังโด่งดังและถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่านักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เมื่อรัฐบาลจีนประกาศกวาดล้วงกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดอย่างจริงจัง และหนึ่งในวิธีการนั้นก็ต้องมีการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ Beijing News รายงานว่าเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2017 ได้มีการนำตัวนักโทษคดีค้ายาเสพติดจำนวน 18 คนมาตัดสินโทษต่อหน้าประชาชนนับหมื่นชีวิต ที่เมืองซานเหว่ย มณฑลกวางตุ้ง ก่อนเริ่มการตัดสินมีการนำตัวนักโทษทั้ง 18 คนมาเดินขบวนท่ามกลางฝูงชนเพื่อเป็นแบบอย่างไม่ให้ประชาชนทำตาม ศาลตัดสินให้มีนักโทษ 13 คนต้องถูกส่งตัวไปประหารชีวิตทันที!! ทางด้านของสื่อท้องถิ่นจีนได้รายงานว่า ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ทางการจีนต้องการจะกวาดล้างมาโดยตลอด และไม่นานมานี้ได้มีการออกมาตรการปราบกลุ่มพ่อค้ายาอย่างจริงจัง ทว่าการตัดสินต่อหน้าฝูงชนนับหมื่นของทางการ ถูกนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่มแอคทิวิสต์จากทั่วโลกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก William Nee จากองค์กรนิรโทษกรรมนานาชาติได้ให้สัมภาษณ์ว่า “การนำผู้กระทำผิดมาตัดสินต่อหน้าผู้คนแบบนี้ นับว่าเป็นการกระทำที่โหดร้ายและป่าเถื่อนที่สุด” การตัดสินในครั้งนี้คาดว่ามีประชาชนมาเข้าชมมากกว่า 10,000 ชีวิต จากผลงานการกวาดล้างในปี 2014 อ้างอิงโดย Daily Telegraph พบว่าภายในหนึ่งวันมีเจ้าหน้าที่กว่า 3,000 นายของจีนสามารถกวาดล้างแล็ปทำยาเสพติดในบริเวณเมืองหลูเฟิ่งได้ถึง 77 แห่ง เช่นเดียวกับเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ทางการจีนสามารถสกัดจับการขนส่งยาเสพติดกว่า 640 กิโลกรัม ก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่มาเลเซียได้สำเร็จ นักโทษที่ถูกตัดสินในวันนั้น…
-
ผลข้างเคียงจากหัวใจของผู้เสพโคเคนนาน 15 ปี สามารถเต้นนอกร่างกายได้เกือบครึ่งชั่วโมง
อย่างที่รู้ๆ กันว่ายาเสพติดนั้นให้โทษกับร่างกายของเรา และหนึ่งในยาเสพติดที่ร้ายแรงและให้โทษมากที่สุดนั่นก็คือ “โคเคน” โคเคนเป็นยาเสพติดที่ออกกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง นอกจากนี้ยังส่งผลเสียต่อร่างกายอีกมากมาย รวมไปถึงอาจทำให้หัวใจวายเฉียบพลัน หรืออาจทำให้หลอดเลือดในสมองแตกได้ แต่เมื่อไม่นานนี้ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอที่น่าเหลือเชื่อคลิปหนึ่ง เมื่อหัวใจของผู้ป่วยที่เสพโคเคนมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงสามารถทำงานได้ แม้จะไม่ได้อยู่ในร่างกายแล้วก็ตาม!! เพจ MEDspiration ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอเพื่อแสดงให้เห็นถึง ผลข้างเคียงของการใช้สารเสพติดเป็นระยะเวลานาน และภายในคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นหัวใจของผู้ป่วยที่ใช้โคเคนติดต่อกันมาเป็นเวลานานถึง 15 ปี หัวใจของผู้ป่วยคนดังกล่าวมีขนาดใหญ่กว่าหัวใจของคนทั่วไปถึง 3 เท่า แต่สิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้นก็คือ หลังจากที่นำออกมาจากตัวผู้ป่วยแล้วหัวใจยังคงเต้นได้นานถึง 25 นาที!! ทาง MEDspiration ได้อธิบายว่า “ปกติแล้วหัวใจจะหยุดเต้นภายใน 60 วินาทีหลังจากที่ขาดเลือด แต่หัวใจที่เห็นนี้ไม่สามารถที่จะหยุดเต้นได้ บางทีอาจมาจากการปรับตัวของเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจหลังจากที่มีการใช้โคเคนติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากโคเคนจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น และลดการไหลเวียนของเลือดเข้าสู่หัวใจ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าหัวใจที่เห็นนี้ขาดเลือดติดต่อกันเป็นเวลานาน และเริ่มที่จะชินกับสภาวะขาดออกซิเจน ดังนั้นเมื่ออยู่นอกร่างกายที่ไม่มีออกซิเจนมันจึงยังสามารถเต้นต่อได้อีกถึง 25 นาที ที่นี้คุณคงจะเห็นแล้วว่าร่างกายเรานั้นปรับตัวเพื่อให้เราสามารถอยู่รอดได้อย่างไร” เมื่อผงโคเคนเข้าสู่ร่างกายแล้วมันจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจากนั้นจะวิ่งตรงไปยังเซลล์สมองของคุณในส่วนที่เรียกว่า Ventral Tegmental Area (VTA) จากนั้นร่างกายจะหลังสารโดพามีนออกมา ซึ่งจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตและทำให้คุณรู้สึกมีความสุข อย่างไรก็ตามยังคงมีความเชื่อผิดๆ ที่ว่าโคเคนบริสุทธิ์นั้นจะส่งผลเสียกับร่างกายน้อยกว่า…
-
ชาวเน็ตแทบงงเต้ก เพราะล่าสุดนี้เค้าใช้นกพิราบส่งยาเสพติดแล้ว โถ่วว..สงสารนก!!
ดูเหมือนว่าภูมิปัญญาของมนุษย์ในยุคอดีตอย่างการใช้นกพิราบส่งจดหมาย จะสามารถนำมาใช้กับบางเรื่องในปัจจุบันได้อย่างไม่น่าเชือ จากเว็บไซต์ข่าว Alarabiya ได้รายงานว่าตำรวจจากประเทศคูเวต สามารถจับกุมนกพิราบผู้ทำหน้าที่เป็นนกต่อคอยส่งยาเสพติดให้กับพ่อค้ายาทั้งหลาย โถ่วว.. น่าสงสารเจ้านกจริงๆ จากเว็บไซต์ข่าวต้นฉบับได้รายงานว่า มีนายตำรวจคนหนึ่งเห็นนกพิราบท่าทางมีพิรุธ เพราะบนด้านหลังของมันมีถุงผ้าขนาดเล็กติดไว้ มายืนหยุดพักอยู่แถวบริเวณสถานีตำรวจ ด้วยความน่าสงสัยที่ว่าสมัยนี้ไม่น่าจะมีคนส่งจดหมายด้วยนกพิราบ นายตำรวจจึงลองเข้าไปค้นดูในถุงผ้าบนหลังนกพิราบ ก่อนจะพบว่าเป็นยาอีจำนวนทั้งหมด 178 เม็ด!! เห็นถุงผ้าเล็กๆ แบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าข้างในจะมียาเสพติดซ่อนอยู่ และก็เป็นอย่างที่ทุกคนทราบดี งานนี้ชาวเน็ตออกมาให้ความเห็นกันเพียบ… ‘โอ้วพระเจ้าหยุดเลยนะ!’ แหม..คงทำหน้าเจื๋อนเลยสิเจ้าพิราบ ‘โถ๊วว.. พิราบเจ้าเล่ห์’ หรือบางทีมันอาจจะอยากรวยทางลัดก็ได้นะ บางคนก็บอกว่าพิราบไม่ได้ส่งให้พ่อค้าหร๊อก มันเอาไปเล่นกันเองต่างหากล่ะ ฮ่าๆๆ แอบสงสารนกพิราบ ถ้ามันรู้ว่าเป็นของผิดกฎหมายมันคงไม่รับงานนี้… ที่มา: Distractify
-
ไม่รู้จะว่าไงดี… สามีแจ้งจับเมียตัวเอง หลังเห็น ‘ร่มค็อกเทลล์’ แล้วคิดว่าเป็นยาเสพติด!!
เราก็ไม่รู้ว่าจะหาคำนิยามไหนมาอธิบายสามีนิรนามคนนี้ดี โดยเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่เมืองไวโอมิ่ง รัฐมินนิโซต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้โพสต์ภาพของพร้อมกับระบุแคปชั่นผ่านทวิตเตอร์ว่า ชายคนหนึ่งได้แจ้งว่าพบยาเสพติดอยู่ในกระเป๋าของภรรยาตัวเองซึ่งเป็น ร่มค็อกเทลล์ที่พังแล้ว!! โพสต์ต้นฉบับจากทวิตเตอร์ของกรมตำรวจ แหม่…ดูยังไงให้มันเป็นยาเสพติดเนี่ย สารวัตร Paul Hoppe ได้เล่าให้ฟังว่า ‘มันก็เป็นเช้าวันธรรมดาทั่วไปนี่แหละครับ แล้วเราก็ได้รับแจ้งจากสามีคนหนึ่ง ว่าเขาพบยาเสพติดชนิดหนึ่งในกระเป๋าของภรรยา เมื่อเรารีบเข้าไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ ก็ถึงกับหงายเงิบกันเลยทีเดียว เพราะมันไม่ใช่ยาเสพติดแต่มันเป็นร่มค็อกเทลล์ที่พังแล้ว!’ ดูเหมือนว่างานนี้จะถูกอกถูกใจชาวเน็ตเหลือเกิ๊นน.. ‘ถามจริงลุงเค้าไม่เคยเห็นร่มค็อกเทลล์เหรอ? นี่เค้าไปอยู่ในหลุมไหนมาเนี่ย?’ เจ้าหน้าที่ยังเล่าเพิ่มด้วยว่า ต้องหาภาพร่มค็อกเทลล์แบบที่ยังไม่พังให้ลุงแกดู ไม่อย่างนั้นละเดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปใหญ่ ‘ลุงเค้าจะคิดว่ามันเป็นยาเสพติดชนิดไหนเหรอ? เฮ้ยนายๆ อยากได้ร่มแดงเอาไว้พี้สักอันมั้ย แบบนี้ป่ะ?’ ‘เอ่อ…หรือจะเป็นลุงแกเองที่เมายาอยู่กันแน่?’ ‘หวังว่าโซฟาบ้านลุงจะนุ่มสบายพอให้หลับได้ตลอดคืนนะลุง…’ ประมาณว่าเมียไล่ สุดท้ายตำรวจก็ออกมาให้คำแนะนำแบบกวนๆ ‘เราขออวยพรให้เขาโชคดีกับการเล่าเรื่องนี้ให้ภรรยาฟัง หากุหลาบมาสักช่อ การ์ดเขียนคำขอโทษซักใบ แล้วอะไรๆ จะดีขึ้นนะเพื่อน’ อยากรู้ว่าลุงไปโดนตัวไหนมา ถึงเห็นร่มจิ๋วเป็นยาเสพติดไปซะได้ ที่มา: Buzzfeed
-
เจ้าหมาผู้น่าสงสาร มีกระสุนฝังอยู่ในตัวกว่า 20 เม็ด ตำรวจเชื่อว่าเป็นฝีมือเพื่อนบ้าน!!
เจ้า Jackson หมาพันธุ์ English Mastiff ที่มีน้ำหนัก 45 กิโลกรัม ถูกเพื่อนบ้านขี้ยาใช้ปืนบีบีกันยิงเข้าที่ลำตัวจนสร้างบาดแผลมากมาย แถมกระสุนบางลูกยังคงฝังอยู่ในร่างกายของมันอีกต่างหาก ในตอนแรกที่คุณ Hayden Howard จากเมือง Seymour รัฐ Indiana ได้พบกับมันตอนแรกก็คิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด นาย Tim Woodward เพื่อนบ้านของเธอ ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง และคาดว่านั่นคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดบาดแผลบนตัวของเจ้า Jackson “บนร่างกายของมันมีแต่รอยแผลเต็มไปหมด ตอนแรกฉันคิดว่าเป็นแผลจากการถูกแมลงกัด แต่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาฉันก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น” คุณ Hayden เล่า เธอพามันไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัตว์ทันที และพอไปถึงเจ้าหน้าที่ก็ทำการโกนขนในบริเวณที่เป็นแผลออก พบว่ามีลูกกระสุนบีบีกันมากกว่า 20 ลูกฝังอยู่ในตัวของมัน และอีก กว่า 20 รอยแผล จากการตรวจค้นในบ้านของนาย Tim เจ้าหน้าที่ตำรวจพบสารเสพติดมากมายหลายชนิดทั้งกัญชา และเมทแอมเฟตามีน นอกจากนี้ยังมีปืนบีบีกันอยู่ด้วย แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกเพิ่มข้อหาทารุณกรรมสัตว์ในการตัดสินโทษของเขาด้วย และตอนนี้เจ้า Jackson ก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้านด้วยการดูแลของคุณ Jayden กับลูกชายแล้ว เชื่อว่าต่อจากนี้ไปมันคงจะได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยไร้การกลั่นแกล้งจากคนใจร้ายแล้วล่ะ …
-
ลูกๆ พากันปลุกพ่อแม่ให้ตื่น แต่กลับพบว่าพวกเขาเสียชีวิตไปนานแล้วเพราะเสพยาเกินขนาด
เด็กชายได้บอกกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาก็เจอพ่อแม่นอนอยู่บนพื้น แถมไม่ขยับเขยื้อนเลย” เหตการณ์นี้เป็นเรื่องของ Brian Halye วัย 36 ปี ซึ่งทำอาชีพเป็นนักบินให้กับสายการบินหนึ่ง และภรรยาของเขา Courtney วัย 34 ปี ทั้งคู่ถูกพบนอนเป็นศพอยู่บนพื้นในบ้านของพวกเขาเองที่เมืองเซนเตอร์วิลล์ รัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา ตามรายงานบอกว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา สาเหตุการตายของพวกเขาทั้งคู่ถูกคาดว่าน่าจะมาจากการเสพยาเกินขนาด ส่วนพยานที่พบศพก็คือลูกๆ ทั้ง 4 คนของพวกเขา ลูกของพวกเขาทั้งหมดยังอยู่ในวัย 9-13 ปี โดยพวกเขาให้ปากคำว่าปกติแล้วพ่อแม่จะต้องมาปลุกพวกเขาให้ไปโรงเรียน แต่วันนั้นกลับแปลกไป ทั้งหมดจึงไปตรวจสอบดูที่ห้องพ่อแม่แล้วก็พบเหตุการณ์ดังกล่าว ลูกชายคนโตวัย 13 ปีได้ให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจว่า “ผมตื่นขึ้นมาผมก็เจอพวกเขานอนอยู่บนพื้นแถมยังไม่ขยับน้องสาวของผมบอกกับผมว่าพวกเขาตัวเย็นเฉียบ เรียกยังไงก็ไม่ตื่นแถมไม่หายใจด้วย” เด็กชายยังบอกอีกว่าร่างพ่อของเขามีแต่เส้นสีดำๆ เต็มใบหน้าไปหมด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนพวกเขายังปกติดีอยู่แท้ๆ ในวันถัดมาเด็กๆ ก็ได้กลับไปโรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ทราบถึงการสูญเสียของพวกเขา และออกมากล่าวถึงเรื่องนี้เช่นกัน “ทาง Spring Valley Academy พึ่งทราบข่าวการสูญเสียของเด็กนักเรียนของเรา แน่นอนว่าพวกเรายังต้องมองหาทางออกพร้อมให้การช่วยเหลือกับเด็กๆ…
-
เกือบเนียนภาค 2 … หนุ่มโดนจับลักลอบนำเข้า ‘โคเคน’ มูลค่านับล้าน มัดขาจนตุงอีกราย!?
หลังจากที่มีรายงานข่าวของชายหนุ่มชาวสหรัฐอเมริกาถูกจับกุมข้อหาพกโคเคนมากกว่า 5 กิโลกรัม มูลค่า 6 ล้านบาทซ่อนไว้ในกางเกงหลังพยายามเข้าเมืองนิวยอร์ค ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่เดินทางกลับมาจากการไปท่องเที่ยวที่ประเทศสาธารณรัฐโดมินิกัน และเดินทางกลับมาโดยเครื่องบินถึงที่สนามบิน John F. Kennedy International Airport ในนิวยอร์ค หน่วยป้องกันชายแดนของสหรัฐอเมริกาก็สังเกตเห็นว่าชายคนดังกล่าวมีท่าทางพิรุธ ขาของเขาทั้งสองข้างนั้นดูบวมใหญ่มากกว่าปกติ หลังจากเข้าไปในห้องตรวจลับก็พบว่ามีห่อที่บรรจุผงสีขาวถูกพันด้วยเทปติดแนบไปกับขาของเขาอยู่ แต่ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมาเว็บไซต์ Daily Mail ก็ได้รายงานว่ามีการพบเหตุการณ์เดียวกันนี้ที่สนามบิน John F. Kennedy International Airport ชายหนุ่มพยายามจะพกพาโคเคนเป็นมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาทมัดติดกับขา เข้ามายังประเทศสหรัฐอเมริกา Mayobanex Ruiz Gomez ชาวสาธารณรัฐโดมินิกันกำลังเดินทางมาถึงที่สนามบิน และพบว่าดูท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงพาเขาเข้าไปในห้องตรวจลับ จากการตรวจสอบก็พบโคเคนปริมาณ 5 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท ถูกพันเอาไว้รอบๆ ขาของเขาด้วยเทปกาว เป็นวิธีเดียวกับชายที่ถูกจับก่อนหน้านี้เด๊ะๆ เลย ขณะนี้เขาก็ถูกจับกุมและรอดำเนินคดีต่อไป แต่ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่ได้บอกว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งสองเหตุการณ์นี้มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด… แหม่…
-
ยาเสพติดร้ายแรง “Krokodil” นิยมในรัสเซีย เปลี่ยนจากคนให้กลายเป็นซอมบี้!!
เมื่อกล่าวถึงยาเสพติดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆ ก็ตาม ต่างก็มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างรุนแรง อาจจะมีการผ่อนปรนตัวยาบางชนิดเพื่อใช้เฉพาะการเท่านั้น แต่โดยรวมแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นยาเสพติดมันก็ไม่ได้มีข้อดีเลยซักนิดเดียว!! อย่างในบ้านเราก็ยังคงมีการระบาดของยาบ้าอยู่ตลอด และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากประเทศเสียที เช่นเดียวกันกับประเทศรัสเซียที่ประสบปัญหาของการระบาดของเฮโรอีน จนปัจจุบันนี้ก็มียาตัวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมาแทนที่อย่างช้าๆ ยาตัวดังกล่าวนั้นมีชื่อ Desomorphine หรือเรียกเป็นฉายาสั้นๆ ว่า Krokodil กำลังได้รับความนิยมในประเทศรัสเซีย อันเนื่องมาจากสามารถทำเองได้ง่าย เพียงแค่มียาแก้ปวดหัวเท่านั้น ที่สำคัญก็คือมันมีราคาที่ถูกมากๆ ช่างภาพ Emanuele Satolli ได้เดินทางไปยังเมือง Yekaterinburg หนึ่งในสี่เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่เต็มไปด้วยยาเสพติด ซึ่งเขาเองก็ได้เดินทางมายังเมืองนี้ 3 ครั้งแล้ว เพื่อทำการถ่ายภาพผลจากการใช้ยาเสพติดชนิดดังกล่าวมาเผยแพร่เป็นสารคดี จุดกำเนิดของยา Krokodil นี้เริ่มต้นมาจากหลังที่เจ้าหน้าที่รัฐทำการปราบปรามเฮโรอีนในรัสเซียอย่างหนัก ผู้เสพติดเฮโรอีนจึงหันมาทำตัวยาทดแทน ด้วยการใช้ยาแก้ปวดหัวเป็นส่วนผสมหลัก จนกลายมาเป็นตัวยาดังกล่าว ด้วยเหตุที่ว่าเป็นยาเสพติดที่คิดค้นกันเองแบบบ้านๆ ผลข้างเคียงของมันจึงร้ายแรงยิ่งกว่า อันเนื่องมาจากส่วนผสมของทินเนอร์และฟอสฟอรัส ส่งผลทำให้ผิวของผู้เสพเป็นขุย หยาบกร้าน ลักษณะคล้ายกับผิวหนังของจระเข้ จึงเป็นที่มาของชื่อยาตัวนี้ อีกทั้งบริเวณผิวหนังที่ถูกเข็มฉีดยาเข้าไปนั้น จะเกิดอาการเน่าและติดเชื้อทันที…
-
หนุ่มถูกจับเข้าคุกแบบงงๆ เพราะตำรวจพบ ‘ยาไอซ์’ ในรถ แต่จริงๆ คือทรายแมวแบบคริสตัล!?
ในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวที่เป็นอุทธาหรณ์สำหรับเหล่าทาสแมวทั้งหลายมาเล่าให้ฟัง ว่าการพกเจ้าทรายแมวแบบคริสตัลไปไหนมาไหนด้วยนั้นก็ควรจะทำให้มันรอบคอบและระมัดระวังหน่อยล่ะ เพราะอาจทำให้เกิดเรื่องเข้าใจผิดจนชีวิตเปลี่ยนเลยทีเดียว Ross Lebeau วัย 24 ปี อาศัยอยู่ในรัฐเท็กซัส ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและส่งตัวเข้าคุกในข้อหามีสารเสพติดไว้ในครอบครอง เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกตรวจค้นรถของนาย Ross ที่ข้างทางในเขต Harris County และเจ้าหน้าที่ก็ได้พบกับสิ่งของต้องสงสัยว่าจะเป็นยาบ้า อัดอยู่ในถุงเท้าที่มีน้ำหนักประมาณ 200 กรัม “พวกเขาคิดว่าได้เจอกับหลักฐานมัดตัวชิ้นสำคัญเข้าแล้ว และนี่คงเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่สุดในปีนี้ของพวกเขา” Ross ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Eyewitness News แต่จริงๆ แล้วมันก็คือทรายแมวแบบคริสตัลธรรมด๊าธรรมดา ที่พ่อของเขาใส่ไว้ในถุงเท้าแล้วเก็บไว้ในรถของเขาและพี่สาวเพื่อกันไม่ให้เกิดปัญหาหมอกเกาะกับกระจกรถจนมองไม่เห็นทาง นาย Ross ถูกส่งตัวเข้าห้องขังเป็นเวลาถึง 3 วัน ก่อนที่ตำรวจจะทำการตรวจสอบหลักฐานและพบว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่ยาเสพติดแต่อย่างใด “ผมอยากได้รับคำขอโทษอย่างเป็นทางการจากการถูกกล่าวหา” Ross ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ABC เพราะการกล่าวหาในครั้งนี้ทำให้เขาต้องถูกไล่ออกจากงาน และสร้างความลำบากใจให้กับเขาเป็นอย่างมาก “ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีความผิดอะไร และผมจะทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ ร่วมกับครอบครัวและผู้สนับสนุนเพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าตัวของผมนั้นไร้มลทิน” เขากล่าวเสริม ทางด้านสำนักงานที่ว่าการอำเภอของ Harris County ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นและสรุปมาได้คร่าวๆ ว่า…
-
ศิลปินลองเสพสารทั้งหมด 24 ชนิด แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นภาพวาด ผลลัพธ์จะเป็นยังไง!?
เชื่อว่าทุกคนนั้นทราบกันดีว่า ยาเสพติดถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายและเป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนอีกหลายคนที่ยินดีเสพยาเสพติดด้วยเหตุผลบางอย่าง อย่างเช่นศิลปินหลายๆ คน สามารถผลิตผลงานระดับเทพออกมา ขณะที่ตัวเองกำลังเมายาอยู่ อย่างเช่น Bryan Lewis Saunders ศิลปินจากกรุงวอชิงตัน ดีซีท่านนี้ ตลอด 21 ปีที่ผ่านมาเขาวาดภาพออกมากว่า 8,000 ภาพ และหลายๆ ครั้งเขาก็เสพยาเสพติดหลายๆ ชนิดเพื่อช่วยในการวาดภาพ เราไปชมผลลัพธ์กันเลยดีกว่า 25I-NBOMe Abilify / Xanax / Ativan อะริพิพราโซล เหล้าแอ๊บแซ๊งธ์ ยา Adderall เหล้า Ambien 10 กรัม ยานอนหลับ ยาซอมบี้บาธซอลต์ ยา Buspar ยาบิวทอลบิทอล น้ำมันบิวเทนจากน้ำผึ้ง ยาแก้อักเสบเซฟาเลกซิน …
-
15 ภาพถ่ายจากชาวเน็ต กับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หลังเอาชนะดยาเสพติดได้!!
มักจะมีคนกล่าวไว้เสมอว่า “ยาเสพติดเป็นสิ่งไม่ดี อย่าคิดที่จะลอง” แต่พอได้ลิ้มลองเข้าไปเท่านั้นแหละ กลับพบว่ามันช่างเป็นสุดยอดประสบการณ์ที่อยู่เหนือคำบรรยาย หลังจากที่สารเคมีได้เข้ามาทำปฏิกริยาบางอย่างกับร่างกายเรา ทำให้เรารู้สึกติดใจ และกลายเป็นเสพติดไปในที่สุด สำหรับผู้ที่เคยมีอาการติดยาเสพติด คงทราบดีอยู่แล้วว่า การต่อสู้เพื่อเอาชนะความอยากนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ด้วยเหตุนี้เอง ชาวเน็ตทั้งหลายจึงได้รวมตัวกันโพสต์ภาพการเปลี่ยนแปลงของตัวเอง หลังจากที่พวกเขาสามารถเอาชนะมันได้ ผ่านเว็บไซต์ Boredpanda ซึ่ง #เหมียวบ็อบ เชื่อว่านี่จะเป็นกำลังใจให้ใครต่อใครอีกหลายคน ที่กำลังต่อสู้อยู่กับอาการติดยาเสพติด และเราก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนสามารถเอาชนะ และกลับมามีสภาพร่างกาย รวมถึงสภาพจิตใจ ในแบบคนปกติทั่วไปได้อีกครั้ง 4 ปี หลังเลิกยาไอซ์ และเฮโรอีนได้สำเร็จ เป็นเวลา 10 ปี ที่เธอคนนี้สามารถตัดขาดจากยาไอซ์ได้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น 826 วัน หลังเลิกเฮโรอีนได้สำเร็จ 6 ปี กับการเอาชนะอาการติดยาไอซ์ เป็นเวลา 6 ปี ที่ชายคนนี้เลิกยุ่งเกี่ยวกับโคเคน และเฮโรอีน ได้สำเร็จ 6 เดือนหลังเลิกใช้ยาไอซ์ และเฮโรอีน อย่างถาวร…
-
หาดูยากกับ 13 ภาพสารเสพติด เมื่อมองจาก ‘กล้องไมโครสโคป’ ที่เราไม่เคยเห็น
อย่าพึ่งหาว่า #เหมียวบ็อบ หมกมุ่นกับเรื่องพวกนี้เลยนะ พอดีว่าบังเอิญเล่นเน็ตไปเรื่อยๆ แล้วเจอสื่อวาไรตี้จากเมืองนอกอย่าง TheChive เผยแพร่ภาพถ่ายไมโครสโคปของยาเสพติดต่างๆ ก็เลยอยากจะเอามาแบ่งปัน ให้ได้ชมกัน เพราะไม่น่าเชื่อเลยว่า สิ่งของมึนเมาพวกนี้ เมื่อส่องเข้าไปลึกๆ แล้ว มันจะมีสภาพของสสารที่แตกต่างกันอย่างมาก ราวกับงานศิลปะชิ้นหนึ่งเลยล่ะ Ketamine (เคตามีน) เรียกอีกชื่อง่ายๆ ก็ ‘ยาเค’ บ้านเรานั่นแหละ . Cocaine (โคเคน) เป็นสารเสพติดที่สามารถสกัดได้จากต้นโคคา ออกฤทธิ์โดยตรงกับระบบประสาทส่วนกลาง และในปัจจุบันยังมีการนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ด้วยเช่นกัน Caffeine (คาเฟอีน) หลายๆ ที่จัดว่าเป็นสารเสพติดอยู่เหมือนกัน เพราะสามารถทำให้ร่างกายเสพติดได้เมื่อใช้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ผิดกฏหมาย และส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายน้อยกว่า จึงได้รับความนิยมอย่างสูง ส่วนใหญ่แล้วก็พบได้ในเครื่องดื่มประเภทกาแฟ หรือเครื่องดื่มชูกำลัง Crystal Meth (ยาไอซ์) Ectasy (ยาอี) Adrenaline (อะดรีนาลีน) ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในทางการแพทย์ เพื่อกระตุ้นการทำงานของหัวใจ Heroin (เฮโรอีน)…
-
เกาะติด ‘สงครามยาเสพติด’ ในฟิลิปปินส์ ผ่านมือปืนสาว ผู้สังหารพ่อค้ายาเพื่อเลี้ยงชีพ
เมื่อพูดถึงปัญหายาเสพติด มักจะเป็นปัญหาสำหรับหลายๆ ประเทศทั่วโลก ซึ่งแต่ละประเทศนั้น ก็มีวิธีการจัดการที่แตกต่างกันออกไป สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงที่ทำสงครามกับยาเสพติดอย่างจริงจัง โดยประธานาธิบดี Rodrigo Duterte ซึ่งได้สั่งฆ่าผู้ค้ายาเกือบ 2,000 ราย ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากขึ้นเป็นประธานาธิบดี สำนักข่าว BBC ได้ติดตามเรื่องนี้ผ่านผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในมือสังหารพ่อค้ายาเสพติดในฟิลิปปิส์ มือสังหารหญิงคนนี้ใช้ชื่อว่า มาเรีย อันเป็นนามแฝง เธออยู่กับสามีและลูกในย่านคนจนของกรุงมะนิลาและไม่มีรายได้ประจำ สามีเธอทำงานให้กับตำรวจ โดยรับจ้างสังหารลูกหนี้ที่ไม่ยอมจ่าย รวมทั้งรับจ้างสังหารกลุ่มพ่อค้ายาเสพติดด้วย ต่อมาเมื่อรัฐบาลต้องการมือปืนที่เป็นผู้หญิง เพื่อเข้าถึงตัวเป้าหมายได้มากขึ้น สามีจึงแนะนำให้รับงานนี้ ซึ่งต้องทำงานกันเป็นทีม ซึ่งนอกจากเธอแล้ว ในทีมนั้นมีผู้หญิงอีก 3 คน เธอเล่าให้ฟังว่า “ฉันได้เริ่มทำงานนี้ครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในจังหวัดที่ไม่ไกลจากที่นี่ ตอนนนั้นฉันรู้สึกกังวลมาก เพราะมันเป็นครั้งแรกของฉัน” ตั้งแต่ Duterte ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี เขาก็ได้กวาดล้างยาเสพติดด้วยการสั่งให้ตำรวจสังหารพ่อค้ายาทุกรายที่ขัดขืนการจับกุม มาเรียเองก็เคยสังหารคนมาแล้วถึง 6 ราย โดยทุกรายนั้นถูกเธอยิงเข้าที่หัวในระยะประชิด สงครามยาเสพติดนี้ทำให้เธอมีงานมากขึ้น แต่มันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงมากด้วยเช่นกัน เพราะกลัวว่าครอบครัวที่เธอไปสังหารนั้น จะตามมาแก้แค้นในภายหลัง ทำให้เธอต้องย้ายบ้านหนีบ่อยๆ…
-
“นี่คือสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวเรา…” แม่เหยื่อยาเสพติดโพสต์ถามพ่อค้ายา เป็นประเด็นให้ถกเถียง!?
ไม่ว่าพ่อแม่ที่ไหนก็ไม่อยากเห็นลูกตัวเองต้องทุกข์ทรมานจากยาเสพติด เพราะยาเสพติดได้เปลี่ยนบุตรหลานที่น่ารักของพวกเขาให้กลายเป็นอีกคน ซึ่งเราต่างก็รู้ดีว่า ยาเสพติดนั้นให้โทษขนาดไหน… สำหรับ Tina Wells Louden ก็เช่นกัน เธอได้เสียลูกสาว Ashley ไปจากการใช้ยาเสพติดเมื่อสามปีก่อน ด้วยความเศร้าเสียใจ เธอจึงได้โพสภาพในเพจ Heroin KILLS You เพื่อตัดพ้อต่อว่าเหล่าผู้ค้ายา ที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกสาวไป “ถึงคนที่ขายยาให้ลูกสาวฉัน นี่คือสภาพฉันในวันที่เคยเป็นวันเกิดของลูกสาว คุณรู้สึกยังไงกับชีวิตของตัวเองเหรอ ฉันอยากรู้จริงๆ ปกติฉันไม่ค่อยโพสต์ภาพเท่าไหร่ แต่ฉันอยากให้ภาพนี้กลายเป็นกระแสให้ได้มากที่สุด ดูสิเหล่าพ่อค้ายาทั้งหลาย นี่คือสิ่งที่คุณทำกับครอบครัวของเรา” หลังจากนั้นไม่นานภาพเหล่านี้ก็กลายเป็นกระแสอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าชาวเน็ตจะมีความเห็นที่แตกต่างออกไปจากเธอนะ “จริงๆ ถ้าไม่มีคนซื้อ ก็ไม่มีคนขาย ฉันรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังเจ็บปวด แต่ลูกสาวของเธอเลือกเอง เธอรู้ว่าการเสพยาจะเป็นยังไง แต่เธอก็ยังทำ เลิกโทษคนอื่นแต่ฝ่ายเดียวเถอะ ทุกคนก็มีส่วนผิดทั้งนั้น” “มันเป็นความผิดของลูกสาวคุณ คุณสาวคุณต่างหากที่เป็นคนทำลายครอบครัวตัวเอง ไม่ใช่พ่อค้า พ่อค้ายามันต้องการแค่เงิน แต่คนที่อยากเสพคือลูกสาวของคุณ และเป็นเธอที่เสพจนตายไปเอง” “ฉันเคยติดยามาก่อน มันเป็นสิ่งที่ฉันเลือกเอง ไม่มีใครบังคับ พ่อค้ายาก็ไม่ใช่ ฉันเสียใจกับเรื่องลูกสาวคุณนะ แต่เราสามารถเลือกได้ว่า “ไม่ ฉันจะไม่เสพแล้ว””…
-
พาไปรู้จัก “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ผู้ให้กำเนิด “ยาบ้า” คนแรกในประเทศไทย…
เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สารเสพติดให้โทษร้ายแรงซึ่งกัดกร่อนสังคมไทยมาอย่างยาวนาน แม้จะมีความพยายามในการกวาดล้างอย่างจริงจัง แต่สุดท้ายยาบ้าชนิดนี้ก็ยังไม่หายไปจากสังคมเสียที แต่รู้หรือไม่ “ยาบ้า” หรือ “ยาม้า” สูตรที่เราพูดถึงกันอยู่นี้ แท้ที่จริงแล้วถือกำเนิดมาจากประเทศไทยนี่เอง และก็เป็นคนไทยเองนี่แหละที่คิดค้นมันขึ้นมา เรื่องราวจะเป็นยังไง เราไปติดตามกันดีกว่า ถ้าย้อนไปถึงต้นกำเนิดจริงๆ สารแอมเฟตตามีนและเมทแอมเฟตตามีนมีการใช้ในการทำยากระตุ้นสำหรับทหารมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยมีการใช้ในการกระตุ้นความกล้าหาญและความอดทนของทหารทั้งสองฝ่าย จนหลังสงคราม สารเหล่านี้เริ่มหลุดออกมาใช้งานในคนธรรมดา ส่วนในประเทศไทย ระยะแรกๆ มีการนำเข้ายาม้าเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อใช้ในการกระตุ้นม้าแข่ง และภายหลัง กลุ่มคนขับรถบรรทุกเริ่มนำยาม้าไปใช้ในระหว่างการทำงาน เพราะช่วยให้กระปี้กระเปร่าและไม่ง่วง ด้วยเหตุนี้เอง ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า “กัลยาณี อร่ามเวชอนันต์” ได้เล็งเห็นถึงผลประโยชน์การจากขายยาม้านี้ เธอจึงส่งลูกชายทั้งสองไปเรียนทางด้านเคมีที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในไต้หวัน จนเมื่อทั้งสองจบการศึกษา พวกเขาก็เริ่มคิดค้นสูตรยาม้าของตนเองขึ้นมา ต่อมาพวกเขาได้เช่าบ้านหลังหนึ่งในอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และเปลี่ยนบ้านหลังนั้นให้กลายเป็นฐานผลิตยาของตนเอง ระยะแรกธุรกิจของพวกเขารุ่งเรืองเป็นอย่างมาก แต่ต่อมา รัฐบาลเริ่มเล็งเห็นว่ายาเสพติดที่พวกเขาผลิตขึ้นมา ส่งผลเสียต่อประเทศชาติเป็นอย่างมาก ทำให้ในปี พ.ศ. 2530 มีการประกาศให้ “ยาม้า” กลายเป็นยาเสพติดต้องห้าม…
-
และนี่คือ 10 เมืองกัญชาที่เหมาะกับ “สายเขียว” ในการไป ปุ๊น ปุ๊น มากที่สุดของโลก
สำหรับเหล่าสายเขียวแล้ว การที่กัญชาเป็นเรื่องผิดกฎหมายในประเทศไทย ทำให้ไม่สะดวกนักในการที่จะปุ๊นปุ๊นกันมากเท่าไร เพราะฉะนั้นเหมียวมีทางออกดีๆ คือการบินไปเมืองนอกซะเลย ทางเว็บไซต์ TheRichest ได้มีการจัดอันดับ 10 สุดยอดเมืองกัญชาสำหรับเหล่าสายเขียวเอาไว้ และนี่คือเมืองเหล่านั้น…. 10. Tortuguero, Costa Rica แม้ว่าการปุ๊นปุ๊นที่ประเทศคอสตาริก้าจะถูกระบุว่าผิดกฎหมาย แต่ในเมืองแห่งนี้ก็เหมือนหลับตาข้างหนึ่ง คุณสามารถหามันได้ในบาร์ ซึ่งมีคนขายอยู่เพียบ และเพียงแค่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ไปสูบริมถนน ไม่ไปมีปัญหากับคนขาย คุณก็สามารถสบายใจได้ในเมืองแห่งนี้ 9. Paradise Island, Bahamas Paradise Island คือสุดยอดสถานที่ท่องเที่ยวของบาฮามาส แน่นอนว่าการสูบบุหรี่นั้นถูกกฎหมาย กัญชาก็สามารถอุ๊บอิ๊บได้เช่นกัน มีพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยในชุดสีขาว ซึ่งใจดีพอที่จะไม่โยนเราให้ตำรวจ และยินดีบอกว่าคนไหนขายกัญชาให้เราได้ ง่ายดีไหมล่ะ 8. Vancouver, Canada ใน Vancouver กัญชาเป็นสิ่งถูกกฎหมาย ที่สามารถสูบและครอบครองได้ในปริมาณเล็กน้อย แต่…อย่าคิดว่าจะเอาไปขายที่นั่น เพราะถ้าคุณถูกจับในปริมาณที่ตำรวจพิจารณาว่ามีไว้เพื่อจำหน่าย ก็คุก คุก คุก นะจ๊ะ 7. Phnom Penh, Cambodia ต้นฉบับบอกไว้ว่า ‘ตราบใดที่คุณเป็นนักท่องเที่ยว เอาเงินไปให้บ้านเค้า ตำรวจก็พร้อมจะปิดตาข้างหนึ่งเสมอ’…
-
อุรุกวัยอนุญาตให้ 2 บริษัทสามารถขายกัญชาได้อย่างเสรี เพื่อป้องกันการค้าแบบผิดกฏหมาย!!
ยังคงเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากๆ กับพืชสีเขียวที่มีผู้คนร้องเรียนให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถค้าขายกันได้ถูกต้องตามกฏหมาย แต่ก็ยังมีอีกฝ่ายที่มองว่าเจ้ากัญชาเนี่ย ยังไงก็คือสิ่งเสพติด ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อื่นใดได้นอกจากการดึงดาว ซึ่งในบางประเทศก็ได้อนุญาตให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฏหมายแล้ว สามารถซื้อขายกันได้อย่างสะดวก อย่างเช่นในประเทศอุรุกวัย ที่ยอมให้บริษัท 2 แห่งค้าขายกัญชาได้อย่างเสรี แต่ทั้งนี้ก็ต้องควบคุมปริมาณในการเพาะปลูกด้วย แต่ไม่ได้ควบคุมถึงลักษณะของพันธ์ุและความเข้มข้น อย่างไรก็ตามผู้ที่คัดค้านก็เชื่อว่าการที่เปิดให้มีธุรกิจกัญชาถูกกฏหมายนั้นไม่ถือว่าเป็นทางออกที่ดี อาจจะส่งผลทำให้เกิดสิ่งที่ตรงกันข้ามซะมากกว่า ทางฝั่งผู้ที่สนับสนุนธุรกิจกัญชาก็กล่าวว่าการอนุญาตให้ธรุกิจกัญชาถูกกฏหมายนั้นเป็นวิธีการแก้ไขการค้าอย่างผิดกฏหมาย ป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพมาแสวงหาผลประโยชน์จากกัญชา รวมไปถึงปลอดภัยต่อผู้ใช้กัญชาด้วย มองในอีกมุมหนึ่งก็คือกัญชายังเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตยาเพื่อใช้ในการรักษาทางการแพทย์อีกด้วย ทั้งนี้นักวิจัยต่างก็สนับสนุนให้นำกัญชามาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเผื่อในอนาคตจะสามารถมาใช้ในทางการแพทย์ต่อไป และอาจจะสร้างรายได้ให้กับประเทศได้อย่างมหาศาลอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่คัดค้านต่างก็เห็นเพียงแค่ว่ามันไม่มีประโยชน์อื่นใดนอกจากเป็นสารเสพติด ที่มา : BBC Thai
-
ตำรวจพบอุโมงค์ขนส่งยาเสพติด ซ่อนอยู่ชั้นใต้ดินระหว่างชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก
แม้ว่าจะมีมาตรการในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่รุนแรงมากแค่ไหนก็ตาม แต่ด้วยมูลค่าอันสูงลิบลิ่วของยาเสพติดนั้น ก็ยังคงมีขบวนการขนส่งยาเสพติดเกิดขึ้นอยู่เสมอ นับวันก็ยิ่งแนบเนียนเหนือชั้นกว่าภาพยนตร์แล้ว โดยเมื่อไม่นานมานี้เจ้าหน้าตำรวจจากทั้งฝั่งสหรัฐฯ และเม็กซิโกได้บุกเข้าทลายแหล่งขนส่งยาเสพติดในเมืองตีฮัวนา ประเทศเม็กซิโก ซึ่งภายในโกดังต้องสงสัยนี้มีเส้นทางขนส่งยาใต้ดินเป็นอุโมงค์ที่ทอดตัวยาวไปไกลถึงโกดังในเมือง แซนดีเอโก ประเทศสหรัฐฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดของกลางได้เป็นกัญชาจำนวน 12 ตัน และจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการค้ายาได้จำนวน 22 ราย โดยใช้เวลาในการสืบสวนการลักลอบขนยาของแก๊งค์นี้ประมาณ 6 เดือนเต็มๆ มูลค่ากัญชาทั้งหมดที่ยึดมาได้ก็จะอยู่ที่ประมาณ 217 ล้านบาท สำหรับตัวหัวหน้าแก๊งค์ Jaoquin El Chapo สามารถหลบหนีการจับกุมไปได้อย่างหวุดหวิด โดยอาศัยช่องทางจากอุโมงค์ขนส่งยานี้ ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพบกับอุโมงค์ดังกล่าวที่ซ่อนอยู่ใต้ดินมานานแสนนาน ที่มา : unilad
-
เผยงานวิจัยเกี่ยวกับอาหาร ชี้ชัดว่า ‘ชีส’ ส่งผลทำให้มีอาการเสพติดเหมือนกับยาเสพติด
เอ๊ะ!? มันยังไงกันแน่เนี่ย ไหงจู่ๆ ก็มาบอกว่าชีสเหมือนกับยาเสพติด ด้วยความอร่อยและความหอมอันเย้ายวนของมัน ทำให้หลายคนถึงกับพลาดพลั้งรับประทานมันเข้าไป ถึงแม้จะไม่บ่อยแต่ก็ทำให้ย้อนคิดอยากจะกินชีสอยู่เสมอ แน่นอน!! ด้วยความอร่อยของมันปฏิเสธิไม่ได้จริงๆ แหละ โดยมีผลการวิจัยที่ถูกเผยแแพร่ผ่าน U.S. National Library of Medicine (หอสมุดทางการแพทย์สหรัฐฯ) ได้กล่าวเอาไว้ว่าพิซซ่าเป็นอาหารที่มีผู้คนเสพติดมากที่สุด ซึ่งสาเหตุหลักๆ แล้วมาจาก ‘ชีส’ แทบทั้งสิ้น โดยเจ้าชีสผู้ร้ายกาจนี้ ประกอบไปด้วยสารที่ชื่อว่า เคซีน เป็นโปรตีนที่มาจากผลิตภัณฑ์นมทั้งหลายแหล่ มันจะแสดงพลังในตอนที่เราย่อยอาหารและปล่อยสารที่ชื่อว่า Casomorphin ออกมา เข้าไปประกบกับตัวรับสารโดพามีนที่สื่อกับระบบประสาท จนทำให้กลายเป็นสารเสพติดไปโดยปริยาย สั้นๆ ง่ายๆ เลยก็คือ กินแล้วติดใจ อยากจะกินอีก โหยหาชีสอยู่ร่ำไป ไม่ใช่ความผิดของเราหรอก แต่เพราะมันอร่อยต่างหาก!! แต่กินเยอะๆ ก็หยุดได้เหมือนกัน มันเลี่ยน!! เว้นเสียแต่ว่าติดใจรสชีสจริงจัง กินยังไงก็ไม่เลี่ยน ที่มา : thechive
-
ไฟลท์ระทึก ผู้โดยสารคลั่งและกัดผู้คนคล้ายซอมบี้ ภายหลังเสียชีวิตพบโคเคนซุกซ่อนอยู่ในท้อง!!
สำหรับเหตุการณ์นี้เป็นอะไรที่ระทึกขวัญเป็นอย่างมาก เหตุเกิดในระหว่างเที่ยวบิน EI 485 ของสายการบิน Aer Lingus เส้นทางจากเมือง Lisbon ประเทศโปรตุเกสไปยังเมือง Dublin ประเทศไอร์แลนด์ เมื่อผู้โดยสารรายหนึ่งเกิดอาการคลั่งและกัดผู้โดยสารบนเครื่องเหมือนกับซอมบี้ ภายหลังจากนั้นผู้โดยสารซอมบี้คนดังกล่าว เกิดอาการหมดสติไปและเสียชีวิตในระหว่างเที่ยวบิน จนต้องนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบิน Cork ในประเทศไอร์แลนด์ ภายหลังสืบทราบว่าผู้โดยสารซอมบี้รายนี้ก็คือนาย John Kennedy Santos Gurjao ชาวบราซิล และพบกับสาเหตุที่น่าจะทำให้เขาเกิดอาการคลั่งและเสียชีวิตก็คือการกลืนโคเคนอัดเม็ดหนักเกือบๆ 1 กิโลกรัม จำนวน 80 เม็ดลงไปในท้องของเขา มูลค่าประมาณ 2.2 ล้านบาท (41,000 ปอนด์) อีกทั้งยังสืบไปถึงผู้โดยสารหญิงที่ขึ้นเครื่องมากับเขาด้วย ซึ่งปรากฏว่าแอบซุกซ่อนยาบ้าไว้ในกระเป๋าถืออีกประมาณ 1.8 กิโลกรัม และในที่สุดตำรวจจึงสรุปเป็นการลักลอบขนยาเสพติดข้ามประเทศ อื้อหือ!! ไม่ยากจะนึกภาพเลยแฮะ ถ้าเกิดว่าเป็นซอมบี้จริงๆ คงจะสยดสยองมากๆ เลยนะ ที่มา : unilad
-
สำนักงานตำรวจแห่งชาติอนุมัติให้ลูกสาวเป็นตำรวจแทนพ่อ หลังนอนนิทราจากการปราบยา!!
เรื่องราวของ ด.ต.เชาว์ สิงห์กวาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี ที่ได้ทำการขับขี่รถจักรยานยนต์เพื่อตามล่าคนร้ายคดียาเสพติด เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เกิดประสบอุบัติเหตุส่งผลทำให้สมองได้รับกระทบกระเทือน และกลายมาเป็นเจ้าชายนิทราที่ต้องรับการรักษามานานกว่า 1 ปีแล้ว โดยล่าสุดนี้ทางเพจ Thailand Police Story ได้ชี้แจงเกี่ยวกับความคืบหน้าของกรณีนี้ว่า ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มีการอนุมัติให้ลูกสาวของดาบตำรวจ น.ส.ณัฐนิชา สิงห์กวาง เข้าบรรจุเป็นตำรวจเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่คุณพ่อประสบกับอุบัตเหตุในขณะปฏิบัติหน้าที่ "อนุมัติให้ลูกสาวเป็นตำรวจ"สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีมติอนุมัติให้ น.ส.ณัฐนิชา สิงห์กวาง เป็นตำรวจเรียบร้อยแล้ว หลังจาก ด… Posted by Thailand Police Story on Saturday, October 3, 2015 ปัจจุบัน สิบตำรวจตรี ณัฐนิชา บรรจุเป็นตำรวจอยู่ที่ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 2 และจะเข้ารับการอบรมเพื่อขึ้นเป็นยศนายร้อยตำรวจ จากการใช้สิทธิทายาท และเรียนจบปริญญาตรี จากม.บูรพา แม้ว่าท่ามกลางกระแสของประชาชนที่มองตำรวจในแง่ลบ ก็ยังมีเรื่องดีๆ…
-
คำว่าแม่นั้นยิ่งใหญ่…ตำรวจค้นตัวผู้ร้ายติดยา พบจดหมายสุดซึ้งจากแม่ เล่นเอาน้ำตาไหลเลย
หลายๆครั้งลูกๆรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่แม่ทำไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม แต่หากลองมานึกดีๆ หากจะมีใครคนหนึ่ง ที่พร้อมจะให้อภัยเราทุกครั้ง ไม่ว่าเราจะทำความผิดขนาดไหน คนๆนั้นจะเป็นใครไปได้นอกจากแม่ของเรานั่นเอง อย่างเช่นเรื่องราวของนางจ้อยและนายเด่นนี้ แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าลูกจะทำผิดขนาดไหน แม่ก็พร้อมจะให้อภัยและเป็นห่วงอยู่เสมอ นี่คือจดหมายที่ตำรวจค้นเจอในตัวของนายเด่น หลังจากถูกจับในข้อหาขโมยรถ ซึ่งเป็นจดหมายของแม่จ้อยเขียนถึง นายเด่น เนื้อความในจดหมายเล่นทำเอาเราๆน้ำตาซึมเลยทีเดียว เพราะเธอบอกว่า เธอพร้อมจะให้อภัยเขาเสมอ ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร “แม่รักเด่นนะ เด่นรักแม่ไหม แม่รักลูกนะ จงเลิกยาเสียเถิดลูก แม่จะรอวันที่หนูเลิกยา ก่อนที่แม่จะตาย แม่ขอให้หนูเด่นของแม่ร่าเริง เล่นกับแม่ กอดแม่บ้าง แม่รักลูกนะเด่น จากแม่จ้อยที่ถูกลืม” ในรายงานกล่าวว่า นายเด่นเคยมีอาการคลุ้มคลั่งทำร้ายร่างกายมารดาของตน จนนางจ้อยทนไม่ไหว ต้องแจ้งให้ตำรวจมาช่วยระงับสติอารมณ์ แต่นางจ้อยก็ไม่ได้แจ้งข้อหาต่อลูกชายของตนเองแต่อย่างใด แต่สุดท้ายนายเด่นก็ถูกจับ ในข้อหาขโมยรถนั่นเอง เห็นแบบนี้แล้ว อย่าลืมกลับบ้านไปแสดงความรักต่อคุณของตนเองกันบ้างนะเหมียว เกิดวันหนึ่งท่านไม่อยู่แล้ว จะมาเสียใจตอนนั้นก็ไม่ทันแล้วนะจ๊ะ ที่มา Kamon Yamutai
-
พนักงานห้าง Tesco พบ ‘โคเคน’ กว่า 1 กิโลกรัม ถูกซุกไว้ในกล่องใส่กล้วย
เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกเรียกให้เข้ามาสืบสวนยังห้างสรรพสินค้า Tesco ในเมืองเบิร์กไชร์ประเทศอังกฤษ หลังพนักงานจากห้างดังได้พบยาเสพติดเป็นโคเคนมูลค่ากว่า 54 ล้านบาท ถุกซุกอยู่ภายในกล่องใส่กล้วย หลังจากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ภายในห้างดัง มีกล่องใส่ของขวัญหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งภายในพบกล่องเล็กๆที่ถูกห่อด้วยเทปสีแดง สันนิษฐานกันว่าเพื่อทำเครื่องหมายให้แตกต่างจากกล่องอื่นๆ แหล่งข่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “กล่องใส่กล้วยนั่นถูกซ้อนขึ้นไว้บนกรงเหล็ก และถูกแกะหีบห่อเพื่อเตรียมวางไว้ในชั้นวางของแล้ว พนักงานรายหนึ่งสังเกตเห็นเทปสีแดงที่พันอยู่ จึงตัดสินใจนำมันลงมาเพื่อตรวจสอบดู เขาเปิดกล่องและเห็นบรรจุภัณฑ์ที่อยู่ใต้กล้วย และเขาก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร” หลังจากตรวจพบโคเคนดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า จะยังไม่มีการจับกุมใดๆ และอาจต้องสืบหาต้นตอของผู้ที่นำโคเคนมาซุกไว้ในห้างสรรพสินค้าต่อไป ทางด้านโฆษกของ Tesco ก็ได้ออกมาแสดงท่าทีว่าจะให้ความช่วยเหลือแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มที่ ที่มา metro
-
ยิ่งกว่า Fast 7!! พ่อค้ายาชาวจีนสุดเพี้ยน ขับรถลงบันไดหวังหนีตำรวจ
กลายเป็นภาพที่กำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ของจีนอยู่ในขณะนี้เลย สำหรับภาพของรถฮอนด้าคันหนึ่ง ที่ติดอยู่ระหว่างทางเดินบันไดหลังจากการหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมื่อวันที่ 20 ก.ค. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Shanghaiist ได้รายงานว่าหนุ่มจีนแซ่อู๋ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นพ่อค้ายาเสพติด ได้ขับรถยนต์หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ดูเหมือนว่าเขาอาจจะมีดอมินิค ทอเร็ตโต้เป็นไอดอลก็ได้ เพราะเขาตัดสินใจที่จะขับรถหนีโดยการขับลงไปทางบันไดแทน ตามรายงานบอกว่านายอู๋ ถูกพบตัวในขณะขับรถด้วยความเร็ว และพยายามขับหนีลงไปยังทางบันไดหินอ่อน ใกล้กับหมู่บ้านดาชิบะ เมืองเจียงเป่ย ที่มีความสูงจากพื้นกว่า 4 เมตร แต่น่าเสียดายว่าการหลบหนีครั้งนี้อาจไม่สำเร็จเหมือนในหนัง เพราะรถของเขาต้องติดแหงกอยู่แบบนั้น และถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมในทันที หลังจากการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดเอาของกลางที่เป็นยาเสพติดเอาไว้ได้ นอกจากนี้ผู้ต้องหายังซัดทอดไปยังเพื่อนๆอีก 2 คน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตามมาดำเนินคดีเช่นกัน ที่มา shanghaiist
-
เหมียวนี่ยิ้มเลย!! กลุ่มคนปริศนาเที่ยวปลูก ‘กัญชา’ ไปทั่วเมือง หวังแสดงให้เห็นคุณประโยชน์
นี่อาจเป็นข่าวที่ทำให้ใครบางคนถึงกับยิ้ม(แบบแปลกๆ)ได้ เพราะเมื่อไม่นานมานี้ สำนักข่าวต่างประเทศได้ออกมารายงานว่ามีกลุ่มคนลึกลับที่ใช้ชื่อว่า Welwyn Garden City Cannabis Club รวมกลุ่มกัน และออกไปปลูกต้นกัญชาไว้ตามจุดต่างๆของเมือง Hertfordshire ประเทศอังกฤษ หลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นข่าว ก็ได้มีหนึ่งในสมาชิกออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เพราะว่า พวกพยายามทำให้ผู้คนเล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของกัญชา ที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลายอย่าง และยังบอกด้วยว่า “เราสามารถยืนยันได้เลยว่ากัญชาที่คุณเห็นในเมืองนั้น ไม่ใช่กัญชาเพียงต้นเดียวแน่นอน และมันไม่ใช่อุบัติเหตุด้วย” ทั้งนี้สมาชิกรายดังกล่าวยังบอกต่ออีกว่า “พืชเหล่านี้เป็นผลงานมาจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวท้องถิ่น เป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวที่เชื่อกันว่ากัญชาควรจะสามารถใช้เพื่อการแพทย์และการสันทนาการได้” หนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม ชื่อว่านางสาว Luna Tokes ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “เราอยู่ที่นี่เพื่อสร้างความตระหนักถึงประโยชน์ทางการแพทย์ของกัญชาและอันตรายของกฎหมายและยาเสพติด” แต่สำหรับใครก็ตามที่พยายามจะไปที่เมืองนี้เพื่อเก็บเกี่ยวกัญชาตามจุดต่างๆล่ะก็ คงต้องแสดงความเสียใจด้วย เพราะทางสภาเทศบาลเมือง Welwyn Hatfield ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาเก็บพวกมันออกไปแล้วเรียบร้อย ที่มา metro
-
สื่อนอกเผย อดีตทหารอังกฤษถูกจำคุกที่ไทยนาน 50 ปี ฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครอง
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยเรื่องราวของนาย Lance Whitmore วัย 27 ปี อดีตทหารของกองทัพอังกฤษ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวพร้อมกับเพื่อนชาวออสเตรเลียที่ชายหาดเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี โทษฐานมียาเสพติดไว้ในครอบครองกว่า 200 เม็ด ต้องถูกจำคุกเป็นเวลา 50 ปีโดยไม่รอลงอาญา หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนาย Whitmore แล้ว ก็เข้าตรวจค้นหอพักเพื่อนของเขาด้วย ซึ่งก็ทำให้พบยาอีกกว่า 60 เม็ดที่ซุกซ่อนอยู่ เขาจึงถูกใส่กุญแจมืออยู่ในห้องขังนาน 3 วัน ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำคลองเปรม ในกรุงเทพ ทางด้านครอบครัวของนาย Whitmore หวังว่าศาลจะช่วยลดหย่อนโทษให้กับเขาบ้าง หลังจากที่ทราบข่าวร้ายว่าคู่หมั้นของเขาอย่าง Jitma Tahin วัย 25 ปีได้เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเดือนก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัว ทางด้านนาย Russell Whitmore ผู้เป็นพ่อ มีธุรกิจเปิดบาร์อยู่ในตัวเมืองพัทยา เมื่อทราบข่าวว่าลูกชายถูกตัดสินจำคุกก็ถึงกับหลั่งน้ำตา “ผมอยู่ในศาลเพื่อฟังคำพิพากษาด้วย ผมหวังไว้ว่าโทษจะเบาลง ผมเสียใจมาก พวกเราพยายามจะยื่นอุทธรณ์ แต่สถานทูตอังกฤษกลับไม่มีความหมายอะไร พวกเขาเกรงกลัวรัฐบาลของไทย” ทั้งนี้เขายังบอกอีกว่าลูกชายของตัวเองต้องหวาดกลัวมากเมื่อเข้าไปอยู่ภายในเรือนจำของไทย…