Tag: ยาเสพย์ติด
-
ภาพวาด “ล้ำจินตนาการ” ของศิลปินหนุ่มหลังใช้เสพยา LSD ชมแล้วรู้สึกเมาไปด้วยเลย…
ว่ากันว่าจินตนาการของคนเรามันไม่มีที่สิ้นสุด แต่บางครั้งการจินตนาการก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ตามใจชอบ การจะท่องเที่ยวไปในโลกจินตนาการนั้นมันต้องเปิดประตูเสียก่อน… ศิลปินนามว่า Alex Grey จึงเปิดประตูสู่โลกจินตนาการไร้ขอบเขตด้วยการเสพยา LSD (ยาเสพย์ติดชนิดหนึ่ง) จนสมองของเขาได้รับพลังจินตนาการที่ล้ำลึก Alex จึงถ่ายทอดจินตนาการของเขาออกมาเป็นภาพวาด ภาพวาดชุด Endless Love and Unity เขาวาดมันขึ้นหลังจมอยู่ในห้วงอวกาศแห่งฤทธิ์ยา LSD มันจึงเกิดเป็นภาพที่ไม่เหมือนใคร แถมยังทำให้ผู้ชมได้รับรู้ถึงฤทธิ์ของยาตัวนี้อีกด้วย ลองไปชมผลงานของเขากันเลยว่า เมื่อศิลปินเสพ LSD เข้าไปแล้วภาพวาดของเขาจะออกมาลึกล้ำจนสมองแตกซ่านฟุ้งกระจายได้ขนาดไหน… #1 #2 #3 #4 #5 #6 #7 #8 #9 #10 #11 #12 #13 #14 #15 #16 …
-
ชีวิตของเจ้าหมาที่ติดเฮโรอีน หลังได้รับการรักษาและพร้อมที่จะไปอยู่กับครอบครัวใหม่แล้ว
ถึงแม้ว่าจะเป็นเจ้าตูบที่มีอายุเพียงแค่ 1 ปีเท่านั้น แต่ชีวิตของเจ้า Nesha นั้นกลับต้องผ่านเรื่องราวร้ายๆ มามากมายไม่ว่าจะกลายเป็นหมาจรจัด หรือแม้กระทั่งกลายเป็นสุนัขติดที่ติดเฮโรอีนมันก็เคยผ่านมาแล้ว!! ชีวิตที่แสนยากลำบากของมันเริ่มต้นขึ้นที่เมืองคาบูล ประเทศอาฟกานิสถาน มันถูกเลี้ยงโดยชายหนุ่มคนหนึ่ง ที่อาศัยอยู่ในย่านใต้สะพาน Pul-e-Sokhta หนึ่งในสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องยาเสพติดและอาชญากรรมของที่นี่ ชายคนดังกล่าวเป็นทั้งชายไร้บ้านและติดเฮโรอีน และแน่นอนว่าเขาก็ทำให้เจ้า Nesha กลายเป็นสุนัขที่ติดยาไปด้วยโดยที่มันไม่รู้ตัวเลย… แต่ทว่าโชคดีของเจ้าตูบ ในปี 2016 เด็กสาวคนหนึ่งบังเอิญพบมันเข้าและได้ถ่ายคลิปวิดีโอของมัน หลังจากที่คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป เรื่องราวของเจ้าตูบผู้น่าสงสารที่ติดเฮโรอีนก็กลายเป็นที่พูดถึงอย่างมาก สัตวแพทย์จากมูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ในอัฟกานิสถานตัดสินใจมุ่งหน้าไปที่สะพานดังกล่าวเพื่อช่วยเหลือเจ้าตูบ หลังจากที่ได้รู้เรื่องราวของมัน “ในตอนแรกเจ้านายมันไม่ยอมมอบ Nesha ให้กับพวกเรา เขาบอกว่ามันจะป่วยถ้าหากไม่ได้เสพยา” คุณ Mujtaba Rezaei สัตวแพทย์จากมูลนิธิกล่าว ถึงแม้ว่าทางทีมแพทย์จะไม่เคยดูแลน้องหมาที่มีอาการติดยามาก่อน แต่พวกเขาก็พยายามดูแลเจ้าตูบอย่างเต็มความสามารถ ในช่วงแรกๆ หลังจากที่แยกกับเจ้านาย Nesha มักจะเอาหัวของมันชนกับกำแพง ทีมแพทย์ต้องให้ยาแก้ปวดปริมาณต่ำกับมันทุกวัน เพื่อให้เจ้าตูบค่อยๆ เลิกเฮโรอีนได้ การใช้ยาเสพติดมาเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อของเจ้าตูบนั้นไม่ค่อยแข็งแรง มันมีปัญหาที่ขาหลังจนไม่สามารถเดินได้ ระหว่างการรักษามันจึงจำเป็นต้องใช้ล้อเทียมเพื่อช่วยในการเดิน ขาหลังของมันที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงเนื่องจากการใช้ยาเสพติดมาเป็นเวลานานจนไม่สามารถเดินได้ และหลังจากที่มันพักรักษาตัวอยู่เป็นเวลานาน ในที่สุดเจ้า Nesha ก็ได้พบกับบ้านหลังใหม่ที่แสนอบอุ่น คุณ Brock Ditto ชายหนุ่มจากรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา ตัดสินใจรับเจ้าตูบมาเลี้ยงหลังจากที่อ่านเรื่องของมันในเว็บไซต์ “ตอนที่ผมเห็นเรื่องของมัน ใจผมแทบสลายเลยรู้ไหม…
-
นักวิทย์ฯ ขี้สงสัย ถ้าหากว่า ‘แมงมุมเสพยา’ มันจะชักใยออกมาเป็นรูปแบบไหนบ้างนะ??
ก่อนหน้านี้หลายๆ คนอาจจะเคยเห็นการทดลองเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติดในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะกันมาบ้างแล้ว และนอกจากยาเสพติดอย่างกัญชา LSD แอมเฟตามีน และโคเคนจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาทของมนุษย์แล้ว มันยังส่งผลต่อพวกสัตว์อีกด้วยเช่นกัน!! ในปี 1948 นาย Peter N. Witt เภสัชกรชาวสวิตเซอร์แลนด์จากมหาวิทยาลัย Tübingen ของประเทศเยอรมนีได้ทำการทดลองผลกระทำจากยาเสพติดกับสัตว์ร่วมกับคุณ Peters ผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์โดยใช้แมงมุมเป็นสัตว์ทดลองในครั้งนี้ การทดลองครั้งนี้เกิดขึ้นโดยบังเอิญหลังจากที่คุณ Peters พยายามจะแก้ปัญหาการชักใยของแมงมุมให้นานขึ้น เพราะเขามักจะพลาดการบันทึกภาพระหว่างที่พวกมันชักใย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นประมาณตี 2 ถึงตี 5 และหลังจากที่ได้ปรึกษากับคุณ Witt ทั้งสองจึงลองใช้สารเสพติดเพื่อแก้ปัญหานั้น ทั้งสองได้ทำการผสมสารเสพติดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกัญชา ยากล่อมประสาท mescaline มอร์ฟีน สโคโปลามีน และแอมเฟตามีน เข้ากับน้ำตาลก่อนที่จะทำการหยดให้กับพวกแมงมุม 1 หยด แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นกลับไม่ใช่การชักใยที่นานขึ้น แต่กลับเป็นรูปแบบของใยที่แปลกไป!! Peter N. Witt ระหว่างที่กำลังหยดสารสะลายให้กับแมงมุม จากผลการศึกษาที่เขียนไว้ในงานวิจัยเรื่อง Spider Webs and Drugs ที่ตีพิมพ์ในปี 1954 กล่าวว่าการใช้ยาเสพติดที่ต่างชนิดกันนั้นจะทำให้ได้รูปแบบของใยแมงมุมที่แตกต่างกันไป และจากการศึกษาครั้งนี้ทำให้พวกเขาสามารถทดสอบการออกฤทธิ์ของยากับมนุษย์ได้อีกด้วย แมงมุมสายพันธุ์ zilla x-notata เพศเมียที่ถูกนำมาใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่กว่าเพศผู้ และชักใยได้มากกว่านั่นเอง และนี่คือผลจากการใช้สารเสพติดชนิดต่างๆ (ภาพเปรียบเทียบระหว่างไม่ได้รับสารกระตุ้นกับรับสารคาเฟอีนเข้าไปแล้ว) โดยการใช้สารคาเฟอีนปริมาณ…
-
จากชีวิตที่เคยติดยา เปลี่ยนตัวเองให้มีคุณค่า ด้วยทักษะแห่งศิลปะกะโหลกควาย
“ผมเดาว่าทุกคนหลงใหลในความตาย” คุณ Victor ศิลปินผู้เป็นเจ้าของงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับความตาย อย่างงานแกะสลักกะโหลกสัตว์ ศิลปินจากทรานซิลเวเนีย ดินแดนทางตอนกลางของประเทศโรมาเนีย ผู้นี้เริ่มต้นงานศิลปะของเขาหลังจากที่ถูกจับกุมข้อหาครอบครองยาเสพย์ติดเมื่อ 4 ปีก่อน “ผมเริ่มต้นงานแกะสลัก ในตอนที่ผมถูกส่งตัวไปบำบัดสารเสพย์ติด มันเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ผมยังสามารถมีสติ และสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ในตอนนั้น” ศิลปินหนุ่มกล่าว ถึงแม้ว่าจะไม่เคยฝึกฝนทางด้านนี้มาก่อน แต่คุณ Victor ก็ไม่ได้ท้อถอยแต่อย่างใด ในตอนแรกนั้นเขาแทบจะทำอะไรไม่เป็นเลย แต่ศิลปินหนุ่มก็พยายามและตั้งใจที่จะฝึกฝนฝีมือการแกะสลักของเขา และหลังจากผ่านไป 1 ปี ศิลปินของเราก็เริ่มลงทุนซื้อเครื่องมือชิ้นใหม่ มอเตอร์เล็กๆ ที่เขาซื้อมาใหม่นั้นช่วยในการทำงานแกะสลักของเขาได้เป็นอย่างดี และจากนั้นฝีมือของเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนผลงานของเขาเป็นที่ต้องการของลูกค้าจากทั่วโลก “ผมขายมันให้กับผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นชาติหรือศาสนาไหนก็ตาม และแน่นอนว่าจุดประสงค์ของคนที่ซื้อไปแต่ละคนนั้นก็ไม่เหมือนกัน” คุณ Victor กล่าว โดยกะโหลกที่เป็นวัสดุหลักในการสร้างงานศิลปะของคุณ Victor นั้นมีที่มาจากแหล่งต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นจากโรงฆ่าสัตว์ หรือบางครั้งเขาก็ได้มันมาจากเกษตรกรในท้องถิ่น กะโหลกที่ได้มาจากแหล่งต่างๆ ถูกนำมาทำความสะอาดและฟอกขาวโดยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ก่อนที่จะถูกนำไปแกะสลักอย่างประณีต . . . . . . . ในขั้นตอนการแกะสลักที่ต้องใช้ความตั้งใจเป็นพิเศษ . . .…
-
มึนมั้ยหรือยังไง!? พ่อค้ายาโทรหาตำรวจเอง เพื่อแจ้งความว่า ‘โคเคน’ ถูกขโมยหายไป
เมื่อเกิดเหตุร้ายหรือข้าวของถูกขโมย สิ่งหนึ่งที่หลายๆ คนมักจะทำนอกจากการกราบไหว้สิ่งศักสิทธิ์ นั่นก็คือการแจ้งความ… และพ่อหนุ่มคนนี้ก็เช่นกัน เขาได้โทรแจ้งตำรวจทันทีที่รู้ตัวว่าสิ่งของสำคัญได้หายไป แต่ทว่าของสำคัญนั้นมันดันเป็นโคเคนซะนี่!! นาย David Blackmon พ่อค้ายาวัย 32 ปี ได้โทรไปยังสถานีตำรวจ Okaloosa County เพื่อแจ้งความว่าโคเคนและเงินอีกประมาณ 1,600 บาทที่อยู่ในรถของเขานั้นถูกขโมยไป ชายหนุ่มบอกกับตำรวจว่าเขาเองเป็นพ่อค้ายา บอกว่ามีใครบางคนที่งัดรถเขาและขโมยยาเสพติดกับเงินไป ในระหว่างที่เขาจอดรถทิ้งไว้ และเมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงก็พบกับโคเคนจำนวนหนึ่ง พร้อมกับอุปกรณ์เสพยาตกอยู่ตรงที่พื้นรถด้านคนขับ โคเคนที่ตำรวจพบในรถของชายหนุ่ม จากการรายงานของสำนักข่าวบอกว่าในตอนแรกพ่อค้ายาให้การปฏิเสธ เขาบอกว่าถ้าหากโคเคนในรถเป็นของเขาแล้วทำไมตำรวจถึงยอมคุยกับเขาอยู่ตั้งนาน แต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ต้องยอมจำนนต่อหลักฐาน นาย Blackmon ถูกตั้งข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครองและกำลังอยู่ในระหว่างรอดำเนินคดี ในระหว่างนั้น พ่อหนุ่มหน้ามึนก็ได้ออกมาอธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมถูกกล่าวหา จริงๆ เรื่องทั้งหมดที่คุณได้ยินกันมามันไม่จริงเลยซักนิด ผมจะโทรไปแจ้งตำรวจเองทำไมกันล่ะ และทุกอย่างที่พวกเขาเจอนั้นมันไม่ใช่ของผม” “ผมกำลังจะขึ้นไปเอาโคเคนใส่ถุง และไม่รู้ว่าของพวกนั้นมันไปอยู่ในรถผมได้ยังไง และอีกอย่างนะผมน่ะเอาโคเคนโยนทิ้งหน้าต่างไปและพวกเขาก็เก็บมาต่างหาก พวกนักข่าวก็เขียนกันเวอร์เกิ๊น” อ๋ออ… มันเป็นอย่างนี้นี่เองสินะ ที่มา dailymail
-
เผยการทดลองจากปี 1950 ให้ศิลปินเสพ LSD เพื่อวาดภาพเดิมถึง 9 ครั้ง ยิ่งนานยิ่งสติแตก…
ในช่วงปี 1950 รัฐบาลสหรัฐได้ทำการทดลองเกี่ยวกับยาเสพติดที่มีฤทธิ์ต่อประสาทอย่างรุนแรง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการทดลองเกี่ยวกับยา LSD นั่นเอง ในการทดลองดังกล่าว นักวิทยาศาสตร์จะทำการศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ยา LSD โดยพวกเขาได้ให้ผู้เข้าร่วมการทดลองเสพยาตัวดังกล่าวเข้าไปและหลังจากนั้นจะคอยเฝ้าสังเกตพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง ศาสตราจารย์ Oscar Janiger จากมหาวิทยาลัย California-Irvine ได้ทำการทดลองยา LSD กับศิลปิน โดยเขาให้ศิลปินเสพยาเข้าไปแล้วทำการวาดภาพเดิมซ้ำๆ กัน 9 ภาพ ซึ่งภาพที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้คือภาพวาดของศิลปินหลังจากที่เขาได้ใช้ยาเข้าไปแล้ว 20 นาทีหลังจากการเสพย์ LSD ปริมาณ 50 ไมโครกรัม ศิลปินเริ่มจับดินสอขึ้นมาและวาดภาพ ยายังไม่ออกฤทธิ์ ทุกอย่างยังคงปกติ 1 ชั่วโมง 15 นาทีหลังจากเสพย์ยาครั้งแรก และหลังจากนั้น 20 นาทีเพิ่มยาอีก 50 ไมโคกรัม (รวม 100 ไมโคกรัม) ศิลปินเริ่มมีอาการร่าเริง “ผมเริ่มเห็นทุกอย่างชัดขึ้น และชัดขึ้นเรื่อยๆ ผมเริ่มควบคุมดินสอไม่ได้ แต่ยังคงพยายามวาดภาพออกมา” เขากล่าว 2 ชั่วโมง 30 นาทีหลังจากเสพย์ยา ศิลปินยังคงมุ่งมั่นในการวาดภาพ เขาบอกว่า “เส้นโครงต่างๆ…
-
12 อดีตผู้ติดยาเสพติด แชร์ภาพก่อน-หลังเลิกยา และชีวิตที่เปลี่ยนไปราวกับได้เกิดใหม่…
ขึ้นชื่อว่ายาเสพติด ย่อมเป็นสิ่งไม่ดีต่อผู้ที่เสพมันอยู่แล้ว เพราะนอกจากจะทำร้ายร่างกายของผู้เสพแล้ว มันยังทำลายอนาคตและครอบครัวอีกด้วย หลายๆ คนพยามอย่างมากที่จะเลิกมัน และเพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังต่อสู้กับการเลิกสิ่งไม่ดีพวกนี้อยู่ #เหมียวเวจจี้ ก็ได้นำภาพและเรื่องราวของ ผู้ที่สามารถเอาชนะยาพวกนี้ได้ มาให้ได้ชมกัน นี่คือภาพของ Dejah Hall หญิงสาววัย 26 ปี หลังจากที่เธอเลิกเฮโรอีนและเมตแอมเฟตามีน (สารเสพติดที่รุนแรงกว่าแอมเฟตามีน) มาได้4 ปี ได้แชร์เรื่องราวการบำบัดของเธอผ่าน Facebook “ทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า 4 ปีแล้วที่ฉันเลิกจากยาเสพติด ภาพทางด้านซ้ายคือภาพของฉันตอนที่โดนจับ แต่ฉันกำลังจะเรียนจบปริญญาตรีแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ช่วยให้ฉันผ่านเรื่องราวร้ายๆเหล่านั้นมา” สภาพของหญิงสาวที่หันหลังให้กับยาเสพติดย์อย่างเมตแอมเฟตามีนมาได้ 10 ปีแล้ว เธอบอกว่า “ตอนนี้ฉันอายุ 32 ปี ภาพทางด้านซ้ายคือภาพของฉัน 2 ปีก่อนที่จะเลิกยา เมื่อก่อนฉันเป็นคนที่แย่มากฉันขโมยทุกอย่างเพื่อนำเงินไปเสพยา 10 ปีที่ผ่านมาฉันภูมิใจในตัวเองมากที่เลิกยาได้” สาวคุณแม่ลูกสองที่เลิกเฮโรอีนมาได้ 8 เดือนแล้ว เธอลงรูปของเธอใน อินสตาแกรม และบอกว่า “8 เดือนมหัศจรรย์ ฉันรอเวลานี้มานานแล้ว” หน้าตาดูเปลี่ยนไปมากเลยนะเนี่ย ภาพของหญิงสาวที่หลังจากที่เลิกเฮโรอีนมาได้ 2 ปี 3 เดือน…
-
เด็กอายุ 11 ปีตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะถูกเพื่อนกลั่นแกล้ง และบีบบังคับให้ค้ายา!!
การกลั่นแกล้งและการหยอกล้อกันระหว่างเด็กๆ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าหากไม่มีคำพูดหรือการกระทำที่เกินเลยไป แต่ในบางครั้งสิ่งที่คิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับเราอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครบางคนก็ได้ ความน้อยเนื้อต่ำใจหรือถูกกดดันจากสังคมรอบข้างก็เช่นกัน เหมือนที่เราเคยเห็นตามข่าวต่างๆ มักจะนำไปสู่การฆ่าตัวตาย และเหตุการณ์ที่ #เหมียวเวจจี้ กำลังจะเล่าต่อไปนี้ก็เช่นกัน ในวันที่ 19 มีนาคม 2017 เว็บไซต์ dailymail ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการฆ่าตัวตายของ Julio Rodriguez หรือ Junior เด็กน้อยวัย 11 ปีที่ถูกเพื่อนๆ ในโรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างหนัก จนตัดสินใจจบชีวิตด้วยการแขวนคอกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนของตัวเอง เหตุการณ์นี้สั่นสะเทือนใจต่อผู้เป็นแม่อย่างมาก ซึ่งนาง Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับนักข่าวว่า “ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเข้านอน ก็ไปตรวจห้องของลูกๆ ตามปกติแต่เมื่อถึงห้องของ Julio ประตูมันล็อค ทั้งๆ ที่ปกติเค้าไม่เคยล็อคประตูเลย และเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น ฉันเสียใจอย่างมาก เขาเป็นเด็กที่น่ารักมาก รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันมีความสุขเสมอ” “ก่อนที่เขาจะทำเรื่องที่ไม่คาดฝันนี้ ฉันเห็นลูกชายของฉันมีอาการกร้าวร้าว เขาทุบโต๊ะ ทุบกำแพงและเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย แบบที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน” “อยากฝากไปถึงผู้ปกครองทุกคนให้สังเกตพฤติกรรมของลูกๆ หลังจากกลับจากโรงเรียนด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก” Maya Rodriguez ผู้เป็นแม่บอกกับผู้สื่อข่าว โรงเรียน Stockard…