Tag: ยุคกลาง
-
พบโครงกระดูก “แม่มด” ในโปแลนด์ มีรูเจาะเต็มตัวเพื่อป้องกันเธอ ‘ลุกขึ้น’ จากความตาย
เคยได้ยินไหมว่า ตำนานจากยุคกลาง มนุษย์นั้นเคยหวาดกลัว “แม่มด” เป็นอย่างมาก หากหญิงคนใดถูกสงสัยหรือพบว่าเป็นแม่มดแล้วล่ะก็ คนผู้นั้นต้องย่อยยับอย่างแน่นอน ล่าสุดมีคนพบเจอโครงกระดูกอันน่าสะพรึง เมื่อสำรวจดูร่องรอยต่างๆ ทำให้นักโบราณคดีเชื่อว่าเป็นโครงกระดูกของแม่มดอย่างแน่นอน โครงกระดูกดังกล่าวถูกขุดพบที่สุสานในโปแลนด์โดยนักโบราณคดีที่ชื่อว่า Karol Piasecki สภาพของโครงกระดูกพบก้อนอิฐถมทับและมี “รู” ปรากฏขึ้นหลายจุดของโครงกระดูก ทำให้เกิดความคิดว่าชาวบ้านสมัยก่อนกลัวว่าโครงกระดูกที่เชื่อว่าเป็นแม่มดนี้จะลุกขึ้นจากหลุมศพหากไม่ยึดโครงกระดูกให้ติดกับพื้นพร้อมทั้งถมด้วยก้อนอิฐ ใครครั้งแรกที่พบ คิดว่าโครงกระดูกของบุคคลที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นแวมไพร์ เพราะถูกฝังไกลออกไปจากสุสานใหญ่ แถมมีร่องรอยของพิธีกรรมสะกดวิญญาณอยู่ด้านบนพื้นดินเหนือหลุมศพนี้ แต่เมื่อตรวจ DNA จากกระดูกของศพแล้วพบว่าเป็นร่างของ “ผู้หญิง” ซึ่งน่าจะมีผมสีบลอนด์และตาสีฟ้า แถมยังเป็นผู้ที่ถูกทรมานอีกด้วย สำหรับประเทศโปแลนด์ หญิงที่ถูกกล่าวว่าเป็นแม่มดมักจะเป็นภรรยาหรือคนรักของบุคคลฐานะมั่งคั่งของสังคม และพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดทันทีหลังจากความสัมพันธ์ของเธอกับสามีย่ำแย่ลง หรือยามที่ผู้คนเกลียดชังพวกเธอมากๆ ร่องรอยที่เป็น “รู” เนื่องจากถูกตอกยึดให้ติดกับพื้น โครงกระดูกนี้เชื่อว่าน่าจะถูกฝังมาตั้งแต่ราวๆ ศตวรรษที่ 16 หรือ 17 Grzegorz Kurka ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก็บโครงกระดูกนี้เอาไว้กล่าวว่า “ด้วยเหตุผลบางประการ พวกเขาไม่ได้เผาเธอทั้งเป็น แต่กลับฝังเธอเอาไว้ให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นมามีชีวิตได้อีก” นอกจากนี้เขายังบอกว่าภายในสิ้นปีนี้จะพยายามค้นพบให้ได้ว่าเจ้าของร่างโครงกระดูกนี้มีลักษณะหน้าตาเป็นอย่างไรกันแน่ โดยใช้เทคโนโลยีการตรวจจับโครงใบหน้าเป็นตัวช่วย ยุคสมัยก่อนมีความเชื่อเรื่องภูตผีปีศาจที่ค่อนข้างรุนแรงและน่ากลัว จึงไม่แปลกหากหญิงคนใดถูกมองว่าเป็น “แม่มด”…
-
ลูกสาวมีงานเลี้ยงธีมยุคกลาง ไม่อยากเป็นเจ้าหญิง ขอเป็น ‘ไวกิ้ง’ ผ่าทุกภาพลักษณ์ความนิยม!!
ทุกวันนี้เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า เด็กๆ สมัยใหม่ยังคงยึดติดกับภาพลักษณ์เกี่ยวกับเพศอยู่หรือไม่ โดยในแง่ของเจ้าชาย เจ้าหญิง ที่จะเกี่ยวเนื่องกับเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาว่าใคร เพศอะไร มีความสำคัญกับประวัติศาสตร์อย่างไร… อย่างในเรื่องของลูกสาววัย 7 ขวบของนาย Dan Snow พิธีกรรายการประวัติศาสตร์ ที่กำลังเตรียมแต่งตัวไปร่วมงานเลี้ยงธีมยุคกลางที่โรงเรียน เด็กส่วนใหญ่เลือกจะแต่งตามลักษณะเพศของตัวเอง เช่นเด็กชายเป็นอัศวิน เด็กหญิงจะเป็นเจ้าหญิง… สำหรับลูกสาว Zia แล้ว เธอกลับมีความคิดที่แตกต่างออกไป เธออยากจะแต่งเป็นผู้บัญชาการกองทัพเรือสแกนดิเนเวียนสุดเจ๋ง หรือ นักรบไวกิ้งหญิง The Red Girl โดยมีการอ้างอิงถึงเหตุกาณ์ในช่วงศตวรรษที่ 12 ช่วงสงครามไอริช Cogad Gáedel re Gallaib – War of the Irish with the Foreigners นักรบไวกิ้งหญิงผู้เกรียงไกร ไม่เพียงแค่เธอแต่งตัวเป็นนักรบไวกิ้งแล้ว เธอยังร่วมแชร์ความรู้ทางด้านประวัติศาสตร์ให้กับเพื่อนคนอื่นๆ ด้วย เพราะคุณพ่อได้สอนเธอว่า มีนักรบหญิงมากมายที่เสียสละเข้าร่วมสงครามในศตวรรษที่ 10…
-
ปังเวอร์!! ศิลปินนำตัวละคร X-Men มาวาดใหม่ให้อยู่ในยุคกลางอย่างกับ Game of Thrones!!
จากการ์ตูนสัญชาติตะวันตก เหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ผู้มีพลังพิเศษ X-Men ได้กลายเป็นภาพยนตร์สุดโด่งดัง ที่ถือได้ว่าเปิดตลาดการสร้างภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโรเลยทีเดียว ทุกวันนี้ แทบไม่มีใครไม่รู้จักเรื่องราวของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ และ X-Men ก็ได้ครองใจใครหลายคนไปมากมาย จนอดคิดไม่ได้เลยว่า หากโลกเรามีกลุ่มคนที่เป็น “มนุษย์กลายพันธุ์” ขึ้นมาจริงๆ จะเป็นอย่างไร และศิลปินท่านนี้ ที่ชื่อว่า Nate Hallinan ก็ได้ขยายความคิดเหล่านี้มากขึ้นไปอีก เมื่อเขาได้นำตัวละครจาก X-Men มาย้อนยุคให้กลับมีชีวิตอยู่ในยุคกลาง (Medieval) โดยมีการเปลี่ยนชื่อทีม X-Men ให้กลายเป็น The Order of X อีกด้วย จินตนาการกันออกไหมล่ะว่า ผลงาน X-Men ยุคกลางจะออกมาเป็นเช่นไร งั้นเชิญไปรับชมพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่ามันจะออกมาสวยงามขนาดไหน และมีตัวละครอะไรกันบ้าง 1. Wolverine 2. Stormbringer (Storm) 3. Beast 4. Colossus 5. Cyclops…
-
หน่านี๊!? นี่มันห้องน้ำปั๊มจริงๆ เหรอ… หรูจนแทบจะคุณรู้สึกเหมือนเป็นราชาได้เลยนะเนี่ย
เวลาที่เพื่อนๆ ต้องเดินทางไกลๆ โดยใช้รถยนต์ แล้วเกิดอาการปวดท้อง สิ่งที่จะช่วยชีวิตเราได้ก็คงมีแต่ห้องน้ำปั๊มเพียงเท่านั้น แต่การหาห้องน้ำปั๊มดีๆ ที่สะอาด กลิ่นไม่แรง ก็ค่อนข้างหาได้ยากใช่รึเปล่า แต่ไม่ใช่กับห้องน้ำปั๊มที่ฟิลิปปินส์ โดยคราวก่อนเพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าเราได้นำเสนอห้องน้ำในปั๊ม Shell ในเมือง Bohol ประเทศฟิลิปปินส์ไปแล้ว ซึ่งข้างในนั้นหรูหรามากๆ ในห้องถูกประดับตกแต่งไปด้วยไม้ โคมไฟ และมีชั้นหนังสือด้วย เรียกว่าทำธุระกันสบายเลยงานนี้ และวันนี้เราก็มีห้องน้ำหรูๆ อีกแห่งจากประเทศฟิลิปปินส์เหมือนกัน แต่อยู่ที่เมือง Quezon โดยเป็นห้องน้ำที่ตั้งอยู่ในปั๊ม Petron ซึ่งเป็นแบรนด์ปั๊มน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฟิลิปปินส์ โดยปกติแล้วคนมักจะเปรียบเทียบห้องน้ำของตัวเอง เป็นเหมือนห้องบัลลังก์ แต่เจ้าห้องน้ำปั๊มนี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้ทำธุระอยู่บนบัลลังก์จริงๆ เพราะมันถูกตกแต่งภายในให้เหมือนกับบัลลังก์ในยุคสมัยกลาง ประดับไปด้วยผนังทองคำ กระจกบานใหญ่ โคมไฟระย้าขนาดเล็ก และที่โถส้วมก็มีบัลลังก์ที่ทำมาจากไม้ล้อมอยู่ด้วย ดูเหมือนว่า Petron จะพยายามทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนเป็นราชาในขณะที่ลูกค้าได้ใช้ห้องน้ำของพวกเขา และที่กำแพงก็มีข้อความแขวนอยู่ในกรอบว่า “ที่ Petron คุณคือราชา” อยู่ด้วย ดังนั้นหากคุณได้แวะไปเที่ยวที่เมือง Quezon ล่ะก็ อย่าลืมไปแวะไปทำตัวเป็นราชาที่ห้องน้ำในปั๊ม Petron กันนะครับ . . . …
-
14 ความเชื่อแปลกๆ ในช่วง ‘ยุคกลาง’ เมื่อศาสนาควบคุมทุกอย่าง และวิทยาศาสตร์ไร้พลัง
การศึกษานั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับทุกคน โดยเฉพาะเรื่องวิทยาศาสตร์ เพราะถ้าหากศึกษาไม่มากพอนั้นอาจจะทำให้เกิดความเชื่อแบบผิดๆ ได้ ตั้งแต่โบราณกาลนั้นมีความเชื่อแปลกๆ มากมายซึ่งเมื่อฟังดูแล้วไม่น่าจะมีใครเชื่อได้ แต่ผู้คนในยุคกลางกลับเชื่อว่าเรื่องราวแปลกๆ เหล่านี้เป็นความจริง เนื่องจากการศึกษาสมัยนั้นยังไม่มีการพัฒนาเท่าที่ควร 14. มีคนตัวเล็กๆ อยู่ในเชื้ออสุจิ ในศตวรรษที่ 17 และ 18 นักวิทยาศาสตร์ได้เชื่อแบบนี้จริงๆ พวกเขาคิดว่าเด็กทารกทุกคนนั้นมีร่างกายที่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ส่วนผู้หญิงนั้นเป็นแค่ตู้ฟักทารกเท่านั้น หลังจากนั้นก็ได้มีคนถกเถียงประเด็นนี้ พวกเขาคิดว่าทารกนั้นมีอยู่ในตัวของผู้หญิงอยู่แล้ว หน้าที่ของอสุจินั้นคือการเข้าไปปลุกให้ชีวิตนั้นตื่นขึ้นมา ซึ่งไม่เป็นความจริงทั้งคู่เลย 13. ปิศาจ Titivillus ในช่วงยุคกลางนั้น นักบวชมีหน้าที่เหมือนกับเครื่องพิมพ์ พวกเขาต้องเขียนหนังสือเป็นร้อยๆ เล่มด้วยมือ ซึ่งไม่แปลกใจเลยว่าจะต้องมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่พวกเขาไม่อยากยอมรับผิด ก็เลยสร้างเรื่องปิศาจที่ชื่อ Titivillus ขึ้นมา พวกเขาบอกว่าเจ้าปิศาจตัวนี้จะรวบรวมข้อผิดพลาดของพระใส่ลงในย่าม และจะเอามาโชว์ให้เห็นหลังความตายเพื่อลดโอกาสที่จะได้ขึ้นสวรรค์ 12. การฝังหัวใจแยกกับศพ การเคลื่อนย้ายศพในอดีตนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่จะทำอย่างไรเมื่อมีคนขอให้คุณนำศพไปฝังในสถานที่อื่นที่แสนไกล ในช่วงศตวรรษที่ 10 ผู้คนก็ได้มีไอเดียในการผ่าเอาหัวใจออกมา เพื่อนำไปฝังในที่ที่ไม่สามารถนำร่างกายไปฝังได้ และมีแค่คนที่มีฐานะเท่านั้นที่สามารถทำได้ 11. เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ต้องได้รับการสอบสวนเช่นกัน ในอดีตนั้นแม้แต่สัตว์ก็สามารถเป็นผู้กระทำความผิดได้ พวกมันต้องขึ้นศาลเพื่อตัดสินกับทนายและผู้พิพากษาจริงๆ ด้วย พวกมันสามารถถูกจับเข้าคุกและถูกประหารได้ด้วยเช่นกัน ครั้งหนึ่งในเมือง Lausanne มีหนอนได้ถูกเรียกให้มาขึ้นศาลเนื่องจากกระทำความผิดโดยการกินใบไม้ในสวน…
-
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘การผ่าตัด & ศัลยกรรม’ จากยุคกลาง แหม๊… มันช่างน่ารักสดใสซะจริ๊งง!!
ถ้าพูดถึงการเข้ารับการผ่าตัด & ศัลยกรรมในสมัยนี้ หลายคนอาจจะไม่รู้สึกกลัว เพราะไหนจะมีทั้งยาชา ยาสลบ แถมยังมีกรรมวิธีอีกมากมายที่ช่วยให้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผ่าตัดทางการแพทย์ในสมัยยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้ามากนัก และการจะรักษาโรคแต่ละอย่างมันก็ช่างแหม๊… ดูน่าลิ้มลองซะจริง!! 1. การผ่าตัดในยุคกลางมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวด และเจ็บปวด ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการผ่าตัดในยุคกลางนั้นเป็นเรื่องที่ทารุนแบบสุด (ถึงขั้นที่คุณอาจเสียชีวิตจากความเจ็บปวดได้เลย) ไม่ว่าจะสาเหตุมาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของมนุษย์ที่ยังไม่มากพอ หรือจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ที่ยังไม่เอื้ออำนวย ที่สำคัญ ในสมัยนั้นผู้ที่รับหน้าที่เป็นหมอส่วนใหญ่แล้วจะมาจากอาชีพบาทหลวงมาก่อน และส่วนใหญ่จะใช้ตำราการแพทย์จากฝั่งอาหรับเป็นหลัก จนกระทั่งในปี 1215 พระสันตปาปาได้ประกาศให้บาทหลวงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการแพทย์ และเปิดโอกาสให้เป็นพื้นที่ของคนที่ตั้งใจศึกษาด้านนี้จริงๆ แต่ถึงกระนั้นการผ่าตัดก็ยังไม่ใช่เรื่องทั่วไปเหมือนสมัยนี้อยู่ดี 2. ยาชา/ยาสลบ ในยุคกลางจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘Dwale’ ชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดในยุคกลางค่อนข้างจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในสมัยนั้นมีการใช้ยาชาที่เรียกว่า ‘Dwale’ ซึ่งเกิดจากการผสมสารต่างๆ ที่สกัดได้จากธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน แต่ก็ใช่ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย เพราะเจ้า Dwale นี่แหละ บางทีก็สร้างปัญหาให้ตัวหมอเอง เนื่องจากบางครั้งมันก็แรงมากซะจนทำให้ผู้ป่วยหลับสนิทจนไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย… 3. วิธีการรักษาต้อกระจกสุดโหด…!! หากใครเป็นโรคต้อกระจกในช่วงยุคกลาง…
-
ชาวฝรั่งเศสสร้างปราสาทยุคกลาง ด้วยเทคนิคแบบดั้งเดิมมา 20 ปี กลายเป็นผลงานสุดตระการตา
สำหรับใครที่คิดว่าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ในปราสาทแบบยุคกลาง ใช้ชีวิตแบบยุคโรมันราวกับหลุดมาจาก Game of Thrones อะไรทำนองนี้ละก็ สถานที่แห่งนี้จะถูกใจคุณอย่างแน่นอน โปรเจคดังกล่าวนั่นก็คือ การสร้างปราสาท Guedelon Castle ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Burgundy ประเทศฝรั่งเศส โดยใช้เทคนิคการสร้างแบบยุคกลางเท่านั้น จะไม่มีการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เข้าช่วยอย่างเด็ดขาด . ตัวปราสาทนี้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 1997 โดย Michel Guyot และ Maryline Martin และในปัจจุบันตัวปราสาทก็เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว โปรเจกต์นี้ได้สร้างงานมากกว่า 55 งาน และมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมกว่า 300,000 คน ทุกปี แม้ว่าตอนนี้เวลาจะผ่านไป 20 ปี แล้ว พวกเขาก็ยังคงเริ่มสร้างทุกอย่างต่อไปรวมถึงกำแพงโดยรอบ ทั้ง Michel และ Maryline คาดหวังว่าโปรเจกต์นี้จะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2023 หรือก็คืออีก 6 ปีข้างหน้า แปลนของปราสาทที่วางไว้ ผลงานปราสาท Guedelon Castle นั้นเป็นงานที่ทุกคนตั้งใจและรีดทักษะต่างๆ ออกมาอย่างสุดความสามารถ ทั้งช่างไม้ ช่างแกะสลักหิน เรียกว่าเป็นการนำฝีมือที่ไม่ค่อยได้ใช้ในปัจจุบันมาใช้ได้เกิดประโยชน์มากๆ นอกจากนี้การขนส่งนักท่องเที่ยวและวัสดุก่อสร้าง ทุกอย่างล้วนใช้เกวียนและม้าในการขนย้าย ซึ่งถือว่าใครชอบอะไรที่เป็นยุคกลางแบบคลาสสิคๆ ที่นี่แหละของจริง!!…
-
ครอบครัวฝ่าฝืนข้อห้าม เหตุเพราะอยากถ่ายรูป ทำให้โลงศพอายุกว่า 800 ปี แตกหักเสียหาย…
บ่อยครั้งที่เราเข้าชมงานศิลปะหรือวัตถุโบราณต่างๆ ก็มักจะสังเกตเห็นป้ายเตือนเล็กๆ ในทำนองว่าห้ามจับ ห้ามแตะต้อง เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหายขึ้นมาได้ แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะฝ่าฝืนป้ายเตือนเหล่านั้น จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขึ้นมาแบบนี้ อย่างโลงศพจากยุคกลางที่มีอายุกว่า 800 ปี ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ Prittlewell Priory ต้องหักเป็นส่วนๆ หลังจากที่ครอบครัวหนึ่ง ได้ให้ลูกน้อยของพวกเขาเข้าไปนั่งด้านใน เพื่อถ่ายรูปคู่กับโบราณวัตถุขิ้นนี้ สภาพของโลงศพโบราณที่แตกหักเป็นส่วนๆ เจ้าหนูน้อยถูกอุ้มขึ้นเหนือกระจกกั้น เพื่อเข้าไปนั่งในโลงที่ถูกจัดแสดงเอาไว้ แต่ทว่าน้ำหนักตัวของเขานั้นมีมากเกินไปจึงทำให้โลงศพโบราณแตกออกเป็น 3 ส่วนทันที หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวครอบครัวของเจ้าหนูน้อยได้หนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว แต่โชคดีที่กล้องวงจรปิดของพิพิธภัณฑ์สามารถบันทึกภาพของครอบครัวดังกล่าวเอาไว้ได้ โลงศพดังกล่าวนั้นสร้างขึ้นจากหินทรายในยุคกลาง และคาดว่าน่าจะเป็นที่เก็บศพของนักบวช มันถูกค้นพบเมื่อปี 1921 พร้อมกับโครงกระดูกในสภาพที่สมบูรณ์ และถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คุณ Clare Reed ผู้ดูแลโลงศพและเป็นผู้ได้รับมอบหมายในการซ่อมแซมกล่าวว่า “การดูแลโบราณวัตถุเหล่านี้คือหนึ่งในงานของเรา พวกเราเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากๆ ผมและเจ้าหน้าที่พยายามที่จะปกป้องมรดกของเมือง Southend เพื่อเป็นแหล่งความรู้ให้กับผู้ที่สนใจ” นอกจากนี้คุณ Ann Holland เจ้าหน้าที่จากสภาวัฒนธรรมยังได้ออกมาเตือนผู้เข้าชมคนอื่นๆ พร้อมกับขอความร่วมมือในการช่วยอนุรักษ์โบราณวัตถุเหล่านี้อีกด้วย “เราอยากให้ผู้เข้าชมช่วยกันอนุรักษ์ และช่วยกันปกป้องมรดกทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเหล่านี้ด้วย” คุณ Ann กล่าว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งขึ้นเมื่อช่วงศตวรรษที่ 12 ก่อนที่จะถูกทำลายในสมัยของพระเจ้าแฮนรี่ที่ 7…
-
ฮาร์วาร์ดเตรียมเปิดคลาสในธีม “Game Of Thrones” เพื่อเรียนรู้ประวัติศาสตร์ จากยุคกลาง!!
ถ้าหากพูดถึงซีรีย์เรื่องดังชื่อของ Game Of Thrones คงจะเป็นซีรีย์เรื่องแรกๆ ที่หลายคนนึกถึงอย่างแน่นอน กระแสความนิยมของซีรีย์เรื่องนี้คงไม่ต้องพูดถึงกันให้ยืดยาว และล่าสุดทางฮาร์วาร์ดหนึ่งในมหาลัยชื่อดังระดับโลกก็ขอตามกระแสเรื่องนี้ด้วยคน เมื่อพวกเขากำลังพิจารณาจะเปิดคอร์สเรียนเกี่ยวกับซีรีย์เรื่องนี้!! นิตยสาร Time รายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด กำลังพิจารณาจะเปิดคอร์ดสอนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และพงศวดาลในซีรีย์ Game Of Thrones แต่อย่าคิดว่าคุณจะได้นั่งดูซีรีย์เรื่องนี้แบบสบายๆ ในห้องเรียนล่ะ เพราะนี่คือการสอนอย่างจริงจังเลยทีเดียว โดยในคลาสจะเป็นการเรียนเกี่ยวประวัติศาสตร์ของทวีป Eurasia ในช่วงยุคกลางประมาณคริสตคริสต์ศักราช 400-1500 ปี ก่อนที่จะถูกถ่ายทอดออกมาจากซีรีย์เรื่องนี้ โดยผู้ที่จะมาสอนคุณในคอร์สนี้ก็คือ Sean Gilsdorf และ Racha Kirakosian ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ในยุคกลาง และอาจารย์ผู้ช่วยจากภาควิชาภูมิภาคศึกษา โดยภายในคลาส จะนำซีรีย์ดังกล่าวมาเป็นส่วนประกอบในการศึกษาอย่างละเอียด ทั้งเรื่องของเชื้อสาย ศาสนา การปกครอง และฉากต่างๆ ที่สำคัญ อาจารย์ Kirakosian เล่าถึงที่มาของการเปิดคอร์สเรียนนี้ว่า “เมื่อฉันอ่านงานเขียนเกี่ยวกับยุคกลางร่วมกับนักศึกษา พวกเขาก็บอกว่ามันคล้ายกับ Game Of Thrones เลย นั่นจึงทำให้ฉันหันมาสนใจและคิดว่าน่าจะทำการศึกษาลงลึกไปได้ “ พวกเขาหวังว่าคอร์สเรียนี้จะทำให้นักศึกษาหันมาสนใจเกี่ยวประวัติศาสตร์ในยุคกลางได้มากขึ้น แบบนี้ถ้าใครอยากจะดูซีรีย์เรื่องนี้ให้ได้อารมณ์และเข้าถึงมากขึ้น จะลองศึกษาเกี่ยวประวัติศาสตร์ในยุคกลางบ้างก็ได้นะ…
-
บรรยากาศ The Shambles ตรอกยุคกลางของอังกฤษ ที่ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี…
สำหรับใครที่เคยดูหนังเรื่อง Pirate of the Caribbean คงจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับถนนหรือตรอกต่างๆ ในยุคกลาง ที่มักจะเป็นที่พบปะกันของผู้ที่ชื่นชอบการดื่มเหล้า หรือถ้ายังนึกไม่ออกก็ลองนึกถึงตรอกไดแอกอน ที่พ่อมดน้อยแฮร์รี่เดินทางไปซื้ออุปกรณ์การเรียนเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์นั่นแหละ และวันนี้เราก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่แสนจะสวยงามและเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนาน ที่น่าไปเก็บภาพมาอัพเดทลงอินสตาแกรมไว้อวดเพื่อนๆ นั่นก็คือ ตรอก Shambles ถนนสายเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ยุคกลาง จะสวยงามและน่าไปแค่ไหนไปชมกันเลย… สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง York เมืองที่มีอายุกว่า 2,000 ปีและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของประเทศอังกฤษเป็นอย่างมาก Shambles เป็นถนนที่ยังคงถูกอนุรักษ์เอาไว้ เต็มไปด้วยอาคารและสิ่งก่อสร้างอันเก่าแก่ บางหลังเริ่มสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 กันเลยทีเดียว!! ชื่อของถนนเส้นนี้ มาจากภาษาในยุคกลางที่แปลว่า “โรงฆ่าสัตว์” หรือที่นี่อาจรู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า “The Great Flesh Shambles” ซึ่งอาจจะมาจากภาษาของชาวแองเกิลส์ กลุ่มคนที่เดินทางมาตั้งถิ่นฐานในประเทศอังกฤษ หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน แต่เดิมในปี ค.ศ. 1862 มีร้านขายเนื้อตั้งอยู่บนถนนสายนี้กว่า 26 ร้าน ซึ่งในที่แห่งนี้คุณจะสังเกตเห็นร่องน้ำที่หน้าอาคารในตลอดถนนเส้นนี้ นั่นมีไว้เพื่อให้ร้านขายเนื้อได้ทำการล้างสิ่งปฏิกูลอย่างเศษเนื้อหรือเลือดลงไปนั่นเอง และตอนนี้ถึงแม้ว่าร้านขายเนื้อจะหายไปจากถนนสายนี้แล้ว แต่ก็ร้านค้าต่างๆ ก็ยังคงอนุรักษ์รูปแบบของร้านขายเนื้อแบบเดิมอยู่ อย่างเช่นตะขอและตู้กระจกสำหรับแขวนเนื้อ ร่องน้ำที่อยู่หน้าร้านค้า ใช้ในการระบายสิ่งปฏิกูลอย่างเช่นเลือดและเศษเนื้อ โครงสร้างบางส่วนของอาคารยังคงเป็นวัสดุแบบเดิมในสมัยก่อน .…
-
ร้าน McDonald’s ที่ข้างนอกดูธรรมดา แต่ข้างในกลับเหมือนโลกเวทมนตร์แห่ง Harry Potter
ปกติแล้วร้านแมคโดนัลด์ทั่วๆ ไปจะตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้า หรือเป็นแบบไดร์ฟทรู ซึ่งถ้าเป็นปกติแล้วภายในร้านก็จะได้รับการตกแต่งแบบปกติมั่วไปคล้ายๆ กันแต่ทว่ากลับมีอยู่สาขาหนึ่งที่แตกต่างไม่เหมือนใครอย่างสิ้นเชิง แมคโดนัลด์สาขาที่ว่านี้มีตั้งอยู่ที่ชาร์ปเชอร์ ในประเทศอังกฤษ ซึ่งถ้าตัดสินกันแต่ภายนอกเราก็คงจะคิดว่ามันเป็นเพียงร้านแมคโดนัลด์ธรรมดาๆ ทั่วไปๆ ที่ภายในก็คงจะเหมือนกันไปหมด ภาพจากด้านหน้าของร้าน แต่ทว่าความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เมื่อเราเดินเข้าไปภายในร้าน เราก็จะรู้ได้ถึงความแต่งต่างได้ทันทีระหว่างแมคโดนัลด์สาขานี้กับสาขาอื่นๆ ว่าที่นีมันสุดยอด ด้วยการตกแต่งภายในตามแบบสไตล์ศตวรรษที่ 12 ที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมยุคกลางยังไงยังงั้น แถมบรรยากาศคลับคล้ายโลกแห่งเวทมนตร์ในภาพยนตร์สุดฮิตอย่าง Harry Potter เช่นกัน การตกแต่งในแนวย้อนยุค ยังคงความคลาสสิคสไตล์อังกฤษ ถึงแม้โต๊ะไม้จะดูไม่ย้อนยุคมาก แต่ก็สามารถทดแทนด้วยโคมไฟ ให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปในสมัยที่ความเชื่อและเวทมนตร์ยังคงเป็นใหญ่ มุมหนึ่งในร้านที่คิดดูแล้วเหมาจะเป็นมุมมืดๆ สำหรับพวกตัวละครแนวลึกลับๆ มานั่งอยู่เลยแฮะ . ถึงแม้ภายในร้านจะดูย้อนยุค แต่ว่าชุดพนักงานก็ไม่ได้ย้อนยุคตามหรอกนะ แต่ถึงมันจะเจ๋งแค่ไหน ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและเหตุผลด้านการเงิน แม็คโดนัลด์สาขานี้ก็ปิดตัวลงไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากเปิดให้บริการมาอย่างยาวนานกว่า 34 ปี ยังไม่มีการระบุว่าสถานที่แห่งนี้จะถูกนำไปทำเป็นอะไรต่อไป แต่ต้องยอมรับในใจเจ้าของสาขา ว่าเขาได้ทำตามฝัน สร้างความงามอันแตกต่างของร้านฟาสฟู๊ด ให้โลกได้จดจำไว้เรียบร้อยแล้ว…. ที่มา theladbible
-
10 อาวุธตำนานจากยุคกลาง เคยถูกใช้โดยเหล่านักรบเลื่องชื่อ และซื้อขายกันในราคาแพงที่สุด!!
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์มนุษยชาตินั้น ได้มีสงครามสุดนองเลือกเกิดขึ้นมากมาย และแน่นอนที่ใดมีสงคราม ที่นั่นย่อมมีการพัฒนาอาวุธให้ทรงอานุภาพมากขึ้น และในหลายๆ ครั้ง อาวุธเหล่านั้นก็ถูกใช้โดยเหล่ายอดนักรบ ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ใช้และอาวุธร่วมกัน ทำให้ชื่อเสียงของอาวุธนั้นๆ กลายเป็นระดับตำนาน และแม้ในปัจจุบัน มูลค่าของอาวุธระดับตำนานเหล่านี้ก็เรียกได้ว่าสูงมาก ว่าแล้วเราก็อยากจะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ 10 อาวุธชื่อดังจากยุคกลางที่มีการซื้อขายกันในมูลค่าสูงที่สุดของโลกเลยทีเดียว!! อันดับ 10. คามามูระคาตานะ 418,000 เหรียญ หรือราวๆ 14.6 ล้านบาท ในตอนนี้ก็มีดาบคาตานะในญี่ปุ่น 125 เล่มที่จัดอยู่ในระดับ Juyounkabazai หรือมีความสำคัญต่อวัฒนธรรม และไม่สามารถซื้อขายได้ แต่คามามูระคาตานะ เป็นสมบัติส่วนตัวของ Dr. Walter Ames Compton นักสะสมคาตานะตัวยงที่สะสมไว้กว่า 1,100 เล่ม ซึ่งเขาขายมันในปี 1992 ด้วยราคาดังกล่าว อันดับ 9. ดาบของจอมพลและท่านลอร์ด Nelson 541,720 เหรียญ หรือราวๆ 19 ล้านบาท ถูกค้นพบเมื่อปี 2001 รวมถึงสิ่งของต่างๆ ที่เป็นของเขา หลังถูกค้นพบในหีบที่เก็บไว้โดยเพื่อนรักที่สุดของเขา Alexander Davison…
-
ดื่มด่ำบรรยากาศ ‘คาเฟ่ยุคกลาง’ สวมชุดเกราะอัศวิน ดื่มชากาแฟ น่าไปลองให้หนำใจ!!
ภาพยนตร์แนวๆ อัศวินยุคกลางคงจะเป็นที่ชื่นชอบของใครๆ หลายๆ คน แต่ถ้าสามารถเข้าไปซึมซับบรรยากาศแบบอัศวินยุคกลางได้จริงๆ จะมัวแค่ชมในภาพยนตร์ไปทำไมล่ะ?? คาเฟ่แห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศฮ่องกง ในแถบเกาลูน มีชื่อว่า Medieval Weapon Cafe เป็นคาเฟ่ที่รวบรวมเอาชุดเกราะและอาวุธจากยุคกลาง ให้เหล่าลูกค้าได้ดื่มด่ำกับทั้งอาหารและบรรยากาศกันแบบฟินๆ เปิดให้บริการตั้งแต่เที่ยงวัน ยัน เที่ยงคืนกันเลยล่ะ Medieval Weapon Cafe ชุดเกราะของอัศวินยุคกลาง มีอาวุธที่ดีไม่พอ ต้องมีชุดเกราะที่ดีด้วยใช่มั้ยล่ะ!! คอลเล็คชั่นของอาวุธก็มีอยู่เพียบจริงๆ แนวๆ แฟนตาซีหน่อยก็มีนะจ๊ะ อิอิ ชุดเกราะที่มันวาว น่าเอามาใส่แล้วถ่ายเซลฟี่มากๆ ฮร่าาาา นั่งชิวๆ มาจิบชากันได้ที่นี่ ภาชนะต่างๆ ของร้านที่เข้าตีมมากๆ อย่าลืมนะจ๊ะ เพราะเหล่านินจาก็อยู่ในช่วงยุคกลางเช่นกัน เพราะฉะนั้นเข้าตีม!! ใส่ชุดเกราะ เล่น Wi-fi ฟรีๆ ที่ทางร้านจัดให้ พร้อมกับเอ็นจอยกาแฟในแก้วของคุณ… พาเพื่อนๆ มาเล่นกันแบบนี้ก็ยังได้…
-
10 เทคนิควิธีการแปลกๆ ที่ใช้เพื่อการทรมานนักโทษ ในสมัยยุคกลาง
ถ้าเรามองย้อนไปในประวัติศาสตร์สมัยยุคกลาง หรือที่รู้จักกันในชื่อของยุคมืด คิดว่าหลายๆ คนคงไม่อยากอยู่แน่นอน เพราะเป็นยุคที่โลกในสมัยนั้นถูกปกครองด้วยศาสนจักร เรียกได้ว่าถ้าใครทำผิดอะไรนิดหน่อยแม้แต่นิดเดียว ถึงขั้นประหารได้เลยนะ!!! และในสมัยยุคกลางนี้แหละ เป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดๆ ในเรื่องของการทรมานผู้กระทำผิด เพื่อให้พวกเขาบอกความจริง หรือรับสารภาพผิด ซึ่งแต่ละอย่างนั้นเน้นทรมานกะเอาตายกันไปข้างเลยก็ว่าได้ เราไปดู 10 ตัวอย่างการทรมานในอดีตกันเลยดีกว่า แต่ขอเตือนเลยว่ามันโหดร้ายมากจริงๆ 1. แท่งเหล็กแห่งการทิ่มแทง รู้หรือไม่ว่า Vlad หรือที่รู้จักกันในนาม Dracula เมื่อศตวรรษที่ 15 คือผู้ที่ชื่นชอบนำเอานักโทษหรือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายมาทรมานด้วยการ ให้นั่งบนแท่งเหล็กที่มีความแหลม แล้วนักโทษคนนั้นก็จะค่อยๆ ไหลลงมาจากจุดบนสุดของหนามขนาดใหญ่อันนี้ และปล่อยให้นักโทษตายอยู่ตรงนั้น ว่ากันว่ามีคนโดนทำโทษด้วยวิธีนี้มากถึง 20,000 – 30,000 คนเลยทีเดียว อีกทั้งขุนนางอย่าง Vlad ชื่นชอบที่จะทานอาหารระหว่างดูนักโทษโดนทิ่มแทงอีกด้วย 2. เก้าอี้แห่งจูดาส ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะดูโหดร้ายกว่าอันแรกไปซักหน่อย แต่ความเจ็บและทรมาณนั้นไม่ต่างกัน เพราะนักโทษจะถูกบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้ทรงสามเหลี่ยม และมัดขึงไว้ด้วยเชือก รอคอยวันที่นักโทษค่อยๆ หมดแรง มีการทรมานเพิ่มให้เจ็บปวดมากขึ้น ส่วนเก้าอี้ก็ไม่ค่อยได้ล้างทำความสะอาดเท่าไหร่ รับประกันได้เลยว่าด้วยเวลาเพียงไม่กี่วัน นักโทษจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ และตายจากการทรมานในที่สุด 3. โรงศพทรมาน เป็นอีกเครื่องทำโทษที่เรามักจะพบเห็นได้บ่อยๆ ตามหนังฮอลลีวู้ด…
-
26 ภาพศิลปะสุดแปลกจากยุคกลาง ที่หาคำอธิบายไม่ได้แถมหลุดโลกสุดๆ !!!
คืออาจเป็นเพราะเราอยู่กันต่างยุค ต่างสมัย แถมบ้านเรายังต่างวัฒนธรรมอีกต่างหาก ที่ทำให้ดูภาพศิลปะเหล่านี้แล้วไม่เข้าใจ แต่ก็นะ คนต่างชาติเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันแหละ ฮร่าๆๆ ว่าแล้วก็มาชมกันเลยกับ 26 ภาพศิลปะจากช่วงตะวันตกของยุคกลาง ซึ่งเป็นอะไรที่เรียกได้ว่าแปลกมากๆ ในจินตนาการและมุมมองของคนยุคนั้นๆ ลองมาดูกันว่าจะหลุดโลกขนาดไหน!!? เอิ่มมม ผู้หญิงกำลังเอ็นจอยกับมังกรนี่นะ!!? -*- อาจเป็นได้ว่ามาจากนิทานสักเรื่อง สับแขนขาแล้วให้นกกิน!!? โหดสุดๆ เลดี้กาก้าสมัยนั้นรึเปล่า เปิดหัวออกมาดูกันซะเลย ความรุนแรงภายในบ้าน… โดนเอาคืนรึเปล่า เอิ่มมม ผู้ชายเอาไม้เสียบตูดม้า?? หญิงแก่กับแมวของเธอ How to ride your human (Goat Edition) อัศวิน vs. หอยทาก สงสัยจะเป็นละครในยุคนั้น -*- The rise of planet rabbit!!! กำเนิดพิภพกระต่าย…
-
อีกหนึ่งหลักฐานชี้ชัดว่า โซเชียลมีเดียนั้นมีมานมนานตั้งแต่กว่า 400 ปีก่อน ในสมัยยุโรปยุคกลางแล้วล่ะ!!!
ถึงปัจจุบันนี้ไอเดียเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียนั้นจะเฟื่องฟูขึ้นมาก แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นไอเดียอะไรที่ใหม่มากมายเลยล่ะ เพราะที่จริงสมัยก่อนในยุคกลางของยุโรปก็มีโซเชียลมีเดียเกิดขึ้นแล้ว!!? ในราวๆ ศตวรรษที่ 1560 ได้มีนวัตกรรมโซเชียลมีเดียวแห่งแรกเกิดขึ้น นั่นก็คือ ‘Alba amicorum’ ซึ่งเป็นภาษาลาติน แปลออกมาได้ก็คือ “Friend books” นั่นเอง โดยเหล่าชนชั้นสูง และนักศึกษาในยุโรปสมัยก่อนจะพกพาสมุดเล่มนี้ ตกแต่งสวยงามด้วยหนัง The alba amicorum หรือ “Friends book” มีการวาดภาพตกแต่งภายใน มีทั้งภาษาลาติน กรีก แม้กระทั่งฮีบรู เวลาเดินทางสัญจรไปไหนก็จะพกสมุกนี้ไป เผื่อเจอนักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ ศิลปินชื่อดัง ก็จะให้เขียนการพบปะลงในสมุดเล่มนี้ การขึ้นสถานะแบบสมัยก่อน Michael van der Meer (1590-1653). โดยทั้งลูกขุนนาง หรือนักศึกษา ทั้งจากฝรั่งเศส เยอรมนี และเนเธอแลนด์ ต่างพกพาสมุดเล่มนี้ไปทั่วยุโรป ภาพกษัตริย์แห่งอังกฤษ …
-
ทำความรู้จักดาบโบราณ 800 ปี ที่มีตัวอักษรโบราณเขียนอยู่ ไม่มีใครรู้ว่ามันหมายความว่ายังไงเลย!?
ย้อนกลับไปในยุคที่มนุษย์เริ่มมีการประดิษฐ์อักษรเพื่อใช้ในการสื่อสารต่างๆ ก่อนที่จะมาเป็นภาษาทางการปัจจุบันอย่างเช่นภาษาอังกฤษนั้น ข้อความต่างๆ ไม่อาจสามารถเข้าใจได้เลยว่าหมายถึงอะไร และอักษรเหล่านั้นก็ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน หอสมุดของประเทศอังกฤษได้ทำการเก็บดาบเล่มนี้เอาไว้ และพยายามที่จะถอดความหมายจากอักษรโบราณที่สลักอยู่บนดาบอายุ 800 ปีเล่มนี้ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถหาความหมายที่แท้จริงได้เลย สำหรับดาบเล่มนี้เป็นดาบที่มีคมทั้งสองด้านและเป็นส่วนหนึ่งของ “มหากฎบัตร” (Magna Carta) มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถตัดหัวมนุษย์ให้ขาดเป็นสองท่อนได้!! สิ่งที่ยังคงค้างคาใจมาจนถึงปัจจุบันก็คือ ข้อความที่สลักอยู่บนดาบนี่แหละ โดยมีใจความว่า +NDXOXCHWDRGHDXORVI+ อาจจะเป็นรูปแบบของภาษาลาติน ซึ่ง ND น่าจะเป็น Nostrum Dominos แปลว่า ผู้เป็นเจ้า และ XOX น่าจะหมายถึง สัญลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (ไม้กางเขน) ซึ่งข้อความเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งของพิธีการของอัศวิน และมีด้ามจับดาบเหมือนกับไม้กางเขน เพื่อเป็นสิ่งที่ไว้ยึดเหนี่ยวให้อัศวินปฏิบัติตามหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด คาดว่าเป็นดาบจากสมัยยุคกลางของยุโรป อย่างไรก็ตามความหมายของดาบเล่มนี้ก็ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดได้ อักษรโบราณเหล่านี้อาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดเอาไว้ก็ได้ ที่มา : thechive