Tag: รักร่วมเพศ
-
ลูกค้าคอมเพลนไม่อยากให้ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ เข้าร้าน ผู้บริหารโต้กลับ ‘อย่ามาที่นี่อีก’
โดยปกติทั่วไปตามห้างร้านหรือบริษัทต่างๆ มักจะมีกล่องรับความคิดเห็นจากลูกค้าวางไว้เสมอ ซึ่งเป็นแนวคิดที่อยากให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ออกความคิดเห็น เพื่อนำไปปรับปรุงการบริการที่ดียิ่งขึ้น ในบางครั้งก็เป็นคำติชมที่เกี่ยวข้องกับทางร้านโดยตรง แต่บางครั้งก็เป็นการติชมเพื่อเอาความรู้สึกส่วนตัวของลูกค้า หวังจะเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ตนไม่ชอบนอกเหนือจากการบริการของทางร้าน กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นกับผู้ใช้ทวิตเตอร์นามว่า @Yuto_yumi_ ผู้ทำงานอยู่ในร้านค้าแห่งหนึ่ง และได้เห็นจดหมายตอบกลับจากฝ่ายบริหาร ที่มีต่อข้อเสนอแนะของลูกค้าเกี่ยวกับ ‘กลุ่มรักร่วมเพศ’ หรือ LGBT ซึ่งข้อความตอบกลับแทบจะไม่น่าเชื่อว่าจะตอบลูกค้าที่ทางบริษัทเคารพได้ถึงขนาดนี้ รายละเอียดของลูกค้าที่แจ้งเข้ามา มีใจความคร่าวๆ ว่า “อย่าให้พวกกลุ่มรักร่วมเพศเข้ามาในร้าน ระยะหลังๆ ฉันเข้ามาที่นี่บ่อยเพราะมีสินค้าราคาถูกและหลากหลาย แต่รู้สึกแย่กับสิ่งที่เจอ อย่างเมื่อวานมาที่ร้านก็เห็นคู่เกย์เดินจับมือกันออกมาจากลานจอดรถชั้น 1… ปัจจุบันคนพวกนี้ยิ่งมีจำนวนเยอะขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้รู้สึกแย่ ห้างร้านไม่คิดจะจัดการกับคนเหล่านี้สักหน่อยเหรอ? เห็นมามากพอแล้ว ถ้าไม่จัดการอะไรก็จะไม่มาที่นี่อีก แล้วจะแฉบนอินเทอร์เน็ตให้ด้วย” จากคำคอมเพลนดังกล่าวนั้น ถือว่าดูรุนแรงพอสมควร อาจจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้านค้าได้ หากมีคนเห็นพ้องคล้อยตามคำขู่ แต่ทว่าผู้บริหารกลับไม่คิดแบบนั้น…เพราะจดหมายจากสำนักงานใหญ่ชี้แจงชัดเจนว่า “จากข้อสรุปทั้งหมดทางบริษัทขอชี้แจงว่า “กรุณาอย่ามาที่ร้านแห่งนี้อีก” บริษัทของเราไม่ได้คำนึงว่าลูกค้าจะมีรสนิยมรักร่วมเพศหรือไม่ แต่ทุกคนคือลูกค้าของเรา และลูกค้าทุกคนมีความสำคัญ แต่ถ้าหากดูถูกผู้อื่นแล้ว เราจึงไม่อาจต้อนรับท่านได้อีก เพราะฉะนั้นขอความกรุณาอย่ามาที่ร้านของเราอีก และที่สำคัญพนักงานของเราบางส่วนก็เป็นหนึ่งในกลุ่มรักร่วมเพศ และเราไม่มีนโยบายไล่ออกจากกรณีนี้ หากท่านมีความรู้สึกแบบนี้อยู่ ทางบริษัทไม่ได้ตั้งใจจะโต้แย้งท่าน… เพียงแค่ขอร้องว่าอย่าแสดงวาจาหรือกระทำการเหยียบย่ำผู้อื่นต่อหน้ากันแบบนี้ จึงขอความกรุณามาเพียงเท่านี้” …
-
ครูสาวโรงเรียนคาธอลิกถูกไล่ออก หลังแต่งงานกับเพศเดียวกัน อ้างขัดหลักความเชื่อ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีคนเปิดรับและให้การสนับสนุนกลุ่ม LGBT หรือก็คือกลุ่มผู้มีความหลากหมายทางเพศมากขึ้น จึงมีหลายประเทศอนุญาตให้คนกลุ่มนี้แต่งงานกันได้แล้ว ที่รัฐไมอามีประเทศสหรัฐอเมริกาก็ให้กลุ่มรักร่วมเพศแต่งงานกันได้ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา แต่พอครูสาวในรัฐนั้นแต่งงานกับคู่รักเพศเดียวกัน เธอก็ถูกทางโรงเรียนไล่ออกเพราะเรื่องนี้ทันที โดยอ้างว่าขัดต่อความเชื่อของคาธอลิก อดีตครูสาว Jocelyn Morffi สาว Jocelyn Morffi อาศัยอยู่ในรัฐไมอามี ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสอนหนังสือให้นักเรียนเกรด 1 (เทียบเท่าชั้นประถมศึกษาปีที่ 1) ในโรงเรียนคาธอลิก Saints Peter and Paul Catholic School มา 7 ปีแล้ว เธอเป็นคุณครูที่มีความสามารถและมีจิตใจดี เมื่อไม่นานมานี้เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รัก Natasha Hass ที่หาด Florida Keys ในรัฐฟลอริด้า ทั้งคู่มีความสุขกันมาก แต่เมื่อเธอกลับมาทำงานทางโรงเรียนก็ไล่เธอออกโดยไม่บอกเหตุผล เธอเพิ่งแต่งงานกับคู่รักไปเมื่อไม่นานนี้ เธอจึงโพสต์เล่าเรื่องราวลงในโซเชียลมีเดียว่า “เมื่อสุดสัปดาห์นี้ฉันเพิ่งแต่งงานกับคู่ชีวิตไป แต่โชคร้ายที่การแต่งงานครั้งนี้ทำให้ฉันถูกไล่ออก ในสายตาของพวกเขาฉันเลือกคู่ชีวิตที่ไม่ตรงตามความเชื่อของคาธอลิก …” โพสต์ของครูสาวหลังจากเธอโดนไล่ออก นอกจากตัวเธอเองแล้ว ผู้ปกครองหลายคนก็ได้รับจดหมายแจ้งข่าวจากทางโรงเรียนถึงการไล่ครูสาวออกเช่นกัน ผู้ปกครองส่วนมากรู้สึกไม่พอใจเลยกับการตัดสินใจของทางโรงเรียน เพราะในจดหมายไม่ได้แจ้งเหตุผลที่หนักแน่นพอให้ไล่เธอออก ในจดหมายมีใจความว่า…
-
‘Gay Glow-Up’ ชาวเน็ตร่วมแชร์การเผยตัวตนในสิ่งที่ตัวเองเป็น เติบโตและเฉิดฉายได้อย่างภาคภูมิ
สมัยก่อนการที่คุณเป็นรักร่วมเพศนั้นถือว่าเป็นความผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง ต้องได้รับการรักษา และถ้าคุณเปิดเผยตัวตนคุณอาจถูกถูกลงโทษจากทั้งทางกฎหมาย และทางสังคมด้วย แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่เมื่อก่อน เพราะปัจจุบันสังคมที่เปิดกว้างขึ้น ต่างเริ่มยอมรับบทบาทของชาวรักร่วมเพศได้แล้ว แต่ก็ยังมีคนที่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เพราะเหตุผลต่างๆ นานา เมื่อเป็นเช่นนั้น ชาวเน็ตจึงมีการรณรงค์เพื่อให้คนเหล่านั้นกล้าที่เปิดเผยตัวตนจริงๆ ออกมา ด้วยแคมเปญ Gay Glow Up ที่จะให้ชาวเน็ตแชร์ภาพที่ก่อนจะเปิดตัวและหลังเปิดตัวว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ว่าพวกเขาสามารถเฉิดฉายแสงได้ขนาดไหนหลังจากที่ยอมรับในตัวที่เค้าเป็น เพื่อเป็นการสร้างกำลังใจ และแรงบันดาลใจให้กับคนที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ในการเป็นตัวของตัวเอง เราไปชมกันดีกว่าว่าพวกเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง “ขอบคุณวิดีโอแต่งหน้าในยูทูบ การตัดผม และรักร่วมเพศ” “ตอนอายุ 16 vs อายุ 26 เปรียบเหมือนวง Greenday vs Madonna“ “ฉันทิ้งแฟนผู้ชาย ทิ้งผมยาว ทิ้งชุดเดรสไป และยอมรับว่าเป็นคนรักร่วมเพศ ตอนนี้ชีวิตฉันดีมากแถมฉันยังได้แฟนเป็นผู้หญิงด้วยนะ” “ฉันทำเป็นเพิกเฉยต่อตัวตนที่แท้จริงมาตลอด แต่ตอนนี้ฉันยอมรับว่าเป็นคนรักร่วมเพศ และฉันก็ภูมิใจกับมัน” “จากปี 2008 มาปัจจุบัน ฉันรู้สึกอึดอัดกับตัวเองมาตลอด แต่ตอนนี้ฉันภูมิใจที่เป็นคนรักร่วมเพศ” “ฉันมักเคยถูกเรียกว่าเป็นเด็กผู้ชายที่งุ่มง่ามและไม่ค่อยยิ้มแย้ม…
-
คุณแม่โทรปรึกษากับ ‘บาร์หลากเพศ’ เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับลูก หลังเปิดเผยความจริงให้เธอได้รู้
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ การที่เกิดมาแล้วรู้ว่าตัวเองเป็นคนที่รักร่วมเพศก็ไม่ได้ผิดแต่อย่างไร แต่ขึ้นอยู่ว่าต่อไปคุณจะทำตัวอย่างไรให้ดี ให้เกิดความสุขแก่สังคม ครอบครัว และตัวคุณเองมากกว่า แต่นอกเหนือจากการยอมรับในตัวของตัวเองแล้ว การที่จะสามารถอยู่อย่างมีความสุขได้นั้นยังขึ้นอยู่กับคนรอบตัวด้วยว่าจะปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไร เหมือนอย่างในข่าวนี้ ที่มีคุณแม่ท่านหนึ่งได้รับคำสารภาพจากลูกชายว่าตัวเองเป็นคนรักร่วมเพศ เธอไม่รู้ว่าจะปฏิบัติกับลูกอย่างไรดี จึงได้โทรหา “บาร์หลากเพศ” เพื่อที่จะขอคำปรึกษา โดยที่ Kara Coley ซึ่งเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ร้านเป็นคนรับโทรศัพท์จากคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ก็ได้ถามว่า “ที่นี่คือบาร์หลากเพศใช่มั้ย??” เธอก็ตอบไปว่า “ที่นี่ยินดีต้อนรับทุกคนนะคะ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นคนรักร่วมเพศ” คุณแม่ถามต่อว่า “ขอถามอะไรอย่างได้มั้ย?? คุณเป็นรักร่วมเพศหรือเปล่า??” Kara ตอบว่าใช่ค่ะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอประหลายใจมากเพราะว่าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนตลอดการทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์มา 17 ปี คุณแม่ก็ถาม Kara ว่า อะไรเป็นสิ่งที่เธออยากได้จากพ่อแม่ตอนที่เธอรู้ตัวว่าเป็นคนรักร่วมเพศ คุณแม่บอกว่าเธอถามเพราะว่าลูกของเธอมาสารภาพกับเธอว่าตัวเขาเป็นรักร่วมเพศ ทำให้เธอไม่รู้จะพูดอะไรดี และกลัวที่จะทำให้เขาคิดมาก ดังนั้น Kara จึงให้คำแนะนำไปว่า “ฉันคิดว่าคุณควรทำให้ลูกของคุณแน่ใจว่าคุณยังรักและยอมรับเขา เดี๋ยวนะ คุณยอมรับเขาได้ใช่มั้ย??” คุณแม่ก็ตอบว่า “ใช่ ถ้ามันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ” Kara จึงบอกเพิ่มว่า “งั้นคุณก็ต้องทำให้เขารู้ว่าคุณรักและยอมรับเขาได้!! ฉันคิดว่าทุกอย่างมันต้องโอเคแน่นอน” เธอเผยว่าในตอนแรกเธอคิดว่านี่เป็นมุกและค่อนข้างประหลาดใจที่ทางคุณแม่ได้มาสอบถามเธอ…
-
ทหารแต่งงาน ณ West Point ความเท่าเทียมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเพศอะไรมันก็คือความรัก
ในขณะนี้โลกของเรากำลังหมุนไปเรื่อยๆ การรักร่วมเพศจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอีกต่อไป และในบางพื้นที่ การจัดงานแต่งงานก็ถือเป็นการประกาศชัยชนะที่พวกเขาเฝ้ารอคอยมาเป็นเวลานานเช่นกัน นี่เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Dailymail เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา เป็นเรื่องของทหาร LGBT 2 นายในสหรัฐ ที่แต่งงานกันในโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งว่ากันว่านี่อาจเป็นงานแต่งงานของกลุ่ม LGBT ครั้งแรกที่มีการจัดขี้นภายในโรงเรียนเตรียมทหารเลยก็ว่าได้ ทหาร 2 นายที่เราพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า Daniel Hall วัย 30 ปี และ Vincent Franchino วัย 26 ปี พวกเขาเล่าว่าพบกันครั้งแรกระหว่างออกปฏิบัติภารกิจในปี 2009 ในช่วงแรกพวกเขาต้องอดทนกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น เพราะเนื่องจากเป็นความรักร่วมเพศจึงถูกสั่งห้ามแสดงออกทั้งคำพูดและความรู้สึกใดๆ ให้คนอื่นเห็น และยังต้องกังวลกับสายตาจากคนรอบข้างอีก สาเหตุที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นเรื่องต้องห้ามในค่ายทหารก็เป็นเพราะคำสั่งของ Bill Clinton ที่เคยออกกฎห้ามมีการรักร่วมเพศไว้ในปี 1993 “พวกเราทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่ถูกสั่ง พวกเราเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ ทหารเรือที่สมบูรณ์แบบ เพื่อโกหกความรู้สึกจริงๆ ของพวกเรา” Daniel กล่าวเชิงตัดพ้อ …
-
เจ้าชายอินเดียยินดีเปิดราชวัง เพื่อต้อนรับชาว LGBT ท่ามกลางสังคมที่ไม่ยินดีกับสิ่งที่พระองค์คิด
ประเทศอินเดีย เป็นประเทศที่มีความเชื่ออย่างแรงกล้าว่าผู้หญิงกับผู้ชายนั้นเกิดมาคู่กัน กลุ่มคนรักร่วมเพศนั้นมีความผิด นอกจากนี้คำสอนของศาสนาฮินดูและศาสนาคริสต์ที่พวกเขานับถือ ก็ระบุเช่นกันว่าพวกรักร่วมเพศนั้นเป็นคนบาป กลุ่มคนรักร่วมเพศในประเทศอินเดีย จึงไม่ได้รับการยอมรับ เมื่อคนอื่นรู้ว่าคุณเป็นคนรักร่วมเพศ ก็อาจจะถูกขับไล่ออกจากครอบครัว และกีดกันจากการหางานด้วย ประเทศอินเดียต่อต้านกลุ่มรักร่วมเพศถึงขนาดออกกฎหมายว่าการร่วมเพศกันของพวกรักร่วมเพศเป็นความผิดอาญาเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนรักร่วมเพศในประเทศอินเดียก็ยังคงเรียกร้องสิทธิความเท่าเทียมกันอยู่เรื่อยมา และภายในกลุ่มนั้นก็ยังมีคนใหญ่คนโตอย่างเจ้าชาย Manvendra Singh Gohil คอยสนับสนุนคนรักร่วมเพศอยู่ด้วย เจ้าชาย Manvendra Singh Gohil Gohil เป็นเจ้าชายเพียงคนเดียวที่ออกมาเปิดเผยว่าตนเองมีรสนิยมรักร่วมเพศ เขาเป็นเจ้าชายของเมือง Rajpipla รัฐ Gujarat ประเทศอินเดีย ปัจจุบันมีพระชนมายุ 52 พรรษา พระองค์เป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมาต่อสู้เพื่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ และให้ความสนับสนุนเท่าที่จะทำได้ ล่าสุดก็ได้ออกมาบอกว่าจะเปิดพระราชวังของพระองค์เอง ให้คนเหล่าคนรักร่วมเพศที่ไม่มีที่ไป มาอาศัยอยู่ด้วย พระองค์ตรัสถึงปัญหาของกลุ่มคนรักร่วมเพศว่า “คนรักร่วมเพศที่ออกมาเปิดเผยตัวเอง ยังคงต้องรับแรงกดดันจากครอบครัวอยู่ บางคนก็ถูกบังคับให้แต่งงาน หรือบางคนก็ถูกไล่ออกจากบ้านไปเลย คนพวกนี้มักจะไม่มีที่ไป และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้” เจ้าชายจึงจะมอบห้องพัก การรักษา และชั้นเรียนฝึกฝนภาษาอังกฤษให้กับผู้ที่จะมาอาศัยอยู่ โดยหวังว่าชั้นเรียนภาษาจะช่วยให้พวกเขาหางานได้ง่ายขึ้น แล้วบอกว่า “ยังไงผมก็ไม่มีลูกอยู่แล้ว ดังนั้นผมจึงคิดว่า…
-
หนุ่มรวบรวมความกล้า สารภาพกับแม่ว่าตัวเองเป็นเกย์ สิ่งที่เกิดขึ้นมันช่างงดงามเหลือเกิน
แม้ว่าในยุคปัจจุบันจะมีการยอมรับกลุ่มคนรักร่วมเพศมากขึ้น ให้พวกเขาสามารถอยู่ในสังคมร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติ แต่ก็ยังมีปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าเปิดเผยรสนิยมส่วนตัวออกมา นั่นก็คือครอบครัวนั่นเอง เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโดยปกติแล้ว หากบ้านไหนมีลูกชาย ก็คงจะคาดหวังให้เขาแต่งงานและมีลูกมาสืบสกุล หรือถ้ามีลูกสาวก็หวังจะได้เห็นพวกเธอมีแฟนหนุ่มที่คอยดูแลเอาใจใส่อย่างดี ดังนั้นการเปิดเผยตัวจนว่าชอบเพศเดียวกัน จึงอาจเป็นการทำลายความคาดหวังของครอบครัวตนเอง แต่ในทางกลับกัน คุณพ่อและคุณแม่อาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้ เพราะพ่อแม่มักจะใส่ใจและคอยสังเกตลูกอยู่เสมอ ดังนั้นเพียงแค่รวบรวมความกล้าเข้าไปพูดคุยกับพวกเขา อาจจะพบว่าพ่อและแม่นั้นพร้อมจะคอยอยู่เคียงข้างเราทุกเมื่อ เหมือนในคลิปที่เราจะนำเสนอนี้ เพจ Humankind Stories ได้โพสต์คลิปวิดีโอหนึ่งลงในเฟซบุ๊ก เป็นเรื่องราวของลูกชายที่พยายามจะบอกให้แม่รู้ว่าตนเองชอบเพศเดียวกัน โดยคลิปวิดีโอสะท้อนถึงภาพของพ่อแม่ที่เข้าใจและเป็นกำลังใจให้ลูกได้เป็นอย่างดี ในตอนแรกนั้นลูกชายตัวลูกชายรวบรวมความกล้าที่จะบอกกับแม่ไม่ได้ ตัวคุณแม่เห็นดังนั้น จึงพยายามให้ความช่วยเหลือลูก โดยเป็นคนเปิดบทสนทนาเองเสียเลย “แม่: มีอะไรจะบอกกับแม่เหรอ” “ลูก: คือว่า … เอ่อ …” “แม่: … ลูกจะบอกแม่ว่าเป็นเกย์รึเปล่า แม่รู้อยู่แล้วล่ะ แม่เข้าใจลูกนะ” “ลูก: ฮือ แม่ผมขอโทษ” “แม่: ไม่ต้องขอโทษหรอก ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด แม่รักลูกเสมอนะ” เธอยังอธิบายให้ลูกฟังได้ดีอีกด้วยว่า ทำไมพ่อแม่ทั่วไปถึงไม่อยากให้ลูกเป็นเกย์ แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาเกลียดเกย์หรอก แต่พวกเขาไม่อยากให้ลูกต้องมีชีวิตที่ลำบากต่างหาก “แม่แค่ไม่อยากให้ลูกต้องใช้ชีวิตลำบาก…
-
คุณปู่วัย 98 ได้แต่งงานกับชายคนรัก หลังกฎหมายอนุญาตให้แต่งงานกับเพศเดียวกันได้
คู่รักเพศเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นคู่ชายรักชาย หรือจะเป็นคู่หญิงรักหญิง ต่างก็อยากใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเหมือนกับคู่รักชายหญิงทั่วไป แต่สิ่งสิ่งหนึ่งที่เป็นอุปสรรคก็เพราะว่าคู่รักเพศเดียวกันในหลายประเทศ ไม่สามารถแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายได้ เพราะฉะนั้นคู่รักเพศเดียวกันในประเทศเหล่านั้นจึงทำได้เพียงอยู่ร่วมกันเหมือนแฟนเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถจดทะเบียนสมรสได้ และไม่สามารถใช้สิทธิของคู่แต่งงานได้เช่นกัน คู่รักชายรักชายชาวซิดนีย์ก็เช่นกัน พวกเขาอยู่ร่วมกันในฐานะคู่รักมาเป็นเวลานาน จนฝ่ายหนึ่งอายุเหยียบหนึ่งร้อยปีแล้ว แต่ในปัจจุบันพวกเขาก็สามารถแต่งงานกันอย่างถูกกฎหมายได้ในที่สุด Neville Wills และ Ian Fenwicke คู่รักคู่นี้คือ Neville Wills อายุ 98 ปี และ Ian Fenwicke อายุ 74 ปี พวกเขาอาศัยอยู่ในเมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย โดย Wills ทำอาชีพเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทั้งสองพบรักกันเมื่อปี 1978 หลังจากนั้นจึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันฉันท์สามีภรรยามาเป็นระยะเวลานานถึง 39 ปี แม้จะไม่มีกฎหมายรองรับความสัมพันธ์นี้ก็ตาม จนเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2017 ได้มีการแก้กฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกัน สามารถแต่งงานเป็นสามีภรรยากันได้เหมือนคู่ชายหญิงทั่วไปทุกประการ พอทั้งสองคนทราบข่าวนี้ก็ดีใจกันมาก และวางแผนงานแต่งงานกันทันที Fenwicke พูดหลังจากการออกกฎหมายแต่งงานใหม่ว่า…
-
Justin Trudeau หลั่งน้ำตาขอโทษกลุ่มข้าราชการ LGBT หลังเคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม…
ในปัจจุบันกลุ่มคนรักร่วมเพศนั้นเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีตแล้ว กลุ่มคนเหล่านี้ถูกกดขี่จากสังคมรอบตัวอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศแคนาดาได้เล็งเห็นถึงความน่าละอายใจที่เราเคยปฏิบัติไม่ดีต่อพวกเขา จึงได้ออกมาทำบางสิ่งเพื่อชดเชยความผิดนี้f เนื่องจากในช่วงทศวรรษที่ 1950 – 1990 รัฐบาลของแคนาดามีนโยบายกวาดล้างข้าราชการและทหารที่เป็นกลุ่มคนรักร่วมเพศ โดยทำการไล่ออกหรือบังคับให้พวกเขาต้องลาออกจากงาน ด้วยข้ออ้างว่าพวกเขาเป็นบุคคลมีปัญหาทางจิตและผิดเพศ กลุ่มคนที่เป็นผู้เสียหายจากการกวาดล้างของรัฐบาลในเวลานั้น รวมแล้วมีจำนวนถึงหลายพันคน พวกเขาต้องขาดรายได้ที่ควรจะมี หรือไม่มีสิทธิ์ทำงานที่พวกเขาต้องการ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน นายกคนปัจจุบันคือนาย Justin Trudeau จึงได้ออกมากล่าวขอโทษต่อกลุ่มคนรักร่วมเพศ ที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ได้ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่เป็นธรรม เขากล่าวต่อหน้าสื่อทั้งน้ำตาว่า “ที่ผมมาวันนี้ เพราะต้องการมาขอโทษต่อความผิดอันน่าละอายใจที่เราเคยทำต่อพวกคุณ พวกเราทำผิดไปแล้ว พวกเราขอโทษด้วยและอยากให้พวกคุณรู้ว่าเราเสียใจที่ทำแบบนั้น” “พวกเราทุกคนมีล้วนความผิดที่ทำให้พวกคุณถูกเลือกปฏิบัติ และก็เป็นความผิดของเราทุกคนเช่นกันที่พวกคุณเพิ่งได้รับคำขอโทษจากเราเอาป่านนี้ แม้ว่าหลายคนจะไม่มีชีวิตอยู่ทันฟังมัน อย่างน้อยก็อยากให้รับรู้ว่าเรารู้สึกผิดจากเบื้องลึกของหัวใจ” “เราขอสัญญาว่าจะดำเนินการในทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดไปให้ถูกต้อง และขอให้พวกคุณเชื่อใจเรา แล้วเราจะทำให้พูดคุณแน่ใจเองว่าจะไม่มีระบบผิดๆ นี้อยู่อีกต่อไป กลุ่มคนรักร่วมเพศในแคนาดาจะไม่ถูกเหยียดหยามและกดขี่อีกแน่นอน” คลิปการให้คำแถลงการณ์ขอโทษจาก Justin Trudeau การกระทำของ Justin Trudeau ได้รับการชื่นชมและยกย่องจากประชาชนทั่วโลก ที่เขากล้ามาเป็นตัวแทนขอโทษในสิ่งที่ทุกคนไม่มีใครกล้าออกมาพูดอย่างเปิดเผยจนถึงวันนี้ เราทุกคนควรระลึกอยู่เสมอว่าทุกคนมีความแตกต่างกัน แต่คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่การความชอบและรสนิยมตรงกัน แต่อยู่ที่คุณธรรมและจริยธรรมในจิตใจต่างหาก ที่มา: CBC, Fortune, postjung, Maclean’s
-
หนุ่มขอแฟนแต่งงานทันที ในวันที่ออสเตรเลียประกาศให้ ‘เพศเดียวกันแต่งงานได้’
การแต่งงานนั้นเป็นเหมือนกับการแสดงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนให้แก่คู่รัก และแน่นอนว่าคู่รักนั้นไม่ได้มีเฉพาะเพศชายและหญิงเพียงเท่านั้น การเรียกร้องเกี่ยวกับการแต่งงานของรักร่วมเพศก็เป็นที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน วันนี้รัฐบาลออสเตรเลียได้สานฝันให้กับพวกเขา โดยการลงคะแนนเสียงประชามติให้มีกฎหมายการสมรสของคู่รักร่วมเพศได้ ในขณะที่พลเมืองออสเตรเลียกำลังรอผลการออกเสียงลงคะแนน เชื่อว่ามีหลายๆ คนที่กำลังรอคอยผลในครั้งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อ แต่กลับมีอีกคนหนึ่งที่อาจรู้สึกตื่นเต้นและเป็นกังวลมากกว่าคนอื่นๆ เมื่อได้มีการประกาศในที่สุด ว่ามติในการยินยอมให้มีการแต่งงานนั้นมีคะแนนถึง 61.6% ก็ได้มีชายคนหนึ่งนั่งคุกเข่าลงเพื่อขอคู่รักของเขาแต่งงาน ชายผู้นั้นมีชื่อว่า James Brechney เขาแต่งตัวด้วยสูทสีชมพูและนั่งคุกเข่าท่ามกลางฝูงชนเพื่อขอคู่รักของเขา Stuart Henshell แต่งงานทันทีเมื่อเขารู้ผลการลงประชามติ “เราต่อสู้กันมานานแล้ว เราอยู่ด้วยกันมาเป็นเวลา 2 ปีครึ่ง และมันคือการเดินทางของพวกเรา Stuart ผมรักคุณอย่างหมดหัวใจ และผมอยากจะบอกอะไรบางอย่างต่อหน้ากล้อง คุณจะแต่งงานกับผมได้ไหม!! ” James Brechney กล่าวประโยคที่ทำให้คนรอบๆ เขินไปตามๆ กัน แม้ว่า Stuart จะตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็มีสติพอที่จะพยักตอบหน้ารับคำขอแต่งงานของแฟนหนุ่ม ในขณะที่ผู้คนรอบๆ ข้างต่างส่งเสียงเชียร์จนกึกก้องไปหมด ที่สำคัญคือพ่อแม่ของ James ก็อยู่ในบริเวณนั้นด้วย The country said YES and so did my man!! #auspol #VotedYes…
-
กองเซ็นเซอร์เคนย่าโทษชาวเกย์ที่ไปเที่ยวอุทยาน จนทำให้สิงโตตัวผู้เบี่ยงเบนทางเพศ!?
ภาพของสิงโตเพศผู้ 2 ตัวที่กำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันในอุทยานแห่งชาติ Masai Mara ของประเทศเคนย่าถูกมองว่าเป็นภาพที่ไม่เหมาะสม และตัวแทนจากกองเซ็นเซอร์เองได้ออกมาอ้างว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศของสิงโตนั้นเป็นผลมาจากการเลียนแบบนักท่องเที่ยวชาวเกย์นั่นเอง ดอกเตอร์ Ezekiel Mutua จากหน่วยตรวจสอบด้านศีลธรรมในสื่อของเคนย่าได้ออกมาเรียกร้องให้มีการแยกสิงโตทั้งสองออกจากกัน จนกว่าจะสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมดังกล่าวในทางวิทยาศาสตร์ได้ และถึงแม้ว่าจะมีการศึกษาพฤติกรรมดังกล่าวมานานหลายปี แต่ดอกเตอร์ Ezekiel เชื่อว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนนี้เป็นผลมาจากการเลียนแบบการมีเพศสัมพันธ์ของชาวเกย์ หรืออาจถูกวิญญาณร้ายสิงก็เป็นได้ และถึงแม้ว่าสิงโตทั้งสองตัวจะมีแผงคอที่แสดงว่ามันเป็นเพศผู้ แต่ก็ยังมีการเรียกร้องให้ทำการตรวจสอบว่าสิงโตทั้งสองนั้นเป็นเพศผู้ทั้งคู่จริงหรือไม่ “สัตว์ทั้งสองตัวควรได้รับการให้คำปรึกษา เนื่องจากเป็นไปได้ว่ามันอาจจะได้รับอิทธิพลจากนักท่องเที่ยวเกย์ที่เข้าไปเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ” ดอกเตอร์ Mutua ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น นอกจากนี้เขายังได้ออกมาโต้แย้งอีกว่าพวกสิงโตนั้นไม่สามารถลียนแบบพฤติกรรมดังกล่าวได้จากสื่อภาพยนตร์ได้แน่ๆ ดังนั้นพวกมันจะต้องเรียนแบบจากพฤติกรรมเบียงเบนที่เกิดในอุทยาน Masai Mara อย่างแน่นอน การรักร่วมเพศในประเทศเคนย่านั้นเป็นเรื่องที่ไม่ได้รับการยอมรับอย่างมาก และการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิต่างๆ นั้นก็เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษจำคุกนานถึง 14 ปีเลยทีเดียว ส่วนทางด้านคุณ Paul Goldstein เจ้าของภาพถ่ายสิงโตคู่ดังกล่าวได้ออกมาอธิบายถึงที่มาที่ไปของภาพว่า เขาเห็นสิงโตทั้งคู่ยืนอยู่ข้างๆ กัน ก่อนที่พวกมันจะเริ่มนั่งลงและเริ่มกิจกรรมของพวกมัน “บางครั้งคุณอาจจะเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คุณหยุดหายใจ เหมือนกับภาพของสิงโตคู่นี้ ซึ่งมันเป็นภาพที่หาชมได้ยากและสมบูรณ์แบบมากๆ เลยทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นมันน่าทึ่งมาก” ช่างภาพหนุ่มกล่าว เจ้าสิงโตเพศผู้ทั้ง 2 ที่กำลังทำกิจกรรมของพวกมันอยู่ในอุทยานแห่งชาติ Masai Mara ประเทศเคนย่า อย่างไรก็ตามการรักร่วมเพศในสิงโตนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่ถือว่าหาชมได้ยาก จากการศึกษาที่มีการตีพิมพ์ในช่วงศตวรรษที่ 20 พบว่ามีอัตราการรักร่วมเพศในสิงโตเพียงแค่…
-
ครอบครัวในอินเดีย ข่มขืนลูกหลานตัวเองที่เป็น “เกย์” เพื่อให้หายจากอาการรักร่วมเพศ!!
ในประเทศอินเดียนั้น พ่อแม่ส่วนใหญ่จะต่อต้านเพศที่สาม หากรู้ว่าลูกตัวเองเป็นเกย์หรือเลสเบี้ย พวกเขาก็จะให้ญาติ พี่ชาย น้องชาย หรือพ่อแม่เอง ลงมือข่มขืนลูก เพื่อให้ลูกกลับคืนเพศสภาพ โดยไม่ผิดกฏหมาย ทั้งนี้ในอินเดีย การที่คนเพศเดียวกันมีเพศสัมพันธ์กันนั้นจะต้องถูกลงโทษ สูงสุดจำคุก 10 ปี จนทำให้หลาย ครอบครัวรู้สึกว่าพวกเขาไม่มีทางเลือก นอกจากการข่มขืนเพื่อให้ลูกหลานของตัวเองเปลี่ยนใจมาชอบคนต่างเพศ หนึ่งในผู้ตกเป็นเหยื่อคือ Mvuleni Fana… วันที่เกิดเหตุนั้น เธอกำลังเดินกลับบ้านหลังจากซ้อมฟุตบอลเสร็จ แต่ระหว่างทางก็มีชายสี่คนมารุมข่มขืนเธอ โดยอ้างว่าจะทำให้เธอกลับมาเป็นผู้หญิงจริงๆ ที่รักเพศตรงข้าม สุดท้ายพวกเขาได้เตะ ตี และปล่อยให้เธอนอนตายอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ยังมีเหยื่ออีกหลายคนที่ถูกฆาตกรรมในลักษณะเดียวกัน รวมทั้งผู้หญิงสองคนที่ถูกมัด ทรมาณ และสุดท้ายถูกยิงที่หัวในแอฟริกาใต้เมื่อปี 2007 ที่น่าตกใจคือไม่มีสถิติที่แน่นอนเกี่ยวการข่มขืน ซึ่งนักรณรงค์เชื่อว่าที่มีอยู่นี้เป็นตัวเลขที่น้อยกว่าความเป็นจริงมาก ทั้งนี้เป็นเพราะส่วนใหญ่แล้วครอบครัวของเหยื่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลังและมีส่วนร่วมในการข่มขืนนั่นเอง อย่างไรก็ตาม กลุ่มที่ถูกเรียกว่า LGBT Collective ในรัฐทางใต้ของรัฐเตกานี ได้ทำการบันทึกการข่มขืนกระทำชำเราในช่วงห้าปีที่ผ่านมา Vyjayanti Mogli กล่าวว่า “เรามั่นใจว่ามีกรณีการข่มขืนที่มากกว่านี้ แต่แค่ไม่มีการเปิดเผย บางครั้งเราก็เจอกับกรณีที่เหยื่อเดินทางมาร้องเรียนกับเรา ไม่ใช่เพราะพวกเขาอยากแจ้งความ แต่พวกเขาอยากจะหนีไปจากครอบครัว” ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ พ่อแม่รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องการข่มขืนและยังเป็นคนขอให้คนในครอบครัว โดยเฉพาะญาติที่เป็นพี่น้อง พ่อ…
-
7 เรื่องราวที่เหล่า “สาวๆ ไบเซ็กส์ชวล” อยากบอก และจะทำให้คุณเข้าใจพวกเธอมากขึ้น
ในปัจจุบันนั้นมีการเปิดกว้างทางเพศมากขึ้น และทุกวันนี้ เรามีคำที่ใช้เรียกกลุ่มผู้คนที่มีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างกันออกไปตามรสนิยมของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเกย์ ทอม หรือหญิง-ชายข้ามเพศ และหนึ่งรสนิยมทางเพศที่เรามักจะคุ้นหูและได้ยินกันอยู่บ่อยๆ นั่นก็คือ ไบเซ็กส์ชวลนั่นเอง ซึ่งอย่างที่เข้าใจกันดีว่าไบเซ็กส์ชวลนั้นคือการหลงใหลผู้คนมากกว่า 1 เพศ แต่ผู้คนส่วนมากยังมีความเข้าใจผิดกับพวกเขาอยู่ ซึ่งวันนี้เราก็มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ 7 เรื่องราวของเหล่าสาวๆ ไบเซ็กส์ชวล ที่จะทำให้คุณเข้าใจพวกเธอมากขึ้น จะมีอะไรบ้าง ไปชมกันเลย… 1. พวกเธอไม่เคยต้องการกิจกรรมบนเตียงแบบเรา 3 คน ถึงแม้ว่าพวกเธอจะมีความสนใจในทั้งสองเพศ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเธอจะชื่นชอบกิจกรรมบนเตียงแบบ 3 คนหรอกนะ และสาวๆ ไบเซ็กส์ชวลก็มักจะชอบความสัมพันธ์แบบจริงจังมากกว่า 2. ไบเซ็กส์ชวลนั้นไม่ได้เป็นๆ หายๆ หรอกนะ!! สาวๆ ที่เป็นไบเซ็กส์ชวลนั้นจะรู้สึกหัวเสียอย่างมากที่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีคนบอกพวกเธอว่ารสนิยมทางเพศของพวกเธอนั้นเป็นเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วความชอบทั้งสองเพศของพวกเธอนั้นเป็นเรื่องที่จริงจังและมันจะอยู่กับเธอตลอดไป ถึงแม้ว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ตาม 3. สาวๆ ไบเซ็กส์ชวลไม่ใช่พวกชอบนอกใจนะ!! ถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อว่าสาวๆ ไบเซ็กส์ชวลนั้นอาจจะมีแนวโน้มที่จะนอกใจสูงเนื่องจากรสนิยมทางเพศของพวกเธอ แต่อันที่จริงแล้วเรื่องดังกล่าวนั้นไม่เป็นความจริงเลย 4. พวกเธอมักจะเปิดเผยตัวตนกับคนที่รู้ใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเธอเจอคนที่รู้ใจ เธอจะยอมบอกพวกเขาเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง ซึ่งอันที่จริงนั้นสาวๆ ไบเซ็กส์ชวลไม่ได้มีเจตนาที่จะปกปิดตัวตนของพวกเธอหรอก แต่เธอแค่อยากที่จะบอกมันกับคนที่ยอมรับพวกเธอได้ก็เท่านั้นเอง 5. เธอไม่ได้คบใครเพียงแค่หวังเรื่องอย่างว่าเท่านั้นนะ…
-
เปิดจดหมาย “รักต้องห้าม” ของทหารหนุ่ม 2 นาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและพร้อมจะเบ่งบานได้ทุกๆ ที่ แม้แต่ควันปืนจากสงครามเองก็ไม่อาจจะขัดขวางสิ่งที่สวยงามนี้ได้ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบจดหมายของนายทหารหนุ่มท่าหนึ่งนามว่า Gilbert Bradley ที่เขียนโต้ตอบกับคู่รักของเขาโดยใช้ลายเซ็นต์ว่า G ซึ่งภายหลังมีการสืบจนทราบว่าตัวอักษรดังกล่าวนั้นหมายถึงชายที่ชื่อว่า Gordon และทหารหนุ่มผู้นี้กำลังตกหลุมรักเพศเดียวกันอยู่ โดยจดหมายดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยหลังจากที่ Bradley เสียชีวิตไปเมื่อปี 2008 จากข้อมูลที่ปรากฎบอกว่า Bradley นั้นไม่ได้ต้องการที่จะเป็นทหารตั้งแต่แรก เขาแกล้งป่วยเป็นโรคลมชักเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ในปี 1939 เขาถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่ Park Hall Camp ในเมือง Shropshire ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะถูกส่งไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ในปี 1938 เขาและนาย Gordon Bowsher ได้พบรักกันก่อนแล้วหลังจากที่ทั้งสองไปท่องเที่ยวในวันหยุดด้วยกัน ฝ่าย Bowsher นั้นมาจากครอบครัวนักธุรกิจ โดยพ่อของเขาได้เปิดบริษัทขนส่งและเป็นเจ้าของไร่ชา ในช่วงสงคราม Bowsher ได้เข้ารับการฝึกทหารและถูกส่งไปประจำการทั่วประเทศ สาเหตุที่พวกเขาต้องสื่อสารกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็เพราะว่า ณ เวลานั้นการรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และถ้าหากมีการสืบทราบว่าชายในกองทัพมีพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีโทษสูงถึงขั้นถูกยิงเป้าเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ความรักของพวกเขาจบลงแบบที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะในระหว่างการรบ Bradley ถูกส่งตัวไปยังสก๊อตแลนด์ และที่นั่นเขาได้พบรักกับนายทหารหนุ่มคนอื่นอีก 2 คน ชายหนุ่มเขียนเล่าถึงความรักครั้งใหม่ของเขาให้คุณ Bowsher…
-
มาดูกันว่าชาวรัสเซียจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อคู่รักเกย์เดินจูงมือกันในที่สาธารณะ???
ในปัจจุบันนั้นในสังคมโลกได้มีการยอมรับ เพศทางเลือก (LGBT) กันมากขึ้น โดยในประเทศไทยเรานั้นก็ถือว่าเป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีการเปิดกว้างให้ทุกคนๆ นั้นสามารถที่จะแสดงศักยภาพของตัวเองได้โดยไม่จำกัดเพศ แต่สำหรับประเทศรัสเซียนั้น เพศทางเลือกยังไม่เป็นยอมรับมากนัก ทำให้ผู้คนที่เป็นเพศทางเลือกไม่สามารถที่จะแสดงออกความเป็นตัวเองในที่สาธารณะได้ ถึงกับมีกฎหมายออกห้ามไม่ให้เกย์แสดงออกถึงรสนิยมทางเพศอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะหรือห้ามไม่ให้มีการจัดชุมนุมเรียกร้องสิทธิ์คนรักร่วมเพศ ครั้งนี้เราจึงจะพาเพื่อนๆ ไปชมกันว่าที่รัสเซียเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อเห็นคู่เกย์เดินจูงมือกันในที่สาธารณะ ChebuRussiaTV แชลแนลยูทูบจากรัสเชีย ได้ทำคลิปสั้นๆ 3.30 นาที ขึ้น เพื่อทำการทดสอบบางอย่างที่จะแสดงให้เห็นว่าชาวรัสเซียนั้นรังเกียจคนรักร่วมเพศมากขนาดไหน โดยในคลิปมีชายสองคนเดินจับมือกันไปยังสถานที่ต่างๆ ที่มีคนพลุ่กพล่าน เพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองของชาวรัสเซีย ว่าจะเป็นอย่างไร ชายสองคนที่ยืนตรงสะพาน เมื่อเห็นคู่เกย์ก็สบถใส่ทันที ชาวรัสเซียค่อนข้างดูถูกและเหยียดหยามชาวรักร่วมเพศเป็นอย่างมาก เมื่อเดินต่อไปตามริมถนนก็เจอกับชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ตรงปรี่เข้ามาผลักอก แล้วถามว่ามีปัญหาอะไรรึเปล่า!! แม้แต่ผู้คนที่นั่งอยู่ในสวนสาธารณะยังกล่าวหยามว่า “พวกแกมาทำอะไรที่รัสเซียวะ!!” เมื่อเดินไปต่อก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินโต่งๆ เขามาแทรกระหว่างเขาทั้งสองคน และมีท่าทางโกรธเอาเรื่องเลยทีเดียว ลองไปดูคลิปกัน เพื่อนๆ ดูแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?? ที่มา youtube
-
หลักฐานทางวิทย์ชี้ คนที่เป็น “คนที่เกลียดคนรักร่วมเพศ” มีโอกาสเป็นเกย์มากกว่าคนปกติ
Homophobia คืออาการที่บุคคลเหล่านั้น เกลียดชัง หรือกลัว “คนรักร่วมเพศ” อย่างไม่มีเหตุผล ซึ่งอาการนี้ถูกบัญญัติมาตั้งแต่ปี 1971 โดยคำนี้เป็นคำกำจัดความของบุคคลที่เหยียดหยามกับกลุ่มที่มีทัศนะคติทางเพศที่แตกต่างกัน จากงานวิจัยในปี 2014 ที่ถูกตีพิมพ์โดยวารสาร Journal of Personality and Social Psychology ได้แสดงข้อเท็จจริงว่า บุคคลที่ไม่ยอมรับหรือไม่ให้ความสนใจการรักร่วมเพศ จะมีระดับของความเป็นผู้รักร่วมเพศที่สูงกว่าปกติ โดยลักษณะนี้จะเพิ่มสูงมากขึ้นไปอีกในครอบครัวที่มีอาการ Homophobia Netta Weinstein ผู้นำทีมวิจัย ได้กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าบุคคลที่มีอาการ Homophobia จะบอกว่าตนเองนั้นมีเพศสภาพที่ตรงกับร่างกาย แต่ผลจากการทดสอบทางจิตวิทยาแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมที่คนเหล่านี้แสดงออกมา มีเหตุมาจากกลุ่มคนที่เป็น Homosexual ได้เข้าไปกระตุ้นบุคลิกเบื้องลึกภายในจิตใจของพวกเขา” Richard Ryan หนึ่งในผู้นำของทีมวิจัยได้กล่าวเสริมว่า “คนที่เป็น Homophobia ก็เหมือนกับกำลังต่อสู้กับตัวเองเพื่อนำความขัดแย้งภายในตัวนี้ระบายออกสู่โลกภายนอก” ผลจากการวิจัยทั้งหมดนี้ถูกวัดโดยแบบสอบถามและการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการนิยามเพศของตนเองในผู้ทำแบบสอบถาม รวมไปถึงความรวดเร็วในการตอบสนองต่อคำถามอีกด้วย ผลจากการทดสอบแสดงให้เห็นว่าบุคคลที่มีความสนใจในเพศตรงข้ามน้อย มีอัตราการเข้าหาเข้าหากลุ่มที่เป็นเกย์มากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าข้อสมมติฐานนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์ อันเนื่องมาจากกลุ่มทดสอบยังเป็นเพียงแค่นักศึกษา แต่หากมีการนำกลุ่มผู้สูงอายุเข้ามาทดสอบในอนาคต ด้วยก็จะทำให้ผลของงานวิจัยนี้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ที่มา: indy100 , nytimes
-
23 ความประทับใจ จากงานแต่งงานของ ‘คนรักร่วมเพศ’ บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความสุข
หลายๆ คนก็คงใฝ่ฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะต้อง ‘แต่งงาน’ และสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง ซึ่งปัจจุบันโลกของเราก็ได้เกิดการยอมรับและเปิดกว้างในเรื่องของรสนิยมทางเพศกันมากขึ้น จึงทำให้ครอบครัวไม่ได้จำกัดว่าจะต้องถูกสร้างขึ้นมาโดย หญิง-ชาย อีกต่อไป สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพงานแต่งงานของเหล่าคนรักร่วมเพศ ที่อบอวลไปด้วยความรัก และความสุข ที่จะมาสร้างความประทับใจให้กับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 1. สองคู่รักเลสเบี้ยนที่ตัดสินใจแต่งงานกันแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม 2. สายตาแห่งความปลื้มปิติ 3. ชุดแต่งงานโทนสีขาวและดำ ที่ดูแล้วสะดุดตาเหลือเกิน 4. ภาพถ่ายพรีเวดดิ้งที่อบอวลไปด้วยความสุข 5. สองคุณปู่ที่ดูแล้วแฮปปี้สุดๆ 6. ช่างเป็นภาพที่สื่ออารมณ์ออกมาได้ดีจริงๆ 7. ชีวิตรักที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน 8. ความโรแมนติก 9. ดื่มด่ำไปกับความรักที่ทั้งสองคนมีให้กัน 10. ยินดีกับครอบครัวใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น 11. รอยยิ้มแห่งความสุข 12. ความสดใสที่ไม่มีสิ้นสุด 13. แหม่…
-
ชาติแรกในเอเชีย!! ไต้หวันเตรียมร่างกฎหมาย เพื่อรับรองการแต่งงานระหว่างเพศเดียวกัน
ในยุคที่ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน ความต้องการด้านเสรีภาพก็เพิ่มขึ้นแทบจะทุกที่บนโลก และเหตุการณ์ล่าสุดที่ทำให้ชาวไต้หวันที่รักความเป็นประชาธิปไตยรู้สึกดีใจมากๆ เมื่อทางการไต้หวันได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับความเสมอภาคในการแต่งงาน!! เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2017 หลังจากที่มีการเรียกร้องและการเคลื่อนไหวมาอย่างยาวนาน ทางการไต้หวันได้ประกาศให้มีการปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการแต่งงานของเพศเดียวกัน โดยจะเตรียมประกาศใช้ภายใน 2 ปีนี้ คุณ Chi Chia-wei นักกิจกรรมและนักเคลื่อนไหว กลายมาเป็นแกนนำในการเรียกร้องครั้งนี้ เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมาเขาถูกทางรัฐบาลปฏิเสธการแต่งงานของเขา กลุ่มผู้เคลื่อนไหวมองว่ากฎหมายที่บัญญัติให้เฉพาะชายและหญิงสามารถแต่งงานกันได้ เป็นความไม่เสมอภาคและเป็นจำกัดสิทธิของประชาชนมากเกินไป พวกเขาจึงออกมาเรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้ การเรียกร้องเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2017 และทางการเพิ่งจะประกาศการเปลี่ยนแปลงเมื่อเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ของวันที่ 24 พฤษภาคม 2017 และด้วยเหตุนี้จึงทำให้ประเทศไต้หวัน เป็นชาติแรกในทวีปเอเชียที่จะได้รับอนุญาตให้มีการแต่งงานของเพศเดียวกัน อย่างไรก็ตามยังคงมีกลุ่มคนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงกฎหมายการแต่งานของเพศเดียวกันในครั้งนี้ พวกเขามองว่าตามหลักของขงจื้อแล้วการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และพื้นฐานของการแต่งงานก็ควรจะเป็นชายและหญิง ไม่อย่างนั้นแล้วเด็กๆ อาจจะเกิดความสับสนได้ คุณ David Tseng หนึ่งในกลุ่มของผู้มีความเห็นต่างกับเรื่องนี้กล่าวว่า “ตอนนี้พวกเขากำลังจะแก้กฎหมายและอาจทำให้คำว่า พ่อและแม่ เกิดการสับสนได้ พวกเราแตกต่างกับชาติตะวันตก ความกตัญญูต่อพ่อแม่นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นเรื่องที่เราต้องรักษาไว้” หัวข้อเรื่องความเสมอภาคนี้ได้รับการเสนอเข้าสู่สภาของไต้หวันครั้งแรกเมื่อปี 2003 แต่ได้รับการปฏิเสธจากคณะรัฐมนตรีและพรรคอนุรัษ์นิยมอย่างพรรคก๊กมินตั๋ง…
-
คู่รักเพศเดียวกันคว้าตำแหน่ง King-Qeen เป็นคู่แรก จากงานพรอมของโรงเรียนในรัฐฟลอริดา!!
ปัจจุบันเรื่องเสรีภาพในการเลือกเพศถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างมาก และหลายๆ องค์กรในบางบางรัฐก็ได้มีการเคลื่อนไหวและเรียกร้องให้ออกกฎหมายที่คำนึงถึงเสรีภาพเรื่องเพศมากขึ้น #เหมียวเวจจี้ ขอหยุดเรื่องของเสรีภาพทางเพศไว้เท่านี้ก่อนละกัน เพราะว่าดูจะไม่ใช่ทางซักเท่าไหร่ แต่ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว เราก็มีเรื่องราวที่แสดงให้เห็นว่าปัจจุบันได้รับการยอมรับไปมากแค่ไหนแล้ว Brie Grimes วัย 17 ปี (ขวา) และคู่รักของเธอ Lindsey Creel วัย 18 ปี (ซ้าย) เมื่อไม่นานมานี้ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้มีการเผยแพร่เรื่องของคู่รักเลสเบี้ยนคู่หนึ่งที่ได้รับตำแหน่ง King และ Queen ในงานพรอมของโรงเรียน Leon High School ในเมือง Tallahassee รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา Brie Grimes วัย 17 ปีซึ่งได้รับตำแหน่ง Queen และคู่รักของเธอ Lindsey Creel วัย 18 ที่ได้รับตำแหน่ง King จากการลงคะแนนโหวตในงานพรอมของโรงเรียนที่ผ่านมา นอกจากนี้ทั้งคู่ยังเป็นคู่รักเพศเดียวกันคู่แรกที่ได้รับตำแหน่งนี้อีกด้วย “เราไม่คาดหวังว่าจะได้รับรางวัลนี้ พวกเราเริ่มรู้จักกันได้ไม่นาน ตอนแรกเธอเป็นเพื่อนสนิทกับฉัน ก่อนที่เราจะสานความสัมพันธ์กันจนกลายเป็นคู่รักในที่สุด” Brie กล่าว Brie ยังเล่าถึงความสัมพันธ์ของพวกเขาอีกว่า “ฉันอยากอยู่กับ…
-
เมื่อโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงโพสต์ภาพ ‘ต่อต้านการรักร่วมเพศ’ ทำเอาชาวเน็ตจีน ดราม่าทั่วโซเชียล
นักศึกษาหญิงสองคนจากมณฑล Hubei ประเทศจีนได้ออกมาทำการถือป้ายประกาศต่อต้านการรักร่วมเพศที่หน้ามหาวิทยาลัย จนกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในสังคมออนไลน์ของประเทศจีน ข้อความในป้ายประกาศเขียนเอาไว้ว่า “ปกป้องวัฒนธรรมของชาวจีน ต่อต้านแนวคิดจากตะวันตก เราไม่เอาการรักร่วมเพศ อย่าให้มันเข้ามาในมหาวิทยาลัยของเรา” ภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นเมื่อวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา บริเวณข้างสนามบาสเก็ตบอลในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัย Huazhong University ที่ตั้งอยู่ในเมือง Wuhan เมื่อดูให้ดี ก็พบว่าภาพนี้ถูกโพสต์โดยแอคเค้าท์ของโค้ชทีมบาสเก็ตบอลหญิงที่ชื่อว่า Ling Bing พร้อมกับแคปชั่นว่า “นี่เป็นความหวัง ที่อยู่ในใจของเราเสมอมา” Ling พยายามที่จะนำมุมมองในเรื่องของการต่อต้านความรักร่วมเพศมาสอนให้กับเหล่าผู้เล่นในทีมของตัวเอง และนักศึกษาหญิงทั้งสองคนที่ยืนถือป้ายอยู่นั้นก็เป็นผู้เล่นในทีมของเธออีกด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีนักศึกษาวัย 22 ปี ในมหาวิทยาลัย Huazhong University ที่เรียนอยู่คณะเดียวกันก็ออกมาเล่าให้ฟังว่าในอดีตเคยมีนักกีฬาที่เป็นเลสเบี้ยนถูกเพื่อนร่วมทีมกลั่นแกล้งจนต้องลาออกมาแล้ว “ในทีมบาสเก็ตบอลหญิงจะกลายเป็นสถานที่มหันตภัยสำหรับชาวรักร่วมเพศเลยล่ะ ทำให้หลายๆ คนที่อยากเป็นนักกีฬา แต่มีรสนิยมรักร่วมเพศไม่กล้าที่จะเข้าไปสมัครเข้าทีมเลยแม้แต่คนเดียว” แน่นอนว่าหลังจากที่ภาพนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้อุณหภูมิในโซเชียลเน็ตเวิร์คจีนถึงกับเดือดระอุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ทั้งนักศึกษา และชาวเน็ตคนอื่นๆ ต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำของโค้ช และเหล่านักกีฬาบาสเก็ตบอลหญิง นักศึกษาคนหนึ่งให้ความเห็นว่า “พวกเรารู้สึกโกรธมากๆ เกี่ยวกับความคิดของพวกเขา พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องของสิทธิและความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย” ส่วนชาวเน็ตที่ไม่ใช่นักศึกษาก็ออกมาบอกว่า “ฉันสนับสนุนในเรื่องของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนะ แต่การกระทำที่ใจแคบแบบนี้สมควรแล้วหรือ??” “วัฒนธรรมจีนโบราณอย่างนั้นเหรอ? พวกเธอแน่ใจได้อย่างไรว่าการรักร่วมเพศนั้นเป็นแนวคิดที่มาจากตะวันตก…
-
คุณตาวัย 96 ปี เปิดเผยว่าตัวเอง ‘เป็นเกย์’ หลังจากต้องเก็บเป็นความลับมาตลอดชีวิต
เรื่องราวสุดประทับใจเมื่อคุณตาวัย 96 ปี ตัดสินใจที่จะออกมาประกาศให้ทั่วโลกรับรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นเกย์ คุณตา Roman แต่งงานกับภรรยามาแล้วกว่า 67 ปี มีลูก 2 คน หลาน 5 คน และเหลนอีก 1 คน เขาต้องใช้ชีวิตอยู่โดยที่ไม่บอกให้ใครรู้ว่าเป็นเกย์ เพราะสภาพสังคมในยุคที่เขายังเป็นวัยรุ่นอยู่ได้มีการปฏิเสธความหลากหลายในเรื่องของรสนิยมทางเพศเป็นอย่างมาก คุณตาเล่าว่าเขารู้ตัวเองว่าเป็นเกย์มาตั้งแต่อายุ 5 ขวบ และการที่ออกมายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์นั้นก็เพราะว่าเขาต้องการที่อยากจะให้โลกได้รับรู้ แน่นอนว่าก่อนหน้านั้นก็ต้องผ่านครอบครัวมาก่อน ซึ่งคุณตาก็แค่บอกไปตรงๆ ว่าเขาเกิดมาและทั้งชีวิตของตัวเองนั้นเป็นเกย์มาตลอด และทุกคนก็ยอมรับได้อย่างน่าประหลาดใจ จากการที่ต้องเก็บเป็นความลับเอาไว้ไม่บอกใครว่าตัวเองเป็นเกย์มายาวนานกว่า 90 ปี จนถึงตอนนี้คุณตามีอายุ 96 แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณตาก็ยังคงต้องการที่จะมีความรักกับผู้ชายด้วยกันอยู่ดี… โดยคุณตาได้ให้ข้อมูลถึงสเปคของเขาว่า “‘เป็นใครก็ได้’ ผมไม่แคร์ เพราะผมไม่ได้มองที่ใบหน้าของเขา แต่มองลึกเข้าไปที่หัวใจต่างหาก ใครซักคนที่จะมาเป็นที่พักพิง ใครซักคนที่รู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้นอยู่ ไม่มีใครทำแบบนี้ได้ยกเว้นเสียแต่ว่าคุณจะรักเขาคนนั้น ฉันรู้สึกแบบนั้นจริงๆ ฉันไม่ได้ต้องการความสัมพันธ์ทางร่างกายหรือจิตใจที่ตรงกัน แต่ที่ฉันต้องการก็แค่เพียงใครสักคนที่อยู่ข้างๆ กันในยามหลับ ไม่ได้มีเหตุผลอื่นใดนอกจากให้แน่ใจว่ามีคนที่คอยห่วงใยอยู่ และนี่คือทั้งหมดที่ฉันต้องการ” แต่สำหรับในวัย…
-
สาวขอสาวแต่งงาน คุณป้าข้างๆ ถึงกับ “คุณพระ เอามือทาบอก” รู้สึกเขินแทน จนดังทั่วโซเชียล!!
บางครั้งการถ่ายภาพช่วงเวลสำคัญๆ ก็มักจะถูกผู้คนรอบข้างแย่งซีนอยู่ๆ บ่อยๆ และเหตุการณ์ในครั้งนี้เองก็เช่นกัน… สาวนักศึกษาวิชากฎหมายวัย 25 ปี Jessica Rodriguez และคู่หมั้นของเธอ Chelsea Miller ที่ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กและขณะเดียวกันก็เป็นนักศึกษาด้วย ทั้งคู่พบกันในเว็บไซต์ Tumblr จากนั้นก็สานสัมพันธ์ต่อมาเรื่อยๆ จนเป็นระยะเวลาถึง 4 ปี และตอนนี้ทั้งคู่ก็อาศัยอยู่ด้วยใน Chicago คุณ Jessica ได้เล่าว่าคุณยายของเธอได้จากไปเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งมันทำให้เธอระลึกได้ว่าชีวิตของคนเรานั้นมันช่างไม่แน่ไม่นอนและแสนสั้นซะเหลือเกิน “ฉันรู้เพียงอย่างเดียวว่าต้องประคับประคองความรักที่มีอยู่ให้ดีที่สุดตั้งแต่วันที่เราคบกัน ด้วยเหตุนี้ฉันก็เลยไปซื้อแหวนมา” Jessica ตัดสินใจที่จะทำการขอแต่งงานกับหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเธอ ซึ่งมันเกิดขึ้นที่สถาบันศิลปะ Art Institute of Chicago โดยให้เหตุผลว่าพวกเธอนั้นมีความสนใจในศิลปะและชื่นชอบมันมาก “พวกเราเดินทางไปเที่ยวยังพิพิธภันฑ์มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ Texas, Pennsylvania, และ Illinois ครั้งหนึ่งฉันเคยทำงานที่ห้องแสดงงานศิลปะที่ชื่อว่า Wynne Home Arts Center และพวกเราก็มีภาพวาดเจ้าหมาที่จะมาเป็นสัตว์เลี้ยงในอนาคตของเรา เป็นสายพันธุ์ Cavalier King Charles Spaniel” Jessica เล่า …
-
‘คู่รักเกย์’ โดนไล่ออกจากร้านค้าเพราะเดินจับมือกัน เกย์นับร้อยในเมืองเลยมา ‘จูบ’ ที่ร้านนั้น
ต้องยอมรับว่า คู่รักเพศเดียวกันในปัจจุบันนี้มีจำนวนมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ส่วนไหนก็โลกก็ตาม แต่สิ่งที่ตามมาคือ มีทั้งคนที่เห็นด้วยและคนที่ต่อต้าน คู่รัก Thomas Rees วัย 32 ปี และ Joshua Bradwell วัย 35 ปี เป็นคู่รักเกย์ที่ถูกไล่ออกจากร้าน เพราะทั้งคู่จับมือกัน และมีลูกค้าคนอื่นบอกว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ผู้คนนับร้อยจึงได้มารวมตัวกันที่ร้าน Sainsbury’s Local บนถนน Hackney ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เข้าร่วมการจูบที่เป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าสนับสนุนคู่รักที่ถูกสังคมปฏิเสธ และเพื่อให้รู้ว่าทั้งคู่มีสิทธิ์ที่จะรักกัน ผู้คนนับร้อยเข้าร่วมการจูบที่ร้าน Sainsbury’s คนที่เข้าร่วมการจูบในครั้งนี้มีประมาณ 200 คน ซึ่ง Thomas และ Joshua ก็ไม่คิดว่าจะมีคนมาเยอะขนาด โดยในทุกๆ เย็นพวกเค้าจะมารวมตัวที่นี่พร้อมเปิดเพลงเต้นไปด้วย ก่อนที่จะเข้าไปในร้านและนับถอยหลังก่อนเริ่มจูบ Joshua บอกกับสื่อมวลชนว่า “ผู้คนมากันเยอะมากๆ เกินความคาดหวังของเราจริง” ในขณะที่ Thomas บอกว่า “มีผู้คนทั่วโลก ส่งข้อความมาหาผม และพวกเค้าก็เป็นคนที่ไม่กล้าจับมือคู่รักตัวเองเหมือนกัน แต่ผมอยากบอกว่า อย่าปล่อยให้คนที่คุณรักต้องโดดเดี่ยว คุณเองก็ทำแบบคู่ของเราได้นะ” ทั้งคู่ขอบคุณพวกเค้า…
-
ผลวิจัยชี้ ผู้หญิงมีโอกาสเป็น Bisexual มากกว่าผู้ชาย แถมยังเปลี่ยนรสนิยมบ่อยกว่า!?
ไบเซ็กชวล (Bisexual) ถ้าจะอธิบายง่ายๆ ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มรักร่วมเเพศ ซึ่งไม่ได้ระบุแน่ชัดว่า ต้องเป็นเพศเดียวกันเท่านั้น อาจจะเพศตรงข้ามก็ได้ ประมาณว่าหญิงก็ได้ ชายก็ดี แต่ล่าสุดมีการวิจัยเกี่ยวกับ ‘ไบเซ็กชวล’ ว่า ผู้หญิงมีโอกาสเป็นมากกว่าผู้ชาย หืมมมม จริงหรอเนี่ย ลองไปติดตามกันเลยดีกว่า… โดยในการวิจัยครั้งนี้นักวิจัยได้ใช้กลุ่มตัวอย่างจากสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยผู้หญิง 5,018 คน ผู้ชาย 4,191 คน แล้วก็พบว่า ผู้หญิงมีโอกาสที่จะเป็น ‘ไบเซกชวล’ มากกว่าผู้ชาย และในช่วงอายุ 22-28 ปี ผู้หญิงยังสามารถเปลี่ยนรสนิยมของตัวเองได้มากกว่า 3 ครั้งด้วย (โอ้ววววว) ในขณะที่ผู้ชายนั้น จะชัดเจนในตัวเองว่า เป็นผู้ชายก็คือผู้ชาย เป็นเกย์ก็เกย์ไปเลย แทบจะไม่มีโอกาสของการเปลี่ยนรสนิยมมากเท่ากับผู้หญิง Dr Elizabeth McClintock ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยาที่มหาวิทยาลัย Notre Dame ประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า “ผู้หญิงจะมีความดึงดูดต่อทั้งเพศชายและเพศหญิง และหากตัวเลือกที่เป็นเพศตรงข้ามมีความน่าสนใจ เธอก็จะเลือกเพศตรงข้าม” งานวิจัยของ McClintock ยังบอกอีกว่า…
-
ชมโฆษณาสุดสะเทือนใจของชีวิตกลุ่ม “รักร่วมเพศ” ที่ต้องเจอปัญหามากมายตั้งแต่เด็ก
ในสมัยก่อนนั้น กลุ่มรักร่วมเพศเป็นเรื่องที่ต้องห้ามมาก หลายคนไม่ยอมเปิดเผยว่าตัวเองชอบเพศเดียวกัน บางครั้งก็ใหญ่โตถึงขั้นเอาตัวไปลงโทษเพื่อให้คนคนนั้นกลับมาเป็นเพศเดิมเลยทีเดียว แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านไป ทำให้เราตระหนักถึงความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น หลายคนยอมรับการมีอยู่และคิดว่ากลุ่ม LGBT ก็คือคนเหมือนเรา มีสิทธิ์เหมือนกับเรา แต่งงานกันได้เหมือนกัน และสามารถขับเคลื่อนโลกนี้ไปข้างหน้าได้ ถึงแม้ว่าหลายคนจะยอมรับแล้ว แต่บางประเทศก็ยังไม่ตระหนักถึงเรื่องนี้ ทาง TBWA ปารีส จึงได้ออกโฆษณาแคมเปญตัวหนึ่ง บอกเล่าเรื่องราวของเกย์ตั้งแต่เด็กจนโตว่าเขาต้องถูกกลั่นแกล้งอะไรบ้างจากสังคมรอบกาย เห็นแล้วสะเทือนใจเป็นยิ่งนัก นอกจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนแล้ว พ่อและแม่ยังไม่สามารถยอมรับการที่ลูกเป็นแบบนี้ได้เลย ถือเป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าใจมาก จนต้องตั้งชื่อโฆษณาตัวนี้ว่า The Obstacle Course (อุปสรรครุมล้อม) ถึงแม้มันจะดูเกินจริงไปบ้างในชีวิตคนคนหนึ่ง แต่เรื่องราวทั้งหมดนี้มันก็เคยเกิดขึ้นจริงจากคนที่เคยประสบมาจริงๆ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราต้องมองคนอื่น ที่ถึงแม้เขาจะต่างเพศ ต่างฐานะ ต่างเชื้อชาติ แต่เราก็ยังเป็นคนเหมือนกัน ที่มา adweek
-
แบบนี้ก็ได้? นายกเทศมนตรีอินโดนีเซียโทษ “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโตมาเป็นเกย์!?
มีนักวิชาการและนักโภชนาการหลายต่อหลายคนออกมาเตือนผู้ปกครองเกี่ยวกับการป้อนอาหารแก่เด็กเล็กๆ ว่าควรจะกินอาหารที่มีประโยชน์ เช่นการดื่มนมจากอกของแม่หรือทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ก็ยังคงมีพ่อแม่ชาวอินโดนีเซียบางคนที่ยังคงให้ลูกๆ ของพวกเขากินอาหารกระป๋องหรือบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่ ซึ่งอาหารเหล่านั้นอุดมไปด้วยโซเดียมจำนวนมากและไม่ได้มีสารอาหารอะไรเลย ทางการของอินโดนีเซียจึงได้จัดงานประชุมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว แล้วบอกว่า “บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป” อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กโตมาเป็นเกย์ได้? เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ Takepart ได้รายงานว่า อินโดนีเซียได้มีการจัดงานประชุมการส่งเสริมโภชนาการที่เมือง Tangerang ประเทศอิโดนีเซีย โดยนายกเทศมนตรี Arief Wismansyah ได้ออกมากล่าวว่า “เพื่อที่จะสร้างเด็กชาวอินโดนีเซียที่มีสุขภาพดี ฉลาดและแข็งแรง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การให้พวกเขารับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะการดื่มนมแม่” นายกเทศมนตรี Wismansyah ยังบอกอีกว่าพ่อแม่รุ่นใหม่เอาแต่ทำงานจนไม่มีเวลาหาอาหารที่มีประโยชน์ให้เด็กๆ และให้พวกเขากินแต่นมกระป๋องหรือบำหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งไม่มีคุณค่าทางสารอาหารเท่าไหร่ “ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจว่าทำไมเราถึงมีกลุ่ม LGBT (กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ) มากขึ้น” นอกจากนี้นายกเทศมนตรียังกล่าวอีกว่ากลุ่มเด็กๆ ที่ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพออาจส่งผลให้พวกเขามีพัฒนาการที่บกพร่องทางร่างกายได้ แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ใดๆ ที่จะชี้ชัดว่าการกินอาหารเหล่านั้นมีปัจจัยต่อการเบี่ยงเบนทางเพศ ไม่รู้ว่านายกเทศมนตรีมีความแค้นอะไรกับผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหรือเปล่านะเนี๊ยะ แต่ที่แน่ๆ การให้เด็กๆ กินบะหมี่กึ่งแต่เล็กก็เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมอยู่แล้วล่ะนะ ที่มา takepart
-
ไม่จบ?!? ปาเกียวโพสภาพคู่ภรรยา ยกคัมภีร์ไบเบิ้ล ด่าชาวรักร่วมเพศ “สมควรตาย” ?!?
ดูเหมือนว่าดราม่าครั้งนี้จะไม่จบง่ายๆ สำหรับนักมวยชื่อก้องโลกชาวฟิลิปปินส์ แมนนี่ ปาเกียว หลังจากถูก Nike บริษัทกีฬาชื่อดังจากอเมริกาตัดสปอนเซอร์ เพราะเขาแสดงความเห็นต่อต้านชาวรักร่วมเพศ ซึ่งเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นไปหยกๆ เมื่อวานนี้เอง แต่ควันไฟยังไม่ทันจางหาย พ่อแมนนี่ ปาเกียว ผู้ประกาศตนว่าเป็นคริสต์ศาสนิกชนที่เคร่งครัดนั้น ก็ได้ออกมาเรียกดราม่าอีกครั้ง หลังโพสภาพพร้อมกับภรรยา แล้วบรรยายแคปชั่นด้วยข้อความจากคัมภีร์ไบเบิ้ล เหน็บชาวรักร่วมเพศว่า “สมควรตาย” โดยข้อความดังกล่าว เป็นหนึ่งในคำสอนจาก พระธรรมเลวีนิติ บทที่ 20 ข้อ 13 ซึ่งกล่าวไว้ว่า “ชายใดก็ตามที่เพศสัมพันธ์กับชายเหมือนกับที่มีกับผู้หญิง พวกเขานั้นได้ทำสิ่งที่น่ารักเกียจลงไปแล้ว พวกเขาจะต้องตาย และเลือดจะหลั่งไปทั่วศีรษะของเขาเอง” ซึ่งแม้เขาจะลบหลังจากโพสลงได้ไม่นาน แต่ก็ยังมีชาวเน็ตแคปภาพเอาไว้ได้ทัน หลังจาก Nike ได้ยกเลิกสัญญากับปาเกียวแล้ว ทางนักข่าวก็ได้สัมภาษณ์ปาเกียวเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาตอบว่า “ผมมีความสุขดี ผมมีความสุขดีเสมอ เพราะพระเจ้าอยู่กับผลตลอดเวลายังไงล่ะ” ดูท่าชื่อเสียงของแกคงจะป่นปี้ ไม่มีทางหวนกลับคืนแล้วล่ะ เล่นปล่อยออกมาสองดอกติดๆ กันแบบนี้ บางทีเรื่องบางอย่าง คิดได้แต่ไม่ได้แสดงออกก็ได้นะเหมียว == ที่มา BBC
-
ชอบหาคู่ออนไลน์จงระวัง!! แก๊งค์มิจฉาชีพในลอนดอน ใช้แอพฯ หาคู่ หลอกเอาเงินคนหาคู่เดท
ในยุคที่เทคโนโลยีล้ำสมัย ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาหาคู่ทางโลกออนไลน์กันมากขึ้น อาจจะด้วยหน้าที่การงานที่ทำให้ไม่มีเวลาออกไปเจอผู้คน บวกกับความสะดวกของแอพฯ ที่ช่วยให้เราค้นพบบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามที่เราต้องการได้มากขึ้น แต่ในข้อดีทั้งหลายย่อมมีข้อเสียแฝงมาล่ะ เพราะมีกลุ่มมิจฉาชีพจ้องจะใช้โอกาสนี้ในการหลอกปล้นคุณได้ง่ายๆ เลยทีเดียว อย่าเช่นเรื่องราวที่เหมียวจะเล่าต่อไปนี้ เมื่อวันที่ 18 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้รายงานว่ามีกลุ่มนักต้มตุ๋น 4 คนในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ใช้แอพฯ หาคู่ที่ชื่อ Grindr เพื่อหลอกนัดเกย์หนุ่ม 2 รายไปออกเดท แต่เมื่อทั้งคู่ไปยังที่นัดหมาย กลับถูกแก๊งค์ต้มตุ๋นใช้มีดจี้เพื่อเอาทรัพย์สินที่พวกเขานำติดตัวไปทั้งหมด โชคดีที่ทั้ง 2 ไม่เป็นอะไร ทางด้านหัวหน้าตำรวจนครบาล Sheree Yates ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “โชคดีที่เหยื่อไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง แต่พวกเขาได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจมากเหตุการณ์ดังกล่าวมา” แม้ว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะยังไม่สามารถจับตัวแก๊งค์ต้มตุ๋นดังกล่าวได้ แต่พวกเขาก็ได้ออกติดตามและสืบหาคนร้ายอย่างสุดความสามารถ และเตือนผู้ที่ใช้แอพฯ หาคู่เดท ว่าอย่าประมาทและให้ระมัดระวังตัวให้รัดกุมกว่านี้ด้วย ที่มา metro
-
ความรักสวยงามเสมอ เผยคลิปชายหนุ่มขอแฟนหนุ่มหมั้น กลางรถไฟใต้ดินในปักกิ่ง
ถือเป็นเรื่องราวน่าประทับใจ และน่ายินดีอย่างยิ่งเลยล่ะ สำหรับเรื่องราวของคู่รักเกย์คู่หนึ่งในประเทศจีน ในระหว่างที่พวกเขาเดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน จู่ๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งก็หยิบเอาแหวนหมั้นของเขาออกมา และยื่นให้กับแฟนหนุ่ม ท่ามกลางความเซอรไพรซ์ของผู้โดยสารอีกจำนวนมาก เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยคลิปวิดีโอของชายหนุ่มขณะนั่งคุกเข่าและยื่นแหวนให้แฟนหนุ่มเพื่อขอหมั้น กลางรถไฟใต้ดินที่มีคนพลุกพล่าน จนผู้โดยสารหลายรายอดไม่ได้ ต้องหยิบมือถือขึ้นมาบันทึกเหตุการณ์ดังกล่าวเอาไว้เลย นับตั้งแต่ปี 1997 ที่ประเทศจีนประกาศให้การรักร่วมเพศนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย และถูกถอดออกจากรายชื่อของอาการผิดปกติทางจิตจากสมาคมจิตแพทย์ ในปี 2001 นี่อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความกล้าหาญและสวยงามที่สุดในประเทศจีนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่คลิปนี้ถูกแชร์ออกไป ต่างก็มีชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ โดยหลายความเห็นบอกว่านี่คือช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดและทุกคนมีสิทธิ์ที่จะแสวงหาความรักเป็นของตนเอง เหมียวเองก็ขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วยนะ และหวังไว้ว่าทุกคนจะได้เจอความรักดีๆ แบบนี้เช่นกัน ที่มา metro