Tag: รักษา
-
แพทย์อธิบาย กรณีของหญิงมะกันที่เกือบ “แขนพิการ” หลังรับการฉีดวัคซีนรักษาไข้หวัด!
ประเทศไทยเราก็นับว่าเข้าสู่เหมันตฤดูแล้ว แม้ว่ากลางวันแดดจะยังร้อนเป็นไฟในบางพื้นที่ แต่เชื่อว่าหลายคนก็คงได้สัมผัสความหนาวเย็นกันบ้างแล้วในยามค่ำคืน เข้าหน้าหนาวแบบนี้สิ่งที่ควรระวังเป็นพิเศษก็คือ ไข้หวัด ที่มักจะเข้าสู่ร่างกายเราเสมอยามที่อุณหภูมิต่ำลง ซึ่งเมื่อเป็นหวัดแล้วเราก็อาจจะต้องรับยาเพื่อรักษาไปตามระเบียบ แต่บางครั้งเรื่องราวมันก็ไม่ได้ราบรื่นแบบนั้น หญิงคนหนึ่งนามว่า Jacalyn Broze จากรัฐมินนิโซตา เธอเกือบ “แขนพิการ” ของเธอไปหลังจากรับวัคซีนรักษาไข้หวัด ปกติแล้ว Jacalyn จะฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี แต่ล่าสุดในปี 2017 หลังได้รับการฉีดวัคซีน มีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับเธอมากกว่าความเจ็บปวดธรรมดา หัวไหล่ข้างที่ได้รับวัคซีนเกิดอาการเจ็บปวดรุนแรง ไหล่ตกและขยับไม่ได้ กระทั่งแพทย์จับเส้นกระดูกสันหลังของเธอยังสังเกตเห็นเลยว่าไหล่ของเธอไม่เท่ากัน เธอจึงไปพบแพทย์หลายแห่ง จนสุดท้ายก็ทราบว่าอาการผิดปกตินี้เรียกว่า SIRVA หรือ อาการเจ็บหัวไหล่จากการฉีดวัคซีน เป็นอาการเจ็บปวดแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นหลังได้รับการฉีดวัคซีนที่ “ไม่ถูกวิธี” อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้หาก ตำแหน่งที่เข็มวัคซีนเจาะเข้าไปนั้นอยู่สูงเกิน หรือไม่ก็เจาะเข็มเข้าไปลึกเกิน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการเจ็บที่เส้นเอ็น ข้อต่อ และถุงน้ำในหัวไหล่ได้ แพทย์กล่าวว่า อาการ SIRVA สามารถเกิดขึ้นได้ทุกครั้งทุกครั้งที่ฉีดยา (ที่แขน) แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นน้อยมาก อย่างไรก็ตาม อาการ SIRVA นั้นสามารถหายได้ หากใครเป็นหวัดไม่สบายก็อย่ากลัวที่จะรับการฉีดวัคซีนเลยนะ เป็นห่วง… ที่มา: shared…
-
หนุ่มถ่าย MV เพื่อแสดงความขอบคุณเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยดูแลรักษาโรคมะเร็งมาโดยตลอด
เรื่องราวของชายหนุ่ม ที่ต้องการจะแสดงความขอบคุณกับเจ้าหน้าที่พยาบาลและคุณหมอ ที่คอยดูแลเขามาตลอดการรักษาโรคมะเร็ง ก็เลยชวนพวกเขามาถ่าย MV เพลงเพื่อบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองซะเลย นาย Davion M. Hollywood หนุ่มวัย 17 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เขาใช้เวลานานกว่า 5 เดือนในโรงพยาบาล Children’s Medical Center ในเมือง Dallas รัฐเท็กซัส จากความประทับใจของการดูแลของเหล่าเจ้าหน้าที่ Davion ก็เลยถ่ายคลิปวิดีโอทุกช่วงเวลาเก็บไว้ในโทรศัพท์ของเขา หลังจากที่การรักษาเสร็จสิ้น และเขาต้องออกจากโรงพยาบาลไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติ Davion ก็เลยนำคลิปวิดีโอเหล่านั้นมาตัดต่อทำเป็นมิวสิกวิดีโอ เพื่อแสดงถึงความขอบคุณที่เจ้าหน้าที่ดูแลมาเป็นอย่างดี จนช่วยให้เขาสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาแย่ๆ ของชีวิตมาได้ รวมไปถึงขอให้เจ้าหน้าที่เต้นแล้วก็ร้องเพลงแบบลิปซิงก์ เป็นเพลง Count On Me ของ Bruno Mars ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลังจากที่วิดีโอดังกล่าวเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทางโรงพยาบาลก็นำคลิปไปแชร์ลงโซเชียล ICYMI: our patient, Davion, created this…
-
นักศึกษาใช้ทักษะ ‘วิศวะ’ สร้างอุปกรณ์แพทย์ ช่วยชีวิตผู้ป่วยเบาหวาน กลางเวหาได้สำเร็จ!!
สำหรับผู้มีโรคประจำตัวมักจะรู้สึกเกร็งทุกครั้งที่ต้องขึ้นเครื่อง ซึ่งในกรณีนี้มักจะต้องนำยาประจำตัวติดมาด้วย หากลืมหรือไม่ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยก่อนเข้าเกท คงเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่ๆ หากเที่ยวบินนั้นมีแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพโดยสารมาด้วย อาจจะช่วยให้อุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานรายนี้ กลับผิดคาดไปจากที่คิด เพราะคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้คือ “นักศึกษาวิศวะ” Karttikeya Mangalam อาจจะฟังดูแล้วเกิดอาการงง เหตุเกิดในระหว่างเที่ยวบินจากเมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ สู่เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย Karttikeya Mangalam นักศึกษาสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากสถาบัน IIT Kanpur กำลังเดินทางกลับภูมิลำเนาหลังจากเสร็จสิ้นโปรแกรมแลกเปลี่ยนในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาพบว่าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินถามหาผู้โดยสารที่เป็นแพทย์ เนื่องจากหนึ่งในผู้โดยสารนาม Thomas วัย 30 ปี ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 กำลังเกิดอาการกำเริบ เนื่องจากขาดอินซูลินในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจาก Thomas ลืมเครื่องฉีดอินซูลินไว้ในถาด ระหว่างผ่านเข้าเกทตรวจสอบความปลอดภัยที่สนามบินนานาชาติเชเรเมเตียโว ซึ่งเขารับอินซูลินเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 ชั่วโมงที่แล้ว จนระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติทำให้เขาเริ่มหน้ามืด Karttikeya เขียนบอกเล่าเหตุการณ์ในครั้งนั้น… แม้จะมีนายแพทย์โดยสารมาด้วย และเขาก็ประสบกับโรคเบาหวานเช่นกัน เขามีอุปกรณ์รักษาติดตัวมาแต่ไม่ได้ออกแบบมาสำหรับ Thomas เพราะปริมาณและส่วนประกอบของสารเคมีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้เข็มฉีดอินซูลินของ…
-
10 วิธีง่ายๆ บ้านๆ ในการรักษา “หัวเข่าหมองคล้ำ” ให้กลับมาขาวใส เปล่งประกาย
เชื่อว่าสาวๆ หรือแม้แต่หนุ่มๆ หลายคนกำลังประสบปัญหา ผิวหนังหัวเข่าคล้ำ กันอยู่ใช่ไหมล่ะ? ผู้ที่ประสบปัญหาเข่าคล้ำหรือเข่าดำส่วนมากก็มักจะหาครีมหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ มาใช้เพื่อทำให้หัวเข่ากลับมาดูขาวเนียนอีกครั้ง แต่จะให้พูดก็คงยาก ว่าผลิตภัณฑ์อะไร ยี่ห้อไหน ใช้แล้วดีที่สุด ฉะนั้น เราตัดเรื่องพวกนี้ไปก่อน เราหันมาพึ่งวิธีธรรมชาติที่หามาทำกันเองได้ง่ายๆ ที่บ้านดีกว่า รับรองว่าช่วยให้เข่าหายดำได้แน่นอน เอาล่ะ ไปชมกันเลยกับ 10 วิธีการธรรมชาติที่ช่วยแก้เข่าดำคล้ำ ได้อย่างดีเยี่ยม 1. แตงกวา เนื่องจากคุณสมบัติการกัดสีของแตงกวา นี่จึงเป็นวิธีรักษาเข่าดำหรือศอกดำที่ได้ผลดีที่สุดวิธีหนึ่ง มันช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายและช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวเอาไว้ ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะวิตามินเอและซีในแตงกวานั่นเอง ใช้แตงกวาหั่นหนาถูๆ นวดๆ ที่บริเวณศอกและเข่าเป็นเวลา 15 นาที จากนั้น ปล่อยทิ้งไว้ 5 นาที ก่อนจะล้างออกด้วย น้ำเย็น นอกจากนี้คุณยังสามารถผสมน้ำแตงกวาเข้ากับน้ำมะนาว แล้วทาลงไปที่เข่า ศอก หรือรักแร้ ได้อีกด้วย เมื่อทาแล้วทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนจะล้างออก ทำแบบนี้ทุกวันก็แล้วจะเห็นผลลัพธ์ 2. มะนาวและเบกกิ้งโซดา มะนาวเป็นผลไม้ที่ช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับผิว ในมะนาวจะมีสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีอยู่มากที่จะช่วยให้ผิวได้ฟื้นฟูตัวเองและเร่งสีที่คล้ำให้ขาวได้ ส่วนเบกกิ้งโซดาจะเป็นตัวช่วยในการขจัดความคล้ำบนผิว ผ่ามะนาวเป็น 2 ซีก…
-
สาวป่วยโรคซึมเศร้า บอกเล่าวิธีการรักษาที่แปลกแต่ได้ผล ทำให้พูดแง่ลบน้อยลง
ปัญหาสุขภาพจิตอย่างโรคซึมเศร้า โรคขี้กังวล และอารมณ์แปรปรวนนั้นไม่อาจมองข้ามได้ ซึ่งในปัจจุบันก็มีการเปิดกว้างและยอมรับว่าเป็นโรคอย่างหนึ่งของมนุษย์แล้ว และใครก็ตามที่กำลังประสบอยู่ก็ไม่จำเป็นจะต้องทนทรมานอย่างโดดเดี่ยวอีกต่อไป… แต่ทว่าวิธีการรักษานั้นยังไม่มีแนวทางที่แพร่หลายมากนัก ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการให้คำปรึกษาจากจิตแพทย์ การรับยาปรับสารเคมีในสมอง แต่ก็คงไม่แปลกเท่ากับวิธีของนักบำบัดรายหนึ่งที่ทำกับชาวเน็ตท่านนี้! เรื่องบอกเล่าจากผู้ใช้เว็บบล็อก Tumblr นามว่า anarchetypal เล่าถึงนักบำบัดที่ชื่อ Paul กับวิธีการรักษาโรคซึมเศร้าของเธอที่ไม่ได้ให้ยา ไม่ได้ให้คำปรึกษา แต่เป็นการยิงปืน Nerf Gun ใช่แล้วล่ะ มันคือปืนอัดลมยิงลูกดอกโฟม! ปืนลมยิงลูกดอกโฟม Nerf Gun เมื่อเธอไปหานักบำบัดตามนัด ก็ต้องพบกับวิธีการรักษาที่คาดไม่ถึง! . “เมื่อฉันได้เห็นโพสต์เกี่ยวกับนักบำบัด มันทำให้ฉันจำได้ว่า Paul นักบำบัดคนเก่า ที่ฉันคิดว่าเป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ที่ยังมีชีวิต และเป็นผู้ที่ไม่ยอมแพ้กับความงี่เง่าของฉันแม้แต่วินาทีเดียว” “ฉันไปหา Paul ในช่วงหน้าร้อนปี 2016 แล้วฉันก็แสดงความงี่เง่าตามปกติ อย่างการพูดแย่ๆ เกี่ยวกับตัวเอง และ Paul ก็จ้องมาที่ฉัน จากนั้นก็ตัดบทและพูดว่าเขามีอุปกรณ์ใหม่ที่จะช่วยให้ผู้คนหลาบจำกับการพูดในแง่ลบ จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง” “แล้วฉันก็ทำเป็นว่า เอาเลย…
-
หมาขาเจ็บน่าสงสารตกลงไปในร่องลึก ได้แต่ร้องขอความช่วยเหลือจนมนุษย์ได้ยินเข้า
เจ้า Felix เป็นหมาจรจัดตัวหนึ่งในประเทศอินเดีย ขาของมันบาดเจ็บก็เลยทำให้เดินได้ไม่สะดวก แล้วก็เป็นโชคร้ายของมันที่พลาดท่าตกลงไปในร่องลึกระหว่างทางเดิน ทำให้มันไม่สามารถขึ้นมาเองได้เพราะเจ็บขาอยู่ เมื่อหมดหนทางจะช่วยตัวเองแล้ว มันก็เลยร้องขอความช่วยเหลืออยู่ตรงนั้นด้วยความโหยหวน โดยหวังว่าจะมีคนผ่านมาแถวนั้นแล้วมาช่วยมันเข้าแม้ฟ้าจะมืดจนไม่น่าจะมีใครผ่านมาแล้วก็ตาม Felix ผู้น่าสงสาร ขาก็เจ็บ แถมยังตกลงไปในร่องอีก ถือเป็นโชคดีของมันที่มีคนผ่านไปแถวนั้นพอดี พอเขาได้ยินเสียงมันขอความช่วยเหลือ เขาก็ติดต่อไปที่กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ Animal Aid Unlimited ให้เข้าไปช่วยมัน เมื่อทราบสถานการณ์แล้วอาสาสมัครก็รีบไปยังพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนที่พวกเขามาถึงเจ้าหมายังคงร้องโหยหวนไม่หยุดเลย ท่าทางมันจะเจ็บมากจริงๆ พวกเขาก็ไม่รอช้าเอาผ้าห่มคลุมตัวเจ้าหมาแล้วอุ้มไปหาหมอเลย เสียงร้องขอความช่วยเหลือของมันฟังดูโหยหวนและเจ็บปวด อาสาสมัครเลยรีบพามันไปหาหมอโดยไว โดยเอาผ้าห่มคลุมตัวแล้วอุ้มไปอย่างนิ่มนวล เมื่อมันมาถึงคลินิกสัตว์ของกลุ่มช่วยเหลือแล้ว สัตวแพทย์ก็รีบรักษาขาที่บาดเจ็บของมันก่อนเลย มันจะได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ขาของมันมีแผลใหญ่มาก พวกเขาต้องเย็บแผลให้มันเพื่อให้แผลสมานกันดี ถึงกระบวนการรักษาจะเจ็บปวดไปบ้าง แต่ Felix ก็ดูมีความสุขมากขึ้นหลังจากสัตวแพทย์เย็บแผลทั้งหมดให้มันแล้ว เชื่อมือหมอนะเจ้าตูบ เดี๋ยวก็หายแล้ว เพี้ยงๆ มันใช้เวลาพักฟื้นตัวกับอาสาสมัครที่นั่นอยู่ 2 อาทิตย์ ระหว่างช่วงเวลานั้นมันทำให้อาสาสมัครทุกคนได้รู้ว่ามันเป็นหมาที่นิสัยน่ารักมาก ถึงจะเป็นหมาจรจัดแต่มันก็เริ่มไว้ใจคนที่ทำดีกับมัน พอหายดีก็สนิทกับพี่อาสาสมัครแล้ว จากตอนแรกที่มันเป็นหมาขี้กลัวซึ่งร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ตอนนี้มันกลายเป็นหมานิสัยดีที่เห่าอย่างมีความสุขเมื่อได้อยู่ใกล้กับคนที่มันไว้ใจ แถมยังยิ้มแย้มตลอดเวลาด้วย แค่มองหน้ามันก็ทำให้คนที่เจอมีความสุขแล้ว…
-
ออเจ้าเจ็บไข้อะไรมา? หมอจ.สุรินทร์แต่งชุดไทยรักษาคนไข้ ราวกับพี่หมื่นมาเอง
จะบอกว่าละครบุพเพสันนิวาสทำให้คนกลับมาฮิตใส่ชุดไทยกันอีกครั้งก็คงจะไม่เกินเลยนัก ด้วยความสวยงามของเครื่องแต่งกาย ทำให้เดี๋ยวนี้มีการจัดแคมเปญหลายๆ อย่างเพื่อให้คนใส่ชุดไทยกันมากขึ้น บางที่อาจจะเพื่อความสวยงามหรือบางที่อาจจะได้รับส่วนลดในบริการต่างๆ ด้วย ล่าสุดเราไปเจอการแต่งชุดไทยแบบสวยๆ มาอีกแล้วล่ะ เป็นภาพของบุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่พากันแต่งชุดไทยไปรักษาคนไข้ ราวกับเป็นพี่หมื่นออกมารักษาคนเองยังไงยังงั้นเลย เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2018 เฟซบุ๊กเพจ โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน ได้เผยแพร่ภาพของพันเอกสงคราม โชคชัย ผอ.รพ.ค่ายวีรวัฒน์โยธิน พร้อมด้วยพยาบาลและบุคลากรอื่นๆ ที่พากันแต่งชุดไทยออกมาตรวจร่างกายและรักษาคนไข้ เพื่อสร้างความสนุกสนาน สดใส และสดชื่นให้กับทุกๆ คน ความดันออเจ้าน่าจักคงที่แล้วหนา . . . . นอกจากนี้ยังมีการเปิดโครงการการ “เมาไม่ขับนะออเจ้า” เพื่อเป็นการรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ด้วย ขับขี่ปลอดภัยกันนะออเจ้า ที่มา โรงพยาบาลค่ายวีรวัฒน์โยธิน
-
เฮีย Robert สลัดเกราะทิ้ง ออกไปพบกับเด็กชายป่วยหนัก สานฝันน้องให้เป็นจริง…
การจะได้พบกับผู้มีชื่อเสียงระดับโลกไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเท่าไหร่นัก การที่แฟนคลับจะได้เจอดาราแต่ละที จะต้องฝ่าฝูงชนแฟนคลับด้วยกันเองไม่พอ พอเข้าใกล้ก็จะถูกการ์ดหรือพนักงานรักษาความปลอดภัยขวางทางอีก แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเฮีย Robert Downey Jr. ที่ประสบความสำเร็จจากบท Iron Man อย่างท่วมท้น มีบุคลิกกวนโอ้ยดูเท่สมตัวตนแล้ว เฮียแกก็ยังให้ความใส่ใจแฟนคลับทุกระดับ แม้ว่าการกระทำเหล่านั้นจะเป็นเพียงสิ่งที่เล็กน้อยก็ตาม… เมื่อเด็กชาย Aaron Hunter ผู้ประสบกับอาการ ROHHAD (Rapid-Onset Obesity with Hypothalamic Dysfunction) ความผิดปกติหายากที่จะเกิดในอัตราเพียง 100 คนบนโลก อันก่อให้เกิดปัญหาทางด้านน้ำหนักและส่งผลกระทบต่อการหายใจ และยังไม่มีหนทางในการรักษาให้หายขาดได้ และความชื่นชอบในตัว Iron Man ทำให้เขาอยากจะเจอกับตัวจริงสักครั้งในชีวิต ด้วยการสร้างแคมเปญ #AaronNeedsIronMan ผ่านทวิตเตอร์ ด้วยใจความเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่ว่า ‘อยากจะเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ดั่งเช่น Robert’ หลังจากที่กระแสถูกกระพือปีกสยายไปตามสายลม ในปี 2017 ทีมอเวนเจอร์ก็ได้เข้าถึงตัวน้องและให้กำลังใจผ่าน FaceTime ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับเฮีย Robert กลับให้น้องมากกว่าที่ทั้งทีมอเวนเจอร์เคยให้ โดยเมื่อวันที่…
-
ความสะเพร่าของโรงพยาบาล ทำให้ผู้ป่วยเป็นอัมพาตครึ่งตัว ไม่เยียวยาและไม่รับผิดชอบ…
โรงพยาบาลเปรียบได้เหมือนดั่งความหวังสุดท้าย ที่จะทำให้ร่างกายของคนเรากลับมาเป็นปกติอีกครั้ง แต่ก็ยังคงมีในบางกรณีที่การรักษากลับทำให้ชีวิตของผู้ป่วยย่ำแย่ลงกว่าเดิม เรื่องราวของผู้ป่วยหญิงวัยรุ่นอายุ 15 ปี จากฮ่องกง ที่มีอาการปวดหัว ปวดคอ และรู้สึกว่าร่างกายด้านขวามีความอ่อนแรงผิดปกติ และเริ่มต้นเข้ารับคำแนะนำทางด้านการรักษากับทางโรงพยาบาล United Christian Hospital ในวันที่ 31 ตุลาคม 2017 จากนั้นในวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 แพทย์ได้วินิจฉัยว่าเธอประสบกับอาการไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน อาจจะเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งหรือเซลล์ประสาททั้งหมดที่ได้รับความเสียหาย และได้รับการรักษาด้วยสเตอรอยด์ในทันที แต่กลับไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ แพทย์จึงแนะนำให้รับการรักษาด้วยวิธี Plasmapheresis (การฟอกเลือด) กระบวนการรักษาที่จะนำพลาสมาที่เป็นพิษออกจากร่างกาย ทำให้สะอาดหมดจนก่อนจะนำกลับเข้าสู่ ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายอีกครั้ง ในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2017 เธอเข้ารับการรักษาด้วยวิธีดังกล่าว และหลังจากที่แพทย์ได้ทำการสวมสายสวนหลอดเลือดไปที่ลำคอ เธอเกิดอาการช็อกส่งผลทำให้เลือดไหลไปกองอยู่ที่บริเวณหน้าอก ทางทีมแพทย์ได้ทำการเอกซเรย์ และทำให้ครอบครัวของผู้ป่วยมั่นใจว่ายังอยู่ในระดับที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตามทีมแพทย์ได้ตัดสินใจย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล Queen Elizabeth Hospital เพื่อรับการรักษาเลือดที่สะสมค้างอยู่ในบริเวณหน้าอกแทน ในขณะที่ทีมแพทย์ทีมใหม่จะทำการเจาะเส้นเลือดดำของผู้ป่วย กลับพบว่าเส้นเลือดแดงของเธอได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จากการสวมสายสวนหลอดเลือดที่คอจากโรงพยาบาลแห่งแรก…
-
หญิงป่วยมะเร็งเผย ‘สารสกัดน้ำมันกัญชา’ ช่วยฟื้นฟูร่างกาย กำจัดมะเร็งให้หายเป็นปกติได้!!
เรื่องของสุขภาพกับโรคร้ายที่ยากจะรักษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากจะได้ยินเมื่อเกิดขึ้นกับตัวเองหรือแม้แต่กับคนใกล้ตัว โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ที่สามารถลุกลามไปทั่วร่างกาย และยากต่อการเยียวยาให้หายขาดได้ ดั่งเช่นเรื่องของ Joy Smith หญิงชาวอังกฤษวัย 52 ปี เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ในปี 2016 และเวลาที่เหลือของเธอนั้นมีเพียงแค่ 6 เดือนต่อจากนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป 2 ปี ทุกอย่างกลับกลายเป็นดีขึ้นเรื่อยๆ Joy Smith ในวัย 52 ปี การฟื้นฟูร่างกายอันน่าประหลาดใจนี้ เธอกล่าวว่ามีผลส่วนหนึ่งมาจากการรับ ‘สารสกัดน้ำมันจากกัญชา’ อย่างสม่ำเสมอ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสารต้องห้ามและผิดกฎหมายในอังกฤษก็ตาม… เธอเปิดเผยว่า “เมื่อคุณรู้ว่ามีชีวิตเหลือเพียงแค่ 6 เดือน คุณจะหาหนทางเพื่อลองทุกอย่าง เชื่อฉันสิ ในตอนแรกฉันไม่ค่อยมั่นใจกับน้ำมันกัญชาเท่าไหร่นัก เพราะฉันไม่เคยเสพยามาก่อน แต่ฉันรู้แล้วว่าหากไม่มีมันฉันก็คงไม่อยู่มาจนถึงวันนี้” “ฉันอยากจะบอกกับทุกคนว่า น้ำมันกัญชาควรจะเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายสำหรับใช้ทางการแพทย์ ผู้คนกำลังล้มตายจากการทำเคมีบำบัด ที่ไม่ได้ช่วยรักษาให้หายดีขึ้นเลย” ก่อนหน้านี้ Joy ได้รับการทำเคมีบำบัดสามวันต่อสัปดาห์ และจะเว้นระยะห่างเป็นทุกๆ สองสัปดาห์ แต่แล้วก็ต้องหยุดรับการรักษาเนื่องจากมีภาวะติดเชื้อ จากนั้นเพื่อนของเธอจึงแนะนำให้รู้จักกับน้ำมันกัญชา หนึ่งในนั้นก็ได้ให้น้ำมันกัญชาในรูปแบบยาเม็ด…
-
จากคำกล่าวของหมอ ว่าเค้าอาจจะไม่รอดจนถึงวันเกิดครั้งหน้า เลยลดน้ำหนักไปได้ 200 กิโลฯ
Stanley Hollar ชายที่เป็นโรคอ้วนและน้ำหนักเกิน เขาอ้วนชนิดที่ว่าเขาอาจจะไม่รอดถึงวันเกิดปีหน้าได้หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เนื่องจากเขามีภาวะเจ็บป่วยและข้อจำกัดทางการรักษามากมายรวมอยู่ในความอ้วนของเขา ทุกอย่างจึงพากันย่ำแย่ลง ขณะที่ชีวิตของเขากำลังมองเห็นจุดจบ ก็กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง เมื่อปี 2015 เขาเริ่มรู้ตัวว่าเขาต้องทำอะไรบางอย่างกับน้ำหนักตัวของเขา ย้อนกลับไปสมัยที่เขายังเป็นเด็กซึ่งแน่นอนว่า ไม่เคยมีช่วงไหนที่เขาผอมเลย สมัยที่เขาเป็นเด็กอนุบาล เขามีน้ำหนักถึง 45 กิโลกรัม Stanley กล่าวว่า “สมาชิกในครอบครัวส่วนมากก็ตัวใหญ่เหมือนผม การที่ผมมีน้ำหนักเกินนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก และผมก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันด้วย” แต่ถึงกระนั้น ญาติของเขาก็เริ่มมองเห็นว่าการมีน้ำหนักเกินของ Stanley เริ่มไม่ปกติ “ครอบครัวผมเองก็เริ่มพูดบางอย่างเกี่ยวกับน้ำหนักของผม แต่ก็แค่คำพูด ผมชินชากับเสียงหนวกหูเหล่านั้นเสียแล้ว” Stanley กล่าว ปัญหาของเขายิ่งเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เมื่อในปี 1996 Stanley ได้รับความบาดเจ็บสาหัสส่งผลให้เขาต้องตัดขาทิ้ง และต้องใช้เวลาเกือบ 20 ปี กว่าที่เขาจะรู้ตัวว่า เขาควรรักตัวเองได้แล้ว เพราะครั้งหนึ่งที่เขาไปหาแพทย์ แพทย์บอกกับเขาว่า เขาอาจจะไม่รอดชีวิตถึงวันเกิดปีหน้า คำพูดนี้ไม่ใช่แค่เสียงหนวกหู มันเป็นสิ่งเขาไม่สามารถมองข้ามได้ Stanley รู้ได้ทันทีว่าเขาต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของตัวเอง ในเวลานั้น เขามีน้ำหนักตัวถึง 307 กิโลกรัม เขากล่าวว่า…
-
หนุ่มสาวทนเห็นแมวข้างถนนลำบากไม่ได้ เลยเก็บมันและพี่น้องมารักษา แถมหาบ้านให้
คู่รัก Will และ Divya แห่งชุมชนบรูกลิน รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นสมาชิกของกลุ่มช่วยเหลือแมว Flatbush Cats ซึ่งที่บ้านของพวกเขาก็มีแมวออยู่ 6 ตัวแล้ว เมื่อทาสแมวทั้งคู่เจอเจ้าเหมียวป่วยอยู่ข้างถนน พวกเขาก็ไม่สามารถมองผ่านมันไปเฉยๆ ได้ พวกเขาก็เลยอุ้มมันกลับมารักษาที่บ้าน เท่านั้นยังไม่พอพวกเขายังกลับไปเอาพี่น้องของมันมารักษาอีกครั้งด้วย ทีนี้เจ้าเหมียวทุกตัวเลยหายดีและมีบ้านที่อบอุ่นอยู่สบายเลย น้องแมวตาบวม Mani ทั้งคู่ตั้งชื่อให้แมวที่เจอว่า Mani มันมักจะนอนอยู่ข้างถนนอยู่เป็นประจำ แต่คนที่ผ่านไปมาก็ไม่มีใครสนใจมันเลยสักคน แม้ว่าตาของมันจะบวมจนเห็นได้ชัดว่าต้องการการรักษาโดยด่วน คู่รักก็เลยอุ้มมันกลับมารักษาที่บ้าน เจ้าเหมียวเองก็นอนนิ่งให้อุ้มมาแต่โดยดี มันคงต้องการความช่วยเหลืออยู่นานแล้วก็เลยเชื่องกับทั้งคู่แบบนี้ เจ้า Fetty เหมียวที่ติดเชื้อที่ตาเหมือนพี่สาวมัน นอกจากเจ้า Mani แล้วคู่รักยังสังเกตเห็นว่าพี่น้องของมันที่อยู่ในแถบนั้นชื่อเจ้า Fetty ก็ติดเชื้อที่ตาเช่นเดียวกัน พวกเขาก็เลยอยากเอามันมารักษาด้วย แต่เจ้าตัวนี้ขี้กลัวพอสมควรก็เลยต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเพื่อจับมันมา แถม Fetty ยังมีพี่สาวชื่อ Storm ที่ตามดูแลติดกันเป็นตังเมเลย พอจะจับมันมารักษาก็เลยได้มาเป็นแพ็คคู่ซะอย่างนั้น แต่ทั้งคู่ก็เต็มใจจะดูแลพวกมันหมดนั่นแหละ Storm คอยตามดูแล Fetty ทุกฝีก้าว ล่อลวงจนมันติดกับเข้าไปในกรงด้วยกัน … …
-
“Latah Syndrome” อาการของโรคบ้าจี้ มันมีอยู่จริงๆ เค้าไม่ได้แกล้งนะตัวเอง!!
สำหรับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ถ้าหากใครได้ติดตามเรื่องราวบนโลกออนไลน์ ก็คงจะเคยเห็นคลิปของชายหนุ่มที่มีอาการบ้าจี้และขี้ตกใจ ที่ทำเอาชาวเน็ตถึงกับฮาท้องแข็งไปตามๆ กันเลยทีเดียว คลิปวิดีโออาการบ้าจี้ของคุณกฤติเดช สมตน ได้รับความนิยมจากชาวเน็ตอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามก็ได้มีหลายๆ คนตั้งข้อสงสัยว่า แท้จริงแล้วอาการดังกล่าวนั้นเป็นเพียงแค่การแกล้งทำ หรือเป็นอาการที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้จริงๆ กันแน่!? และเพื่อเป็นการคลายความสงสัยของทุกคน วันนี้เราก็ได้นำข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับอาการดังกล่าวมาฝากกัน… อาการบ้าจี้หรือที่เรียกว่า Latah Syndrome ถือเป็นความผิดปรกติทางพฤติกรรมของผู้คนที่มักจะแสดงอาการตกใจขึ้นมาอย่างกระทันหัน เมื่อถูกกระตุ้นจากสิ่งรอบข้าง คำว่า Latah คือคำภาษามาเลเซียที่มักใช้เรียกอาการของกลุ่มหญิงสาวที่มีอาการกลัวและทำตามสิ่งที่ถูกบอกอย่างหยุดไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่นมีคนพูดใกล้ๆ พวกเธอว่า “งู” พวกเธอก็จะพูดว่า “งู” ตามนั่นเอง และอาการดังกล่าวยังมีในกลุ่มประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างประเทศไทย อินโดนีเซียอีกด้วย จากงานวิจัยในปี 2001 ได้ทำการศึกษากลุ่มอาการของโรคดังกล่าว และได้ข้อมูลที่น่าสนใจที่ระบุว่าผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวกับความเครียดอย่างเช่นการสูญเสียลูกหรือสามีมาก่อน มีโอกาสที่จะเกิดอาการดังกล่าวตามมา และนอกจากนี้อีกกลุ่มหนึ่งที่มีโอกาสเป็นโรคบ้าจี้ได้ก็คือผู้ที่มักจะมีการฝันแบบแปลกๆ นั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามความเชื่อมโยงเกี่ยวกับกลุ่มอาการดังกล่าวนั้นยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ได้ให้คำแนะนำว่า ผู้ที่อาการดังกล่าวควรที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และค่อยๆ ปรับพฤติกรรมไม่ให้ตอบสนอง แต่ในกรณีที่มีความรุนแรงและมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปรกติดจนรบกวนชีวิตประจำวันเป็นเวลานานก็ควรที่จะพบแพทย์เพื่อใช้ยาในการรักษา และปรับพฤติกรรมต่อไป ที่มา wikipedia, anthropology
-
คุณแม่เคลม ลูกสาวหายจาก ‘โรคลมชัก’ เพราะทานอโวคาโดมากกว่า 1,000 ลูก!?
อาการชักเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปในกลุ่มเด็กทารก เมื่อโตมาเด็กส่วนใหญ่ก็จะหายจากอาการนี้ไปตามปกติ แต่ถ้าเด็กคนไหนเกิดอาการชักบ่อยผิดปกติแม้ว่าจะโตมาแล้วก็ยังเป็นอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาน่าจะเป็นโรคลมชัก เด็กสาว Leafy Liu จากประเทศอังกฤษก็เป็นหนึ่งในเด็กที่เป็นโรคลมชักเช่นกัน แต่อาการของเธอนั้นแย่มากจนเห็นได้ชัด เธอเคยเป็นลมชักบ่อยถึงวันละ 60 ครั้งเลยทีเดียว และพวกเขาก็ไม่อยากพึ่งยาจากหมอด้วย เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอมีอาการข้างเคียง แต่โชคดีที่พ่อแม่ของเธอค้นพบวิธีรักษาเธอแบบใหม่ได้ทัน โดยการให้เธอกินอะโวคาโดซึ่งเป็นการทานอาหารแบบคีโต จากนั้นเด็กสาวก็เกือบหายเป็นปลิดทิ้ง สาวน้อย Leafy Liu สาวน้อยคนนี้เป็นลูกของ Claire คุณแม่วัย 39 ปีและ Justin Liu คุณพ่อวัย 45ปี ครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ในเมือง Loughborough เขต Leicestershire ประเทศอังกฤษ อาการชักของสาวน้อยเริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอมีอายุได้ 6 เดือน ตอนนั้นเธอชักนาน 25 นาทีเลย พ่อแม่ของเธอต้องรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลและรับยาจากหมอถึงจะหายชักได้ พวกเขาหวังว่าอาการชักของเธอจะเป็นแค่การป่วยเท่านั้น หากว่าเธอชักบ่อยจนถึงขั้นเป็นโรคลมชักเธอต้องมีชีวิตที่ยากลำบากแน่ๆ ทว่าหลังจากนั้นเพียง 3 อาทิตย์เธอก็มีอาการชักอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเธอก็จะชักทุก 3 อาทิตย์ แถมอาการยังมาถี่มากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย Clair Liu และ Justin…
-
ชายวัย 34 ปิดหูปิดจมูกเพื่ออั้นจาม ส่งผลหนักถึงลำคอรั่ว ต้องนอนโรงพยาบาลนานถึง 2 สัปดาห์
ในยามที่เราอยู่ในพื้นที่สาธารณะที่ต้องการความเงียบสงบ เช่น ห้องสมุด โรงภาพยนตร์ หรือบนเครื่องบิน ก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะมีฝุ่นผงหรือสิ่งใดที่ทำให้เราต้อง “จาม” ออกมาจนก่อให้เกิดเสียงดัง หากคำนึงถึงมารยาทสาธารณะแล้ว หลายคนคงเลือกที่จะ “กลั้นจาม” เอาไว้เพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนผู้อื่น แต่หารู้ไม่ว่าการกลั้นจามสามารถทำให้คุณถึงกับนอนโรงพยาบาลได้เลยทีเดียว ในวันจันทร์ ที่ 15 มกราคม 2018 ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก แห่งมหาวิทยาลัย Hospitals of Leicester NHS Trust ได้เผยกับ BMJ Case Reports ว่าผู้ป่วยชายอายุ 34 ปี รายหนึ่ง ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากพบว่าเสียงของเขาผิดปกติ ในรายงานกล่าวว่า ผู้ป่วยใช้มืออุดจมูกและปากตนเองก่อนเกิดการ “จามอย่างรุนแรง” จากนั้นเขาจึงรู้สึกได้ว่าเหมือนมีบางอย่างในลำคอพองและแตก การวินิจฉัยในระยะแรกจึงพบว่า มีอากาศถูกกอัดฝังอยู่ที่เนื้อเยื่ออ่อนในลำคอเล็กน้อย เป็นอาการเดียวกับ ภาวะลมในช่องเยื่อหุ้มปอด หากพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือการจามของเขาทำให้คอเขาทะลุเป็นรูเล็กๆ นั่นเอง “ผู้ป่วยบอกว่าเขากลั้นจามเพราะไม่อยากจามออกมาใส่ผู้อื่นหรือแม้แต่ในอากาศ ดังนั้น หมายความว่าเขากลั้นจามมาตลอดราวๆ 30…
-
หมอจีนถูกสั่งสอบ กรณีขอเพิ่มค่ารักษาและบังคับจ่ายเพิ่ม ในระหว่างการทำผ่าตัด…
สื่อท้องถิ่นของจีนรายงานว่ามีศัลยแพทย์หญิงชาวจีนถูกสอบสวนหลังจากมีการกล่าวโทษว่า ขณะที่เธอกำลังทำการผ่าตัด เธอขอให้คนไข้จ่ายเงินเพิ่มสำหรับกระบวนการรักษาเพิ่มเติม คนไข้นามว่า Jiang Meng อายุ 20 ปี กำลังเข้ารับการตรวจปากมดลูกโดยแพทย์ของโรงพยายามบาลต้าเหลียน ซึ่งเป็นเมืองท่าในมณฑลเหลียวหนิงในประเทศจีน แพทย์แซ่ Wang ก็ได้แจ้งว่า Jiang นั้นจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยด่วน ขณะที่การผ่าตัดกำลังดำเนินไป แพทย์ท่านหนึ่งซึ่งไม่แน่ใจว่าใช่ Wang หรือไม่ ก็ได้อ้างว่า Jiang มีปัญหาทางการรักษาบางอย่าง และจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างด่วนที่สุด จากนั้นแพทย์คนดังกล่าวจึงนำแผ่นกระดาษพร้อมคิวอาร์โค้ดมาให้ Jiang เพื่อสแกนรับรองค่าใช้จ่าย และบอกว่าการรักษาเพิ่มเติมนี้จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ราวๆ 9 พันบาท เธอตอบตกลงแต่ขณะนั้นเธอมีเงินในบัญชีเพียง 3 พันบาทเธอจึงจ่ายส่วนต่างในภายหลัง เมื่อ Jiang ออกจากโรงพยาบาลมา เธอเกิดรู้สึกกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในการรักษา เธอจึงเข้าไปสอบถามแพทย์อีกโรงพยาบาลหนึ่ง จึงได้คำตอบว่ากระบวนการรักษาที่เพิ่มเติมมานั้น “ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใด” จากนั้นเธอจึงเขียนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอลงบนสื่อออนไลน์ Weibo จนกระทั่งเรื่องราวถูกส่งไปถึง คณะกรรมการสุขภาพและการวางแผนครอบครัว การสืบสวนเกี่ยวกับเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาจึงเกิดขึ้น ขณะที่ยังไม่ทราบผลของการสืบสวน พนักงานคนหนึ่งในโรงพยาบาลที่ Jiang เข้ารับการรักษาจึงออกมากล่าวกับสื่อ New Culture Daily ว่า “เป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยต้องสแกนคิวอาร์โค้ดสำหรับการรักษาต่างๆ ที่เกิดขึ้น” และยังบอกอีกว่า “มีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นหลายอย่างระหว่างการผ่าตัด และเราก็ไม่สามารถปล่อยคนไข้กลับไปทั้งอย่างนั้นได้หรอก” ที่มา: Scmp
-
หญิงสาวทำการผ่าตัด ‘ผีเสื้อปีกหัก’ เพื่อให้มันสามารถโบยบินได้เหมือนตัวอื่นๆ
ผีเสื้อ จะสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ถึง 5 เดือน แต่โชคร้ายที่บางตัวอาจอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้น เหมือนกับผีเสื้อตัวนี้ที่เกิดมาพร้อมกับความผิดปกติบริเวณปีก จนไม่สามารถโบยบินได้เหมือนผีเสื้อตัวอื่นๆ และแน่นอน มันคงตายภายในไม่กี่วัน เนื่องจากไม่สามารถออกไปหาอาหารได้ เดชะบุญของผีเสื้อตัวน้อยตัวนี้ที่มันได้เจอกับ Romy McCloskey หญิงสาวผู้หลงใหลในผีเสื้อผ่านมาเห็นพอดี จึงทำให้มันได้รับความช่วยเหลือในทันที เจ้าผีเสื้อน้อยอายุแค่ 3 วัน เกิดมาพร้อมกับปีกที่ฉีกขาดไปข้างหนึ่ง Romy จึงหวังที่จะใช้การผ่าตัดช่วยเหลือมัน ด้วยความที่ผีเสื้อตัวนั้นมีความบกพร่องบริเวณปีก Romy จึงเปลี่ยนบ้านของตัวเองให้กลายเป็นห้องผ่าตัด หญิงสาวคือดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าระดับมืออาชีพ จึงทำให้ฝีมืการเย็บปักถักร้อยของเธอถือว่าไม่ธรรมดา ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสามารถช่วยเจ้าผีเสื้อตัวน้อยนี้ได้อย่างมาก อุปกรณ์ที่ใช้คือ ผ้าขนหนู ไม้แขวนเสื้อ กาวเชื่อม ไม้จิ้มฟัน คอตตอนบัด กรรไกร แหนบ ผงแป้ง และปีกสำรองที่ได้มาจากผีเสื้อที่ตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ใช้ไม้แขวนเสื้อล็อคตัวมันไว้ จากนั้นก็เล็มเอาส่วนที่ฉีกขาดออกไป แต่ไม่ต้องกลัวว่ามันจะเจ็บหรอกนะ เพราะเธอบอกว่าการตัดปีกของมัน ก็เหมือนกับการตัดผมหรือเล็บของเราน่ะแหละ ความประณีตและอดทนใช้เวลาไปอย่างยาวนาน ทำให้เธอสามารถต่อปีกมันมาได้สำเร็จ แม้เราจะเห็นรอยเชื่อมอยู่บ้าง รวมถึงจุดบนปีกที่แสดงถึงเพศของมันก็ไม่ตรงกับปีกที่มีอยู่จริงๆ แต่อย่างน้อยเธอหวังว่ามันจะกลับมาบินได้เหมือนเดิม หลังจากพักรักษาตัว ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทดสอบแล้วว่า…
-
รู้จักอาการปวดหัวทั้ง 4 รูปแบบ และเราจะบรรเทาอาการให้เหมาะสมได้อย่างไรบ้าง!?
อาการปวดหัวคือสิ่งที่ทุกคนเคยเป็น แต่เราเคยสงสัยกันบ้างมั้ยว่าอาการที่เราเป็นอยู่นั้นเกิดจากสาเหตุใดและจะสามารถบรรเทาอาการเหล่านั้นได้อย่างไรบ้าง? วันนี้เรามีคำตอบให้กับเพื่อนๆ ทุกคนแล้ว นี่เป็นเกร็ดความรู้จากเพจเฟซบุ๊กที่ชื่อ Goodful โดยพวกเขาได้โพสต์คลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2017 เพื่ออธิบายประเภทของอาการปวดหัว สาเหตุ และวิธีการบรรเทาอาการนั้นแบบง่ายๆ ที่สามารถทำเองได้ในทุกที่ทุกเวลา ว่าแล้วก็ไปดูกันเลยยย อาการปวดหัวประเภทที่ 1 : การปวดหัวที่เกิดจากความตึงเครียด สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดขึ้นคือความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ความหิว ความหดหู่ และความเครียด เรียกได้ว่าเป็นอาการปวดหัวขั้นพื้นฐานที่สามารถเป็นกันได้ค่อนข้างง่าย อาการปวดที่เกิดขึ้นจะอยู่ที่บริเวณหน้าผาก คอ และด้านหลังศีรษะ อาการปวดหัวประเภทที่ 2 : ปวดไมเกรน การปวดไมเกรนสามารถเกิดขึ้นได้จากอาหารและเครื่องดื่มบางชนิด การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มีอะไรไปกระตุ้นกับประสาทสัมผัส และการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม การปวดหัวประเภทนี้ในตอนแรกจะปวดแค่ข้างเดียวก่อน แต่หากปล่อยไว้ก็จะปวดบริเวณขมับ ดวงตา หรือบริเวณหลังหัวเพิ่มเติม อาการปวดหัวประเภทที่ 3 : ปวดไซนัส เกิดขึ้นได้เวลาที่มีน้ำมูกไหล หูอื้อ เป็นไข้ หรือเป็นตอนที่หน้าบวมขึ้น โดยจะปวดบริเวณกระดูกแก้ม…
-
ชวนฟังเพลงที่นักประสาทวิทยาคอนเฟิร์ม ช่วยบรรเทาอาการวิตกกังวลได้มากถึง 65% โค๊ววว!!
อาการวิตกกังวลเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สาเหตุอาจเกิดจากความหวาดกลัว ระแวง หรือกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหากคุณมีอาการดังกล่าวบ่อยครั้งหรือกังวลอย่างหนัก ก็อาจทำให้คุณป่วยเป็นโรควิตกกังวลได้เลย โรคดังกล่าวนอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องต่างๆ แล้ว มันยังส่งผลต่อไปถึงร่างกายของเราได้อีกด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ชาตามร่างกาย เวียนหัว หรือท้องไส้ปั่นป่วน หลายคนที่เป็นอาจเลือกรักษาด้วยการกินยา ซึ่งแน่นอนว่าการรับสารเคมีเข้าไปในร่างกายต้องได้รับผลกระทบบางอย่างอยู่ แต่ตอนนี้ผลการวิจัยล่าสุดออกมาแล้วว่ามีอยู่เพลงหนึ่งที่สามารถช่วยลดความกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์!! นักประสาทวิทยาจาก Mindlab International ในสหราชอาณาจักร ได้ร่วมกันวิจัยเพื่อหาคำตอบว่าเพลงแนวไหนที่สามารถลดความวิตกกังวลได้มากที่สุด จากการสังเกตเรื่องการทำงานของสมอง อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด และอัตราการหายใจของผู้เข้าทดสอบที่ฟังเพลงหลายๆ แนว ทางทีมวิจัยก็ได้นำผลลัพธ์ส่งต่อให้นักดนตรีและนักบำบัดด้วยเสียง ให้พวกเขาช่วยกันแต่งเพลงขึ้นมา ทำให้ออกมาเป็นเพลงที่ชื่อว่า Weightless ของ Marconi Union โดยจากการทดสอบเพลงนี้สามารถลดความวิตกกังวลได้มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายมีอัตราการพักผ่อนเพิ่มขึ้น 35 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเราจริงๆ เพื่อนๆ ลองไปฟังกันดูเลยยย บทเพลงแห่งความผ่อนคลาย ช่วยลดความวิตกกังวลได้เป็นอย่างดี นอกจากการฟังเพลงนี้แล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมหากิจกรรมอื่นๆ เพิ่มเติม เพื่อผ่อนคลายตัวเองจะได้ไม่เครียด …
-
10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ ‘การผ่าตัด & ศัลยกรรม’ จากยุคกลาง แหม๊… มันช่างน่ารักสดใสซะจริ๊งง!!
ถ้าพูดถึงการเข้ารับการผ่าตัด & ศัลยกรรมในสมัยนี้ หลายคนอาจจะไม่รู้สึกกลัว เพราะไหนจะมีทั้งยาชา ยาสลบ แถมยังมีกรรมวิธีอีกมากมายที่ช่วยให้อะไรๆ ก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับ 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการผ่าตัดทางการแพทย์ในสมัยยุคกลาง ซึ่งเป็นยุคสมัยที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ยังไม่ก้าวหน้ามากนัก และการจะรักษาโรคแต่ละอย่างมันก็ช่างแหม๊… ดูน่าลิ้มลองซะจริง!! 1. การผ่าตัดในยุคกลางมีแต่ความเจ็บปวด เจ็บปวด และเจ็บปวด ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่าการผ่าตัดในยุคกลางนั้นเป็นเรื่องที่ทารุนแบบสุด (ถึงขั้นที่คุณอาจเสียชีวิตจากความเจ็บปวดได้เลย) ไม่ว่าจะสาเหตุมาจากความรู้ความเข้าใจในเรื่องกายวิภาคของมนุษย์ที่ยังไม่มากพอ หรือจะเป็นเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ ที่ยังไม่เอื้ออำนวย ที่สำคัญ ในสมัยนั้นผู้ที่รับหน้าที่เป็นหมอส่วนใหญ่แล้วจะมาจากอาชีพบาทหลวงมาก่อน และส่วนใหญ่จะใช้ตำราการแพทย์จากฝั่งอาหรับเป็นหลัก จนกระทั่งในปี 1215 พระสันตปาปาได้ประกาศให้บาทหลวงห้ามยุ่งเกี่ยวกับการแพทย์ และเปิดโอกาสให้เป็นพื้นที่ของคนที่ตั้งใจศึกษาด้านนี้จริงๆ แต่ถึงกระนั้นการผ่าตัดก็ยังไม่ใช่เรื่องทั่วไปเหมือนสมัยนี้อยู่ดี 2. ยาชา/ยาสลบ ในยุคกลางจะใช้สิ่งที่เรียกว่า ‘Dwale’ ชีวิตของผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดในยุคกลางค่อนข้างจะแขวนอยู่บนเส้นด้าย ในสมัยนั้นมีการใช้ยาชาที่เรียกว่า ‘Dwale’ ซึ่งเกิดจากการผสมสารต่างๆ ที่สกัดได้จากธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกัน แต่ก็ใช่ว่าการผ่าตัดจะเป็นไปอย่างเรียบง่าย เพราะเจ้า Dwale นี่แหละ บางทีก็สร้างปัญหาให้ตัวหมอเอง เนื่องจากบางครั้งมันก็แรงมากซะจนทำให้ผู้ป่วยหลับสนิทจนไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย… 3. วิธีการรักษาต้อกระจกสุดโหด…!! หากใครเป็นโรคต้อกระจกในช่วงยุคกลาง…
-
หมอฟันใจดี รู้ว่าสาวถูกแฟนเก่าซ้อมจนฟันหัก ช่วยรักษาให้ฟรีไปเลยจ้า..!!
อีกหนึ่งเรื่องราวแสนอบอุ่นที่เกิดขึ้น เมื่อทันตแพทย์ใจดีอาสาช่วยทำฟันให้สาวฟรี หลังรู้ว่ามันคือบาดแผลจากความรักห่วยๆ เมื่อ 2 ปีก่อน เว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า สาววัย 28 ปี ชาวเท็กซัส Kyleigha Scott ได้ติดต่อเข้าไปขอทำฟันกับคุณหมอคลีนิค Marshall Family Dental หลังเธอต้องการไปผ่าฟันคุด แต่เมื่อได้พบทันตแพทย์ Kenny Wilstead คุณหมอก็ถามเธอทันทีว่า… “ฟันซี่หน้าไปโดนอะไรมาถึงเป็นแบบนี้?” Kyleigha ก็ได้เล่าให้คุณหมอฟังว่า มันเป็นแผลที่เกิดจากแฟนเก่าของเธอซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะจู่ๆ คืนนั้นเขาก็เข้ามาทำร้ายร่างกายเธอ จากนั้นทั้งคู่ก็ได้เลิกราต่อกันไป ซึ่งเธอก็ได้เล่าให้คุณหมอฟังเช่นกันว่า เธอมีแพลนที่จะกลับมาทำฟันซี่หน้าของเธอ เพียงแต่ว่าช่วงนี้เธอยังไม่พร้อมเนื่องด้วยปัญหารายจ่ายหลายๆ อย่าง… แต่คุณหมอใจดีมากกว่านั้น เขาตัดสินใจที่จะมอบรอยยิ้มอันสวยงามของหญิงสาวให้กลับมาอีกครั้ง “ตอนนั้นเธอบอกผมว่า เธอต้องรอให้ได้เงินภาษีประจำปีคืนมาก่อน แต่ผมคิดว่ารอยยิ้มสวยๆ ของหญิงสาวมันไม่สามารถรอให้ครบปีได้หรอกนะ ผมก็เลยตัดสินใจรักษาฟันให้เธอฟรีตอนนี้ซะเลย” คุณหมอเล่า เป็นเวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้นหลังจากที่คุณหมอรักษาอาการปวดจากฟันคุดให้เธอเสร็จสิ้น เธอก็ได้รับรอยยิ้มอันสดใสแบบเดิมกลับมาอีกครั้ง ภาพความแตกต่าง Before &…
-
Scar แมวเหมียวที่ต้องใส่ผ้าปิดตาหลังจากสูญเสียดวงตาไป จนดูเหมือนเป็นโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่
นี่คือเรื่องราวของแมวน้อยน่าสงสารตัวหนึ่งที่ต้องโชคร้ายหลังสูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง แต่หลังจากนั้นไม่นานมันก็ได้รับชีวิตใหม่หลังถูกช่วยและได้รับการรักษาจนหายดี ตอนนี้เจ้าเหมียวก็ได้กลายเป็นอดีตแมวที่มีความสุขมากที่สุดตัวหนึ่งแล้ว นี่คือ Scar เหมียวโจรสลัดที่มีความเท่อย่างกะ Jack Sparrow ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้ Savannah Anas นักชีววิทยาทางทะเล และเพื่อนของเธอได้พบกับลูกแมวจรจัดตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนักบริเวณดวงตา และดูเหมือนต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน นั่นทำให้เธอคิดว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างเข้าซะแล้ว งานนี้ Savannah พร้อมเพื่อนของเธอจึงยอมขับรถเป็นเวลานานถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง เพื่อรีบนำตัวของ Scar ไปรักษาในคลินิกที่ใกล้ที่สุด ภายหลังจากที่นำตัวส่งถึงมือหมอ เธอก็ได้ทราบข่าวที่เลวร้ายว่าดวงตาข้างหนึ่งของมันติดเชื้ออย่างรุนแรง โดยเชื้อได้แพร่กระจายเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้รับการรักษาอาจจะทำให้มันตายได้ อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์ได้เผยว่าเจ้าเหมียวจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดทันที เจ้า Scar เป็นเพียงลูกแมวน้อยที่มีอายุเพียงแค่ 2 สัปดาห์เท่านั้น และการผ่าตัดในครั้งนี้อาจมีความเสี่ยงสูงมาก เพราะโอกาสรอดชีวิตจากการผ่าตัดมีเพียงแค่ 50/50 เท่านั้น… แต่ทว่าด้วยความหวังที่จะต้องช่วยชีวิตของ Scar ให้ได้ ดังนั้น ทางแพทย์จึงตัดสินใจทำการผ่าตัดให้กับมันแม้ว่าจะเสี่ยงอันตรายอย่างมากก็ตาม และแล้วข่าวดีก็มาถึง เพราะในที่สุดแพทย์ก็สามารถช่วยชีวิตของเจ้าเหมียวเอาไว้ได้สำเร็จ เรียกได้ว่ามันเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างมากที่เจ้า Scar สามารถเอาชนะกับสิ่งเลวร้ายที่มันพบเจอมาได้ …
-
นักวิทยศาสตร์คิดค้นสารตัวใหม่ที่ช่วยให้แผลหายไวและลบรอย ‘แผลเป็น’ ได้เร็วขึ้น!!
ปัญหาแผลเป็นบนร่างกายที่เราอยากให้มันหายไปเร็วๆ คงเป็นสิ่งกวนใจให้กับใครหลายคน โดยเฉพาะผู้หญิงที่ต้องห่วงเรื่องความสวยความงามเป็นธรรมดา แต่ตอนนี้นักวิทยศาสตร์ในมหาวิทยาลัย Nanyang Technological ประเทศสิงคโปร์ กำลังคิดค้นแผ่นติดผิวแบบใหม่ที่จะช่วยให้แผลเป็นของคุณหายไปได้เร็วยิ่งขึ้น นอกจากนั้นมันยังสามารถช่วยให้แผลสดหายเร็วขึ้นอีกด้วยเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ทำได้เพียงรักษาเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น แผลเป็นนั้นเกิดจากการที่ร่างกายเรามีคอลลาเจนและโปรตีนที่มากเกินและไปสะสมกันอยู่ที่จุดเดียว ดังนั้นการจะลดรอยดังกล่าวลงได้ต้องหาสิ่งที่สามารถควบคุมการผลิตคอลลาเจน เพื่อช่วยแทรกแซงกระบวนการฟื้นฟูให้เร็วยิ่งขึ้น และจากการศึกษา พวกเขาพบว่ามีโปรตีนชนิดหนึ่งชื่อว่า Angiopoietin-like4 (ANGPTL4) สามารถจัดการกับปัญหานี้ได้จริง เพราะจากการทดลองกับหนูแล้ว สารดังกล่าวสามารถทำให้แผลสดหายเร็วขึ้นถึง 3 เท่าจากปกติ ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยผลิตเซลล์เม็ดเลือดและการเจริญเติบโตของเซลล์ทำให้ลดรอยแผลเป็นลงได้อีกด้วย โอ้วว พระเจ้าจอร์จมันยอดมาก ที่สำคัญคือเจ้าสารดังกล่าสามารถสกัดออกมาโดยตรงจากเนื้อเยื่อไขมันที่ถูกตัดทิ้งในผู้ป่วยได้ หมายความว่าเมื่อมีผู้ป่วยมาผ่าตัดเราก็สามารถนำเนื้อเยื่อที่ถูกทิ้งมาสกัดสารตัวนี้เพื่อใช้รักษาแผลต่อให้กับเขาได้กลายเป็นโชคสองชั้น แต่ถึงอย่างนั้นการที่สารตัวนี้มีรูปแบบการรักษาที่เข้าไปหยุดการผลิตคอลลาเจนเอาไว้อาจเกิดผลกระทบตามมาได้ เพราะว่าคอลลาเจนมีความจำเป็นสำหรับกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิว ดังนั้นการรักษาจึงต้องเป็นไปเฉพาะจุดที่มีการรวมตัวกันมากของคอลลาเจน และต้องหาคำตอบเพิ่มเติมอีกว่าอะไรเป็นตัวที่ทำให้มีการผลิตโปรตีนมากจนเกินไปในตอนที่เกิดแผล จนพวกเขาไปพบกับโปรตีนอีกชนิดที่มีชื่อว่า Scleraxis ซึ่งจะทำงานร่วมกับคอลลาเจนในตอนที่มีแผลเกิดขึ้น แต่ความพิเศษคือเจ้า ANGPTL4 สามารถเข้าไปรบกวนการทำงานของโปรตีนชนิดนี้ ผลลัพธ์ก็คือแผลเป็นที่หายไปเร็วยิ่งขึ้น ในอนาคตเหล่านักวิทยาศาสตร์ในสถาบันหวังว่าจะสามารถผลิตเจ้าตัวยาใหม่นี้ให้ออกมาได้สมบูรณ์แบบ และวางแผนเอาไว้ว่าจะทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำไปใช้ได้ง่ายอย่างเช่นแผ่นเจล ครีม หรือไมโครแคปซูล เวลาที่ผ่านไปความก้าวไกลของวิทยาศาสตร์ก็จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วย ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจไม่มีแผลเป็นให้เห็นอีกแล้วก็ได้ ที่มา: ibtimes
-
นักจิตวิทยาแนะนำ 12 เทคนิคแก้ปัญหา Impostor Syndrome โรคที่ “คิดว่าตัวเองด้อยค่า”
บางคนที่ทำงานมาอย่างหนักและประสบความสำเร็จมาโดยตลอด แต่กลับไม่รู้สึกยินดีกับสิ่งนั้น มองว่าตัวเองไม่คู่ควรกับสิ่งที่ได้มา คิดว่าตัวเองไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรเลย หากว่าเป็นอย่างนั้นหมายความว่าคุณอาจกำลังมีอาการของ Imposter Syndrome อยู่ ซึ่งเป็นความรู้สึกที่มองตัวเองในแง่ลบและรู้สึกด้อยค่า จนบางครั้งมันอาจกระทบเข้ากับการทำงาน การเรียน หรือการใช้ชีวิตของคุณได้ ดังนั้นวันนี้เราจึงจะมาพูดถึงแนวทางการแก้ไข เพื่อให้ทุกคนที่ป่วยเป็นอาการนี้สามารถกลับมาดีขึ้นได้อีกครั้ง เราลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง เขียนบันทึกไดอารี่สำหรับงานหรือสิ่งที่ได้ทำลงไป เขียนสิ่งที่ได้ทำสำเร็จและเป้าหมายที่เราสามารถก้าวไปถึงแล้วลงไปในสมุดซักเล่ม เพราะบางครั้งคุณอาจปล่อยให้ความรู้สึกแง่ลบในตัวครอบงำ จนไม่สามารถรับรู้ได้ว่าในวันนั้นคุณทำสิ่งดีๆ อะไรลงไปบ้าง พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องงาน พยายามหาโอกาสที่เหมาะสมพูดคุยกับเพื่อนในที่ทำงานเดียวกันในเรื่องงานที่ได้ทำ เพราะการพูดอย่างตรงไปตรงมาถึงข้อบกพร่อง ความท้าทาย หรือความสำเร็จของแต่ละคน อาจทำให้รับรู้ได้เองว่าความสามารถและสิ่งที่ต้องเจอของคุณ ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับคนทั่วไปเลย วางเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นในอนาคต การวางแผนเอาไว้ว่าในอนาคต 2 ปี, 5 ปี และ 10 ปีข้างหน้าตัวคุณอยากให้มันเป็นอย่างไร จะช่วยบรรเทาความวิตกกังวลได้ สามารถรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่ต้องทำเพื่อไปให้ถึงแผนที่วางไว้ในอนาคตอันใกล้ต้องทำอะไรบ้าง แผนอีก 10 ปีข้างหน้าที่คุณต้องค่อยเป็นค่อยไปก็จะทำให้คุณไม่รู้สึกว่าตัวเองตกต่ำ ในเมื่อมันต้องใช้เวลาและคุณก็ยังไม่สามารถทำอะไรกับมันได้มากนัก จงพยายามและประสบความสำเร็จไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน อย่าคิดว่าไม่สามารถเปลี่ยนแผนที่วางไว้ได้ เพราะจะกลายเป็นการทรมานตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่าแผนที่วางเอาไว้และดำเนินการอยู่ไม่สามารถทำให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการได้ ก็จงกล้าตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงมันใหม่ เพราะสิ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณเป็นคนมีวุฒิภาวะ การวางแผนสำหรับมาทดแทนอันเดิมจะช่วยให้การตัดสินใจของคุณนั้นง่ายขึ้น ถามหาคำติชม ความรู้สึกไม่แน่ใจกล้าๆ…
-
ช้านร๊ากคูณณณ… คนไข้สาวเพิ่งฟื้นตัว แต่ยังเมายาสลบไม่ได้สติ ขอแต่งงานบุรุษพยาบาลรัวๆ
คนที่ทำงานอยู่ในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นหมอ พยาบาล หรือบุคคลากรทั่วไป ในวันหนึ่งๆ พวกเขาต้องพบเจอกับผู้คนหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นทั้งแปลกบ้าง ดีบ้าง ร้ายบ้าง ก็ต้องคอยรับมือให้เหมาะสมกับความเป็นมืออาชีพอยู่เสมอ เหมือนกับ Luke บุรุษพยาบาลหนุ่มที่ถูกคนไข้สาวบอกรักและขอแต่งงาน เนื่องจากอาการเมายาสลบยังไม่ได้สติเท่าที่ควร ทำเอาเจ้าหน้าที่ทั้งห้องอดหัวเราะไม่ได้กันเลยทีเดียวล่ะ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2016 หลังจากที่ Paris Ferguson ประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอก็ได้รับการผ่าตัดแขนหักจนพ้นขีดอันตราย และเพิ่งจะรู้สึกตัวได้ไม่นานนัก แต่เนื่องจากฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด ทำให้เธอมีอาการเหมือนคนเมาไม่ได้สติเท่าที่ควรนัก และด้วยสาเหตุของคนเมาที่มักจะพูดหรือทำอะไรโดยไม่รู้ตัว เธอคนนี้ก็เช่นกัน ด้วยความเมายาสลบอย่างหนักหน่วง เธอจึงพูดกับบุรุษพยาบาลที่คอยดูแลเธอว่า “ฉันรักคุณม๊ากกกกกก” แค่นั้นยังไม่พอเธอยังลูบไล้แขนและเคราของเขาด้วย จนบุรุษพยาบาลต้องบอกกับเธอขำๆ ว่า “เราเพิ่งเจอกันวันนี้นะ” และที่ฮากว่าคือเธอตอบมาว่า “ฉันรู้ แต่เราต้องแต่งงานกันนะ” จากนั้นเธอก็พูดย้ำอีกว่า “ฉันคิดว่าเราควรจะแต่งงานกันนะ” แล้วเธอก็ร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าหากเธอรู้เรื่องนี้หลังจากฤทธิ์ยาสลบหมดแล้ว เธอคงแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ แต่ระหว่างที่ยังคงมีอาการเมายาสลบอยู่นี้ มันเหมือนเธอได้อยู่ในช่วงเวลาที่มีความสุขกับการหลงใหลผู้ชายคนหนึ่ง และเธอก็ได้บอกความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อเขาโดยไม่รู้ตัว “เราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก Luke ฉันรักคุณ คุณคือผู้ชายที่น่ารักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย” …
-
หนูน้อยป่วยโรคปากแหว่งเพดานโหว่ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง หลังสู้ฝ่าฟันรับการศัลยกรรม
หลังจากที่ Charlotte Halliday คุณแม่วัย 23 ปี จากควีนส์แลนด์ ออสเตรเลีย ได้ให้กำเนิดลูกชายตัวน้อยขึ้นมาเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2017 เธอก็พบกับความจริงอันน่าสะเทือนใจว่า เด็กชายเกิดมาพร้อมอาการผิดปกติเป็นโรคปากแหว่งเพดานโหว่ แน่นอนว่าวิธีการรักษาโรคปากแหว่งฯ นี้มีเพียงวิธีเดียว นั่นก็คือการผ่าตัดศัลยกรรม แต่การผ่าตัดเด็กน้อยอายุไม่ถึงหนึ่งขวบนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ และทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวการต่อสู้ของเด็กน้อย กับการเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อที่จะได้กลับมามีรอยยิ้มสดใสน่ารักเฉกเช่นเด็กคนอื่นๆ อีกครั้ง หนูน้อยชาร์ลี เรื่องราวการต่อสู้ของชาร์ลีนั้นไม่ธรรมดาเลย เพราะหนูน้อยเพิ่งมีอายุได้เพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น สำหรับหัวอกคนเป็นแม่แล้ว คงไม่มีอะไรจะน่ากลัวและน่าเป็นห่วงไปมากกว่าการส่งลูกน้อยเข้าห้องผ่าตัด “ดิฉันกลัวมากเลยค่ะ กลัวว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก เพราะเขาทั้งยังเด็กมากๆ ก็ต้องมาต่อสู้กับการผ่าตัดซะแล้ว” คุณแม่กล่าว สำหรับหนูน้อยชาร์ลี หลังการผ่าตัดก็มีอาการดีขึ้นเรื่อยๆ สุดท้าย หนูน้อยก็สามารถที่จะฉีกแก้มสร้างรอยยิ้มให้เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ แล้ว “มันเป็นหลากหลายความรู้สึกที่รวมกันจนบอกไม่ถูก ตอนแรกที่รู้ว่าลูกเราป่วยเราก็แอบเศร้า แต่พอคุณหมอสามารถช่วยเหลือได้ เราก็ดีใจเช่นกัน” และนี่เป็นภาพเปรียบเทียบหลังการผ่าตัดสำเร็จ เรียกได้ว่า Charlie ได้กลับมามีความสุขแบบที่ควรจะเป็นอีกครั้ง …
-
เจ้าหน้าที่สวนนก เนรมิต ‘รองเท้าบูท’ ให้ฟลามิงโกน้อย จะได้ออกมาเดินเล่นรับแดดบ้าง…
นี่คือ “Squish” ลูกนกฟลามิงโก ที่อาศัยอยู่ในสวนนก Jurong Bird Park ประเทศสิงคโปร์ ที่ในตอนนี้มันสามารถเรียกรอยยิ้มให้กับผู้ที่ได้พบเห็นเป็นอย่างมาก ภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ให้มันสวมรองเท้าบูทสีน้ำเงินมาเดินเล่นภายในสวน สำหรับเจ้า Squish มันเป็นลูกนกฟลามิงโก ที่ถูกแม่ทิ้งไปตั้งแต่ที่มันยังเป็นเบบี๋อยู่ในไข่ แต่อย่างน้อยมันก็ยังโชคดีที่มีคนมาพบเห็นเข้า และนำมันไปฟักที่ศูนย์เพาะพันธุ์ในสวนนก Jurong อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่มันได้ออกมาลืมตาดูโลก ทางเจ้าหน้าที่ดูแลก็ได้เนรมิตรองเท้าบูทคู่เล็กๆ ให้มันใส่ เพื่อป้องกันจากผิวคอนกรีต ที่อาจจะส่งผลกระทบให้เท้าของมันติดเชื่อ เนื่องจากเท้าของเจ้า Squish มีขนาดเล็ก และบอบบางมาก ทางด้าน Gerard Wan เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลภายในสวนนกแห่งนี้ก็ได้ออกมาเผยว่า ในตอนนี้มันยังไม่สามารถเดินบนคอนกรีตด้วยเท้าเปล่าได้ แต่อย่างไรก็ตาม การเดินเป็นประจำทุกวันคือสิ่งที่จำเป็นสำหรับเจ้า Squish ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยให้มันได้ออกกำลังกาย และเปิดรับแสงแดดเข้าร่างกายด้วย “เมื่อเท้าของมันเริ่มโอเค เราจะส่งมันกลับเข้าฝูง และหวังว่ามันจะสามารถอยู่ร่วมกับฝูงได้” Gerard กล่าว และนี่ก็เป็นภาพของเจ้า Squish ขณะสวมรองเท้าคู่จิ๋วเดินเล่นอยู่ภายในสวนสัตว์ เรียกได้ว่ามันเป็นภาพของนกฟลามิงโกที่น่ารักที่สุดที่เราเคยเห็นมาเลยล่ะ… ว่ามั้ยเอ่ย? …
-
เด็กน้อยต้องถูกตัดขาจากโรคร้าย ได้รับความสุขจากเจ้าสุนัขที่มีความพิการเช่นเดียวกับเธอ
เวลาที่เราเจ็บไข้ได้ป่วยและต้องเข้ารับการรักษาในช่วงระหว่างนั้นเราก็อยากจะได้มีใครสักคนมาอยู่ให้กำลังใจเอาใจใส่ดูแลเรา แต่สิ่งที่จะช่วยเยียวยาให้กับเด็กคนนี้ได้มากขึ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นคนเสมอไปหรอกนะ เมื่อเด็กสาวชื่อว่า Tessa Puma วัย 6 ขวบที่ต้องสูญเสียขาของเธอไปในเดือนเมษายนที่ผ่านมาเพื่อการรักษาโรคร้ายที่เธอเป็นอยู่ โดยโรคดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเพียง 1 ในล้านคนของเด็กในแต่ละปี โรค Necrotizing Fasciitis ที่เกิดจากแบคทีเรียนั้นได้ทำให้เธออาการอักเสบบริเวณลำคอ หลังจากนั้นก็มีอาการเจ็บบริเวณแขนขาและมีไข้ จนกระทั่งเกิดการติดเชื้อในกระแสเลือดและเยื่อหุ้มเซลล์ สุดท้ายก็ทำลายเนื้อเยื่อของเธอไป จนเมื่อแพทย์ตรวจพบว่าไม่เจอชีพจรบริเวณขาซ้ายของเธอแล้ว จึงตัดสินใจตัดขาข้างนั้นของเธอ จากจุดนั้นเองก็ทำให้เธอได้มารู้จักกับ Gracie และ Rudy เจ้าหมาที่มีเพียงแค่สามขา Gracie ซ้าย Rudy ขวา . เจ้า Gracie นั้นถูกตัดขาเพื่อการรักษาตอนมีอายุเพียง 1 ปีแต่ก็สามารถเดินได้อย่างไม่เป็นปัญหา ในขณะที่ Rudy นั้นพิการมาตั้งแต่เกิดและต้องใช้ขาเทียมเวลาเดิน เธอได้เข้ามาที่โรงพยาบาลเด็ก Akron ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นั่นเชื่อว่าการที่มีสัตว์มากมายรายล้อมจะสามารถช่วยเยียวยาอาการป่วยของเธอ และเธอก็จะได้เริ่มใช้ขาเทียม . เธอได้เริ่มเรียนรู้ที่จะเดินอีกครั้งกับเจ้าสุนัขทั้งสองตัว ซึ่งพวกมันก็ได้ช่วยให้เธอสามารถเรียนรู้และฟื้นฟูจากการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี เธอสนุกกับการที่ได้ออกไปเดินเล่นกับพวกมันเพื่อเพิ่มในเรื่องของความสมดุลขณะเคลื่อนไหวและกำลังกายของเธอ . …
-
หญิงวัย 40 ปี อุ้มท้องป่องมานานกว่า 7 ปี ไม่ยอมรับการรักษา ทั้งๆ ที่เป็นเนื้องอกอยู่ภายใน
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2017 ทางเว็บไซต์เดลีเมล์มีรายงานว่า หญิงชาวกัวเตมาลาวัย 40 ปีรายหนึ่ง มีขนาดท้องที่ใหญ่มาก โดยสามารถวัดเส้นรอบวงได้มากถึง 137 เซนติเมตร ซึ่งขนาดท้องที่ใหญ่ของเธอดูราวกับว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ทารกน้อยหลายคน แต่ความจริงแล้วมันคือเนื้องอกในมดลูกที่เธอเป็นมานานกว่า 7 ปี จากการรายงานระบุว่า หญิงรายดังกล่าว ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในมดลูกที่เรียกว่า Leiomyoma หรือ Fibroids แต่ทั้งนี้ เนื้องอกในมดลูกเป็นเนื้องอกชนิดที่ไม่ร้ายแรง ดังนั้น ผู้ป่วยเป็นโรคนี้จะมีโอกาสเป็นมะเร็งได้น้อยมาก แม้ว่าก่อนหน้านี้เมื่อ 7 ปีก่อน เธอจะได้รับการตรวจพบว่าเธอเป็นโรคเนื้องอกมดลูก แต่เธอก็ได้ปฏิเสธการรักษา เนื่องจากเธอคิดว่าตัวเองตั้งครรภ์ แต่ภายหลังจากที่ท้องของเธอใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เธอก็ตัดสินใจเข้ารับการรักษา ซึ่งทางทีมแพทย์ก็สามรถนำเนื้องอกดังกล่าวออกมาได้ และเมื่อนำมาชั่งน้ำหนักก็พบว่ามันหนักมากถึง 70 ปอนด์ (ราวๆ 32 กิโลกรัม) เลยทีเดียว ทางด้านนักศึกษาแพทย์รายหนึ่ง ได้นำภาพของหญิงรายนี้ไปโพสต์ลงในโลกออนไลน์ ซึ่งเธอก็ได้ระบุว่า เมื่อ 7 ปีก่อนผู้ป่วยรายนี้ได้เป็นเนื้องอกในมดลูก แต่ด้วยเหตุผลส่วนตัวจึงทำให้เธอปฏิเสธรับการรักษา…
-
หมอผ่าตัดใส่ ‘ซิลิโคนขยายเนื้อเยื่อ’ ไว้ที่หน้าผากของหนุ่ม เพื่อรักษารอยแผลเป็นให้หายดี
เรื่องราวของชายหนุ่ม ชื่อว่า George ที่ต้องถูกผ่าตัดใส่ถุงซิลิโคนขยายเนื้อเยื่อเข้าไปบนหน้าผากของเขา คล้ายกับการเสริมหน้าอกของสาวๆ เพื่อรักษารอยแผลเป็นใหญ่ตรงคิ้ว อันเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่แกรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาเสียเลย แผลเป็นนี้เกิดขึ้นเพราะวันหนึ่งจู่ๆ นาย George ก็รู้สึกปวดหัวคล้ายกับว่าจะเป็นหวัด ก็เลยตัดสินใจขับรถไปโรงพยาบาล แต่ระหว่างทางกลับเกิดอุบัติเหตุรถชนเข้ากับรั้วเหล็กจนทำให้ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ หลังจากที่ฟื้นตัวขึ้นมา George ก็ได้รีบโทรแจ้งไปที่เบอร์ฉุกเฉิน พอมาถึงที่โรงพยาบาลก็พบว่าไม่มีศัลยแพทย์อยู่เลยแม้แต่คนเดียว ประจวบกับเลือดที่ไหลออกมาอย่างมากมาย จึงทำให้คุณหมอตัดสินใจที่จะเย็บแผลที่เปิดยาวไปทั้งๆ อย่างนั้น เพื่อช่วยรักษาชีวิตของเขาเอาไว้ ตอนแรก George ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับบาดแผลของตัวเองนัก แต่พอแผลเริ่มหายแล้วก็พบว่ามันเกิดเป็นรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ และคิ้วของของก็ขาดออกจากกัน แถมยังเลื่อนขึ้นไปด้านบนอีกต่างหาก “มันมีช่องว่างเกิดขึ้นกับคิ้วของผม ทำให้มันแยกออกจากกันเป็นสองส่วน ซึ่งอีกส่วนหนึ่งมันอยู่เหนือขึ้นไปบนหน้าผาก เจ้าแผลที่ดูน่ากลัวนี้มันทำให้ผมรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลย” เขาจึงตัดสินใจไปหาหมอศัลยกรรมเพื่อทำการรักษารอยแผลเป็น และคิ้วของเขาให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม และคุณหมอ Nassif ก็ตัดสินใจที่จะนำถุงขยายเนื้อเยื่อใส่เข้าไปที่หน้าผากของเขา พร้อมกับอธิบายให้ฟังว่า “นายจะต้องใส่เจ้าถุงขยายเนื้อเยื่อขนาดเท่าลูกเทนนิสนี้เอาไว้ที่หน้าผากไปอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์” George เล่าว่า “ความรู้สึกของผมหลังจากที่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่า การที่มีก้อนกลมๆ ขนาดเทาลูกเทนนิสบนหน้าผากของผม มันคงจะน่าอายหน่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็จะทำ เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้คิ้วของผมกลับมาเป็นเหมือนปกติได้” แต่กลับกลายเป็นว่าผลที่ออกมา…
-
คุณป้าโวยเดือด ตั้งใจไปผ่าตัดเล็ก ไม่รู้หมอทำอีท่าไหน… ตื่นมาฟันหน้าหายเกลี้ยง!?
ลองคิดดูว่าจะเป็นยังไง ถ้าคุณตั้งใจไปผ่าตัดเล็ก แต่หมอดั๊นไปทำอย่างอื่นแถมเล่นใหญ่อีกต่างหาก แบบนี้ไม่ตรงสเปคสุดๆ!! โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคุณป้า Gail Tapp เมื่อเธอได้เดินทางไปเข้ารับการผ่าตัดเล็ก เพื่อบรรเทาอาการแผลฟกช้ำตามร่างกาย ที่โรงพยาบาล USMD ในเมือง Fort Worth รัฐเท็กซัส คุณป้า Gail Tapp สำนักข่าว CBFNews รายงานว่า เนื่องจากตอนผ่าตัดคุณป้าได้รับยาชาทำให้เธอรู้สึกเคลิบเคลิ้มและไม่ได้สติ ซึ่งเธอได้บอกกับหมอว่าเธอมีสะพานฟัน (สำหรับผู้ใช้ฟันปลอม) อยู่ในปาก ทันทีที่เธอตื่นขึ้นมาจากการผ่าตัด เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างผิดแปลกไปจากเดิม… “ฉันรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ เกิดขึ้นกับช่องปากของฉัน” เธอกล่าวถึงความรู้สึกแรกที่ตื่นขึ้นมา คุณป้าถึงกับตกใจเมื่อตื่นมาพบว่าฟันปลอมของเธอหายไปหมดเลย..!? ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ออกมาชี้แจงว่า คุณป้า Gail เป็นคนบอกคุณหมอเองว่าให้ช่วยถอดสะพานฟันออก ในช่วงที่คุณหมอกำลังย้ายท่อหายใจ ยิ่งไปกว่านั้นคือก่อนหน้าการผ่าตัด คุณป้าได้เซ็นเอกสารรับทราบข้อตกลงเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการผ่าตัดแล้ว ทำให้โรงพยาบาลไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยให้เธอ ล่าสุดคุณป้าออกมาชี้แจงว่า ถ้าจะใส่ฟันใหม่ต้องใช้เงินสูงถึง 15,000 เหรียญสหรัฐฯ เธอขอแค่โรงพยาบาลยกค่าใช้จ่ายส่วนนี้ให้ก็พอแล้ว… ก็ไม่รู้นะว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง… แต่ดูเหมือนป้าจะแอบอยากหาเรื่องไม่จ่ายหนี้นะเนี่ย ที่มา: TheSun
-
เด็กชายฟื้นจากโรคมะเร็งร้ายได้อย่างปาฏิหาริย์ เมื่อได้รับกัญชาเข้าไปเยียวยาร่างกาย…
ย้อนไปเมื่อปี 2010 ในขณะที่เด็กชาย Deryn Blackwell มีอายุเพียง 6 ขวบ เขาพบว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือลูคีเมีย ซึ่งอาการป่วยดังกล่าวทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่ถึงกระนั้น อาการของเขาก็ไม่ดีขึ้นแม้แต่น้อย เคราะห์ซ้ำกรรมซัดเข้าไปอีก เมื่อในปีถัดมาทางแพทย์สามารถตรวจพบโรคมะเร็งอีกอย่างในร่างกายของเขา นั่นก็คือโรคมะเร็งซาร์โคมาที่เกี่ยวข้องกับเนื้อเยื่อ ซึ่งในปัจจุบัน มีเพียง 5 คนบนโลกเท่านั้นที่มีอาการนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังกลายเป็นหนึ่งในคนที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งแทรกซ้อนสองชนิดในเวลาเดียวกัน ซึ่งมีโอกาสเพียง 1 ใน 7 ล้านเท่านั้น อาการป่วยของโรคมะเร็งทำให้แทบทุกส่วนของร่ายกายเขาได้รับความเจ็บปวด จนเขาต้องฉีดมอร์ฟีนเพื่อระงับอาการเจ็บปวดเหล่านั้นแทบทั้งวัน หลังจากทำการรักษามาเกือบ 5 ปี อาการของเขาก็ยังแย่ลงเรื่อยๆ หมอบอกว่าถ้าเขายังไม่ดีขึ้น เขาอาจจะเสียชีวิตในไม่กี่สัปดาห์ ทำให้ทางด้าน Callie แม่ของเด็กชายรู้สึกเครียดมาก เธอพยายามศึกษาวิธีการรักษาต่างๆ ที่พอจะเป็นไปได้ จนกระทั่งเธอได้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้กัญชารักษาโรคมะเร็ง ที่ผิวเผินแล้วคงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อสำหรับเด็กอายุสิบขวบนิดๆ แต่เมื่อไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เธอก็ต้องยอมเสี่ยง “เราตัดสินใจทำสิ่งที่พ่อแม่หลายคนทั่วโลกต้องช็อค ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่เคยเห็นถึงประโยชน์ของการเสพกัญชาเลย แถมในสายการทำงานของฉัน ยาเสพติด แอลกอฮอล์แทบจะเป็นสิ่งที่ไม่ถูกกันอย่างแรง แต่ถ้ามันจะช่วยให้ลูกชายของฉันพ้นจากความทุกข์ทรมานได้ ฉันจะลอง” Callie กล่าว…
-
“เจ้าหมาพิตบูล” ถูกทิ้งเพราะโดนผึ้งนับพันรุมต่อย และหญิงสาวใจงามก็ได้เข้ามาช่วยมันไว้!!
Stinger เป็นชื่อของสุนัขพิทบูลพันธุ์ผสมสีขาวตัวหนึ่งที่โชคร้าย ถูกผึ้งนับพันรุมต่อยจนทำให้สภาพของมันยับเยิน อีกทั้งร่างกายก็มีบาดแผลจากการถูกต่อยเต็มไปหมด จนทำให้เจ้าของเดิมรับสภาพของมันไม่ไหว และทิ้งไปอย่างไม่มีใยดี แต่อย่างน้อยมันก็ยังโชคดี ที่ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยในรัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ไปพบเจ้า Stinger เข้า และนำตัวของมันส่งให้สัตว์แพทย์ได้รักษาทันที ในที่สุดโชคร้ายของมันก็กลายเป็นโชคดี เมื่อ Carri Shipaila ผู้ก่อตั้งองค์กร LuvnPupz ได้ก้าวเข้ามาช่วยเหลือมัน ซึ่งเธอได้รู้ว่านอกจากจะถูกผึ้งนับพันรุมต่อยแล้ว อาการของเจ้า Stinger ก็ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เพราะหลังจากที่มันได้รับยาปฏิชีวนะที่นำมาใช้ในการรักษาพิษของผึ้ง เจ้า Stinger ก็กลับแพ้อย่างหนัก หนำซ้ำมันยังมีอาการหูหนวก และเป็นโรคหิด ซึ่งจะมีโอกาสเกิดโรคติดต่อทางผิวหนังสูงอีกด้วย โชคดีที่มันก็ไม่ได้ถูกทิ้งให้ต้องทนทรมานอยู่กับความเจ็บปวดอย่างเดียวดาย เพราะอย่างน้อยก็ยังมีคนใจดีมาช่วยมันเอาไว้ สภาพของมันในตอนแรกช่างน่าเวทนาเหลือเกิน ทางด้านองค์กร LuvnPupz ที่ได้รับเจ้า Stinger มาเลี้ยง ก็ได้พยายามช่วยกันระดมเงินเพื่อช่วยรักษาเจ้าหมาผู้น่าสงสารตัวนี้ หลังจากที่ได้รับการรักษาอาการของมันก็ดีขึ้นเรื่อยๆ สังเกตได้ว่ารอยแผลมันหายไป และตอนนี้มันก็ดูกลับมาหน้าตาสดใส เหมือนจะมีความสุขขึ้นด้วย (ตาแบบหมดหวัง กลายเป็นแววตาจิกกล้องซะแล้ว) ดูเหมือนว่าเจ้า Stinger จะเริ่มกลับมาดูดีเหมือนเดิมแล้วสิ…
-
น้องหมาผู้น่าสงสาร ถูกธนูเสียบทะลุลำตัว หลังถูกล่าไปขาย โชคยังดีที่รอดชีวิตมาได้!!
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เผยภาพของน้องหมาที่น่าสงสารตัวหนึ่ง ในสภาพที่บาดเจ็บสาหัส หลังถูกพ่อค้าสุนัขตามล่าอยู่ในเมืองเฉิงตู ประเทศจีน จากภาพเราจะเห็นได้ว่า เจ้าหมาถูกลูกธนูเสียบทะลุบริเวณช่วงไหล่ และลำคอของมัน จนทำให้ขนสีขาวเต็มไปด้วยเลือดเกือบทั่วทั้งลำตัว เมื่อทางศูนย์คุ้มครองสัตว์ ได้ทราบข่าวของเจ้าหมาตัวดังกล่าว พวกเขาก็รีบเข้ามาช่วยเหลือมันทันที พร้อมกับนำตัวของมันไปรักษา แม้ว่าในตอนแรกมันจะวิ่งหนีเพราะความหวาดกลัว แต่สุดท้ายทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับตัวมันกลับไปรักษาอย่างปลอดภัย และทำให้มันพ้นขีดอันตรายไปในที่สุด หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์คุ้มครองสัตว์ได้นำภาพของเจ้าหมาไปโพสต์ลงในเฟสบุ๊ค ก็สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มผู้คุ้มครองสัตว์จากทั่วโลกเป็นอย่างมาก ด้าน Rose Gardiner หนึ่งในผู้ใช้เฟสบุ๊คได้เข้ามาแสดงความเห็นว่า “ฉันรู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าได้รับการช่วยเหลือ แต่ภาพของมันทำให้ฉันใจสลายเพราะยังมีสุนัขอีกหลายล้านตัว ที่อาจจะเจอกับเหตุการณ์แบบนี้” นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้เฟสบุ๊คคนอื่นๆ อย่าง Charlotte Roberts ก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นเช่นกัน “นี่ถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก แต่โชคดีที่สุดท้ายเรื่องราวจบลงอย่างมีความสุข” ส่วนทางเฟสบุ๊คจากกลุ่มคุ้มครองสัตว์ในจีน ก็ได้ออกมาเผยว่า “เจ้าหมาตัวนี้ถูกลูกธนูยิงเข้าบริเวณไหล่ และคอของมัน แต่โชคดีเหลือเกินที่ Qiao Wei ผู้ใจบุญได้เข้ามาช่วยเหลือมันไว้ และรีบส่งตัวมันไปโรงพยาบาล” และที่น่ายินดีไปกว่านั้นคือ ลูกธนูไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อ และอวัยวะภายในของมันได้รับบาดเจ็บรุนแรง…
-
คุณแม่ป่วยลำไส้อักเสบ เลิกกินยา และหันมาใช้กัญชาเยียวยาแทน เป็นประจำวันละ 3 ครั้ง!?
ต้องบอกก่อนว่า สำหรับเรื่องราวที่จะมาเล่าให้กันอ่านในครั้งนี้ เราไม่ได้ตั้งใจสนับสนุนให้ใช้สิ่งผิดกฏหมายที่เรียกว่า ‘กัญชา’ นะจ๊ะ เพราะยังไงมันก็ผิดกฏหมายบ้านเราอยู่ เพียงแต่เห็นว่าเรื่องนี้น่าสนใจจนอยากจะเอามาบอกต่อเท่านั้นเอง จากรายงายของ TheSun เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2559 ได้รายงานเรื่องราวของครอบครัว Longstaff จากแคนาดา ที่คุณแม่ประสบปัญหาป่วยอย่างหนักด้วยอาการลำไส้อักเสบ ส่งผลทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา Lorena Longstaff คุณแม่วัย 31 กับสามี และลูกชายสุดที่รักของเธอ ซึ่งอาการป่วยของเธอนี้มีมาตั้งแต่ช่วงที่เธอเป็นสาว และยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นหลังจากที่เธอคลอดบุตรชายออกมา เมื่อเธอเข้าพบแพทย์ คุณหมอก็สั่งยาสเตียรอยด์มาให้เธอ เพื่อแก้อาการบาดเจ็บในครั้งนี้ หลังจากที่ใช้ยาตามใบสั่งแพทย์ไปเรื่อยๆ กลับพบว่าร่างกายของเธอแย่ลง สุขภาพจิตก็เช่นกัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย ไม่สามารถแม้แต่จะวิ่งเล่นกับลูกชายสุดที่รักได้ แต่ทว่าเธอมีโอกาสได้เห็นเรื่องราวชีวิตของผู้ป่วยที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน และนำกัญชามาใช้เพื่อการรักษา เธอจึงเริ่มสนใจ และยื่นเรื่องทำบัตรผู้ป่วย ตามกฏหมายของประเทศแคนาดา “ฉันเคยคิดว่า คนเสพกัญชาต้องเป็นคนไม่ดี หรือขี้ยาอะไรทำนองนั้น แต่ไม่น่าเชื่อว่า หลังจากที่ต้องทนทุกข์ทรมาณมาตลอด 8 ปี กัญชาทำให้ฉันกลับมามีชีวิตที่ปกติและแข็งแรงได้อีกครั้ง” ทุกๆวันเธอจะต้องหยดสารสกัดจากกัญชาสู่ร่างกายตัวเอง รวมถึงดูดวันละไม่เกิน 3 ครั้ง…
-
“Bubbles” ปลาทองทนทรมานอยู่กับเนื้องอกบนหัว ในที่สุดก็ได้รับการผ่าตัด จนหายดีแล้ว
Bubbles เป็นชื่อปลาทองตัวน้อย ที่ได้กลับมาเริ่มต้นใช้ชีวิตใหม่อย่างมีความสุข หลังจากที่ทางทีมแพทย์ช่วยกันผ่าตัดเนื้องอกบนหัวของมันออกได้สำเร็จ จนทำให้มันสามารถรอดชีวิตมาได้ ดีใจด้วยนะเจ้าปลา… ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 8 เดือนที่แล้ว ทางเฟสบุ๊คที่ชื่อ Lort Smith Animal Hospital ได้เผยภาพของ Bubbles ปลาทองอายุ 9 ปี ที่ต้องทนทุกข์ทนมานอยู่กับการมีเนื้องอกขนาดใหญ่โผล่ออกมาบริเวณหัว จึงทำให้มันว่ายน้ำค่อนข้างลำบาก อีกทั้งยังทำให้มันไม่สามารถกินอาหารได้ตามปกติ ด้วยเหตุนี้ ผู้เป็นเจ้าของจึงได้นำเจ้าปลาทองแสนรัก ไปรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Lort Smith ในประเทศออสเตรเลีย ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นอาการของเจ้า Bubbles ทางแพทย์ก็ได้เผยว่า เจ้าปลาทองจะต้องได้รับการผ่าตัด การน้ำปลาออกมาจากน้ำเป็นเวลานานๆ กว่าจะทำการผ่าตัดเสร็จมันไม่ใช่ง่ายที่ง่ายเลย โดยในตอนแรก ทางแพทย์ได้ให้ยาชากับมัน แล้วนำท่อออกซิเจนสอดเข้าไปในปาก เพื่อช่วยให้มันหายใจ จากนั้นก็ได้ลงมือผ่าตัดนำเนื้องอกชิ้นโตออกไปจากหัวของเจ้า Bubbles เมื่อการผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี จนทำให้ในตอนนี้เนื้องอกที่อยู่บนหัวของ Bubbles ได้หลุดออกมาแล้ว หลังจากที่ได้รับการผ่าตัด และรักษาตัวจนหายดี เจ้าปลาทองน้อยก็กลับมาชีวิตที่สดใส และมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากกกกก ต้องขอขอบคุณทางแพทย์มากจริงๆ…
-
เปิดโลกใบใหม่กับ 20 ทริคดีๆ ที่จะทำให้เสื้อผ้าของคุณนั้น ดูดีและสมบูรณ์แบบอยู่เสมอ!!
เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายต่างๆ นั้น ล้วนแต่เป็นของที่มีราคาทั้งสิ้น และวันนี้เราก็มี 20 เคล็ดลับดีๆ ในการดูแลสภาพของมันให้ใหม่และสมบูรณ์อยู่เสมอ ลองมาศึกษากันดูรับรองว่าจะได้ทริคดีๆ ไปใช้กันเยอะเลยล่ะ!! 1. น้ำมะนาวและเบคกิ้งโซดาสามารถนำมาใช้ในการขจัดคราบใต้วงแขนได้อย่างเห็นผล แค่นำไปพรมใส่จุดที่เปื้อน โรยเบคกิ้งโซดาไว้ 2-3 ชั่วโมงแล้วล้างออก!! 2. ทำให้เสื้อกันหนาวหายยับยู่ยี่ได้ง่ายๆ ด้วยการนำใส่ถุงพลาสติกแล้วนำไปใส่ในตู้เย็น ความเย็นจะทำให้ใยผ้าเรียงตัว แค่นี้มันก็จะหายยู่ยี่แล้วล่ะ!! 3. ใช้ทิชชู่ถูลงตามเนื้อผ้าเพื่อลดไฟฟ้าสถิตย์ 4. ถ้าผ้ายับไม่มาก ใช้ที่ยืดผมช่วยได้น้าาาา 5. ขจัดคราบรองพื้นที่ติดตามเสื้อด้วยครีมโกนหนวด!! 6. ขยายไซส์รองเท้าแบบง่ายๆ ด้วยการนำถุงใส่น้ำใส่ในรองเท้า แล้วนำไปแช่ช่องฟรีซค้างคืน 7. ล้างคราบไวน์แดง ด้วยการเทไวน์ขาวลงไปทับ โรยเบคกิ้งโซดาให้ทั่ว ราวๆ 2-3 ชั่วโมงแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด . 8. รักษาทรงรองเท้าบู๊ทด้วยการใส่นิตยสารม้วนแล้วยัดเข้าไป 9. นำโรลออนมาถูตรงส้นเท้า แค่นี้รองเท้าก็ไม่กัดแล้วล่ะ 10.…
-
ทารกน้อยได้ชีวิตใหม่ หลังเข้ารับการผ่าตัดท้องโหว่-ไส้ไหล กลายเป็นเด็กที่มีความสุข!!!
นี่คือ Teddy Hodgson หนูน้อยที่เพิ่งเกิดมาลืมตาดูโลก เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2558 แต่กลับต้องเจอกับภาวะที่ผิดปกติคือ ช่องหน้าท้องไม่ปิด และมีรูโหว่ จึงทำให้ลำไส้ รวมถึงอวัยวะภายในไหลออกมากองอยู่นอกร่างกาย วันที่ 5 สิงหาคม 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศ ได้เปิดเผยภาพร้อมเรื่องราวของหนูน้อย Teddy พร้อมทั้ง Holly Hodgson คุณแม่ชาวบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย ที่ถึงแม้ว่าจะเจอกับช่วงเวลาที่แสนลำบาก แต่ทั้งคู่ก็สามารถผ่านมันมาได้ด้วยดี คำเตือน ภาพด้านล่างอาจจะดูรุนแรงไปบ้าง ใครที่พร้อมรับชมก็เลื่อนลงไปต่อได้เลยค่ะ . . . . . . . . ซึ่งก่อนหน้าที่คุณแม่ Holly จะคลอดลูกชายนั้น เธอเกิดอาการช็อกเป็นอย่างมาก หลังจากที่ทางสูตินรีแพทย์ได้ตรวจพบว่า หนูน้อย Teddy มีภาวะที่ผิดปกติดังกล่าว มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ดังนั้นทางสูตินรีแพทย์จึงได้แนะนำให้เธอทำแท้ง แต่ด้วยความโชคดี ที่เธอกลับไปค้นหาข้อมูล และพบว่าเด็กที่ป่วยภาวะดังกล่าวมีโอกาสหายได้ด้วยการทำศัลยกรรมหน้าท้อง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เธอไม่ทำแท้งอย่างที่หมอแนะนำ แต่กลับเก็บลูกเอาไว้…
-
14 ภาพคุณหมอหน้าตาดี มาพร้อมไอจีให้ตามฟอลโล่ พอเห็นแล้วโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาทันที!!
เมื่อก่อนเหมียวขี้อ้อนเคยคิดนะว่า ผู้ชายที่เป็นหมอส่วนใหญ่มักจะมีหุ่มผอมบาง ลุคเนิร์ดๆ สวมแว่น หน้าตาเรียบร้อย แต่พอได้มารู้จักกับโลกโซเชียล และได้เห็นภาพคุณหมอจากทั่วโลก ก็ทำให้รู้ทันทีว่าสิ่งที่เคยคิดมันไม่ได้เป็นจริงเสมอไปนี่หว่า และเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าหมอสมัยนี้หน้าตาดี หล่อ ล่ำ และแซ่บเว่อร์ เราจึงได้นำภาพของพวกเขามาให้สาวๆ ได้ชมกัน งานนี้ไม่มีโป๊ะนะจ๊ะ เพราะแต่ละคนเค้ามีดีกันทั้งน้านนนนนน คนแรกคุณหมอ Evan Antin สัตว์แพทย์หนุ่มสุดหล่อ ผู้ใจดี ยิ้มทีใจละลาย ตามมาติดๆ กับคุณหมอ Ryan Patrick Phelan ที่ทั้งหล่อ และเท่ฝุดๆ เมื่อเห็นโฉมหน้าของคุณหมอ Lacroix คนนี้ บอกเลยว่าเห็นแล้วอยากป่วยขึ้นมาทันที ส่วนคนนี้ไม่มีใครไม่รู้จักอย่างแน่นอน เพราะเขาคือ คุณหมอ Mike สุดฮอตจาก IG นั่นเอง Jake Deutsch สัตว์แพทย์หนุ่มผู้รักสัตว์ ดูอ่อนโยน และใจดีมากกกก Justin Parks คุณหมออนาคตไกล ทั้งล่ำ…
-
สาวกลับบ้านมา เจอแมวแสนรัก ‘อ้าปากค้าง’ นึกว่าตกใจอะไร ที่แท้ขากรรไกรหุบไม่ลง อุ๊บส์!!
เคยไหมเวลาออกไปนอกบ้าน แล้วกลับมาเจอแมวเสนรัก มารอต้อนรับคุณกลับบ้านอย่างอบอุ่น เรียกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ก็เหมือนกับเรื่องราวของ Karlee Trafford คนนี้ ที่กลับมาบ้าน แล้วมักจะเจอเจ้า Jaxon เหมียวแสนรักวัย 3 ขวบ ออกมาต้อนรับเธอในทุกๆ วัน ครั้งนี้ก็เช่นกัน เจ้า Jaxon ก็ได้ออกมาต้อนรับเธอเหมือนปกติ แต่ทว่าเมื่อเธอเห็นหน้าของมัน ก็ต้องประหลาดใจ เพราะสภาพของเจ้าเหมียวน้อยทำเอาสาวคนนี้ถึงกับอึ้งไปเลยทีเดียว เพราะเจ้าเหมียว Jaxon กำลังอ้าปากหวออยู่ยังไงละ เย้ย นี่เอ็งกำลังตกใจอะไรอยู่หรือเปล่า แม้ว่า Karlee จะพยายามทำให้ปากของมันกลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะปากของมันก็ยังคงอ้าไม่หุบอยู่อย่างนั้น แต่ลิ้นของมันยังคงใช้งานได้ตามปกติ จนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจพามันไปพบกับสัตว์แพทย์ Karlee ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมงในการนั่งรอพบสัตว์แพทย์ และเมื่อทางสัตว์แพทย์กำลังจะตรวจอาการของเจ้าเหมียว จู่ๆ ปากของมันก็หุบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเธอจึงต้องพามันกลับบ้าน และคิดว่าเจ้า Jaxon คงไม่เป็นอะไรแล้ว อีกวันต่อมา หลังจากที่คิดว่า Jaxon…
-
คือความดีงาม!! ‘ตัวเxี้ย’ ถูกรถชนบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่ระดมแรง ช่วยชีวิตมันเต็มที่
หลายต่อหลายครั้งที่เหล่าเหมียวมักจะนำเสนอข่าวคราวในการให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่ได้รับบาดเจ็บบ้าง ได้รับการทารุณบ้าง มีทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งส่วนมากแล้วในแต่ละเคสก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างหมาและแมว อาจจะมีสัตว์ป่าหรือสัตว์ใหญ่อย่างม้าหรือช้าง เป็นต้น แต่ในคราวนี้ต้องขอบอกเลยว่าเป็นอีกกรณีการให้ความช่วยเหลือสัตว์ที่น่าสนใจมากๆ อย่าง ตัวเงินตัวทอง ที่ใครๆ เห็นแล้วต่างก็รังเกียจมัน ไม่ว่าจะในแง่ของชื่อเอย หรือลักษณะนิสัยเอย ลักษณะร่างกายของมันเอย จึงทำให้มันเป็นสัตว์ที่ผู้คนไม่ใยดีซักเท่าไหร่ โดยเมื่อไม่นานมานี้เอง คุณ Jira Niyom ได้โพสต์เรื่องราวการให้ความช่วยเหลือตัวเงินตัวทองอาการปางตายตัวหนึ่ง มันถูกรถชนอยู่บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งถ้าเป็นบุคคลทั่วไปก็อาจจะไม่ใส่ใจกับมัน ปล่อยให้มันตาย และรอให้ใครซักคนมาเก็บซากมันไปทิ้ง แต่สำหรับกรณีนี้เขาเลือกที่จะช่วยชีวิตมัน!! เหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันที่ 26 มิถุนายนที่ผ่านมา ระหว่างที่เขาเข้าเวรที่ป้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล ตัวเงินตัวทองผู้โชคร้ายตัวนี้ก็ถูกรถเหยียบจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและนอนขวางถนนอยู่ ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ เขาจึงเข้าไปเคลียร์การจราจรและพาตัวเงินตัวทองออกมาจากที่เกิดเหตุ เมื่อลากมันขึ้นมาอยู่ริมทางเดิน ดูจากสภาพแล้ว อาการของมันปางตาย รอเพียงแค่เวลาที่จะหมดลมหายใจในอีกไม่นาน ถ้าปล่อยไว้แบบนี้มันคงไม่รอดแน่ๆ ถ้าหากจะพาไปรักษา ก็ไม่รู้ว่าจะพาไปรักษาที่ไหน เพราะส่วนใหญ่แล้วก็มีแต่รับรักษาสัตว์เลี้ยงอย่างหมาและแมว ไหนจะต้องคิดในเรื่องของค่าใช้จ่ายอีก เขาก็ได้แต่ยืนมองมันด้วยความเวทนา แต่แล้วในที่สุดความสิ้นหวังในความมืดมิดก็สว่างขึ้นมาทันที เมื่อมีการแชร์เหตุการณ์ดังกล่าวไปในไลน์…
-
การแพทย์สุดสะพรึงในอดีต… ความเชื่อเรื่องกิน ‘ซากศพ’ สามารถช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้!!!
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์นั้นพัฒนาไปอย่างมาก ทั้งในเรื่องของยารักษาโรค และอุปกรณ์ต่างๆ แต่เพื่อนๆ รู้ไหมว่ากว่าจะมาเป็นอย่างทุกวันนี้ได้ก็ต้องมีการทดลองลองผิดลองถูกกันมามากมาย และมีครั้งหนึ่งที่มีความเชื่อว่า ‘การกินเนื้อมนุษย์’ เป็นหนึ่งวิธีในการรักษาโรคอีกด้วย!! เอาล่ะจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้นตาม #เหมียวหง่าว ไปชมพร้อมๆ กันได้เลยยย… ย้อนกลับไปในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ถึง 17 วิทยาการทางด้านการแพทย์ในสมัยนั้นค่อนข้างที่จะโบราณอยู่ก็ว่าได้ จากการศึกษาของ Richard Sugg พบว่าในช่วงกว่า 100 ปีนี้หลายๆ ชาติในยุโรปมีการใช้ส่วนต่างๆ ในร่างกายของมนุษย์มาทำเป็นยารักษาโรค ยกตัวอย่างเช่น กระดูก, เลือด, และไขมัน สามารถนำมารักษาอาการปวดศีรษะและโรคลมบ้าหมูได้ ด้วยความเชื่อนี้ทำให้ศพมัมมี่มากมายถูกขโมยไปจากสุสานของชาวอียิปต์ นอกจากนี้ยังมีการขโมยกระโหลกอีกจำนวนมากไปจากที่ฝังศพของชาวไอริช ซึ่งผลงานเหล่านี้เป็นฝีมือของ ‘นักขุดศพ’ (เป็นอาชีพเถื่อนที่หารายได้จากการขุดศพไปขาย) ต้องบอกเลยว่าในยุคนั้นคำถามที่ว่า ‘เคยกินเนื้อมนุษย์รึเปล่า?’ เป็นคำถามที่เด็กๆ ไปเลย เพราะควรจะถามว่า ‘คุณเคยกินเนื้อมนุษย์แบบไหน?’ มากกว่า Sugg กล่าว เทคโนโลยีการทำศพของชาวอียิปต์นั้นช่วยรักษาเนื้อเยื่อและกระดูกได้เป็นอย่างดี จึงทำให้มัมมี่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะส่วนกระโหลกจะถูกนำมาป่นเป็นผงเพื่อใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับศีรษะ Thomas Willis ผู้คิดค้นวิธีในการนำผงกระโหลกมาผสมกับช็อคโกแลตทำเป็นเครื่องดื่มเพื่อรักษาโรคลมชัก และใช้ห้ามเลือด พระราชา…
-
ใครจะไปเชื่อว่า วิธีรักษาด้วย ‘การสัก’ เปลี่ยนสาวถูกน้ำร้อนลวกหน้าเละ กลับมายิ้มได้อีกครั้ง…
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางการแพทย์พัฒนาไปไกลมาก จนสามารถช่วยชีวิตผู้คนที่ป่วยจากโรคต่างๆ และอุบัติเหตุให้หายกลับมาจนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติ ซึ่งแน่นอนว่าการรักษานั้นไม่ได้มีเพียงแค่การทานยา ผ่าตัด เย็บแผล แต่เียงเท่านั้น การเยียวยารักษา ‘ใจ’ เองก็เป็นสิ่งที่สำคัญ มีคนที่ได้รับอุบัติเหตุที่ได้รับการรักษาจนมีชิตรอด แต่สูญเสียบางอย่างในร่างกายไปจนทำให้กลับมาใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้ ซึ่งเขาก็ต้องได้รับการรักษาและเยียวยาจิตใจเพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขาอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปในสังคม เหมือนกับเรื่องราวของหญิงสาวชาวต่างชาติชื่อว่า Samira Omar อายุ 17 ปี โดยเธอเป็นนักเรียนอยู่ที่อังกฤษ แต่ช่างโชคร้ายเหลือเกินที่เธอมีเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่มีนิสัยแย่เอาซะมากๆ เธอถูกเพื่อนร่วมชั้นแกล้งด้วยการราดน้ำร้อนใส่ จนทำให้ใบหน้าและร่างกายของเธอเกิดแผลฉกกรรจ์ ซึ่งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญทางด้านผิวหนังได้บอกว่าผิวหนังของเธอจะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว จน Omar ได้มาพบกับผู้เชียวชาญทางด้านการสักเพื่อการรักษา Basma Hameed ชาวอิรักซึ่งเคยได้รับประสบการณ์เดียวกันกับเธอ โดยตอนเด็กๆ Hameed เล่าว่าเธอเคยถูกน้ำมันร้อนๆ ลวกในห้องครัว จนทำให้เธอได้รับแผลฉกรรจ์ หลังจากที่ได้รับความเจ็บปวดจากการเข้ารับการรักษาหลายครั้ง หมอก็บอกเธอว่าพวกเขาไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้อีกแล้ว กลับกัน Hameed ได้ทำการศึกษาในเรื่องของการสักเพื่อความสวยงาม โดยเธอได้สร้างมูลนิธิ Basma Hameed Survivors Foundation ของตัวเองขึ้นมาด้วย เพื่อช่วยเหลือคนที่มีปัญหาเรื่องผิวหนังให้กลับมาดูเหมือนเป็นปกติได้มากที่สุด ซึ่ง Hameed ได้ผ่านการทำศัลยกรรม และเข้ารับการรักษาด้วยการยิงเลเซอร์หลายครั้งด้วยกัน แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเธอเลย…
-
หญิงสาวพลาดทำ “เครื่องตัดหญ้าโดนกบ” ขึ้นเครื่องบินกว่า 1,000 กม. เพื่อหาหมอเฉพาะทาง!!
หลายคนที่เคยใช้เครื่องตัดหญ้า ก็คงเคยมีประสบการณ์ตัดโดนสิ่งมีชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ วินาทีนั้นเป็นอะไรที่รู้สึกผิดเป็นอย่างมาก Min Tims จากเมืองควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลียก็เพิ่งประสบกับเหตุการณ์นี้มาเลย เธอได้เผลอทำเครื่องตัดหญ้าไปโดนใส่กบ จนต้องพามันไปหาหมอ โดยต้องเดินทางไกลถึง 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทั้งหมดนี้เป็นอุบัติเหตุที่เธอไม่ได้ตั้งใจและเธอรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก อีกทั้งกบตัวนี้เป็นกบที่ค่อนข้างหายากในประเทศออสเตรเลียด้วย และดูจากบาดแผลของมันแล้วค่อนข้างหนักพอสมควร เธอจึงตัดสินใจพาไปโรงพยาบาลที่ชื่อว่า Safe Frog ทันที เมื่อคุณหมอดูอาการแล้ว บอกเลยว่าหนัก เพราะเนื้อเยื่อฉีกขาดเยอะมาก และมีการติดเชื้อ โชคยังดีที่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้มันอาการดีขึ้น เหตุการณ์นี้ทำให้หลายคนถึงกับงงเลยว่ากบตัวแค่นี้ถึงกับต้องลงทุนบินมาไกลเพื่อเอามารักษาเลยเหรอ!? แต่เธอก็ได้ตอบไปอย่างสวยๆ ว่า “ความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจทุกสิ่งทุกอย่าง คืออนาคตของโลกใบนี้ ถ้าเรายังเมินเฉยต่อสิ่งที่ต้องการความช่วยเหลือ แม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็กๆ สุดท้ายแล้ว เรานี่แหละจะเป็นสายพันธุ์ที่ไม่ควรได้รับการช่วยเหลือ” ที่มา boredpanda
-
เพื่อลูกพ่อทำได้!! คุณพ่อยอมเสียสละไตตัวเอง เพื่อช่วยชีวิตลูกชายให้รอดพ้นจากโรคไตรั่ว
ฮีโร่นั้นไม่จำเป็นต้องมีผ้าคลุม ไม่ต้องมีพลังวิเศษ เพียงแค่ทำสิ่งดีๆ ก็กลายเป็นฮีโร่ได้แล้ว อย่างในกรณีของคุณพ่อ Nick Frost รายนี้ ที่ยอมเสียสละอวัยวะตัวเองเพื่อลูกชายตัวน้อยของเขาที่กำลังประสบกับความบกพร่องทางร่างกายอย่างรุนแรง Ralph ลูกชายวัย 6 ขวบของเขานั้นเกิดมาพร้อมกับโรคไตรั่ว ความบกพร่องของไตที่ขับโปรตีนออกทางปัสสาวะเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้ร่างกายเกิดอาการบวมได้ อีกทั้งยังต้องเจอกับปัญหาเกล็ดเลือดในร่างกายที่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ยังหาสาเหตุที่แท้จริงไม่ได้ คุณพ่อ Nick ทนเห็นความเจ็บปวดของลูกชายไม่ไหว จึงตัดสินทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ด้วยการบริจาคไตของตัวเองให้กับลูกชาย เพราะเขาหวังว่าคงจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดและโรคร้ายของลูกชายได้ หลังจากการผ่าตัดเปลี่ยนไตแล้ว Ralph พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล Great Ormond Street สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกแย่มากนั้นไม่ใช่เพราะไม่ได้อยู่บ้าน ไม่มีของเล่น แต่เป็นการต่อสู้กับความเจ็บปวดในระหว่างรับการรักษาในตอนกลางคืน ถึงแม้จะเจ็บปวดแค่ไหนก็ร้องไห้ออกมาไม่ได้ กลัวว่าจะทำให้ผู้ป่วยเด็กรายอื่นตื่น ทางครอบครัวสูญเสียเงินไปกับค่ารักษาเป็นจำนวนมาก ครอบครัวของ Ross Henty ผู้เป็นเพื่อนก็ได้ทำการระดมทุนให้กับครอบครัวของ Nick เพื่อให้เขานั้นนำไปใช้ท่องเที่ยวกับลูกบ้าง หลังจากที่ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ก็ได้แต่หวังว่าทั้งสองจะพักฟื้นจนหายเป็นปกติในเร็วๆ วันนะจ๊ะ ที่มา : gofundme, theladbible
-
ลูกหมาน้อยสองตัว ถูกทิ้งในถุงพลาสติกสภาพยับเยิน และคนก็ช่วยให้มันกลับมาสดใสอีกครั้ง!!
บางครั้งเราอาจจะต้องเจอกับสถาณการณ์ที่บีบบังคับให้ต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง เหมือนดั่งเหตุการณ์ของศูนย์สงเคราะห์สัตว์ Harris County Public Health & Environmental Services ที่เมือง Houston รัฐ Texas สหรัฐอเมริกา ที่ต้องเจอกับลูกหมาน้อยสองตัวผู้น่าสงสาร Wayne และ Garth คือลูกหมาน้อยสีดำสองตัวที่ถูกนำมาทิ้งไว้ ณ ศูนย์สงเคราะห์สัตว์แห่งนี้ ทั้งสองถูกมัดติดกันอยู่ในถุงพลาสติกถูกนำมาทิ้งไว้หน้าศูนย์ เจ้าหน้าที่ถึงกับคิดหนักเพราะด้วยสภาพของน้องหมาน้อยนั้นขนร่วงและติดเรื้อน มีอยู่สองทางก็คือ 1. ทำการุณยฆาต หรือ 2. จะรับมาเลี้ยง แต่เสี่ยงติดเชื้อกับสัตว์ตัวอื่นๆ . อย่างไรก็ตามทางเลือกแรกไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจทำการรักษาเบื้องต้นให้กับน้องหมาทั้งสองตัวเป็นการด่วน และขอความช่วยเหลือจากองค์กรท้องถิ่นอิสระช่วยหาที่พักพิงกับทั้งสอง เนื่องจากมีพื้นที่ไม่เพียงพอ จนกระทั่งได้ LaChrystal Ricke ผู่ก่อตั้งองค์กร Reggie’s Friends ที่รับน้องทั้งสองไปรักษาตัว . โดยที่สุนัขที่เธอช่วยเหลือส่วนใหญ่นั้นมักจะประสบกับโรคเรื้อน แต่ก็สามารถรักษาได้ทุกตัว โดยที่เจ้า Wayne กับ Garth…
-
เลี้ยงเค้าเถอะ!! ช่วยชีวิตเจ้าแรคคูนน้อยจนหายดีพร้อมกลับสู่ป่า แต่มันดันขออยู่ต่อไปเรื่อยๆ (-*-)!!
สัตว์ป่านั้นมีวิถีชีวิตที่แตกต่างจากสัตว์เลี้ยงอย่างสิ้นเชิง พวกมันสามารถเอาชีวิตรอดได้อยู่ในป่าด้วยตัวของพวกมันเอง แต่ถ้าหากว่าวันหนึ่งวันใด ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็จะทำให้โอกาสมีชีวิตรอดที่น้อยลงไป อย่างเจ้าแรคคูนน้อย Loki ที่ Kat Wagg กับสามีของเธอพบมันเข้าในสภาพที่ย่ำแย่มากๆ ทั้งมีอาการขาดน้ำ ติดเชื้อ และมีบาดแผลที่สาหัส พวกเขาไม่อาจปล่อยให้มันอยู่ในสภาพแบบนี้ต่อไปได้ เพราะมันไม่รอดแน่ๆ จนกระทั่งเวลาผ่านไป ช่วยเยียวยารักษาทั้งร่างกายและจิตใจให้กลับมาเป็นปกติ คอยเลี้ยงดูและเอาใจใส่อยู่ตลอดเวลา โดยหวังว่าซักวันหนึ่งมันพร้อมที่จะกลับไปใช้ชีวิตในป่าแบบที่ควรจะเป็นอีกครั้ง จนเมื่อเจ้า Loki โตพอที่จะใช้ชีวิตได้ด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาก็ปล่อยให้มันมีอิสระในการเลือกทางเดินชีวิตของมันเอง อยากจะไปก็ไปตอนไหนก็ได้ แต่ผลสุดท้ายคือมันเลือกที่จะอยู่ตรงนี้ มันไม่มีทีท่าทีจะหนีหรือตีตัวออกห่างจากครอบครัวที่เลี้ยงดูเลย ‘ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ป่ามักจะทำตามสัญชาตญาณของมันเอง เมื่อมันโตขึ้นก็จะออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวของมันเอง แต่สำหรับ Loki แล้วกลายเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าเราจะพยายามชักจูงให้มันกลับไปในป่าแค่ไหนก็ตาม’ . เจ้า Loki มีความสุขมากในระหว่างที่ใช้ชีวิตในแบบสัตว์เลี้ยงจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิตมัน ได้อยู่ร่วมกับครอบครัวอุปถัมภ์เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น อันเนื่องมาจากภาวะแทรกซ้อนจากวัคซีน . ถึงแม้ว่าชีวิตของ Loki จะเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้น ถ้าหากว่าวันนั้นมันไม่ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้…
-
คำขอร้องจากสามีก่อนตาย ขอกุมมือภรรยาเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะทำได้แค่นอนเตียงข้างกัน…
เมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตมาถึง เราอาจจะย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมามากมาย รู้สึกเสียดายในสิ่งที่ต้องการจะทำ แต่ก็ไม่อาจย้อนเวลาไปได้…. Jim Minnini วัย 58 ปีก็เป็นหนึ่งในผู้โชคร้านที่ประสบกับโรคมะเร็งปอด แม้ว่าจะเข้ารับการรักษามากแค่ไหนแต่อาการก็กลับแย่ลงเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเวลาของเขาใกล้จะหมดลงทุกที และสิ่งสุดท้ายที่เขาขอก็คือเขาต้องการที่จะอยู่กับ Cindy ภรรยาสุดที่รักอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย ย้อนกลับไปช่วงที่เขาเข้ารับการรักษามะเร็งใหม่ๆ ภายหลังเพียงแค่วันเดียว Cindy ก็ประสบกับอาการหัวใจวายจนต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในเมือง Brockville รัฐ Ontario ประเทศแคนาดา เพื่อให้ทั้งสองได้มีช่วงเวลาด้วยกันอีกครั้งเป็นครั้งสุดท้าย แพทย์ผู้รักษา Cindy จึงได้ทำการย้ายเธอมาที่ Kingston General Hospital โรงพยาบาลที่ Jim จะมีชีวิตอยู่เป็นวันสุดท้าย ถึงแม้ว่าเธอยังไม่รู้สึกตัว แต่ก็ถือว่าเป็นการกลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งของคู่รักที่ไม่อาจแยกจากกันได้ตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่คำขอร้องของ Jim เป็นจริง เขากุมมือภรรยาไว้อย่างนั้นจนกระทั่งลมหายใจสุดท้ายของเขาหมดลงภายในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ซึ่ง Cindy เองตอนนี้ก็กลับมารักษาตัวอยู่ที่บ้านแล้ว และ Chris ผู้เป็นลูกชายกล่าวเอาไว้ว่า ‘เหมือนพ่อพยายามที่จะยื้อร่างกายของตัวเองเอาไว้ เขาจะไม่ยอมจากไปโดยที่ไม่ได้ร่ำลาแม่เสียก่อน’…
-
นักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่นรักษาดวงตาของหญิงชรา โดยการใช้เซลล์ผิวหนังจากแขนของเธอ!!!
นับเป็นการปฏิรูปวงการวิทยาศาสตร์และการแพทย์เลยทีเดียว เพราะล่าสุดก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับการใช้เซลล์ผิวหนังมารักษาอาการผิดปกติทางดวงตาได้แล้วล่ะ!!! ลองมาฟังเรื่องราวนี้กัน โดยเหล่านักวิทยาศาสตร์ประเทศญี่ปุ่นได้ใช้ชิ้นส่วนเล็กๆ ของผิวหนังราวๆ 4 มิลลิเมตร จากแขนของหญิงชราวัย 70 ปี เพื่อนำมารักษาอาการผิดปกติของดวงตาของเธอ การใช้เซลล์ผิวหนังมารักษาดวงตา เพราะเซลล์ผิวหนังสามารถเปลี่ยนกลับให้เป็นสเต็มเซลล์ได้ และสเต็มเซลล์นี่แหละสามารถนำไปใช้ซ่อมแซมได้เกือบทุกๆ ส่วนของร่างกายเลยทีเดียว และในกรณีนี้ได้นำมาซ่อมแซมในส่วนของเนื้อเยื่อจอประสาทตา การทดลองนี้เป็นของทีมวิจัยจาก Riken Centre for Developmental Biology ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้ทำการทดลองนี้มาตั้งแต่ปี 2014 แล้วล่ะ และจากการทดสอบและติดตามผลคนไข้มาถึง 2 ปีเต็ม ไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เกิดขึ้นแถมยังบอกว่าได้ผลดีสุดๆ อีกด้วย เซลล์ที่ใส่ลงไปเพื่อรักษาตาของหญิงชราสามารถอยู่รอดได้ และสายตาของเธอก็มีอาการดีขึ้นเป็นลำดับ หัวหน้าทีมวิจัยโครงการนี้ Masayo Takahashi ได้กล่าวว่า ‘ผมรู้สึกดีใจมากที่ร่างกายของเธอไม่มีปฏิกิริยาต่อต้านการรักษานี้ และทางทีมงานของเราก็จะทำงานวิจัยนี้ต่อไปเพื่อให้สามารถใช้กับเหล่าคนไข้อย่างทั่วถึง’ ส่วนคนไข้หญิงชราที่ไม่เปิดเผยนามก็ได้กล่าวว่า ‘ฉันรู้สึกดีกับการรักษานี้มาก ตอนนี้สายตาของฉันดีขึ้น สามารถมองอะไรๆ ได้ชัดเจนขึ้นมากๆ’ จากบทสัมภาษณ์ของ JapanTime นับว่าเป็นอีกหนึ่งการปฏิรูปทางวิทยาศาสตร์และวงการแพทย์ที่ดีมากจริงๆ ก็หวังว่าในอนาคตจะพัฒนาจนผู้คนสามารถเข้าถึงและที่สำคัญมีราคาถูกได้นะจ๊ะ ^^…
-
เจ้าหมาเดินไม่ได้เอาแต่นอนซม เจ้าของเลยพาไปทำกายภาพบำบัดจนกลับมาเดินได้อีกครั้งหนึ่ง!!
การทำกายภาพบำบัดมักจะเกิดขึ้นหลังจากที่เราประสบกับอุบัติเหตุจนทำให้อวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งใช้งานไม่ได้ไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือเข้ารับการผ่าตัดแล้วส่งผลให้อวัยวะต่างๆ ในร่างกายไม่สามารถใช้งานได้ปกติ ต้องมีการกระตุ้นให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและกลับมาใช้งานได้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้มีเพียงแต่กับมนุษย์เพียงเท่านั้น เพราะเจ้าหมาก็สามารถเข้ารับกายภาพบำบัดและหายดีไดด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ว่าเดินไม่ได้แล้วก็เดินไม่ได้เลยไปซะทีเดียวลเยนะจ๊ะ… อย่างเจ้า Dillon หมาพันธุ์ลาบาดอร์ วัย 11 ปี ตัวนี้ ที่ได้รับการผ่าตัดบริเวณกระดูกสันหลังมา จนทำให้มันเดินไม่ได้ เจ้าของของมันรู้สึกสงสารมันมากเพราะวันๆ มันมัวแต่นอนไม่ขยับไปไหนเลย พวกเขาจึงพามันไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลสัตว์ Yorkshire Vet Physio ซึ่งพวกเขาก็ได้ทำกายภาพบำบัดให้กับเจ้า Dillon อย่างเร็วไว โดยเริ่มจากการใช้ผ้าช่วยพยุงตัวมันให้ขาได้สัมผัสกับพื้นก่อน แล้วก็พาไปเดินในน้ำ จากนั้นก็สลับมาใช้ลูกบอลช่วยบนบก จนผ่านไปกว่า 8 สัปดาห์ ในที่สุดเจ้า Dillon ก็สามารถกลับมาเดินได้อย่างเป็นปกติอีกครั้งหนึ่ง!! ลองไปชมคลิปแบบเต็มได้ที่ข้างล่างนี้ได้เลยจ้าา… น่าทึ่งไปเลยใช่มั้ยล่ะ ปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับการแพทย์ไม่ได้พัฒนาไปเพียงแค่เฉพาะกับคนเท่านั้นนะ กับเหล่าสัตว์ทั้งหลายก็สามารถรักษาให้พวกมันหายกลับมาเป็นปกติได้อย่างเร็วไวได้อีกด้วย >< ที่มา : viralnova, yorlshire Vet Physio
-
ภรรยาตัดสินใจรักษาสามีต่อ ทั้งๆ ที่โอกาสรอดมีน้อยนิด ภายหลัง 3 ปี เขาก็ฟื้นขึ้นมาได้!!
ความเชื่อในเรื่องของ ‘ปาฏิหาริย์’ ถึงแม้จะฟังดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะความน่าจะเป็นจากร้ายกลายเป็นดีนั้นถือว่าห่างไกลมาก แต่มันก็เกิดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดั่งเช่นเรื่องราวของสามีภรรยาคู่นี้ที่กำลังใจแต่งงานกันในอีก 7 เดือนข้างหน้าแต่กลับกลายเป็นว่ามีมรสุมเข้ามาในชีวิตอย่างหนักหนาสาหัส Danielle Davis ได้รับโทรศัพท์ข่าวร้ายอันน่าเศร้าเกี่ยวกับสามีของเธอ Matt ในเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 2011 เขาประสบกับอุบัติเหตุร้ายแรงทางรถจักรยานยนต์จนถึงขั้นโคม่าและต้องได้รับการดูแลผ่านเครื่องช่วยหายใจเพื่อต่อชีวิตของเขา แม้ความหวังที่จะให้เขากลับมานั้นมีน้อยนิดก็ตาม อุบัติเหตุของ Matt เกิดขึ้นหลังจากที่เขาขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วชนเข้ากับรถยนต์ที่จอดผิดที่ผิดทาง ส่งผลทำให้เขาลอยขึ้นฟ้าแล้วก็ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง กระดูกหักหลายตำแหน่ง อวัยวะภายในได้รับความเสียหายรุนแรง และได้รับความกระทบกระเทือนถึงสมอง ร่างอันไร้สติของ Matt นั้นอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลโดยที่มี Danielle คอยอยู่เคียงข้างตลอดเวลา คอยสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จนกระทั่งแพทย์ผู้รักษาบอกว่าไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วนอกเสียจากมีแค่สองทางเลือกนั่นก็คือ ถอดเครื่องช่วยหายใจออก หรือ เลือกที่จะสู้ต่อไปทั้งๆ ที่ความหวังที่จะทำให้เขากลับมาได้นั้นแทบไม่เหลือแล้ว เธอตัดสินใจให้เขาได้รับเครื่องช่วยหายใจต่อไป และเธอจะอยู่เคียงข้างเขาถึงแม้ว่าจะไม่มีการตอบสนองใดๆ ไม่ว่าจะกี่วัน กี่เดือน หรือเป็นปีก็ตาม ซึ่งหลังจากที่ Matt ได้รับเครื่องช่วยหายใจมาตลอดระยะเวลา 3 ปี วันหนึ่งเขาก็รู้สึกตัวขึ้นมาพร้อมกับพูดให้ภรรยาฟังว่า ‘ผมกำลังพยายามอยู่’…
-
‘Pirat’ แมวตาเดียวชีวิตดี๊ดี ที่มาพร้อมกับความน่ารักน่าเอ็นดู แบบนี้จะไม่ให้หลงรักได้ยังไงกัน
Pirat เจ้าเหมียวแสนน่ารัก ที่แม้ว่าจะมีตาเพียงแค่ข้างเดียว แต่มันก็เป็นแมวที่มีความน่ารักน่าเอ็นดูไม่แพ้กับแมวตัวอื่นๆ และที่พิเศษไปกว่านั้นมันยังเป็นแมวที่แสนโชคดี แถมยังมีชีวิตดี๊ดีอีกด้วย แต่กว่าที่ชีวิตของมันจะมีความสุขแบบนี้ เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าเจ้า Pirat เคยผ่านเรื่องราวอันแสนเลวร้ายมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ เจ้า Pirat เป็นแมวเร่ร่อน และต้องใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างน่าสงสาร และในที่สุดสวรรค์ก็ทรงโปรดส่งแม่ลูกใจดีคู่หนึ่งให้มาพบกับมันเข้า และด้วยความน่าเอ็นดูของมัน พวกเขาจึงได้เก็บมันไปเลี้ยง แถมยังดูแลเป็นอย่างดีอีกด้วย ตอนที่พบมันเป็นครั้งแรก เจ้า Pirat มีสภาพมอมแมม มันเป็นแมวที่มีขนสีเทา ตัวเล็กๆ และที่สำคัญดวงตาข้างหนึ่งของมันมีลักษณะผิดปกติ ดังนั้นพวกเขาจึงพามันไปรักษา โดยสัตวแพทย์ได้บอกว่า มันจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด ซึ่งในตอนนั้นร่างกายของมันยังอ่อนเพลียมาก สัตวแพทย์จึงให้เจ้า Pirat อยู่โรงพยาบาลต่ออีกสักพักจึงทำการผ่าตัดได้ และในที่สุดก็เป็นโชคดีของเจ้า Pirat อีกเช่นเคย ที่การผ่าตัดในครั้งนั้นสามารถผ่านไปได้ด้วยดี หลังจากการผ่าตัด พวกเขาก็ได้ช่วยกันอาบน้ำจนร่างกายของมันสะอาดสะอ้าน และก็ต้องทำให้พบเรื่องประหลาดใจว่า แท้จริงแล้วขนของมันไม่ได้เป็นสีเทา แต่กลับเป็นสีขาวลายเสือแบบนี้ยังไงละ… ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าเจ้า Pirat มีอายุแค่…
-
คนงานตกถังสารละลายเดือดแต่รอดตายมาได้ บริษัทขอให้ทำการุณยฆาตเพราะไม่อยากจ่าย
หนึ่งในปัจจัยที่จะทำให้ลูกน้องของบริษัทอยู่ทำงานไปนานๆ ก็คือการเอาใจใส่พนักงาน การดูแลยามที่พนักงานลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของอุบัติเหตุระหว่างปฏิบัติหน้าที่ เช่นในกรณีของคนงานภายในโรงงานจากยูนนานที่ประสบกับอุบัติเหตุตกลงไปในถังสารละลายเดือดจัดๆ ร่างกายถูกลวกแทบทั้งตัว แต่รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด Yuan Longhua วัย 38 ปี คนงานในโรงงานเครือ CQC Group เกิดพลัดตกลงไปในบ่อสารละลายเดือดจัดหลังจากที่ทำงานต่อเนื่องยาวนานกว่า 13 ชั่วโมง ในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 โดยที่เขารอดชีวิตมาได้ แต่จะต้องทำการตัดขาขวาทิ้ง และเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยทางบริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด แต่หลังจากเดือนตุลาคมเป็นต้นมาทางบริษัทเริ่มมีทีท่าที่เปลี่ยนไป จากที่เคยจ่ายค่ารักษาให้ ก็เริ่มจ่ายช้า ไม่ตรงเวลา จนถึงขั้นไม่ยอมจ่าย ทำให้อาการทรุดลงต่อเนื่อง อีกทั้งยังทำการโน้มน้าวทางครอบครัวให้ทำการหยุดรักษาและทำการุณยฆาต โดยจะชดเชยให้หลังจากที่เขาเสียชีวิตแทน ทางด้านน้องชายของนาย Yuan เปิดเผยว่าหลังจากที่พี่ชายของตนประสบอุบัติเหตุ ไม่เคยเห็นหน้าเจ้านายเลย ได้แต่ติดต่อผ่านตัวแทนบริษัท ซึ่งหลังจากที่บริษัทไม่ยอมจ่ายค่ารักษา ทางครอบครัวต้องจ่ายเองเพื่อยื้อชีวิตเขาเอาไว้ แม้แต่กระทั่งแพทย์ผู้ดูแลเองก็ยังบอกเลยว่าบริษัทนี้ กระทำในสิ่งที่แย่มากๆ ปัดปัญหาทิ้งแบบไม่ใยดีต่อชีวิตลูกน้องเลย ที่มา : shanghaiist
-
‘หมาป่า’ กับบทบาทนักล่าที่กลายมาเป็นผู้เยียวยาให้กับทหารผ่านศึกผู้บอบช้ำให้กลับมาหายดี
ถ้าหากให้พูดถึงสัตว์นักล่าผู้น่าเกรงขามในป่าลึก ก็คงจะหนีไม่พ้น ‘หมาป่า’ นี่แหละ ด้วยความที่ไม่เหมือนหมาบ้านหรือสุนัขเลี้ยงที่คุ้นเคยกับมนุษย์ พวกมันมีสัญชาตญาณความเป็นนักล่าสูง ดุร้าย พร้อมที่จะจู่โจมได้ทุกเมื่อ แต่กลับกลายเป็นว่าหมาป่าที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าสงวนจากแคลิฟอร์เนีย ได้สลัดคราบนักล่าออกไปจนหมดสิ้น ได้รับมอบหมายหน้าที่ใหม่ในการเยียวยาจิตใจของเหล่าทหารผ่านศึกที่ประสบกับโรคความผิดปกติทางด้านความเครียด น้องหมาป่าจากศูนย์อนุรักษ์ Lockwood รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ร่วมทำหน้าที่ใหม่กับทีมสัตวแพทย์ ที่ก่อตั้งโดยอดีตทหารเรือแห่งกองทัพสหรัฐฯ Matt Simmons กับนักจิตวิทยา Dr Lorin Lindner โดย Dr Lorin Lindner นั้นได้กล่าวเอาไว้ว่าการที่นำหมาป่าที่ได้รับการช่วยเหลือมาจับคู่กับทหารผ่านศึก จะช่วยทำให้ทั้งสองสามารถปรับความเข้าใจกันได้ เพราะเป็นอาการที่ขาดความเชื่อใจ ยากที่จะสร้างความสัมพันธ์ใหม่ได้ เพราะฉะนั้นการที่ปล่อยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน จะทำให้รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น นอกจากจะช่วยบรรเทาอาการความเครียดของทหารผ่านศึกแล้ว ยังช่วยให้เหล่าหมาป่าได้รับการรักษาทางจิตใจเช่นเดียวกัน อย่างเช่น Jim Minick ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘พวกมันไม่ตัดสินคุณจากภายนอก ทำอะไรมาก่อน พวกมันแคร์เพียงแค่ว่าตอนนี้คุณเป็นแบบไหน และมันจะช่วยสานสัมพันธ์แบบพิเศษขึ้นมา’ ที่มา : unilad
-
คู่หูทหารและสุนัขได้รับบาดเจ็บจากระเบิดแสวงเครื่อง แต่ก็รอดมาได้ พักฟื้นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา!!
เป็นที่ทราบกันดีว่าในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ของทหารของต่างประเทศนั้นจะมีการนำสุนัขทหารเป็นคู่หูติดตามไปด้วย เนื่องจากพื้นที่ที่เสี่ยงอันตรายนั้นอาจจะมีการซุกซ่อนวัตถุอันตรายอย่างระเบิดแสวงเครื่องเอาไว้อยู่ รวมทั้งใช้สุนัขตรวจค้นวัตถุต้องสงสัยอีกด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่อยากจะให้เกิด มันก็เกิดขึ้นกับนายทหาร Andrew Brown และเจ้า Rocky โดยในระหว่างที่ทั้งสองปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน ก็โดนระเบิดแสวงเครื่องเล่นงานจนได้รับบาดเจ็บทั้งคู่ ล่าสุดนี้ทั้งสองก็ได้ถูกนำตัวมารักษาที่โรงพยาบาล Walter Reed ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี โดยเพจ 89th Military Police Brigade ก็ได้โพสต์เผยแพร่ภาพของเจ้า Rocky ได้รับเหรียญกล้าหาญและให้กำลังใจเพื่อให้หายกลับมาเป็นปกติอีกครั้งในเร็ววัน และสิ่งที่น่ารักน่าเอ็นดูเป็นที่สุดก็คือ ทั้ง Andrew Brown กับเจ้า Rocky นั้นได้รับการรักษาอยู่ภายในห้องเดียวกัน ไม่ห่างจากกันไปไหนเลย แม้ว่าร่างกายจะได้รับบาดเจ็บ แต่ทั้งสองก็ช่วยเยียวยากันและกัน น่ารักมากๆ เลยแฮะ ที่มา : unilad
-
นักวิจัยเผยวิธีเอาชนะโรคกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาที ‘ถ้ากลัวมัน ก็เข้าไปอยู่กับมันซะเลยสิ’
สัตว์โลกที่ทำให้หลายๆ คนถึงกับขนลุกขนพองผยองเดชมานักต่อนัก มันก็คือ ‘แมงมุม’ นั่นเอง ด้วยจำนวนขาที่มีมากว่าสี่ บางตัวก็ขายาวเป็นก้าง มีหนวด บางตัวก็อ้วนตุ๊บขาเป็นปล้อง แถมยังมีขนตามตัวอีก อี๋!! แค่นึกภาพก็สยองจะแย่แล้วววววว แล้วความกลัวแมวมุมเหล่านี้ คุณเคยคิดที่จะเอาชนะมันบ้างรึเปล่า? ฟังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นซะเหลือเกิน ทั้งนี้นักวิจัยจากภาควิชาจิตวิทยาคลินิก มหาวิทยาลัยอัมสเตอร์ดัม ได้เสนอทางเลือกอันสุดแสนจะวิเศษที่จะทำให้คุณสามารถเอาชนะความกลัวแมงมุมได้ภายในสองนาทีเท่านั้น แต่การที่จะเอาชนะมันในระยะเวลาอันแสนสั้นนี้ กลับกลายเป็นวิธีการที่ดูเหมือนจะทรมานเสียมากกว่า ดั่งสุภาษิต ‘หนามยอกเอาหนามบ่ง’ กลัวแมงมุม ก็ต้องไปอยู่กับแมงมุมภายในห้องเดียวกัน ซึ่งนักวิจัยก็เชื่อว่าการกระทำแบบนี้ภายในเวลาสองนาที กับการนำตัวกระตุ้นความกลัวเข้าไปด้วย จะช่วยทำให้เกิดการต่อสู้กับความกลัว โดยที่สองนักวิจัย Marieke Soeter และ Merel Kindt ได้ทำการทดลองกับผู้ที่มีอาการกลัวแมงมุม 45 ราย ไปขังเดี่ยวพร้อมกับแมงมุมทารันทูล่า พร้อมกับให้ยา Propranolol หรือ Placebo เพื่อลดความเครียดและกดดันของผู้ทดสอบ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือบางคนอาการกลัวแมงมุมหายไปในทันที ในขณะบางส่วนก็ยังคงมีอาการกลัวแมงมุมอยู่ โดยอาศัยระยะเวลาผ่านไปประมาณปีกว่าๆ ความกลัวแมงมุมก็เริ่มหายไป …
-
รักเธอสุดหัวใจ!! น้องหมาเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตร เพื่อกลับไปหาหญิงผู้ช่วยชีวิตมัน
การบอกความรู้สึกของสัตว์นั้นไม่มีคำพูดใดๆ เพราะมันพูดเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ แต่ก็สามารถสื่อออกมาให้มนุษย์รับรู้ได้ผ่านจากท่าทางและการกระทำของมัน เพื่อเป็นการบอกว่าฉันคิดกับเธออย่างไร อย่างเช่นเรื่องราวของเจ้าสุนัขสีดำที่ชื่อว่าเจ้า Shavi จากประเทศรัสเซียตัวนี้ ก่อนหน้านั้นมันต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก เป็นสุนัขจรจัดที่ต้องทนหนาวและทนหิวไปวันๆ จนกระทั่งวันหนึ่งมันก็ถูกรถชนและถูกทิ้งไว้ในสภาพใกล้จะสิ้นชีวา โชคดีที่มีพลเมืองดีพามันไปรับการรักษาได้ทันเวลา ก่อนที่ร่างกายอันบอบช้ำจะถูกอากาศหนาวคร่าชีวิต หลังจากนั้นก็ได้ทำการประกาศหาเจ้าของใหม่เพื่อนำมันไปเลี้ยง และแล้วโชคชะตาก็ได้นำพามันมาพบกับ Nina Baranovskaya หญิงผู้เป็นแม่พระที่ตอบรับเลี้ยง Shavi เพียงผู้เดียว Nina ได้พาเจ้า Shavi กลับมาพักอาศัยอยู่ที่แฟลตเล็กๆ ใน Rostov-on-Don เธอช่วยทำกายภาพบำบัดให้ ช่วยให้มันกลับมาเดินได้อีกครั้ง และสอนให้เรียนรู้คำสั่งพื้นฐานต่างๆ ปลอบใจยามได้ยินเสียงรถยนต์ ให้กำลังใจและดูแลเมื่อมันต้องได้รับการผ่าตัดจนหายดีในที่สุด แต่เนื่องจากแฟลตของเธอเล็กเกินไป อีกทั้งมีสุนัข 2 ตัว และแมวอีก 3 ตัว อยู่ภายใต้การดูแลของเธออยู่แล้ว Nina จึงจำเป็นที่จะต้องหาเจ้าของใหม่ ซึ่งก็มีเพียงเพื่อนเธอคนเดียวที่ยอมตกลง แถมยังอยู่ห่างไกลกว่า 300 กิโลเมตรเลยทีเดียว ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี…
-
Hannah Shaw หญิงสาวผู้อุทิศตนให้กับการช่วยเหลือน้องเหมียวน้อยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น!!
แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมจากมนุษย์มาก แต่ถึงแม้ว่าจะได้รับความนิยมก็ยังถูกทิ้งได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นแล้วการที่ปล่อยให้เหล่าแมวต้องใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีจุดหมายนั้น อาจจะทำให้พวกมันจบชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ก็มีองค์กรต่างๆ มากมายที่คอยช่วยเหลือแมวจรจัด รวมไปถึงตัวบุคคลคนเดียวที่ช่วยเปลี่ยนแปลงโลกนี้ให้น่าอยู่ขึ้น อย่างเช่น Hannah Shaw หญิงสาวผู้อุทิศตนในการช่วยเหลือเหล่าแมวเหมียวน้อยใหญ่จรจัดมาตั้งแต่อายุ 12 ปี จวบจนถึงปัจจุบันเธอได้ช่วยเหลือน้องแมวมานับไม่ถ้วนมานานถึง 8 ปีแล้ว โดยที่เธอนั้นจะช่วยเหลือแมวน้อยที่ถูกทิ้ง แมวป่วยและแมวที่ได้รับบาดเจ็บ มาทำการรักษาและเลี้ยงดูจนกว่าจะหายดีและพร้อมที่จะหาบ้านใหม่ นอกจากนี้เธอยังก่อตั้งเว็บไซต์ KittenLady.org ที่มอบความรู้และเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ในการเลี้ยงดูน้องแมวอีกด้วย คนดีๆ แบบนี้ ต้องสนับสนุนเต็มที่จ้า!! จ้องซะน่าหมั่นเขี้ยวเลยเจ้าเหมียวน้อย!! สามารถไปตามเพิ่มเติมกันได้ใน อินสตาแกรม ของเธอเลยจ้า!! ที่มา : thechive
-
โครงการเยียวยาจิตใจทั้งคนและสุนัข จับคู่นักโทษกับสุนัขที่ไม่มีเจ้าของ เรียนรู้ซึ่งกันและกัน!!
ว่ากันว่าสุนัขเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ ประโยคนี้ก็ยังคงมีความหมายแบบนั้นอยู่เสมอ แต่ทว่าบางทีมนุษย์เองก็กลายมาเป็นเพื่อนที่แย่ที่สุดของสุนัขเมื่อทอดทิ้งพวกมันไป มนุษย์อาจจะไม่รู้สึกซักเท่าไหร่ แต่มันทำร้ายจิตใจของสุนัขที่รักมนุษย์อย่างรุนแรง และด้วยเหตุนี้เองทีม Canine CellMates ได้จัดโครงการเยียวยาจิตใจทั้งคนและสุนัขขึ้นมา ด้วยความรู้สึกที่ไร้ค่าและรู้สึกโดนทอดทิ้งทั้งของตัวนักโทษเอง และสุนัขที่โดนเจ้าของทิ้งและอยู่ในระหว่างรอเจ้าของใหม่ โดยจับคู่ให้มาเจอกัน และอยู่ด้วยกันตลอด 24 ชั่วโมง โดยโครงการนี้จะช่วยทำให้สุนัขที่ถูกทอดทิ้งได้ทำการปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ๆ และได้รับการฝึกฝนเพื่อพร้อมที่จะไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในอนาคต นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุนัขแล้ว อีกด้านหนึ่งก็มีประโยชน์ต่อตัวนักโทษเองด้วย ส่งผลทำให้สุขภาพจิตที่ดีขึ้น จากที่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่า เมื่อได้รับความรักและความเชื่อใจจากสุนัขเหล่านี้ ทำให้ความคิดของพวกเขาเปลี่ยนไปในเชิงบวก หนึ่งในนักโทษก็ได้กล่าวเอาไว้ว่า ‘ความผูกพันระหว่างตัวผมกับเจ้า Fred, เรามาจากคนละที่ เจ้า Fred มาจากที่มันกำลังจะถูกฆ่า และผมก็มาจากสถานที่ที่เลวร้าย ถ้าเจ้า Fred มีโอกาสได้ไปอยู่บ้านใหม่และเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ มันก็ทำให้ผมอยากจะเปลี่ยนสภาพแวดล้อมที่ผมอยู่ด้วยเช่นกัน’ ที่มา : unilad, CNN
-
หญิงสาวป่วยเป็นมะเร็งผิวหนังจนต้องตัดปลายจมูก และปลูกถ่ายใหม่จากหนังบนศีรษะของเธอ!!
โรคร้ายอย่างมะเร็งถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นแล้วก็คงจะหาทางรักษาให้หายขาดยาก เว้นเสียแต่ว่าจะต้องทำการผ่าตัดกำจัดเนื้อร้ายออกไป อย่างในกรณีของหญิงสาวที่ชื่อว่า Bree Towner วัย 28 ปีรายนี้ เธอถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งผิวหนังที่เรียกว่า Basal cell carcinoma ทั้งนี้เนื้อร้ายนั้นเกิดขึ้นบนบริเวณใบหน้ารวมไปถึงปลายจมูกของเธอด้วย เธอจึงต้องรับการผ่าตัดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้เกิดรอยแผลเย็บเต็มใบหน้า จนเธอเป็นโรคซึมเศร้า ไม่กล้าที่จะส่องกระจกมองตัวเอง รวมไปถึงคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วย แต่ทั้งนี้เธออยู่ได้เพราะกำลังใจจากคนรอบข้างและบุคคลในครอบครัว ซึ่งระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เธอต้องต่อสู้ทั้งโรคร้ายและคำนินทาต่างๆ มากมาย เพราะใบหน้าของเธอมีความผิดปกติไปมาก จนกระทั่งเธอได้รับการศัลยกรรมผ่าตัดทำปลายจมูกขึ้นมาใหม่จากหนังศีรษะของเธอเอง!! สุดท้ายแล้วเธอยังคงพบกับปัญหาอีกเพราะเนื่องจากผิวหนังบนปลายจมูกที่ทำมาใหม่นั้นเป็นของผิวหนังศีรษะ ส่งผลทำให้มีเส้นผมเกิดขึ้นตามปกติ และจะต้องทำการผ่าตัดอีกครั้งเพื่อลดขนาดจมูกและกำจัดขนออกไป ที่มา : metro, karar
-
น้องเหมียวฮีโร่ รับลูกกระสุนปริศนาแทนเด็กชายที่กำลังหลับอยู่ ช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้!!
ความอันตรายในชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่ภายในบ้านของเราเอง อย่างเช่นในกรณีนี้ที่เกิดขึ้นในรัฐ Pennsylvania จู่ๆ เสียงปืนดังขึ้นและกระสุนปริศนาก็พุ่งเข้ามาภายในบ้านทะลุผ่านผนังบ้าน เข้าที่เจ้าเหมียวชื่อว่า Opie ไปเต็มๆ ในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น Angelica Sipe คุณแม่ของลูกชายวัยสามขวบได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก็รีบไปหาลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา โชคดีที่ลูกชายของเธอไม่เป็นอะไร แต่กระสุนกลับทะลุผ่านร่างเจ้าเหมียว Opie เข้าบริเวณเหนือตาข้างซ้าย ผ่านคอและทะลุไปถึงไหล่ การที่เจ้าเหมียว Opie ได้รับบาดเจ็บสามารถช่วยชีวิตลูกชายของเธอได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะช่วยลดความเร็วของกระสุนได้ ไม่เช่นนั้นเด็กชายอาจจะเสียชีวิตในทันที แต่อย่างไรก็ตามน้องเหมียวก็ได้ความเจ็บปวดจากการถูกยิงทำให้กล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย ค่าการผ่าตัดรักษาน้องเหมียวนั้นเป็นเงินจำนวนมากประมาณ 36,424 บาท (1,000 ดอลลาร์) ซึ่งยังไม่รวมค่ารักษาอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมภายหลัง จึงมีคำแนะนำว่าให้ปล่อยมันตายดีกว่ารักษา แต่เธอกลับเลือกที่จะรักษามันไว้ เพราะมันคือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตลูกชายของเธอ ตอนนี้เจ้า Opie ได้รับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บจนพ้นขีดอันตรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ซึ่งหวังว่ามันจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า เอ็งเป็นเหมียวที่อึดจริงๆ เลยเจ้า Opie สู้ๆ นะ ที่มา :…
-
เจ้าหมาน้อยจรจัดได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง หลังจากถูกคนนำมาปล่อยให้อยู่ข้างถนนเพียงลำพัง!!!
วันหนึ่งในขณะที่ Dr Christian Broadhurst กำลังขับรถอยู่บนทางหลวงที่เชื่อมระหว่างรัฐ เขาสังเกตเห็นว่ามีสุนัขตัวสองตัว กำลังเดินไปเดินมาอยู่ข้างถนนอย่างไร้จุดหมาย เขาจึงแวะดู เขาพบว่าหนึ่งในสุนัขสองตัวนั้นอยู่ในสภาพที่แย่มาก มันต้องทุกข์ทรมานจากโรคเรื้อนและภาวะขาดสารอาหาร เขาจึงตัดสินใจพาพวกมันมารักษาที่คลีนิคสัตว์ Clay Humane Dr. Christian กล่าวว่า “ผมไม่รู้ว่าพวกมันมาอยูแถวนั้นได้ยังไง อาจเป็นเจ้าของเก่าเอามันมาทิ้งไว้ ผมเจอกระป๋องกาแฟทิ้งอยู่แถวๆนั้น ผมเจอพี่น้องของพวกมันอีกตัวด้วย แต่ว่าตัวนั้นถูกรถชนเสียชีวิตไปแล้ว” พวกมันถูกตั้งชื่อว่า Dodger และ Scout โชคดี ด้วยเวลาเพียงหนึ่งเดือนหลังจากที่พวกมันถูกพามาที่คลีนิคสัตว์ พวกมันก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จนเจ้าหน้าที่ของคลีนิคยังต้องตกใจ และตอนนี้มันแทบไม่เหลือเค้าของสุนัขจรจัดเลยทีเดียว ต้องขอบคุณเหล่าผู้ใจบุญที่ช่วยกันบริจาคค่ารักษาให้กับเจ้าสุนัขน้อยสองตัวนี้ ไม่เช่นนั้นการรักษาตัวของพวกมันทั้งสอง คนไม่ราบรื่นเช่นนี้ หวังว่าจะมีคนรับพวกมันไปอยู่ด้วยในเร็ววันนะ ที่มา metro
-
ล่าสุดสหรัฐฯ ได้ออกมายอมรับแล้วว่า ‘กัญชา’ สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!!
เอาล่ะสิทำยังไงดี เมื่องานนี้สำนักข่าวเมโทรแห่งประเทศอังกฤษได้รายงานว่า พี่ใหญ่ผู้นำโลกอย่างสหรัฐอเมริกาได้ออกมายอมรับด้วยตนเองแล้วล่ะว่า กัญชานั้น สามารถฆ่าเซลล์มะเร็งได้!!! เรื่องนี้ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นที่ถกเถียงกันมานานแล้วล่ะ ซึ่งล่าสุดนั้นก็ได้ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการจากทาง The National Cancer Institute ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านมะเร็งของทางกระทรวงสาธารณะสุขประเทศสหรัฐอเมริกา ‘…ทั้งการสูบ การใส่ลงไปในอาหาร หรือว่าการดื่มแบบสารสกัดสมุนไพร ล้วนแล้วแต่มีผลในด้านการช่วยฆ่าและรักษามะเร็งได้…’ ส่วนหนึ่งในแถลงการณ์ของทางหน่วยงานนี้ แถมในไซต์ของหน่วยงานยังระบุด้วยว่านอกจากมะเร็งแล้ว ยังช่วยต้านการอักเสบของเซลล์ ต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์โดยเฉพาะเนื้องอก ต้านไวรัสบางตัว และแม้กระทั่งช่วยบรรเทากล้ามเนื้อกระตุกที่เกิดจากหลายเส้นโลหิตตีบ แต่กระนั้นนี่ก็เป็นเพียงข้อสังเกตเบื้องต้นเท่านั้นนะจ๊ะ และเป็นผลข้างเคียงเพียงส่วนหนึ่งของกัญชา ถึงจะมีงานวิจัยเหล่านี้ออกมามากมายในอดีต แต่ก็ไม่เคยได้รับการยอมรับเท่ากับครั้งนี้ จะว่าไปแล้วอะไรๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วล่ะ… และแน่นอนคงไม่มีใครดีใจกับข่าวนี้เท่ากับเหล่าผู้ชาย (และหญิง)สายเขียวอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่อะไรก็ตามที่มีประโยชน์ แน่นอนถ้าเกินปริมาณที่พอดี มันก็จะกลายเป็นโทษได้นะจ๊ะ ที่มา: Metro
-
คุณหมอใช้ ‘หนังช้าง’ ปิดแผลแรด หลังถูกนายพราน ยิง-ตัดนอ แล้วปล่อยให้ตายช้าๆ
ช่วงนี้ไม่รู้เป็นอะไรมีข่าวคราวเกี่ยวกับการล่าสัดว์แบบโหดร้ายมาให้เห็นกันแทบทุกวัน…มนุษย์นี่หนอออ พวกเราเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวที่สุดแล้วล่ะ เมื่อทางสำนักข่าวเมโทรของประเทศอังกฤษได้รายงานข่าวเกี่ยวกับแรดเพศเมียวัย 12 ปี ในแอฟริกาใต้ ที่ถูกเหล่าผู้ลักลอบล่าสัตว์ทำร้าย แถมลักลอบตัดนอเธอไปอีกต่างหาก สภาพของแรดสาว โดยเหล่านายพรานได้ฆ่าลูกแรดวัย 5 ขวบของเธอยิงเธอด้วยปืน และพอเธอล้มลงก็จัดการตัดนอออกไปและทิ้งไว้อย่างนั้น ให้เธอร้องด้วยความทรมาน จนนายแพทย์ Johan Marais ไปเจอเข้า จึงได้ทำการรักษาพยาบาลเธอในเบื้องต้น และได้ใช้หนังช้างเป็นผ้าพันแผลให้เธอ แน่นอนว่าหนังช้างนั้นไม่ได้ฆ่าเอาจากช้างแถวนั้นหรอกนะจ๊ะ เขาไปซื้อที่ร้านขายของตกแต่งมา ซึ่งคุณหมอได้บอกว่า ‘เราได้พยายามนึกถึงอุปกรณ์ที่จะมาเป็นผ้าปิดแผล แน่นอนต้องเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนักเบา และยืดหยุ่นได้…อะไรจะเหมาะไปกว่าหนังช้างอีกล่ะ แถมจะสามารถอยู่ไปได้อีก 4 – 5 อาทิตย์เลยล่ะ’ ซึ่งแผลในกรณีนี้สามารถใช้เทคโนโลยีไฟเบอร์กลาส หรือพลาสติกได้ แต่แน่นอนว่าจะมีความยุ่งยากในเรื่องของขนาดที่พอดีกับแผลของแรด หนังช้างเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ น่ากลัวจริงๆ -*- แต่อย่างน้อยก็สามารถรักษาชีวิตได้ ต้องขอบคุณคุณหมอจริงๆ และหวังว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ของอุทยาน จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เหมือนในกรณีของเจ้าสิงโต Cecil นะ… ที่มา: Metro
-
วิธีการพับกล่อง ‘เฟรนช์ฟราย’ แบบง่ายๆ สำหรับคนชอบกินเหลือ เพียงแค่ 2 ขั้นตอนก็ทำได้แล้ว
หลายคงคงเคยเจอปัญหาการทาน ‘เฟรนช์ฟราย’ ไม่หมดกันมาบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ แต่ลองคิดดูสิว่าถ้าหากเรานำไปทิ้งมันก็คงน่าเสียดายแย่ ว่าแต่…เราจะมีวิธีจัดการกับปัญหานี้ยังไงดีน้า และในวันนี้เหมียวจะมาแนะนำวิธีการพับกล่อง ‘เฟรนช์ฟราย’ สำหรับคนที่ชอบทานเหลือมาฝาก รับรองว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายมากๆ ใครๆ ก็สามารถทำได้ งานนี้หากใครที่ชอบทาน ‘เฟรนช์ฟราย’ ไม่หมด ก็ไม่ต้องนำไปทิ้งให้เสียของแล้ว อิอิ!! 1.เริ่มจากการพับส่วนที่เป็นด้านยาวลงมาปิดแบบนี้… 2.จากนั้นก็พับส่วนด้านข้างที่เหลือลงมา ท๊าดาาาาาา!! เสร็จแล้วฮะ เป็นไงล่ะ…ง่ายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยใช่มั้ย สุดยอดไปเลย!! เพียงเท่านี้เราก็สามารถนำเฟรนช์ฟราย กลับไปทานต่อที่บ้านได้โดยที่ไม่ต้องทิ้งให้เสียดายแล้ว ที่มา : imgur
-
สุดยอด!! เมื่อเจ้าหมาจรจัดถูกคนใจบุญเก็บไปเลี้ยง ชีวิตใหม่อันงดงามของมันก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ตอนที่ผู้ใจบุญได้พบกับเจ้าหมาจรจัดที่ชื่อว่า Kelsey มันอยู่ในสภาพที่สมบุกสมบันถึงขีดสุด ชนิดที่ว่าแทบไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้วสกปรกๆ ทั้งหิวโหย และมีแผลตามร่างกาย แม้กระทั่งหมอก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่า หากนำมันไปรักษา มันจะกลับมาเป็นปกติ แต่ด้วยความรักและความเอาใจใส่ ทำให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นอีกครั้ง เธอสามารถรักษา Kelsey จนกลับมาเป็นปกติ และได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นี่คือสภาพตอนที่เธอถูกพบครั้งแรก สภาพนี่เรียกว่าดูไม่ได้เลยทีเดียว โชคดี มีคนไปพบเธอ และนำเธอกลับไปดูแล และนี่คือตอนที่เธอกำลังจะเริ่มทำการฟื้นฟู เธอเริ่มกลับมาทานอาหารจริงๆได้ แต่ต้องแบบอ่อนๆนะ หมอคนที่ทำการรักษา ถึงกับสะเทือนใจกับประสบการณ์ในการใช้ชีวิตข้างถนนของเธอเลยทีเดียว พวกเขาตัดสินใจทำการรักษาเจ้า Kelsey ในที่สุดมันก็ค่อยๆดีขึ้น เธอเริ่มทำความคุ้นเคยกับหมาตัวอื่นๆในบ้าน และเธอได้ออกไปเผชิญกับโลกภายนอก โดยที่ไม่ต้องมีแผลอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธอกลับมาสมบูรณ์เหมือนมีชีวิตใหม่อีกครั้ง แม้ร่างกายจะหายดีแล้ว แต่บาดแผลในจิตใจยังคงไม่จางหายไป แต่เธอกำลังต่อสู้อย่างไม่ย้อท้อ น่ารักปะล่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจ เพื่อทำให้ Kelsey…
-
ลองดูสิ!! เหมียวเผย 5 สูตรสยบปัญหาหน้ามันเยิ้มแบบง่ายๆ เห็นผลชัดเจนแน่นอน
ปัญหาหน้ามัน เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งปัญหากวนใจของหนุ่มๆ สาวๆ เป็นอย่างมาก เพราะในระหว่างวันเมื่อเราต้องเจอกับอากาศที่ร้อนระอุ แน่นอนว่าใบหน้าของเราก็จะดูมันเยิ้ม แถมยังต้องคอยซับหน้าอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย และในครั้งนี้เหมียวจะมาแนะนำวิธีการกำจัดปัญหาหน้ามันแบบง่ายๆ แถมยังเห็นผลได้ชัดเจนอีกด้วย รับรองว่าหากใครที่ลองทำตาม ก็เตรียมโบกมือลาปัญหาหน้ามันไปได้เลย อ้อ!! ขอบอกเลยว่าวิธีที่เราใช้เป็นวิธีธรรมชาติล้วนๆ อีกด้วยนะจ๊ะ สูตรแรก ไข่ขาว วิธีนี้ง่ายๆ มากๆ เลย เพียงทำทุกวันหน้าก็จะหายมันแน่นอน โดยให้เพื่อนๆ นำไข่ไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) มาทาบางๆ ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีจนแห้ง จากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอุณหภูมิปกติหรือน้ำเย็นจ้า สูตรที่สอง มะเขือเทศ การรักษาหน้ามันโดยใช้มะเขือเทศไม่ได้ยากอย่างที่คิดดลย เพียงแค่นำมะเขือเทศมาบดให้ละเอียด แล้วทาให้ทั่วใบหน้าของเรา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด หากทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง รับรองว่าหน้าหายมันแน่นอน สูตรที่สาม ว่านหางจระเข้ ไม่น่าเชื่อเลยว่า ‘วุ้น’ จากว่านหางจระเข้ก็สามารถลดความมันบนใบหน้าได้เหมือนกัน เพียงนำวุ้นขาวๆ มาหั่นสไลด์ให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วแปะให้ทั่วใบหน้า…