Tag: รัฐบาล
-
ชาวเน็ตแห่แชร์ภาพบัตรคนจนและเงิน 500 จากรัฐ แต่ใส่ทองและขับรถกันรึ่ม?
สำหรับประเทศไทยบ้านเรา ที่ต้องยอมรับว่าแม้จะมีเศรษฐีเดินให้เกลื่อนกลาด แต่ขณะเดียวกันนั้นเองก็ยังคงมี คนยากคนจน ที่รายได้น้อยอยู่จำนวนมากเช่นกัน ทางรัฐบาลจึงออกมาตรการช่วยเหลือ โดยให้ผู้มีรายได้น้อยนั้นมาลงทะเบียนรับ “บัตรคนจน” (บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) เพื่อรับสวัสดิการดีๆ จากภาครัฐนั่นเอง ล่าสุด ในวันที่ 9 ธันวาคม 2561 ทางรัฐบาลก็ได้ทำการมอบสวัสดิการเป็นเงินจำนวน 500 บาทกับผู้ถือบัตรคนจนทุกคน ทำให้ชาวเน็ตที่ได้รับสวัสดิการครั้งนี้ ออกมาโพสต์ภาพโชว์กันเป็นแถว ประเด็นอยู่ตรงที่ บางคนมีการโพสต์ภาพอวดเงิน 500 บาท แต่ในภาพกลับพบว่ามีการ ขับรถยนต์และสวมเครื่องประดับมูลค่าสูง ชาวเน็ตจึงสงสัยว่าผู้คนเหล่านี้เป็น “คนจน” จริงๆ หรือ? ถ้าคนเหล่านี้ มิได้เป็นผู้มีรายได้น้อยจริง แต่กลับสามารถลงทะเบียนทำบัตรคนจนได้ มันก็จะสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่คลุมเครือของรัฐบาล และทำให้เกิดคำถามว่า “แบบนี้เข้าข่ายเอาเปรียบหรือไม่?” คนจน?? เราก็ได้สิทธิ์นะ ค่าแชร์ เข้าใจว่า บางคนอาจจะเพิ่งมา “รวยภายหลัง” แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ มันก็สะท้อนให้เห็นการจัดการของระบบนี้หละหลวม เพราะหากวันหนึ่งมีคนจริงๆ แล้วดันรวยขึ้นมาภายหลัง เขาก็ยังคงจะได้รับสวัสดิการจากรัฐเทียบเท่าคนที่มีรายได้น้อยอยู่อย่างนั้นหรือ? ขอบคุณภาพจาก: ควาย+Social Smile
-
สมาชิกสภาญี่ปุ่น ‘ตะโกนถกเถียง’ กันอย่างชุลมุนวุ่นวาย ประเด็นจ่ายน้ำประปา
ชาวญี่ปุ่น อย่างที่เราทราบกันว่าจะมีความสุภาพ ใจเย็น และเป็นระเบียบมาก แต่วันนี้กลับมีภาพที่ทำให้เกิดความรู้สึกขัดแย้ง นักการเมืองในสภาแห่งชาติญี่ปุ่นได้มีปากเสียงกันอย่างจอแจ ขณะประชุมหารือกันเรื่องการให้บริการน้ำประปา ที่มุ่งถึงการอนุญาตให้บริษัทเอกชนได้ถือครองสิทธิ์การจ่ายน้ำประปา แม้มาตรการดังกล่าวจะได้รับเสียงสนับสนุนมาจากทั้งสองพรรคการเมืองใหญ่ๆ แต่กลับเกิดการถกเถียงกันอย่างวุ่นวายหลังจากที่ผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองฝ่ายอื่นๆ ได้วิจารณ์โต้แย้งมาตรการนี้ เหตุการณ์จะวุ่นวายขนาดไหน ลองชมคลิปวิดีโอกันได้เลย 「水道改悪法」なんと審議なしで、採択強行!12/5 衆院・厚生労働委員会 pic.twitter.com/YsKV49SYEf — x (@xzjps) December 5, 2018 เหตุการณ์เกิดขึ้นในหมู่ผู้แทน แต่ไม่นานก็กลายเป็นประเด็นโต้วาทีกันระหว่างคนจำนวนมากที่ตะโกนใส่กันไปมา เสียงตะโกนหนึ่งที่ได้ยินอย่างชัดเจนก็คือคำว่า “ดาเมะ! ดาเมะ! ดาเมะ!” ที่แปลว่า “ไม่! ไม่! ไม่!” นั่นเอง ในคลิปวิดีโอจะเห็นได้ว่า เหล่าสมาชิกท่านอื่นๆ ถึงกับต้องลุกขึ้นยืนด้วยความงุนงงกับเหตุการณ์ความชุลมุนที่คาดไม่ถึงนี้ ความชุลมุนครั้งนี้ เกิดขึ้นด้วยสาเหตุที่ว่า ฝ่ายสนับสนุนมาตรการนั้นรู้ว่าตนเองจะต้องชนะด้วยเสียงข้างมาก จึงข้ามขั้นตอนการหารือ ไปยังขั้นตอนการลงคะแนนเสียงและการร่างกฎหมายเลยนั่นเอง สรุปคร่าวๆ ฝ่ายสนับสนุนกล่าวว่าทางรัฐบาลจำเป็นจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานอย่างเช่นการจ่ายน้ำให้ดีขึ้น เพราะปีที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นอัตตราหนึ่งในสามไม่สามารถจ่ายน้ำได้ทั่วถึง ส่วนฝ่ายผู้วิจารณ์เองก็แย้งว่ามาตรการให้สิทธิ์การจ่ายน้ำประปาแก่บริษัทเอกชนเป็นเวลา 20 ปี นี้อาจจะเป็นการเปลี่ยนยกบริการสาธารณูปโภคให้กลายเป็นของบริษัทเอกชนอย่างสิ้นเชิง และอาจทำให้ประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้นในการรับบริการเหล่านี้ ขณะนี้ก็ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าผลลัพธ์ของการหารือครั้งนี้ออกมาเป็นอย่างไรกันแน่ …
-
อดีตนักโทษมะกันเสีย ‘อวัยวะเพศ’ จากมะเร็ง โร่ฟ้องเรือนจำปล่อยโรคไร้การ “วินิจฉัย”
เรื่องราวชวนปวดหัวในวันนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนาย Keith Jackson วัย 49 ปี ที่ต้องเสียอวัยวะเพศไปเนื่องจากโรคมะเร็ง Keith Jackson เคยเป็นผู้ต้องขังในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เขาถูกจับกุมในข้อหาพกพาอาวุธปืนอย่างผิดกฎหมายและก่ออาชญากรรมร้ายแรง หลังจากนั้นเขาเสียอวัยวะเพศจากโรคมะเร็ง เขาจึงโทษเรือนจำที่ไม่ตรวจอาการเขาก่อนหน้านี้ Keith Jackson วัย 49 ปี ในช่วงเวลา 15 เดือนแรกที่เขาถูกขังอยู่ในเรือนจำ เขาก็เริ่มมีอาการเจ็บปวดที่แผลบนอวัยวะเพศของตนเอง มันเริ่มบวมช้ำและมีเลือดออกมาก ข้อมูลจากบันทึกทางการแพทย์ของ Keith พบว่าเขาถูกวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อที่บริเวณอวัยวะเพศหลายต่อหลายครั้ง โดยทีมแพทย์เชื่อว่าเขาได้รับเชื้อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน จึงให้ยาปฏิชีวนะแก่เขา ภายหลังทีมแพทย์ตัดสินใจ ทำการผ่าตัด Keith แต่มันก็สายเกินไปเพราะอาการของมะเร็งได้ลุกลามจนทำลายอวัยเพศของเขาไปแล้ว นั่นทำให้ Keith ต้องการให้ทางเรือนจำและทีมแพทย์ในเรือนจำออกมารับผิดชอบ ที่ปล่อยให้อาการของโรคมะเร็งลุกลามในตัวเขาโดยที่ไม่มีการตรวจวินิจฉัย Keith กล่าวว่า… “ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องออกมารับผิดชอบเรื่องนี้ และสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ ก็คือ ‘ความช่วยเหลือ’ เท่านั้นเอง” สุดท้ายเขาก็ยื่นเรื่องฟ้องรัฐบาลกลางภายใต้กฎการฟ้องร้องของภาคเอกชนต่อภาครัฐบาล นอกจากนี้เขายังฟ้องเรือนจำอีก 6 แห่งที่เขาเคยถูกขัง และสถานรักษาพยาบาลอีก 2 แห่งอีกด้วย Keith…
-
หญิงชาวอินโดถูกตัดสิน “ประหาร” ในซาอุฯ เพราะฆ่านายจ้างที่พยายาม ‘ข่มขืน’ เธอ
ชาวอินโดนีเซียในกรุงจาการ์ตาได้เกิดความไม่พอใจกับทางประเทศซาอุดีอาระเบียอย่างมาก หลังหญิงชาวอินโดนีเซีย ถูกตัดสินประหารชีวิต โดยไม่มีการแจ้งรัฐบาลอินโดฯ Tuti Tursilawati ผู้ใช้แรงงานหญิงชาวอินโดนีเซียที่อพยพเข้ามายังประเทศซาอุดีอาระเบียได้ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2011 ด้วยคดีฆาตกรรมนายจ้างของตน แต่ถึงอย่างนั้นเธอยังไม่ได้รับโทษ กระทั่งวันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2018 ที่ผ่านมา เธอถูกประหารชีวิตเป็นที่เรียบร้อยในเมืองอัฏฏออิฟ ประเทศซาอุดีอาระเบีย Tuti Tursilawati การตัดสินคดีในครั้งนี้ทำให้เกิดความไม่พอใจแก่ชาวอินโดนีเซียอย่างยิ่ง Joko Widodo นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียได้ติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศของซาอุดีอาระเบีย ถึงสาเหตุที่ไม่แจ้งข่าวการประหารชีวิต Tuti Tursilawati ให้ทางการอินโดนีเซียได้ทราบ ประกอบกับการให้ปากคำของ Tuti ที่กล่าวว่าเป็นการกระทำเพื่อ ป้องกันตนเอง หลังจากถูกนายจ้างของเธอลวนลามและคุกคามทางเพศ ยิ่งทำให้ชาวอินโดนีเซียยิ่งไม่พอใจ ภายหลังทราบว่า ทางซาอุดีอาระเบียไม่สนใจเรื่องของการร้องขอสิทธิมนุษยชนและสิทธิการรักษาชีวิตของตน (ผู้กระทำผิด) สุดท้าย นายกรัฐมนตรีของอินโดนีเซียจึงได้พยายามร่างข้อตกลงจริงจังกับประเทศซาอุดีอาระเบียเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่ทางการประเทศซาอุดีอาระเบียมีกาประหารชีวิตชาวอินโดนีเซียโดยไม่มีการแจ้งกลับมายังประเทศบ้านเกิด ที่มา: migrantcare, nextshark และ Daily Mail
-
นักศึกษาบังกลาเทศ ถูกฝ่ายรัฐบาลฆ่าและข่มขืน เนื่องจาก “ประท้วง” ขอความปลอดภัยบนท้องถนน
หลังจากที่มีข่าวการเสียชีวิตของนักเรียน 2 รายในประเทศบังกลาเทศเนื่องจากอุบัติเหตุบนท้องถนน จึงมี การประท้วง เกิดขึ้นเพื่อเรียกร้องให้การจราจรในประเทศมีความปลอดภัยมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับกลายเป็นความรุนแรง ความโหดร้าย และการสูญเสีย ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2018 ได้เกิดเหตุการที่รถบัสโดยสารคันหนึ่งพุ่งชนเข้ากับกลุ่มนักเรียน ทำให้ Diya Khanam Mim และ Abdul Karim Rajib นักเรียน 2 คนจากโรงเรียนและวิทยาลัย Shaheed Ramiz Uddin เสียชีวิต ข่าวการเสียชีวิตของนักเรียนทั้งสองแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ ทำให้เกิดการจลาจลต่อต้านรัฐบาลขึ้นในกรุงธากา ผู้ประท้วงส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนและนักศึกษาที่ออกมาปิดการจราจร ณ สี่แยกใหญ่หลายแห่ง ภาพการประท้วงที่ก่อให้เกิดการจลาจล มีรายงานว่า เด็กนักเรียนวัยเพียง 13 ปี หนึ่งในผู้ร่วมประท้วงได้ทำการปิดถนนและตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านมาว่ามีใบอนุญาตขับขี่หรือไม่ เพื่อให้มีความปลอดภัยบนท้องถนน และเมื่อวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม 2018 เหล่าผู้ประท้วงนับพันได้รวมตัวกันประท้วงต่อต้านรัฐบาลให้มอบความยุติธรรมและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนให้มากขึ้น แต่ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน การจลาจลกลับกลายเป็นความรุนแรง เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจของบังกลาเทศและกลุ่มนักศึกษาที่สนับสนุนรัฐบาลถูกกล่าวหาว่าใช้กำลังและความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ประท้วง รายงานจาก Agence France-Presse กล่าวว่านักเรียนที่เข้าประท้วงหลายร้อยรายบาดเจ็บจากการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีการยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตา…
-
ปาฐกถาของ “เนติวิทย์” ในนอร์เวย์ ชวนผู้เข้าร่วมลุกขึ้น ‘ชูสามนิ้ว’ เพื่อประเทศไทย
ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2561 ได้มีการเปิดเวที การประชุมนานาชาติว่าด้วยเสรีภาพ ครั้งที่ 10 ที่กรุงออสโล ประเทศนอร์เวย์ โดยองค์กร Oslo Freedom Forum 2918 (OFF) ซึ่งในงานจะมีการแลกเปลี่ยนพูดคุยและบรรยายปาฐกถาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิและเสรีภาพ สิ่งที่น่าสนใจก็คือเฟซบุ๊กเพจ ฉันจะบินมาตายตรงหน้าตัก ให้ยอดรักเช็ดเลือดและน้ำตา ได้โพสต์วิดีโอการปาฐกถาภายในงาน ในงานดังกล่าว นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล เป็นผู้บรรยายในหัวข้อ นักศึกษาและกองทัพ (The Students and the Military) เนื้อหาในหัวข้อที่ นายเนติวิทย์บรรยายจะเป็นเรื่องเกี่ยวการออกเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยของนิสิตนักศึกษาและเยาวชน นับตั้งแต่สมัยเกิดรัฐประหารในปี 2557 ในการปาฐกถา นายเนติวิทย์ก็ได้เล่าเรื่องราวของตนในฐานะนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิและเสรีภาพ เริ่มตั้งแต่การตั้งคำถามเรื่องทรงผมนักเรียน จนกระทั่งได้เข้าเรียนในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในปี 2559 เนติวิทย์บอกว่าตนเองพยายามเข้าร่วมเหตุการณ์สำคัญๆ และจัดกิจกรรมที่เชื่อมโยงกับต่างประเทศ เช่นในครั้งที่เชิญ โจชัว หว่อง มาพูดคุยเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยได้เคลื่อนไหว แต่สุดท้ายโจชัว หว่องก็ถูกคุมตัวและส่งกลับฮ่องกงไป นั่นทำให้เกิดความคิดที่ว่าประเทศไทยได้สูญเสียอิสรภาพไปแล้ว ต่อมานายเนติวิทย์ก็ได้รับเลือกให้เป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ในวันถวายสัตย์ปฏิญาณตนของนิสิตใหม่แรกเข้า นักศึกษาใหม่ทุกคนต้องหมอบกราบพระบรมรูปของรัชกาลที่ 5 แต่เนติวิทย์กลับเลือกที่จะยืนเพื่อรำลึกแทน จึงถูกเข้าใจว่าแข็งข้อ สุดท้ายเขาถูกปลดออกจากการเป็นประธานสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปัจจุบันเนติวิทย์ถูกกล่าวหาคดีหลายข้อ…
-
ถนนเป็นหลุมบ่อ รัฐบาลไม่ยื่นมือ ชาวบ้านทนรอไม่ไหว พระ-เณรลงมาซ่อมถนนด้วยตัวเอง!!
เรามักจะได้เจอปัญหาถนนหนทางเป็นหลุมเป็นบ่อ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และทุกคนเข้าใจกันดีว่ามันเป็นถนนหลวง เพราะฉะนั้นภาครัฐจึงควรเป็นคนเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่หลายๆ ครั้ง สิ่งที่ตามมาคือภาครัฐไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วย โดยอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ได้เข้ามามองเห็นถึงปัญหาดังกล่าว หรือมีความจำเป็นต้องแก้ปัญหาอื่นๆ ที่สำคัญกว่าไปตามลำดับ ชาวบ้านจึงอาจต้องแก้ปัญหากันด้วยตัวเองเหมือนอย่างเหตุการณ์นี้ ปัญหาถนนเป็นหลุมเป็นบ่อที่เกิดขึ้นในจังหวัดสุพรรณบุรี . ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2018 เฟซบุ๊ก Nuttawut Wongsuwan ได้โพสต์ภาพ “#ถนนพระทำ” บนเส้นทางระหว่างหมู่บ้านหนองสลัดได บ้านหนองเสาธง ต.สระกระโจม อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี เผยสภาพถนนที่มีหลุมบ่ออยู่เป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าถนนในลักษณะนี้ ย่อมเป็นปัญหาต่อการขับขี่ . เจ้าของโพสต์อธิบายว่าชาวบ้านรอคอย องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ให้เข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่รออยู่นานก็กลับไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดช่วยเหลือสักที นั่นจึงเป็นเหตุที่ทำให้พระสงฆ์และเณรของวัดท้องถิ่น ตัดสินใจเป็นอาสาสมัครเข้ามาช่วยแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านทุกคน . . จากภาพเราจะเห็นว่าเจ้าอาวาสวัดนำพระเณรจำนวนมาก เข้ามาช่วยกันขนอิฐหินปูนทราย ผสมแล้วก็เทกลบหลุมบ่อเหล่านั้นเอาไว้ โดยที่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะว่ามองไปทางไหนก็มีแต่หลุมแต่บ่ออยู่เต็มถนนไปหมด . . …
-
ครูโพสต์บ่น ‘ลูกคุณไม่ได้น่ารัก สปอยล์ลูกซะเละ’ แถมแฉโรงเรียน ไม่มีใยดีใดๆ กับครูเลย…
ปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา จะมีการวางระบบทางสังคมพื้นฐานมาเป็นอย่างดี แต่ทว่าความสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีอยู่จริง เพราะเมื่อกาลเวลาผ่านไป ทุกสิ่งทุกอย่างก็ย่อมเสื่อมตามเช่นกัน… อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีใครสนใจ แต่สำหรับปัญหาของระบบการศึกษานั้นเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นทุกวัน เมื่อคุณครูท่านหนึ่งจากรัฐเท็กซัส ได้ทำการโพสต์เพื่อระบายความในใจ เกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าหดหู่ที่กำลังเกิดขึ้นในโรงเรียนของเธอ Julie Marburger Julie Marburger คุณครูสอนระดับชั้นเกรด 6 (ป.6) ของโรงเรียน Cedar Creek Intermediate School ได้หมดความอดทนในวิชาชีพของตัวเอง หลังจากที่ทำงานในฝันงานนี้มานับสิบปี… “มันคือความฝันของฉัน ตั้งแต่จำความได้ว่าอยากจะมีห้องเรียนเป็นของตัวเอง และตอนในใจของฉันแหลกสลายหลังจากที่ไม่ได้รับแยแสใดๆ ใน 2 ปีที่ผ่านมา” พ่อแม่ไม่ให้ความเคารพคุณครู และเด็กๆ ก็แย่ยิ่งกว่า ผู้บริหารโรงเรียนก็เอาใจผู้ปกครอง นั่นจึงทำให้เธอไม่อาจปฏิบัติตามวิชาชีพที่ถูกจ้างมาเพื่อ ‘สอนเด็ก’ ได้ เธอลาออกจากการสอน และได้แสดงให้เห็นว่าทำไมเธอถึงหมดกำลังใจที่จะเป็นครู เนื่องจากความบกพร่องของผู้ปกครอง ผู้บริหารโรงเรียน และการสนับสนุนของภาครัฐ… โพสต์ดังกล่าวของเธอถูกแชร์ไปกว่า 400,000 ครั้งในโลกออนไลน์ พร้อมกับได้รับความเห็นใจจากเพื่อนร่วมวิชาชีพครูที่กำลังประสบปัญหาเดียวกัน Julie เชื่อว่าครูท่านอื่นเริ่มลาออกตามๆ กัน เพราะวิกฤตในระบบการศึกษาที่กำลังเสื่อมลง…
-
ถูกหรือผิด… นักค้ายาลักพาตัวหมอ เพื่อทำวัคซีนรักษาไข้เหลืองให้ชุมชนตัวเอง เพราะรัฐไม่ใส่ใจ
เมื่อรัฐบาลไม่สามารถดูแลประชาชนของประเทศตัวเอง ก็ทำให้คนทั่วๆ ไปต้องรู้จักช่วยเหลือตัวเองและเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้ แต่คงไม่มีใครที่จะทำเหมือนกับอาชญากรคนนี้อีกแล้ว ที่ยอมลงทุนลักพาตัวบุรุษพยาบาล เพื่อจะให้พวกเขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับคนยากจนที่ไม่ได้รับโอกาสเหมือนกับบุคคลทั่วไปในประเทศ โดยผู้ที่ก่อเหตุที่ว่านี้ขึ้นมีชื่อว่า Thomaz Vieira Gomes หรือมีชื่อในวงการที่รู้จักกันเป็นอย่างดีว่า 2N เขาถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในอาชญากรที่อันตรายที่สุดในนครริโอ เดอ จาเนโร ภาพของ 2N แต่เมื่อเร็วๆ นี้เขากลับทำสิ่งที่ดีงามให้กับสังคม แม้ว่าจะเป็นสิ่งผิดกฏหมายก็ตาม เพราะสิ่งที่เขาได้ทำลงไปนั้นก็คือการลักพาตัวบุรุษพยาบาล 2 คนและบังคับให้พวกเขาฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง ให้กับผู้คนยากจนในสลัมที่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากหน่วยงานรัฐ นั่นเอง โดยตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ประเทศบราซิลต้องเผชิญกับการระบาดของโรคไข้เหลืองอย่างหนัก และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่าหลายสิบคน และถึงแม้ว่ากระทรวงสาธารณะสุขจะมีแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคให้กับผู้คนหลายล้านคน เพื่อหวังจะควบคุมโรคระบาดนี้ให้ได้ แต่อย่างไรก็ตามจำนวนวัคซีนก็ยังคงไม่เพียงพอต่อจำนวนประชากรภายในประเทศอยู่ดี ทำให้ต้องมีผู้คนบางกลุ่มที่อาจไม่ได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว และแน่นอนว่ากลุ่มผู้คนยากจนมักจะเป็นกลุ่มที่ถูกสังคมปฏิเสธ ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง เช่นเดียวกับคนในพื้นที่เขต Salgueiro ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเขตที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งในนครแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่อยู่ของ 2N ด้วย เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีการที่คุ้นเคยอย่างการลักพาตัวแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ การลักพาตัวครั้งนี้เกิดขึ้นในวันที่ 27 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา เมื่อ 2N พร้อมกับพรรคพวกของเขาได้เข้าไปที่คลินิกของรัฐแห่งหนึ่ง แล้วทำการปล้นเข็มฉีดยาร้อมกับวัคซีนทั้งหมดที่พวกเขาสามารถทำได้ พร้อมทั้งได้ลักพาตัวบุรุษพยาบาล 2 คนที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในตอนนั้นไปด้วย จากนั้นแก๊งดังกล่าวก็พาตัวไปที่บาร์ชื่อว่า…
-
ปักกิ่งสั่งปรับพื้นที่อยู่อาศัยของคนงานต่างถิ่น โดยไม่มีที่พักรองรับให้ สภาพอยู่ตามมีตามเกิด
เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2017 ได้เกิดเหตุการณ์เพลิงไหม้ในย่านที่อยู่อาศัยในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปถึง 19 คน และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้เป็นเหตุผลที่ทำให้ทางรัฐบาลได้จัดการไล่ผู้อยู่อาศัยที่เป็นแรงงานต่างถิ่นทั้งหมดออกไปจากเมือง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ได้ทำให้แรงงานกว่าพันคนต้องรีบย้ายข้าวย้ายของออกจากบ้านของตัวเอง เนื่องจากทางการได้สั่งทุบบ้านของพวกเขาหลังจากที่ได้ประกาศออกไปเพียงเวลาไม่นาน บางคนถึงกับมีเวลาเก็บของทั้งหมดเพียงแค่ 15 นาทีเท่านั้นเอง คนจำนวนมากต้องออกมาเผชิญความหนาวเย็น ตึกรามบ้านช่องในบริเวณนั้นถูกทำลายทิ้งทั้งหมด ของมีค่าของพวกเขาต้องถูกเก็บและย้ายออกไปให้เร็วที่สุด ผู้คนจำนวนมากต้องออกมาเผชิญความหนาวเพราะไม่มีบ้านให้อยู่อีกต่อไป รัฐบาลเองก็ไม่มีการจัดที่อยู่รองรับใดๆ ให้พวกเขาเลยแม้แต่น้อย ทางการได้ออกมาอธิบายว่า ที่ต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อเช็คความปลอดภัยและมาตรฐานของสิ่งก่อสร้างทั้งหมดในบริเวณนั้น หลังจากที่ได้มีเหตุเพลิงไหม้ พวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะลดจำนวนประชากรในกรุงปักกิ่งอย่างที่หลายๆ คนคิดกัน แต่ถึงแม้ว่าทางการจะพูดออกมาแบบนั้น แต่ประชากรชาวจีนจำนวนมากก็ยังคงเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการขับไล่คนต่างถิ่นให้ออกไปจากเมืองหลวงเพื่อลดจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นเท่านั้นเอง ของจำนวนมากที่ต้องเก็บออกไปให้ได้ในเวลาอันสั้น รัฐบาลบอกว่านี่ไม่ได้ทำเพื่อลดจำนวนประชากรในเมือง แรงงานจากมณฑลเหอหนานคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในปักกิ่งได้พูดกับทางสำนักข่าว Financial Times ว่า “รัฐบาลต้องการกวาดล้างพวกเราออกเมืองหลวงไปเท่านั้นเอง พวกเขาไม่เคยต้องการพวกเราและแค่ได้เหตุผลใหม่ในการไล่เราออกไปแค่นั้นเอง” ป้ายประกาศที่นำมาติดไว้ให้เข้าใจตรงกัน ที่ที่เคยเป็นบ้านกลับว่างเปล่าไปในพริบตา หลายๆ อย่างที่ไม่จำเป็นก็ถูกทิ้งไป การไม่มีที่อยู่ของคนจำนวนมากได้ทำให้คนชนชั้นกลางในจีนออกมาช่วยเหลือพวกเขาในหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เครื่องนุ่งห่ม…
-
เด็กยากไร้ในอังกฤษ แอบนำอาหารกลางวันที่โรงเรียนใส่กระเป๋ากลับบ้าน เพื่อประทังความหิว
เด็กนักเรียนในประเทศอังกฤษ บางคนอาจเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ได้เพียบพร้อมเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ ต้องประสบปัญหาโดนทารุณหรือใช้ชีวิตอยู่กับความยากจน ทำให้ต้องเก็บเสื้อผ้าเอาไว้ในถุงขยะ ไม่มีข้าวกินจนถึงกับต้องแอบเก็บอาหารในโรงเรียนกลับบ้านไปเพื่อเอาไว้ประทังชีวิตตัวเองในวันหยุดสุดสัปดาห์ ปัญหาของเด็กยากไร้ในประเทศอังกฤษได้กระจายตัวออกไปในวงกว้างอย่างน่าเป็นห่วง ทางโรงเรียนหลายๆ แห่งจึงพยายามหาทางแก้ปัญหาให้กับเด็กเหล่านั้น เช่นเดียวกับ Helen Slack ครูใหญ่ในโรงเรียนประถม Twickenham ที่ได้คิดแนวทางการช่วยเหลือลูกศิษย์ในหลายๆ เรื่อง Helen ครูใหญ่ผู้พยายามช่วยเหลือลูกศิษย์ของเธอจากปัญหาความยากจน เธอได้สร้างนโยบายให้เด็กๆ ที่ไม่ได้รับประทานอาหารเช้ามาสามารถเข้ามากินอาหารได้ฟรีในครึ่งชั่วโมงแรกก่อนเรียน และในวันศุกร์ทางโรงเรียนก็จะห่ออาหารเอาไว้ให้สำหรับเด็กที่ต้องการอาหารประทังชีวิตในช่วงวันหยุด ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่รวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับชุดนักเรียน การออกไปทัศนศึกษา หรืออุปกรณ์ดนตรีและกีฬา ทุกอย่างล้วนเป็นความรับผิดชอบของทางโรงเรียนทั้งสิ้น Helen บอกว่า “โปรเจกต์ทั้งหมดนี้ต้องใช้เงินมากกว่า 3,400,000 บาทต่อปี หากโปรเจกต์นี้ดำเนินไปถึงปี 2020 แต่ฉันคิดว่าเราจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงช่วยเหลือให้ปัญหาครอบครัวยากไร้ให้หมดไป” ถึงแม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นยังคงมีให้เห็นอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลอังกฤษกลับทำการตัดงบประมาณที่ใช้สำหรับช่วยเหลือในด้านการศึกษาลงไปกว่า 13,000 บาทต่อเด็กนักเรียนหนึ่งคน ทำให้งบประมาณที่แต่ละโรงเรียนได้รับอาจไม่เพียงพอที่จะช่วยเหลือเด็กในครอบครัวยากไร้ได้ ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2017 ผู้นำโรงเรียนกว่า 7 แห่งจึงได้ทำการเข้าพูดคุยกับเลขานุการกระทรวงการศึกษา Angela Raynor เพื่อโต้แย้งเกี่ยวกับการตัดงบประมาณและปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยยังไม่มีการพูดถึงผลลัพธ์ที่ได้จากการพูดคุยของพวกเขา …
-
สมเป็นญี่ปุ่น! เมื่อรัฐบาลใช้ “การ์ตูน” ที่เป็นจุดเด่นมาสอนการรับมือจรวดจากเกาหลีเหนือ
สำหรับประเทศญี่ปุ่นแล้ว การ์ตูนถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมของชาติเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อพูดถึงอนิเมะหรือมังงะแล้วล่ะก็ เราก็มักจะนึกถึงชาตินี้กันอยู่เสมอๆ และเมื่อคนทั่วโลกต่างพากันคิดเช่นนั้น ประจวบกับเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดจากจรวดเกาหลีเหนือ ทางรัฐบาลฮอกไกโดในญี่ปุ่น จึงหาทางออกด้วยการทำการ์ตูนที่เข้าถึงคนทุกวัยของชาติออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ การ์ตูนดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 6 หน้า 6 ตัวอย่างเหตุการณ์ผ่าน 6 ตัวละครหลักด้วยกัน ซึ่งการ์ตูนดังกล่าวจะเป็นภาพสีสดใสทั้งหมด เพื่อช่วยดึงดูดให้คนทุกเพศทุกวัยหันมาสนใจนั่นเอง ซึ่งก็นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ การ์ตูนตัวกล่าวนั้นวาดโดย Manabu Yamamoto ซึ่งเป็นนักวาดการ์ตูนที่เกิดในฮอกไกโด โดยปกติเขาก็จะรับวาดการ์ตูนให้กับรัฐบาลอยู่แล้ว ยกตัวอย่างแรกกันก่อน โดยในตัวอย่างนี้ได้อธิบายไว้ว่า ถ้าเกิดเหตุจรวดขึ้นจริงๆ ให้หาที่จอดรถให้ไวที่สุด จากนั้นก็ออกให้ห่างจากตัวรถอย่าอยู่ใกล้เด็ดขาด เพราะว่าน้ำมันอาจจะทำให้รถเกิดระเบิดแล้วเราถูกลูกหลงก็เป็นไปได้ (อย่าลืมว่าต้องอ่านจากขวามาซ้ายนะ) ถ้าเกิดว่าเรากำลังทำกิจกรรมอยู่ภายนอกแล้วเกิดเหตุ ให้หาที่กำบังใกล้เคียงอย่างอาคารบ้านเรือนที่ดูแข็งแรงทันที พร้อมกับเอามือปิดหัวไว้ให้ดี หรือถ้าคุณอยู่ในทุ่งนาหรือที่โล่ง พร้อมกับกำลังใช้เครื่องจักรกลอยู่ ให้ออกห่างจากเครื่องจักรและก้มลงเอามือกุมหัวทันที ถ้าอยู่ในบ้านแล้วเห็นข่าวจรวดเมื่อไหร่ ให้หลบอยู่ใต้โต๊ะ อยู่ห่างจากกระจกให้ไกลที่สุด หาหมอนหรืออะไรมาบังส่วนหัวเอาไว้ ถ้าอยู่กลางทะเลหรือบนเรือ ก็พยายามหาจุดกำบังใส่เสื้อชูชีพให้พร้อม จากนั้นก็เอามือบังส่วนสำคัญของร่างกายไว้ เรียกว่าเป็นวิธีหาทางออกให้ชาวเมืองด้วยจุดแข็งของประเทศได้ดีมากๆ ถ้าเป็นบ้านเราล่ะ ใช้อะไรดีนะ? ที่มา rocketnews24
-
เจ๋งอ่ะ… ‘กล่องความเป็นแม่’ ที่หญิงชาวฟินแลนด์ จะได้รับฟรีจากรัฐ เมื่อเธอตั้งท้อง!?
เมื่อเข้าสู่ช่วงตั้งครรภ์ของคุณแม่ ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมหลายๆ สิ่งหลายๆ อย่างด้วยกัน เพื่อลูกน้อยที่กำลังจะคลอดออกมา ซึ่งทางรัฐบาลของฟินแลนด์ใส่ใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ก็เลยจัดกล่องสุดพิเศษให้กับหญิงตั้งครรภ์ทุกคน โดยมีชื่อเรียกกันว่า Maternity Box หรือ กล่องแห่งความเป็นแม่ มาให้ เอ๊ะ!? แล้วในกล่องนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่นะ มาดูกันดีกว่า เมื่อรัฐบาลรู้ว่ามีคุณแม่ตั้งครรภ์ ก็จัดกล่องแห่งความเป็นแม่มาให้ ซึ่งสามารถไปรับได้ที่ทำการไปรษณีย์ได้ทันที (แมวเหมียวยังตื่นเต้นไปด้วยเลยอ๊ะ) ขนาดของกล่องก็ใหญ่เบ้อเร่อ ข้างในจะมีอะไรซ่อนอยู่น้าาาา? คุณแม่ท่านนี้ก็จัดการเปิดกล่องเพื่อดูสิ่งของที่อยู่ข้างใน เปิดกล่องออกมาก็เจอกับ เสื้อกันหนาว หมวก และถุงมือ ซึ่งก็เป็นของใหม่หมดเลยด้วย นอกจากนั้น ก็ยังมีหมวกไหมพรม ,ถุงเท้า, ถุงน่อง, ถุงเล็กๆ ที่มีหนังสืออยู่ภายใน รวมทั้ง ของเล่นเด็กต่างๆ และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัยสำหรับเด็กทารก (ให้มาเยอะมาก) ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ รัฐบาลฟินแลนด์ก็จัดผ้าอ้อม, ผ้าขนหนู แล้วก็เสื่้อผ้าเด็กคุณภาพสูงของประเทศฟินแลนด์ให้อีกด้วย ใส่ได้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชายเลย และสิ่งที่อยู่ใต้สุดของกล่องก็คือ ที่นอนสำหรับเด็กทารกแรกเกิด ที่คุณแม่สามารถให้ลูกน้อยนอนได้ทันที ไม่ต้องไปหาที่ไหนอีกแล้ว …
-
ปรับทัศนคติมัน!! จีนสั่งปิด “โปรแกรมบอทแชท” หลังพูดข้อความ เชิงต่อต้านพรรคคอมมิวนิสต์
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะได้ข่าวที่ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่มีปัญหาจนทางทีมค้นคว้าถึงกับต้องปิดระบบ ถึงแม้ว่าข้อเท็จจริงถึงสามเหตุการณ์ชัดดาวน์นั้นทางเฟซบุ๊กจะยังไม่ได้มีการออกมาชี้แจงแต่อย่างใด แต่นั่นก็ทำให้บางคนเริ่มหวั่นๆ กับความฉลาดของระบบ AI ที่ว่านี้ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เกิดเหตุการณ์คล้ายกันที่ประเทศจีน เมื่อทาง Tencent QQ แอปพลิเคชั่นสนทนายอดฮิตของจีน ได้ยุติการทดลองใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ 2 ตัว หลังจากพบว่ามันมีบทสนทนาในเชิงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล!! บริษัทดังกล่าวได้เริ่มใช้โปรแกรมหุ่นยนต์สนทนาอัตโนมัติ หรือแชทบอทนี้เมื่อประมาณเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เพื่อเป็นการให้บริการตอบคำถามอัตโนมัติแก่ผู้ใช้งาน โดยมันถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถพูดคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ ดวงชะตา และตอบคำถามง่ายๆ สื่อจากจีนรายงานว่าระบบทสนทนาดังกล่าวไม่ได้ถูกตั้งโปรแกรมให้สามารถโต้ตอบเกี่ยวกับทางการเมืองได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงถูกก่อกวนโดยผู้ใช้งานที่มักจะถามคำถามดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้บริษัทผู้ผลิตต้องยุติการทำงานของมัน หลังจากที่พบว่ามันพูดคุยในเชิงวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล หนังสือพิมพ์ Apple Daily ฉบับไต้ไหวัน ได้เผยภาพของข้อความการสนทนาระหว่างบอทกับผู้ใช้งานผู้หนึ่ง โดยผู้ใช้งานถามว่า “พรรคคอมมิวนิสต์จงเจริญ” จากนั้นโปรแกรมก็ตอบกลับมาว่า “คุณคิดว่าระบอบการปกครองที่เต็มไปด้วยการทุจริตและไร้ความสามารถแบบนี้จะอยู่ได้นานหรือ??” นอกจากนี้ยังมีผู้ใช้งานอีกท่านหนึ่งถามคำถามลักษณะเดียวกันนี้เช่นกัน โดยเขาถามว่า “ระบอบประชาธิปไตยดีหรือไม่” และบอทก็ตอบกลับมาว่า “มีความจำเป็นต้องมีระบอบประชาธิปไตย” แต่อย่างไรก็ตามอดีตพนักงานของ Tencent QQ ได้ออกมาเปิดเผยว่าระบบสนทนานี้ได้มีการพัฒนาโดยใช้ค่านิยมแบบสากลไม่ใช่ค่านิยมแบบจีน และตอนนี้ยังไม่มีรายงานว่าทางผู้พัฒนาจะนำโปรแกรมสนทนานี้กลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อใด ที่มา bbc
-
รัฐบาลญี่ปุ่นประชุมด่วน หลังพบ ‘มดคันไฟ’ เตือนภัยให้ประชาชนพร้อมรับมือสัตว์ต่างถิ่น!!
กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาเลยทีเดียว เมื่อระหว่างการประชุมรัฐมนตรีของญี่ปุ่นเมื่อวันอังคารที่ 18 กรกฎาคม 2017 ได้มีการหารือในเรื่องของการจัดการกับผู้รุกรานต่างถิ่นอย่าง ‘มดคันไฟอินวิคต้า’ ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักขณะนี้ในหลายๆ พื้นที่ของประเทศญี่ปุ่น ในการกระชุมดังกล่าว นายกรัฐมนตรี Shinzo Abe กล่าวว่า “ผมยากให้รวบรวมข้อมูลต่างๆ และมีการให้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นช่องทางใดๆ ก็ตาม รวมไปถึงโรงเรียนด้วย เพื่อพร้อมรับมือกับพวกมดเหล่านี้อย่างถูกต้อง” โฉมหน้าของมดคันไฟที่พบใกล้ๆ กับตู้สินค้าในท่าเรือ Tokyo’s Oi สำหรับมดคันไฟอินวิคต้า ตกเป็นข่าวเมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากมีรายงานการพบมันบริเวณท่าเรือ โดยติดมากับตู้สินค้าซึ่งเดินทางมาจากประเทศจีน ทางรัฐบาลมีความกังวลว่า เหล่าเด็กๆ ที่ออกไปเล่นนอกบ้านในช่วงหน้าร้อนอาจจะได้รับอันตรายจากเหล่าผู้รุกรานต่างถิ่นนี้ได้ ในการประชุมครั้งนี้เป็นการหารือเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ถึงวิธีการรับมือและการป้องกันฝูงมดคันไฟผ่านทางสื่อหลายๆ ช่องทาง ทั้งในอินเตอร์เน็ตหรือทีวีต่างๆ รวมไปถึงการประกาศผ่านโรงเรียน ทั้งระดับประถมและระดับอนุบาล รวมไปถึงสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับเด็ก เจ้าหน้าที่ของท่าเรือ Nagoya กำลังค้นหารังของฝูงมดคันไฟ จากการรายงานของกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นบอกว่า ฝูงมดคันไฟเหล่านี้มีพิษที่รุนแรง โดยพิษของพวกมันจะทำให้ความเจ็บปวดและบางกรณีอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอารช๊อคได้ และถ้าหากบางรายที่มีอาการแพ้รุนแรง อาจทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย แต่อย่างไรก็ตามส่วนมากแล้วผู้ที่ถูกกัด มักไม่ค่อยเกิดอาการรุนแรงมากเท่าไหร่นัก แต่การแพร่ระบาดจากผู้รุกรานต่างถิ่นนี้ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญไม่น้อยเลยทีเดียว โปสเตอร์ที่ทางการจัดทำขึ้นเพื่อประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับอันตรายและการรับมือกับเจ้ามดคันไฟ สนามบินนาริตะก็มีการแพร่ระบาดของมดคันไฟ เจ้าหน้าที่จึงต้องเร่งทำกับดักกำจัดมด วางไว้ทั่วบริเวณสนามบินเช่นกัน …
-
หมู่เกาะแฟโรขาดแคลนผู้หญิง ต้องการเติมส่วนที่ขาดหาย โดยเฉพาะสาวเอเชีย!!
เรียกได้ว่านี่อาจเป็นโอกาสดีสำหรับสาวเอเชียแถวๆ นี้เลยนะเนี่ย ที่มีความประสงค์อยากจะย้ายถิ่นฐานลองไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเมืองนาบนเกาะแฟโร อันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเดนมาร์ก เพราะล่าสุดทางสำนักข่าว BBC ได้รายงานว่า ปัจจุบันหมู่เกาะแฟโรต้องเผชิญกับปัญหาความไม่สมดุลกันระหว่างประชากรชายที่มีจำนวนมากกว่าประชากรหญิงหลายเท่าตัว โดยเมื่อช่วงหลายปีก่อนหน้านี้หมู่เกาะแฟโร ก็ต้องเผชิญกับปัญหาขาดแคลนประชากรอันมาแล้ว เนื่องมาจากการกระจายตัวของคนรุ่นใหม่ ที่มักจะเข้าไปแสวงหาชีวิตและการศึกษาในเมืองใหญ่ อ้างอิงข้อมูลจากนายกรัฐมนตรี Axel Johannesen ได้กล่าวว่า อัตราจำนวนประชากรระหว่างหญิงและชาย มีอัตราส่วนอยู่ที่ 1 ต่อ 2,000 (นั่นก็คือหญิง 1 คน ต่อชาย 2,000 คน) บวกกับวัฒนธรรมอาหารเอเชียอย่างไทยและฟิลิปปินส์ ที่ได้รับความนิยมสูงจากประชากรที่นี่ ทำให้หนุ่มๆ มีความสนใจสาวไทยและสาวฟิลิปปินส์มากเป็นพิเศษ จากปัญหาขาดแคลนประชากร ทำให้หมู่เกาะแฟโรขาดแคลนประชากรด้านแรงงานไปด้วย และทางรัฐบาลก็ได้เล็งเห็นว่า การที่หญิงสาวชาวเอเชียย้ายสำมะโนครัวมาอาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้กับครอบครัวชาวเดนมาร์ก จะช่วยสร้างตลาดแรงงานให้มีความคึกคักขึ้นมาได้อีกครั้ง ‘ช่วงเวลาที่ผ่านมาทางรัฐบาลเราเล็งเห็นแล้วว่า ผู้ชายที่นี่จะแต่งงานกับหญฺิงสาวชาวเอเชียมากขึ้น และนั่นก็นำมาซึ่งตลาดแรงงานที่เรากำลังขาดแคลน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับหมู่เกาะของเรา’ นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ ทางด้านของ Magni Arge นักการเมืองท้องถิ่นจากเกาะแฟโร ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนประชากร และการเข้ามาของประชากรสาวเอเชียไว้ว่า ‘จากระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานี้ เราได้สังเกตเห็นว่า…
-
Audrey Tang สาวข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ ผู้เข้ารับตำแหน่ง รมต.ดิจิทัลแห่งประเทศไต้หวัน
กลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างฮือฮาในต่างประเทศ เพราะเมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางรัฐบาลของไต้หวันได้มีการประกาศดึงตัวนาง Audrey Tang นักพัฒนาซอฟต์แวร์สาวข้ามเพศวัย 35 ปี มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลคนใหม่ นั่นจะทำให้เธอกลายเป็นคณะบริหารรัฐบาลของไต้หวัน ที่มีอายุน้อยที่สุดและยังเป็นสาวข้ามเพศคนแรกในประวัติศาสตร์ด้วย ตามรายงานบอกว่าหน้าที่ของนาง Tang คือเข้ามาทำให้รัฐบาลมีความโปร่งใสมากขึ้น และทำให้ฐานข้อมูลรัฐบาลทั้งหมดใช้การได้ ช่วยเปลี่ยนไต้หวันให้กลายเป็น Silicon Valley (ศูนย์รวมบริษัทและบุคลากรไอทีระดับแนวหน้า) ของฝั่งเอเชีย เธอยังได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กของตัวเองอีกว่าการเข้ามารับตำแหน่งของเธอในครั้งนี้ไม่ใช่การสร้างกระแสหรือการโฆษณาชวนเชื่อใดๆ แต่เพื่อเป็นการผสมผสานความชาญฉลาดและพลังเข้าไว้ด้วยกัน สิ่งที่ทำให้ Audrey Tang น่าจับตามอง 1. ปัจจุบัน Tang ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาของบริษัท Apple ที่ได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบของ Bitcoin ต่อชั่วโมง 2. เธอลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุได้ 12 ปี 3. เธอพัฒนา Search Engine (เว็บไซต์หาข้อมูลคล้ายกับ Google) เป็นภาษาจีนแมนดารินตอนอายุ 15 ปี 4. ในตอนที่อายุได้ 24 ปี เธอตัดสินใจผ่าตัดแปลงเพศ…
-
รัฐบาลแคนาดาประกาศโครงการนำร่อง ‘แจกเงินให้ประชาชนไปใช้ฟรี’ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
นับว่าเป็นข่าวที่ทำให้ชีวิตของประชาชนในประเทศดี๊ดีขึ้นมาทันที โดยก่อนหน้านี้เคยมีข่าวคราวว่าประเทศฟินแลนด์และเนเธอร์แลนด์ได้ออกโครงการแจกเงินให้ประชาชนไปแล้วแถมประสบความสำเร็จด้วย คราวนี้ก็มาเป็นตาของรัฐบาลของประเทศแคนาดาบ้าง!! แคนาดาเตรียมแผนแจกเงินให้ประชาชนฟรี!! รัฐบาลจากรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ได้วางแผนโครงการนำร่องเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตโดยจะทำการแจกเงินให้กับประชาชนภายในรัฐนำไปใช้ได้ฟรีๆ โดยไม่มีการตอบคำถาม, สัมภาษณ์ หรือเงื่อนไขผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น Justin Trudeau นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศแคนาดา เงินดังกล่าวเรียกว่ารายได้ขั้นพื้นฐาน ซึ่งจะครอบคลุมในเรื่องของค่าครองชีพต่างๆ เช่น ค่าอาหารการกิน, ค่าเดินทาง, ค่าเสื้อผ้า และค่าจิปาถะอื่นๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ โดยเงินจำนวนนี้จะจ่ายให้เป็นเช็ครายเดือนไม่ใช่ในรูปแบบของเงินสด ทั้งนี้ทางรัฐบาลยังไม่ได้ระบุว่าจะนำโครงการนี้มาใช้จริงเมื่อไหร่ หรือในพื้นที่ไหน และยังไม่ได้ระบุว่าจะได้รับเงินต่อคนเป็นจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องพิจารณาในส่วนของงบประมาณค่าใช้จ่ายเหล่านี้อีกทีหนึ่ง ให้เงินประชาชนเอาไปนอนหนุนแทนหมอน!! แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีมากๆ เลยนะเนี่ย เหมียวเลเซอร์ เชื่อว่าจะสามารถช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ มีเงินเดือนใช้เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานของประเทศ แค่คิดก็ฟินแลนด์ เอ้ย!! ฟินแล้ว ที่มา : businessinsider, unilad
-
จดหมายน้อยภาษาจีนซ่อนในถุงเท้าที่ซื้อมาจากร้านค้าเสื้อผ้าราคาถูก ‘ช่วยเราด้วย เราโดนอุ้ม’
เวลาที่เราไปซื้อของหรืออะไรก็ตามแต่ สิ่งที่เราคาดหวังจากสินค้าก็คือตัวสินค้า แต่กระนั้นก็มีของแถมที่ได้มาโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างเช่นคุณพ่อของ Lucy Kirk ที่ไปซื้อถุงเท้ามาคู่หนึ่งจากร้าน Primak กลับเจอกระดาษพร้อมกับข้อความที่เขียนเป็นภาษาจีนเต็มแผ่น โดยที่มาพบกับกระดาษพร้อมข้อความภาษาจีนนี้หลังจากที่ซื้อถุงเท้ามาได้หนึ่งสัปดาห์ สำหรับใจความบนกระดาษนั้นก็ประมาณว่า ชายชาวจีนผู้เขียนข้อความชื่อว่า Ting Kun Ding ถูกอุ้มเข้ากลีบเมฆโดยเจ้าหน้าที่รัฐท้องถิ่นในจีน เนื่องจากเปิดโปงการทุจริตของวงใน ตอนนี้ถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ อีกทั้งภรรยาของเขาก็ถูกจับเข้าโรงพยาบาลจิตเวช โดยปีที่แล้วคุณพ่อของเขาถูกฆ่าปิดปากในโรงพยาบาลด้วย จึงได้เขียนโน๊ตนี้ขอความช่วยเหลือให้ส่งเรื่องไปให้ถึงรัฐบาลจีนเพื่อขอความเป็นธรรมกับเขา ในที่สุดโลกออนไลน์ก็ได้รับรู้พร้อมกับติด #HelpTingKunDing เพื่อเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยเหลือชายชาวจีนผู้นี้ แม้แต่ทางด้านร้านค้าเสื้อผ้า Primak เองก็ยังติดตามเรื่องนี้เช่นเดียวกัน แต่ด้วยคำขอที่ปรากฏบนกระดาษนั้นทำให้ Lucy ไม่อาจตัดสินใจได้ว่าจะส่งเรื่องนี้ไปยังสถานทูตจีนที่อยู่ใกล้เคียงหรือต้องส่งเรื่องไปยังรัฐบาลจีนโดยตรงดี แต่สุดท้ายก็ทำให้เธอตัดสินใจส่งเรื่องไปยังรัฐบาลกลางของจีนแทน ซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าอะไรมากนัก ที่มา : unilad
-
ชาวเน็ตวิจารณ์ อะไรคือสิ่งที่ควรระบุในบัตรประชาชน พร้อมติดแฮชแท็ก #สิ่งที่ควรระบุในบัตรประชาชน
หลังจากที่เมื่อวันสองวันที่ผ่านมา มีข่าวว่าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ผุดไอเดีย ที่จะให้ระบุอาชีพและรายได้ลงไปในบัตรประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ได้เข้ารับบริการต่างๆ ที่ทางรัฐเตรียมไว้ให้ ทำให้รัฐสามารถจัดสรรงบประมานได้ถูกต้อง แต่ดูเหมือนว่าในโลกออนไลน์จะมีกระแสต่อต้านนโยบายดังกล่าวอย่างหนักหน่วง และมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา เกี่ยวกับสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวของประชาชน เพราะหากมีการระบุรายได้ อาจทำให้เกิดการแบ่งชนชั้นและเป็นอันตรายต่อผู้ถือบัตรได้ นอกจากนี้ยังได้มีการติดแฮชแท็ก #สิ่งที่ควรระบุในบัตรประชาชน เพื่อสอบถามความคิดเห็นของแต่ละคน ว่าหากไม่ระบุอาชีพและรายได้ เราควรระบุอะไรลงไป? ทำให้ชาวทวิตเตอร์ต่างร่วมกันแสดงความคิดเห็นอย่างมากมาย ระบุข้อมูลทางการแพทย์ ยาที่แพ้และโรคประจำตัว ยาว… มีรายได้สูงเป็นอันตรายไหม? อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่เงินเดือน ควรทำให้สมาร์ทการ์ดใช้การได้ แบบเดิมดีอยู่แล้ว ทำให้ทุกบัตรรวมอยู่ในบัตรเดียว อาชีพเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แยกสีบัตรไปเลย บริษัทพ่อแม่จำกัด ควรให้ประชาชนถ่ายรูปเองได้… แล้วพวกคุณล่ะ อยากให้ระบุอะไรลงไปในบัตรประชาชน? ร่วมแชร์ความคิดเห็นกันได้นะ ที่มา ฮิปสเตอร์ไปฆ่าพ่อมึงเหรอ , #สิ่งที่ควรระบุในบัตรประชาชน
-
แคนาดาประกาศเตรียมพิจารณากัญชาถูกกฏหมาย ลดความสำคัญของศาสนาและอาวุธ!!
ท่ามกลางกระแสการถกเถียงในทางสากลกับประเด็นของ ‘กัญชา’ ที่มีความเห็นสองฝ่ายที่ยังคงขัดแย้งกันว่ากัญชาเป็นสิ่งเสพติดหรือเป็นยารักษากันแน่ ซึ่งก็มีการออกมาชี้นำเกี่ยวกับประโยชน์และโทษของกัญชาให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ และล่าสุดนี้ทางรัฐมนตรีของประเทศแคนาดา Justin Trudeau ได้ทำการประกาศเตรียมพิจารณาในเรื่องของการทำกัญชาให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฏหมาย ลดความสำคัญของศาสนา รวมไปถึงการยกเลิกกฏหมายอาวุธปืนเพื่อลดจำนวนของปืนที่มีอยู่ในประเทศแคนาดา โดยการพิจารณาร่างกฏหมายในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปฏิรูปประเทศอย่างจริงจัง โดยมีจุดประสงค์ก็เพื่อลดอัตราการเกิดอาชญากรรมภายในประเทศ จากการลักลอบขนกัญชา การให้น้ำหนักกับศาสนาที่มากจนเกินไป (เหยียดเพศทางเลือก) รวมไปถึงมีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมที่มีอาวุธปืนด้วย อย่างไรก็ตามเหล่าสมาชิกกลุ่มนักบิด Hells Angels ได้รวมกลุ่มออกมาประท้วงและแย้งเกี่ยวกับการร่างและพิจารณากฏหมายเหล่านี้ เนื่องจากเกรงว่าจะเป็นการเพิ่มอัตราการเกิดอาชญากรรมจากกัญชาซะมากกว่า ทางรัฐบาลเองก็มองในแง่มุมของการปฏิรูปประเทศให้เป็นไปในแนวทางสมัยใหม่มากขึ้น (เสรีนิยม) นั่นก็คือ การมีความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส การทำงานอย่างทุ่มเท กระตุ้นเศรษฐกิจ มีความเอื้ออาทรและเปิดกว้างเสรีของเพศทางเลือก ที่มา : unilad
-
ดีงาม!! Facebook จะส่งแจ้งเตือนให้ผู้ใช้ได้ทราบ หากว่ามีการล้วงข้อมูลจากรัฐบาล
เป็นสิ่งหนึ่งที่ทุกคนไม่อยากให้ข้อมูลความลับส่วนตัวแพร่กระจายออกไปให้ผู้อื่นได้รับรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์และในโซเชียลมีเดียต่างๆ ซึ่งหากจะใช้งานก็จำเป็นที่จะต้องยินยอมเปิดเผยข้อมูลส่วนหนึ่งของตนเองด้วย อย่างไรก็ตามการเผยข้อมูลส่วนตัวนั้นเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการ โดยที่ผู้อื่นนอกเหนือจากผู้ให้บริการไม่อาจล่วงรู้ถึงข้อมูลผู้ใช้ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อปกป้องข้อมูลของผู้ใช้จากผู้ไม่หวังดีนั่นเอง ในการนี้ทาง Facebook จึงได้ออกมาตรการใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ทุกรายที่มีมากกว่า 1 พันล้านบัญชี ด้วยการแจ้งเตือนผ่านข้อความว่า ‘เราคาดว่าบัญชีของท่าน ตกเป็นเป้าหมายหรือถูกโจมตีจากบุคคลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลภายในประเทศของท่าน’ Facebook จะขอให้ผู้ใช้เปิดการใช้งานระบบ Login Approvals (การยืนยันตัวตน) โดยมีหลักการทำงานคือระบบจะทำการส่งรหัสยืนยันตัวตนผ่านข้อความ SMS และจะต้องป้อนรหัสนี้ทุกครั้งเมื่อมีการเข้าระบบจากอุปกรณ์ใหม่หรือบราวเซอร์ใหม่ ทางหัวหน้าแผนงานด้านความปลอดภัยของ Facebook นามว่า Alex Stamos กล่าวเอาไว้ว่า การแจ้งเตือนดังกล่าวนั้นไม่ได้หมายความว่าระบบส่วนกลางได้รับการโจมตี แต่เป็นการถูกโจมตีมาจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ที่อาจจะติดไวรัสหรือมัลแวร์มา เพราะฉะนั้นควรที่หยุดการเชื่อมต่อใดๆ และเปลี่ยนเครื่องให้เร็วที่สุด เหตุการณ์แบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะกับ Facebook เองเพราะหนึ่งในนโยบายหลักคือการปกป้องข้อมูลของผู้ใช้ทุกราย และจะทำการปิดกั้นการล้วงข้อมูลจากกลุ่มผู้ไม่หวังดีที่ถูกสนับสนุนจากรัฐบาลให้ล้วงข้อมูลหรือแม้แต่กระทั่งตัวรัฐบาลเองก็ตาม!! ที่มา : news.yahoo
-
รัฐบาลเม็กซิกันขอศิลปินวาดรูปบนผนังบ้านกว่า 209 หลัง เพื่อความงามเป็นหนึ่ง!!
องค์กรหนึ่งที่เป็นที่รู้จักเกี่ยวกับการทำกราฟิตี้ ได้ร่วมมือกับรัฐบาลในเม็กซิกัน สร้างผลงานตกแต่งเมือง Pachuca ใหม่ โดยการทาสีผนังบ้านให้ดูเป็นภาพเดียวกันเมื่อมองจากไกล โดยทั้งหมดมี 209 หลังคาเรือนด้วยกัน กลุ่มที่วาดนี้มีชื่อว่า Germen Crew พวกเขาได้วาดลงบนกำแพงเปล่าๆกว่า 209 หรือคิดเป็น 2 หมื่นตารางเมตร โดยเมื่อทำกำแพงบ้านมาต่อกัน ก็จะกลายเป็นรูปสายรุ้งอันงดงาม จากรายงานข่าวพบว่าชาวบ้านส่วนมากแฮปปี้กว่า 452 ครอบครัวหรือ 1808 คน อีกทั้งยังทำให้ปัญหาความรุนแรงในเด็กลดลงไปด้วยอย่าน่าเหลือเชื่อ เราไปดูผลงานของพวกเขากันเลย ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ planisferio.com | Facebook | Instagram | Twitter ที่มา streetartnews,demilked
-
10 รัฐบาลที่บริหารประเทศได้ยอดเยี่ยม และยอดแย่ที่สุดในโลก!!!
การมีรัฐบาลที่ดี นั่นก็หมายถึงการมีการบริหารจัดการที่ดี และหมายถึงความเป็นอยู่ของประชาชน ความสามารถในการแข่งขันกับนานาประเทศ และเศรษฐกิจที่ดีของประเทศนั้นๆ อย่างไม่น่าสงสัย ล่าสุดนี้ทาง World Economic Forum ก็ได้ทำการสำรวจเกี่ยวกับรัฐบาลที่บริหารงานได้ดีที่สุดในโลก และแย่ที่สุดในโลก จากการจัดอันดับจากกว่า 144 ประเทศ ของเมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา เราลองมาชมกันเลย ในส่วนของรัฐบาลที่บริหารประเทศได้ดีที่สุดในโลก รัฐบาลกาตาร์ นำโด่งมาเป็นอันดับ 1 ตามมาด้วย สิงคโปร์ และฟินแลนด์ ซึ่งจะว่าไปแล้วมีประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงของเราติดอยู่เยอะเหมือนกันนะเนี่ย น่าอิจฉาเสียจริง ในส่วนของรัฐบาลที่บริหารงานได้แย่ที่สุด ประเทศเวเนซูเอล่า เป็นประเทศที่มีรัฐบาลบริหารงานได้แย่ที่สุด ตามมาด้วยอิตาลี และอาร์เจนติน่า ส่วนมากเป็นประเทศที่อยู่ห่างไกลออกไป ทั้งส่วนอเมริกาใต้ และยุโรป ไม่มีแถบบ้านเราติดไปเลยล่ะจ้า หวังว่าในอนาคตจะมีประเทศของเราติดอันดับเข้าไปบ้างนะจ๊ะ ติดในส่วนรัฐบาลที่บริหารงานได้ดีนะ ไม่ใช่ในส่วนบริหารงานได้แย่ ฮ่าๆๆๆ ที่มา: BusinessInsider