Tag: ร่างกาย
-
20 ภาพก่อน VS หลัง “เลิกดื่มสุรา” ของอดีตนักดื่ม จะมีความเปลี่ยนแปลงกันขนาดไหน!
แม้ว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมายสำหรับผู้ใหญ่ แต่ก็ยังถือว่าเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดโทษตามมาหลายประการอยู่ดี ขณะที่หลายๆ คนดื่มสุราของมึนเมาเพื่อให้เกิดความมึนเมาและความสนุกสนาน ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีอาการเสพติดสุราจนพิษของมันเข้าไปทำร้ายร่างกายหลายส่วน อย่างไรก็ตาม ผลของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นสามารถลบล้างได้ด้วยการลดและเลิกดื่มรวมถึงการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง อย่างเช่น 20 บุคคลเหล่านี้ที่ออกมาเผยภาพ ก่อน vs หลัง เลิกดื่มสุรา จะต่างกันขนาดไหน ไปชมกันเลย… 1. “ผมถ่ายภาพด้านซ้ายมือเมื่อ 17 เดือนก่อนที่หน้าห้องฉุกเฉิน และเช้าวันหนึ่งผมก็รู้ตัวว่าไม่อยากกลับไปอยู่จุดๆ นั้นอีก ผมจึงฟื้นฟูสุขภาพตัวเองให้ดีขึ้น” 2. หญิงคนนี้หยุดเรียนไปตอนอายุ 14 ปี เธอมีอาการติดสุราและอาการซึมเศร้า แต่เธอก็ต่อสู้มา 15 ปีจนกลายเป็นแพทย์อุบัติเหตุฉุกเฉิน 3. “ฉันเคยเข้าห้อง ICU เพราะรับแอลกอฮอล์มากเกินไป สุดท้ายฉันเบื่อที่ต้องมาเจ็บป่วยอยู่ซ้ำๆ ฉันเลยเลิกดื่มมาได้ 6 เดือนแล้ว” 4. “กว่า 10 ปีที่ไม่ดูแลตัวเอง ปัจจุบันผมเลิกดื่มสุรามากว่า 1 ปีแล้ว น้ำหนักก็ลดลงไปกว่า 20 กิโลกรัม…
-
ชายฝรั่งเศสรับการผ่าตัดเอา “วัตถุประหลาด” ออกจากช่องท้องหลังยัดเข้าทางทวารหนัก
(บทความมีภาพและเนื้อหาของความรุนแรง ควรใช้วิจารณญาณในการรับชม) ของบางอย่างที่ขนาดใหญ่กว่าแขนจะเข้าไปอยู่ในร่างกายได้อย่างไร ดูเหมือนเป็นคำถามที่เกินจะจินตนาการ…แต่เรื่องราวในวันนี้ได้เฉลยคำตอบมาเรียบร้อยแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในประเทศฝรั่งเศส ชายคนหนึ่งถูกนำตัวเข้ารับการผ่าตัดฉุกเฉินหลังยัดวัตถุประหลาดขนาดใหญ่กว่าท่อนแขนเล็กน้อยเข้าไปในร่างกาย ภายหลังทราบว่า ชายดังกล่าวได้ยัดวัตถุประหลาดนี้เข้าไปทางรูทวารหนัก เขาสามารถยัดเข้าไปได้จนสุด แต่กลับไม่สามารถรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นได้ ทางทีมแพทย์กล่าวว่าการจะดึงวัตถุชิ้นนี้ออกทางเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้แน่ จำเป็นต้องใช้วิธี “ผ่าตัด” เท่านั้น และเมื่อทีมแพทย์เริ่มกรีดมีดผ่าตัดลงไปบริเวณช่องท้องของผู้ป่วย วัตถุที่พบนั้นก็ได้สร้างความตกใจให้ทุกคนโดยรอบอย่างมาก หลังดึงวัตถุออกมาได้แล้ว พบว่ามันคือวัตถุรูปร่างเหมือน องคชาต คล้ายสิ่งที่บ้านเราเรียกกันว่า “ปลัดขิก” ซึ่งวัตถุนี้มีวางขายทั่วไปตามร้านขายของเล่นทางเพศ (Sex Toy) แม้จะลงมือผ่าตัด แต่การดึงวัตถุขนาดใหญ่นี้ออกจากร่างกายมนุษย์ก็หาใช่สิ่งที่ทำได้ง่าย แพทย์ต้องใช้แรงดึงค่อนข้างมาก ขณะเดียวกันก็ต้องคำนึงถึงเนื้อเยื่อของผู้ป่วยด้วย แต่สุดท้าย ทีมแพทย์ก็สามารถนำ “ปลัดขิก” อันเขื่องนี้ออกจากร่างกายของชายคนนี้ได้สำเร็จ และไม่มีใครเสียชีวิต… แพทย์พยายามดึงวัตถุนี้ออกจากช่องท้องของผู้ป่วย สุดท้าย ก็สามารถนำออกจากร่างกายผู้ป่วยได้สำเร็จ (อันใหญ่มาก) หากใครต้องการชมวิดีโอกรุณาเข้ามาชมได้ที่ ลิงก์นี้ อะไรที่มัน “เกินไป” นั้นมักจะมีผลเสียตามมาเสมอจริงๆ เลย ขอให้ชายคนนี้หายเจ็บไวๆ ด้วยก็แล้วกันนะ… ที่มา: ck101 และ igusuri
-
10 ข้อเท็จจริงของมนุษย์และร่างกาย ที่ “แปลกแต่น่าสนใจ” รู้เอาไว้ก็เท่ดีเหมือนกันนะ!
ร่างกายของมนุษย์เรานั้นเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่า “มหัศจรรย์” เลยก็คงไม่ผิด เพราะร่างกายคนเรามีส่วนประกอบที่ละเอียดซับซ้อนแถมมีการทำงานที่หลากหลายและเป็นระบบ ถ้าคุณคิดว่าคุณรู้จักร่างกายตัวเองดีแล้ว เมื่ออ่านบทความนี้รับรองเลยว่าคุณจะต้องถอนคำพูด เพราะว่ามีอีกหลายสิ่งเกี่ยวกับร่างกายมนุษย์ที่คุณอาจไม่เคยรู้ งั้นวันนี้ไปชมกันเลยกับ 10 เรื่องจริงแปลกๆ ของร่างกาย ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน! 1. มนุษย์กับ “ตัวทาก” มีดีเอ็นเอที่เหมือนกันมากถึง 70 เปอร์เซ็นต์ จาก หนังสือ God’s Solution (2007) โดย Declan Hayes 2. การสะอึกเกิดจากการกระทำของบรรพบุรุษราว 370 ล้านปีก่อนที่ทำเพื่อป้องกันน้ำเข้าปอดขณะว่ายน้ำ จาก embarrassingproblems 3. โรคหัวใจมักกำเริบในวันจันทร์ (เพราะความเครียดที่ต้องออกจากวันหยุดไปทำงาน) จาก nytimes 4. มนุษย์คนเดียวก็สามารถเป็นอาหารให้กับ “ยุง” ได้ถึงหนึ่งล้านตัว จาก ba-bamail 5. คนเราจะโกหกได้ดีขึ้นเมื่อต้องการเข้าห้องน้ำ จาก วารสารการวิจัย Consciousness and Cognition เล่ม 37 หน้า 112-122 6.…
-
15 ภาพอวัยวะของร่างกาย เมื่อมองผ่าน ‘กล้องจุลทรรศน์’ ราวกับสิ่งที่เราไม่รู้จักมาก่อนในชีวิต!?
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้จักกับ ‘อวัยวะ’ ในร่างกายเป็นอย่างดี เพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวของเรามากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เพื่อนๆ เคยเห็นภาพของพวกมัน ‘ผ่านกล้องจุลทรรศน์’ หรือไม่ ขอบอกเลยว่ามันจะกลายเป็นภาพ ที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตเลยทีเดียว ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… 1. ลิ้น 2. กระดูก 3. ลำไส้เล็ก 4. หัวใจ (ตรงบริเวณหลอดเลือดหัวใจ) 5. ผิวหนัง 6. ม่านตาดำ 7. ปอดของคนที่มีสุขภาพดี 8. เซลล์มะเร็งปอด 9. เม็ดเลือดแดง 10. รังไข่ (ที่มีการตกไข่) 11. เส้นผม 12. ฟัน 13. คราบแบคทีเรียที่เกาะบนฟัน …
-
กำเดาพุ่ง!! เมื่อ Kendall Jenner โพสต์ภาพเรือนร่าง “วาบหวิว” สุดเซ็กซี่ลงอินสตาแกรม
หลังจากการโชว์ตัวในงาน Burberry show ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงบ่ายๆ ของวันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2018 Kendall Jenner ก็กลับไปยังโรงแรมเพื่อ “โชว์วาบหวิว” ลง อินสตาแกรม ของตัวเอง Kendall Jenner นางแบบวัย 22 ปีผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง พร้อมด้วยยอดผู้ติดตามมากถึง 95.3 ล้านคนบนอินสตาแกรม และเธอก็ได้ทำให้เหล่าแฟนๆ ต้องตะลึงกับภาพที่เห็น เธออัปโหลดรูปภาพและวิดีโอสั้นๆ ลงบนอินตสาแกรม เป็นภาพที่เรียกได้ “วาบหวิว” เลยทีเดียว ภาพดังกล่าวสะท้อนจากกระจกให้เห็นเรือนร่างของ Kendall ตั้งแต่ ช่วงล่างของหน้าอก จนถึง ใต้สะดือ แบบเปลือยเปล่า เธอโพสต์ภาพและวิดีโอเหล่านี้ลงไปพร้อม เขียนคำอธิบายภาพว่า “ว่ากันตามตรง นี่คือภาพร่างกายส่วนหนึ่งของฉันเท่านั้นเอง” สวมกางเกงชั้นในแล้ว ค่อยช่วงให้โล่งใจขึ้นมาหน่อย เรียกได้ว่าทำเอาแฟนคลับถึงกับหัวใจสั่นระรัวกันเลยทีเดียว Kendall Jenner โมเดลสาวน้อยสุดแซ่บ …
-
สาวเล่าประสบการณ์ทุกอย่างที่หลายคนอยากรู้ เกี่ยวกับการเกิดมาแล้วมี ‘จิ๊มิ 2 อัน’!?
เรื่องราวของหญิงสาว ที่มี ‘จิ๊มี’ 2 อัน และในวันนี้เธอก็จะมาเล่าประสบการณ์ชีวิตของเธอให้พวกเราได้รับฟังกัน Maddie Schueller หญิงสาววัย 21 ปีจากรัฐวิสคอนซิน ประเทศสหรัฐอเมริกา มองดูเผินๆ แล้วเธอก็เป็นเหมือนกับผู้หญิงธรรมดาๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากมองลึกเข้าไปข้างใน จะทำให้รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา เพราะว่าเธอเป็นคนที่เกิดมาพร้อมกับจิ๊มิถึง 2 อัน ไม่ใช่แค่ช่องคลอดแต่มดลูกก็มี 2 อันด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ แค่ 0.003 เปอร์เซนต์เท่านั้น!! อย่างไรก็ตาม Maddie ใช้ชีวิตโดยที่ไม่รู้ตัวมาก่อนว่าตัวเองมีน้องจิ๊มิถึง 2 อัน จนกระทั่งไปตรวจร่างกายและรู้ตัวเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้เอง Maddie เปิดเผยว่าจิ๊มิทั้งสองของเธอนั้น แยกออกจากกันอย่างชัดเจนโดยแบ่งเป็น ‘ฝั่งซ้าย’ กับ ‘ฝั่งขวา’ ซึ่งฝั่งขวานั้นจะมีขนาดใหญ่กว่าอันที่อยู่ฝั่งซ้าย “สมัยตอนฉันอายุ 12 หรือ 13 นี่แหละ ฉันเป็นประจำเดือนครั้งแรกแล้วใช้ผ้าอนามัยแบบสอด แต่กลายเป็นว่าเลือดก็ยังไหลอยู่ นับตั้งแต่นั้นมาฉันก็เลยต้องใช้ผ้าอานามัยแบบปกติมาโดยตลอด”…
-
พบกับ “Mr. Plastic” ชายที่มีความผิดปกติอันน่าทึ่ง สามารถบิดขากลับหลังได้ 180 องศา!!
คำว่า “ภาวะร่างกายไม่ปกติ” อาจไม่ใช่คำในแง่ลบเสมอไป ใครกันล่ะที่ตัดสินว่าความไม่ปกติคือสิ่งที่ไม่ดี และความปกติคือสิ่งที่ดี? ลองชมตัวอย่างในวันนี้ แล้วจะเห็นว่าความผิดปกตินั้นก็กลายเป็นความอัศจรรย์ได้เช่นกัน ชายวัย 57 ปีนามว่า Moses Lanham จากรัฐมิชิแกน ได้ถูกขนานนามว่าเป็น “Mr. Plastic” เนื่องจากภาวะผิดปกติ ทำให้เขาสามารถบิดขาของเขากลับหลังได้ถึง 180 องศา Moses Lanham หรือ Mr. Plastic ผู้ที่บิดขากลับหลังได้ 180 องศา Mr. Plastic ค้นพบพลังวิเศษนี้เมื่อเขามีอายุได้ 14 ปี ครั้งหนึ่งในวิชาพละศึกษาเขาได้ปืนเชือกและตกลงมายังพื้น ทำให้เขารู้สึกว่ากระดูกเคลื่อน แต่แทนที่จะเจ็บปวดเขากลับสามารถบิดขากลับหลังได้ถึง 180 องศาเสียอย่างนั้น เมื่อทำการตรวจสอบทางการแพทย์ทำให้พบว่าที่ Mr. Plastic มีความสามารถแบบนี้ได้นั้น เป็นเพราะกระดูกอ่อนสองชั้นบริเวณสะโพก หัวเข่า และข้อเท้า นับแต่นั้นมาเขาก็ใช้ความสามารถนี้ในการทำให้ผู้คนตกใจ คลิปวิดีโอสาธิตพลังวิเศษของ Mr. Plastic “มีครั้งหนึ่งผมเคยทำให้คนๆ หนึ่งถึงกับอาเจียนออกมาเลยล่ะ หลังจากที่ผมบิดเท้ากลับหลัง” Mr. Plastic…
-
งานวิจัยจาก University of Birmingham ชี้ ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ อันตรายต่อ ‘ระบบภูมิคุ้มกัน’
หลังจากที่มีการถกเกถียงกันมาอย่างยาวนานว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ นั้นปลอดภัยต่อสุขภาพจริงๆ หรือไม่… แน่นอนว่าองค์กรเกี่ยวกับสุขภาพของประเทศที่มีการเปิดให้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าอย่างถูกกฎหมายก็ดำเนินการทำการวิจัยถึงอันตรายต่างๆ ที่ได้รับผลมาจากเจ้าบุหรี่ไฟฟ้านี้ จากงานวิจัยก่อนๆ ของสาธารณสุขประเทศอังกฤษ ที่ได้ผลว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้าสามารถช่วยให้คนสูบบุหรี่จริง หันมาเลิกบุหรี่ได้‘ แต่ก็ยังไม่ได้มีงานวิจัยว่ามันปลอดภัยต่อร่างกายของเราจริงหรือไม่อย่างไร สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีงานวิจัยล่าสุดของมหาวิทยาลัย University of Birmingham ประเทศอังกฤษ ที่ระบุว่า ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ส่งผลอันตรายของร่างกายเรา มาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน งานวิจัยนี้นำโดยศาสตราจารย์ David Thickett โดยมุ่งเป้างานวิจัยไปที่ ‘ผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้า ต่อเนื้อเยื่อในปอด’ วิธีการวิจัยก็คือให้อาสาสมัครทำการสูบบุหรี่ไฟฟ้า จากนั้นก็นำเนื้อเยื่อในปอดมาตรวจสอบโดยใช้เครื่องมือทางการแพทย์ แล้วก็นำไปเปรียบเทียบกับเนื้อเยื่อในปอดของคนที่ไม่สูบบุหรี่ จากการศึกษาพบว่าคนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีเนื้อเยื่อปอดที่มีการอักเสบ รวมไปถึงเซลล์ที่มีชื่อว่า Alveolar Macrophages มีการลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเจ้าเซลล์ตัวนี้จะทำหน้าที่ในการลบล้างสารพิษต่างๆ เช่นฝุ่น แบคทีเรีย และสารก่อภูมิแพ้ต่างๆ ออกไปจากเซลล์ อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ David ระบุว่ายังคงต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมถึงผลข้างเคียงต่างๆ จนกว่าจะได้ข้อสรุปที่แน่นอนกว่านี้ “ในแง่ของการก่อให้เกิดเซลล์มะเร็งของการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นยังคงตรงกันข้ามกับการสูบบุหรี่จริง…
-
เด็กสาวฟิลิปปินส์ที่มี “แฝดอีกคน” เติบโตอยู่ในร่างกาย เธอกำลังจะผ่าตัดในไทยเร็วๆ นี้
เรื่องราวในวันนี้เป็นเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเด็กสาวคนหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์นามว่า Veronica Cominguez เธอเป็นเด็กหญิงวัย 14 ปีจากเมืองอีลีกันที่มีแฝดน้องสาวเติบโตขึ้น “ภายในลำตัว” ของเธอ บริเวณช่วงอกของ Veronica นั้นจะพบว่ามีก้อนเนื้อลักษณะคล้ายแขน มือ และนิ้ว งอกออกมา ซึ่งเป็นร่างของแฝดน้องสาวของเธอที่มีการพัฒนาการผิดปกติ และก็ทำให้ Veronica นั้นต้องการความช่วยเหลือ Veronica Cominguez วัย 14 ที่มีแฝดน้องเติบโตอยู่ในร่างกาย ส่วนแขนที่งอกออกมานั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง Veronica ต้องอาบน้ำทำความสะอาด “แฝดน้อง” ของเธอเสมอ รวมถึงคอยตัดเล็บนิ้วมือให้เธอด้วยเช่นกัน ปัจจุบันผู้คนในท้องที่ได้ทำการระดมทุนเพื่อให้ Veronica เดินทางมาเข้ารับการผ่าตัดนำแฝดของเธอออกที่ ประเทศไทย เธอกล่าวว่า “ตอนหนูยังเป็นเด็กฉันคิดว่ามันเป็นเท้าที่งอกออกมา แต่นานๆ เข้ามันก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มันหนักขึ้นและทำให้หนูเคลื่อนไหวตัวได้ลำบาก มันมักจะแกว่งไปมาเสมอ และทำให้เสื้อผ้าของหนูเปียกอยู่แทบตลอด” Flora Cominguez ผู้เป็นแม่ของ Veronica ก็เล่าว่าในครอบครัวของเธอเองก็มีประวัติการออกลูกเป็นแฝดอยู่บ้าง และเล่าว่าขณะที่เธอตั้งครรภ์ ถึงเธอไม่ได้เข้าไปพบแพทย์เธอก็รู้ดีว่าเธอต้องคลอดฝาแฝดออกมาแน่นอน เธอจึงตั้งชื่อให้กับลูกทั้งสองคน Flora กล่าวว่าสะดือของ Veronica จะเปียกอยู่เสมอเนื่องจากของเหลวที่ไหลออกมาจากบริเวณ “ฝาแฝด”…
-
ชีวิตของ Adam Rainer ชายผู้เกิดมาด้วยภาวะแคระ และเสียชีวิตด้วยภาวะยักษ์
คาดว่าจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป เมื่อชีวิตของคนเราประสบกับภาวะความผิดปกติทางร่างกาย เมื่อเกิดมาแคระก็จะแคระจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่สำหรับชายคนนี้เขากลับมีร่างกายที่ขยายใหญ่เกินขีดจำกัดของตัวเอง ในปี 1899 ชายผู้มีชื่อว่า Adam Rainer ได้กำเนิดขึ้นมาในประเทศออสเตรีย จากพ่อแม่ผู้มีความปกติทางร่างกาย แต่ตัวเขานั้นกลับประสบกับภาวะแคระแกร็น Adam Rainer ในวัยเด็ก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น Adam อยากจะเข้าร่วมรบกับทางกองทัพ แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องจากความสูงเพียง 137 เซนติเมตรของเขา ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอ่อนแอและเตี้ยกว่าเกณฑ์ จนหนึ่งปีให้หลังเขากลับมาสมัครอีกครั้งและถูกปฏิเสธอีกรอบจากเหตุผลด้านความสูง แม้จะมีความสูงเพิ่มมา 5 เซนติเมตรก็ตาม ช่วงอายุ 19 ปี กับความสูง 142 เซนติเมตร เขาก็ยังคงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มแคระเพราะมาตรฐานความสูงนั้นอยู่ที่ 147 เซนติเมตร แม้ว่า Adam จะขาดคุณสมบัติทางด้านความสูง แต่รายงานด้านสุขภาพในช่วงนั้นเริ่มสังเกตความผิดปกติในร่างกายของเขา เนื่องจากพัฒนาการเท้าและมือนั้นไม่สัมพันธ์กับความสูงเลย เขาสวมใส่รองเท้าเบอร์ EU 43 ตอนไปสมัครทหารครั้งแรก 3 ปีผ่านไป เขาต้องใส่รองเท้าเบอร์ EU 53…
-
เด็กแฝดโผล่ตอนโต เกิดเป็นใบหน้าที่สอง ผลจากการพัฒนาไม่สมบูรณ์แต่กำเนิด
พัฒนาการในเด็กที่ไม่สมบูรณ์ในหลายกรณี มักจะทำให้เกิดโรคอันแปลกประหลาดที่พบเห็นได้ยาก และหากมีความไม่สมบูรณ์ตั้งแต่แรกโอกาสรอดชีวิตแทบจะไม่เหลือเลย กรณีของเด็กทารกจากประเทศอินโดนีเซียนี้ เกิดเป็นใบหน้าที่สองอันเป็นผลพวงมาจากการพัฒนาร่างของเด็กแฝดที่ไม่สามารถแยกตัวออกจากกันได้ตั้งแต่ในครรภ์มารดา Gilang Andika ทารกวัยสองขวบจากเมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซียนั้น เริ่มมีพัฒนาการที่ผิดปกติสองใบหน้าและสองสมองภายในศีรษะเดียวกัน (Diprosopus) ลักษณะของศีรษะมีความผิดเพี้ยนและกระทบต่อพัฒนาการทางสมอง พร้อมทั้งประสบภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ ส่วนอื่นของร่างกายยังคงเป็นปกติ มีสองแขนและสองขา โดยในทางเทคนิคแล้วเด็กทารกนั้นมีคู่แฝดรวมอยู่ในร่างเดียวกัน โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีเพียง 1 ใน 250,000 เท่านั้น ทางด้านผู้เป็นพ่อและแม่ Ernilasari กับ Mustafa พยายามที่จะรักษาชีวิตลูกชายเอาไว้ แต่แพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์และความเชี่ยวชาญที่มากพอ พวกเขาไม่พบความผิดปกติในตอนตรวจครรภ์ แต่เมื่อเด็กคลอดออกมา ก็เป็นอย่างที่เห็น ด้วยลักษณะทางกายภาพที่ผิดเพี้ยน ทำให้ไม่สามารถให้นมแม่ได้ตามปกติจนต้องให้น้ำนมผ่านทางสายยางแทน ทางแพทย์วินิจฉัยไว้ว่า เด็กไม่อาจอยู่รอดได้นานเพราะสมองจะได้รับผลกระทบในระยะยาว ส่งผลต่อการเรียนรู้ การพูด การมองเห็น ปัญหาด้านความจำ รวมไปถึงการเป็นโรคลมชัก อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์ได้แนะนำให้พ่อแม่นำตัวเด็กไปรับการผ่าตัดที่โรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตา เพราะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครันกว่า อย่างไรก็ตาม ทางแพทย์ก็ยังไม่สามารถลงมือผ่าตัดได้ทันที เพราะจะต้องทำการวินิจฉัยและวางแผนเพิ่มเติมเสียก่อน ซึ่งคาดว่าจะต้องทำการผ่าตัดใบหน้าและสมองที่สองทิ้งไป…
-
ญี่ปุ่นเสนอ วิธีเช็กด้วยการ “จับข้อมือ” ว่าใครมีหุ่นนางแบบ หุ่นนักกีฬา หรือหุ่นซูโม่!!
รูปร่างของคนเรานั้นสามารถจัดกลุ่มออกได้หลายประเภทแล้วแต่วิธีการจำแนก บางคนตัวผอมบาง กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักที หรือบางคนก็อาจจะรูปร่างใหญ๋ ลดน้ำหนักอย่างไรหุ่นก็ไม่เพรียวสักที นั่นเป็นเพราะลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันนั่นเอง วันนี้ เราจะมาเสนอวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่ระหว่าง หุ่นนาง/นายแบบ หุ่นนักกีฬา หรือ หุ่นซูโม่ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วบีบเข้าที่ข้อมือเท่านั้นเอง ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @KMarisa0606 ได้ออกมาเผยถึงวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่เพียงแค่ใช้นิ้วบีบรัดเข้าที่ข้อมือของเราเท่านั้น ภายในทวิตเตอร์ดังกล่าว อธิบายวิธีการเช็กเอาไว้ดังนี้ “ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางข้างที่ถนัดบีบรัดข้อมือแขนอีกข้างเอาไว้ แล้วมาดูกันว่าเป็นอย่างไร หากนิ้วโป้งและนิ้วกลางเหลื่อมเกินกันมาอย่างง่ายดาย แสดงว่าคุณมีรูปร่างผอมบางอ้วนยากและเพิ่มกล้ามเนื้อยาก (Ectomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนาง/นายแบบ ถ้าหากนิ้วโป้งและนิ้วกลางชนกันพอดี แปลว่าคุณเป็นคนที่มีรูปร่างแบบลดไขมันได้ง่ายแถมเพิ่มกล้ามเนื้อง่าย (Mesomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนักกีฬา แต่ถ้าหากว่านิ้วโป้งและนิ้วกลางของคุณไม่สัมผัสกัน หรือสัมผัสกันด้วยความยากลำบากก็อาจแปลว่า คุณมีรูปร่างชนิดที่ว่าเพิ่มไขมันและกล้ามเนื้อได้ง่ายดาย อ้วนง่าย (Endomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างซูโม่“ ถึงจะฟังดูเป็นเทคนิคมั่วๆ ที่คิดขึ้นเอง แต่ที่จริงมันมีพื้นฐานมาจากหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องของการจำแนกลักษณะของรูปร่างที่ริเริ่มขึ้นโดย Dr. William H. Sheldon ในช่วงปี 1940 วิธีการตรวจเช็กแบบวัดข้อมือยังถูกนำมาใช้ในการคัดเลือกผู้เหมาะสมที่จะเป็นนักกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนเราก็จะมีรูปร่างที่ผสมผสานเสียส่วนใหญ่…
-
มาดูสาเหตุของ 8 พฤติกรรม “จิตๆ” ของมนุษย์ที่ทำไปเป็นประจำโดยไม่รูตัว
คนเราบางครั้งก็ทำอะไรแปลกๆ เช่น ลานจอดรถตั้งกว้าง ทำไมต้องเลือกไปจอดติดกับรถคันใดคันหนึ่งด้วยนะ? อะไรทำนองนี้เป็นต้น ซึ่งบางครั้งมาคิดดูแล้วก็อธิบายไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่วันนี้ ทุกท่านอาจจะต้องตกใจเพราะว่าคำอธิบายอาการเหล่านี้จะทำให้ทุกคนรู้ว่า ตัวเองก็มีแปลกๆ ที่เกี่ยวกับ อาการทางจิตและสมอง กับเขาเหมือนกัน เราไปดูกันเถอะว่ามีพฤติกรรมแปลกๆ แบบไหนบ้างที่คนเราทำโดยอธิบายไม่ได้ แล้วผู้เชี่ยวชาญเขาอธิบายเหตุผลของพฤติกรรมเหล่านั้นกันว่าอย่างไรบ้าง… 1. ทำไมต้องเบาเพลงหรือปิดเพลงเมื่อกำลังขับรถอยู่บนเส้นทางที่ไม่เคยไป? บางคนก็จะเริ่มเงียบ ลดการพูดคุย เบาเพลง หรือปิดเพลงไปเลย เพื่อโฟกัสกับเส้นทางข้างหน้าไม่ให้หลง ซึ่งไอ้พฤติกรรมแบบนี้ก็มีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์เรียบร้อยแล้ว Dr. Steven Yantis ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและสมองแห่งมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ อธิบายว่า ในยามที่เราฟังเพลงหรือฟังเสียงสนทนาต่างๆ สติของเราจะรับข้อมูลภาพและเส้นทางน้อยลง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมเราถึงเบาเสียงต่างๆ ลงเพื่อโฟกัสกับเส้นทางที่ไม่คุ้นชิน ที่มา: https://sharpbrains.com/blog/2006/11/11/why-do-you-turn-down-the-radio-when-youre-lost/ 2. ทำไมเวลาพูดคุยเราถึงต้องขยับไม้ขยับมือ? ศาสตราจารย์ Andrew Bass จากมหาวิทยาลัยคอร์เนล พบในงานวิจัยของเขาว่าการโยกไม้โยกมือขณะพูดคุยตามสัญชาติญาณของมนุษย์นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการวิวัฒนาการ เมื่อลองสืบย้อนกลับไปถึงเรื่องของสมองพบว่าสัตว์ปีกและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมจะมีการใช้สัญญาณสื่อสารทางร่างกายที่พัฒนามาจากสมองส่วนหลังของปลา จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อพูดคุยสื่อสารจึงมีท่าทางของมือติดไปด้วย ที่มา: https://www.eurekalert.org/pub_releases/2013-07/sfeb-wdw062813.php 3. ทำไมต้องจอดรถใกล้กับคันอื่น ขณะที่ลานจอดรถก็ออกจะโล่ง? อันที่จริงมันเป็นสัญชาติญาณการอยู่รวมกลุ่มและการเข้าสังคมของมนุษย์ Rob Henderson ผู้ช่วยวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ลองค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพบหลายสาเหตุที่มนุษย์มักเข้าร่วมกลุ่มสังคม…
-
วิธีแก้เมื่อพบเจอกับ 11 สถานการณ์อันตราย ต้องทำอย่างไรถึงเอาชีวิตรอดได้!!?
ในชีวิตของคนเราอาจจะต้องพบเจอปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เราต้องบาดเจ็บและเสี่ยงต่ออันตราย ซึ่งวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์เสี่ยงอันตรายนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากหากจำได้ แต่หลายๆ คนนั้นหลงลืมและมองข้ามไป วันนี้เราจึงขอเสนอ วิธีแก้ไขเมื่อพบกับ 11 สถานการณ์อันตราย เมื่อใดที่ร่างกายบาดเจ็บหรือเจออุปสรรคเราก็สามารถนำวิธีเหล่านี้มาใช้ได้ยังไงล่ะ 1. กระแสน้ำย้อนกลับ เมื่อเราลงเล่นน้ำในทะเล ถึงแม้ว่าจะเป็นบริเวณชายหาด แต่มันก็อาจจะเกิดกระแสน้ำที่พัดตัวเราออกจากฝั่งได้ กระแสน้ำนี้เรียกว่า กระแสน้ำย้อนกลับ ซึ่งทำให้ผู้คนต้องจมน้ำกันมานักต่อนักแล้ว โดยปกติกระแสน้ำย้อนกลับจะเกิดขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ ฉะนั้น หากพบเจอ ควรรีบว่ายไปยังกระแสน้ำนิ่งโดยการว่ายขนาบไปกับแนวชายหาด โดยพยายามอย่าว่ายสวนกระแสน้ำย้อนกลับมันทำให้เสียแรงเปล่า เมื่อว่ายออกจากจุดอันตรายได้แล้วจึงค่อยว่ายกลับขึ้นฝั่ง ที่มา: https://www.nytimes.com/2017/07/31/us/riptide-rip-current-drowning-safety.html 2. อาหารติดคอ ปกติถ้าเพื่อนของเรามีอาการอาหารติดคอเราอาจจะเอามือตบหลัง แต่ที่จริงแล้วมันมีวิธีที่ดีและปลอดภัยกว่านั้น ลองวิธีนี้ดู ให้ไปยืนข้างหลังเพื่อนที่มีอาหารติดคอ โอบกอดจากด้านหลัง สองมือจับกันไว้ โดยที่มือข้างหนึ่งต้องยกนิ้วโป้งขึ้นมาดังภาพด้านล่างซ้าย ค่อยๆ กดลงพร้อมดึงขึ้นที่บริเวณหน้าท้องของเพื่อนอย่างรวดเร็ว ทำซ้ำๆ จนกว่าอาหารที่ติดคอจะหลุดออก ที่มา: https://www.mayoclinic.org/first-aid/first-aid-choking/basics/art-20056637 3. ถูกไฟช็อต อย่างที่เราทราบกันดีว่าเมื่อเพื่อนถูกไฟฟ้าช็อต เราไม่ควรไปจับตัวหรือดึงเพื่อนออกมาด้วยมือเปล่า เพราะกระแสไฟฟ้าอาจทำอันตรายให้กับเราอีกทอดหนึ่งได้ ถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ให้รีบถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออก ใช้สิ่งของไม่นำไฟฟ้าผลักตัวเพื่อนที่ถูกไฟฟ้าช็อตออกห่างจากเครื่องใช้ไฟฟ้า (ใช้ไม้หรือพลาสติก เช่น…
-
10 ทริค “แก้ปัญหาความงาม” สำหรับสาวๆ ทำง่ายได้ที่บ้าน ไม่ต้องหาหมอเลยล่ะ~
วันนี้เรากลับมายังเรื่องที่สาวๆ ขาดไม่ได้กันสักหน่อยดีกว่า นั่นก็คือเรื่องของ ความสวยความงาม นั่นเอง สำหรับผู้หญิงแล้วการดูแลตัวเองให้มีรูปร่างและเรือนร่างที่ดีนั้นจะช่วยเสริมความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้มากมายทีเดียว ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรมาก วันนี้เราจะมานำเสนอ 10 เคล็ดลับการขจัดปัญหาด้านความงาม ที่สามารถทำได้เองง่ายๆ ที่บ้านไม่ต้องพึ่งคุณหมอเลยล่ะ มีอะไรบ้างไปดูกันเล้ยยย… 1. สตรอว์เบอร์รี่บดใช้รักษาอาการผื่นแดงหลังโกนขน (Razor Burn) ได้ เมื่อผิวหนังถูกความคมของมีดโกนก็อาจทำให้ระคายเคืองและเป็นผื่นแดงได้ ซึ่งการแก้ไขง่ายๆ ก็เพียงแค่ บดสตรอว์เบอร์รี่เข้ากับซาวร์ครีม แล้วนำไปทาลงบนผื่นทิ้งไว้ 10-15 นาที ข้อดีของสตรอว์เบอร์รี่ก็คือมันมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านอาการบวมพอง แถมมีวิตามินซีเยอะอีกด้วย 2. เบคกิ้งโซดาผสมมะนาวสามารถขจัดรอยบนเล็บได้ เล็บของคุณอาจจะเปลี่ยนสีหรือมีรอยต่างๆ ได้ด้วยสาเหตุนานาประการ เช่น การทาสีเล็บ การสูบบุหรี่ และอื่นๆ ซึ่งอันที่จริงคุณควรต้องปรึกษาแพทย์ แต่ว่าถ้าอยากให้เล็บกลายเป็นสีสวยแบบธรรมชาติง่ายๆ ก็สามารถทำได้ดังนี้ ผสมเบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ เข้ากับน้ำมันมะกอกครึ่งช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาวอีก 1 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้แปรงสีฟันขนนุ่มทาลงบนเล็บของคุณ ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วล้างออก ทำซ้ำๆ ทุกสองสัปดาห์ สารกัดสีในมะนาวจะช่วยให้คุณมีสีเล็บที่สว่างขึ้น…
-
กลิ่น “จิ๊มิ” ที่ดีควรเป็นอย่างไร!? พร้อม 5 วิธีดูแลสุขภาพน้องน้อยให้หอมสดชื่น~
สำหรับสาวๆ แล้วเรื่องของกลิ่นกายนั้นเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลิ่นของจุดซ่อนเร้น เรียกได้ว่าเป็นจุดที่ส่งผลต่อความมั่นใจของสาวๆ เขาอย่างมาก เชื่อว่าหลายคนต้องตั้งคำถามว่า “แล้วของอิชั้นถือว่าเหม็นหรือเปล่า? แล้วปกติมันควรมีกลิ่นอย่างไร?” ถ้าว่ากันตามที่ Alisa Vitti ผู้เชี่ยวชาญด้านฮอร์โมนได้กล่าวไว้ใน Mind Body Green กลิ่นที่ควรจะเป็นก็คือ “กลิ่นชะมดที่ดี” ส่วนกลิ่นชะมดก็คือสารบางอย่างที่สกัดมาจากตัวกวางชะมดหรือสัตว์อื่นที่มีกลิ่นคล้ายกัน นิยมนำมาใช้ผลิตน้ำหอมเลยทีเดียว Alisa Vitti ยังบอกอีกว่า ถ้าหากจิ๊มิมีกลิ่นคล้ายๆ ปลาหรือบ้านเราเรียกว่ากลิ่นปลาเค็มเมื่อไหร่ล่ะก็ ถือว่าในน้องน้อยของสาวๆ น่ะมีแบคทีเรียอยู่เยอะเกินไป สาวๆ หลายคนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพและกลิ่นของน้องน้อยอย่างจริงจัง แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ควรใช้น้ำหอมหรือสบู่บ่อยๆ เพราะวิธีการที่จะทำให้จิ๊มินั้นสะอาดและสดใสอยู่เสมอมีด้วยกันดังนี้… 1. ทานอาหารให้ถูก ทานอาหารที่มีอัลคาไลน์สูงเช่น มะนาวและผักใบเขียว เพราะจะทำการขจัดสารพิษในจิ๊มิแถมเพิ่มกลิ่นที่หอมหวานให้น้องน้อยด้วยนะ นอกจากนี้ควรลดเนื้อสัตว์ น้ำตาล และกาแฟ 2. ทำความสะอาดให้ดี ที่จริงคุณไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ เลยด้วยซ้ำ ปล่อยไว้เฉยๆ จิ๊มิก็จะมีการทำความสะอาดตัวเองแล้ว แต่ถ้าหากอย่างล้างจริงๆ ใช้เพียงน้ำเปล่าและสบู่อ่อนๆ ก็พอ และต้องล้างรอบๆ ด้วยนะ…
-
15 ความจริง ที่น้อยคนนักจะรู้ เกี่ยวกับมนุษย์และธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ใจ!
ต่อให้เราเกิดมาแล้วสักกี่ปี ไปเที่ยวมาแล้วสักกี่ที่ หรืออ่านหนังสือมาแล้วไม่รู้กี่เล่ม มันก็ยังคงมี “ความจริง” อีกหลายเรื่องบนโลกที่เรานั้นอาจจะยังไม่รู้มาก่อน ฉะนั้นเราต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของนักวิจัยของแต่ละสาขา ที่ทำการค้นพบความจริงอันน่าอัศจรรย์ต่างๆ แล้วนำมาบอกให้พวกเราได้รับรู้ วันนี้ เราจึงทำการรวบรวม 15 ความจริงอันน่าอัศจรรย์บนโลก ที่พวกเราอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนมาให้ทุกคนได้อ่านกัน 1. สิวทำให้แก่ช้าลง นักวิจัยชาวอังกฤษพิสูจน์แล้วว่าสิวเกิดขึ้นจากระบบต่อต้านความชรา ต่อให้คนที่เป็นสิวจะมีอายุมากขึ้น เขาก็จะยังดูอ่อนเยาว์กว่าคนที่ไม่มีสิวนั่นเอง 2. ร้องไห้มีสำเนียงด้วยนะ เด็กทารกจะร้องไห้ตามเสียงและสำเนียงของผู้เป็นแม่ เพราะทารกจะได้ยินเสียงแม่มาตั้งแต่อยู่ในครรภ์แล้ว ผลการศึกษาครั้งนี้มาจากการวิเคราะห์ทารก 60 คนที่เกิดในครอบครัวชาวฝรั่งเศสและเยอรมัน 3. ไอคิวสูง ส่วนโค้งเว้าจะชัด! การศึกษากับผู้หญิง 16,000 คนเผยให้เห็นว่าสาวๆ ที่มีหุ่นรูปนาฬิกาทรายจะมีความฉลาดทางสติปัญญามากกว่าคนที่มีส่วนโค้งเว้าน้อย นั่นเป็นเพราะร่างกายของคนหุ่นนาฬิกาทรายจะผลิต “โอเมกา3” มาก ทำให้สมองพัฒนาได้เร็ว 4. ยิ่งมีหนวด ยิ่งหัวล้าน การวิจัยเผยว่ายิ่งหนุ่มๆ ไว้หนวดหนาและไว้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีโอกาสหัวล้านมากขึ้นเท่านั้น นั่นเป็นเพราะ ผมที่ขึ้นบนศีรษะจะถูกดึงความร้อนไปยังบริเวณหนวด ร่างกายเลยลดความร้อนบริเวณศีรษะโดยการลดจำนวนเส้นผม 5. แมลงสาบก็กัดได้เหมือนกัน ปกติแล้วแมลงสาบจะไม่กัดคนหากมันมีอาหารของมันอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้นการถูกแมลงสาบกัดนั้นเกิดขึ้นได้ แถมแผลที่ถูกกัดยังระคายเคืองและพองอีกด้วย…
-
9 ความจริงเกี่ยวกับ “ร่างกายผู้หญิง” ที่ควรรู้ เพราะมันสำคัญกับสุขภาพ (มากกกกก)
เรื่องของสุขภาพนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ต่อให้ชีวิตพบเจอปัญหาอะไรก็ตาม สุขภาพที่ดีจะต้องมาก่อน! โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลาย ที่ร่างกายนั้นดูแลยากเสียเหลือเกิน เอะอะเดี๋ยวเป็นอันนั้นเจ็บอันนี้ วันนี้เราจึงมาเสนอ ข้อเท็จจริง 9 ประการเกี่ยวกับร่างกายของสาวๆ ที่รู้ไว้แล้ว ปัญหาสุขภาพจะน้อยลงทันตาเห็นเลยล่ะ!! 1. การออกกำลังกายหนักๆ สามารถทำให้ประจำเดือนมาไม่ปกติได้ อันที่จริงการออกกำลังกายนั้นทำให้อาการปวดประจำเดือนลดลง แต่ถ้าหากว่าออกกำลังกาย “หนักเกินไป” ล่ะก็ มันอาจจะส่งผลตรงกันข้าม เพราะหากหญิงสาวที่กำลังเป็นประจำเดือนใช้ร่างกายหนักจนเกินไปจะทำให้ฮอร์โมนในร่างกายขาดความสมดุล และส่งผลให้ประจำเดือนมาไม่ปกตินั่นเอง ฉะนั้น ควรออกกำลังกายแต่พอดี ไม่ควรหักโหมนะจ๊ะสาวๆ 2. สุขภาพเป็นอย่างไร เต้านมบอกคุณได้ เต้านมสามารถบอกสถานะของสุขภาพได้ เช่นเมื่อต่อมน้ำนมเกิดแข็งตัว อาจแปลได้ว่าฮอร์โมนในร่างกายกำลังขาดความสมดุล และอาจมีโรคเกี่ยวกับรังไข่ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์โดยด่วน แต่หากมีอาการคันบริเวณหัวนม หรือสังเกตเห็นอาการแสบระคายเคืองบริเวณใต้ราวนม ก็อาจแปลได้ว่าคุณกำลังแพ้เสื้อชั้นในหรือแพ้ผงซักฟอกที่ใช้ซักนั่นเอง 3. น้ำหนัก ไม่สามารถบอกได้ว่าคุณสุขภาพดีหรือไม่ ถึงคุณจะมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาสักหน่อย ก็ใช่ว่าคุณจะมีปัญหาด้านสุขภาพเสมอไป น้ำหนักของคุณที่เพิ่มขึ้นนั้นมันขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการกิน พันธุกรรม และโครงสร้างทางร่างกายของคุณต่างหาก ดีเสียอีก อวัยวะภายในของผู้ที่มีร่างกายท้วมนั้นมีสุขภาพดีกว่าอวัยวะภายในของคนที่มีรูปร่างผอมบางเสียด้วยนะ 4. เต้านมอาจหย่อยยานได้หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ …
-
ภัยเงียบของคนเก่ง ชีวิตของ Ranjan Das ซีอีโอวัย 40 ดูแลสุขภาพดี แต่เสียชีวิตเพราะนอนน้อย
การที่หนึ่งคนจะประสบความสำเร็จในด้านหน้าที่การงานได้ จะต้องทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจไปมากแค่ไหนกัน? และสิ่งที่ทุ่มลงไปนั้น กำลังตอบแทนหรือกำลังบั่นทอนชีวิตของเรากันอยู่… สิ่งที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คือเรื่องราวของ Ranjan Das นักธุรกิจระดับผู้บริหารอายุน้อย ด้วยวัยเพียง 42 ปี แต่มีหน้าที่การงานและความรับผิดชอบที่ใหญ่โต ซึ่งเขาก็จัดการได้เป็นอย่างดีเสียด้วย Ranjan Das นั้นเป็นกรรมการผู้จัดการและผู้บริหาร ของบริษัทซอฟต์แวร์ SAP ประจำภูมิภาคอินเดีย และเขาก็เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อสุขภาพสูงมากๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ เข้ายิมทุกวันและเป็นนักวิ่งมาราธอนตัวยง ไม่ดื่มเหล้าและไม่สูบบุหรี่… โดยในทุกๆ วันเขาจะออกวิ่งบนถนนเส้น Carter ย่าน Bandra ในเมืองมุมไบ แต่แล้วในวันหนึ่ง หลังจากที่กลับมาบ้านหลังออกกำลังกายเป็นประจำ เขาล้มลงจากหัวใจวายอย่างรุนแรง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา (ปี 2009) จากการเสียชีวิตของ Ranjan Das กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงในบริษัทห้างร้านของอินเดียขึ้นมาทันที เนื่องจากว่าเขามีสุขภาพดีมากๆ เป็นนักกีฬาตัวท็อป แต่กลับเสียชีวิตกระทันหันได้อย่างไร หรือมีสาเหตุมาจากการทำงานหนัก? ทั้งนี้ จากการสืบประวัติการใช้ชีวิตของเขา Ranjan Das เคยให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ…
-
ชายสี่หมี่เหลือง หาเรื่องรุมกระทืบคู่เกย์จากเหตุแห่ง “ความเกลียดชัง” ต้องโทษจำคุก 30 ปี!!
ปัจจุบันมีการรณรงค์เกี่ยวกับความเท่าเทียม เพื่อลบล้างความเกลียดชังออกไป และมองคนที่แตกต่างจากเราไป แม้ภายนอก รสนิยมทางเพศอาจจะไม่เหมือนกัน แต่เนื้อแท้ภายในก็คือเพื่อนมนุษย์เฉกเช่นเดียวกัน… รวมไปถึงการให้ความเคารพ สิทธิขั้นพื้นฐานที่ควรพึงมี ไม่อาจไปละเมิดสิทธิส่วนตัวใดๆ ได้ ตราบใดที่ยังไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทั้งทางกายและจิตใจ แต่สุดท้ายแล้วก็มักจะมีการลงมือทำร้ายผู้อื่นเพียงเพราะ “ความเกลียดชัง” DO YOU RECOGNIZE THESE 4 SUSPECTS? These suspects are responsible for the brutal attack that follows. Occurred Sunday night after Miami Beach Gay Pride at 6 Street/Ocean Drive. Call Crime Stoppers: https://t.co/rYWIrW8nIR. pic.twitter.com/NQthfFMIrB — Miami Beach Police (@MiamiBeachPD) April 10, 2018 …
-
ท่านชายคิดอย่างไรกับ ‘หมออ้อย’ ของสาวๆ ควรเลี้ยงเอาไว้ หรือโกนออกไปให้หมดดี!?
มีสาวๆ คนไหนเคยไม่มั่นใจกับ “ขน” ช่วงล่างของตนเองบ้างหรือไม่? อยากรู้กันหรือเปล่าว่า ท่านชายคิดอย่างไรกับขนตรงนั้นของของคุณ? ต้องมีคนที่ไม่มั่นใจแบบนี้แน่นอน บางคนก็โกนมันออกเสียหมด บางคนก็แว็กซ์ ถอน หรือหาวิธีกำจัดในแบบต่างๆ ขณะเดียวกันบางคนก็ไม่ทำอะไรกับมันเลย ปล่อยให้มันเติบโตเป็นธรรมชาติ สรุปแล้วผู้ชายคิดอย่างไรกับขนตรงนั้นของผู้หญิงกันแน่? ปัจจุบัน ในประเทศอังกฤษได้มีผลการวิจัยออกมาแล้วว่า 2 ใน 3 ของชายชาวอังกฤษ ชอบ ให้ผู้หญิงมีขนตรงน้องสาวนิดหน่อย จากการสอบถามชายอังกฤษ 1,000 คนโดยผลิตภัณฑ์ดูแลท่านชายแบรนด์ Manscape พบว่า 63 เปอร์เซ็นต์ของชายเหล่านี้ คิดว่าผู้หญิงที่มีพื้นที่บริเวณน้องน้อยที่ดูเป็น ธรรมชาติ หรือ มีขนนิดหน่อย นั้นจะดูน่าดึงดูดมากกว่าคนที่มีมากเกินไป แต่ขณะเดียวกัน ชายอีก 20 เปอร์เซ็นต์กล่าวว่า “แค่คิดว่าต้องเห็นขนบนร่างกายหญิงสาว มันก็ทำให้ผมหมดอารมณ์แล้ว” สำหรับผู้หญิง จำนวน 20 เปอร์เซ็นต์บอกว่าพวกเธอชอบที่จะเข้าไปยุ่งกับสวนหย่อมของท่านชาย เพราะถือว่าเป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้กับคู่รัก และอีก 25 เปอร์เซ็นต์ก็ยอมรับว่ามีการเล็มขนน้องน้อยของตัวเองบ้าง ส่วนอีก 10 เปอร์เซ็นต์นั้นยอมรับเลยว่า โกนให้ใสสะอาดอยู่เสมอ…
-
ยังจะสูบอีกหรือ… เปรียบเทียบปอดของคนสูบบุหรี่ กับปอดคนไม่สูบ แค่สีก็ต่างกันชัดเจนแล้ว
แม้จะมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องมายาวนานมากๆ กับการลดถึงขั้นงดสูบบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีของประชากรชาวโลก ในปัจจุบันก็ยังคงมีจำนวนผู้สูบบุหรี่เพิ่มขึ้นสวนทางกับการรณรงค์เพื่อสุขภาพอยู่ดี… การสูบบุหรี่นั้นเป็นความต้องการส่วนบุคคลที่เลือกจะสูบ แน่นอนว่าเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพของตนเอง ซึ่งอาจจะยังมองไม่เห็นภาพว่า ในอนาคตข้างหน้าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของตัวเองบ้าง? Amanda Eller นางพยาบาลจากมหาวิทยาลัย Western Carolina University ได้ทำการโพสต์วิดีโอคลิปเผยให้เห็นว่า สภาพของปอดที่มีสุขภาพดีไม่ได้สูบบุหรี่นั้นเป็นอย่างไร และนำมาเปรียบเทียบข้างๆ กันกับปอดของผู้สูบบุหรี่ 1 ซองต่อวัน ต่อเนื่องยาวนานกว่า 20 ปี เพียงแค่เห็นสีของปอดทั้งสองชิ้น ก็ทำให้รู้และแยกแยะได้ทันทีว่าปอดของผู้สูบบุหรี่และไม่สูบเป็นแบบไหน ซึ่งนอกเหนือจากสีของปอดภายนอกแล้ว ระบบการทำงานของปอดก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิม ปอดของผู้สูบบุหรี่ ปอดของผู้ไม่สูบบุหรี่ ทางพยาบาลได้นำเครื่องเป่าลมเข้าไปในปอด เพื่อจำลองประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะ ผลก็คือปอดที่สูบบุหรี่จะไม่สามารถกักเก็บลมเอาไว้ได้ นั่นหมายถึงการหายใจที่ถี่มากกว่าปกติ ส่วนปอดที่มีสุขภาพดีจะสามารถกลั้นหายใจได้นานกว่าอย่างเห็นได้ชัด อย่างไรก็ตาม นโยบายลดปริมาณผู้สูบบุหรี่ทั่วโลกยังคงใช้วิธีในการเพิ่มภาษีบุหรี่ เพราะยังคงเล็งเห็นว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากว่าไม่มีเงินซื้อบุหรี่ก็จะเลิกสูบไปเอง แต่ทว่ามีงานวิจัยบางส่วนที่มองสวนทางเนื่องจากการเพิ่มภาษีบุหรี่แพงเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะส่งผลทำให้เกิดยาสูบเถื่อนมากยิ่งขึ้น ที่มา : @amanda.orr.56, ladbible
-
ชายผู้ติดอยู่ในร่างเด็ก อาการผิดปกติที่ทำให้เขาหยุดเจริญเติบโต แม้จะมีอายุ 23 ปีแล้วก็ตาม…
โดยธรรมชาติแล้ว ทุกชีวิตเมื่อเกิดมาจนผ่านไปจนถึงระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายก็จะเจริญเติบโตขึ้นตามอายุด้วย แต่สำหรับชายชาวอินเดียผู้นี้แล้ว หากใครเห็นเขาเป็นครั้งแรก ก็คงจะคิดว่าเป็นเด็กในช่วงแรกเกิด ซึ่งในความเป็นจริงเขามีอายุ 23 ปีแล้ว… Manpreet Singh วัย 23 ปี จากทางตอนเหนือของประเทศอินเดีย ประสบกับอาการผิดปกติที่ทำให้เขาต้องติดอยู่ในร่างกายแบบเด็ก มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ราวๆ 5 กิโลกรัมเท่านั้น แม้จะมีอายุถึงหลัก 20 แล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม เขามีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์พร้อมในช่วงแรกเกิดปี 1995 และหยุดการเจริญเติบโตก่อนที่เขาจะหัดเดินและหัดพูดได้ และปัจจุบันเขาก็ต้องได้รับการดูแลเหมือนเด็กน้อยอยู่ตลอด โดยที่มีคุณลุงและคุณป้าคอยพาไปทุกที่ ด้านนักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า Manpreet อาจจะเป็นโรคกลุ่ม Laron Syndrome อาการผิดปกติหายาก แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ เนื่องจากทางครอบครัวยังไม่มีเงินมากพอที่จ่ายเพื่อเข้ารับการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 220,000 บาท สำหรับผู้เป็นโรคกลุ่ม Laron นั้นจะขาดฮอร์โมนที่ชื่อว่า Insulin-like Growth Factor 1 (IGF-1) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นเซลล์ให้เจริญเติบโตและแบ่งตัวออกเป็นเซลล์ใหม่ Manpreet…
-
ผู้คน 21 คนที่มีร่างกายต่างไปจากคนทั่วๆ ไป จนอาจจะทำให้คุณลืมหายใจไปเลย
ความแตกต่างนั้นไม่ได้มีอยู่เพื่อทำให้มนุษย์แตกแยก หรือแบ่งพรรคแบ่งพวก คนเราทุกคนนั้นล้วนเคยเป็นเพียงแค่มนุษย์ และความแตกต่างของร่างกายนั้น ก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่ทำให้คนเรามีเอกลักษณ์ ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ ที่ไม่แตกต่าง ขอเพียงเราเปลี่ยนมุมมองไป ความแตกต่างเหล่านั้นก็อาจจะเป็นความงดงามที่ซ่อนเร้นอยู่ในผู้คนก็เป็นได้ ดังเช่นผู้คนผู้มีร่างกายที่แตกต่างทั้ง 21 คนต่อไปนี้ หญิงสาวผู้มีดวงตาหนึ่งในสามเป็นสีเทา หญิงสาวผู้มีแขนกลที่ต้องชาร์จไฟอยู่เสมอ คนเดียวกับที่โผล่มาในข่าว ไม่มีใครให้ที่ชาร์จแก่สาวแขนกลเพราะผู้คนคิดว่าแขนของเธอเป็นแค่ของประดับ ชายผู้เป็นโรค Anisocoria โรคที่ทำให้ตาข้างหนึ่งขยับไม่ได้และติดอยู่กับที่ รูปถ่ายเต็มตัวครั้งแรกของชายผู้เสียขาไป เป็นภาพที่ต้องรวบรวมความกล้า และยอมรับในสิ่งที่เสียไป จึงจะสามารถถ่ายออกมาได้ ชายผู้มีอาการ Dermatographism อาการคล้ายการแพ้ทางผิวหนัง มันทำให้เขาสามารถเขียนคำลงไปบนผิว และมันจะออกมาในสภาพของผื่นได้ Edam เด็กที่ผิวดำที่สุดในโลก ภาพอันนี้เป็นภาพที่มีการถกเถียงกันค่อนข้างมากว่าเป็นข่าวปลอมหรือไม่ ดังนั้นในขณะนี้ก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการรับชมไปก่อน ถ้าหากได้ข้อมูลที่แน่ชัดมาเราจะทำการแก้ไขต่อไป คนที่เกิดมาโดยไม่มีนิ้วก้อยข้างขวา เด็กจากเนปาลผู้เป็นโรคตาแมว ชายผิวสีผู้เป็นโรคด่างขาวบนใบหน้าครึ่งซีก ชายผู้เกิดมาพร้อมกับนิ้วมือข้างล่ะ 6 นิ้ว เขามีนิ้วกลางสองนิ้ว ซึ่งกำลังโชว์อยู่ในภาพ หญิงสาวผู้ใช้ขาเทียมเป็นกระดานดำ ในขณะที่เดินทางไปทั่วยุโรป ตาของฉันถูกเอาออกเนื่องจากการย่อยสลายทางพันธุกรรม ช่างคนหนึ่งเลยทำดวงตาปลอมอันนี้ให้ฉันเป็นของขวัญ…
-
ชาวเน็ตโชว์สะดือขนาด 1 นิ้ว แฟนคลับถึงกับคลั่ง พร้อมจ่ายเงินเป็นพันเพื่อดูเขาเล่นสะดือ!?
ตามปกติแล้ว การที่มีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งเด่นกว่าส่วนอื่น คุณจะทำอย่างไร คุณจะรู้สึกอายหรือจะรู้สึกภูมิใจที่มีมันกัน เช่นนิ้วหกนิ้ว จมูกโตมาก หูมีติ่ง มีหน้าอก 3 เต้า และอื่นๆ มากมาย แต่สำหรับชาวเน็ตนามว่า Mark จากรัฐแคลิฟลอเนียหรือที่รู้จักกันในยามกลางคืนว่า Swirly Dude นั้น เขาภูมิใจในอวัยวะที่โดดเด่นกว่าคนอื่นอย่างสะดือมากๆ Mark เล่าว่าตอนแรกนั้นเขาก็ไม่ได้รู้สึกภูมิใจอะไรกับสะดือขนาด 1 นิ้วของเขา ซึ่งเขาบอกว่าตอนแรกที่เขารู้สึกอายและรู้สึกว่าโดนเพื่อนแกล้งนั้นมันเริ่มเมื่อตอน 8 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่เขาจะต้องถอดชุดและเรียนว่ายน้ำกับเพื่อนๆ แน่นอนว่าวินาทีที่เพื่อนเห็นทุกคนก็หัวเราะเยาะเขา นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาคิดว่ามีปีศาจติดตัวตลอดเวลา เขารู้สึกว่าชีวิตย่ำแย่ตลอดมาจนกระทั่งไม่นานนี้ที่อายุย่างเข้า 26 ปี เขาก็ได้ค้นพบว่าจริงๆ แล้วสะดือแปลกๆ ของเขานั้นกลับสามารถสร้างอีกตัวตนและสร้างงานให้เขาได้ ซึ่งนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของ Swirly Dude นั่นเอง Swirly Dude บอกว่าตอนที่มีคนเห็นสะดือของเขาในตอนที่มันโตมาจนถึง 1 นิ้วแล้วชอบนั้น มันเป็นวินาทีที่เขาไม่เข้าใจมันเลย เพราะบางคนถึงกับจ้างให้เขาเล่นกับสะดือพร้อมส่งเสียงเบาๆ ประกอบเป็นเวลา 15 นาทีแลกกับเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐหรือประมาณ…
-
นักวิทย์ชี้แจง ทำไมหน้าร้อนเราถึง “หิวน้อยกว่าปกติ” นี่เรากำลังจะผอมแล้วใช่มั้ย!?
ด้วยอุณหภูมิของประเทศไทยที่ตอนนี้พุ่งสูงไปที่ 30 องศาเซลเซียส ปลายๆ เกือบจะ 40 องศาเซลเซียส ขนาดที่ยังไม่เข้าเดือนเมษาก็ร้อนจนแทบจะละลายกลายเป็นไขมันลงไปกองกับพื้นแล้ว เนื่องจากความร้อนที่พุ่งสูงจนเราไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร อยากทำแค่เพียงเปิดแอร์ฉ่ำ นอนตีพุงอยู่เฉยๆ แต่มันก็ทำไม่ได้ ด้วยภาระหน้าที่ที่จำเป็นนั้นทำให้เราต้องออกไปเผชิญกับอากาศร้อนตับแตก เหมือนกับว่าชาติที่แล้วไปทำเวรทำกรรมอะไรมา… เราเคยสงสัยกันไหมว่า “ทำไมหน้าร้อน เราถึงไม่ค่อยจะอยากกินอะไรมากนัก” เป็นเพราะอะไรที่ทำให้เราอยากกินอาหารน้อยลงในช่วงเวลาฤดูร้อน หรือนี่อาจจะเป็นสัญญานที่ทำให้เราเริ่มต้นลดน้ำหนักกันแน่นะ #เหมียวบู้บี้ ก็จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้ทุกคนได้รู้กัน!! อ้างอิงจากข้อมูลที่ Ritesh Balri นักโภชนาการและนักสรีรวิทยา กล่าวไว้ว่า “มีอีกหลายทฤษฎีที่บ่งบอกถึงสาเหตุที่ทำให้เรารู้สึกหิวน้อยลง เช่น ทฤษฎีเรื่องปริมาณของแสงที่กระตุ้นความหิวของเรา” อธิบายง่ายๆ เลยก็คือ เมื่อแสงน้อยลง ร่างกายของเราก็จะเกิดความคิดว่า เราจะไม่ได้รับอาหารอย่างเพียงพอก็เลยต้องรีบตุนอาหารไว้ในร่างกาย เราจึงหิวบ่อยกว่าปกติในฤดูหนาว (ส่วนหน้าร้อนแดดจ้า ร่างกายก็เลยไม่อยากรับอาหารมากเท่าไหร่) โดยทั่วไป ร่างกายจะมีกลไกในการขับน้ำออกจากร่างกาย นั่นก็คือขับออกมาในรูปแบบของเหงื่อ เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ส่วนที่ควบคุมระบบนี้นั่นก็คือ ไฮโปทาลามัส ส่วนหนึ่งในสมองของเรานั่นเอง ในขณะที่ไฮโปทาลามัสควบคุณอุณภูมิในร่างกายของเราก็จะให้ความสำคัญกับความหิวน้อยลง และสั่งให้ร่างกายดื่มน้ำมากขึ้น นอกจากนี้นักโภชนาการยังบอกอีกว่า ดัชนีมวลกายของเราจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เพราะร่างกายต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อการดำรงชีพตามปกติ และนี่ก็น่าอธิบายได้ว่าทำไมร่างกายของเราถึงไม่ค่อยหิวในฤดูร้อน นี่แหละจุดเริ่มต้นของการลดน้ำหนัก!! …
-
หนุ่มสมบูรณ์พยายามเปลี่ยนตัวเอง ลดน้ำหนักส่วนเกิน 30 กิโลฯ เป็นเจ้าชายโฉมงามเฉยเลย!?
ปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์นั้นมีค่านิยมในความสวยความหล่อที่เป็นมาตรฐานสากล โดยที่ไม่ต้องมองไปไกลตัวเราเลย สังเกตได้จากวงการบันเทิงทั้งในประเทศและต่างประเทศ และสิ่งที่จะกำหนดปลีกย่อยอีกทีก็คือความนิยมในพื้นที่นั้นๆ แต่สำหรับเรื่องความอ้วนที่มาจากน้ำหนักส่วนเกิน มักจะทำให้บุคคลนั้นถูกมองข้ามอยู่เสมอ บางคนอาจจะมองว่าเป็นส่วนดี สำหรับชายผู้นี้กลับคิดว่ามันส่งผลร้ายให้กับเขามากกว่าที่มันจะเป็น… Jeffrey Kendall ในอดีตและปัจจุบัน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว Jeffrey Kendall หนุ่มวัย 26 ปี ประสบกับปัญหาน้ำหนักเกิน ตกงาน และซึมเศร้าอย่างหนัก เขาอาศัยอยู่กับคุณแม่ในรัฐคอนเนตทิคัต เพื่อดูแลเธอหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงในปี 2015 ในระหว่างที่เขาดูแลแม่ที่ได้รับการบำบัดจากโรงพยาบาล และนำกลับมารักษาตัวที่บ้าน อาการก็ไม่ได้ดีขึ้นแถมยังถูกซ้ำเติมด้วยหมดสัญญาประกันชีวิตอีก เขาเล่าย้อนถึงตัวเองในช่วงนั้นว่า กำลังต่อสู้กับภาพลักษณ์ของตัวเองและความเศร้าหมองมาอย่างยาวนาน ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อเพื่อนของเขาเลิกกับแฟนและตกอยู่ในสภาพหัวใจแตกสลาย เพื่อนคนนี้ก็เลยชวน Jeffrey ไปเป็นเพื่อนออกกำลังกาย ช่วยกันผลักดันให้กลับมามีรูปร่างดีอีกครั้ง ด้วยความอยากช่วยเพื่อน Jeffrey จึงตกลงทันที และเขาก็อย่างเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองเช่นเดียวกัน “มันเริ่มจากจุดเล็กๆ ก่อนครับ เรานัดกันมายกบาร์เบลขนาด 45 ปอนด์ และดันพื้นทุกวัน จากนั้นก็เริ่มตื่นเช้าๆ มาเดินรับแสงแดด ฟังเพลงของ…
-
นางแบบฟิตเนสเผยมายากล ‘ก้นสะบึมสำเร็จรูป’ ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แค่บิดไปตามมุมกล้อง…
ทุกวันนี้เราต่างเห็นได้ว่าผู้คนหันมาออกกำลังกาย ใส่ใจสุขภาพและรูปร่างของตนเองกันมากขึ้น จนเกิดเป็นกระแสของผู้นำเทรนด์ออกกำลังกาย เพื่อเป็นต้นแบบให้กับผู้อื่นที่สนใจอยากจะมีรูปร่างที่ดีบ้าง แต่การจะไปถึงจุดนั้นได้ต้องใช้ทั้งเวลาและความอดทน ควบคุมอาหารและหมั่นปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จนทำให้หลายคนรู้สึกถอดใจเลิกก่อนที่จะไปถึงจุดที่ตนเองต้องการ… อย่างการเพิ่มในสัดส่วนเฉพาะของร่างกายที่ต้องการ ก็ต้องหาวิธีที่ออกกำลังกายเฉพาะส่วน อย่างเช่นกระแสของก้นสะบึม ที่กำลังได้รับความนิยมในหมู่สาวรุ่นใหม่ แต่ทำยังไงก็ไม่ได้ดั่งใจเสียที เทรนเนอร์สาว Anna Victoria หนึ่งในผู้ที่นำเทรนด์ด้านนี้ให้กับสาวๆ ก็ได้ออกมาบอกกล่าวถึงเทคนิคจำเป็น สำหรับใครก็ตามที่ต้องการก้นใหญ่ เพียงแค่ออกกำลังกายนิดหน่อย พร้อมกับรู้มุมกล้องเท่านั้นเอง ซ้ายคือภาพที่เธอบิดก้นในไอจี ขวาคือขนาดก้นจริงๆ ของเธอ ‘ส่วนก้นของฉันนั้นไม่ใหญ่โตเท่าไหร่นัก พยายามที่จะใส่เสื้อเชิ้ตยาวๆ เพื่อปกปิดมันมาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรักฟิตเนสเป็นเพราะคุณสามารถปั้นร่างกายของคุณได้หลากหลายวิธี แต่สำหรับกล้ามเนื้อก้นนั้นมีวิธีเสริมเพียงน้อยนิด และคุณจะต้องมีความยืดหยุ่นพอตัวเพื่อที่จะแสดงมันออกมา’ ภาพก้นงอนๆ ส่วนใหญ่ที่เห็นกันนั้น มีส่วนผสมของเทคนิคในการโพสท่าอยู่ ทั้งแอ่นหลัง บิดก้น และใส่กางเกงเอวสูงแนบเนื้อ แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังทำแบบนี้ เพื่อให้ก้นดูใหญ่กว่าในชีวิตจริงถึง 10 เท่า ‘ฉันมักจะชื่นชมก้นงอนในอินสตาแกรมอยู่เสมอ แต่มันไม่ใช่ก้นจริงๆ ของฉัน และฉันก็รู้สึกโอเคกับมันนะ แม้จะมีคอมเมนต์เกี่ยวกับก้นแบนๆ ของตัวฉันมากมาย แต่ก็รู้สึกภูมิใจในความพยายาม แม้จะไม่ได้เป็นร่างกายในอุดมคติของคนอื่น แต่มันเป็นของฉัน ไม่ใช่ของพวกเขาเหล่านั้น’…
-
สาวเจ้าเนื้อถูกถากถาง ‘ไม่คู่ควรกับสามีหน้าท้องงาม’ เธอจึงตอกกลับชาวเผือก ด้วยวลีสุดกินใจ…
คนเราไม่สามารถเลือกเกิดได้ แต่เราสามารถเลือกที่จะเป็นได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม การเป็นตัวตนของตัวเองนั้นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว นั่นก็เป็นเพราะว่าเราไม่ได้ทำเพื่อใคร แต่เราทำเพื่อความสุขของตัวเอง ซึ่งชีวิตของแต่ละคนนั้น ก็ดำเนินไปตามวิถีของตน แต่ทว่าบนโลกใบนี้มักจะมีบุคคลประเภทหนึ่งที่ชอบมาเข้ามายุ่งและปั่นหัวผู้อื่น ด้วยการใช้ข้อความหยาบคายและทำร้ายจิตใจฝ่ายตรงข้าม เพื่อกดให้อีกฝ่ายอยู่ในขั้นที่ต่ำกว่าตัวเอง และตกเป็นเหยื่ออารมณ์ Jenna Kutcher อย่างเช่นในช่วงชีวิตของ Jenna Kutcher อินสตาแกรมเมอร์และนักจัดรายการออนไลน์ ได้แต่งงานกับสามี Drew มาร่วม 11 ปี ทั้งสองต่างมีชีวิตคู่ที่สุขสม เธอสวย สุขภาพดีและประสบความสำเร็จในชีวิต และ Drew เองก็เป็นสามีที่ดี มีหน้าที่เป็นเทรนเนอร์ดูแลสุขภาพ Drew ผู้เป็นสามีและแต่งงานกับเธอมา 11 ปีแล้ว . แต่แล้วเธอก็ได้รับข้อความถากถาง จากผู้ไม่ประสงค์ดีรายหนึ่ง ที่ไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่มีร่างกายแบบเธอนั้น แต่งงานกับสามีผู้มีหุ่นอันเร่าร้อนขนาดนี้ได้ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร แต่พยายามอธิบายให้ทุกคนได้เห็นว่า ‘ความรักนั้นเป็นอะไรที่มากกว่ากายหยาบ’ “ใครบางคนส่งข้อความหลังไมค์มาและบอกกับฉันว่า แทบไม่อยากจะเชื่อว่าฉันคบกับผู้ชายคนนี้ได้ แต่ฉันจะบอกอะไรให้ฟัง… ผู้ชายคนนี้ยอมรับทุกส่วนโค้ง ทุกลักยิ้ม ทุกน้ำหนัก…
-
ฝันสลาย… อดีตนักรักบี้ดาวรุ่งวัย 19 ถูกเพื่อนท้าให้กิน ‘ทาก’ กลายเป็นอัมพาตไปตลอดชีวิต
ในช่วงชีวิตวัยรุ่นทั้งต้นและปลายมักจะมีการชวนทำอะไรแผลงๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นชายและหญิง ด้วยความคึกคะนองตามประสา และปัญหาเหล่านี้ก็เกิดขึ้นกับกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลก… เรื่องราวอันน่าเศร้าของ Sam Ballard อดีตนักกีฬารักบี้ดาวรุ่งในวัย 28 ปี จากเมืองซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น จากความคึกคะนองที่ถูกปลุกระดมจากงานปาร์ตี้ ท้าทายให้เขากลืน ‘ทาก’ ตัวเป็นๆ ลงไปในลำคอ… Sam Ballard ในวัย 19 ปี เหตุการณ์เริ่มต้นในปี 2010 เมื่อเขายังมีอายุได้เพียง 19 ปี ร่วมฉลองงานวันเกิดของเพื่อน ในระหว่างที่นั่งดื่มไวน์แดงกันนั้น หนึ่งในกลุ่มเพื่อนสังเกตเห็นทากตัวหนึ่ง กำลังเลื้อยผ่านบริเวณโต๊ะและลั่นวาจา ‘กินเข้าไปสิ ขอท้าเอ็งให้กิน!’ และ Sam ก็ไม่ปฏิเสธคำท้า เขาจับทากตัวนั้นกลืนลงไป ซึ่งภายหลังที่ Katie Ballard ผู้เป็นแม่ได้รับรู้ เธอรู้สึกว่าลูกเธอจะต้องไม่เป็นอะไร แต่แล้วความคิดของเธอกลับไม่เป็นไปตามนั้น… Sam ในระหว่างเข้ารับการรักษาและทำกายภาพบำบัด Sam เริ่มมีอาการป่วยและถูกหามส่งโรงพยาบาล Royal North Shore…
-
9 สัญญาณเตือนสุขภาพ จากอาการ ‘หูอื้ออึง’ เสียงในหูที่คุณไม่ควรปล่อยผ่านไป!!
ว่ากันว่าคนที่รู้เรื่องรางกายของเราดีที่สุดนั้นไม่ใช่คุณหมอหรือคุณแม่ แต่หากเป็นตัวเรานั้นเอง และบ่อยครั้งที่ร่างกายของเราก็มักจะส่งสัญญาณเตือนเวลาที่เราละเลยเรื่องสุขภาพมากเกินไป อย่างเช่นอาการปวดท้อง ปวดหัว หรือไอเรื้อรังนั่นเอง และนอกจากอาการข้างต้นแล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งสัญญาณเตือนจากร่างกายที่เรามักจะไม่ค่อยได้ใส่ใจกันอย่างเช่นอาการหูอื้อนั่นเอง อ่า… และเจ้าอาการที่ว่านี้จะบอกอะไรกับเรานอกจากเวลาขึ้นที่สูงบ้างนั้น ขอเชิญพบกับ!! 9 สัญญาณเตือนสุขภาพ จากอาการ ‘หูอื้ออึง’ ที่คุณไม่ควรปล่อยผ่าน 1. คุณฟังเพลงดังเกินไปหรือเปล่า!? แน่นอนว่าการเปิดเสียงเพลงดังๆ นั้นถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คุณหูอื้อ และนอกจากนี้ผู้ที่ต้องทำงานอยู่กับเสียงดังตลอดเวลาก็อาจจะมีอาการที่ว่านี้ด้วยก็ได้ ดังนั้นถ้าหากอยากหลีกเลี่ยงอาการเหล่านี้ล่ะก็ควรลดเสียงเพลงลงหน่อย ส่วนใครที่ต้องทำงานที่มีเสียงดังก็อย่าลืมหาเครื่องป้องกันมาใส่ไว้ล่ะ 2. ได้เวลาทำความสะอาดหูกันแล้วเพื่อนรัก บางครั้งอาการหูอื้อของคุณก็อาจจะเกิดจากการละเลยความสะอาดก็ได้ เพราะบางครั้งคราบไขมันที่อยู่ในหูก็อาจจะไปปิดกันทำให้คุณมีอาการหูอื้อได้นั่นเอง 3. หัวของคุณได้รับการกระทบกระเทือนรึเปล่า!? อาการหูอื้อถือเป็นหนึ่งในสาเหตุที่มาจากศีรษะถูกกระแทก นอกจากนี้อาการอื่นๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกคลื่นไส้เวียนศีรษะ หรือทำงานที่มีความเสียงสูง ก็อาจจะทำให้มีอาการหูอื้อได้เช่นกัน 4. อาจจะไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่คุณควรไปพบหมอฟันนะ!! โรค Temporomandibular Joint หรืออาการผิดปรกติของขากรรไกร ซึ่งมีการเชื่อมต่อกับกะโหลกศีรษะของเราอาจจะทำให้การได้ยินของคุณมีความผิดปรกติได้เช่นกัน 5. ยาบางตัวอาจจะทำให้คุณเกิดอาการหูอื้อ ยาบางตัวนั้นก็อาจจะทำให้เกิดอาการหูอื้อได้เช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่าคุณไม่แน่ใจปริมาณการทานในแต่ละมื้อหรือผลข้างเคียงของยาล่ะก็ อย่าลืมถามคุณเภสัชกรคนสวยให้แน่ใจก่อนรับยากลับบ้านล่ะ 6. บางทีมันก็อาจจะเป็นความผิดปรกติของกระดูกในหู…
-
ผลลัพธ์ของการ “อดนอน” เป็นระยะเวลานาน จะเกิดอะไรขึ้นหากไม่นอน 6 ชั่วโมง ถึง 10 วัน!?
เราอาจเคยมีความคิดว่าถ้าเราหลับน้อยๆ หรือไม่ต้องหลับเลย เราจะมีเวลามากขึ้นไว้ใช้ทำสิ่งต่างๆ ที่ต้องการได้เยอะขึ้น แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ร่างกายของเราไม่อาจทนรับสภาพนั้นไหวได้ เราจึงควรพักผ่อนกันให้เพียงพอเพื่อเริ่มต้นวันใหม่กันอย่างสดใส แต่ถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่เชื่อว่าการอดหลับอดนอนมันจะส่งผลเสียอย่างไรกับเรา วันนี้ #เหมียวตะปู เลยอยากชวนทุกคนให้ลองมาดูผลลัพธ์ที่จะได้จากการพักผ่อนไม่เพียงพอ อดหลับอดนอน หรือถ้าเราไม่นอนพักผ่อนไปเลยเป็นเวลานานๆ ว่าสิ่งเหล่านั้นมันจะส่งผลเสียให้กับเราอย่างไรบ้าง เราลองไปดูกันเลยยย ผ่านไป 6 ชั่วโมงหลังจากที่เรานอนไม่หลับในตอนกลางคืน ร่างกายจะเริ่มผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลที่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เราหงุดหงิดและกังวลใจมากยิ่งขึ้น นำไปสู่ความตึงเครียดและความสับสน ผ่านไป 12 ชั่วโมง สมองของคุณจะตัดการทำงานหลายๆ อย่างที่ดูไม่ค่อยจำเป็นเท่าไหร่ อย่างเช่น ปฏิกิริยาการตอบสนองและการตัดสินใจ ทำให้คุณรู้สึกเชื่องช้าลงไปบ้าง แต่ยังสามารถรับมือกับหน้าที่ในชีวิตประจำวันได้อยู่ ผ่านไป 24 ชั่วโมง แทนที่เราจะรู้สึกเหนื่อยอ่อน เรากลับจะรู้สึกว่าจู่ๆ ก็มีพลังงานพลุ่งพล่านออกมาจนรู้สึกว่าตัวเองสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ประสาทสัมผัสคมกริบ มองโลกและคนรอบข้างเป็นสิ่งสวยงามที่น่ารื่นรมย์ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นเป็นผลมาจากการที่สมองของเราเพิ่มระดับของสารโดพามีน (สารความสุข) ชดเชยการอดหลับอดนอนนั่นเอง ผ่านไป 36 ชั่วโมง ระบบความจำและปฏิกิริยาการตอบสนองของเราเริ่มลดน้อยลงไป เพราะสมองยังคงต้องรักษาพลังงานเอาไว้สำหรับการทำงานโดยรวม และเวลานี้คือจุดเริ่มต้นของสภาพร่างกายที่จะถดถอยลงไปเรื่อยๆ การทำงานของร่างกายบางอย่างจะปิดตัวลง เหมือนว่าระบบภูมิคุ้มกันกำลังบั่นทอนการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้รู้สึกเหนื่อยมากๆ …
-
10 อาการเจ็บปวดที่หลายๆ ครั้งคุณอาจมองข้าม แต่ตอนนี้ควรหันมาสนใจมันได้แล้วนะ!!
หากคุณเคยรู้สึกเจ็บปวดร่างกายส่วนไหนเป็นพิเศษ เช่นอยู่ๆ ก็ปวดหัว เจ็บหน้าอก หรือปวดหลัง บ่อยครั้งที่เรามักจะคิดว่ามันเกิดจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ หรืออาจจะเกิดจากสภาพร่างกายที่อ่อนแอในช่วงนั้นของเรา เดี๋ยวมันก็คงหายไปเอง ทว่าทางที่ดีแล้วถ้ามีอาการที่ว่ามานี้คุณควรจะไปตรวจร่างกายเสียหน่อยจะดีกว่านะ เพราะอาการเจ็บปวดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อาจจะบ่งบอกได้ว่าร่างกายของคุณกำลังมีปัญหาที่ร้ายแรงกว่าซ่อนอยู่ก็ได้ ลองไปดูกันว่าอาการไหนที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะป่วยได้บ้าง 1. ปวดหัวแบบเฉียบพลัน ถ้าจู่ๆ คุณก็รู้สึกปวดหัวแบบรุนแรงจนแทบทนไม่ได้ มันอาจจะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณเป็นโรคหลอดเลือดในสมองโป่งพอง ถ้าหากคุณเป็นโรคนี้แล้วปล่อยมันทิ้งไว้อาจจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกเลยก็ได้นะ 2. ปวดฟันเมื่อดื่มหรือกินของเย็น หากคุณเกิดอาการนี้แสดงว่าผิวชั้นนอกของฟันคุณอาจจะถูกทำลาย ส่งผลให้เส้นประสาทถูกกระทบโดยตรงเวลาคุณกินของเย็นหรือร้อนมากๆ นอกจากจะทำให้คุณปวดจี้ดแล้วคุณยังมีโอกาสติดเชื้อจากแบคทีเรียจนเชื้อลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายด้วย ควรพบหมอฟันโดยด่วน 3. ปวดหรือชาบริเวณมือหรือแขน เมื่อคุณรู้สึกเจ็บหรือชาฝ่ามือ ข้อมือ หรือนิ้วมือ โดยเฉพาะนิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลาง คุณอาจจะมีโอกาสเป็นโรคเส้นประสาทกดทับบริเวณข้อมือ และถ้าทิ้งไว้นานๆ อาจจะทำให้มือของคุณใช้การไม่ได้ไปเลย 4. เจ็บหน้าอก อาการเจ็บอกเป็นสัญญาณเบื้องต้นของโรคหัวใจ มักจะเกิดจากการที่หัวใจมีออกซิเจนไปเลี้ยงไม่เพียงพอ ยิ่งถ้าอาการเจ็บนี้ไล่ไปถึงไหล่ คอ หรือขากรรไกรก็ยิ่งชัดเจนว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูง 5. ปวดบริเวณกลางหลัง ถ้าคุณรู้สึกปวดหลังแล้วยังมีไข้หรือรู้สึกวิงเวียนศรีษะตามมาด้วย ก็แสดงว่าไตของคุณอาจจะติดเชื้อ…
-
คุณพระ!! 10 สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย ถ้าหากว่าเราเลิกกินเนื้อสัตว์ไปเลย แหมเพิ่งรู้นะเนี่ย
มีคนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบในรสชาติของ ‘เนื้อสัตว์’ ที่มันทั้งเหนียวนุ่มละมุนลิ้น แถมยังเต็มไปด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้หลายคนถึงกับตกหลุมรักอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ที่ไม่ว่ามื้อไหนๆ ก็ขอให้มีเนื้อสัตว์สักนิดหน่อยก็ยังดี(อย่างน้อยก็ดีต่อใจละกันเนอะ) แต่ถ้าอยู่มาวันหนึ่งเนื้อสัตว์หายไปจากโลก ก็อาจจะเป็นเรื่องที่เศร้ามากๆ สำหรับบุคคลเหล่านี้ แต่รู้หรือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างถ้าหากร่างกายของเราไม่ได้รับเนื้อสัตว์เลย หลายคนอาจจะสงสัยในเรื่องนี้ และในวันนี้เราก็ได้หาคำตอบมาให้แก่ทุกคนแล้ว ว่าถ้าหากไม่ได้กินเนื้ิอสัตว์เลยจะมีผลอย่างไรต่อร่างกายบ้างนะ ว่าแล้วก็อย่าเสียเวลา ไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า 10. น้ำหนักตัวของคุณจะลดลง การที่คุณเลิกกินเนื้อสัตว์ไปเลย จะทำให้น้ำหนักตัวของคุณลดลงอย่างแน่นอน แถมยังไม่จำเป็นต้องนับแคลลอรี่ที่เรากินต่อวันเพื่อลดความอ้วนอีกด้วย เพราะสิ่งที่เราจะกินได้ก็มีเพียงพืชผัักที่มีพลังงานแคลลอรี่เพียงน้อยนิดเท่านั้น จากผลงานวิจัยที่ได้กล่าวเอาไว้ 9. แบคทีเรียทำหน้าที่ปกป้องร่างกายในลำไส้จะมีจำนวนมากขึ้น นั่นเป็นเพราะว่าอาหารที่เรากินเข้าไปมีผลต่อการเกิดแบคทีเรียดังกล่าวได้ จากข้อมูลงานวิจัยกล่าวเอาไว้ว่า ในคนที่กินเฉพาะพืชผักจะมีจำนวนแบคทีเรียชนิดดีนี้มากกว่าคนที่กินเนื้อสัตว์ ทว่าหากเป็นคนที่เพิ่งจะเลิกกินเนื้อแล้วล่ะก็ อาจจะต้องเผชิญกับอาการท้องอืดท้องเฟ้อ เนื่องมากจากลำไส้และตับอ่อนของคุณกำลังปรับตัวให้เข้ากับอาหารประเภทพืชผักนั่นเอง 8. ผิวพรรณของคุณจะดูสุขภาพดี เปล่งปลั่งมากขึ้น ในเหล่าผู้คนที่เลิกกินเนื้อสัตว์ จะสามารถสังเกตเห็นได้ทันทีเลยว่า สิวต่างๆ ที่เคยขึ้นอยู่บนใบหน้าของเรานั้นจะหายไปในทันที รวมทั้งผิวพรรณของเราก็จะดูสุขภาพดีมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้นักวิทยาศาสตร์ได้กล่าวเอาไว้ว่า ถ้าเราเปลี่ยนจากการกินเนื้อสัตว์ไปกินผักผลไม้แทน ก็เหมือนกับการชะล้างสารพิษที่ติดค้างอยู่ในร่างกาย และการกระทำเช่นนี้จะส่งผลดีต่อผิวพรรณเราด้วย 7. เราจะรู้สึกกระปี้กระเปร่ามากขึ้น หนึ่งในข้อที่สำคัญที่สุดที่คนเลิกกินเนื้อสัตว์ได้สังเกตเห็นก็คือ รู้สึกเหนื่อยน้อยลง “ฉันเคยหมดแรงในตอนเย็นแม้ว่าฉันนั่งอยู่แต่ในสำนักงานตลอดทั้งวันก็ตาม แต่ในตอนนี้ฉันต้องออกกำลังกายเพื่อที่จะให้ร่างกายรู้สึกเหนื่อยแทน” มังสวิรัติคนหนึ่งกล่าวเอาไว้ ส่วนเหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่านอกจากการบริโภคแต่พืชผักจะทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลง…
-
ผลวิจัยเผย “เครื่องดื่มชูกำลัง” ส่งผลเสียต่อวัยรุ่นส่วนใหญ่ ทำให้นอนไม่หลับ-เสี่ยงโรคหัวใจ
เครื่องดื่มชูกำลังนั้นกลายมาเป็นสิ่งที่หลายคนนึกถึงเมื่อต้องการกระตุ้นตัวเองให้ตื่นตัวและมีเรี่ยวแรงทำสิ่งต่างๆ ได้ยาวนานขึ้น เช่น เมื่อต้องอ่านหนังสือดึกดื่นเมื่อใกล้สอบ เมื่อต้องเล่นกีฬาเป็นเวลานาน หรือเพื่อผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ตาม หารู้ไม่ว่าการวิจัยปัจจุบันพบแล้วว่า สำหรับเด็กๆ จนถึงวัยรุ่นนั้น การดื่มเครื่องดื่มชูกำลังนั้น เป็นอันตราย ต่อร่างกายมากกว่าที่ใครหลายคนคิด นักวิจัยของ มหาวิทยาลัย Waterloo รัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดาได้ทำการศึกษากับวัยรุ่นตั้งแต่อายุ 12 ถึง 24 ปี พบว่า 55% ของเหล่าวัยรุ่นได้รับผลทางลบจากการดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง แม้จะดื่มไม่เกินวันละ 2 ขวดก็ตาม เครื่องดื่มชูกำลังนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่ามีคาเฟอีนสูง และนักวิจัยก็เชื่อว่าการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังพร้อมแอลกอฮอล์ หรือดื่มขณะออกกำลังกายนั้นจะทำให้เป็นอันตรายมากขึ้นอีก จึงพยายามเรียกร้องให้มีการจำกัดอายุการซื้อเครื่องดื่นชูกำลัง ศาสตราจารย์ David Hammond หัวหน้าผู้วิจัย กล่าวว่า “เมื่อเทียบกับกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังนั้นมีความเสี่ยงต่อสุขภาพมากกว่า” “อาจจะเป็นเพราะว่าในเครื่องดื่มชูกำลังนั้นใช้วัตถุดิบที่ต่างจากกาแฟ หรือไม่ก็เป็นเพราะวิธีการดื่ม ที่ดื่มพร้อมแอลกอฮอล์หรือดื่มขณะออกกำลังกาย” ผลของงานวิจัย ซึ่งได้รับการตีพิมพ์จาก Canadian Medical Association Journal วัยรุ่นชาวแคนาดา 2,055 คนถูกขอให้ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง และผลออกมาว่า วัยรุ่น 24.7% หัวใจเต็นเร็ว 24.1% นอนไม่หลับ พร้อมอาการข้างเคียง…
-
ความจริงสุดมหัศจรรย์เกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ เรื่องใกล้ตั๊วใกล้ตัว แต่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!?
ตอนที่เราเรียนชั้นมัธยมศึกษาคุณครูคงจะสอนให้เรารู้จักกับร่างกายมนุษย์ในวิชาชีวศึกษามาบ้างแล้ว ว่าร่างกายของเรานั้นมีอะไรอยู่บ้าง ทำงานอย่างไรบ้าง แล้วแต่ละส่วนมีหน้าที่อะไร วันนี้เรามาทำความรู้จักกับร่างกายของเราให้มากขึ้นกว่าเดิมดีกว่า ยังมีหลายอย่างที่ตอนเรียนคุณครูไม่ได้สอนไว้ เพราะมันไม่ออกข้อสอบ รับรองว่าสิ่งที่เราจะนำเสนอให้เพื่อนๆ ดูต่อไปนี้ไม่มีอยู่ในหนังสือเรียนแน่นอน 1. ตอนที่คุณผู้หญิงกำลังตั้งท้องอยู่ ร่างกายจะยืดหยุ่นได้มากกว่าเดิม 2. ร่างกายของเราสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้เยอะกว่าที่คุณคิด จริงๆ ทุกคนสามารถสร้างกล้ามเนื้อได้เหมือนกับนักกล้ามระดับโลกเชียวนะ 3. มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวบนโลกที่หลั่งน้ำตาจากความปลื้มปิติได้ สัตว์ชนิดอื่นจะหลั่งน้ำตาเมื่อได้รับความเจ็บปวดหรือเศร้าเท่านั้นแหละ 4. หนึ่งในกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งที่สุดในร่างกายเรา ก็คือ ‘ลิ้น’ นั่นเอง 5. ตาดำของเราจะกว้างมากขึ้น เมื่อเรากำลังมองคนที่ชอบอยู่ 6. เด็กทารกส่วนมากเกิดมาพร้อมกับดวงตาสีฟ้า 7. คุณคงรู้อยู่แล้วว่าเราทุกคนมีกลิ่นตัวและลายนิ้วมือที่แตกต่างกัน แต่คุณรู้หรือเปล่าว่าลวดลายบนลิ้นเองก็เป็นเอกลักษณ์เฉพาะบุคคลเหมือนกันนะ 8. ตอนที่คุณจาม ความเร็วของอากาศที่พุ่งออกมาจะเร็วถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว เร็วอย่างกับรถแข่งเลย! 9. ในร่างกายของคนทุกคน ประกอบไปด้วยอะตอมกว่า 7 พันล้านล้านล้านล้าน ตัวเลยทีเดียว ลองนำมาเขียนเป็นเลขจะได้จำนวน 7,000,000,000,000,000,000,000,000,000…
-
ผลวิจัยพิสูจน์ให้เห็นว่าโดยทางชีวภาพแล้ว ‘ผู้หญิง’ มีความแข็งแรงกว่าผู้ชาย!?
แม้ว่าตั้งแต่อดีตกาล เราจะได้ยินมาเสมอว่าผู้ชายนั้นมีร่างกายกำยำ จึงมีพละกำลังมากกว่าผู้หญิง ดังนั้นหากมีงานที่ต้องลงมือลงแรงอย่างเช่น ยกของ ตัดไม้ หรือแม้แต่ต่อสู้ เราก็จะเข้าใจว่าผู้ชายมักจะทำได้ดีกว่าผู้หญิง แต่ในวันนี้ มีผลวิจัยจากประเทศสหรัฐอเมริกาออกมาแล้วว่าผู้หญิงมีความแข็งแกร่งทางชีวภาพมากกว่าผู้ชาย และมีแนวโน้มว่าจะเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์เลวร้ายได้มากกว่าผู้ชายด้วย ผลวิจัยนี้เผยแพร่มาจาก Proceedings of the National Academy of Scientists (PNAS) ซึ่งเป็นวารสารชื่อดังเกี่ยวกับงานจิวัยทางวิทยาศาสตร์ โดยนักวิจัยศึกษาข้อมูลจากการเปรียบเทียบอัตราการตายระหว่างผู้ชายและผู้หญิง เมื่อต้องต่อสู้กับความอดอยาก โรคระบาด และการเป็นทาส จากข้อมูลพบว่า นอกจากข้อมูลของทาสในศตวรรษที่ 19 และการปลดปล่อยทาสชาวลิไบเรีย ในสาธารณรัฐตรินิแดดซึ่งเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันแล้ว ข้อมูลที่เหลือทั้งหมดระบุว่าผู้หญิงมีอัตราการอยู่รอดมากกว่าผู้ชายทั้งสิ้น โดยในกลุ่มทาสระหว่างปี 1813 ถึง 1816 อายุคาดเฉลี่ยของทาสชาย หรือก็คือตัวเลขอายุที่คาดว่าจะมีชีวิตอยู่ถึงนั้นอยู่ที่ 15.18 ปี ส่วนอายุคาดเฉลี่ยของทาสผู้หญิงเท่ากับ 13.21 ปี ซึ่งต่ำกว่าของผู้ชาย และในส่วนของการปลอดปล่อยทาสชาวไลบีเรีย อายุคาดเฉลี่ยของคนในช่วงอายุ 35 ถึง 49 ปี ก็พบว่าผู้ชายมีอายุคาดเฉลี่ยสูงกว่าผู้หญิงเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงอายุอื่นๆ ของกลุ่มตัวอย่างนี้ ผู้หญิงมีค่าอายุคาดเฉลี่ยสูงกว่าผู้ชายหมดเลย…
-
นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของคุณ หากเลือกทานแต่เนื้อ ไม่ทานผักเลย
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เนื้อสัตว์” เป็นอาหารแสนอร่อยที่ทุกคนต่างโปรดปราน ไม่ว่าจะเป็น ไก่ทอด สเต็ก หรือหมูกระทะ แต่เคยสงสัยกันไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเราตัดสินใจที่จะไม่ทานผักเลย แล้วก้มหน้าก้มตาทานแต่เนื้อเพียงอย่างเดียว!? แน่นอนว่าผลที่ออกมาคือร่างกายของคุณต้องพังเป็นแน่ ดังนั้นอย่าได้คิดจะลองทำดูเชียวล่ะ แม้ว่าคุณจะเกลียดผักแค่ไหนก็ตามเถอะ วิดีโอดีๆ จากทาง AsapSCIENCE ได้ไขข้อข้องใจที่ทำให้เราหายสงสัยว่า หากมนุษย์เราบริโภคแต่เนื้อสัตว์อย่างเดียวโดยไม่มีผักและผลไม้ มันจะทำให้ร่างกายเราเป็๋นอย่างไร!? ร่างกายขาดไฟเบอร์ และกระบวนการเผาผลาญมีปัญหา อย่างแรกเลยถ้าคนเราจะทานแค่เนื้ออย่างเดียวเท่ากับว่าคุณจะขาดไฟเบอร์แบบสุดๆ นำไปสู่อาการท้องผูกและไม่สบาย แต่นั่นก็เป็นแค่อาการเบาที่สุดนะ เพราะยังมีอย่างอื่นตามมาอีก การขาดคาร์โบไฮเดรตหมายถึงคุณจะขาดสารอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุดดังนั้นร่างกายของคุณจะไปเผาผลาญไขมันที่สะสมไว้แทน แน่นอนว่าถ้ามันเป็นแค่นั้นก็คงดี เพียงแต่ระหว่างที่เผาพลาญไขมันนั้นร่างกายจะทำไปพร้อมๆ กับการเผาพลาญโปรตีนที่จำเป็นต่อร่างกายไปด้วยซึ่งจะส่งผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายได้ อาการโปรตีนเป็นพิษ!? ข้อเสียข้อต่อมาคืออาการโปรตีนเป็นพิษที่จะก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้ ท้องเสียและอาจเลวร้ายถึงขั้นเสียชีวิต อาการเหล่านี้เกิดมาจากการสะสมของยูเรียซึ่งเกิดจากการแปลงโปรตีนเป็นน้ำตาลกลูโคสเพื่อให้พลังงานในตับ ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเนื้อกระต่ายนั้นมีความอันตรายเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกมันมีไขมันในเนื้อน้อยมากจนร่างกายผู้ทานจำเป็นต้องเผาผลาญไขมันของตัวเองไปพร้อมๆ กับโปรตีน ยืนยันด้วยงานวิจัยที่บอกว่าคุณสามารถอดอยากได้แม้ทานเนื้อกระต่ายอย่างต่อเนื่อง ขาดวิตามินซี ความอันตรายอีกอย่างถ้าหากว่าข้างบนยังเลวร้ายไม่พอคือการขาดวิตามินซี เพราะมนุษย์เป็นสัตว์เพียงไม่กี่ชนิดบนโลกที่ผลิตวิตามินซีเองไม่ได้ การขาดวิตามินซีก็แน่นอนว่าจะทำให้คุณมีรอยช้ำง่าย เลือดออกง่าย และแม้กระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงทางบุคลิก แน่นอนว่าอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต หนึ่งในวิธีแก้ปัญหานี้โดยที่ยังทานแค่เนื้อคือการทานเนื้อดิบๆ เพราะการปรุงอาหารเป็นการทำลายวิตามินซีในเนื้อ แต่มันอาจจะทำให้เกิดอาการอื่นๆ ที่เกี่ยวกับพยาธิขึ้นมาเช่นได้เช่นกัน บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไมชาวเอสกิโมในแคนาดาถึงรอดมาได้ทั้งๆ ที่ก็แทบจะทานแต่เนื้อเหมือนกัน…
-
นักวิทย์ฯ เฉลยจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเรา ‘หักและดึงนิ้วจนมีเสียง’ แล้วมันเกิดมาจากอะไรกัน!?
ด้วยความแตกต่างทางด้านนิสัยของแต่ละคน ทำให้แต่ละคนก็มักจะมีการกระทำที่แปลกๆ เกิดขึ้นได้ และก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มักจะทำกิจกรรมแปลกๆ กับร่างกายของตัวเองในเวลาว่างหรือกังวลใจ อย่างเช่น กัดเล็บ เกาหัว และดึงนิ้วจนเกิดเสียงดังก๊อกๆ จากความชอบดึงนิ้วให้มีเสียงดังบ่อยๆ ได้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนทำโดยไม่รู้ตัว ซึ่งรู้หรือไม่ว่าในตอนที่เราดึงนิ้วนั้น เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเราบ้างและมันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ในวันนี้นักวิทยาศาสตร์ได้หาคำตอบมาให้เราได้รู้กันแล้ว ซึ่งผลของการทำเช่นนี้จะเป็นยังไงบ้าง มาลองดูกันเลยดีกว่า… ในอดีตเคยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 2015 เมื่อนักวิจัยจาก University of Alberta ได้ตีพิมพ์งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเสียงที่เกิดขึ้นจากการดึงนิ้ว โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ในการหาคำตอบ ซึ่งผลลัพธ์ที่พวกเขาได้ก็คือ เสียงที่ดังเมื่อเราหักหรือดึงนิ้วเกิดมาจากฟองอากาศที่ในของเหลวระหว่างข้อต่อ ที่เรียกว่า ‘น้ำไขข้อ’ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การใช้เครื่อง MRI อาจจะไม่ใช่การหาคำตอบที่ดีที่สุดให้กับเรื่องนี้ เพราะว่ายังมีเครื่องอัลตร้าซาวด์ที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จึงทำให้นักวิจัยอีกทีมหนึ่งตัดสินใจหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยจะใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ตรวจสอบร่างกายแทนเครื่อง MRI เพื่อพิสูจน์ว่ามันให้ผลลัพธ์ที่ตรงกับงานวิจัยก่อนหน้านี้หรือไม่… ทีมนักวิจัยนี้นำโดย Robert D. Boutin นักรังสีวิทยาจาก University of California โดยเขาได้รวบรวมผู้คนที่มีสุขภาพดีกว่า 40 คน และในจำนวน 30 คนเหล่านี้ มักจะดึงนิ้วของตัวเองเป็นประจำ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีอยู่คนหนึ่งที่บอกว่าเขาดึงนิ้วมากกว่า…
-
คุณหมออเมริกัน ออกมาเตือน “สามเหลี่ยมอันตราย” บนใบหน้าที่คุณไม่ควร “บีบสิว” เด็ดขาด!!
ขึ้นชื่อว่า “สิว” ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจะให้มันมาอยู่บนใบหน้าของเรา เพราะหากมันมาอยู่บนใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเราก็จะเหมือนกับอุกกาบาตที่มีตุ่มขึ้นอยู่เต็มไปหมด อีกทั้งดีไม่ดีเมื่อมันหายไปแล้วมันอาจจะทิ้งรอยแดงรอยดำทิ้งเอาไว้ให้ดูต่างหน้าอีกด้วย สิวสามารถเกิดขึ้นมาได้ด้วยหลายสาเหตุ เช่นความเครียด ความสกปรก หรือฮอร์โมนที่อยู่ในตัวของเรา ซึ่งรูปแบบการขึ้นของมันส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ทั่วทั้งใบหน้า และไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่ามันจะเกิดขึ้นตรงไหน แต่รู้หรือไม่ว่าใบหน้าของเรามีสามเหลี่ยมสุดอันตรายซ่อนอยู่ ซึ่งหากเกิดสิวขึ้นบริเวณนั้นแล้วห้ามบีบมันออกมาอย่างเด็ดขาด!! เมื่อเร็วๆ มานี้ Dr. Jeremy Brauer ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านโรคผิวหนังแห่ง NYU Langone Medical Center ได้ออกมาเปิดเผยว่าบนใบหน้าของเราจะมีสามเหลี่ยมสุดอันตรายซ่อนอยู่ ซึ่งสามเหลี่ยมที่ว่านี้อยู่บริเวณระหว่างมุมปากทั้งสองข้างของเราไปจนถึงบริเวณจมูก ซึ่งหากเกิดสิวขึ้นบริเวณนี้เราควรจะหลีกเลี่ยงการบีบสิวโดยเด็ดขาด สำหรับสาเหตุที่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าควรหลีกเลี่ยงบริเวณนี้ก็เพราะว่า โดยปกติการบีบสิวจะทำให้ผิวหน้าของเราอักเสบและอาจเกิดบาดแผลที่เชื้อแบคทีเรียสามารถเข้าไปได้ง่ายอยู่แล้ว แต่ที่ทำให้จุดดังกล่าวมีความอันตรายมากกว่าปกติก็เพราะว่า มันเป็นจุดที่บอบบางและยังมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่า อีกทั้งยังมีเส้นเลือดดำหล่อเลี้ยงอยู่เป็นจำนวนมาก การบีบสิวในบริเวณนี้จึงอาจส่งผลต่อแอ่งหลอดเลือดดำในสมองที่เรียกว่า Cavernous sinus ที่อยู่ในสมองทั้งสองข้างของเราได้ ซึ่งจะแตกต่างกับจุดอื่นบนใบหน้าของเราอย่างที่แก้ม คางหรือหน้าผาก ที่ผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุดของการบีบสิวก็เพียงรอยแผลเป็นเท่านั้น “ถ้าหากมีการติดเชื้อที่ผิวหนังอย่างรุนแรงในบริเวณนี้ และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีมันอาจจะส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ร้ายแรงขึ้นมาได้” Dr. Jeramy กล่าว สำหรับการติดเชื้อจากการบีบสิวที่บริเวณสุดอันตรายนี้ สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ และหากคุณสงสัยว่าตัวเองจะติดเชื้อ อย่านิ่งนอนใจไปเพราะอาจส่งผลในภายหลังได้ โดยสัญญาณบ่งบอกว่าเราอาจจะติดเชื้อก็มีหลายอย่างทั้งรอยแดง การบวม มีเลือดออกรวมทั้งการมีหนองด้วย และหากคุณมีอาการต่อไปนี้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าควรเข้าไปปรึกษากับทางแพทย์ผิวหนังจะเป็นการดีที่สุด ที่มา:…
-
10 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ‘ระดับน้ำตาล’ ในเลือดของคุณสูงเกินไปแล้ววว!!
น้ำตาลและของหวานอาจจะเป็นของโปรดสำหรับหลายๆ คน แต่อย่างที่เรารู้ๆ กันดี การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปนั้นย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายเราอย่างแน่นอน และนอกจากการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลแล้ว บางครั้งสัญญาณจากร่างกายของเราก็อาจจะบอกคุณได้ว่า ตอนนี้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณนั้นสูงเกินไปหรือเปล่า!? 1. ปวดปัสวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน ถ้าหากว่ามีสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงนั้น ระบบทางเดินปัสสาวะของคุณนั้นจะเกิดการติดเชื้อได้ และมันจะทำให้คุณรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยๆ นั่นเอง 2. รู้สึกกระสับกระส่าย การมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงนั้นจะทำให้ร่างกายของเราขาดฮอร์โมนอินซูลีน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายขาดฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ร่างกายดึงน้ำตาลกลูโคสออกจากเซล ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกกระสับกระส่ายและอ่อนเพลีย นอกจากนี้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงยังทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดน้ำ เนื่องจากต้องการขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกายนั่นเอง 3. ริมฝีปากแห้ง ปริมาณของกลูโคสที่อยู่ในเลือดและน้ำลายที่มากเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากระดับน้ำตาลในที่เลือดสูงเกินไป จะทำให้คุณเกิดอาการปากแห้งได้ 4. น้องชายไม่ตื่นนอน นี่อาจจะเป็นปัญหาที่ท่านชายหลายๆ คนไม่อยากพบเจอแน่นอน โดยต้นตอของสาเหตุนี้มาจากการสูญเสียการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระยะยาว ซึ่งจะมีผลต่อระบบประสาทและหลอดเลือด 5. รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ถ้าหากไทรอยด์ฮอร์โมนของคุณอยู่ในระดับต่ำ มันจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ง่วงนอน หรือรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่านอกจากนี้ฮอร์โมนต่อมไทยรอยด์นั้นจะควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และมีผลโดยตรงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย 6. น้ำหนักเกิน/อ้วน นี่อาจจะเป็นสัญญาณพื้นฐานของสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเลยก็ว่าได้ พลังงานจากอาหารที่มากเกินไปจะสะสมอยู่ในร่างกายของคุณและมันจะทำให้คุณอ้วนนั่นเอง 7. ผิวหนังแห้งและคัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของคุณมีการไหลเวียนของเลือดที่ต่ำ จะทำให้ผิวหนังของคุณรู้สึกแห้งและเกิดอาการคันได้…
-
งานวิจัยเผย 8 ส่วนของร่างกายผู้หญิง ที่สามารถดึงดูดผู้ชายให้สนใจได้มากที่สุด!!
ในปัจจุบันสาวๆ หลายคนมีความเชื่อว่าผู้ชายชอบผู้หญิงที่หน้าอกใหญ่ และคิดว่าหนุ่มๆ เลือกที่จะมองก้นกับหน้าอกเป็นสองอย่างแรก แต่ความเป็นจริงมันอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะในงานวิจัย 8 ส่วนของร่างกายผู้หญิงที่ผู้ชายสนใจมากที่สุดมันกลับไม่มีสองส่วนนั้นเลย นี่เป็นผลงานวิจัยของดอกเตอร์ Midge Wilson ศาสตราจารย์ภาคจิตวิทยาและการศึกษาเกี่ยวกับเพศ ในมหาวิทยาลัย DePaul รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา โดยเขาบอกว่าผู้ชายจะมีพฤติกรรมในการสังเกตสัดส่วนผู้หญิงที่อยากจะเข้าไปเป็นคู่ด้วย ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่า “การประเมินสมรรถภาพการสืบพันธุ์” และนี่ก็คือ 8 อันดับสิ่งที่ผู้ชายให้ความสนใจและรู้สึกว่ามันน่าดึงดูดมากที่สุดสำหรับผู้หญิง มีอะไรบ้างไปดูกันเลยยย สัดส่วนระหว่างเอวและสะโพกทางด้านขวา ผู้วิจัยบอกเอาไว้ว่าสัดส่วน 7:10 ของเอวและสะโพกเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ชายรู้สึกว่าน่าดึงดูดมากที่สุด เพราะนั่นแสดงให้เห็นถึงการคลอดลูกง่าย เพราะเอวเล็กแต่สะโพกผาย การมีเสียงที่แหลมสูง เสียงในลักษณะนั้นบ่งบอกได้ถึงขนาดตัวที่เล็ก มีร่างกายแบบผู้หญิ๊งผู้หญิง อีกทั้งยังทำให้ดูเด็กอีกด้วย ซึ่งการที่ผู้หญิงดูเด็กมันก็ยิ่งทำให้ผู้ชายรู้สึกสนใจมากยิ่งขึ้น เพราะตามหลักแล้วอายุ 20 ถึง 31 ปีคือช่วงอายุที่ผู้ชายมองว่านี่แหละเหมาะแก่การเป็นแม่ของลูก เพราะฉะนั้นก็อย่าลืมมีเสียงที่สองเอาไว้ใช้เวลาเจอหนุ่มๆ ด้วยนะ มีสุขภาพผมที่ดี จากการศึกษาบอกว่าผมที่ยาว หนา และดูมันเงาเป็นสิ่งที่สามารถสร้างแรงดึงดูดได้ดีมากๆ ส่วนผมที่ดูแห้งและหงอกนั้นจะเป็นสิ่งที่ให้ผลตรงกันข้าม เพราะมันทำให้สาวๆ ดูแก่เกินวัยไม่เป็นที่สนใจของชายหนุ่ม แต่งหน้าน้อยๆ การแต่งหน้ามาแบบจัดเต็มอาจช่วยให้คุณมีความมั่นใจขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจหนุ่มๆ ได้…
-
11 ทริคเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับร่างกาย ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้น ทำไมไม่รู้ให้เร็วกว่านี้ฟร๊ะ!?
ร่างกายมนุษย์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ทำอะไรได้หลายอย่าง ยิ่งเรารู้จักร่างกายมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้การใช้ชีวิตง่ายขึ้นเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่มนุษย์ส่วนใหญ่มักจะไม่รู้จักกลไกบางอย่างภายในร่างกาย ที่จะทำให้ชีวิตง่ายขึ้น โดยเฉพาะ 13 ทริคต่อไปนี้ 1. คุณสามารถหยุดการจามได้โดยการใช้นิ้วกดลงบนบริเวณเหนือริมฝีปากบน การจามเป็นเรื่องธรรมชาติที่ไม่อาจห้ามได้ แต่หากคุณอยู่ต่อหน้าคนที่คุณแอบปลื้มหรืออยู่ในสถานการณ์สำคัญ การไม่จามน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า วิธีทำให้หยุดจามคือ ใช้นิ้วใดนิ้วหนึ่งกดลงบนบริเวณเหนือริมฝีปากบน แล้วจะทำให้คุณหายจากการอยากจามทันที แต่ในกรณีที่ไม่ได้ผล ให้คุณเอามือปิดปากและจมูกระหว่างจาม หรือจะยกแขนขึ้นแล้วจามใส่ข้อพับศอกก็ได้ 2. เมื่อร่างกายได้รับความเย็นมากเกินไป จนรู้สึกว่าสมองแข็งทื่อไปด้วย ให้ดันลิ้นขึ้นไปที่เพดานปาก มันคือวิธีแก้ฉุกเฉิน ก่อนที่คุณจะได้ดื่มน้ำอุ่น หรือคุณหาน้ำดื่มตรงนั้นไม่ได้แล้วจริงๆ สำหรับสาเหตุของอาการสมองตึงและเทคนิคอื่นในการคลายความตึง สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ npr 3. หากอยู่ในห้องที่เสียงดังมากๆ แล้วอยากได้ยินเสียงของคนข้างๆ ที่คุยกับคุณ ให้ค่อยๆ ดึงหูทั้งสองข้างไปด้านหลัง จากนั้นก็ดันหูทั้งสองข้างเข้าหากัน ที่หูของเราจะมีส่วนที่เรียกว่า “tragus” เป็นส่วนที่ป้องกันไม่ได้ให้เสียงรอบนอกเข้ามารบกวนการฟังเสียงและทำให้คุณได้ยินคนข้างๆ ได้ชัดขึ้น 4 การนอนตะแคงซ้ายจะช่วยทำให้ไม่เกิดอาการเสียดท้อง หลังจากที่คุณเพิ่งจัดมื้อหนักไป เราเคยได้ยินว่า หลังจากที่กินไม่ควรจะเข้านอนทันที แต่ควรรอสัก 3-4 ชั่วโมงก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการเสียดท้อง แต่จริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องรอนานขนาดนั้น เพราะการนอนตะแคงซ้ายช่วยคุณได้ 5 ห้ามเลือดกำเดาด้วยการเอียงศีรษะไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็บีบจมูกไว้ประมาณ…
-
“Over Your Skin” โปรเจกต์ภาพที่ซูมให้เห็นความสวยงาม เวลาที่สีไหลผ่านผิวหนังของเรา
ทุกวันนี้วงการศิลปะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เราก็มักจะได้เห็นไอเดียแปลกใหม่และสวยงามอยู่เสมอ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อศิลปินคนหนึ่งเกิดไอเดียที่อยากถ่ายภาพซูมใกล้ๆ ผิวหนังของคนในตอนที่มี “สี” ไหลผ่าน จนออกมาน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ Rus Khasanov เจ้าของผลงานในครั้งนี้ได้ตั้งชื่องานชุดนี้ว่า Over Your Skin ซึ่งจะเป็นชุดภาพที่แสดงให้เห็นความสวยงามของผิวหนังของมนุษย์เมื่อรวมเข้ากับสีสันต่างๆ โดยเขาได้เล่าย้อนถึงไอเดียที่เป็นจุดเริ่มต้นของงานชุดนี้ว่า “ไอเดียนี้มันเริ่มมาจากตอนที่ผมกำลังทำงานสีเมื่อปี 2014 อยู่ แล้วผมก็ดันลืมใส่ถุงมือ ทำให้สีมันก็เปื้อนไปทั่วมือของผม จากนั้นผมก็สังเกตเห็นสีที่แทรกอยู่ตามลายมือและนิ้วของผม ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สวยมากๆ ต่อมาในปี 2017 นี้ผมจึงนำไอเดียนั้นกลับมาสานต่อ แต่ต่อยอดมันด้วยผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ไม่ใช่แค่มือเท่านั้น และเชื่อเถอะครับว่าเมื่อถ่ายด้วยกล้องไมโครแล้ว มันสวยงามมากๆ ริ้วรอยต่างๆ บนร่างกายของเรานั้นเปรียบได้ดั่งลำธารเลยล่ะ” นี่คือบนฝ่ามือคนเรา สวยสุดๆ เลย . . . ว่าแต่ภาพนี้มันคือส่วนไหนของร่างกายกันนะ ดูแล้วขนลุกแปลกๆ . . ถ้าไม่บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ดูผ่านๆ คงคิดว่าเป็นอวกาศชัวร์ๆ . . . . สวยงามอย่างไม่น่าเชื่อเลยเนอะ .…
-
เห้ยยยจริงดิ!! 17 เรื่องจริงเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน
มนุษย์ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้นมา โดยประกอบไปด้วยอวัยวะมากมายและซับซ้อน ซึ่งสิ่งเหล่านั้นถือว่าเป็นความน่าอัศจรรย์อย่างที่เราคาดไม่ถึงเลยล่ะ หลายๆ คนอาจจะเคยทราบกันดีว่าร่างกายของเรานั้นมีความลับหลายๆ อย่างซ่อนอยู่ และบางครั้งก็มีเรื่องบางเรื่องที่เราอาจจะไม่เคยรู้เกี่ยวกับร่างกายเรามาก่อน อย่างเช่นฟันของมนุษย์นั้นมีความแข็งแรงเหมือนฟันของฉลาม หรืออวัยวะบางอย่างของร่างกายเรานั้นสามารถฟื้นตัวเองได้!! อ่า…และวันนี้เราก็ได้รวบรวมเอาความลับของร่างกายจากเว็บไซต์ Brightside มาฝากกัน จะมีอะไรที่น่าทึ่งบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. สมองของคุณสามารถสร้างพลังงานได้เพียงพอที่จะทำให้หลอดไฟดวงเล็กๆ สว่างได้เชียวนะ 2. ฟันของมนุษย์นั้นมีพื้นผิวที่ขรุขระและแข็งแรงเหมือนฟันของฉลาม 3. รู้หรือไม่ กรดในกระเพาะอาหารสามารถกัดกร่อนผิวหนังได้นะเออ!! 4. นอกจากการเผาแล้ว เส้นผมของคุณค่อนข้างที่จะทนทานต่อการทำลายนะ 5. รู้หรือไม่!! มนุษย์สามารถแสดงออกทางสีหน้าได้แตกต่างกันมากถึง 7,000 รูปแบบ 6. เด็กทารกมีกระดูกมากกว่าผู้ใหญ่ถึง 60 ท่อนเลยนะเออ!! 7. ความละเอียดของภาพที่เรามองเห็นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 500 เมกะพิกเซลเลยทีเดียว 8. ผิวหนังทั่วร่างกายของเรานั้นจะมีน้ำหนักประมาณ 8 กิโลกรัม หรือเฉลี่ยประมาณ 16 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวทั้งหมดนั่นเอง 9. กระดูกของมนุษย์จะมีการซ่อมแซมตัวเองทุกๆ 10 ปี…
-
สุดยอดข้อคิดจากเน็ตไอดอลฝรั่งเศสถึงสาวๆ ทุกคน “ไม่ว่าร่างกายเป็นยังไง ก็จงภูมิใจกับมัน!!”
ความใฝ่ฝันของสาวๆ หลายคนคือการมีรูปร่างที่ดูดี และเป็นคนเพอร์เฟค นั่นก็ทำให้พวกเธอพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้หญิงที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับ Louise Aubery ฟิตเนสไอดอลสายสุขภาพชาวฝรั่งเศส ที่มีคนติดตามในอินสตาแกรมมากกว่า 78,000 คนนี้ กลับมองในสิ่งที่ต่างออกไป เพราะไม่ร่างกายของตัวเองจะเป็นอย่างไรเธอก็จะภูมิใจกับมัน เมื่อเร็วๆ นี้ Louise ได้เผยภาพการเปรียบเทียบรูปร่างของเธอลงในอินสตาแกรม เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่เธอเชื่อว่า คนอื่นเห็นเธอเป็นอย่างไรและเธอเห็นตัวเองเป็นอย่างไร ทางด้าน Louise ได้ออกมาเผยว่าคนที่ได้เห็นภาพเธอ (ภาพด้านซ้าย) จะมุ่งเน้นไปที่รอยยิ้ม แขนขา และก้นของเธอ แต่สิ่งที่เธอเห็น (ภาพด้านขวา) ก็คือ เซลลูไลท์ ไขมันส่วนบริเวณหลัง และจมูกที่ใหญ่ “ฉันตระหนักถึงการรักและยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ในบางครั้งฉันก็พยายามต่อสู้กับภาพ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฉันเห็นภาพของตัวเอง สิ่งแรกที่ฉันจะต้องจับตาดูก็คือ ข้อบกพร่อง และฉันก็มักจะเห็นสิ่งที่ผิดพลาดเสมอ” Louise กล่าว อย่างไรก็ตาม Louise ยังได้ออกมาเผยอีกว่า “การวิจารณ์ตนเองมาจากหลายสาเหตุ สังคมที่พัฒนาขึ้นได้เน้นย้ำถึงลักษณะทางกายภาพของเรา การแก้ไขตัดต่อภาพเพื่อทำให้ตัวเองดูดี มันเป็นการหล่อหลอมความรู้สึกของการไม่เห็นค่าตัวเอง… ฉันคิดว่าในอินสตาแกรมเป็นอะไรที่หลอกลวง ซึ่งในตอนนี้ผู้หญิงได้เปิดเผยความเป็นตัวตนที่แท้จริง และแสดงให้เห็นถึงการรักตัวเองผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น และฉันก็รู้สึกดีใจมาก…
-
16 เรื่องจริงทางวิทย์ฯ ของ ‘ร่างกายมนุษย์’ ที่ทำให้รู้ว่าเราน่ะ… มีพลังวิเศษกันจริงๆ นะ!!
ถ้าพูดถึงพลังวิเศษอะไรซักอย่าง หลายคนอาจจะนึกถึงพลังอะไรซักอย่างที่มันดูเว่อร์วังอลังการเหมือนในหนังซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ ซึ่งอันที่จริงเราไม่จำเป็นต้องเป็นฮีโร่เราก็มีพลังวิเศษได้เหมือนกัน เพราะทั้งหมดนี้คือ 16 เรื่องจริงเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์เราเอง ที่จะทำให้รู้สึกว่านี่ร่างกายของเราก็มีพลังวิเศษเหมือนกันนะเนี่ย!! 1. สมองมนุษย์เก็บความจุได้ทั้งหมด 1 petabyte นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัส ได้ทำการค้นพบพื้นที่ในส่วนที่เรียกว่า ‘synapse’ (ช่องว่างระหว่างเซลล์ประสาท) และได้ค้นพบว่าสมองเรามีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากถึง 1 petabyte หรือเท่ากับ 1,000 terabyte เลยทีเดียว 2. โรคหัวใจมีโอกาสเกิดขึ้นในวันจันทร์มากกว่าวันอื่นๆ งานวิจัยจากนักวิทย์ฯ ชาวสวีเดน ได้ทำการเก็บข้อมูลและพบว่าความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจจะมีโอกาสขึ้นในวันจันทร์ และช่วงเทศกาลสำคัญอย่างคริสต์มาสหรือวันหยุดปีใหม่ ในขณะที่วันเสาร์ และช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ถือว่าเป็นช่วงที่มีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้น้อยที่สุดเช่นกัน 3. ตามหลักโครงสร้างแล้ว…กระดูกเราแข็งแกร่งกว่าคอนกรีต!! กระดูกมนุษย์เรามีความวิเศษอย่างหนึ่งก็คือ มันมีความแข็งที่สามารถยืดหยุ่นได้ภายในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งส่วนประกอบหลักของกระดูกกว่า 60% มาจาก แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทท์และคอลลาเจนนั่นเอง 4. ต้องเบิร์นแคลอรี่มากถึง 7,700 กิโลแคลฯ เพื่อที่จะลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม เมื่อเราปรับโหมดร่างกายเข้าสู่การออกกำลังกาย ไขมันส่วนเกินต่างๆ จะถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำ ก่อนจะถูกขับออกมาจากการใช้พลังงานในร่างกาย และถ้าคุณอยากจะลดน้ำหนัก 1…
-
พาส่องพิพิธภัณฑ์ “กายวิภาคมนุษย์” ในอัมสเตอร์ดัม ที่ใช้ศพคนจริงๆ มาจัดแสดง
เราอาจเคยเห็นพิพิธภัณฑ์หลายประเภทจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์รถยนต์และเครื่องจักร พิพิธภัณฑ์ของเล่น และอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ ในโลกเรายังมีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะพวกเขาจัดแสดง “ร่างกายมนุษย์” นั่นเอง พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีชื่อว่า BODY WORLDS: The Happiness Project ตั้งอยู่ในกรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรือนร่างของมนุษย์กว่า 200 ร่าง สะท้อนให้เห็นความงดงาม ความซับซ้อน และความเปราะบางของสิ่งที่อยู่ภายในร่างกายของเรา ด้วยความมีเอกลักษณ์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 40 ล้านคนในแต่ละปี ลองไปชมกันดีกว่า . . . . . . . . . . . . . . ข่าวดีคือพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดให้เข้าชมทุกวัน ใครที่สนใจก็ลองหาโอกาสไปเยี่ยมชมได้เลยนะครับ หรือถ้าอยากได้ข้อมูลเพิ่มตาม กดเข้าไปที่เว็บไซต์แห่งนี้ได้เลย (bodyworlds) ที่มา bodyworlds
-
7 อวัยวะในร่างกายที่ดูเหมือนจะไร้ค่า แต่มันสร้างประโยชน์ให้กับเราได้โดยที่ไม่รู้ตัว
เราทุกคนคงจะรู้จักกับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายกันเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกเช่น ตับ ไต ม้าม แขน ขา เป็นต้น ยิ่งกว่านั้นนอกจากจะรู้จักชื่อแล้ว เกือบทุกคนก็จะรู้ว่ามันทำงานให้เราอย่างไรบ้างอีกด้วย แต่ในความเป็นจริงสิ่งที่มีประโยชน์กับตัวเราไม่ได้มาจากอวัยวะที่เรารู้จักกันดีเพียงอย่างเดียวหรอกนะ เพราะยังมีพื้นที่ที่คาดไม่ถึงบนร่างกายของเราที่แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไร แต่หารู้ไม่ว่ามันสามารถช่วยเหลือเราได้ในหลายๆ ทาง เราลองไปดูกันเลย ว่าจะมีส่วนไหนกันบ้าง Grabella มันคือบริเวณตรงกลางระหว่างคิ้วสองข้างของเรา ตรงจุดนี้แพทย์สามารถวัดความตึงตัวของผิวหนังในผู้ที่เป็นภาวะอาการขาดน้ำได้ นอกจากนั้นตบตรงจุดนี้เบาๆ หลายๆ ครั้ง จนมีการกระพริบตาเกิดขึ้นก็จะบอกได้ว่าการตอบสนองของระบบประสาทเรายังทำงานได้ดีอยู่ Tragus มันคือติ่งขนาดเล็กที่ช่วงหลังมีคนนิยมไปเจาะหูตรงนั้น ซึ่งจะช่วยในเรื่องการได้ยินเสียงที่มาจากด้านหลังและแยกแยะที่มาของเสียงได้ มีความสำคัญกับการรับเสียงที่มีความถี่สูงและเพิ่มความไวในการตอบสนองอีกด้วย Span มือของเราสามารถเป็นเครื่องวัดความยาวได้ โดยมีการใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้มาตั้งแต่อดีตวัดระยะจากนิ้วโป้งถึงนิ้วชี้ และเมื่อวัดความห่างจากนิ้วโป้งถึงนิ้วก้อยจะอยู่ที่ประมาณ 7 ถึง 9 นิ้ว ช่วยเหลือเราได้แบบคร่าวๆ Levator labii superioris ชื่อที่เรียกอย่างง่ายคือกล้ามเนื้อส่วนริมฝีปากบน เป็นส่วนช่วยให้สามารถดึงริมฝีบากบนขึ้นแสดงรอยยิ้มออกมาได้ ลักยิ้มที่หลายคนมีก็มาจากกล้ามเนื้อส่วนนี้เนี่ยแหละ ส่วนที่ยึดลิ้นและริมฝีปากเอาไว้ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและช่วยทำให้การทำงานของสองส่วนนี้ดีขึ้น เพราะมันจะให้เราสามารถขยับลิ้นได้ตามที่ต้องการและยึดเอาไว้เพื่อควบคุมการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป คนที่มีเจ้าสิ่งนี้สั้นกว่าปกติจะทำให้พูดเป็นคำออกมาได้อย่างยากลำบาก Hallux มันคืออีกชื่อหนึ่งของคำว่าเท้าหรือเฉพาะเจาะจงก็คือส่วนของหัวแม่โป้งเท้า เป็นอวัยวะที่ช่วยให้เราสามารถรักษาการทรงตัวเอาไว้ได้…
-
10 สิ่งที่เกิดขึ้นบนร่างกาย คุณคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาๆ แต่มันกลับพบได้ยากมาก
ในปัจจุบันคนเราหันมาใส่ใจกับสุขภาพร่างกายของตัวเองมากขึ้นก็จริง แต่ในบางครั้งเราก็ลืมสังเกต และเรียนรู้ว่าร่างกายของเรานั้นมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจซ่อนอยู่ และนี่คือ 10 สิ่งแปลกประหลาดในร่างกายที่น้อยคนนักจะมี แม้ว่ามันอาจจะเป็นเรื่องที่แสนธรรมดาๆ แต่บอกเลยว่ามันเป็นสิ่งที่พบได้ยากมาก โดยจะสามารถพบเพียงร้อยละ 5 ของมนุษย์เท่านั้น ว่าแล้วก็มาดูกันเลย 1. ยีน LRP5 กับการเป็นยอดมนุษย์กระดูกเหล็ก โรคกระดูกพรุน เป็นโรคที่ความหนาแน่นและมวลของกระดูกลดลง ทำให้กระดูกเสื่อม เปราะบาง และแตกง่าย อย่างไรก็ตาม มีการกลายพันธุ์ของยีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า LRP5 ซึ่งทำให้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่ามนุษย์มีมวลกระดูกที่หนาแน่นมากกว่ามนุษย์โดยทั่วไป ทำให้กระดูกของบุคคลนั้นแทบจะไม่หักเปราะง่าย นอกจากนี้ ยังทำให้ผิวของพวกเขามีริ้วรอยน้อยลงอีกด้วย แต่ข้อเสียของการกลายพันธุ์ของยีน LRP5 คือ มันอาจเป็นเหตุให้เกิดแรงกดต่อเส้นประสาทในกะโหลกศีรษะและสมอง บางครั้งอาจนำไปสู่การสูญเสียการได้ยินได้ 2. กล้ามเนื้อพาลเมอร์ยาว กล้ามเนื้อพาลเมอร์ เป็นกล้ามเนื้อที่บรรพบุรุษของมนุษย์ใช้ในการปีนไต่ต้นไม้ โดยจะถูกส่งต่อทางพันธุกรรมจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งคุณเองก็มีกล้ามเนื้อดังกล่าวเช่นกัน ไม่เชื่อก็ลองเอานิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยมาประกบกัน จากนั้นก็ยกมือขึ้นเล็กน้อย แล้วคุณก็จะเห็นกล้ามเนื้อพาลเมอร์อยู่บริเวณข้อมือ 3. “Golden” blood สำหรับหมู่เลือดชนิดนี้ ได้ถูกค้นพบเมื่อปี 1961 และจนถึงขณะนี้มีเพียง 40 คนเท่านั้นที่มีหมู่เลือดดังกล่าว และเมื่อพวกเขามีโอกาสไปบริจาคเลือด…
-
ศิลปินอิสราเอล ลองวาดภาพการ์ตูนลงบนร่างกาย แต่ละส่วนจะกลายเป็นอะไรได้บ้าง?
ความเป็นศิลปะสามารถพบเจอได้จากทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติรอบตัว สิ่งก่อสร้างต่างๆ หรือแม้แต่ร่างกายเราเอง ก็มองและตีความออกมาเป็นงานศิลป์ได้มากมาย เหมือนกับเธอคนนี้ ศิลปินสาวชาวอิสราเอลใช้ร่างกายตัวเองแทนผืนผ้าใบ ใช้เป็นพื้นหลังของสิ่งต่างๆ ที่เธอสามารถจินตนาการได้จากหลายๆ ส่วนในร่างกายของเรา Sophia Weisstub วาดตั้งแต่สัตว์น่ารักๆ ไปจนถึง ท่าทางที่สื่อถึงเรื่องเพศ โดยส่วนต่างๆ บนร่างกายอย่างหู ขนตา ปาก หรือว่าจมูก ก็สามารถเป็นส่วนประกอบให้กับสิ่งที่เธอวาดได้เป็นอย่างดี . เธอได้อธิบายไว้ในนิตยสาร Sleek ว่าเธอต้องการให้โลกใบนี้สามารถทำให้ทุกคน แสดงออกในเรื่องต่างๆ อย่างอิสระ โดยเฉพาะเรื่องเพศด้วยแล้ว บางภาพจึงเป็นการสื่อให้เห็นเรื่องนั้นอย่างชัดเจน ตามเนื้อแท้แล้วมีความหมายให้ทุกคนได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับร่างกายของตัวเอง ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนรูปร่างที่เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ มองว่าเรื่องเพศทั้งหลายก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั่นเอง เป็นเม่นที่ขนนุ่มมาก ลิ้นไก่เธอใหญ่ไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว “เพศมีความชัดเจนและมีด้านที่ดีอยู่ในตัวของมันเอง ทว่าวัฒนธรรมกลับตีความมันออกมาในแง่ลบ เช่นหนังโป๊ที่ลดเกียรติของผู้หญิง และแสดงถึงบางอย่างที่ผู้หญิงทุกคนไม่พึงปรารถนา” เธอกล่าว การใช้ร่างกายของเธอเองคือสิ่งตัวเลือกพื้นฐานที่เธอตั้งใจจะเลือก และมีความแม่นยำกับความต้องการของเธอมากที่สุด หมายความว่าเธอเองก็สามารถเลี่ยงปัญหาจากการ นำความคิดของเธอไปใช้กับสิ่งอื่นได้อีกด้วย หลับสบายๆ อยู่บนเตียงที่นุ่มเอามากๆ . ตอนคลอดออกมาคงจะจั๊กจี๋แย่เลย …
-
10 สิ่งที่จะมาทำให้ประหลาดใจขั้นสุด เมื่อรู้ว่าร่างกายมนุษย์มีความอัศจรรย์มากขนาดไหน
ไม่มีอะไรที่เจ๋ง และน่ามหัศจรรย์ไปกว่าร่างกายของมนุษย์แล้วล่ะ ซึ่งก่อนหน้านี้ #เหมียวขี้อ้อน จำได้ว่าเคยนำเสนอบทความสาระความรู้เกี่ยวกับ 9 สิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แท้จริงแล้วมันคือ ‘กลไกการป้องกันตัวเอง’ และนั่นก็ทำให้เราได้เห็นว่า ร่างกายของเรามันนาทึ่ง และสร้างความประหลาดใจในแบบที่เราไม่เคยรู้มาก่อนได้มากขนาดไหน ในครั้งนี้ เราก็จะขอกลับมานำเสนอความมหัศจรรย์บนร่างกายของมนุษย์กันอีกครั้ง และครั้งนี้มันก็จะน่าทึ่งยิ่งกว่าเดิม เพราะเพื่อนๆ จะได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ และยอดเยี่ยมไปกว่าร่างกายของเราอีกแล้ว 10.เมกะพิกเซล ในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ ไม่ได้มีการเปรียบเทียบดวงตากับกล้องดิจิตอลเอาไว้ชัดเจน แต่ถึงกระนั้นก็มีการคาดการณ์เอาไว้ว่า ในจุดศูนย์กลางรูม่านตาของเรา สามารถเทียบได้ความคมชัดของกล้องได้ถึง 126 เมกะพิกเซล 9.เมื่อเทียบกับขนาดของวีดีโอ หากเปรียบเป็นการบันทึกวีดีโอ เพียง 1 วินาทีจากสายตาของเราจะมีขนาดเท่ากับ 21.45 กิกะไบต์ แต่เมื่อเทียบกับกล้อง iPhone จะมีขนาดเพียงแค่ 375 เมกะไบต์เท่านั้น 8.ความจุของสมอง สมองของเราจะมีเซลล์ประสาทมากถึง 100 พันล้านเซลล์ โดยแต่ละเซลล์จะสามารถสร้างส่วนของการเก็บข้อมูลได้มากถึง 1,000 แห่ง นอกจากนี้ สมองของมนุษย์เรายังสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 100 เทราไบต์ ซึ่งถ้าหากเปรียบเทียบกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลกอย่าง “ไททัน”…
-
จิตใจทำด้วยอะไร… ชาวเน็ตจวกยับหลังเห็นคลิปพยาบาลหนุ่ม “ทำร้ายสาวท้อง” เป็นคนอยู่รึเปล่าเนี่ย!?
กลายเป็นประเด็นร้อนไปทั่วโลก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของพาราเมดิคชาวชิลี ทำร้ายหญิงสาวที่กำลังตั้งครรภ์ โดยเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานว่า เหตุการณ์ดังกลาวเกิดขึ้นที่โรงพยาบาลในเมือง Valparaiso ประเทศชิลี ซึ่งเป็นภาพของพาราเมดิคหนุ่ม กำลังทำพฤติกรรมรุนแรงใส่พยาบาลสาวที่กำลังตั้งท้องอยู่ ลองไปชมคลิปเหตุการณ์กันก่อน ภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นพฤติกรรมของพาราเมดิคหนุ่ม ที่จู่ๆ ก็ถีบเข้าไปที่บริเวณหน้าท้องของพยาบาลสาวผู้ตั้งครรภ์ จากนั้นพาราเมดิคหนุ่ม ก็ได้ดึงศีรษะของพยาบาลสาวพร้อมกับพยายามกระซิบข้อความบางอย่างใส่ และก่อนที่เจ้าตัวจะแยกย้ายก็ได้ถีบใส่หญิงสาวอีก 1 ครั้ง หลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกพูดถึงทั่วโลกอินเตอร์เน็ต พนักงานหนุ่มคนดังกล่าวก็ถูกบริษัทสั่งพักงาน พร้อมกับถูกดำเนินคดีตามกฎหมายข้อหาทำร้ายร่างกาย แม้จะไม่มีการเปิดเผยถึงสาเหตุของการทะเลาะเบาะแว้งในครั้งนี้ ทว่าพฤติกรรมที่พาราเมดิคหนุ่มได้แสดงต่อหน้ากล้องวงจรปิด ได้แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพต่อเพื่อนร่วมงาน อีกทั้งจิตใจที่โหดเหี้ยมจากการทำร้ายหญิงสาวผู้ตั้งครรภ์ แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำเอาชาวเน็ตออกมาแสดงความเห็นกันให้เพียบ “ขอเดาว่าผู้ชายต้องเป็นพ่อของเด็กในท้อง และเขาตั้งใจจะบังคับให้เธอไปเอาเด็กออกแน่ๆ เขาควรจะถูกข้อหาพยายามฆ่าเลยนะ” ชาวเน็ตหลายคนให้ความเห็นว่า ควรจะโดนข้อหาพยายามฆ่ามากกว่าแค่ข้อหาทำร้ายร่างกาย เพราะนอกเหนือจากร่างกายของหญิงสาวแล้ว ก็เท่ากับว่าพาราเมดิคหนุ่มได้ทำร้ายร่างกายเด็กในท้องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยเช่นกัน โถ่วว.. มีปัญหาอะไรก็ควรจะใจเย็นๆ นะ อย่าได้ทำร้ายร่างกายกันแบบนี้เลย ที่มา: Dailymail
-
“7 สิ่งบนร่างกายที่ไม่ควรอาย” เพราะมันคือเรื่องธรรมชาติ ใครๆ ต่างก็ประสบพบเจอ…
เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยอายกับบางส่วนของร่างกาย ที่คิดว่ามันเป็นจุดด้อยของร่างกายเรา แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ได้มีแค่คุณเท่านั้นที่เป็น เพราะคนอื่นๆ ต่างก็มีปัญหาแบบนี้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นรอยแตกที่ขา ขนขาแข้งกุดๆ หรือใต้ตาที่ดำคล้ำ ดังนั้นแทนที่จะอาย ลองเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ แล้วก็มั่นใจไปพร้อมกับมันกันเถอะ!! 1. ขนตามส่วนต่างๆ ขนที่ขึ้นตามส่วนต่างๆ ใครๆ ก็มีกันทั้งนั้น มันเป็นเรื่องธรรมชาติ บางคนอาจจะชอบที่มีขนไว้ มากกว่าที่ถอนมันออกไปนะ 2. เซลลูไลท์ ใครก็ต้องมีไขมันที่ต้นขากันบ้างล่ะนะ ไม่ต้องอายไปหรอก เอาเป็นว่าทานอาหารที่มีประโยชน์และออกกำลังกายบ้างก็พอ แล้วมันจะค่อยๆ หายไปเองนะจ๊ะ 3. รอยคล้ำใต้ตา เมื่อคุณมีรอยคล้ำใต้ตา มันอาจจะทำให้ทุกคนมองว่าคุณไม่ได้หลับไม่ได้นอนมา แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่ได้น่าเกลียดขนาดนั้น วิธีแก้ก็ไม่ยากแค่นอนหลับให้เพียงพอหรือใช้คอนซีลเลอร์ปกปิด 4. ขนกุดตามลำแข้ง เมื่อขนที่โกนแล้วงอกขึ้นใหม่ มันจะจิ้มมือเวลาลูบเรียวขา แต่เชื่อเถอะว่ามันมองเห็นไม่ชัดขนาดนั้น ไม่ถึงกับขั้นที่ต้องอายคนอื่นหรอก 5. รอยแตก เชื่อว่าหลายๆ คนที่น้ำหนักขึ้น ต้องมีรอยแตกกันบ้าง แต่นั่นมันเป็นธรรมชาติของผิวหนังที่ขยายตัวมากขึ้น ปล่อยไว้ตามธรรมชาติก็ไม่ได้น่าอายหรอก เชื่อเถอะ!! 6. เล็บฉีก…
-
เหลือเชื่อ!! ชายหนุ่มและพ่อ ถูกฟ้าฝ่าขณะออกไปตกปลา แต่กลับรอดตายราว “ปาฏิหาริย์”
เรารู้กันดีอยู่แล้วว่า หากถูกฟ้าฝ่า แน่นอนว่าโอกาสรอดชีวิตนั้นมีน้อยมาก เนื่องจากความรุนแรงของสายฟ้าอาจจะทำให้ผู้เคราะห์ร้ายถึงขั้นไหม้เกรียมได้ แต่สำหรับ Christian Neal และ Gabe พ่อของเขา กลับรอดตายจากการถูกฟ้าฝ่ามาได้ โดยที่ทั้งคู่ได้รับบาดเจ็บตามร่างกายเท่านั้น และนั่นก็ทำให้พวกเขาเชื่อว่าเหตุที่ยังมีชีวิตอยู่มันเป็นเพราะ “ปาฏิหาริย์” ซึ่งมันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ เรื่องราวของ Christian ได้ถูกนำมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ต่างประเทศเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยระบุว่า ช่วงบ่ายของวันหนึ่งในขณะที่เขาและผู้เป็นพ่อกำลังตกปลาอยู่นั้น จู่ๆ ทั้งคู่ก็โดนฟ้าฝ่าอย่างจัง จนทำให้พวกเขากระเด็นออกจากเรือ และจมอยู่ในน้ำ หลังจากที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์ฟ้าฝ่ามาได้ ทางด้าน Christian ก็ได้ออกมาเล่าว่า เหตุการณ์อันน่าสะพรึงกลัวที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้เขารู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังตีเขาด้วยไม้เบสบอล แถมยังเหมือนกับมีคนเอาระเบิดมาวางอยู่ข้างศีรษะของเขา “มันรู้สึกเหมือนมีคนมาเอาไฟฉีดเข้าไปในใต้ผิว เข้าไปในหลอดเลือดดำ จนลึกลงไปในกระเพาะอาหาร ขาของผมไม่รู้สึกอะไรเลย ผมกลายเป็นอัมพาตจากช่วงเอวลงไป และไม่สามารถขยับขา สะโพก หรือนิ้วเท้าได้” Christian กล่าว โชคดีที่ในครั้งนั้น Christian และพ่อ ได้ออกไปกับ Andy ทหารผ่านศึกชาวอิรัก และ Taryn…
-
“คุณอยู่ในประเทศที่ขี้เกียจหรือไม่!?” บีบีซีจัดอันดับประเทศที่คน “ก้าวเดิน” น้อยที่สุดในโลก
เมื่อไม่นานมานี้ทางศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาได้เก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้คนเพื่อ ดูว่าในแต่ละวันพวกเขามีการทำกิจกรรมต่างๆ มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัย Stanford University ที่ศึกษาปริมาณกิจกรรมของประชากรทั่วโลกในแต่ละวันกับจำนวนก้าวเดิน พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วๆ ไปจะมีก้าวเดินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,961 ก้าวต่อวัน โดยประเทศที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยสูงสุดนั้นได้แก่ฮ่องกง 6,880 ก้าวต่อวัน ส่วนประเทศอินโดนีเซียนั้นมีจำนวนก้าวเฉลี่ยของประชากรน้อยที่สุดอยู่ที่ 3,513 ก้าวต่อวันเท่านั้น ในส่วนของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 ก้าวต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนก้าวเดินนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคอ้วนอีกด้วย การศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากแอพลิเคชั่นบันทึกกิจกรรมอย่าง Argus activity ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 7 แสนคนทั่วโลก ศาสตราจารย์ Scott Delp ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ออกมาเผยว่า “การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาที่ใหญ่มากๆ เราได้ผลสำรวจจากประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันทำให้งานวิจัยชิ้นนี้มีขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” และนี่คือกราฟแสดงจำนวนก้าวเดินเฉลี่ยของประชากรแต่ละประเทศ ผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงวารสาร The Journal Nature โดยผู้วิจัยได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามจำนวนก้าวเดินนั้นอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะบ่งบอกถึงระดับของคนอ้วนภายในประเทศแต่ยังมีเรื่องของคุณภาพกิจกรรมที่สัมพันธ์กับหลายๆ ปัจจัยภายในประเทศด้วยเช่นกัน ความแตกต่างของการทำกิจกรรมนั้นมีผลเกี่ยวกับปริมาณคนอ้วน อย่างเช่นสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก ที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยที่เท่ากันแต่สหรัฐอเมริกากลับมีปริมาณคนอ้วนสูงกว่า ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความแตกต่างกันของกิจกรรม อาหาร หรือไลฟ์สไตล์นั่นเอง นอกจากนี้นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า การออกแบบผังเมืองที่ดีและมีพื้นที่ในการเดินที่มากขึ้นนั้น ก็จะช่วยให้จำนวนเฉลี่ยของก้าวเดินนั้นเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณของคนอ้วนภายในประเทศเช่นกัน ส่วนตัว #เหมียวเวจจี้ คิดว่า…
-
เปิดภาพฟิล์มเอ็กซ์เรย์ของชายชาวอินเดีย หลังพบว่ามี “เข็ม” ปริศนา 150 เล่มฝังทั่วร่างกาย
วันที่ 8 กรกฎาคม 2560 สำนักข่าวต่างประเทศมีรายงานว่า Badrilal Meena ชายวัย 56 ปี จากประเทศอินเดีย ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลถึง 6 แห่ง และได้รับการผ่าตัดถึง 3 ครั้ง เพื่อนำเข็มที่ติดอยู่ในแขน เท้า และลำคอออก หลังแพทย์ตรวจพบว่าในร่างของเขามีเข็มจำนวนมากฝังอยู่ทั่วร่าง จากการรายงานระบุว่า ในครั้งแรกเขาได้บ่นว่ารู้สึกเจ็บปวดที่บริเวณเท้าจนทนไม่ไหว ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ Badrilal ได้ตัดสินใจเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น และหลังจากนั้น แพทย์ก็ได้พาเขาไปเข้าเครื่องเอ็กซเรย์ ก่อนที่จะพบว่ามีเข็มมากถึง 75 เล่มอยู่ทั่วร่างกายของเขา หลังจากที่นาย Badrilal พยายามตามหาโรงพยาบาลที่จะมารักษาเขา ในที่สุดทางด้านสถาบันวิทยาศาสตร์การแพทย์แห่งเอเชีย (AIMS) ใน Faridabad ก็ยินดีที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากที่เขาได้รับเข้าการรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ทางแพทย์ก็ได้ตรวจพบเข็มฝังอยู่ในร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวน 75 เล่ม โดยรวมแล้วมากถึง 150 เล่ม ทางด้านนาย Badrilal…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยถึง ‘การกลืนหมากฝรั่งลงท้อง’ จริงๆ แล้วมันไม่ได้พันลำใส้หรอกนะ!!
หมากฝรั่งขนมเคี้ยวสุดโปรดของหลายๆ คน บางคนชอบที่จะเคี้ยวหมากฝรั่งแทบทั้งวันกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องพึงระวังไว้เสมอว่าอย่ากลืน เมื่อหมดหวานหรือไม่อยากเคี้ยวแล้วก็ให้ทิ้ง แต่บางครั้งบางคราวก็เผลอกลืนลงไปจนทำให้รู้สึกเป็นห่วงภายในร่างกายตัวเอง!? เราคงอาจจะเคยได้ยินว่าการกลืนหมากฝรั่งลงไปในท้องนั้นอาจจะอยู่ในท้องเราประมาณ 6-7 เดือนหรือบางทีอาจใช้เวลาเป็นปีกันเลยทีเดียว หรือบางคนก็บอกว่ามันจะไปพันลำใส้เอาไว้และอาจทำให้ตายได้เลยทีเดียว แต่ไม่ต้องเดากันอีกต่อไป เพราะตอนนี้ทางผู้เชียวชาญได้ออกมาเผยความจริงแล้ว!! คุณหมอ Lisa Ganjhu อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินอาหารจาก NYU Langone Medical Center ในนิวยอร์ก ได้ออกมาเปิดเผยถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่คุณกลืนหมากฝรั่งลงไปแล้ว คุณหมอบอกว่าโดยทั่วไปแล้วการกลืนหมากฝรั่งนั้น ก็คล้ายกับการกลืนอาหารธรรมดาทั่วไป มันจะผ่านตามทางเดินอาหารแต่ไม่อาจจะย่อยสลายในร่างกายของเราได้หมด “กระเพาะอาหารของเราแข็งแรงมาก มันสามารถที่จะย่อยสลายเนื้อเหนียวๆ ได้ ดังนั้นมันก็สามารถที่จะย่อยหมากฝรั่งได้ด้วย แต่ด้วยคุณสมบัตทางเคมีของมันจึงทำให้เจ้าขนมที่ว่านี้ไม่สามารถย่อยสลายได้หมด” คุณหมอ Ganjhu กล่าว นอกจากนี้คุณหมอยังเสริมอีกว่า “เมื่อมันไม่สามารถย่อยสลายได้หมด ดังนั้นมันจึงจะถูกขับออกไปพร้อมกับอึของคุณ ซึ่งระยะเวลาในการขับออกไปนั้นก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของสำใส้ของแต่ละคน” ภาพของหมากฝรั่งหลังจากที่คุณกลืนมันลงไป!! แบบนี้ก็คงไม่ต้องกังวลกันแล้วใช่ไหมล่ะว่า หมากฝรั่งจะติดอยู่ในร่างกายเรา สิ่งเดียวที่จะทำให้มันติดอยู่ในนั้นได้ก็คือขนาดที่ใหญ่เกินไป ซึ่งอาจจะไปอุดตันหลอดอาหารและทำให้คุณกลืนอาหารได้ลำบากเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญก็ไม่แนะนำให้คุณกลืนหมากฝรั่งอยู่ดี “หมากฝรั่งนั้นไม่มีคุณค่าทางอาหาร ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่เราจะกลืนมันเข้าไป และการกลืนหมากฝรั่งที่มีขนาดใหญ่ลงไปนั้น อาจจะไปติดที่หลอดลมของคุณได้” คุณหมอกล่าว รู้แบบนี้แล้วก็คงสบายใจขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ…
-
สาวญี่ปุ่นร่วมตอบแบบสอบถาม 11 สิ่งที่อยากให้หนุ่มๆ ได้รู้เกี่ยวกับ ‘หน่มน้ม’ มากยิ่งขึ้น!!
เรื่องร่างกายของคนเรานั้นเองก็มีความลับอีกมากมายที่เรายังไม่รู้ ยิ่งเป็นร่างกายของเพื่อนต่างเพศนี่ยิ่งแล้วใหญ่ และสำหรับเหล่าชายหนุ่มทั้งหลายก็คงหนีไม่พ้นส่วน ‘หน้าอก’ ของสาวๆ นี่แหละ ที่ดูจะน่าสนใจมากที่สุด สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็จะขอพาเพื่อนๆ ไปหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘หน้าอกของผู้หญิง’ ที่เหล่าผู้ชายเข้าใจผิดมาตลอด ผ่านทางแบบสอบออนไลน์ถามจากเว็บไซต์ MyNavi Woman ของประเทศญี่ปุ่น ที่มีเหล่าสาวๆ เข้ามาร่วมตอบในหัวข้อ “11 สิ่งที่สาวญี่ปุ่นๆ อยากให้หนุ่มๆ เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องหน้าอกของพวกเธอมากยิ่งขึ้น” จะมีอะไรบ้างลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… อันดับ 10 (ร่วม) หน้าอกเล็กทำให้การใส่บราดูน่ารักมากยิ่งขึ้น (14.4 เปอร์เซ็นต์) อันดับ 10 (ร่วม) ไม่ได้รู้สึกดีใจ หรือมีความสุข ที่ผู้ชายคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่แฟนมาชมว่าหน้าอกของตัวเองสวย (14.4 เปอร์เซ็นต์) ก็แหงล่ะสิ ใครๆ ก็อยากให้แฟนของตัวเองชมทั้งนั้นแหละเนอะ แต่จะให้คนอื่นมาชมล่ะพักก่อนนนน อันดับที่ 9 การถูกสัมผัสหน้าอก ไม่ได้ทำให้รู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาหรอกนะ (14.8 เปอร์เซ็นต์) พวกเธอน่ะดูหนัง AV กันมากไปแล้วนะ!! …
-
เคยสงสัยกันหรือไม่ หลังเสพ “สารเสพติด 7 ชนิด” มันจะอยู่ในร่างกายเรานานแค่ไหน!?
พูดถึงสารเสพติดแล้ว เชื่อว่าหลายคนคงรู้อย่างแน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี เพราะมันส่งผลกระทบโดยตรงต่อร่างกาย ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะเลี่ยง แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยหรือไม่ว่า สารเสพติดเหล่านั้นจะอยู่ในร่างกายของเรานานขนาดไหน หากผู้เสพได้เสพพวกมันเข้าไป ล่าสุดทางเว็บไซต์ BusinessInsider ทำการทดลองว่าสารเสพติดเหล่านั้น จะสามารถอยู่ในร่างกายของเราได้นานขนาดไหน เราไปชมพร้อมๆ กันเลย แอลกอฮอล์ เวลาเราดื่มแอลกอฮอล์เข้าไป มันจะอยู่ในเลือดของเราประมาณ 10 ถึง 12 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะอยู่ในปัสสาวะของเราประมาณ 3 ถึง 5 วัน และพบอยู่ในเส้นผมอีกราวๆ 90 วัน กัญชา เมื่อเสพกัญชาเข้าไป มันจะอยู่ในเลือดของเราประมาณ 2 สัปดาห์ และในปัสสาวะของคุณประมาณ 30 วัน และในเส้นผมของคุณประมาณ 90 วัน โคเคน สารเสพติดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสหรัฐอเมริกา มันสามารถอยู่ในเลือดได้ 1 ถึง 2 วัน ในปัสสาวะประมาณ 3 ถึง 4 วัน และอยู่ในเส้นผมประมาณ…
-
คุณยายชาวอินเดีย ให้กำเนิดลูกคนแรกในวัย 72 ปี แต่ทว่าทำให้เธอมีสุขภาพที่ย่ำแย่ลง
เมื่อปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะคงพอได้ยินเรื่องราวของ Daljinder Kaur แม่เฒ่าชาวอินเดียจากเมืองอมฤตสาร์ รัฐปัญจาบ ได้กลายเป็นคุณแม่มือใหม่ หลังจากที่คลอดลูกครั้งแรกในชีวิตกับ Mohinder Singh Gill สามีวัย 80 ปีกันมาบ้างแล้ว โดยล่าสุดวันที่ 8 มีนาคม 2560 ทางสำนักข่าวเดลีเมล์มีรายงานว่า หลังจากที่ Daljinder Kaur (ปัจจุบันอายุ 73 ปี) ได้ให้กำเนิดลูกชายคนแรกตอนอายุ 72 ปี เธอก็ได้ออกมายอมรับว่า ตั้งแต่ที่ลูกชายเกิดเธอก็ได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคความดันโลหิตสูงและโรคไขข้อเสื่อม จากการรายงานระบุว่า ขณะนี้ Armaan Singh ลูกชายของเธอกำลังเริ่มที่จะคลาน และทางมารดาผู้สูงอายุก็ได้ให้เขาหยุดกินนมแม่มาเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ทางด้าน Daljinder ได้ออกมาเผยว่า “ฉันต้องต่อสู้กับโรคความดันโลหิตสูง และมันทำให้ฉันเหนื่อยง่ายมาก ซึ่งทางแพทย์ได้ให้ยาแก่ฉัน และวางแผนในเรื่องอาหารให้” ปัจจุบัน Armaan อายุได้ 11 เดือนแล้ว และเขาก็กำลังจะคลาน…
-
12 เรื่องที่เราเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ร่างกาย” เรามาโดยตลอด จะได้เข้าใจใหม่อย่างถูกต้อง!!
ทุกวันนี้มีข้อมูลข่าวสารมากมายบนโลกใบนี้ที่เราสามารถเลือกจะเสพรับเข้ามาในสมองเราได้ แต่ทว่าข้อมูลทั้งหมดก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นความจริง เป็นข้อมูลปลอมๆ หรือแม้แต่ข้อมูลที่เป็นเพียงความเชื่อที่ยังไมไ่ด้รับการพิสูจน์ก็ตาม ซึ่งทางเว็บไซต์ Brightside เลยทำภาพ 12 ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับร่างกายของเรา ที่เราเชื่อกันแบบนั้นมาตลอดแต่จริงๆ แล้วมันคือข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด ฉะนั้นมาดูกันเลยว่าจริงๆ แล้วข้อมูลที่ถูกต้องมันคืออะไรกันแน่ ความเชื่อ: เซลล์สมอง หยุดพัฒนาเมื่อโตขึ้น ความจริง: ส่วนเซลล์ประสาทจะยังคงพัฒนา ไปทั้งชีวิตของเราจนกว่าเราจะตายไป ความเชื่อ: ตาของคนเราจะสึกหรอ ถ้าเราอ่านหนังสือในที่มืด หรือจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ ความจริง: ตาของเราจะแค่ล้าไปเท่านั้น เช่นเดียวกับอวัยวะอื่นๆ ที่ใช้งานหนักก็เกิดความเหนื่อยอ่อน พอเราหลับและตื่น ตาก็จะกลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม ความเชื่อ: เราสามารถรักษาปัญหาผมแตกปลายได้ด้วย แชมพู หรือ ครีมนวดต่างๆ ความจริง: เราสามารถรักษามันได้ด้วยวิธีการตัดเท่านั้น ส่วนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผมแตกปลาย ความเชื่อ: คนเรามีประสาทการรับรู้แค่ 5 อย่างเท่านั้น การเห็น การได้ยิน การกิน การฟัง และการสัมผัส ความจริง: แต่จริงๆ แล้วเรามีประสาทการรับรู้มากถึง…
-
สวนสัตว์เยอรมนี เผยภาพลูกหมีขั้วโลก ‘ส่งสายตาวิ้งๆ’ กระชากใจมนุษย์ไปทั่วโซเชียล!!
หลังจากที่มีภาพของลูกหมีขั้วโลกขนปุยสีขาววัยละอ่อนออกมาเผยแพร่ลงสู่โลกออนไลน์ ก็ทำให้บรรดาชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็หลงใหล และชื่นชอบความมุ้งมิ้งของมันเป็นอย่างมาก จนทำให้มันได้กลายเป็นหมีที่โด่งดังที่สุด ณ วินาทีนั้น และนี่คือภาพของลูกหมีขั้วโลกตัวน้อยที่แสนน่ารัก มันเป็นลูกหมีตัวที่ 3 ของแม่หมี Giovanna ประจำสวนสัตว์เฮลลาบรูนน์ ในกรุงมิวนิก ประเทศเยอรมนี ผู้ที่เคยให้ลูกหมีกำเนิดฝาแฝดที่ชื่อ Nela และ Nobby เมื่อสามปีที่ผ่านมา ส่วนเจ้าลูกหมีตัวน้อยนี้ เพิ่งจะอายุได้เพียง 14 สัปดาห์เท่านั้นเอง แต่บอกเลยว่ามันเป็นหมีที่น่ารัก ทั้งยังมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และสมบูรณ์พูลสุขมากๆ เลยละ สำหรับภาพถ่ายทั้งหมดของเจ้าหมีตัวนี้ ได้ถูกถ่ายขึ้นในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยจากภาพแสดงให้เห็นถึงความน่ารักขณะที่เจ้าหมีน้อยกำลังกระโดดเล่นอยู่บนกินอย่างเพลิดเพลิน และที่สำคัญมันยังเป็นหมีที่ขี้เล่นมากกกก เพราะหลังจากที่กล้องจับภาพไปที่มัน ก็ดูเหมือนว่าเจ้าหมีน้อยจะรู้ตัว รีบหับมาฉีกยิ้มใส่กล้องอวดความสดใสทันที ดู๊ววววดู มีเล่นม้วนหน้าด้วย ทางด้าน Rasem Baban ผู้อำนวยการสวนสัตว์ได้ออกมาเผยว่า “เราเฝ้าดูพัฒนาการของเจ้าลูกหมีตัวนี้มาโดยตลอด และมันก็ทำให้เราเห็นว่า มันมีสุขภาพที่แข็งแรงมาก โดยในตอนนี้มีน้ำหนักตัวกว่า 8.4 กิโลกรัมแล้ว…
-
จากชายมาเป็นสาวข้ามเพศ 17 เดือนแห่งการเปลี่ยนแปลงหลังกิน “ฮอร์โมนเพศหญิง”
ปัจจุบันนี้ สังคมมนุษย์เราให้การยอมรับ “คนข้ามเพศ” มากขึ้นกว่าสมัยก่อนเป็นอย่างมาก และด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้กลุ่มคนข้ามเพศเหล่านั้น มีทางเลือกที่จะเป็นในสิ่งที่พวกเขาต้องการมากขึ้น อย่างเช่นการทานฮอร์โมน ล่าสุด มีผู้ใช้งานเว็บไซต์ Imgur ท่านหนึ่งได้นำภาพความเปลี่ยนแปลงตลอด 17 เดือนที่ เขา (เธอ) ได้ทานฮอร์โมนเพศหญิงเพื่อปรับเปลี่ยนร่างกายของเธอ รับรองว่าเพื่อนๆ จะต้องตกตะลึงแน่นอน ผู้ใช้งานคนนี้มีชื่อว่า Selgal รัฐโอไฮโอ เธอกล่าวว่า เธอใช้เวลาเกือบสองปีในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นในสิ่งที่เธอต้องการ ด้วยการทานฮอร์โมนเพศหญิง และตอนนี้เธอก็มีแฟนหนุ่มที่รักเธอมากกว่าชีวิตซะอีก เธอกล่าวว่า “ความสุขมีอยู่จริง คุณแค่ต้องเสี่ยงเพื่อที่จะได้มันมาเท่านั้น” *การรับประทานฮอร์โมนคือการทานฮอร์โมนเอสโตรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนของเพศหญิงเข้าไป รวมทั้งฮอร์โมนชนิดอื่นๆ เพื่อให้ร่างกายดึงยีนส์เพศด้อย ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาต่อออกมา เธอบอกว่าเธอเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองตอนอายุ 18 ปี ตอนที่จบจากชั้นไฮสคูล ด้วยการไว้ผมยาวและกินฮอร์โมนเพศหญิง แต่หลังจากผ่านไปสองสามเดือน ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย ทำให้เธอเริ่มรู้สึกเครียด แต่เธอก็รู้ว่า กระบวนการเหล่านี้ต้องใช้เวลา ช่วงเดือนแรก ระหว่างนั้นเธอก็เข้ารับการบำบัดเสียงพูด ให้ดูนุ่มและเป็นผู้หญิงมากขึ้น จนเวลาผ่านไปสามเดือน ผลของฮอร์โมนก็ค่อยๆ ออกฤทธิ์ เธอค่อยๆ มีหน้าอกและผิวหนังก็ค่อยๆ บางลงและดูกระจ่างขึ้น สามเดือนผ่านไป …
-
ไปรู้จักกับ 7 คุณทวดทั่วโลก ที่ล้วนอายุเกิน 100 ปี พวกเธอเป็นใคร แล้วทำอะไรถึงอายุยืน!?
การที่เรามีสุขภาพกาย และสุขภาพใจที่ดี เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมให้คนเรามีอายุที่ยืนยาวได้ เพราะการมีอายุที่ยืนยาวนั้นจะช่วยทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารักไปได้นานๆ ยังไงละ และในครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ 7 คุณทวดที่ล้วนแต่มีอายุเกิน 100 ปี ที่ยังมีสุขภาพ และร่างกายที่แข็งแรงจนอยู่กันมาได้นับศตวรรษ บางคนก็เคยถูกบันทึกไว้ว่าเป็นบุคคลที่มีอายุเยอะที่สุดในโลกกันเลยทีเดียว 1. Emma Morano Emma Morano คุณทวดชาวอิตาลีที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นบุคคลที่แก่ที่สุดในโลก และเป็นคนสุดท้ายที่เกิดในศตวรรษที่ 19 ที่ยังชีวิตอยู่ เธอเกิดเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 1899 เธอแต่งงานกับ Giovanni Martinuzzi ในปี 1926 แต่หลังจากที่ลูกของเธอเสียชีวิตลง เธอกับสามีก็ได้แยกทางกัน นั่นทำให้คุณทวดตัดสินใจเป็นโสดมาตลอด นอกจากนี้ เธอยังได้มาเผยเคล็ดลับการที่มีอายุยืนว่า การที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงทุกวันนี้เป็นผลมาจากการที่เธอชอบทานไข่ดิบนั่นเอง (เอ๊ะ!?) 2. Yisrael Kristal Yisrael Kristal คุณทวดชาวโปแลนด์ที่ได้รับการบันทึกจาก Guinness World Records ว่าเป็นบุคคลที่อายุยืนมากที่สุดในโลก ซึ่งคุณทวดเคยเป็นหนึ่งในคนที่สามารถรอดชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในช่วงสงครามโลกมาได้ แต่น่าเศร้าที่เขาต้องเสียลูกและภรรยาอันเป็นที่รักไปจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น แต่ต่อมาคุณทวดก็ได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ และได้แต่งงานใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็พาภรรยาและบุตรชายอพยพไปยังประเทศอิสราเอล และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนับตั้งแต่นั้นมา…
-
ยาเสพติดร้ายแรง “Krokodil” นิยมในรัสเซีย เปลี่ยนจากคนให้กลายเป็นซอมบี้!!
เมื่อกล่าวถึงยาเสพติดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆ ก็ตาม ต่างก็มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างรุนแรง อาจจะมีการผ่อนปรนตัวยาบางชนิดเพื่อใช้เฉพาะการเท่านั้น แต่โดยรวมแล้วขึ้นชื่อว่าเป็นยาเสพติดมันก็ไม่ได้มีข้อดีเลยซักนิดเดียว!! อย่างในบ้านเราก็ยังคงมีการระบาดของยาบ้าอยู่ตลอด และไม่มีทีท่าว่าจะหายไปจากประเทศเสียที เช่นเดียวกันกับประเทศรัสเซียที่ประสบปัญหาของการระบาดของเฮโรอีน จนปัจจุบันนี้ก็มียาตัวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมมาแทนที่อย่างช้าๆ ยาตัวดังกล่าวนั้นมีชื่อ Desomorphine หรือเรียกเป็นฉายาสั้นๆ ว่า Krokodil กำลังได้รับความนิยมในประเทศรัสเซีย อันเนื่องมาจากสามารถทำเองได้ง่าย เพียงแค่มียาแก้ปวดหัวเท่านั้น ที่สำคัญก็คือมันมีราคาที่ถูกมากๆ ช่างภาพ Emanuele Satolli ได้เดินทางไปยังเมือง Yekaterinburg หนึ่งในสี่เมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นแหล่งเสื่อมโทรมที่เต็มไปด้วยยาเสพติด ซึ่งเขาเองก็ได้เดินทางมายังเมืองนี้ 3 ครั้งแล้ว เพื่อทำการถ่ายภาพผลจากการใช้ยาเสพติดชนิดดังกล่าวมาเผยแพร่เป็นสารคดี จุดกำเนิดของยา Krokodil นี้เริ่มต้นมาจากหลังที่เจ้าหน้าที่รัฐทำการปราบปรามเฮโรอีนในรัสเซียอย่างหนัก ผู้เสพติดเฮโรอีนจึงหันมาทำตัวยาทดแทน ด้วยการใช้ยาแก้ปวดหัวเป็นส่วนผสมหลัก จนกลายมาเป็นตัวยาดังกล่าว ด้วยเหตุที่ว่าเป็นยาเสพติดที่คิดค้นกันเองแบบบ้านๆ ผลข้างเคียงของมันจึงร้ายแรงยิ่งกว่า อันเนื่องมาจากส่วนผสมของทินเนอร์และฟอสฟอรัส ส่งผลทำให้ผิวของผู้เสพเป็นขุย หยาบกร้าน ลักษณะคล้ายกับผิวหนังของจระเข้ จึงเป็นที่มาของชื่อยาตัวนี้ อีกทั้งบริเวณผิวหนังที่ถูกเข็มฉีดยาเข้าไปนั้น จะเกิดอาการเน่าและติดเชื้อทันที…
-
นักวิจัยชี้ ‘กัญชา’ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ที่ทำให้ตัวเลขผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน เพิ่มมากขึ้นจริง!!
ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ได้สนับสนุนให้เพื่อนๆ ไปสูบกัญชา หรือทำผิดกฏหมายหรอกนะ แต่ #เหมียวบ็อบ ก็มั่นใจเหมือนกันว่า มีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่กำลังใช้ ‘กัญชา’ กันแบบลับๆ (ลับสายตาตำรวจ) บ่อยครั้งที่เราจะได้เห็นข่าวคราวในหน้าเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับข้อดีของมัน เรียกได้ว่าถ้าเอาไปใช้ประโยชน์จริงจังในด้านการแพทย์ มันก็สามารถที่จะช่วยเหลือผู้ป่วยในหลายๆเคส ได้ดีเหมือนกัน แต่คราวนี้เราจะพาไปรู้จักกับข้อเสียของมันบ้าง… จากการศึกษาของ Dr. Kennon Heard แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด้ เขาได้ทำการรวบรวมเก็บสถิติมาตั้งแต่ปี 2009 และพบว่า โรงพยาบาลในรัฐที่กัญชาถูกกฏหมาย มีตัวเลขของผู้ป่วยจากการใช้กัญชาสูงขึ้นเป็นเท่าตัว ย้อนกลับไปในปี 2004 นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลียคนหนึ่ง ได้ทำการวิจัยในกลุ่มผู้ป่วย 19 คน ที่มีอาการคลื่นไส้ หรืออาเจียน และพบว่าทั้ง 19 คน มีสาเหตุมาจากการใช้ ‘กัญชา’ อย่างหนัก และสะสมเป็นเวลานาน ส่วนทางด้านของ Dr. David Steinbruner ผู้เชี่ยวชาญด้านกายภาพจากโรงพยาบาลในรัฐโคโลราโด้ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่า หลังจากที่รัฐประกาศให้กัญชาถูกกฏหมาย แน่นอนว่ามีจำนวนผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกัน ตัวเลขของผู้ป่วยที่เกิดจากการใช้กัญชาอย่างหนัก…
-
จากแมวที่มีขนรุงรังหนักกว่า 2 กิโลกรัม ถูกแปลงโฉมใหม่ เจิดจรัสสลัดสะบัด น่ารักป่ะละ!!
นี่คือภาพของ Sinbad เจ้าเหมียวพันธุ์เปอร์เซียวัย 9 ขวบ ที่มีขนสีขาว หน้าตาน่ารักมุ้งมิ้งที่ใครเห็นแล้วเป็นอันต้องหลงรัก แต่ใครจะรู้ละว่าก่อนหน้านี้ มันไม่ได้มีสภาพดูดีอย่างที่เห็น แต่มันเป็นแมวขนยาวรุงรังเป็นสังกะตัง ดูแล้วช่างต่างกับปัจจุบันซะเหลือเกิน ลองไปรับชมหน้าตาของมันกันหน่อยไหม… ภาพของ Sinbad ในวันที่ถูกแปลงโฉม และสภาพของมันก่อนหน้านี้ ดูเหมือนสัตว์ประหลาดเลย หลายคนที่ได้เห็นภาพของเจ้าเหมียวตัวนี้ อาจจะอยากรู้เรื่องราวของมันกันแล้วใช่ไหมละ ถ้าอย่างนั้นเราจะขอเล่าให้ฟังเอง ก่อนหน้านี้เจ้า Sinbad ได้อาศัยอยู่ในบ้านของชายสูงอายุคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ และแน่นอนว่าเขาก็ไม่สามารถดูแลมันได้เช่นกัน เลยทำให้ Sinbad กลายเป็นแมวที่ขาดการดูแลเอาใจใส่ และกลายมาเป็นแมวที่ต้องทรมานอยู่กับขนที่รกรุงรัง แต่โชคดีที่มีคนไปเห็น และช่วยนำมันไปดูแลที่ศูนย์พักพิงสัตว์ในชิคาโก และเมื่อเจ้าหน้าที่ในศูนย์พักพิงสัตว์ได้เห็นมันเป็นครั้งแรก ก็ทำให้พวกเขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เพราะสภาพของมันช่างน่าสงสารซะเหลือเกิน เจ้าเหมียว ไม่สามารถขยับตัวเองได้เลย แถมยังดูอ่อนแอ และไม่ยอมกินอะไรเลย แต่ถึงแม้ว่ามันจะมีสภาพที่ดูย่ำแย่เจ้าเหมียวก็ยังเป็นมิตรกับเจ้าหน้าที่ทุกคนในศูนย์พักพิง ขนของมันรกรุงรังมาก แถงยังหนักมากถึง 2 กิโลกรัม โถๆ ไม่รู้เหมือนกันนะว่ามันได้แบกความทรมานเอาไว้นานมากแค่ไหน หลังจากที่ได้เข้ามาอยู่ในศูนย์พักพิงสัตว์…
-
‘ขมิบ’ เพื่อผ่านด่าน… Perifit อุปกรณ์เพื่อคุณแม่หลังคลอด บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานให้แกร่ง!!
การดูแลสุขภาพร่างกายของคนเรานั้น ไม่ใช่เพียงแค่ในช่วงอายุหนึ่งเท่านั้น แต่จะต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใดๆ ของชีวิต อาจจะไม่ถึงกับขั้นที่ว่าเฟอร์เฟ็กต์ทุกสัดส่วนขนาดนั้น แต่หมายถึงหมั่นเอาใจใส่ดูแลให้มีสุขภาพดีเสมอๆ ดั่งเช่นในเรื่องของกล้ามเนื้อที่มักจะหย่อน ย้วย ยาน ไปตามกาลเวลา นั่นก็เป็นไปตามธรรมชาติของมนุษย์ ถ้าหากเราดูแลดีๆ มันก็กลับมาอยู่กับเราได้ตลอด แต่ถ้าปล่อยไปเรื่อยๆ มันก็จะย้วยไปอย่างนั้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เมื่อกล่าวถึงกล้ามเนื้อแล้ว ผู้คนส่วนมากมักจะนึกถึงกล้ามแขน กล้ามหน้าท้อง เหล่ากล้ามที่จะเห็นเด่นชัดได้จากภายนอก แต่ #เหมียวเลเซอร์ ขอบอกเลยว่า กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ของผู้หญิงก็สำคัญไม่แพ้กันเลยนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคุณแม่ที่กำลังจะคลอดและคลอดลูกไปเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในท่ากายบริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ด้วยการยืนและย่อพิงกับกำแพง ทำไมกล้ามเนื้อส่วนนี้ถึงสำคัญ? นั่นก็เพราะว่ากล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน มีหน้าที่ควบคุมการกลั้นปัสสาวะ อุจาระ และเป็นกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการคลอดบุตร และหลังจากการคลอดบุตรแล้ว จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้เกิดอาการอ่อนแรงนำไปสู่ปัญหาสุขภาพในภายหลัง จากเหตุดังกล่าว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แนะนำวิธีการบริหารกล้ามเนื้อส่วนนี้ด้วยการ ‘ขมิบ’ ในการฟื้นฟูสภาพกล้ามเนื้อหลังจากการคลอดลูก เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงเป็นการฟื้นฟูจากการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะหรือไตด้วย Perifit อุปกรณ์ช่วยฝึกการขมิบ ที่จะทำให้การขมิบของคุณไม่รู้สึกน่าเบื่ออีกต่อไป ปัญหาที่ตามมาก็คือผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าจะต้องขมิบอย่างไรให้ถูกต้อง หรือจะต้องขมิบบ่อยแค่ไหนถึงจะเหมาะสม เพราะฉะนั้นแล้วเจ้าอุปกรณ์ Perifit…
-
Athena ลูกแมวที่ถูกกักขังจนมีสภาพย่ำแย่ ได้รับการช่วยเหลือจนมีชีวิตที่ดีอีกครั้ง…
หากทาสแมว หรือคนรักสัตว์ทั้งหลาย ได้ฟังเรื่องราวของ Athena น้องแมวตัวน้อยแสนน่ารักตัวนี้ละก็ คุณอาจจะต้องสงสารมันจับใจ เพราะก่อนที่มันจะมีชีวิตที่แสนสุข เจ้าเหมียวได้ผ่านเรื่องราวอันแสนเลวร้ายมามากมายเหลือเกิน เพราะในอดีต Athena เป็นแมวที่เจ้าของในรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เคยเลี้ยงไว้แบบกักขังในกรงที่แสนสกปรก พร้อมกับสัตว์เลี้ยงตัวอื่นๆ อย่างน้องหมา แต่โชคดีที่พวกมันไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ในกรงนรกอีกต่อไป เพราะในที่สุดทางเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือเจ้าเหมียว พร้อมกับสัตว์ตัวอื่นๆ นอกจากนี้พวกเขายังได้ตรวจสอบพบว่า เจ้าของเดิมเคยถูกจับกุมข้อหาทารุณสัตว์มาแล้ว แต่ก็ยังคงทำร้ายสัตว์อีกเช่นเคย และในครั้งนี้พวกเขาก็ได้ถูกจับอีกครั้งในข้อหาเดิม หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ช่วยเหลือเจ้าเหมียว และสัตว์ตัวอื่นๆ ออกมา พวกเขาก็ได้พบว่า Athena กำลังป่วยหนัก และร่างกายของมันก็ไม่แข็งแรง ที่โชคร้ายไปกว่านั้นคือ มันติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอย่างรุนแรง ซึ่งทำมันแทบจะมาสามารถหายใจได้เลย อีกทั้งเจ้าเหมียวก็ดูเครียดหนักอีกด้วย ทางด้าน Dani Ellis ผู้เป็นเจ้าของคนใหม่ที่ได้รับเจ้าเหมียวมาดูแล ได้เผยว่า “ครั้งแรกที่พามันไปพบสัตว์แพทย์ ทางแพทย์ได้บอกว่าจะต้องทำการุณยฆาต เพราะไม่อาจช่วยชีวิตมันได้ และนั่นก็ทำฉันร้องไห้อย่างหนัก… แต่โชคดีที่แพทย์อีกคนหนึ่งได้บอกว่า หากเจ้า Athena ได้รับการผ่าตัดโดยการตัดจมูกที่ติดเชื้อออกไป มันก็จะสามารถกลับมาชีวิตที่ปกติอีกครั้ง” …
-
รู้หรือไม่!? 9 สิ่งแปลกๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย แท้จริงแล้วมันคือ ‘กลไกการป้องกันตัวเอง’
กลไกการทำงานของร่างกาย ถือเป็นระบบวงจรทางชีวภาพที่มีแต่ความซับซ้อน และเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจ เช่น กลไกในการป้องกันตัวเอง ซึ่งจะช่วยป้องกันสิ่งอันตรายต่างๆ ที่เข้ามาในร่างกายของเราในทุกๆ วัน ตลอด 24 ชั่วโมง ดังนั้น มนุษย์จึงต้องมีกลไกในการป้องกันตัวเอง เพื่อช่วยต่อด้าน และกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย เพื่อจะได้ดำรงอยู่ในชีวิตได้อย่างสงบสุข และมีสุขภาพกายที่แข็งแรง และนี่คือ 9 สิ่งน่าสนใจที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเราตลอดเวลา แต่หลายๆ คนอาจจะไม่ได้สนใจ หรือมองข้ามไป โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้แหละ คือกลไกในการป้องกันตัวเอง 1.หาว สำหรับการหาว เป็นกลไกเพื่อทำให้สมองได้ผ่อนคลายลง หลังจากที่ร่างกายเกิดความร้อนสูง หรือทำงานมากเกินไป นั่นทำให้เราจะหาวตอนรู้สึกง่วง 2.จาม โดยปกติเรา เราจะจามก็ต่อเมื่อช่องจมูกของเราได้รับสารก่อภูมิแพ้มากจนเกินไป ทั้งจุลินทรีย์ ฝุ่น รวมถึงการระคายเคืองอื่นๆ ซึ่งการจามจะทำให้ร่างกายของเรากำจัดสิ่งแปลกปลอมออกไปนั่นเอง 3.ยืดกล้ามเนื้อ การยืดเหยียดร่างกาย ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกาย ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อฟื้นฟูระบบไหลเวียนของเลือด และช่วยทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้น 4.สะอึก เมื่อเรากิน หรือกลืนอาหารชิ้นใหญ่เข้าไปในร่างกายเร็วเกินไป เส้นประสาท Pneumogastric ที่เชื่อมต่อกับกระเพาะอาหาร และกระบังลมของเรา จะเกิดการระคายเคือง สุดท้ายก็จะทำให้เกิดอาการสะอึก…
-
12 สาวฟิตเนสโมเดลในอินสตาแกรม ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ทุกคนที่อยากฟิตแอนเฟิร์ม
ใครๆ ก็อยากมีรูปร่างที่ดีนะว่าไหม? โดยเฉพาะสาวๆ ทั้งหลาย ซึ่งในปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าผู้หญิงหันมาดูแล และใส่ใจสุขภาพของตัวเองมากขึ้น บางคนที่เคยมีรูปร่างอ้วน ก็หันมาออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานอาหาร จนทำให้ร่างกายดูสวย และดูดีขึ้น เหมือนดังเช่น 12 สาว Fitness Model เหล่านี้ ในอดีตพวกเธออาจจะไม่ได้มีหุ่นที่เพอร์เฟค แต่หลังจากที่ได้เริ่มออกกำลังกายลดน้ำหนัก หันมาใส่ใจรูปร่างของตัวเองมากขึ้น ทำให้เธอกลายเป็นสาวที่มีสุขภาพดี และฟิตแอนด์เฟิร์มเป็อย่างมาก นอกจากนี้ พวกเธอยังแชร์วิธีการลดน้ำหนัก รวมไปถึงการออกกำลังกายในอินสตาแกรมของตัวเองอีกด้วย มาดูกันเลยว่าแต่ละคนจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน 1.Anna Victoria Anna Victoria เป็นเจ้าของ Fit Body Guides บน Snapchat ที่โด่งดังมากในเรื่องของภารกิจฟิตแอนด์เฟิร์ม ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็เป็นสาวที่มีพุงคนหนึ่ง แต่หลังจากที่ได้หันมาดูแลตัวเอง หุ่นของเธอก็แซ่บขึ้นมากกกก 2.Jen Widerstrom กว่าจะมีรูปร่างที่ดีขนาดนี้ Jen Widerstrom ผู้เชี่ยวชาญทางด้านฟิตเนสก็เคยเป็นสาวมีพุงมาแล้วเหมือนกัน แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลับมามีหุ่นสุดเฟิร์มได้ อีกทั้งในตอนนี้เธอก็ได้กลายเป็นเทรนเนอร์หน้าใหม่ในรายการ The Biggest Loser Season 16…
-
Rin Naka สาวนักชก MMA มาพร้อมหุ่นสุดล่ำบึก จนหนุ่มๆ เห็นแล้วไม่กล้าเข้ามาแหยม
โดยปกติแล้ว เรามักจะเห็นภาพของผู้ชายกล้ามโต ในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน อย่าง Mix Martial Arts หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ MMA แต่ถ้าเปลี่ยนจากผู้ชายหุ่นบึกมาเป็นผู้หญิงแทน พอจะนึกภาพออกไหมว่าจะเป็นอย่างไร ครั้งนี้ เราจะพาคุณมารู้จักกับ Rin Nakai สาวนักชกส่งตรงจากประเทศญี่ปุ่น ที่มาพร้อมกับกล้ามปูสุดล่ำ จนหนุ่มๆ เห็นแล้วไม่กล้าเข้ามาแหยมกันเลยทีเดียว สำหรับ Rin Nakai ได้เริ่มฝึก MMA ตั้งแต่ตอนอายุ 19 ปี โดยนับตั้งแต่ที่เริ่มเข้าวงการมา เธอสามารถสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งเคยชกชนะมาแล้ว 16 ครั้ง ชนะน็อคอีก 4 ครั้ง เสมอและแพ้เพียงแค่ 1 ครั้งเท่านั้น ก่อนหน้าที่เธอจะได้กลายมาเป็นนักชกสาวบนศึกสังเวียน MMA เธอเคยเรียนยูโดจนได้สายดำมาแล้ว…ธรรมดาที่ไหนละ เธอนี่แหละสายโหดของจริง แม้รูปร่างจะดูบึกบึนกำยำ แต่ในเรื่องความสวย Rin Nakai ก็ไม่เป็นสองรองใครเหมือนกันนะ ต้องยอมรับเลยว่าแม่นางแน่นไปทั้งตัวจริงๆ หนุ่มเห็นแล้วถึงกับชิดซ้ายเลยละ…
-
เผยผลงานวิจัยอันยาวนานร่วม 20 ปี ศึกษาการใช้กัญชาในระยะยาว ไม่ได้ส่งผลเสียมากนัก
ทุกวันนี้เริ่มมีการร้องเรียนถึงการปลดแอกกัญชาให้พ้นจากสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย เมืองนอกเมืองนาก็เริ่มให้กัญชาเป็นสิ่งที่เสรีแล้ว อย่างเช่นบางรัฐในประเทศสหรัฐอเมริกา และมีการวิจัยเกี่ยวกับกัญชามาสนับสนุนหาข้อดีของมันมากขึ้น ยังคงวนเวียนอยู่ในการถกเถียงถึงข้อเสียของกัญชาที่มีมากกว่าข้อดี เนื่องจากมองว่ามันเป็นยาเสพติด หากจะใช้ก็ต้องเป็นวิธีการสูบซึ่งไม่ต่างอะไรไปจากบุหรี่ที่มีขายกันเกร่ออย่างถูกกฎหมายแต่ทำให้เสียสุขภาพ แต่ต้องยอมรับเลยว่างานวิจัยชิ้นนี้ มีความพยายามที่สูงมากเพื่อหาข้อเท็จจริงว่าการใช้กัญชาระยะยาวนั้นส่งผลดีหรือเสียให้กับร่างกายอย่างไร โดยทำการศึกษากับชาวนิวซีแลนด์สายเขียวกว่า 1,037 ราย ที่ใช้กัญชาตั้งแต่อายุ 18 ปีจนถึงอายุ 38 ปี นับว่าเป็นระยะเวลาการศึกษาอันยาวนานร่วม 20 ปี ทั้งนี้ในฟลูเปเปอร์ที่ตีพิมพ์ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ใช้กัญชาระยะยาวจะได้รับผลกระทบเกี่ยวกับสุขภาพปาก นั่นก็คือโรคปริทันต์ (รำมะนาด) ที่จะส่งผลต่อเหงือกและฟัน ซึ่งนี่ก็เป็นข้อเสียเพียงข้อเดียวที่ค้นพบจากการศึกษานี้ ส่วนข้อดีของใช้กัญชาระยะยาวก็คือช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและช่วยทำให้เอวมีขนาดที่เล็กลง โดยทาง Dr. Kevin Hill ผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดกัญชาและเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้อธิบายเพิ่มเติมเอาไว้ว่า ‘แน่นอนว่าการใช้กัญชาอย่างหนักหน่วงมีความเสี่ยงต่อสุขภาพร่างกาย จากผลการศึกษาดังกล่าวนั้นไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดคิดเอาไว้ แถมยังดีเกินคาดอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นคุณอาจจะเปลี่ยนความคิดกับกัญชาเสียใหม่’ อย่างไรก็ตาม ทีมงานวิจัยยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบข้างเคียงทางด้านกายภาพตามมาในภายหลัง ซึ่งก็ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าจะออกไปในทางที่ดีหรือทางที่ร้าย ที่มา : archpsyc.jamanetwork, theladbible
-
ไม่ได้กินก็อ้วน!? ผู้เชี่ยวชาญเผยอปากบอก การส่องสมาร์ทโฟนก่อนนอนก่อให้เกิดความอ้วน
ความอ้วนเป็นสิ่งที่หลายคนเกรงกลัว ไม่อยากจะให้มันเข้ามาในชีวิต ทำอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็อ้วนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องการกินที่หักห้ามใจกันไม่ได้ ก็เพราะมันอร่อยแต่มันทำให้อ้วนนี่สิ ยิ่งกินตอนดึกยิ่งทำให้อ้วนหนักมากขึ้น!! แต่รู้มั้ยว่า สาเหตุของความอ้วนในยุคสมัยนี้ นอกจากการกินแล้วก็ยังมีอีกสิ่งที่หนึ่งที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่ามันจะทำให้อ้วนได้เหมือนกัน นั่นก็คือ การเล่นสมาร์ทโฟนในช่วงเวลาก่อนนอน อะไรนะ!? มันเป็นไปได้จริงๆ เหรอเนี่ย ศาสตราจารย์คลินิกจิตเวช Dr. Daniel Siegel ได้อธิบายไว้ในคลิปวิดีโอสั้นๆ ว่าผลกระทบของการเล่นสมาร์ทโฟนก่อนนอนนั้นส่งผลกระทบต่อสมองและร่างกายเป็นทอดๆ ซึ่งเมื่อเราเริ่มจ้องไปที่สมาร์ทโฟนปุ๊บ กระแสของโฟตอนจะส่งสัญญาณไปถึงสมองให้ตื่นตัวตลอด และแสงจากจอก็จะกระตุ้นให้สมองยับยั้งการหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ทำให้หลับลึก) เพราะว่ายังไม่ถึงเวลานอน ยิ่งเลื่อนหน้าจอดูฟีดจากโซเชียลมีเดียต่างๆ มากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่าบังคับให้ร่างกายตื่นตัวมากเท่านั้น ทำให้การนอนหลับพักผ่อนในตอนกลางคืนไม่เพียงพอ ถ้าคุณนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง เซลล์เกลียในร่างกายจะไม่สามารถกำจัดสารพิษออกไปจากเซลล์ประสาทได้ จากนั้นก็จะไปกระตุ้นให้ระดับอินซูลินในร่างกายเพิ่มขึ้น โดยปกติอินซูลินในระดับที่พอเหมาะนั้นจะช่วยควบคุมการเผาผลาญของร่างกาย แต่ถ้าหากว่ามีมากเกินไปจะให้ผลที่ตรงกันข้าม นั่นหมายถึงหากว่าเรานอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ระดับอินซูลินที่เพิ่มสูงจะทำให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้น อีกทั้งความเหนื่อยล้า ความเพลียที่นอนไม่พอนั้นจะทำให้เราหิวมากขึ้น และเมื่อกินอาหารเข้าไปทั้งๆ ที่นอนน้อย ระบบการเผาผลาญไม่สามารถทำงานได้เต็มที่…
-
ชายไร้บ้านกับหนทางแห่ง ‘กล้าม’ พิสูจน์ให้เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเข้ายิม ก็มีรูปร่างที่ดีได้!!
ถ้าหากให้พูดถึงการเพาะกายแล้ว หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่ต้องลงทุนทั้งด้านเวลาในการออกกำลังเพาะกาย และเงินเพื่อนำมาซื้ออุปกรณ์หรือเข้าฟิตเนส เข้าคอรส์เพาะกายต่างๆ แต่ก็ไม่ใช่เสมอไปเลยทีเดียว เพราะว่า Jacques Sayagh ชายไร้บ้านวัย 50 ปีผู้นี้ อาศัยอยู่ข้างถนนของกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เขาไม่ได้เข้ายิมหรือฟิตเนสเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่เขาก็สามารถสร้างร่างกายที่บึกบึนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อได้ เขาหาอุปกรณ์ที่อยู่รอบๆ ตัวมาทำเป็นอุปกรณ์ในการออกกำลังกาย มีระเบียบวินัยที่ดี เพียงเท่านี้ก็ทำให้ร่างกายสามารถพัฒนากล้ามขึ้นมาได้แล้ว ในส่วนของอาหารการกินนั้น เขามักจะกินผักเป็นส่วนใหญ่ อย่างเช่นกะหล่ำปลีกับถั่วเขียว และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือนำเงินที่เหลือไปซื้ออาหารเสริมจำพวกโปรตีน และด้วยความพยายามที่สั่งสมมาทั้งหมด เขาได้เข้าร่วมประกวดการแข่งขันเพาะกายด้วยนะ!! ถ้าหากว่าใครที่กำลังคิดจะออกกำลังกายหรือเพาะกาย แล้วมองว่าเป็นเรื่องที่ยากเกินไป ความจริงมันอาจจะไม่ได้ยากขนาดนั้นหรอก เราเพียงแค่ต้องมีแรงผลักดันก็เท่านั้นเอง ที่มา : unilad, Felix Karen
-
เมียบอกเลิก ‘นายอ้วนเกินไป’ เก็บแค้นนี้มาชำระด้วยการลดน้ำหนักจนหล่อสาวหลง!!
เรื่องของสภาพร่างกายคนเรานั้นอยู่ที่ความพึงพอใจของตัวเอง แต่บางครั้งมันก็ทำให้คนอื่นรู้สึกเดือดร้อนแทนขึ้นมาได้ เพราะอีกฝ่ายรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่พอใจ จนถึงขั้นทำให้คู่รักต้องเลิกรากันไปก็มี อย่างเช่นพ่อหนุ่ม Benjamin Montanez ในช่วงวัย 23 ปี ณ ตอนนั้นเขาอ้วนมาก มีน้ำหนักตัวที่เยอะสุดๆ จนกระทั่งภรรยาสุดที่รักบอกเลิกด้วยประโยคที่แทงใจดำเขาที่สุด ‘นายอ้วนเกินไป’ เขาเองก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ถูกภรรยาบอกเลิกนั่นแหละ เป็นเพราะว่าเขาไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยเนื้อปล่อยตัวมากเกินไป อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตที่ไม่ค่อยส่งผลดีต่อสุขภาพซักเท่าไหร่ เขากินเยอะมาก มากเสียจนไม่ชอบเวลาที่มีคนมองเขากำลังกินอยู่ เขาไม่ได้โทษภรรยาที่จากไป แต่อยากจะให้รู้เอาไว้ว่าเธอกำลังคิดผิดที่จากเขาไป นำความโกรธแค้นในวันนั้นมาเป็นแรงผลักดัน พาร่างกายตัวเองเข้ายิม รีดน้ำหนักตัวออกไปเพื่อหวังว่าจะคืนดีกับภรรยาคนเดิมอีกครั้งหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นว่าน้ำหนักที่เกินตัวของเขานั้นไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้ภรรยาบอกเลิก เพราะหลังจากที่เขาลดน้ำหนักไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็พบความจริงว่าภรรยาแอบนอกใจเขามาก่อนแล้ว นั่นก็ยิ่งทำให้เขาโกรธมากขึ้น ไปลงกับการฟิตเนสที่หนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ด้วยความพยายามอย่างหนักของเขานั้น ส่งผลทำให้เขามีน้ำหนักลดลงเหลือ 108 กิโลกรัมแล้ว และเริ่มโพสต์ความคืบหน้าการลดน้ำหนักของตัวเองลงในโลกออนไลน์ให้ทุกคนได้เห็น สามารถเตะตาผู้คนได้เป็นจำนวนมาก จากการเปลี่ยนแปลงอันน่าเหลือเชื่อ เป้าหมายของเขาจะลดน้ำหนักให้เหลือ 102 กิโลกรัม ซึ่งก็ถือว่าน่าจะเพียงพอกับตัวเขาเองแล้ว…
-
สาระมีอยู่จริง… รวม 10 เรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับ “ตูด” ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน!?
เรื่องของรูปร่างนั้นเป็นเรื่องที่สาวๆ ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของบั้นท้าย ที่หากใครมีบั้นท้ายที่สวยหน่อย ก็อาจจะกลายเป็นเป้าสายตาให้หนุ่มๆ จับจ้องได้ แต่สาวๆ รู้หรือไม่ว่าบั้นท้ายของพวกคุณนั้นยังมีความลับและเรื่องราวที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน หากอยากรู้ว่ามันคืออะไร ลองมาอ่านบทความที่#เหมียวฟิ้นนำมาเสนอในวันนี้เลย 1. Scaptia Beyonceae คือเหลือบชนิดหนึ่งที่ถูกตั้งชื่อตาม Beyonce นักร้องดัง เนื่องจากมันมีก้นสีทองคล้ายกับชุดหนึ่งที่ Beyonce เคยใส่โชว์มาแล้ว 2. Jennifer Lopez มีก้นที่ล้ำค่ามาก เพราะเธอทำประกันกับก้นของเธอไว้มากกว่า 900 ล้านบาททีเดียว!? 3. ผู้ชายหรือผู้หญิงที่มีไขมันสะสมที่สะโพก, ต้นขา, และก้น มากกว่าคนรูปร่างปกติ มีแนวโน้มที่จะเกิดโรคเบาหวานและโรคหัวใจน้อยกว่า 4. สัตว์บางชนิดอย่างเต่า Fitzroy River สามารถหายใจผ่านตูดได้ด้วย และสัตว์บางชนิดอย่างพะยูนก็มีแนวโน้มว่าพวกมันอาศัยการตด เพื่อช่วยในการว่ายน้ำด้วย 5. ผู้หญิงที่มีก้นใหญ่ มีแนวโน้มที่จะฉลาดมากกว่าผู้หญิงก้นเล็ก เพราะก้นมีแนวโน้มที่จะกักเก็บกรดโอเมก้า 3 ที่ช่วยในการเจริญเติบโตของสมองได้ดี 6. จากการศึกษาในต่างประเทศพบว่าหญิงสาวมีความรู้สึกพึงพอใจกับก้นของพวกเธอมากกว่าส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ยิ่งมีก้นที่สวยงามยิ่งทำให้พึงพอใจมาก 7. พจนานุกรมของ Oxford ออกมาให้นิยามความหมายของท่าเต้น “Twerk” หรือการเขย่าก้นแรงๆ ว่าเป็นท่าเต้นที่ยั่วยุทางเพศ…
-
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพ ร่างกายจะเป็นอย่างไร ถ้าหากว่าไปนอนในระหว่างที่ยังเมาอยู่!?
ในช่วงเวลาสนุกสุดเหวี่ยงยามค่ำคืน ที่คุณได้ออกไปดื่มด่ำกับแสงสี เสียงดนตรี ออกลีลาเต้นโดยไม่สนใจใคร พร้อมกับดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วย ยิ่งทวีคูณไปอีกหลายเท่าตัว กว่าจะพอได้ก็ซัดไปหลายแก้ว หลายขวด บางคนยังตาแข็งฮึดสู้ยันสว่าง บางคนก็ร่วงโรยหลับกลางอากาศจนถึงขั้นวาร์ปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราควรรู้เอาไว้ก็คือหากว่าเราเข้านอนในระหว่างที่กำลังเมาอยู่ เคยคิดถึงผลที่จะตามมากับร่างกายของเราบ้างมั้ยเอ่ย? เพราะยิ่งดื่มก็ยิ่งทำให้เราอยากหลับมากเท่านั้น มันจะมีผลข้างเคียงอย่างไร มาดูกัน 1. คุณจะหลับลึกได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า แอกอฮอล์มีส่วนช่วยทำให้กดส่วนสมองของคุณ นั่นก็หมายความว่าคุณจะหลับได้ภายในเวลาอันรวดเร็วมากกว่าปกติ (เร็วกว่าปกติประมาณ 4 – 16 นาที) ซึ่งจะนำไปสู่ขั้นหลับลึกทันที ไม่มีขั้นกึ่งหลับกึ่งตื่น แบบว่าหมดสติไปแล้ว 2. หัวใจจะปั้มเลือดมากกว่าปกติ ในการหลับแบบปกติ ร่างกายจะเข้าสู่สภาวะสแตนบาย ใช้พลังงานน้อย จึงไม่จำเป็นต้องปั้มเลือดไปเลี้ยงร่างกายมากเท่าไหร่ แต่เมื่อมีแอลกอฮอล์เข้าสู่ร่างกายปุ๊บ มันจะไปรบกวนระบบการทำงานของร่างกายทั้งอัตราการเต้นของหัวใจ ระบบความดันโลหิต ทำให้ระบบประสาทกับอัตราการเต้นของใจนั้นทำงานอย่างหนักหน่วงส่งผลต่อการนอนหลับด้วยเช่นกัน 3. การนอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่นั้นแทบจะหมดไปเมื่อมีแอลกอฮอล์ REM Sleep คือช่วงเวลานอนหลับแต่สมองยังทำงานอยู่ การหลับแบบนี้สมองจะประมวลผลทำให้เกิดความฝัน โดยจะเกิดขึ้นประมาณ 5 – 7…
-
ไขข้อข้องใจเรื่องอาการเหน็บชา แท้จริงแล้วไม่ได้เป็นเพราะเลือดไปเลี้ยงไม่พอนะ!!
เพื่อนๆ หลายคนคงเคยประสบกับอาการเหน็บชาที่ขาและมือกันอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ หรือนอนไม่ถูกท่า และมักจะเข้าใจว่าสาเหตุของอาการนั้นเกิดมาจาก ‘เลือดลงไปเลี้ยง’ ส่วนนั้นๆ ไม่เพียงพอ แต่จริงๆ แล้วมันมีสาเหตุมาจาก ‘เส้นประสาท’ ต่างหากล่ะ โดยปกติแล้วร่างกายของเรามีเส้นประสาทอยู่เป็นจำนวนมาก โยงใยไปตามจุดต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งสมองก็จะส่งคลื่นประสาทสะท้อนไปตามเส้นประสาทต่างๆ และกระเด้งกลับมาที่สมองเพื่อรับรู้ถึง ‘ความรู้สึก’ ต่างๆ เช่นความรู้สึกนุ่ม ขรุขระ และแหลมคม ที่มาสัมผัสกับผิวหนัง โดยส่วนมากแล้วในส่วนปลายของเส้นประสาทที่อยู่ห่างจากสมองออกไปอย่างช่วงขา และเท้า จะทำให้สมองส่งคลื่นกระแสประสาทไปถึงได้ยากอยู่แล้ว และถ้ายิ่งมีอะไรมากดทับไม่ให้กระแสประสาทส่งกลับคืนไปยังสมอง อย่างเช่นเมื่อเราไขว้ขานั่งขัดสมาธิ หรือมีอะไรมากดไว้ที่ช่วงข้อพับ ก็จะทำให้กระแสประสาทส่งไปไม่ถึงสมอง จึงทำให้เกิดอาการชาขึ้น ซึ่งอาการเหน็บชานี้ไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายแต่อย่างใด แต่จะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย และวิธีการแก้อาการเหน็บชาที่ดีที่สุดก็คือการเชิดหน้าขึ้น ยืดแขนและขาให้ตรง เพื่อให้กระแสประสาทส่งไปถึงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ลองไปชมคลิปเพิ่มเติมที่ข้างล่างนี้ได้เลย… เป็นอย่างไรกันบ้างจ๊ะเพื่อนๆ ในที่สุดก็ไขข้อสงสัยที่มีมาอย่างยาวนานนี้สักที จะได้หลีกเลี่ยงจากอาการเหน็บชาได้อย่างถูกต้อง ฮร่า ที่มา : Business Insider
-
แซ่บทะลุทะลวง!! อ.จตุพล ชมภูนิช โชว์ซิกแพค เผย “ร่างกายคือพาหนะเดียวที่คุณมี”
เชื่อว่าหลายคนคงจะคุ้นหน้าคุ้นตา อ.เชน จตุพล ชมภูนิช กันเป็นอย่างดี เพราะเป็นพิธีกรในรายการตีสิบมานาน แถมยังเป็นดารานักแสดงและนักพูดที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยด้วย และแม้ว่าตอนนี้อ.เชนจะมีอายุปาเข้าไป 54 แล้วก็ตาม (เกิดวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2504) แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองแก่ไปตามวัย แต่หันมาออกกำลังกายและควบคุมอาหารจนมีร่างกายที่ล่ำบึกชวนกรี๊ดกันเลยทีเดียว อ.เชนมักจะโพสต์ภาพโชว์กล้ามสุดเซ็กซี่ลงใน IG ของตัวเอง @jatuponechompoonich อยู่บ่อยๆ พร้อมทั้งให้ข้อคิดแก่เหล่าผู้ที่ติดตามผลงานของเขาด้วยว่า “Let’ work out มาออกกำลังกายกันเถอะครับ ‘ร่างกาย’ คือ ‘พาหนะเดียว’ ที่คุณมี” “‘รถยนต์ดีๆพัง’ ยัง ‘เปลี่ยนคันใหม่” ได้ แต่ร่างกาย ‘เปลี่ยนใหม่’ ได้ยังไง ‘ผุพัง’ ยังไงต้อง ‘ทนใช้ไปจนตาย’ ‘รถยนต์’ ยัง ‘ตรวจสภาพ’ พร้อมใช้งาน แต่ ‘ร่างกาย’ ที่แสนสำคัญกลับ ‘ปล่อยทรุดโทรม’ ไปตามวัย ‘หมั่นดูแลร่างกายคุณให้ดี’ เพราะชีวิตนี้คุณมีได้ ‘ร่างกายเดียว’ #workout #exercise #goodhealth…
-
เธอสตรอง!! สาวสกอตแลนด์คลั่งผอมฮึดสู้ หันมาออกกำลังกายจนมีหุ่นที่เฟิร์มสุดๆ!!
การที่สาวๆ จะมีสุขภาพดีได้ จะเกิดขึ้นได้จาก 2 วิธี นั่นก็คือการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารการกิน แต่อาจมีสาวๆ บางคนใช้วิธีที่ค่อนข้างหนักหน่วงอย่างการอดอาการ เพราะมันทำให้เห็นผลได้เร็ว แต่หากทำมากๆ เข้ามันอาจจะส่งผลให้คุณกลายเป็นคนคลั่งผอมแบบสาวคนนี้ก็ได้นะ เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เผยแพร่เรื่องราวที่ช่วยเตือนใจสาวๆ ที่รักความผอม ของหญิงสาวที่มีชื่อว่า อะรูชา เนโคนาม สาวจากเมืองเอเบอร์ดีน ประเทศสกอตแลนด์ วัย 25 ปี ที่เคยคลั่งผอมมากๆ จนเกือบจะต้องนั่งล้อเข็นอยู่แล้ว อะรูชาเป็นนักเต้นมาตั้งแต่เธออายุได้ 3 ขวบ แต่หลังจากที่เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น เธอก็หันมาให้ความสนใจกับรูปร่างของเธอมากขึ้น เธอมักจะคิดเสมอว่าตัวเองมีรูปร่างอ้วนอยู่ตลอดเวลา จึงหาวิธีลดน้ำหนัก ซึ่งเธอเลือกที่จะอดอาหารจนกลายเป็นโรคอะนอเร็กเซีย ด้านคุณแม่ของเธอ เมื่อเห็นลูกสาวผอมผิดปกติจึงพาเธอไปหาหมอ แต่แม้ว่าหลังจากที่เธอได้เห็นถึงสัญญาณอันตรายบางอย่างบวกกับคำเตือนของหมอที่บอกว่าเธออาจจะต้องใช้ล้อเข็นเพื่อทำกิจกรรมง่ายๆ อย่างการเดิน เพราะทำให้เธอเหนื่อยเกินไป แต่เธอกลับไม่เชื่อหมอและบอกว่า “แม้ว่าหมอจะบอกกับฉันว่าฉันอาจจะต้องใช้ล้อเข็นเพื่อไปไหนมาไหน แต่ฉันตอบไปว่า ‘พวกเขาโกหก พวกเขาแค่พยายามจะทำให้คุณเลิกทำในสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่เท่านั้นเอง’” …
-
คุณแม่เทรนเนอร์โต้ชาวเน็ต การออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อลูกในท้อง!!
เคยได้ยินข่าวคราวกับคนดังในประเทศไทยที่ออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์แล้วโดนชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นในเชิงลบเนื่องจากเป็นห่วงว่าจะเกิดอันตรายต่อเด็กในท้องบ้างมั้ยเอ่ย!? อ่ะ ประเด็นนั้นก็หายไปตามกาลเวลา และล่าสุดที่เหมียวเลเซอร์ เคยนำเสนอไปซึ่งกรณีนี้เป็นดราม่าของคุณแม่เทรนเนอร์ชาวออสเตรเลียที่ตั้งครรภ์เหมือนกัน Chontel Duncan เทรนเนอร์ชาวออสเตรเลีย ตั้งครรภ์ท้องท้องเป่งจนได้ที่ แต่เธอก็ยังคงออกกำลังกายเป็นประจำทุกวัน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยด้วย เพราะเธอมั่นใจว่าสิ่งที่เธอทำจะส่งผลดีต่อทั้งตัวเธอเองและลูกในท้อง อีกทั้งยังยืนยันว่าไม่ส่งผลกระทบต่อลูกอย่างแน่นอน!! ‘ผู้คนส่วนใหญ่คิดว่าฉันกำลังทำร้ายลูกในท้อง แต่รับรองได้ว่ามันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากกับการที่จะอุ้มท้องแล้วทำในสิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็มีผู้หญิงหลายคนที่อุ้มท้องแบบฉันเหมือนกัน และจะออกกำลังกายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ฉันจะถ่ายภาพเก็บความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายด้วย ฉันอาจจะทำให้หลายคนถึงกับหัวเสีย แต่ฉันไม่แคร์ ผู้คนควรที่จะได้เห็นความหลากหลายของการอุ้มท้อง และจำเอาไว้ว่าที่คุณแม่มือใหม่ต้องเตรียมพร้อมทั้งด้านสภาพร่างกายและจิตใจก็เพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทายที่กำลังจะมาถึง’ เธอบอกว่าไปตรวจสุขภาพกับคุณหมอมาแล้วและยืนยันว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้มีอันตรายต่อลูกในท้อง ซึ่งตอนนี้ Chontel และสามี Sam ได้วางแผนต้อนรับสมาชิกใหม่เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว มีกำหนดคลอดในวันที่ 30 มีนาคมที่จะถึงนี้แหละ หวังว่าลูกของเธอจะมีสุขภาพดีอย่างที่หวังเอาไว้นะ ที่มา : unilad
-
หนุ่มอ้วนโรครุมเร้าพลิกชีวิตให้กลับมาดีได้ จากคำแนะนำเพียงสั้นๆ ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยง’
การเลี้ยงสัตว์ในมุมมองของคนทั่วไป อาจจะเป็นเพียงแค่ความรักความชอบหรืออาจจะช่วยในแง่ของสุขภาพจิต ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแบบไหนต่างก็มีประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น สำหรับใครที่ไม่เคยเลี้ยงหรือไม่เคยสนใจที่จะเลี้ยงเลยนั้น จะให้มองยังไงก็คงไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าซักวันหนึ่งได้เลี้ยงสัตว์ขึ้นมาอาจจะช่วยพลิกชีวิตของเราไปเลยก็ได้ อย่างเช่นในเรื่องราวของคุณ Eric หนุ่มอ้วนร่างท้วมที่มีน้ำหนักตัวรวมทั้งสิ้น 154 กิโลกรัม!! ซึ่งคุณหมอก็ได้วินิจฉัยร่างกายของเขาแล้ว พบว่ามีคอเลสเตอรอลสูง, มีความดันโลหิตสูง และเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สองด้วย ย้อนกลับไปในปีค.ศ. 2010 คุณหมอบอกว่าเขามีเวลาเหลืออยู่เพียงแค่ 5 ปีเท่านั้น จากโรคต่างๆ ที่มีมากมายอยู่ภายในร่างกาย เวลาของเขาจึงมีไม่มากแล้ว นอกจากน้ำหนักตัวที่มากถึง 154 กิโลกรัม เขาก็เป็นทั้งความดันสูง คอเลสเตอรอลสูง และเป็นโรคเบาหวาน สิ่งที่ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาได้นั้น เริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเครื่องบิน ในช่วงที่เตรียมความพร้อม เขาไม่สามารถรัดเข็มขัดนิรภัยได้ เจ้าหน้าก็พยายามหาสายรัดที่มีขนาดพอดีตัวกับ Eric แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาให้ได้ ผู้โดยสารรายหนึ่งบนเครื่องเกิดอาการไม่พอใจ ตะโกนด้วยความรังเกียจว่า ทุกอย่างต้องล่าช้าเพราะความอ้วนของ Eric แล้วจะปล่อยให้ความอ้วนมาฉุดรั้งตัวเองอีกต่อไปอย่างงั้นหรือ? Eric จึงตัดสินใจโทรไปหานักโภชนาการแล้วก็ได้รับคำแนะนำที่ว่า ‘ให้หาสุนัขมาเลี้ยงซักตัว’ แม้ฟังดูแล้วจะเป็นคำแนะนำที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ต้องการ Eric ก็ตัดสินใจไปที่สถานสงเคราะห์สัตว์ทันที …
-
คุณแม่สาวชาวออสเตรเลียถึงแม้จะต้องท้องอยู่ แต่ก็ยังคงรูปร่างฟิตแอนด์เฟิร์มแบบสุด!!
ว่ากันว่าในช่วงที่คุณแม่กำลังตั้งท้องนั้น ลักษณะของร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างมาก แบบว่าจากที่เคยผอมก็จะอ้วนอย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้ไม่สามารถทำกิจกรรมออกแรงต่างๆ ได้เหมือนอย่างเคย เพราะดูเหมือนจะเป็นการฝืนร่างกายและอาจจะทำให้ลูกในท้องได้รับผลกระทบกระเทือนด้วย แต่สำหรับคุณแม่ชาวออสเตรเลียนามว่า Chontel Duncan กลับมีความคิดที่แตกต่าง ด้วยความที่ว่าเธอเป็นเทรนเนอร์ ถึงแม้ว่าจะตั้งท้องอยู่ แต่ก็ยังคงออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายมีความฟิตอยู่เสมอ แต่ก่อนอื่นต้องบอกไว้ว่าย้อนกลับไปปีค.ศ. 2009 เธอเคยเป็นผู้เข้ารอบสุดท้ายในการประกวด Miss Australia ด้วยนะจ๊ะ อื้อหือ!! ว่าแล้วเชียว ราศีความงามยังจับอยู่เลยนะเนี่ย จากตอนแรกเธอกับเพื่อนของเธอ Nat ได้ลองเปรียบเทียบขนาดครรภ์กัน โดยที่ Nat ตั้งท้องก่อนเธอไปประมาณ 4 สัปดาห์ ส่วน Chontel เองก็เพิ่งจะตั้งท้องได้หมาดๆ เธอยังคงใช้ชีวิตตามปกติ ทั้งออกกำลังกายเป็นประจำ และเรื่องอาหารการกิน (โดยเฉพาะอันนี้ เธอชอบมาก) ราวกับท้องที่เพิ่มขึ้นมานั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบต่อลูกน้อยในครรภ์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะตะบี้ตะบันออกกำลังกายเพื่อรูปร่างที่สวยงามนะ เมื่อถึงจุดที่ควรจะต้องหยุดออกกำลังกายหนักแล้ว เธอก็หยุดทันที เกรงว่าจะเสี่ยงอันตรายต่อตัวเด็กในท้อง …
-
จัดให้หนัก!! 27 สุดยอดนักแสดงที่เปลี่ยนรูปร่างตัวเอง เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาทมากที่สุด
ว่ากันว่าในโลกภาพยนตร์คุณสามารถเสกสิ่งต่างๆ ขึ้นมาได้ด้วยพลังของเทคโนโลยี อุปกรณ์อันทันสมัย ล้วนแล้วแต่ที่จะกลั่นกรองออกมาจากมันสมองและสองมืออันเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ Christian Bale ในบทบาท Irving Rosenfield จากภาพยนตร์ American Hustle เพื่อให้ได้บทนี้เขาต้องเพิ่มน้ำหนัก แต่ทว่าในเรื่องของนักแสดงนั้น ไม่อาจสามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเทคโนโลยีหรือคอมพิวเตอร์ เพราะฉะนั้นเพื่อให้สมกับบทบาทที่ได้รับมา นอกจากจะต้องมีทักษะในการแสดงที่สูงแล้ว นักแสดงก็ต้องยอมทุ่มเทเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ใช่หรือใกล้เคียงกับตัวละครเหล่านั้นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งนักแสดงที่ 27 รายนี้คือบุคคลที่มีความพยายามสูงและต้องผ่านกระบวนการมามากมายกว่าจะไปถึงจุดที่เรียกได้ว่าเป็นตัวละครในภาพยนตร์ที่สมบทบาทมากที่สุด 1. Ryan Reynolds เพิ่มน้ำหนักอีก 11 กิโลกรัมสำหรับกล้ามเนื้อในเรื่อง Blade: Trinity เพื่อร่างกายดูกำยำและสมส่วนมากขึ้นในภาพยนตร์ แวมไพร์สุดระห่ำ Ryan จะต้องทำการเพิ่มน้ำหนักและเล่นกล้ามรีดออกมาให้ชัดที่สุด ดั่งฉากที่ต้องมีการโชว์เนื้อหนัง 2. Natalie Portman ลดน้ำหนัก 9 กิโลเพื่อรับบทเป็นนักเต้นบัลเล่ต์ในเรื่อง Black Swan สำหรับบท Nina Sayers นักเต้นบัลเล่ต์ของ Natalie Portman เธอจะต้องรับประทานแครอทและอัลมอนด์ตลอดช่วงเวลาที่รับบท…
-
Dana Falsetti สาวอวบที่จะมาแสดงให้คุณเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องผอมก็มีร่างกายยืดหยุ่นได้!!!
อ้วนแล้วมันหนักหัวใคร? อ้วนแล้วจะทำไม? สำหรับคำว่า ‘ความอ้วน’ นั้น แน่นอนว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าอ้วนเกินไปก็คงจะไม่ดีเท่าไหร่ แน่นอนเลยหลักๆ แล้วก็เพราะว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพนั่นแหละ เหมือนกับผู้หญิงคนนี้ Dana Falsetti ที่ตอนนี้เธอมีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากในอินสตาแกรมของเธอ หลังจากชีวิตเธอที่เคยน้ำหนักกว่า 130 กิโลกรัม Dana เริ่มเข้าไปออกกำลังกายในยิมและการตัดสินใจครั้งนั้นได้ทำให้เธอมีความสุขขึ้น แน่นอนว่าน้ำหนักของเธอลดลงไปมากมาย แต่เธอเริ่มรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้ เธอเลยลองเปลี่ยนการออกกำลังกายไปเล่นโยคะดู และนั่นแหละจุดเปลี่ยนล่ะ ‘ฉันเข้าไปครั้งแรกรู้สึกกลัวมาก เพราะขนาดฉันลดน้ำหนักมาเยอะแล้ว ฉันยังตัวใหญ่ที่สุดในคลาสอยู่ดี’ Dana กล่าว ‘ตอนชั้นเริ่มเล่นใหม่ๆ ชั้นแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย ขนาดการยกตัวขึ้น เพราะน้ำหนักที่มาก ฉันรู้สึกร้อนแขนไปหมด แต่กระนั้นก็เหมือนว่าร่างกายของฉันค่อยๆ ปรับตัว จากที่ทำได้กึ่งๆ กลางๆ ก็กลายเป็นทำได้ในที่สุด’ เธอกล่าวเพิ่มเติม จากครั้งแรกที่เธอกลัวว่าเธอจะไม่สามารถทำได้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าที่จริงแล้วร่างกายไม่ได้สร้างข้อกำหนดให้กับคุณหรอกนะ จิตใจของคุณต่างหาก ที่บอกกับตัวเองว่ายากไป หรือทำไม่ได้!!! ‘หลายๆ คนคิดว่าจำเป็นต้องผอม ร่างกายถึงจะยืดหยุ่นได้ แต่ที่จริงแล้วมันไม่ใช่เลยล่ะ’ เธอกล่าวเพิ่ม Teaching forearm balance (aka holding…
-
อินโฟกราฟฟิคสำหรับผู้ชื่นชอบซูชิ ทานซูชิอย่างไรให้ปลอดภัยและส่งผลดีต่อสุขภาพ!!
อาหารประจำชาติญี่ปุ่นคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามันต้องเป็น ‘ซูชิ’ ที่มีเอกลักษณ์แบบหาจากที่ไหนไม่ได้อีกแล้วบนโลกใบนี้ อีกทั้งยังโด่งดังไปทั่วโลก ทั้งฝรั่งและคนเอเชียต่างก็ชื่นชอบซูชิกันทั้งนั้น มีหลากหลายหน้าให้เลือก ยิ่งทำโดยฝีมือของชาวญี่ปุ่นด้วยแล้ว ยิ่งมั่นใจได้ว่าสะอาด อร่อยและดีต่อสุขภาพแน่นอน!! แต่อย่ามัวชะล่าใจกับซูชิจานหรูล่ะ ถึงแม้ว่าวัตถุดิบอันสดใหม่ทำให้หน้าตาของซูชิดูดี น่าทาน ก็อย่าให้มันมาหลอกคุณได้ เพราะภายในนั้นมันซ่อนปริมาณแคลอรี่อันมากมายมหาศาลเลยล่ะ ทาง Cleveland Clinic จึงได้จัดทำอินโฟกราฟฟิคฉบับย่อเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับซูชิกันซักนิด ต้องยอมรับเลยว่าทั่วโลกตอนนี้ ได้รับอิทธิพลของซูชิญี่ปุ่นไปแล้ว แต่ทว่าหากใครที่รักสุขภาพแล้วดันชอบทานซูชิด้วย งานนี้ต้องศึกษากันหน่อย ถ้าหากไม่อยากรับปริมาณแคลอรี่ในจำนวนที่มากเกินไปจากซูชิ ซูชิ – อาหารญี่ปุ่นที่ประกอบไปด้วยข้าวปั้นและวัตถุดิบที่โปะเป็นหน้า โนริ – สาหร่ายญี่ปุ่น ส่วนประกอบไว้ใช้ห่อข้าวปั้น เท็มปุระ – อาหารญี่ปุ่นชนิดชุบแป้งทอด ซาชิมิ – ปลาดิบ มิโซะ – ผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่น ส่วนมากจะทำมาจากถั่วเหลือง Roe หรือ 卵 (Tamago) – ไข่ปลา (ส่วนมากจะเป็นปลาแซลมอน) ประเภทของซูชิ Nigiri…
-
ดีไซเนอร์สาว เพ้นท์ตัวเองให้กลายเป็นตัวละครในภาพยนตร์-การ์ตูนดัง ผลลัพธ์ที่ได้มันเจ๋งโคตร!!
หลายครั้งเราได้นำเสนอผลงานศิลปะบอดี้เพ้นท์ ฝีมือของศิลปินจากทั่วโลกมาแล้วมากมาย ซึ่งผลงานเหล่านั้นก็ทำให้เพื่อนๆ เห็นแล้วใช่ไหมละว่า ‘บอดี้เพ้นท์’ มีทั้งความสวยงาม และความน่าตื่นตาตื่นใจทุกครั้งที่ได้มอง และในวันนี้เหมียวขี้อ้อนจะมานำเสนอผลงานบอดี้เพ้นท์สุดเจ๋ง ของ Kay Pike ดีไซเนอร์ และนางแบบสาวชาวแคนาดา วัย 28 ปี ที่มีความสามารถในการเพ้นท์ตัวเองให้กลายเป็นเหล่าตัวการ์ตูน ฮีโร่ รวมไปถึงวายร้ายชื่อดังที่หลายคนรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งผลงานแต่ละชิ้นที่เธอได้สร้างสรรค์ขึ้นมานั้น เห็นแล้วก็น่าภูมิใจแทนจริงๆ เพราะมันทั้งสวย และสมจริงตามต้นฉบับแบบเป๊ะๆ เลยละ เราไปชมกันเลยดีกว่าว่าเธอจะเพ้นท์เป็นตัวละครตัวไหนกันบ้าง เริ่มจาก Superman ตามด้วย Robin จาก Batman Nebula จาก Guardians of the Galaxy เท่โคตรๆ Skeletor ก็มา Hulk Spiderman ก็เหมือนจริงสุดๆ Two-Face จาก Batman นอกจากนี้เพื่อนๆ…
-
อายุเป็นเพียงตัวเลข!! สาวใหญ่มะกันวัย 48 ฟิตออกกำลังจนหุ่นแซ่บยิ่งกว่าวัยรุ่นซะอีก!!
เป็นธรรมดาที่เมื่อวันเวลาล่วงเลยไป ร่างกายของเราก็จะเสื่อมสภาพลง ผิวหนังเริ่มหย่อนคล้อย กล้ามเนื้อเริ่มไม่กระชับเหมือนสมัยตอนเป็นหนุ่มสาว แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งไม่ได้มีความคิดแบบนั้น และไม่ปล่อยให้อายุหรือความแก่ชรามาทำอะไรเธอได้เลย นี่เป็นเรื่องราวของสาวมะกันที่ชื่อว่า Laura Gordon สาวใหญ่วัย 48 ปี จากเมืองชาร์ลอต รัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเมริกา เธอได้รับความนิยมมากในโลกอินสตาแกรม เพราะเนื่องจากวัยที่เกือบจะเข้าสู่เลข 5 อยู่แล้ว แต่กลับมีหุ่นที่แซ่บลืม ทำให้ชาวเน็ตต่างกดติดตามดูเธออย่างล้นหลาม ภายใน IG ของเธอนั้นเต็มไปด้วยภาพอวดหุ่นเซ็กซี่ของเธอ ในชุดออกกำลังกายและกางเกงขาสั้นมากมาย ทำให้ตอนนี้เธอมียอดผู้ติดตามมากถึง 4.5 แสนคนทีเดียว โดยเธอเผยว่าในตอนแรกเธอไม่ได้ชื่นชอบการออกกำลังกายเท่าไหร่ แต่เธออยากจะมีหุ่นที่ดีจึงต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ Laura ได้เขียนข้อความลงใน IG ของเธอว่า ตนเองเริ่มออกกำลังกายแบบจริงจังมาตั้งแต่ตอนที่เธออายุได้ 23 ปี เธอศึกษาข้อมูลการออกกำลังกายผ่าน DVD สอนออกกำลังกายจากนั้นก็ฝึกฝนมาอย่างสม่ำเสมอ ส่วนเรื่องอาหารการกิน เธอกล่าวว่าเธอจะเลือกกินแต่ธัญพืช และอาหารพื้นๆ ไม่มีรสจัดและหลีกเลี่ยงการกินจังค์ฟู้ดด้วย ปัจจุบัน Laura ใช้ชีวิตแต่งงานมาได้…
-
ช่างภาพแนะ 6 เทคนิคการจัดท่าทางร่างกาย ที่จะทำให้ภาพถ่ายของคุณดูดีขึ้นเป็นกอง!!!
สำหรับการถ่ายภาพ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก กว่าจะได้ภาพสวยๆ สักภาพมาประดับเป็นรูปโปลไฟล์ เรียกได้ว่าอาจคัดมาเป็นสิบๆ ร้อยๆ ภาพเลยทีเดียว วันนี้ช่างภาพ Jodee Ball ช่างภาพจากรัฐโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เลยอยากจะมาแนะ 6 เทคนิคง่ายๆ ที่จะทำให้ภาพถ่ายของคุณดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นการจัดท่าจัดทางนี่แหละ การถ่ายแบบตรงๆ ไปเลยจะทำให้คุณดูอวบอ้วน ลองเอียงๆ ตามนี้ดูนิดๆ สิ สำหรับภาพนั่ง เทคนิคอยู่ที่การบาล้านซ์หัวไหล่ เอียงเล็กน้อย การจัดไม้จัดมือก็สำคัญเช่นกันสำหรับภาพแนวนี้ สำคัญมากๆ การทำให้หัวไหล่และมือที่กอดอกขนานกัน เอียงนิดหน่อยแค่นี้ภาพก็ดูดีขึ้นแล้วล่ะ ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลยว่ามั้ย อิอิ เพื่อนๆ ก็อย่าลืมเอาไปหัดใช้ หัดโพสต์กันนะจ๊ะ แล้วรับรองเลยว่ารูปถ่ายของเพื่อนๆ จะดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อน จนมีแต่คนมากระแทกไลค์ให้อย่างแน่นอน อิอิ ติดตามผลงานช่างภาพได้ที่ jpballphotography.com ที่มา: Boredpanda
-
ภาพ ‘ลิงภูเขา’ นอนแช่ในน้ำอุ่นอย่างชิลๆ ท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็น ดูท่าทางฟินมาก!!
ในอากาศที่หนาวเหน็บ หลายคนก็มักจะมองหาวิธีที่จะช่วยทำให้ร่างกายของเราอบอุ่น บ้างก็นั่งชิลๆ อยู่หน้าเตาผิง บ้างก็ลงไปนอนแช่ในน้ำอุ่นๆ และไม่ใช่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้น ที่ทำแบบนี้ได้ สัตว์โลกน่ารักๆ อย่างเจ้าลิงภูเขาเหล่านี้ก็ทำเช่นกัน ลองไปดูภาพของมันกันเลย เจ้าลิงภูเขา ที่เพื่อนๆ ได้เห็นกันนี้อาศัยอยู่ในภูเขาทางตอนเหนือของประเทศญี่ปุ่น มันเป็นลิงสายพันธุ์ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็นได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมันชอบแช่น้ำอุ่นมากๆ เลยละ ดูสิ…พวกมันกำลังแช่ในน้ำอุ่นอยู่ แถมยังนิ่งมากๆ เลย บ่อน้ำพุร้อนที่เพื่อนๆ เห็นกันนี้ ตั้งอยู่ที่ Jigokudani Monkey Park ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เคยเป็นภูเขาไฟมาก่อน ด้วยเหตุนี้มันจึงกลายเป็นแหล่งน้ำพุร้อนชั้นดีของเจ้าลิง แถมยังเป็นบ่อน้ำพุร้อนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้พวกมันได้ลงไปแช่กันอย่างชิลๆ โดยเฉพาะเลยนะ โอ้ววว น่าอิจฉาจัง ดูเหมือนพวกมันจะชอบแช่น้ำอุ่นเหมือนกันนะเนี่ย อยากลงไปแช่ด้วยจัง ในขณะที่มันอยู่ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ น้ำอุ่นนี่แหละที่จะช่วยให้มันรู้สึกผ่อนคลาย และร่างกายอบอุ่นขึ้น แหมๆๆๆ นอนสบายเลยนะเจ้าลิง เอ…ช่วงนี้อากาศบ้านเราก็เริ่มเย็นลงแล้วสินะ แบบนี้ต้องไปนอนแช่ในบ่อน้ำพุร้อนอุ่นๆ ซะหน่อยแล้ว ว่าแต่ไปที่ไหนดีละเมี๊ยว ที่มา…
-
พ่อหนุ่มยอมบินไกลข้ามยุโรป เสียเงินให้การศัลยกรรม เพื่อแลกกับ ‘ซิกแพค’ แบบถาวร
สมัยนี้ใครๆ ต่างก็หันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพและดูแลรูปร่างของตัวเองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายก็อยากจะมีรูปร่างที่ดูดีด้วยกันทั้งนั้น ถ้าให้พูดถึงสิ่งที่ชายทั้งหลายอยากจะมีบนร่างตัวเองมากที่สุดก็คือ ‘ซิกแพค’ กล้ามหน้าท้องงามๆ แต่กว่าจะได้มานั้นก็ยากเอาการ ชายทั่วโลกต่างเฝ้าฝันที่จะมีกล้ามหน้าท้องเป็นมัดๆ ทั้งหกก้อน บางคนก็ไปถึงฝัน แต่บางคนก็ถอดใจซะก่อน เพราะจะต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและควบคุมอาหารไปด้วย ซึ่งพ่อหนุ่ม Lee Coupland วัย 31 ปี ผู้นี้ก็อยากมีเหมือนกัน แต่หนทางของเขากลับแตกต่างออกไป เขาเดินทางไปยังเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกีเพื่อที่จะดูดไขมันส่วนเกินออกไปจากหน้าท้องก่อนที่จะโดนอาคมมีดหมอศัลยกรรมทำให้มีกล้ามหน้าท้องซิคแพคแบบถาวร ใช่แล้ว!! ซิกแพคแบบถาวร ซึ่งทางด้านเจ้าตัวเองก็บอกว่าตอนนี้มันยังเป็นเรื่องที่แปลก แต่อีกไม่นานก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดาอย่างการทำศัลยกรรมหน้าอกหรือจมูกของผู้หญิงนั่นแหละ สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ เขาไม่ใช่ชาวอังกฤษคนเดียวที่คิดแบบนี้ ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีชายชาวอังกฤษจำนวน 7 คนเข้ามาทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลแห่งนี้ไปแล้วเมื่อ 6 เดือนก่อน จากการผ่าตัดเสริมกล้ามหน้าท้องถาวรของเขานั้นจะต้องพักฟื้นยาวนานกว่า 7 สัปดาห์เลย แถมยังมีอาการแน่นหน้าอกตามมาอีก และหากใครที่คิดจะผ่าตัดทำซิคแพคถาวรขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่สามารถทำได้ทุกคน โดยอย่างแรกเลยก็คือต้องเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงและมีรูปร่างที่สมส่วน ถึงแม้ว่าเขาจะได้กล้ามหน้าท้องถาวรมาสมใจอยากแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกขี้เกียจที่จะออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย ‘การศัลยกรรมนี้เป็นเพียงตัวช่วยเสริมให้มันดูเด่นขึ้นมาเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องปาฏิหาริย์อะไรหรอก คุณก็ต้องออกกำลังกายเหมือนเดิมเพื่อที่จะรักษามันเอาไว้ แต่อย่างน้อยคุณก็มีกล้ามหน้าท้องอ่อนๆ…
-
การที่น้องหมาเอียงหัวในขณะที่เราพูดหรืออธิบายอยู่ มันกำลังตั้งใจฟังเราอยู่รึเปล่านะ!?
หากใครเป็นผู้ที่เลี้ยงสุนัขแล้ว การที่จะทำความเข้าใจระหว่างมนุษย์กับเจ้าตูบสี่ขานั้นมีหลากหลายวิธีมาก ไม่ว่าจะเป็นการใช้เสียงออกคำสั่ง การใช้ภาษากายต่างๆ แต่เคยสังเกตกันบ้างมั้ยว่าเวลาที่เราจ้องหน้าน้องหมาแล้วพูดอะไรบางอย่าง ทำไมน้องหมาถึงต้องเอียงหัวด้วย? หรือว่ามันกำลังตั้งใจฟังเราอยู่? ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญก็ได้ออกมาเปิดเผยเอาไว้ว่า การแสดงออกเหล่านี้ของสุนัขเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง และเป็นการตอบรับทางอารมณ์ของมนุษย์ผ่านการแสดงออกเล็กๆ น้อยๆ ของมนุษย์ตั้งแต่อารมณ์บนใบหน้ารวมไปถึงท่าทางต่างๆ และเสียงพูดของเราด้วย ไม่ว่าเราจะพูดอย่างไร แสดงอารมณ์ผ่านสีหน้าหรือท่าทางแบบไหน เจ้าตูบสี่ขาอันเป็นที่รักก็จะพยายามรับรู้ถึงอารมณ์ของคุณด้วยการเอียงหัว หมายความว่าฉันก็รู้นะว่าเธอหมายถึงอะไร อีกทั้งผู้เชี่ยวชาญก็ได้กล่าวในอีกแง่หนึ่งก็คือการที่น้องหมาเอียงหัวอาจจะมีเหตุผลอื่นๆ อีกด้วย เช่น เป็นการปรับประสาทการรับรู้เสียงผ่านหูให้ได้องศาที่ตรงกับแหล่งของเสียงนั่นเอง แต่ถึงแม้จะเข้าใจหรือไม่ก็ตาม เวลาที่จ้องหน้ากันแล้วน้องหมาเอียงหัวทำเหมือนว่าฟังเราอยู่มันก็น่ารักจริงๆ อ่ะเนอะ อิอิ ที่มา : unilad, psychologytoday, mentalfloss
-
จากอดีตพ่อหนุ่มผอมแห้งแรงน้อยตัวสูงโย่ง กลายมาเป็นหนุ่มล่ำบึ้กได้อย่างน่าเหลือเชื่อ!!
หนึ่งในความฝันของหนุ่มหลายรายที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูบึกบึนแข็งแรงมีกล้ามกับเขาบ้าง เหมียวอยากจะแนะนำให้รู้จักกับบุคคลนี้เลยล่ะ พี่แกมีชื่อว่า Martyn Ford วัย 33 ปี โดยที่ในอดีตของเขานั้นเป็นพ่อหนุ่มที่ผอมแห้งแรงน้อยตัวสูงโย่งมาก่อน แต่กลับกันในปัจจุบันร่างกายของเขานั้นเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากอดีตที่มีเพียงแค่หนังหุ้มกระดูก ดูไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง ตอนนี้เขากลายมาเป็นพ่อหนุ่มร่างยักษ์กล้ามเป็นมัดๆ โดยรวมมีน้ำหนัก 146 กิโลกรัม (323 ปอนด์) ผ่างงงงงงง!! ซึ่งเขาก็ได้กลายมาเป็นนักเพาะกายและเทรนเนอร์อย่างเต็มตัวแล้ว แถมยังได้รับบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง The Undisputed 4 เป็นตัวละครนักสู้ที่มีชื่อว่า Nightmare อีกด้วย โห!! ขนาดกล้ามของพี่แบบนี้ ก็เหมาะกับชื่อฉายาฝันร้ายของคู่ต่อสู้ทุกคนแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า ไหนจะกล้าม ไหนจะทั้งรอยสักอีก!! แต่ผมก็เป็นคนมุ้งมิ้งนะ เหมียวเองก็หวังว่าจะสามารถมีกล้ามเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับใหญ่เท่าของพี่ก็พอแล้ว ฮ่าฮ่า!!…
-
เผยงานวิจัยเกี่ยวกับอาหาร ชี้ชัดว่า ‘ชีส’ ส่งผลทำให้มีอาการเสพติดเหมือนกับยาเสพติด
เอ๊ะ!? มันยังไงกันแน่เนี่ย ไหงจู่ๆ ก็มาบอกว่าชีสเหมือนกับยาเสพติด ด้วยความอร่อยและความหอมอันเย้ายวนของมัน ทำให้หลายคนถึงกับพลาดพลั้งรับประทานมันเข้าไป ถึงแม้จะไม่บ่อยแต่ก็ทำให้ย้อนคิดอยากจะกินชีสอยู่เสมอ แน่นอน!! ด้วยความอร่อยของมันปฏิเสธิไม่ได้จริงๆ แหละ โดยมีผลการวิจัยที่ถูกเผยแแพร่ผ่าน U.S. National Library of Medicine (หอสมุดทางการแพทย์สหรัฐฯ) ได้กล่าวเอาไว้ว่าพิซซ่าเป็นอาหารที่มีผู้คนเสพติดมากที่สุด ซึ่งสาเหตุหลักๆ แล้วมาจาก ‘ชีส’ แทบทั้งสิ้น โดยเจ้าชีสผู้ร้ายกาจนี้ ประกอบไปด้วยสารที่ชื่อว่า เคซีน เป็นโปรตีนที่มาจากผลิตภัณฑ์นมทั้งหลายแหล่ มันจะแสดงพลังในตอนที่เราย่อยอาหารและปล่อยสารที่ชื่อว่า Casomorphin ออกมา เข้าไปประกบกับตัวรับสารโดพามีนที่สื่อกับระบบประสาท จนทำให้กลายเป็นสารเสพติดไปโดยปริยาย สั้นๆ ง่ายๆ เลยก็คือ กินแล้วติดใจ อยากจะกินอีก โหยหาชีสอยู่ร่ำไป ไม่ใช่ความผิดของเราหรอก แต่เพราะมันอร่อยต่างหาก!! แต่กินเยอะๆ ก็หยุดได้เหมือนกัน มันเลี่ยน!! เว้นเสียแต่ว่าติดใจรสชีสจริงจัง กินยังไงก็ไม่เลี่ยน ที่มา : thechive
-
Rene Campbell สาวนักเพาะกายกล้ามล่ำบึก เพราะการมีกล้ามมันทำให้เธอมั่นใจมากขึ้น!!
โดยปกติทั่วไปแล้วเพศหญิงหรือหญิงสาวมักจะมาคู่กับความงามบนเรือนร่าง หุ่นผอมเพรียวหรือไม่ก็อวบอั๋นเจ้าเนื้อ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนิยามความงามของแต่ละคน แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะคู่กับชายหนุ่มกำยำร่างใหญ่นั่นก็คือ ‘กล้าม’ กลับไปอยู่กับเธอคนนี้แทน!! Rene Campbell วัย 38 ปีผู้นี้ คือหนึ่งในหญิงสาวนักเพาะกายที่มีกล้ามอันล่ำบึกและหนักแน่น เนื่องจากว่าเธอเป็นบุคคลที่ประสบกับโรคไบกอร์เร็กเซีย (Bigorexia) เป็นโรคทางจิตชนิดหนึ่งที่คิดว่าตัวเองมีขนาดเล็กเกินไปและไม่มีความกำยำล่ำสัน ไม่พอใจรูปร่างตัวเอง เธอได้เปิดเผยว่าจากการที่เธอพยายามเพาะกายให้ดูแข็งแรงมีกล้ามเนื้อนั้น ทำให้เธอมีความมั่นเพิ่มมากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้เธอเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ยอมออกไปไหนเลย เนื่องจากไม่มั่นใจในตัวเอง แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ต้องมีความอดทนและมีระเบียบวินัยที่สูงมาก จะต้องทำการฝึกฝนและทำการเพาะร่างกายอย่างถูกต้อง การดูแลรักษาสุขภาพ และการควบคุมอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ จนในที่สุดเธอก็ทำได้สำเร็จตามที่หวังเอาไว้ จะว่าไปแล้วเหมียวรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้แฮะ ยังทำใจให้รู้สึกชินกับผู้หญิงมีกล้ามใหญ่ๆ แบบนี้ไม่ได้ ฮ่าฮ่า!! แต่ก็ยินดีกับเธอที่ค้นพบตัวตนของตัวเองได้สำเร็จ ส่วนใครที่ยังไม่รู้ตัวตนของตัวเองก็ขอให้เจอภายในเร็ววันนะจ๊ะ ดูกล้ามเนื้ออันหนาแน่นนั่นสิ ยิ่งกว่าผู้ชายซะอีกแหนะ!! ที่มา : unilad
-
เรื่องง่ายๆ ที่ไม่ควรมองข้ามกับการ ‘ล้างมือ’ ให้สะอาด จะต้องใช้เวลากี่วินาที!?
ในแต่ละวันเราจะต้องพบเจอกับมลพิษต่างๆ มากมาย และหนึ่งสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยก็คือการหยิบจับสิ่งของหรือสัมผัสกับสิ่งต่างๆ ผ่านมือของเราเอง ทั้งๆ ที่เราคิดว่าสะอาดแล้ว แต่พอนานๆ เข้าก็เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดีเลยแหละ โดยภาพนี้แสดงให้เห็นถึงมือของมนุษย์ที่เต็มไปด้วยเชื้อโรค โดยมือนี้ยังไม่ได้ทำการล้างแต่อย่างใด จะสังเกตเห็นได้ว่าเต็มไปด้วยสีขาวโพลนเลย!! สภาพของมือหลังจากที่ล้างแบบผ่านๆ มาต่อกันที่สภาพของมือหลังจากที่ล้างด้วยการแช่น้ำเป็นเวลา 6 วินาที ถัดมาคือการล้างมือด้วยสบู่อีก 6 วินาที สีขาวๆ เริ่มจางหายไปแล้ว ถึงแม้จะล้างด้วยสบู่แต่ก็ยังไม่สะอาดพอ ต้องล้างให้นานกว่านี้อีกเป็นระยะเวลา 15 วินาที แต่ถ้าจะให้สะอาดหมดจดจริงๆ ก็ควรที่จะล้างมือด้วยสบู่เป็นระยะเวลา 30 วินาที อย่างมากก็กำจัดเชื้อโรคออกไปได้เกือบหมดแล้วล่ะ อาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะว่าเราจำเป็นที่จะต้องใช้มือในการสัมผัส และก็คงไม่อยากนำเชื้อโรคมาสัมผัสตัวกันใช่มั้ยเอ่ย? ที่มา : thechive
-
นักวิทย์เผยเห็ดประหลาดบนเกาะฮาวาย สามารถทำให้คุณผู้หญิงถึงจุดสุดยอดได้เพียงแค่ ‘ดม’
เหมียวไม่ได้จะทะลึ่งตึงตังอะไรหรอกนะ แต่คิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจมากๆ เลยล่ะ กับสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่า’ เห็ด’ เนี่ยมันสามารถทำอะไรมากกว่าการเป็นอาหารของมนุษย์ เพราะมันสามารถช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของผู้หญิงได้เพียงแค่สูดดมกลิ่นของมันเท่านั้น!! โดยผู้ค้นพบก็คือ John Halliday และ Noah Soule สองนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความมหัศจรรย์ของเจ้าเชื้อราที่มากับเห็ดสีส้มปริศนาที่ว่านี้จากเกาะฮาวาย บรึ้มมมมมมมมมมมม!! อ่าห์ ซึ่งนำมาศึกษาและทดลองกับอาสาสมัครหลายราย และได้รับการตีพิมพ์อยู่ในวารสาร International Journal of Medicinal Mushrooms โดยผลการทดลองนั้นเผยให้เห็นว่า เหล่าอาสาสมัครผู้หญิงที่สูดดมกลิ่นเห็ดสีส้มที่ว่าเข้าไปปุ๊บก็จะเกิดอาการถึงจุดสุดยอดได้ทันที ซึ่งก็สรุปผลการทดลองได้ว่า ‘สารคล้ายฮอร์โมนมนุษย์ที่อยู่ในความผันผวนของสปอร์ ทำหน้าที่เป็นสารสื่อกับประสาทของมนุษย์ ก่อให้เกิดอาการดังกล่าว’ อย่างไรก็ตามเจ้าเห็ดที่ว่านี้ จะผุดขึ้นมาในกระแสลาวาเท่านั้น ซึ่งจะต้องเป็นช่วงเวลาที่เกิดภูเขาไฟปะทุ แถมยังมีเฉพาะที่เกาะฮาวายด้วย หายากสุดๆ แต่น่าแปลกตรงที่ว่าถ้าผู้ชายดมแล้วจะรู้สึกเหม็นและขยะแขยงอย่างบอกไม่ถูก เอ๊ะ!? มันยังไงกันล่ะเนี่ย ที่มา : thechive, iflscience
-
ครูชีวะฯ สุดเฟี้ยว!! ใช้วิธีสอนเกี่ยวกับ “ร่างกายมนุษย์” ที่แหวกแนวกว่าใครๆ
การเรียนชีวะนั้น สำหรับเหมียวแล้ว เหมียวมองว่ามันยากมากๆ ถึงแม้ว่ามันไม่ต้องคำนวนอะไรก็ตาม แต่ทั้งหมดในเนื้อหาต้องใช้ความเข้าใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งเราต้องพยายามจินตนาการถึงสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นหรือไม่เคยเห็นมาก่อนได้ Debby Heerkens คุณครูสอนชีวะที่โรงเรียน Groene Hart Rijnwoude ในประเทศเนเธอร์แลนด์จึงได้คิดวิธีที่จะทำให้เด็กๆ สามารถจดจำสิ่งที่เธอสอนได้อย่างเห็นภาพและเข้าใจ เธอจึงออกมายืนบนโต๊ะหน้าห้อง แล้วถอดเสื้อผ้าออก เผยให้เห็นชุดที่เธอใส่มา ซึ่งเป็นลวดลายของร่างกายมนุษย์ที่วาดลงบนผ้าได้อย่างถูกต้องและสวยงาม ส่วนอีกชุดที่เธอใส่นั้นก็เป็นชุดที่วาดลวดลายของโครงกระดูกของเรา เธอได้บอกว่าไอเดียนี้ได้มาจากการที่เธอไปเห็นคนใส่เลกกิ้งที่มีลวดลายคล้ายๆแบบนี้ เธอก็เลยลองไปหาในเน็ตแล้วก็สั่งซื้อมา ซึ่งทางคุณครูท่านอื่นก็อนุญาตให้เธอทำด้วย เธอยังกล่าวอีกว่าเวลาสอนเสร็จเด็กๆยังถามเลยว่าจะมีสอนเรื่องนี้อีกเมื่อไหร่ เราไปชมคลิปการสอนของเธอกันเลย ที่มา boredpanda
-
น้องเหมียวฮีโร่ รับลูกกระสุนปริศนาแทนเด็กชายที่กำลังหลับอยู่ ช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้!!
ความอันตรายในชีวิตนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้กระทั่งในเวลาที่เราอยู่ภายในบ้านของเราเอง อย่างเช่นในกรณีนี้ที่เกิดขึ้นในรัฐ Pennsylvania จู่ๆ เสียงปืนดังขึ้นและกระสุนปริศนาก็พุ่งเข้ามาภายในบ้านทะลุผ่านผนังบ้าน เข้าที่เจ้าเหมียวชื่อว่า Opie ไปเต็มๆ ในช่วงเวลาเกิดเหตุนั้น Angelica Sipe คุณแม่ของลูกชายวัยสามขวบได้ยินเสียงปืนดังขึ้นก็รีบไปหาลูกชายที่กำลังนอนหลับอยู่บนโซฟา โชคดีที่ลูกชายของเธอไม่เป็นอะไร แต่กระสุนกลับทะลุผ่านร่างเจ้าเหมียว Opie เข้าบริเวณเหนือตาข้างซ้าย ผ่านคอและทะลุไปถึงไหล่ การที่เจ้าเหมียว Opie ได้รับบาดเจ็บสามารถช่วยชีวิตลูกชายของเธอได้อย่างมหัศจรรย์ เพราะช่วยลดความเร็วของกระสุนได้ ไม่เช่นนั้นเด็กชายอาจจะเสียชีวิตในทันที แต่อย่างไรก็ตามน้องเหมียวก็ได้ความเจ็บปวดจากการถูกยิงทำให้กล้ามเนื้อได้รับความเสียหาย ค่าการผ่าตัดรักษาน้องเหมียวนั้นเป็นเงินจำนวนมากประมาณ 36,424 บาท (1,000 ดอลลาร์) ซึ่งยังไม่รวมค่ารักษาอื่นๆ ที่จะมีเพิ่มเติมภายหลัง จึงมีคำแนะนำว่าให้ปล่อยมันตายดีกว่ารักษา แต่เธอกลับเลือกที่จะรักษามันไว้ เพราะมันคือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิตลูกชายของเธอ ตอนนี้เจ้า Opie ได้รับการผ่าตัดรักษาอาการบาดเจ็บจนพ้นขีดอันตรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ในช่วงพักฟื้นร่างกาย ซึ่งหวังว่ามันจะกลับมาเป็นปกติในไม่ช้า เอ็งเป็นเหมียวที่อึดจริงๆ เลยเจ้า Opie สู้ๆ นะ ที่มา :…
-
เจ้า Shakes เหมียวน้อยอายุ 8 สัปดาห์ที่เกิดมาพร้อมกับโรคระบบประสาท แต่ไม่ย่อท้อต่อชีวิต!!
ชีวิตแต่ละชีวิตนั้นเลือกเกิดไม่ได้ ซึ่งอาจจะเป็นความโชคร้ายที่เกิดมาพร้อมกับความไม่ปกติ อย่างเช่นน้องเหมียวน้อย Shakes จากเมืองมุมไบ ประเทศอินเดียตัวนี้ มันมีอายุเพียงแค่ 8 สัปดาห์เท่านั้น และทนทุกข์ทรมานกับโรคระบบประสาทที่ติดตัวมันไปตลอดชีวิต เรื่องราวของน้องเหมียว Shakes ถูกบอกเล่าผ่านคลิปวิดีโอโดย World For All องค์กรพิทักษ์สัตว์จากมุมไบ โดยที่อาการของน้องนั้น ย่ำแย่มากๆ ประสบกับโรค Feline Cerebellar Hypoplasia ที่ทำน้องไม่สามารถควบคุมระบบประสาทได้ ส่งผลให้ร่างกายมีการสั่นตลอดเวลา และเจ้า Shakes จะต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตของมัน ถึงแม้ว่าจะแย่แค่ไหนก็ตาม น้องเหมียว Shakes ยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนกับแมวทั่วไป ที่มีทั้งความน่ารักและความซนประสาแมวเด็ก แต่สิ่งเดียวที่น้องยังขาดก็คือความรักที่จริงใจโดยไม่มีเงื่อนไข ปัจจุบันน้องเหมียว Shakes ยังคงเป็นแมวจรอยู่ หวังว่าจะได้พบบ้านอันแสนอบอุ่นในเร็วๆ วันนี้นะ SHAKESThis is the story of amazing SHAKES! 🙂 Posted by…
-
ชายหนุ่มผู้สูญเสียขาจากอุบัติเหตุรถยนต์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการออกกำลังกาย!!
เรื่องราวของวัยรุ่นชาวรัสเซียนามว่า Sergei Kutovoy ที่เติบโตในกรุง Moscow โดยที่เขานั้นได้ใช้ชีวิตตามสไตล์วัยรุ่นทั่วไป ออกไปเที่ยวกับเพื่อน จีบหญิงตามประสา จนกระทั่งเมื่อถึงช่วงอายุ 17 ปี เป็นจุดที่เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาล โศกนาฏกรรมร้ายแรงจากอุบัตเหตุรถชน ส่งผลทำให้เขาต้องสูญเสียขาไปหนึ่งข้าง กลายมาเป็นผู้พิการที่ต้องอยู่บนวีลแชร์ตลอดชีวิต และนำไปสู่ความซึมเศร้าที่อยู่ในห้วงลึกของจิตใจ จนกระทั่งน้ำหนักตัวเขาเพิ่มไปจนถึง 136 กิโลกรัม!! เมื่อเริ่มรู้ตัวว่าเคลื่อนไหวไปไหนก็ลำบากยิ่งกว่าเดิม นอกจากจะพิการแล้วยังมีพฤติกรรมซึมเศร้าและเป็นโรคอ้วนอีก เขาตระหนักได้ว่าไม่อยากโศกนาฏกรรมนี้กลืนกินชีวิตของเขา ก็เลยตัดสินใจเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเองด้วยการออกกำลังกายอย่างจริงจัง!! ด้วยความช่วยเหลือของเพื่อนๆ และเทรนเนอร์ส่วนตัว นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในทางที่ดีขึ้น ภายหลังสองปีจากอุบัติเหตุรถชนในครั้งนั้น เขาสามารถฟิตหุ่นตัวเอง จากหนุ่มอ้วนพิการซึมเศร้ากลายมาเป็นหนุ่มวีลแชร์หุ่นดี ทั้งล่ำ ทั้งแซ่บ ได้ขนาดนี้ แม้ว่าร่างกายจะพิการ แต่ไม่ยึดติดกับอดีตอันเลวร้ายที่ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็ถือว่าเยี่ยมยอดแล้วล่ะ ปัจจุบันเขามีแฟนใหม่แล้วด้วยนะเนี่ย ที่มา :…
-
เชื่อหรือไม่ว่าคุณครูสอนโยคะท่านนี้ อายุมากถึง 95 ปีแล้ว แต่ดูยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย!!
การออกกำลังกายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยยืดอายุให้ยาวนานขึ้นได้ เพราะนั่นหมายถึงการมีสุขภาพที่ดี ระบบภายในต่างๆ ยังทำงานได้ดีเยี่ยม แต่ถ้าจะบอกว่าคุณครูสอนโยคะจากตุรกีนามว่า Kazim Gurbuz ท่านนี้มีอายุยืนมากถึง 95 ปีแล้วล่ะ!? จะเชื่อกันบ้างมั้ยเนี่ย ก็เพราะว่ายังดูหนุ่มอยู่เลย ไม่เหมือนผู้สูงอายุในวัยเดียวกันแม้แต่น้อย ซึ่งตัวเขาเองก็กล่าวเอาไว้ว่าปัจจัยหลักที่ทำให้มีอายุยืนยาวได้นั้นก็มาจากโยคะและการควบคุมอาหาร จึงทำให้เขายังมีสุขภาพที่ดีและรูปร่างที่ยังดูหนุ่มอยู่นั่นเอง แทบจะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลยว่าคุณปู่มีอายุ 95 ปีแล้ว ไม่มีท่าทางเหมือนผู้สูงอายุเลย หากใครอยากมีอายุยืนก็ขอให้รักษาสุขภาพกันให้ดีนะจ๊ะ ที่มา : thechive
-
ผลวิจัยชี้!! การดื่มกาแฟในช่วงเวลาเช้า เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่งยวด
โดยปกติแล้ว มนุษย์วัยทำงานหรือมนุษย์ผู้เสพติดกาแฟก็มักจะชงกาแฟร้อนๆ ซักหนึ่งแก้วเพื่อจิบเสริมพลังให้กับตัวเอง จะได้ตื่นตัวจากการอาการงัวเงีย แต่หารู้ไม่ว่าการจิบกาแฟในตอนเช้าส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างแรง!! จากผลวิจัยล่าสุดเผยว่าในช่วงเช้าร่างกายของเราจะมีฮอร์โมนคอร์ติซอลสูงมากๆ ซึ่งจะช่วยต่อสู้กับความเครียดที่เรามีและกำจัดออกไป แต่ทว่าหากเราดื่มกาแฟในตอนเช้าปุ๊บ ปัญหาก็จะตามมาอยู่สองอย่าง อย่างแรกก็คือระบบของร่างกายจะสามารถสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอลได้น้อยลง และความเครียดก็จะตามมา อย่างที่สองก็คือร่างกายจะมีความอดทนต่อคาเฟอีนมากขึ้น เพราะมันเข้าไปแทรกแทนที่ฮอร์โมนคอร์ติซอลเลย!! แล้วเวลาไหนล่ะที่จะเหมาะกับการดื่มกาแฟ เวลานั้นก็คือช่วง 10 โมงเช้าไปจนถึงเที่ยง และช่วงระหว่างบ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ที่มา : time, fooyoh
-
เมื่อส่งภาพผู้หญิงให้ดีไซเนอร์ใน 18 ประเทศตัดต่อ สะท้อนให้เห็นทัศนคติ ‘ความสวยงาม’ ของแต่ละประเทศ
ถ้าจะให้พูดถึงความสวยงามของผู้หญิง แน่นอนว่าไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าความสวยของผู้หญิงจริงๆ แล้วเป็นแบบไหน ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีพิมพ์นิยมในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ด้วยเหตุนี้เองทาง Superdrub Online Doctor ก็ได้ขอให้กราฟฟิคดีไซน์เนอร์ของแต่ละประเทศจากทั้งหมด 18 ประเทศ ตัดต่อรูปภาพต้นฉบับของหญิงสาวรายหนึ่งให้ออกมาตามความสวยที่ชาติตัวเองนิยม มุมมองความสวยของแต่ละประเทศจะออกมาเป็นอย่างไร สามารถรับชมกันได้เลยจ้า อาร์เจนตินา จีน โคลอมเบีย อียิปต์ อิตาลี เม็กซิโก เนเธอร์แลนด์ เปรู ฟิลิปปินส์ โรมาเนีย แอฟริกาใต้ สเปน ซีเรีย สหราชอาณาจักร ยูเครน เวเนซุเอลา สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนแล้วล่ะ ความสวยความงามไม่อาจนิยามตายตัวได้ ก็คนเรามีความชอบไม่เหมือนกันนี่เนอะ…
-
ชวนทำ ‘ท่าออกกำลังกายคู่รัก’ แบบง่ายๆ ที่จะช่วยให้หัวใจของคุณแข็งแรงไปอีกนาน
การออกกำลังกายนอกจากจะทำให้เรามีรูปร่างที่ดีแล้ว ยังทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงอีกด้วย และยิ่งได้ออกกำลังกายไปพร้อมๆ กับคนรักล่ะก็ รับรองว่ามันจะต้องเป็นโมเม้นท์ที่ฟินที่สุดแน่ และถ้าหากเพื่อนๆ ลองเปลี่ยนจากการชวนแฟนไปเที่ยว แล้วชวนมาออกกำลังกายแทน แน่นอนว่าความสัมพันธ์ของคุณทั้งคู่จะดูแข็งแรงขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ ถ้าอย่างนั้นเราลองไปดูตัวอย่างการออกกำลังกายแบบแพ็คคู่กันเลย แอร๊ยยยยบางทีก็แอบอิจฉา แข็งแรงกันจริงๆ เรามาชมคลิปกันเลยจ้า คลิปที่ 2 แหมๆๆๆๆ คนมีคู่ช่างดูน่าอิจฉาจริงๆ เหมียวนี่อยากมีโมเม้นท์แบบนี้บ้างจัง ส่วนใครที่มีคู่ก็อย่าช้า รีบพาคนรักของคุณมาออกกำลังกายไปพร้อมๆ กันเลย เอ้า…เริ่ม!! ที่มา : calisthenicsbarztv
-
ศิลปินนำความงามบนเรือนร่างมนุษย์ และไฟ Black Light มาผสมผสานเป็นงานศิลปะได้อย่างลงตัว
งานศิลปะที่เพื่อนๆ ได้เห็นกันอยู่นี้ เป็นผลงานที่มีชื่อว่า ‘Bodyscapes’ หรือ จิตรกรรมบนเรือนร่างมนุษย์กับไฟสะท้อนแสง ซึ่งเป็นผลงานของศิลปิน John Poppleton นั่นเอง John Poppleton เป็นคนที่ชื่นชอบความงดงามบนเรือนร่างของมนุษย์ และแสงไฟ Black Light ดังนั้นเขาจึงเกิดไอเดียในการนำของสิ่งนี้มารวมกัน และทำให้เกิดเป็นผลงานศิลปะได้อย่างงดงามจนเกินคำบรรยาย ซึ่งผลงานทั้งหมดที่เขาได้รังสรรค์มันขึ้นมานั้น ถือเป็นผลงานที่สวยงาม และน่าทึ่งมากๆ เลยทีเดียว และถ้าหากคุณได้เห็นผลงานทั้งหมดของเขา รับรองว่าคุณจะต้องชื่นชอบ และหลงใหลในความงดงามของงานบอดี้เพ้นท์เหล่านี้อย่างแน่นอน และนี่คือผลงานทั้งหมดของเขา หากใครที่ชื่นชอบผลงานของ…
-
รู้หรือไม่? ‘น้ำอุ่น’ มีประโยชน์มากขนาดไหน หากคุณอยากรู้ก็เชิญเข้ามาค้นหาคำตอบได้เลย
คนส่วนใหญ่มักจะชอบดื่มน้ำเย็นมากกว่าน้ำอุ่น เพราะน้ำเย็นจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น แต่ใครจะรู้ล่ะว่า ความจริงแล้วการดื่มน้ำอุ่นนั้นมีประโยชน์ และดีต่อร่างกายมากขนาดไหน และนี่คือ 12 ประโยชน์ของการดื่มน้ำอุ่น รับรองว่าหากคุณได้อ่านแล้ว เหมียวเชื่อว่าคุณจะต้องหันมาดื่มน้ำอุ่นกันมากขึ้นแน่นอน 1.ลดน้ำหนัก หากคุณดื่มน้ำอุ่นกับมะนาวสัก 1 แก้ว จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ เพราะน้ำอุ่นนั้นจะช่วยทำลายเนื้อเยื่อไขมันในร่างกายของเรา แถมยังช่วยบำรุงกระบวนการเผาผลาญให้ดีขึ้นอีกด้วย 2.ลดอาการคัดจมูกและเสมหะในลำคอ หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า เมื่อเราเป็นโรคไข้หวัด ไอ หรือเจ็บคอ น้ำอุ่นนี่แหละที่สามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 3.ปวดประจำเดือน สาวๆ คนที่ไหนที่มักจะปวดท้องจากการเป็นประจำเดือน ก็สามารถนำน้ำร้อนมาใส่ในถุงน้ำร้อน แล้วนำมาประคบที่ท้องได้ เพื่อกล้ามเนื้อหน้าท้องจะได้ผ่อนคลาย และทำให้อาการปวดท้องค่อยๆ บรรเทาลง 4.ล้างพิษ การดื่มน้ำอุ่น ผสมน้ำมะนาวนั้น จะทำให้เหงื่อออก และอุณหภูมิในร่างกายจะสูงขึ้น อีกทั้งการดื่มน้ำอุ่นจะสามารถช่วยปล่อยสารพิษ และทำความสะอาดร่างกายได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 5.ป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร หากสาวๆ อยากให้ผิวดูเนียนใสและเด็กขึ้น ลองดื่มน้ำอุ่นดูสิ เพราะน้ำอุ่นจะเพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวของสาวๆ ได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ 6.ป้องกันการเกิดสิว นอกจากน้ำอุ่นจะสามารถทำความสะอาดร่างกายได้อย่างล้ำลึกแล้ว มันยังช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิวได้อีกด้วย …
-
ประโยชน์ดีๆ ที่ควรทำตาม กับการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอนหลับ!!
เวลานอนเคยเป็นกันบ้างมั้ย อาจจะทั้งเผลอและตั้งใจกับการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอนหลับ ส่วนเท้าอีกข้างก็ซุกเอาไว้ใต้ผ้าห่ม บางคนอาจจะไม่เคยทำเลยก็ได้ ซุกเท้าเอาไว้ทั้งสองข้างอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่อย่างนั้น แต่รู้มั้ยเอ่ย? การเหยียดเท้าโผล่ออกมาหนึ่งข้างตอนนอนเนี่ยมีประโยชน์กับร่างกายมากๆ เลยนะ ด้วยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่จะมาอธิบายให้เราเข้าใจได้ง่ายๆ กับประโยชน์ของการเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างตอนนอน การเหยียดเท้าออกมาหนึ่งข้างนั้นจะช่วยลดอุณหภูมิของร่างกายได้อย่างไม่น่าเชื่อ เพราะฉะนั้นหากรู้สึกร้อนแต่ไม่อยากถีบผ้าห่ม ก็ลองเหยียดเท้าออกมาซักหนึ่งข้างนะ จะช่วยได้ ถ้าอยากรู้ว่าจริงมั้ย คืนนี้ก็ลองเลย!! ที่มา : fooyoh