Tag: ร้ายแรง
-
“ความเหงา” อาจไม่ได้ฆ่าเรา แต่ผลลัพธ์มันเลวร้าย ไม่ต่างกับดูดบุหรี่วันละ 15 มวน
เราอาจเคยได้ยินประโยคที่ว่า “ความเหงาไม่เคยฆ่าใคร” แต่ว่ามันก็อาจเป็นสิ่งที่ทำร้ายสุขภาพกายและใจของเราได้เป็นอย่างมาก ยิ่งสำหรับเด็กรุ่นใหม่ในปัจจุบันด้วยแล้ว คำพูดที่ว่ามานั้นได้รับการอธิบายโดยมหาวิทยาลัย California Los Angeles (UCLA) เมื่อพวกเขาจัดทำเกณฑ์การประเมินระดับความเหงาของคน โดยผลสำรวจบอกว่าเด็ก Gen Z (อายุ 18-22 ปีในยุคนี้) ต้องเผชิญกับความเหงามากยิ่งกว่าคนสูงอายุซะอีก การสำรวจโดยบริษัทประกันชีวิต Cigna ชี้ให้เห็นว่า วัยรุ่นในช่วง Gen Z มีคะแนนระดับความเหงาอยู่ที่ 42 คะแนน ในขณะที่ผู้สูงอายุ (อายุมากกว่า 72 ปี) มีเพียง 39 คะแนนเท่านั้น David Cordani ประธานบริษัท Cigna บอกว่าสาเหตุของความเหงาในวัยรุ่นนั้น เกิดจากการที่พวกเขามักจะเล่นโซเชียลมีเดียมากจนเกินไป ซึ่งคนที่เล่นโซเชียลมีเดียมากๆ จะมีความรู้สึกโดดเดี่ยว อ้างว้าง เหมือนกับคนที่แทบไม่ได้เล่นโซเชียลมีเดียเลย เขาอธิบายว่าสิ่งที่จะช่วยทำให้เรารู้สึกหลุดพ้นจากความเหงา คือการที่เราต้องสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในสังคมอย่างมีความหมาย ไม่ใช่การที่เราแค่เลื่อนดูเฟซบุ๊กไปมาหรือเข้าไปเช็กโปรไฟล์ของคนรู้จักอย่างที่เราทำกันในปัจจุบัน ยิ่งไปกว่านั้น การที่เรามีความเหงาและโดดเดี่ยวจะส่งผลเสียไปยังสุขภาพกายและใจของเราได้เป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความเครียด อาการซึมเศร้า นำไปสู่โรคเรื้อรังหลายต่อหลายอย่าง ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ…
-
เรื่องราวของ Stanislav Petrov นายทหารผู้หยุดยั้งไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 เมื่อปี 1983
ทหารผู้ปกป้องประเทศทั้งหลาย นอกจากการที่ต้องออกไปรบกับข้าศึกโดยตรงแล้ว ภายในห้องสั่งการเองก็ยังต้องพบกับความตึงเครียดต่างๆ มากมาย ทั้งเรื่องการวางแผนการรบและการบริหารจัดการกองทัพของตนเอง และสิ่งที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ต้องเด็ดขาดและรอบคอบ เพราะไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายมากไปกว่าเดิมก็ได้ เหมือนกับชายคนนี้ที่มีชื่อว่า Stanislav Petrov ผู้ที่สามารถหยุดยั้งไม่ให้เรื่องราวบานปลายจนอาจเกิดเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ เขาคือหนึ่งในทหารอากาศแห่งสหภาพโซเวียต ซึ่งเหตุการณ์สำคัญที่เขาได้ทำลงไปก็คือ ในวันที่ 26 กันยายน 1983 เรื่องราวที่อาจทำให้มหาอำนาจอย่างโซเวียตและอเมริกาในขณะนั้น ต้องห่ำหั่นกันจนเกิดเป็นสงครามได้ ในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน ดาวเทียมของโซเวียตสามารถจับสัญญาณเจอขีปนาวุธจำนวนมาก ที่ถูกยิงมาจากฝั่งอเมริกา ทำให้เกิดความแตกตื่นและโกลาหลเป็นอย่างมาก ตอนนั้นเขาสงสัยว่าระบบคอมพิวเตอร์อาจมีความบกพร่อง ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่แน่นอน 100 เปอร์เซนต์ เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอาจมีการยิงมาจริง จะทำให้โซเวียตต้องถูกโจมตีก่อนและเป็นฝ่ายเสียเปรียบ อีกทั้งเชื่อว่าถ้าหากยิงสวนกลับไป ขีปนาวุธมากมายอีกหลายร้อยลูกจะต้องตามมาจากฝั่งโน้นแน่นอน เพราะอย่างนั้นจึงทำให้การตัดสินใจในครั้งนี้เป็นเรื่องที่สร้างความกดดันให้กับตัวเขาเองเป็นอย่างมาก เขาได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว BBC ในปี 2013 ว่า “สิ่งที่ผมต้องทำทั้งหมดตอนนั้นมีเพียงแค่ โทรหาผู้บัญชาการสูงสุดโดยตรง ทว่าผมกลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนกระทะร้อน” ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจโทรไปเพื่อแจ้งเรื่องความผิดปกติของระบบ หลังจากนั้นผ่านไป 23 นาทีเขาก็ยังคงไม่ได้รับข่าวสารใดเพิ่มเติม ซึ่งหากมีการโจมตีกันจริง พวกเขาที่อยู่ที่นั่นจะต้องรับรู้ได้แล้ว สุดท้ายจึงพบว่าสัญญาณที่เจอเข้านั้นเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดของดาวเทียม ที่เห็นเงาสะท้อนบนก้อนเมฆเป็นขีปนาวุธ แสดงให้เห็นถึงข้อผิดพลาดในระบบเตือนภัยล่วงหน้าของโซเวียต และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาได้ตัดสินใจทำลงไปนี้จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ก็ต้องถูกตำหนิเพราะไม่สามารถบันทึกอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ลงในรายงานได้…
-
“หนอนบ๊อบบิท” นักล่าสุดสยองแห่งผืนทรายใต้ทะเล ไร้กระดูก ไร้สมอง และไร้ความปราณี
สัตว์ประหลาดบางตัวอาจจะซ่อนอยู่ใต้เตียง หรืออยู่ในตู้เสื้อผ้า แต่เมื่อได้มารู้จักกับ Eunice aphroditois (ชื่อวิทยาศาสตร์) หรือ Bobbit worm เราค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ผืนทรายที่น่ากลัวที่สุดแล้วล่ะ และนี่เป็นภาพหน้าตาของเจ้าหนอนบ๊อบบิทแบบชัดๆ ระดับ HD บอกเลยว่าทั้งโหด และดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก สำหรับหนอนบ๊อบบิท มันเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาประหลาด ที่ถูกจัดให้อยู่ในประเภทของไส้เดือนทะเล ที่สามารถพบได้ในเขตน้ำทะเลอุ่นที่ความลึกราวๆ 150 เมตร นอกจากนี้ มันยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสยดสยองที่มีกลยุทธ์ในการจัดการกับเหยื่ออย่างหลากหลาย โดยเขี้ยวของมันสามารถตัดเหยื่อขาดเป็นสองท่อนได้ อีกทั้งยังสามารถพ่นพิษใส่เหยื่อให้กลายเป็นอัมพาตได้ทันทีอีกด้วย หนอนบ๊อบบิท มักจะอาศัยอยู่ใต้ก้นทะเลที่มีลักษณะเป็นทราย ซึ่งมันจะฝังลำตัวอยู่ในทรายและจะโผล่แค่หัวขึ้นมาเพียงเท่านั้น และถ้าหากมีเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายผ่านมา เจ้าหนอนจอมวายร้ายก็จะรีบพุ่งเข้าไปจัดการกับเหยื่อทันที และนี่คือภาพวินาทีขณะที่มันกำลังจัดการกับเหยื่ออันโอชะ ที่สำคัญเจ้าหนอนบ็อบบิทนี้ มีขนาดโดยเฉลี่ยประมาณ 1 เมตร แต่นักวิทย์คาดการณ์ว่า มันจะสามารถเติบโตและมีขนาดตัวยาวมากถึง 3 เมตร ซึ่งทำให้มันสามารถล่าเหยื่อที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวมันเองได้ถึงสองเท่าเลยทีเดียว นอกจากจะล่าเหยื่อเก่ง มันยังอำพรางตัวเก่งอีกด้วย ซึ่งการอำพรางตัวของมันทำให้ในปี 2009 อควาเรียม Blue Reef…
-
รู้จัก “หอยเต้าปูน” เพชฌฆาตผู้เลอโฉมแห่งท้องทะเล แฝงมาพร้อมพิษอันแสนร้ายกาจ!!
พูดถึงหอย เราอาจนึกถึงสิ่งมีชีวิตอันแสนเปราะบางแห่งท้องทะเลที่ทั้งเคลื่อนไหวช้าและแทบไม่สามารถป้องกันตนเองจากอันตรายได้ แต่เชื่อหรือไม่ ในโลกของเรามีหอยชนิดหนึ่งที่แม้ภายนอกแม้จะดูงดงามเต็มไปด้วยสีสัน แต่ภายในมันกลับมีหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก เราลองไปติดตามเรื่องราวของพวกมันกันเลย หอยเต้าปูน หรือ Cone Snail/Shell เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง มีรูปร่างเป็นทรงกรวยหัวป้านปลายแหลม ขนาดประมาณ 10-20 เซนติเมตร มีสีสันสดใส ส่วนมากจะพบได้ตามแนวปะการัง แต่เห็นสีสันงดงามแบบนี้ อย่าคิดว่าจะทำอะไรกับมันก็ได้นะฮะ เพราะมันมีหนึ่งในพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะสายพันธุ์ Conus geographus ที่กินปลาเป็นอาหาร เจ้าพวกนี้มีพิษที่สามารถฆ่าคนตายได้เลยทีเดียว โดยมันจะล่อเหยื่อเข้ามาใกล้ๆ จากนั้นก็จะใช้ “เข็ม” ที่ฉาบพิษที่มีชื่อว่า “โคโนทอกซิน” อยู่แทงเข้าไปที่ตัวเหยื่อจนเหยื่อเกิดอาการอัมพาตโดยฉับพลัน และเสียชีวิตในเวลาไม่กี่นาทีต่อมา ที่สำคัญ ปัจจุบันมนุษย์ยังไม่สามารถคิดค้นยาต้านพิษดังกล่าวได้ ฉะนั้นถ้าใครโชคร้ายถูกพิษนี้เข้าไป ก็บอกลาจากโลกนี้ได้เลย แต่ถึงกระนั้น ด้วยเปลือกอันงดงาม ทำให้นักสะสมเปลือกหอยต่างพยายามขวนขวายหาเปลือกหอยชนิดนี้มาครอบครองให้จงได้ ลองไปชมเจ้าหอยตัวนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวว่าโหดจริงๆ น่ากลัวจริงๆ นะเนี่ย ใครอย่าเผลอไปโดนเชียวล่ะ ไม่งั้นล่ะกู๊ดบายของจริง ที่มา Wikipedia