Tag: ลดความอ้วน
-
ถ้าพวกเขาทำได้ คุณก็ทำได้!! กับ 20 บุคคลที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ลดความอ้วนทุกคน
เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการที่จะลดความอ้วนให้ได้ผล คือการออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหารการกิน ซึ่งไม่เพียงแต่ได้ลดสัดส่วนเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดที่เราได้รับจากการทำแบบนี้คือการได้สุขภาพดีๆ กลับคืนมานั่นเอง และหากคุณเป็นคนที่อยากลดความอ้วน หรือคนที่ลดความอ้วนอยู่แต่ท้อแท้ วันนี้เราก็หาเหล่าบุคคลที่ได้ลดความอ้วนสำเร็จมาให้ได้ดูกัน เพื่อเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เพื่อนๆ อีกทางหนึ่ง พวกเขาจะมีพัฒนาการในการลดความอ้วนเป็นอย่างไรกันบ้าง เราไปรับชมกันเลยครับผ๊ม!! 1. ชายคนนี้ลดน้ำหนักลงมาได้กว่า 200 กิโลกรัม ซึ่งนั่นได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล 2. อยากเจ้าอ้วนเชยๆ ได้กลายเป็นหนุ่มฮอตสุดล่ำไปเลยล่ะ 3. “เกือบหนึ่งปีสำหรับการลดน้ำหนักลงกว่า 60 กิโลกรัม ครั้งแรกเลยนะที่ได้เปิดตัวหลังปีใหม่” 4. “ลองบินไฟลต์แรกในรอบสองปี ฉันไม่ต้องขอเข็มขัดแบบเพิ่มขนาดพิเศษแล้ว การไม่ถูกจำกัดขนาดนี่แหละนะเลิศ!” 5. “ตั้งแต่ปี 2009 น้ำหนักฉันลดลงจาก 117 กก. มาอยู่ที่ 70 กก. นั่นมันลดมากกว่า 47 กก. เลยนะนั่น “ 6. “สี่ปีกับการทำการลดความอ้วน ในที่สุดก็สามารถลดจาก 158 กิโลกรัมมาถึง 80…
-
ให้กำลังใจคนลดความอ้วน กับ 15 สาวที่จะมาพิสูจน์ว่า ‘ตัวเลขน้ำหนัก’ ไม่ใช่เรื่องที่สำคัญ
เป็นเรื่องปกติของหนุ่มสาวที่ต้องการที่รูปร่างที่ดี ผอมสวยและมีน้ำหนักที่น้อย แต่สำหรับสาวๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดูดีขึ้น แต่มัวโฟกัสอยู่ที่ตัวเลขบนเครื่องชั่งน้ำหนักนั้น อาจจะต้องเปลี่ยนแปลงความคิดของตัวเองบ้าง เนื่องจากการที่จะมีหุ่นที่ดีนั้นไม่จำเป็นจะต้องมีน้ำหนักน้อยก็ได้ มาดูสาวๆ ทั้ง 15 คนที่ได้พิสูจน์ให้พวกเราได้เห็นว่าน้ำหนักเป็นเพียงแค่ตัวเลข แทบจะไม่มีผลต่อหุ่นดีๆ ของพวกเธอเหล่านี้เลย 1 . Arielle (instagram: theblondefiless) “ตัวเลขนั้นไม่มีความหมาย สิ่งที่สำคัญที่คือความรู้สึกของคุณ” 2. Madalin Giorge (instagram: madalingiorgetta) “ในการที่จะมีร่างกายในแบบที่ต้องการ คุณควรที่จะรู้อะไรต่างๆ ที่มากกว่าแค่ตัวเลขบนเครื่องชั่ง” 3. Mary Kate (instagram: froyotofitness) “คุณไม่จำเป็นต้องลดน้ำหนักเพื่อให้ตัวเองดูดีหรอก” 4. Lucy Baker (instagram: fitlifelucy) “ถ้าคุณอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็ต้องโฟกัสที่ตัวเอง ไม่ใช่โฟกัสที่คำพูดของคนอื่น” 5. Lee Ann (instagram: wholesome_lee) “ตัวเลขบนเครื่องชั่งนั้นบอกอะไรไม่ได้จริงๆ” 6. Carina (instagram: carinafitmama) “ตัวเลขของน้ำหนักไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปร่างหรอกนะ”…
-
เราจะผอมไปด้วยกัน!! กับท่ายืดกล้ามเนื้อ 12 ท่า ช่วยเผาผลาญไขมัน กระชับทุกสัดส่วน
ความกังวลในเรื่องของไขมันส่วนเกินบนร่างกายถือว่าเป็นปัญหาระดับชาติสำหรับใครหลายๆ คนเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสำหรับสาวๆ ที่อยากจะมีหุ่นฟิตๆ เฟิร์มๆ ดูดีกระชากใจหนุ่มๆ แต่ทว่ากลับไม่สามารถหาวิธีที่จะเดินทางไปสู่เป้าหมายนั้นได้เลย ในวันนี้เราจึงขอนำเสนอ 12 ท่ายืดกล้ามเนื้อที่สามารถช่วยเผาผลาญไขมัน เสริมสร้างระบบการเผาผลาญ ลดความเครียด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ รับรองว่ามันจะเป็นตัวช่วยให้กับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดีแน่นอน มีท่าอะไรบ้างเราลองไปดูกันเลยจ้า 1. ท่างูเห่า ท่านี้จะช่วยกระชับบริเวณไหล่ หลัง หน้าอก หน้าท้อง สะโพก และกล้ามเนื้อบริเวณเอว วิธีการคือ นอนคว่ำลงไป เหยียดแขนไว้บริเวณข้างลำตัว สนเท้าชิดติดกัน จากนั้นดันเอาลำตัวช่วงบนขึ้น แหงนศีรษะไปด้านหลัง ทำค้างไว้ 20-30 วินาที 2. ท่านั่งบิดเอว ท่านี้จะช่วยกระชับบริเวณหลัง หน้าท้อง และกล้ามเนื้อบริเวณเอว วิธีการคือ นั่งลงไปกับพื้น เหยียดขาข้างหนึ่งไปข้างหน้า ส่วนอีกข้างให้ชันเข่าขึ้นมาไขว้กับขาข้างที่เหยียดเอาไว้ (ตามในภาพ) จากนั้นจึงบิดเอวไปให้ได้มากที่สุดตามทิศทางของข้างที่ชันเข่าขึ้นมา ค้างไว้ 20-30 วินาที แล้วจึงค่อยเปลี่ยนไปทำอีกฝั่งหนึ่งสลับกัน 3. ท่านักรบ ท่านี้จะช่วยกระชับบริเวณสะโพก หลัง…
-
คู่หูพ่อลูกนักเพาะกาย เห็นลูกเล่นกล้ามก็อยากทำตาม ฟิตแน่นจนคนเชื่อว่าเป็นพี่น้องกัน
ไม่ว่าใครๆ ต่างก็รู้กันดีว่าการออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้เรามีสุขภาพดี มีร่างกายที่แข็งแรง รวมถึงยังทำให้เรามีรูปร่างที่ดีขึ้นด้วย ซึ่งถ้าหากยังไม่เชื่อว่าการออกกำลังกายจะสามารถทำได้จริงอย่างที่ว่า ก็ลองมาดูตัวอย่างของคุณพ่อคนนี้ที่หันมาออกกำลังกายกับลูก จนมีร่างกายที่แข็งแรงบึกบึนรวมถึงมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์ จนเดินข้างกันแล้วเหมือนกับพี่น้องยังไงยังงั้นเลยก็ว่าได้ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่มีชื่อว่า Roberto Casarotto ชาวอิตาลีวัย 51 ปี ที่ในอดีตเคยเป็นลุงอ้วนพุงพลุ้ย ทว่าเขาก็เกิดแรงบันดาลใจในการฟิตหุ่นของตัวเองขึ้นมา หลังจากที่ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงร่างกายของ Stefan ลูกชายวัย 23 ปีของเขาที่ออกกำลังกายอย่างหนักจนสามารถเข้าประกวดเพาะกายได้ เขาบอกว่ามีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้เปลี่ยนแปลงร่างกายจนมีรูปร่างที่ดีได้ขนาดนี้ รวมถึงยังแสนจะดีใจที่บางครั้งมีคนมาบอกว่าเข้าใจผิดคิดว่าเขากับลูกเป็นพี่น้องกันด้วย “ลูกชายของผมเป็นแรงบันดาลใจให้ผมตัดสินใจปั้นร่างกายขึ้นมา เขาตัดสินใจจะลงแข่งเพาะกาย ผมเลยคิดว่าทำไมผมจะไม่เข้าร่วมด้วยล่ะ เราฝึกซ้อมกันอย่างหนักด้วยกันและก็ช่วยดูแลกันด้วย” “หลายๆ คนมักจะถามว่าเราเป็นพี่น้องกันเหรอ แต่เมื่อพวกเราบอกว่าเป็นพ่อกับลูกกัน พวกเขาก็ถามว่าจริงหรือเนี่ย” Roberto กล่าว คนแก่ไม่ยอมแก่คนนี้ได้เริ่มเพาะกายอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกันยายน ปี 2016 และได้ลงเข้าแข่งขันเพาะกายครั้งแรกในเดือนพฤษภาคม ปี 2017 ซึ่งในการลงแข่งขันครั้งแรกในชีวิตนี้ ผลออกมาปรากฏว่าเขาสามารถคว้าอันดับที่ 6 มาครองได้อย่างภาคภูมิใจ ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนปีเดียวกัน เขาก็ลงประกวดแล้วคว้ารางวัลอันดับที่ 2 มาครองได้เป็นที่สำเร็จ “ตอนนี้ผมยังคิดว่ายังไม่พอใจกับรูปร่างที่ตัวเองเป็นอยู่ เพราะผมมักจะเห็นรูปร่างของคนอื่นที่เพอร์เฟกต์ยิ่งกว่าผม ดังนั้นผมจึงตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป…
-
ชายที่อ้วนที่สุดในมณฑลหูหนาน อยากมีแฟนสักคน หลังลดน้ำหนักได้เกือบ 100 กิโลฯ!?
ว่ากันว่าความรักนั้นสามารถจุดประกายความฝันและสร้างเป้าหมายให้กับมนุษย์ได้ เช่นเดียวกับหนุ่มที่หนักที่สุดในมณฑลหูหนานคนนี้ ซึ่งเขามีน้ำหนักที่มากถึง 170 กิโลกรัม ที่ตัดสินใจอยากจะเปลี่ยนตัวเอง หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Liu Ping ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 เขานั้นได้รับฉายาว่าเป็นคนที่อ้วนที่สุดในมณฑลดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขาอ้วนมาได้ขนาดนี้นั่นก็เพราะ เขามักจะกินหม่าล่าถ้วยโตพร้อมกับเป๊ปซี่อีกสองขวดและขนมอีกชุดใหญ่เป็นประจำทุกวัน จนสุดท้ายเวลาผ่านไปผลลัพธ์ก็จึงออกมาอย่างที่เห็น จนกระทั่งเมื่อมกราคมปี 2017 เขาได้ตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการเข้ารับการผ่าตัดลดน้ำหนัก ซึ่งมันก็ได้ผลดีเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อการผ่าตัดสำเร็จบวกเข้ากับการเปลี่ยนวิธีการกินและออกกำลังขังเขา ทำให้น้ำหนักลดลงไปถึง 75 กิโลกรัมภายในระยะเวลาแค่ 1 ปี นอกจากนี้เขายังตั้งเป้าหมายไว้อีกว่าในปี 2018 นั้นเขาจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารและออกกำลังกายให้ได้อีก 15 กิโลกรัม จากนั้นเขาก็จะมองแฟนสาวสักคนและมอบความรักให้กับเธอ อย่างไรก็ตามหลายคนอาจจะมองว่าที่ Liu Ping นั้นสามารถลดน้ำหนักได้ก็เพราะการผ่าตัด แต่ถ้าเรามองอีกด้านเราก็จะพบว่าเขาไม่ได้ผ่าตัดแล้วหยุดอยู่แค่ตรงนั้น แต่เขายังคงพยายามออกกำลังและเปลี่ยนตัวเองซึ่งถ้าเขาผ่าตัดแล้วหยุดอยู่ที่เดิม ผลที่ออกมามันคงไม่ดีอย่างที่เห็น ยังไงก็เอาใจช่วยให้หาแฟนได้ไวๆ นะ สู้โว้ย!! ที่มา shanghaiist
-
คู่รักหนักรวมกัน 560 กิโล กลับมาจ้ำจี้ได้อีกครั้งในรอบ 11 ปี ด้วยปฏิบัติการลดน้ำหนัก!!
แม้ร่างกายจะต้องเจอกับปัญหาเรื่องน้ำหนัก แต่ด้วยความรักกลับทำให้ทั้ง Lee Sutton วัย 42 ปี และ Rena Kiser วัย 39 ปีมองข้ามปัญหาดังกล่าวและตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตร่วมกันในท้ายที่สุด จุดเริ่มนต้นความรักของทั้งสองนั้นเริ่มเมื่อ 11 ปีก่อน โดย Rena และพี่ชายจะต้องเดินทางไปยังคลินิกลดน้ำหนักแห่งหนึ่ง ซึ่งที่นั่นทำให้เขาได้เจอกับ Lee ชายผู้มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเช่นกัน ทั้งคู่ได้พูดคุยกันและรู้สึกว่าถูกชะตากันมากๆ เพียงแต่ว่าการออกเดตกันในคลินิกนั้นเป็นเรื่องที่ผิด ทำให้ทั้งคู่ต้องหยุดการพูดคุยกันไป เพื่อจะได้ตั้งเป้าอยู่ที่การลดน้ำหนัก ในตอนนั้น Lee มีน้ำหนัก 323 กิโลกรัม ส่วน Rena มีน้ำหนัก 245 กิโลกรัม ซึ่งถ้าทั้งคู่ยังปล่อยไว้แบบนี้มันจะส่งผลกับสุขภาพของทั้งคู่มากๆ แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่มีให้กันและมันก่อตัวขึ้นจนสุกงอมพวกเขาจึงตัดสินใจจะเลิกไปคลินิกเพื่อแหกกฎ จะได้สานต่อความรักของพวกเขา พวกเขาดูแลความรักกันเป็นอย่างดี ต่างคนต่างบอกว่าอีกฝ่ายนั้นน่ารักใจดีและดูแลกันไม่ห่างแม้จะมีน้ำหนักที่เยอะก็ตาม แต่แล้วเรื่องร้ายก็เกิดขึ้นตามมา การออกมาใช้ชีวิตด้วยกันด้วยน้ำหนักตัวดังรวมกับร่วมครึ่งตัน มันส่งผลร้ายกับทั้งคู่เป็นอย่างมาก เพราะยิ่งพวกเขาตั้งใจจะไม่ลดน้ำหนักและหยุดกินไม่ได้ น้ำหนักก็มีแต่จะเพิ่มขึ้นสุขภาพก็แย่ลง จนสุดท้าย Lee ก็ไม่สามารถเดินได้ไปไหนมาไหนได้อีกต่อไป จะทำได้ก็เพียงไปเข้าห้องน้ำเท่านั้น . เช่นเดียวกันกับ Rena…
-
คู่รักลดน้ำหนัก เปลี่ยนไปจนคนในครอบครัวกับเพื่อนแทบจะจำไม่ได้ว่าคนเดียวกันใช่ไหมเนี่ย!!
สำหรับคนที่มีน้ำหนักเยอะ การจะขยับเขยื้อนไปไหนแต่ละทีดูจะเป็นสิ่งที่ยากลำบาก อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยได้มากกว่าคนรูปร่างสมส่วนทั่วๆ ไป ใครหลายคนที่มีรูปร่างจ้ำม่ำจึงมีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีขึ้น และคล่องตัวมากขึ้นกว่าเดิม และคู่รักคู่นี้ก็เช่นเดียวกัน โดยพวกเขาได้ทำการลดน้ำหนักสลายไขมันให้ออกไปจากร่างกาย ชนิดที่ว่าทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ แทบจะจำกันไม่ได้เลยว่าเป็นคนเดียวกันจริงหรือเปล่าเนี่ย?? รูปร่างอวบอั๋นของคู่รักคู่นี้ และนี่คือเรื่องราวของ Ben และ Caroline Marshall ผู้เป็นพ่อและแม่ของเด็กๆ ที่น่ารักชื่อว่า Imogen และ Jacob โดยสำหรับลูกๆ ของพวกเขานั้น ทั้งคู่มัักจะเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้รับประทานเสมอ แต่กับตัวของพวกเขาเองกลับ ชอบกินขนมขบเคี้ยวชนิดที่ว่าต้องกินแทบจะทุกคืนเลยก็ว่าได้ ซึ่งก็แน่นอนว่ารูปร่างของพวกเขาก็ต้องเป็นไปตามพฤติกรรมการกิน แต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ก็เกิดความคิดอยากลดน้ำหนักขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะเป็นโรคมะเร็งในอนาคตและไม่สามารถอยู่ดูแลลูกๆ ได้ ติดขนมขบเคี้ยวจนทำให้ร่างกายเริ่มแย่ พวกเขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมการลดน้ำหนักที่ชื่อว่า Cambridge Weight Plan ซึ่งเป็นโปรแกรมลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งในผู้หญิงและผู้ชายชาวอังกฤษ “ฉันได้เริ่มตระหนักว่าสุขภาพของฉันกำลังเริ่มเสื่อมโทรมลง ซึ่งเป็นผลมาจากน้ำหนักตัวของฉัน ฉันจึงอยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง นอกจากเพื่อสุขภาพที่ดีแล้วยังจะสามารถเป็นแบบอย่างให้กับเด็กๆ ได้อีกด้วย” “สำหรับ Ben สามีฉัน เขากลัวว่าตัวเองจะเป็นโรคมะเร็ง เมื่อเขาพบก้อนเนื้อขึ้นมาบนใบหน้าของเขา ต้องขอขอบคุณก้อนเนื้อก้อนนั้นทำให้เขาได้รู้ความเป็นจริงที่ว่า น้ำหนักตัวของเขาในตอนนั้นมันมีมากเกินไป และร่างกายของเขาได้เริ่มหมดกำลังต่อสู้กับมันแล้ว อีกทั้งด้วยความที่เขาอยากจะมีชีวิตที่ยืนยาวเพื่ออยู่กับลูกๆ เขาจึงตัดสินใจเข้าร่วมโปรแกรมที่ว่านี้ร่วมกับฉัน” Caroline กล่าว ผอมเพรียวลมราวกับคนละคนเลย หลังจากทั้งคู่ได้เข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำหนักอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ก็ปรากฏว่าน้ำหนักของทั้งคู่ลดลงอย่างรวดเร็ว และรูปร่างของทั้งคู่เปลี่ยนไปจนแทบจะจำกันไม่ได้เลยทีเดียว และเธอก็ได้ให้ออกมาสัมภาษณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวของเธอกับสามี…
-
คุณแม่ลูกสามเผยเรือนร่างยังฟิต แม้กาลเวลาจะผ่านไปหลายปี ก็ยังดูแลตัวเองให้เป๊ะได้!!
การลดน้ำหนักหรือดูแลร่างกายให้สมส่วนตลอดเวลาอาจจะเป็นปัญหาใหญ่สำหรับสาวๆ หลายๆ คน และมันอาจจะเพิ่มความยากระดับ 8 เข้าไปอีกหลังจากที่คุณมีลูกแล้ว แต่อย่างที่เรารู้กันดีว่าไม่มีอะไรที่มนุษย์อย่างเราๆ นั้นทำไม่ได้ และการดูแลตัวเองให้เช้งกระเด๊ะนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่เราจะทำได้ เพราะคุณ Maria Kang คุณแม่ลูก 3 ท่านนี้เป็นตัวอย่างให้พวกเราเห็นแล้ว!! หลังจากผ่านไป 5 ปีทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม ย้อนกลับไปเมื่อปี 2013 คุณแม่ลูก 3 จากรัฐแคลิฟอร์เนียท่านนี้เริ่มกลายเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย หลังจากที่เธอได้ถ่ายภาพของตัวเองและลูกๆ พร้อมกับสโลแกน “อะไรคือข้ออ้างของคุณ??” เพื่อปลุกกระแสให้ชาวอเมริกันหันมาสนใจการดูแลร่างกาย แต่ดูเหมือนว่าสโลแกนของเธอนั้นจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจของคนทั่วไปสักเท่าไหร่ แต่คุณ Maria ก็ไม่สนใจ เธอยังคงทำหน้าที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลร่างกายและสุขภาพของเธออย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านไป 5 ปี คุณแม่วัย 37 ปีกลับมาอีกครั้งพร้อมกับหุ่นที่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลยในภาพถ่ายชุดเดิมและสโลแกนใหม่ที่บอกว่า “อะไรคือเหตุผลของเธอ” และแคปชั่นใต้ภาพดังกล่าวว่า “หลังจากที่คุณมีข้ออ้าง คุณจำเป็นต้องหาเหตุผลของมัน” อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเธอจะเปลี่ยนสโลแกนไป แต่คุณ Maria ก็บอกว่าเธอยังคงชอบคำว่า “ข้ออ้าง” อยู่ดีเพราะมันคืออุปสรรค์สำหรับคนที่อยากจะลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง . ถึงจะอายุเกือบ 40 ปีและมีลูกชายถึง 3 คนแต่คุณแม่ท่านนี้ก็ยังดูดีเหมือนเดิม “การจะเริ่มต้นดูแลตัวเองในสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนไม่อยากลดน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย คุณอาจจะต้องหาเหตุผลให้ตัวเองลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่างดีกว่านั่งอยู่หน้าที่ทีวีและทานอาหารแคลอรี่สูง” Maria…
-
หนุ่มผู้ชนะรายการ ‘The Biggest Loser’ เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนี้ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างนะ??
ด้วยปัญหาด้วยความที่เป็นคนมีน้ำหนักเยอะ ทำให้หนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งต้องการเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่ออยากจะให้ตัวเองกลับมาดูดีอีกครั้ง โดยเขาได้ไปออกรายการ The Biggest Loser ซึ่งเป็นรายการลดความอ้วนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และนั่นจะได้ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน… ในปี 2008 Sam Rouen เด็กหนุ่มวัย 19 ปีในขณะนั้นเป็นผู้ชนะรางวัลรายการทีวีชื่อว่า The Biggest Loser ซึ่งเป็นรายการแข่งขันการลดความอ้วนภายใน 12 สัปดาห์หากใครมีน้ำหนักลดเยอะที่สุดเทียบกับดัชนีมวลกายแล้ว ก็จะเป็นผู้ชนะและได้รางวัลไป Sam ในวัย 19 ปีเมื่อสิบปีที่แล้ว ครั้งแรกที่ Sam ได้เข้าไปประกวดนั้นเขามีน้ำหนักถึง 154 กิโลกรัม ซึ่งนับว่ามากทีเดียวหากเทียบกับอายุของเขา เมื่อได้เข้าร่วมรายการแล้ว Sam ก็ตัดสินใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเขาออกกำลังกายอย่างหนักควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร และในที่สุดแล้วเขาก็สามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 71 กิโลกรัมในเวลาเพียง 12 สัปดาห์ ในวัย 29 ปี ตอนนี้ Sam ก็บอกว่าเขาคิดถูกจริงๆ ที่ได้ไปออกรายการในวันนั้น เพราะว่าเขากลายเป็นคนที่ชอบออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และได้รู้จักการดูแลตัวเองตั้งแต่ตอนนั้น อีกทั้งการลดน้ำหนักยังเติมเต็มความฝันของเขาที่อยากจะเป็นนักดับเพลิงมาตลอดชีวิตได้…
-
หญิงสาวที่เคยอ้วนจนต้องนั่งรถเข็น ลดน้ำหนักได้เกือบ 200 กิโล จนกลับมีชีวิตที่มีแฮปปี้อีกครั้ง
การลดน้ำหนักนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนจึงยอมแพ้และยอมอยู่กับความอ้วนอย่างภาคภูมิใจ แต่คุณจะรู้สึกภูมิใจกว่าเมื่อสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จ Amber Rachdi จาก Troutdale รัฐออริกอน เป็นหนึ่งในตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้ผู้คนทั่วโลกในการลดความอ้วน เพราะเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 298 กิโลกรัม ตอนอายุ 23 ปี การต้องใช้ชีวิตกับน้ำหนักเกือบ 300 กิโลนั้น ทำให้หญิงสาวไม่สามารถประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เธอไม่สามารถขับรถได้(แทบจะนั่งในรถไม่ได้ด้วยซ้ำ) เธอไม่สามารถอาบน้ำเองได้ และแทบจะไม่สามารถออกจากบ้านเพื่อซื้อาหารได้ เวลาไปไหนมาไหน Amber ต้องใช้สกู๊ตเตอร์หรือมอเตอร์ไซต์ ที่สำคัญเธอต้องย้ายกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ เพราะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต่อมาหญิงสาวได้ไปออกรายการ TLC… ตอนนั้นเองที่เธอตระหนักได้ว่าชีวิตมันไม่ควรเป็นแค่การอยู่รอดไปวันๆ เท่านั้น Amber ตัดสินใจทำในสิ่งที่เธอคิดมาตลอดว่าไม่สามารถทำได้ นั่นคือการลดน้ำหนัก และเธอก็ได้เริ่มลงมือทำ ณ ตอนนั้นเลย สิ่งแรกที่ทำคือการเดินเพื่อลดน้ำหนัก โดยอยู่ภายใต้การดูแลของ Dr. Younan Nowzardian ขณะที่ทางครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ในฮูสตัส รัฐเท็กซัส เพื่อที่จะได้อยู่ชิดกับลูกในระหว่างที่เธอต่อสู้กับลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ “คุณต้องทุ่มเทที่จะเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพที่ดีและยั่งยืน มันไม่สายเกินไปเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น” Amber กล่าว จากนั้นเธอก็เริ่มลดปริมาณแคลอรี่…
-
ครูสาวสามารถเอาชนะอาการ “เสพติดอาหาร” ได้ และกลับมามีรูปร่างดีได้อีกครั้ง
หลังจากที่ต้องเจอเรื่องราวร้ายๆ ในวัยเด็ก ทำให้คุณ Camila Coelho Nery ครูสาววัย 29 ปีต้องพบกับปัญหาความเครียดและนั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุของน้ำหนักตัวที่มากกว่า 91 กิโลกรัมของเธอ แต่เมื่อหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี เพื่อนๆ ของเธอก็แทบจะตกใจ เมื่อคุณครูสาวของเราสามารถลดน้ำหนักไปได้มากกว่า 40 กิโลกรัม และตอนนี้เธอเหลือน้ำหนักเพียงแค่ 58 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจหันมาดูแลตัวเองและลดน้ำหนักนั่นก็คือร่างกายที่ใหญ่โตของเธอนั้นทำให้หาเสื้อผ้าใส่ยากนั่นเอง “ฉันไปที่ร้านขายเสื้อผ้า และเข้าไปในห้องลองเสื้อเพื่อพยายามหาเสื้อผ้าที่พอดีกับตัวฉัน แต่มันก็ไม่มีเลย ฉันเสียใจอย่างมากและคิดว่าต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว” คุณครูวัย 29 ปีกล่าว นอกจากนี้ความอ้วนนั้นยังส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของเธออีกด้วย มันทำให้เธอหายใจลำบากและรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองไม่มีค่า Nery เล่าว่าเธอมักจะตื่นขึ้นมาตอนดึกพร้อมกับอาการเหนื่อยและหายใจแบบสั้นๆ หญิงสาวเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยเริ่มจากการควบคุมอาหาร เธอลดปริมาณพลังงานจากอาหารให้เหลือเพียงแค่ 1,400 กิโลแคลอรี่ต่อวันในวันปรกติ และเพิ่มเป็น 1,900 กิโลแคลอรี่ในวันที่เธอออกกำลังกาย Nery เล่าว่าส่วนที่ยากที่สุดในการลดน้ำหนักของเธอคือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการกินอาหารและควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่หลังจากที่การลดน้ำหนักของเธอเริ่มประสบผลสำเร็จ สุขภาพร่างกายของเธอก็เริ่มกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง “หลังจากการลดน้ำหนัก ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปอย่างมาก ตอนนี้ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่ง และมีสุขภาพจิตที่ดีกว่าเดิม” หญิงสาวกล่าว นอกจากนี้ Nery ยังได้ให้คำแนะนำอีกว่าการลดน้ำหนักนั้นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องทนทานแต่อาหารที่ไม่ชอบ แต่คุณแค่ต้องปรับปรุงเมนูอาหารบ้างนิดหน่อย และรู้จักเลือกทานอาหารเพื่อสุขภาพ …
-
เจ้าชิวาว่าหนักเกือบ 20 กิโล ได้รับการช่วยเหลือจากเทรนเนอร์ทำให้มันสามารถลดน้ำหนักได้
ลึกๆ เราต่างรู้ดีว่า สัตว์เลี้ยงทั้งหลายล้วนมีความต้องการเหมือนๆ เรานั่นแหละ คือต้องการความรัก การดูแลเอาใจใส่ และอาหารอันโอชะ แต่เมื่อไหร่ที่ ‘อาหารจานโปรด’ ถูกเสิร์ฟบ่อยเกินไป ก็อาจทำให้สัตว์เลี้ยงผู้น่ารักกลายพันธุ์เป็นหมูตุ้ยไปแทนก็ว่าได้ เช่นเดียวกับเรื่องราวของเจ้าชิวาว่าตัวอ้วนหนัก 20 กิโลฯ กับการต่อสู้เพื่อสุขภาพของมันในครั้งนี้… รู้จักกับเจ้าของกันก่อนเลย คุณแม่และลูกสาวสุดสวย ส่วนนี่ก็คือเจ้า Gracie ในวัยเด็ก ดูน่ารักสดใสตามสไตล์หมาน้อยใช่ปะล่ะ? แต่สงสัยจะเลี้ยงตามใจมากไปหน่อย เผลอแป๊บเดียวมันกลายเป็นหมูไปซะแล้ว Madinson และ Lisa เล่าว่า ก่อนหน้านี้ด้วยความที่พวกเขารู้สึกรักใคร่และเอ็นดูเจ้า Gracie เหมือนน้องเล็กสุดในครอบครัว เมื่อไหร่ที่มันอยากกินหรืออยากได้อะไรพวกเขาก็มักจะตามใจมันอยู่เสมอ และด้วยความตามใจนี่เองที่ทำให้เจ้า Gracie กลายเป็นสุนัขที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 20 กิโลฯ!! ถ้าตามใจปากมากเกินไปเราก็มักจะลำบากท้องตามมาเป็นเรื่องธรรมดา แต่สำหรับเจ้า Gracie แล้วความลำบากกำลังลุกลามไปถึงปัญหาสุขภาพของมันด้วย เมื่อครอบครัวของเจ้าตูบได้พบกับเทรนเนอร์สุนัข Travis Brorsen พวกเขาก็ได้พบว่า การลดน้ำหนักเจ้าหมูอ้วนตัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป.. ไม่ว่าจะว่ายน้ำ เดินเล่น…
-
ภรรยาทุ่มเทลดความอ้วน เพื่อโชว์รูปร่างผอมให้สามีได้เห็น ก่อนที่เขาจะจากไปด้วยมะเร็ง…
หลายคนคงทราบดีว่าการลดความอ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกคนรู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะผอม แต่พอจะทำจริงๆ มันช่างเป็นอะไรที่ยากเหลือเกิน เพราะแบบนี้หลายๆ คนจึงต้องหาแรงบันดาลเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนัก เหมือนกับเธอคนนี้ที่อยากผอมให้สามีได้เห็นสักครั้งก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป… Taylor Murphy วัย 24 ปี จากรัฐวอชิงตัน ครั้งหนึ่งเธอเคยมีน้ำหนักมากถึง 127 กิโลกรัม นั่นทำให้สามีช็อคหนักมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้รักน้อยลงหรอก จนกระทั่งสามีของเธอ Ricky Carrington วัย 29 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งในสมองที่ไม่สามารถรักษาได้ และจะมีชีวิตอยู่ได้อีกเพียง 15 เดือนเท่านั้น นั่นเป็นข่าวร้ายสำหรับ Taylor เป็นอย่างมาก เพราะที่ผ่านมาเธอแทบจะไม่ดูแลตัวเอง และไม่มีเวลาให้สามีเลย ในที่สุดเธอก็คิดได้ว่าต้องลดน้ำหนักให้ได้ เพื่อที่จะมีรูปร่างผอมให้สามีได้เห็น และได้ทำกิจกรรมร่วมกันก่อนที่เขาจะจากไป ปกติหญิงสาวมักจะกินอาหารในปริมาณมากๆ และมักจะกินอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง โดยเฉพาะตอนเช้า เธอจะกินกาแฟมอคค่าของร้านกาแฟสีเขียวเจ้าดังเป็นประจำ แม้สามีจะไม่ได้รักเธอน้อยลงเพราะความอ้วน แต่เขาก็ยอมรับความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ไม่ค่อยดีนัก เพราะพวกเขาไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมร่วมกัน เนื่องจาก Taylor มักจะเหนื่อยง่ายและขี้หงุดหงิด แต่ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ตัดสินใจลดน้ำหนัก เธอก็เลิกพฤติกรรมการกินเหล่านั้น ทั้งกาแฟ ทั้งขนมหวานต่างๆ และนั่นช่วยลดน้ำหนักได้ดีมาก …
-
สาวแชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก งดมื้อเย็นที่เคยกินครั้งละ 3 ชุด ผอมลงจนเพื่อนจำไม่ได้..!!
หากใครที่กำลังมองหาแรงบันดาลใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่ละก็ เราจะขอพาทุกคนไปรู้จักกับเรื่องราวของหญิงสาว ที่แม้แต่ตัวเธอเองก็ยังไม่เชื่อว่าจะสามารถลดน้ำหนักได้มากถึงขนาดนี้ Erin Hulick สาววัย 30 ปี โดยก่อนหน้านี้เธอมีพฤติกรรมการกินที่มากเกินความจำเป็น เฉพาะอาหารมื้อเย็นในแต่ละวัน เธอต้องรับประทานมากถึง 5,000 แคลอรี่ (ประมาณ 3 ชุดอาหารของคนปกติ) ภาพก่อน & หลัง ที่ตัวเธอเองก็ไม่เชื่อว่าจะทำได้ เป็นประจำทุกวันที่เธอมักจะกินจุกกินจิกอยู่ตลอดเวลา จนทำให้เธอมีน้ำหนักตัวมากถึง 159 กิโลกรัม และเริ่มสูญเสียความมั่นใจที่จะเข้าสังคม ซึ่งนั่นทำให้เธอตอกย้ำตัวเองด้วยการกินมากขึ้นไปอีก จนกระทั่งเมื่อช่วงต้นปีที่แล้ว เธอมีโอกาสได้เข้าพบคุณหมอเกี่ยวกับอาการผิดปกติบางอย่างของเธอ ซึ่งเธอก็ได้คำแนะนำจากคุณหมอมาว่า… หากเธอไม่เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งเหล่านั้นอาจส่งผลให้เธอเสียชีวิตก่อนวัยอันควรได้เลย ภาพของเธอในอดีต หลังจากที่รู้ว่าสุขภาพตัวเองเริ่มย่ำแย่จากการบริโภคมากเกินไป เธอก็เริ่มหันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น เธอหันมาทานอาหารคลีน (เน้นผักมากกว่าเนื้อ) เปลี่ยนจากการโดยสารด้วยรถเข็น เป็นการเดินให้มากขึ้น พอน้ำหนักตัวเธอเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว เธอก็หันมาออกกำลังกายให้หนักยิ่งขึ้น โดยเธอเล่าว่าจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับกำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง วัดไซส์กางเกงของเธอจากตอนอ้วน vs ตอนที่ผอมแล้ว มีครั้งหนึ่งหลังจากที่เธอลดน้ำหนักได้คงที่แล้ว เพื่อนเก่าของเธอก็เข้ามาทักทายด้วยการแนะนำตัวให้รู้จัก ทั้งๆ ที่เธอจำเขาได้แม่นมาตั้งแต่ช่วงเรียนมัธยมปลาย จนกระทั่งได้บอกว่าเธอชื่อ…
-
สามีตัดสินใจลดน้ำหนักจนมีซิกแพ็ค เพื่อให้กำลังใจภรรยา ในช่วง ‘ภาวะมีบุตรยาก’
บางครั้งเมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหายากๆ การได้กำลังใจจากคนใกล้ชิดนั้นก็มักจะเป็นสิ่งที่ช่วยได้มากและได้ผลที่สุดก็เป็นได้ เช่นเดียวกับคู่รักต่างสัญชาติคู่นี้… Hugh Gwon หนุ่มเกาหลีโดยกำเนิดวัย 34 ได้เริ่มภารกิจให้กำลังใจ Nichola ภรรยาชาวออสซี่วัย 34 ด้วยการตั้งเป้าลดน้ำหนักอย่างหนักหน่วง หลังจากที่ภรรยานั้นตกอยู่ในภาวะมีบุตรยาก ฉะนั้นสิ่งนี้จึงเป็นเพียงไม่กี่อย่างที่เขาจะให้กำลังใจกับเธอได้ Nichola เล่าว่าแฟนหนุ่มของเขาเริ่มมีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะเรียกว่าอ้วนก็ได้ แน่นอนว่าแฟนหนุ่มของเธอก็ยอมรับในเรื่องนั้นและบอกจะลดน้ำหนัก แต่ก็ไม่ได้ลดสักที… นอกจากนี้เธอยังเล่าอีกว่า สามีของเธอเคยพยายามลองลดน้ำหนักดูแล้ว แต่ก็ยอมแพ้ไปในท้ายที่สุด แต่ว่าไม่ว่าเธอจะบอกยังไงเขาก็ไม่กลับไปลดน้ำหนัก และยิ่งเมื่อทั้งคู่อยากมีลูกบวกเข้ากับการที่ Nichola มีลูกยาก พวกเขาจึงต้องทำ IVF(การทำเด็กหลอดแก้ว) แต่ด้วยสุขภาพที่ไม่ค่อยจะแข็งแรงอย่างที่ควรของ Hugh การทำครั้งแรกจึงไม่สำเร็จนั่นเอง ทั้งคู่พับรักกันเมื่อปี 2010 และได้แต่งงานกันเมื่อปี 2012 จนสุดท้ายเมื่อภรรยาต้องทำการ IVF อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเธอต้องการกำลังใจจากแฟนหนุ่มมากๆ แถมในการทำครั้งแรกมันก็ไม่สำเร็จ สุดท้ายเมื่อแฟนหนุ่มเห็นแบบนั้น เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองให้ดูดีเพื่อนแฟนสาวของเขา ทั้งคู่ใช้เรื่องการมีลูกและทำ IVF มาเป็นแรงผลักดัน แรกเริ่มนั้น Hugh มีน้ำหนักที่ 85 กิโลกรัม แต่เมื่อเวลาผ่านไปทั้งกำลังใจและการออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ เขาสามารถลดน้ำหนักไปได้ถึง 23 กิโลกรัม…
-
หญิงสาวเปลี่ยนนิสัยแย่ๆ แล้ว “หันมาดูแลตัวเอง” ใครจะคิดว่าชีวิตจะดีขึ้นทันตาเห็น อู้วหู้ววว…
มันไม่ง่ายเลยสำหรับคนที่ใช้ชีวิตกับการกินและใช้ชีวิตชิวๆ โดยไม่คิดอะไรเป็นเวลานานๆ แล้วอยู่ดีๆ ก็อยากจะเปลี่ยนตัวเอง เพราะนอกจากการปรับตัวแล้วการงดกินของอร่อยๆ หรือการใช้ชีวิตสบายๆ จะต้องหายไปแล้ว การชนะใจตัวเองถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่เชื่อเหอะว่า เมื่อเรารู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงแล้วละก็ เราจะต้องหาทางแก้ไขมันให้จนได้ และยิ่งถ้าเราไม่ยอมแพ้หรือได้เห็นภาพความเป็นจริงของตัวเองในกระจก หรือคนที่แอบชอบตอกกลับมา จุดนั้นมันจะทำให้เราลุกขึ้นสู้อย่างแน่นอน ทุกอย่างมันเริ่มเมื่อ 2 ปีก่อน… เช่นเดียวกับชาวเน็ตที่ใช้ชื่อว่า melephants ซึ่งเธอได้ออกมาเล่าถึงการละลายพฤติกรรมแย่ๆ ของเธอ หลังจากได้เห็นรูปตัวเองเทียบกับสมัยก่อน ว่ามันแย่ขนาดไหน แย่ขนาดที่ว่าเคยผอมจนตอนนี้มีน้ำหนักถึง 65 กิโลกรัม แน่นอนว่าเธอจึงลุกขึ้นสู้และเริ่มเปลี่ยนนิสัยการอยู่การกินของเธอ จากเดิมที่กินๆ นอนๆ ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปเป็นการกินอาหารอย่างถูกต้อง รวมถึงการเข้ายิมเพื่อออกกำลังกาย 5 วัน ต่อสัปดาห์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเธอจะเลิกกินของอร่อยนะ เธอก็ยังกินอะไรอร่อยๆ ปกติดีไม่ได้อดอาหารแต่อย่างใด แค่กินให้เป็นกิจจะลักษณะเฉยๆ จนกระทั่งเธอรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้วที่เธอต้องเปลี่ยน นอกจากนั้นเธอยังเปลี่ยนการใช้ชีวิตบางอย่างเช่นการยืนแทนการนั่งเวลาขึ้นรถไฟ กินน้ำให้เยอะขึ้น จนสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น และมันก็ดีมากๆ ด้วย… เห็นไหมว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน วิ้งสุดๆ ดูหน้าอาจจะหาว่าใช้แอปฯ ลองดูหุ่นก่อนละกัน …
-
“คุณอยู่ในประเทศที่ขี้เกียจหรือไม่!?” บีบีซีจัดอันดับประเทศที่คน “ก้าวเดิน” น้อยที่สุดในโลก
เมื่อไม่นานมานี้ทางศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาได้เก็บข้อมูลการใช้โทรศัพท์มือถือของผู้คนเพื่อ ดูว่าในแต่ละวันพวกเขามีการทำกิจกรรมต่างๆ มากน้อยแค่ไหน การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัย Stanford University ที่ศึกษาปริมาณกิจกรรมของประชากรทั่วโลกในแต่ละวันกับจำนวนก้าวเดิน พบว่าโดยเฉลี่ยแล้วคนทั่วๆ ไปจะมีก้าวเดินเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 4,961 ก้าวต่อวัน โดยประเทศที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยสูงสุดนั้นได้แก่ฮ่องกง 6,880 ก้าวต่อวัน ส่วนประเทศอินโดนีเซียนั้นมีจำนวนก้าวเฉลี่ยของประชากรน้อยที่สุดอยู่ที่ 3,513 ก้าวต่อวันเท่านั้น ในส่วนของประเทศไทยอยู่ที่ประมาณ 4,500-5,000 ก้าวต่อวัน นอกจากนี้ยังพบว่าจำนวนก้าวเดินนั้นมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับโรคอ้วนอีกด้วย การศึกษาดังกล่าวใช้ข้อมูลจากแอพลิเคชั่นบันทึกกิจกรรมอย่าง Argus activity ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 7 แสนคนทั่วโลก ศาสตราจารย์ Scott Delp ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ออกมาเผยว่า “การศึกษาครั้งนี้เป็นการศึกษาที่ใหญ่มากๆ เราได้ผลสำรวจจากประเทศอื่นๆ ด้วย ซึ่งมันทำให้งานวิจัยชิ้นนี้มีขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน” และนี่คือกราฟแสดงจำนวนก้าวเดินเฉลี่ยของประชากรแต่ละประเทศ ผลการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ลงวารสาร The Journal Nature โดยผู้วิจัยได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพเพิ่มเติม แต่อย่างไรก็ตามจำนวนก้าวเดินนั้นอาจไม่ใช่สิ่งเดียวที่จะบ่งบอกถึงระดับของคนอ้วนภายในประเทศแต่ยังมีเรื่องของคุณภาพกิจกรรมที่สัมพันธ์กับหลายๆ ปัจจัยภายในประเทศด้วยเช่นกัน ความแตกต่างของการทำกิจกรรมนั้นมีผลเกี่ยวกับปริมาณคนอ้วน อย่างเช่นสหรัฐอเมริกากับเม็กซิโก ที่มีจำนวนก้าวเฉลี่ยที่เท่ากันแต่สหรัฐอเมริกากลับมีปริมาณคนอ้วนสูงกว่า ซึ่งสาเหตุหนึ่งมาจากความแตกต่างกันของกิจกรรม อาหาร หรือไลฟ์สไตล์นั่นเอง นอกจากนี้นักวิจัยยังชี้ให้เห็นว่า การออกแบบผังเมืองที่ดีและมีพื้นที่ในการเดินที่มากขึ้นนั้น ก็จะช่วยให้จำนวนเฉลี่ยของก้าวเดินนั้นเพิ่มขึ้นด้วย และเป็นหนึ่งปัจจัยที่มีผลต่อปริมาณของคนอ้วนภายในประเทศเช่นกัน ส่วนตัว #เหมียวเวจจี้ คิดว่า…
-
หนุ่มวัย 18 บันทึกการลดน้ำหนักจาก 133 กิโล เหลือเพียง 69 กิโล ภายในเวลา 1 ปี 5 เดือน
การเอาชนะใจตัวเองถือเป็นเรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตแล้ว ยิ่งหากคุณเป็นคนรูปร่างอ้วนการจะเอาชนะใจตัวเอง ฝึกความมีวินัยในการกินและออกกำลังกาย ดูจะเป็นเรื่องหนักหน่วงพอสมควร แต่เชื่อเถอะว่าคุณต้องทำได้!! นี่เป็นเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจดีๆ จากน้องตี๋ วัย 18 ปี ผู้ที่เคยมีน้ำหนักตัวมากถึง 133 กิโลกรัม แต่ตอนนี้สามารถลดน้ำหนักจนเหลือเพียง 68 กิโลกรัมภายในเวลา 1 ปี 5 เดือน อดีตเคยอ้วน น้องตี๋เล่าว่าตัวเองเคยพยายามลดน้ำหนักมาแล้วตอนอยู่ม.ต้น ด้วยการกินอาหารเสริมแต่ก็ช่วยได้เพียงเล็กน้อย เพราะเมื่อหยุดกินอาหารเสริมน้ำหนักก็กลับมาเท่าเดิมอีก น้องตี๋เลยพยายามลดน้ำหนักอีกครั้งด้วยการลดของมัน ของทอด ของหวาน แม้จะดูเป็นการหักดิบแต่ก็ต้องพยายามทำให้ได้ เริ่มออกกำลังกาย น้องตี๋ใช้เวลาหลังเลิกเรียนตั้งแต่ 15.00-19.00 น. ไปเข้าฟิตเนสเป็นประจำ โดยช่วงแรกใช้การเดินเป็นหลัก ก่อนจะหันมาปั่นจักรยานและการวิ่ง ในระหว่างนั้นเขาก็เปิดอินเตอร์เน็ตเพื่อดูท่าออกกำลังกายอื่นๆ ไปด้วย ในตอนนั้นน้ำหนักของน้องตี๋ลดลงมาอยู่ที่ 98 กิโลกรัม แต่เนื่องจากเน้นเวทเทรนนิ่งมากไปในช่วงแรก ทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังเลยย้วยไปหน่อย น้องตี๋ลดน้ำหนักและออกกำลังกายมาเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่ 75 กิโลกรัม จากที่เคยใส่เสื้อผ้าไซส์ 4XL ก็เหลือเพียงไซส์ L เอวที่เคยใหญ่ถึง 54…
-
มาพบแรงบันดาลใจจากสาวๆ สุขภาพดี ที่ในอดีต “เคยอ้วน” มาก่อน พวกเธอมีทริคดีๆ มาฝาก
สาวๆ หลายคนคงประสบกับปัญหาการมีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป จนเป็นอุปสรรคต่อการทำกิจกรรมต่างๆ แต่เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่า การลดน้ำหนักนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากแล้วก็ไม่ง่าย ขอเพียงแค่มีความตั้งใจจริงอย่างสาวๆ ที่เราจะพาไปทำความรู้จักในวันนี้ พวกเธอจะมาเป็นแรงบันดาลแก่คุณในการลดน้ำหนัก และยังคงไปสวยสุขภาพที่ดีขึ้น ลองนำทริคของพวกเธอไปใช้ดูสิ 1. Kathryn Carney อายุ 47 ปี เธอคนนี้มีเคล็ดลับการลดน้ำหนักด้วยการทานมื้ออาหารที่มีผักและผลไม้ประมาณ 5-9 มื้อ เธอไม่ทานของทอดและอาหารที่มีแป้งมาก หากต้องทานจริงๆ เธอก็จะเลือกทานแป้งที่มีใยอาหารสูง เช่น ธัญพืชต่างๆ เธอให้สัญญากับตัวเองว่าจะต้องมีสุขภาพที่ดีขึ้นภายใน 1 ปีให้ได้ เธอจึงเสริมด้วยการออกกำลังกาย 30-60 นาที ใน 4-5 วันต่อสัปดาห์อีกด้วย และในตอนนี้เธอลดน้ำหนักลงได้กว่า 40 กิโลกรัม โดยที่เธอก็ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงดีอีกด้วย เธอยังบอกเคล็ดอีกด้วยว่า เธอไม่เคยที่จะออกกำลังกายหรือลดอาหารแบบเป็นบ้าเป็นหลัง เธออาศัยความเสมอต้นเสมอปลายและค่อยๆ ทำไปทีละขั้นตอนอย่างจริงจังเท่านั้น 2. Robin Strempek อายุ 39 ปี เธอเป็นคนที่ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก จึงเลือกที่จะใช้การเดินเป็นการออกกำลังกาย ภายใน 2…
-
นักโภชนาการแนะนำ 14 อาหารแคลอรี่ต่ำ จะกินมากเท่าไหร่ก็ได้ ไม่อ้วนแน่น๊อนน!!
สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดไขมันส่วนเกิน ลดความอ้วน เรามีคำแนะนำมาฝากจากผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ Dr. Lisa R. Young โดยทั้งหมดนี้เป็นรายชื่อ 14 อาหาร ที่ผู้เชี่ยวชาญได้ออกมาแนะนำผ่าน ThisisInsider ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผัก และผลไม้ ที่มีแคลอรี่ต่ำ ไฟเบอร์สูง พูดง่ายๆ ว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนนั่นเอง 1. ผักชีฝรั่ง 95% ของผักเป็นน้ำ แถมยังอุดมด้วยโพแทสเซียม ไฟเบอร์ แต่ไม่ควรเก็บไว้นานเกิน 7 วันนะ จะทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการได้ 2. ผักเคล ผักเคลมีแคลอรี่ต่ำมาก ในปริมาณ 1 ถ้วยชาม จะมีแคลอรี่ประมาณ 33 แคลอรี่ แต่มีโปรตีนสูงถึง 3 กรัม และไฟเบอร์อีก 5 กรัม อุดมไปด้วยกรดโอเมก้า 3 อีก โอ้ยดีมากอ่ะเธอเอ๋ย 3. บลูเบอร์รี่ จัดว่าเป็นผลไม้ที่มีสารแอนตี้อ๊อกซิแด๊นท์สูงมาก ที่สำคัญมันอร่อยมากด้วย เอามาทำเป็นน้ำปั่นกินหน้าร้อนก็ฉ่ำได้อีก…
-
10 ทฤษฏีตามหลักวิทย์ หลอกสมองเพื่อให้เรา “กินน้อยลง” สำหรับคนอยากลดความอ้วน
เมื่อพูดถึงเรื่อง “อาหาร” หลายคนอาจจะยอมรับว่าตัวเองไม่สามารถควบคุมการกินได้สักเท่าไหร่ พอรู้ตัวอีกทีก็น้ำหนักเพิ่มขึ้นหลายกิโลกรัมซะแล้ว ในขณะเดียวกันมีการพิสูจน์หลักฐานออกมาแล้วว่า 1 ใน 10 ของประชากรผู้ใหญ่ทั่วโลกมันจะเจอกับปัญหาโรคอ้วน เหตุนี้ทำให้หลายอาจจะรู้สึกกังวลขึ้นมา บางคนถึงขั้นหักดิบ โดยการอดอาหารซะเลย แต่นั่นอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ดังนั้น เราจะขอมานำเสนอ 10 ทฤษฏีตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ กับวิธีการหลอกสมองให้กินอาหารน้อยลง งานนี้บอกเลยว่าเอาใจคนอยากลดความอ้วนโดยเฉพาะ 1.ใช้จานและชามขนาดเล็ก ผลการวิจัยที่ถูกนำมาเผยแพร่ในเดือนมกราคม 2012 จากวารสารวิจัยผู้บริโภค พบว่า เวลาที่ทานอาหารผู้คนมักจะใช้จานที่มีขนาดเล็กมากกว่าขนาดใหญ่ และนี่คือเหตุผลที่นักวิจัยคิดว่า เป็นผลมาจากภาพลวงตา Delboeuf โดยการใช้จานที่มีพื้นที่ขอบกว้างๆ จะทำให้คนกินรับรู้ปริมาณอาหารมากกว่าความเป็นจริง นอกจากนี้ การศึกษาวิจัยในปี 2006 ยังพบอีกว่า แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ก็ได้ทดลองการกินไอศกรีมโดยใช้ชามใบใหญ่ ซึ่งก็พบว่ามันทำให้พวกเขากินไอศกรีมได้มากกว่า เมื่อเทียบกับคนที่ใช้ชามใบเล็กกว่า 2.ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจานหรือชามของคุณ มีสีที่ตรงข้ามกับอาหาร จากผลการวิจัยผู้บริโภคในปี 2012 พบว่า สีของจานชามก็มีความสำคัญเช่นกัน เพราะความแตกต่างระหว่างสีของอาหารกับสีของจาน ทำให้สมองอาจจะถูกหลอกให้คุณกินได้น้อยลงได้ ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า หากคุณตักซุปมะเขือเทศลงในชามสีขาว นั่นอาจจะทำให้คุณมีแนวโน้มที่จะตักอาหารมากกว่าคนที่ใช้จานสีแดง 3.ใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร และผ้าปูโต๊ะสีลวงตา จากการศึกษาของผู้วิจัยพบว่า…
-
หญิงสาว “เสพติดการกิน-ติดเหล้า” ตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเอง สุดท้ายก็สามารถทำได้สำเร็จ!!
หลังจากที่เธอเคยประสบปัญหาติดแอลกอฮอล์ เสพติดการกินอาหารมากๆ และโรคซึมเศร้า ตอนนี้เธอเปลี่ยนเป็นคนใหม่ มีชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญที่สุด ผู้คนต่างก็เคารพในความเป็นตัวของตัวเองของเธอ!! Courtney Maguire สาวชาวสหรัฐอเมริกาวัย 30 ปีที่ติดแอลกอฮอล์ และเป็นโรคอ้วนมานานปีหลังจากที่เรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัย แต่ที่แปลกที่สุดก็คือเธอมีความเชื่อที่ออกจะแหวกแนวหน่อยที่ว่าเธอคิดว่าผู้ชายชอบเข้ามาหาเพราะความอ้วนของเธอ ซึ่งผู้ชายเหล่านั้นมักจะชอบรูปร่างที่อวบอั๋นของเธอเป็นอย่างมาก(น่าจะเป็นกลุ่มคนที่ชอบอยู่แล้ว) และจะยับยั้งการลดน้ำหนักของเธออยู่เสมอ แต่แล้วเธอก็เริ่มมีปัญหาสุขภาพมากขึ้นเนื่องจากความอ้วนของเธอเอง จนทำให้ช่วงพีคๆ น้ำหนักของเธอเพิ่มสูงขึ้นถึง 140 กิโลกรัม ทำให้เธอตระหนักขึ้นได้ว่าต้องเปลี่ยนตัวเองซักที!! Courtney ช่วงน้ำหนักสูงสุด ในปี 2014 เธอเข้ารับการผ่าตัดลดความอ้วน ทำให้ความอ้วนของเธอลดไปกว่า 65 กิโลกรัม สำหรับตอนนี้เธอก็ทำงานด้านศัลยกรรมและความงาม เธอกล่าวว่า ‘ตลอดเวลาฉันมักจะหลีกเลี่ยงความคิดที่ว่าฉันอ้วนอยู่เสมอๆ ฉันจะไม่มองเข้าไปในกระจก จะไม่ชั่งน้ำหนัก จะไม่ทำอะไรที่จะทำให้ตัวเองรู้ถึงความอ้วนเด็ดขาด’ ‘การได้คบกับใครซักคนนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะผู้ชายส่วนมากจะไม่ชอบฉัน อีกทั้งเวลามีใครสักคนที่ชอบ ก็จะให้ฉันกินต่อเพื่อเพิ่มน้ำหนักเรื่อยๆ เพราะพวกเขาชอบที่ฉันเป็นหญิงอ้วนมากๆ แบบนั้น บางครั้งฉันรู้สึกไร้ค่าเหมือนกับไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสิ่งของที่ทำให้พวกเขาพึงพอใจเท่านั้น’ เธอกล่าวต่อ พฤติกรรมการติดเหล้าและการเสพติดการทานอาหารมากๆ ที่เธอได้รับมาจากครั้งมหาวิทยาลัยคือสิ่งที่ทำให้เธอต้องพบกับชะตากรรมแบบนี้ เธอจะออกไปสังสรรค์ทั้งคืน และก่อนกลับจะแวะร้านฟาสต์ฟู๊ดส์ เพื่อสั่งอาหารราวๆ 5…
-
เจ้าเหมียวหนัก 16 กิโล ต้องต่อสู้ลดน้ำหนัก เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า โถ่วอ้วนเอ๊ยย!!
สำหรับแมวเหมียวที่บ้านใคร ที่ชอบกินจุ กินอร่อย กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม เราขอแนะนำให้รู้จักกับเรื่องราวของเจ้า ‘Watson’ เดิมทีมันเป็นแมวจรจัด ที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่กับมูลนิธิ ‘@love2foster’ แต่ว่ามันไม่ได้มาแบบแมวเหมียวผู้หิวโซ เหมือนตัวอื่นๆ เพราะน้ำหนักแรกสุดของมันที่เจ้าหน้าที่ชั่งได้คือ 16 กิโลกรัม!! ด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ทำให้มันต้องเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพหลายๆด้าน มันไม่สามารถแม้แต่จะดูแลตัวเอง หรือพาตัวเองลุกเดินไปยังสถานที่ต่างๆได้ โฉมหน้าเจ้า ‘วัตสัน’ แมวเหมียวตุ้ยนุ้ย ที่ดูเผินๆ คิดว่าเป็นหมูซะอี๊กก!! “ครอบครัวที่เคยเลี้ยงดูมัน เรียกมันว่าเจ้าเด็กอ้วน ก่อนที่จะเอามันมาปล่อยที่นี่ แต่เราตั้งชื่อให้มันใหม่ว่า ‘วัตสัน’ ภารกิจแรกสุดที่เราต้องจัดการให้มัน ก็คือการพยายามลดน้ำหนักให้มันอย่างน้อย 5 กิโลฯ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวมันเองในอนาคตค่ะ” เจ้าหน้าที่ Sheila เล่า ช่วงเดือนแรกมันมักจะนอนอืดอยู่บนบันไดตลอดเวลา เพราะมันไม่สามารถเดินไปไหนมาไหนได้ไกลนัก ด้วยขนาดตัวที่อ้วนมากเกินไป ส่วนวิธีที่เจ้าหน้าที่จาก ‘@love2foster’ ใช้สำหรับการลดน้ำหนักให้มันคือ ทุกๆวันเขาจะพยายามให้มันเดินลงบันไดมา เพื่อรับประทานอาหาร ส่วนอาหารที่ให้ในช่วงแรกจะเป็นยี่ห้อ ‘Purina OM’ หรือสูตรควบคุมน้ำหนักนั่นเอง “ทุกๆวันเราจะให้มันกินอาหารกระป๋องสูตรไดเอททั้งหมดวันละ 5 ออนซ์ แบ่งให้ทีละครึ่ง วันละ…
-
12 เรื่องราวจากประสบการณ์ของคนลดน้ำหนักได้สำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้อีกหลายๆ คน!!
หลายคนมักจะบอกตัวเองว่าจะลดน้ำหนักปีหน้าหรือเดือน แต่พอถึงเวลาก็เลื่อนออกไปอีก เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็พบความตั้งใจที่เคยพูดไว้ไม่เคยเกิดผลเลย เพราะไม่เคยลงมือทำจริงๆ สักที ถ้าการเริ่มต้นมันยากมากลองหาแรงบันดาลจากคนที่ทำสำเร็จแล้วสักคนสิ อาจจะเป็น 1 ใน 12 คนนี้ก็ได้ เพราะพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นแล้ว การลดน้ำหนักแม้ต้องใช้เวลาแต่มันก็คุ้มค่า 1. Kate ลดไป 54 กิโลกรัมใน 9 เดือน Kate ไม่เคยคิดว่า ความอ้วนเป็นปัญหาร้ายแรง แต่เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง โรคอ้วนก็เริ่มส่งผลต่อสุุขภาพของเธอ เธอจึงเริ่มด้วยการลดอาหารในแต่มื้อ และในสัปดาห์แรกเธอลดไปได้ 8 กิโลฯ แต่เธอยังคงนับแคลอรี่กินและออกกำลังเป็นประจำทุกวัน จนลดไป 54 กิโล ในเวลา 9 เดือน ปัจจุบัน Kate เป็นคนที่ขาดฟิตเนสไม่ได้ เธอออกกำลังเป็นเวลา 2 ชั่วโมงทุกวัน และเมื่อไม่นานเธอก็ประสบความสำเร็จได้เป็นครูสอนพละด้วย 2. ผู้หญิงคนนี้ลดน้ำหนักได้ 56 กิโลกรัมในเวลา 12 ปี หญิงชาวออสเตรเลียลดน้ำหนักด้วยการเต้นซุมบ้าเป็นประจำ ในที่สุดก็สามารถลดไปถึง 56 กิโลกรัม ในเวลา…
-
นักวิจัยเผย… กิน ‘ช็อกโกแลต’ ในมื้อเช้า ช่วยในการทำงานของสมองและป้องกันอ้วน
ช็อกโกแลตนั้น ขึ้นชื่อว่า เป็นอาหารที่ทานแล้วอ้วน ดังนั้น คนที่ลดน้ำหนักอยู่ ส่วนใหญ่จึงมักจะหลีกเลี่ยงช็อกโกแลต แต่การวิจัยล่าสุด พบว่า การทานช็อกโกแลตเป็นประจำทุกเช้านั้น ดีต่อสมองและร่างกายนะ นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย Syracuse ในนิวยอร์ก ได้ทำการศึกษาวิจัยกับกลุ่มตัวอย่างจำนวน 968 คน ที่มีอายุตั้งแต่ 23-98 ปี โดยให้พวกเขากินอาหารแบบที่กินเหมือนเดิม จากข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ช็อคโกแลตนั้น มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานขององค์ความรู้ของเรา และหากบริโภคเป็นประจำ ก็สามารถช่วยในเรื่องความจำ รวมทั้งช่วยพัฒนาความคิดเชิงนามธรรมของเราด้วย หลายปีที่ผ่านมานักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Tel Aviv บอกว่า พวกเขากินช็อกโกแลตทุกเช้า ซึ่งมันช่วยในเรื่องการทำงานของพวกเขาได้ดีจริงๆ Dr. Daniela Jakubowicz ผู้เขียนหนังสือ The Big Breakfast Diet จนกลายเป็นหนังสือที่ขายที่สุดเล่มหนึ่ง บอกว่า ‘เมื่อเราตื่นขึ้นมา สมองเราก็ต้องการพลังงานทันที เพราะตอนเช้านั้น เป็นช่วงที่ร่างกายของเราแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน’ ‘หากเลยเวลาเช้าไปแล้ว ร่างกายมีแนวโน้มที่จะเก็บพลังงานเหล่านั้นสำรองไว้ในรูปแบบไขมัน นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมกินเท่าไรก็อ้วน ทั้งๆ ที่ลดปริมาณอาหารลงแล้ว’ ในขณะที่ Jakubowicz บอกว่า…
-
สาวติดกาแฟหวานๆ จนอ้วนฉุ… ตัดสินใจที่จะเลิก ทวงคืนสุขภาพที่ดีพร้อมกับหุ่นสวยๆ!!
แน่นอนว่า ‘กาแฟ’ เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับพนักงานออฟฟิศทั้งหลาย จะสังเกตได้ว่า ทุกๆ ที่จะมีกาแฟตั้งไว้ให้ชงดื่มเสมอ ซึ่งแต่ละคนก็มีเหตุผลที่จะดื่มแตกต่างกันออกไป บางคนก็ชอบกลิ่นหอม บางคนก็ดื่มเพราะชิน บางคนก็ใช้แก้ง่วง เช่นเดียวกันกับหญิงสาวรายนี้ที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ เธอติดหนักมาก ขนาดเคยดื่มกาแฟ 15 แก้วต่อวันเลยทีเดียว แถมยังใส่น้ำตาลแก้วละ 3 ก้อนด้วยมันจึงส่งผลให้เธอกลายเป็นโรคอ้วน และมีน้ำหนักมากถึง 86 กิโลกรัม โดยเหตุผลที่เธอติดกาแฟนั้นเป็นเพราะโรคเครียดจนทำให้เธอนอนไม่พอในตอนเวลากลางคืน และนั่นทำให้เธอต้องพึ่งพาเจ้ากาแฟนี่แหละ ที่ช่วยให้เธอสามารถทำงานได้ในช่วงเวลากลางวัน แต่การกินเจ้ากาแฟ 15 ถ้วยต่อวันนั้นแสดงว่าเธอจะต้องได้รับคาเฟอีนเข้าร่างกายมากถึงวันละ 1,400 มิลลิกรัมต่อวัน ซึ่งทางแพทย์ได้แนะนำว่าร่างกายของคนเราจะรับได้สูงสุดที่ 900 มิลลิกรัมต่อวันเท่านั้น นั่นหมายความว่ากาแฟไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนอนไม่หลับแบบซ้ำซากวนลูปไปเรื่อยๆ เท่านั้น แต่มันยังส่งผลให้หัวใจเต็นเร็วขึ้น ร่างกายขาดน้ำ ปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร และการขาดแคลเซียม อันจะส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาได้ และผลจากการนอนหลับจนดึกดื่นนี้ก็ทำให้เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกินอาหารตอนดึก มันจึงทำให้น้ำหนักของเธอขึ้นแบบพรวดพราด และอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธออ้วนก็มาจากการปล่อยเนื้อปล่อยตัว เพราะตั้งแต่ที่เธอคลอดลูกคนที่ 3 ออกมาเธอก็ไม่ได้สนใจในเรื่องของอาหารการกินหรือการออกกำลังกาย ก็เลยทำให้น้ำหนักของเธอพุ่งกระฉูด เธอไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนมาไหนเพราะกังวลเรื่องรูปร่างของตัวเอง ทำอะไรก็ไม่ถนัด แถมยังได้รับแรงกดดันจากลูกๆ ที่พยายามชวนเธอออกไปข้างนอกบ้าน…
-
สาวรีวิวการเปลี่ยนแปลง จากคนร่างหมีกลายเป็นสาวสตรอง พร้อมกับกล้ามท้องสวยงาม
เมื่อไม่นานมานี้ #เหมียวฟิ้น ได้ไปเจอกับกระทู้การเปลี่ยนแปลงตัวเองของคุณ ชีริน เบญจวรรณ กูมมุดดิน เธอได้เผยสูตร(ไม่)ลับในการออกกำลังกาย จากผู้หญิงหน้ากลมร่างท้วม กลายเป็นสาวสตรองหุ่นสวย ให้ทุกๆ คนได้นำไปทำตามกัน ในตอนแรกคุณชีรินมีน้ำหนักมากกว่า 70 กิโลกรัม บวกกับผิวคล้ำทำให้ไม่ค่อยมั่นใจที่จะแต่งตัวสวยๆ เหมือนกับสาวคนอื่น เธอจึงแต่งตัวแบบทอมไปเลย แต่จุดเปลี่ยนมันก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อเธอไปส่งน้องชายแคสติ้งงาน แล้วโดนคนนินทาว่าเป็นคนใช้ของน้องชาย เธอเลยอยากเอาชนะด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งที่เธอทำมี 3 อย่างคือออกกำลังกายลดน้ำหนัก จัดฟัน และดูแลผิวพรรณ ในส่วนของกีฬานั้นเธอชอบมวยไทย ก็ฝึกต่อยมวยผสมกับการออกกำลังกายในฟิตเนสไปด้วย แม้จะทำงานเป็นสาวออฟฟิศแต่เธอก็พยายามแบ่งเวลามาออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ขั้นตอนการออกกำลังกายก่อนต่อยมวย 1. วิ่งวอร์มร่างกายก่อนเล่นเวท จะใช้เวลาวิ่งประมาณ 5-10 นาที 2. ซิทอัพเซตละ 20 ครั้ง 5 เซต (ถือเวทไว้ด้วยระหว่างซิทอัพ ช่วยให้กล้ามท้องออกแรงมากขึ้น) 3. ยกเวทด้านข้างและด้านหลัง ยกเซตละ 12 ครั้ง 4 เซต 4. สควอช…
-
15 บุคคลที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่สายเกินไปที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และคุณก็ทำได้!!
ในยุคนี้ใครๆ ก็นิยมออกกำลังกายลดหุ่น และตามโซเชียล เราก็มักจะเห็นคนอ้วนหลายๆ คนที่โพสต์ภาพตัวเองก่อนและหลังลดน้ำหนัก ที่เห็นแล้วก็เกิดเป็นแรงบันดาลใจให้ใครๆ ก็อยากทำตาม เช่นเดียวกับบุคคล 15 คนนี้ ที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อ้วนแค่ไหน ก็กลายเป็นคนหุ่นเป๊ะ สุขภาพดีได้ ถ้าตั้งใจ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนที่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง 1. คู่รักที่ตัดสินใจลดความอ้วนด้วยกัน และถ่ายรูปแต่งงานอีกครั้ง 2. ชายหนุ่มคนนี้ ลดน้ำได้ 50 กิโล กลายเป็นหนุ่มล่ำภายในปีเดียว 3. หญิงร่างอ้วน เมื่อเธอตั้งใจจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่เพื่อใคร… ก็เพื่อตัวเอง 4. การเลือกทางเดินอย่างถูกวิธี คุมอาหาร และออกกำลังกาย 5. ด้วยกำลังใจและความตั้งใจ ลูกชายคนนี้ก็ทำให้แม่ของเขาได้ 6. เธอทรมานจากพฤติกรรมการกินที่ผิด เธอได้ลุกขึ้นมาออกกำลังกายจนมีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง 7. อ้วนได้ ก็ล่ำได้เหมือนกัน แน่นอน ตอนนี้เขาชอบออกกำลังกายไปแล้ว 8. เห็นแบบนี้ เมื่อเธอตั้งใจลดความอ้วน…
-
หนุ่มลดน้ำหนัก 133 กิโล เพราะโดนเพื่อนด่าว่า “เxี้ยอ้วน” พร้อมขอบคุณที่ช่วยชีวิตเขา
หากคุณเป็นคนอ้วนคนหนึ่งที่โดนคนรอบข้างดูถูกและนินทาเกี่ยวกับรูปร่างของคุณบ่อยๆ ล่ะก็ คุณก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อหนุ่มคนนี้หรอกนะ แต่สิ่งที่ต่างไปก็คือ เขาโดนด่าด้วยคำซ้ำๆ เดิมๆ ทุกวัน จนเปลี่ยนคำด่าเหล่านั้นให้กลายเป็นแรงผลักดัน ทำให้เขาดำน้ำหนักไปได้กว่าร้อยโลทีเดียว!? เรื่องราวต่อไปนี้เป็นของนาย Jamie Brooks เขาเล่าว่าในตอนแรกน้ำหนักของเขาไม่ได้มากขนาดนี้ แต่เมื่อตอนที่เขาอายุได้ 14 ปี เขาก็ได้ทำงานในห้องครัวแห่งหนึ่ง จากนั้นเขาก็เริ่มมีอาหารการกินที่สมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ และเพิ่มน้ำหนักตัวเอง ตอนกลางวันก็กินจุบจิบ ตกตอนกลางคืนก็ซื้ออาหารกลับไปกินต่อที่บ้าน แถมยังดื่มเครื่องดื่มหวานๆ ที่ส่งผลเสียตามมาอีกมาก ในตอนที่เขาอายุได้ 31 ปี เป็นช่วงที่เขามีน้ำหนักมากที่สุด ในตอนนั้นน้ำหนักของเขาพุ่งขึ้นไปที่ 228 กิโลกรัม ซึ่งใกล้ขีดอันตรายเต็มที แต่แล้วปฏิบัติการลดน้ำหนักของเขาก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อเพื่อนของเขาอย่าง Neil Williamson วัย 46 ปี เขาดันไปเห็นป้ายโฆษณาลดน้ำหนังที่คลีนิคศัลยกรรมแห่งหนึ่ง และเกิดไอเดียในการช่วยเพื่อนลดความอ้วนแบบแปลกๆ เพราะแทนที่จะแนะนำให้เพื่อนไปออกกำลังกาย หรือกินอาหารที่มีประโยชน์ เขากลับเอาแต่ส่งข้อความหยาบๆ คายๆ ไปหา Jamie เช่น “ไอ้เxี้ย อ้วน” หรือ “แกน่าจะตายตอนอายุ 40 แล้วแหละ” เป็นเวลากว่า 6 สัปดาห์…
-
ชายคนหนึ่งใช้เวลา 12 สัปดาห์ เปลี่ยนหุ่นอ้วนๆ ให้กลายเป็น “หุ่นในฝัน” สุดล่ำ!!!
Patrick Magno ชายหนุ่มจากซานดิเอโก้คนหนึ่ง เขาทำงานสังคมสงเคราะห์ เป็นหนึ่งในผู้ประสบกับปัญหาน้ำหนักเกิน แต่แล้วเขาก็สามารถเปลี่ยนตัวเองได้ภายในเวลา 12 สัปดาห์กลายเป็นคนที่มีรูปร่างดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ แรกเริ่มเดิมทีนั้นตัวเขาเองมีไขมันกว่า 30% ในตัว ทำให้รู้สึกว่าไม่มีความสุขกับรูปลักษณ์ตัวเองเท่าไหร่จนทำให้เขาต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป . ในช่วงที่กำลังตรวจสุขภาพนั้น เขามีระดับน้ำตาลในเลือดสูงมาก ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน อีกทั้งยังเคยมีคนในครอบครัวของเขาเคยเป็นเบาหวานด้วย เขาเห็นว่าพ่อของเขารู้สึกยังไงเมื่อต้องต่อสู้กับโรคเบาหวาน เขาจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมเป็นแบบนั้น เลยเริ่มหันมาดูแลตัวเอง แต่เขาก็ยังติดอยู่กับงานที่มีผลทางด้านอารมณ์ เพราะเป็นงานด้านสังคมสงเคราะห์ เขาต้องไปเจอกับเด็กๆ ที่ต้องถูกพ่อแม่รังแก ใช้ความรุนแรง และอื่นๆ อีกมากมาย . สองสัปดาห์หลังจากได้รับคำเตือนจากคุณหมอ แล้วก็รู้สึกหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม หลังจากเสร็จงานวันสุดท้ายแล้ว เขาก็ขอกลับไปพบแฟนสาวอีกครั้งหลังไม่ได้เจอกันมานานกว่า 6 ปี เขาเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเองให้ดีขึ้นเพื่อให้คู่หมั้นของเขาภูมิใจ และในที่สุดเขาแทบไม่เชื่อว่าตัวเองจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้จนแทบไม่เหลือเค้าเดิม และที่ผ่านมานั้นเขารู้สึกน่าอายมากๆ ที่ปล่อยตัวเองให้เละเทะขนาดนั้น . วิธีของเขาก็คือใช้แอปฯ Bodyspace และเทคนิคสร้างกล้ามเนื้อของ Kris Gethin ใน 12 สัปดาห์ พร้อมทั้งควบคุมอาหาร ทิ้งอาหารขยะทั้งหมด และกินอาหารจำพวกทูน่า ข้าวกล้อง ไข่ และเนื้อไก่ อีกทั้งยังเสริมโปรตีนในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มีรูปร่างที่ดี จนมาถึงอาทิตย์ที่ 5 เขาก็เล่าความรู้สึกว่ามันเหนื่อยล้า…
-
จำแทบไม่ได้!! สาวหนัก 130 กิโลโดนแฟนหนุ่มบอกเลิก ฮึด ‘ออกกำลังกาย’ จนผอมลงเยอะมาก
สาวๆ หลายคนพยายามจะลดความอ้วนแต่ไม่สำเร็จสักที เพราะไม่มีแรงบันดาลใจหรือมีวินัยมากพอ แต่เมื่อพวกเธอเหล่านั้นถูกหนุ่มๆ บอกเลิก ก็ทำให้เกิดแรงฮึดจนผมเพรียวมานักต่อนักแล้ว เช่นเดียวกับเรื่องราวของหญิงสาวรายนี้… นี่เป็นเรื่องราวของสาวร่างท้วมที่ชื่อว่า Laura Micetich อาชีพคุณครู จากรัฐเทนเนสซี ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มีน้ำหนักมากถึง 136 กิโลกรัม เธอเป็นสาวอ้วนที่ต้องต่อสู้กับความอยากอาหารตลอดเวลา “ฉันต้องเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาอะไรมากิน มันเป็นอะไรที่เสพติดมาก” Laura กล่าว Laura เริ่มรู้สึกว่ารูปร่างของเธอนั้นกำลัง “ข่มขู่” เธออยู่ หลังจากนั้นเธอก็เลิกกับแฟนที่คบกันมาได้ 4 ปี เธอจึงเอาแรงฮึดตรงนั้นมาเปลี่ยนเป็นพลัง เพื่อพิชิตหุ่นเผละๆ ของเธอ แม้จะคิดถึงการลดน้ำหนักด้วยการผ่าตัด แต่เธอก็เปลี่ยนใจไปเข้ายิมแทน เมื่อน้ำหนักของเธอเริ่มลดลงไปได้ประมาณ 1-2 กิโลกรัม เริ่มก็เริ่มมีแรงจูงใจมากขึ้น จึงทำมันต่อไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นกิจวัตรประจำวันเลย เพียงแค่ 2 ปีหลังจากที่เธอเริ่มออกกำลังกาย รูปร่างของเธอก็เปลี่ยนไปแบบจำไม่ได้เลย คนรอบๆ ตัวของ Laura ได้แต่สงสัยว่าเธอผอมขนาดนี้ได้ยังไง จึงถามว่าไปศัลยกรรมหรือกินยาลดความอ้วนชนิดไหนมาหรือเปล่า แต่เธอก็ได้แต่ตอบว่าไม่ใช่ เพราะเธอเข้ายิมและกินอาหารคลีน จนน้ำหนักมันค่อยๆ หายไปเอง Laura บอกว่า “ผู้คนคิดว่าฉันไปศัลยกรรมมา แต่ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติเลย ฉันออกกำลังกายอย่าง…
-
นักศึกษาจีนล้มพับขณะร้องคาราโอเกะ ถึงขั้นเสียชีวิต เพราะ ‘ยาลดน้ำหนัก’ ที่ซื้อจากไทยแลนด์!!
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สาวๆ ทั้งหลายควรจะใส่ใจกันให้มากขึ้น หากว่าใครคิดที่จะอยากจะมีหุ่นที่ผอมเพรียวทางลัดด้วยการกินยาลดน้ำหนัก อาจจะทำให้เกิดอาการคลั่งผอมจนถึงขึ้นเสียชีวิตกันเลย แค่คิดก็ไม่คุ้มแล้วล่ะ อย่างนักศึกษาชาวจีนที่มาเรียนที่สิงคโปร์นามว่า Huang Guo วัย 22 ปี ผู้มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 54 กิโลกรัม สูง 154 เมตร ดัชนีมวลกายอยู่ที่ 22.8 ซึ่งก็ถือว่าเป็นสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว แต่เธออยากจะผอมมากกว่านี้อีก ก็เลยตัดสินใจสั่งซื้อยาลดความอ้วนมาจากคลีนิกแห่งหนึ่งในประเทศไทยมา โดยไม่มีฉลากกำกับหรือข้อมูลการใช้ยามาให้เลย จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ในขณะที่เธอกำลังร้องเพลงคาราโอเกะอยู่ในร้าน K-Box, Cathay Cineleisure เธอเกิดอาการล้มพับไปดื้อๆ หลังจากที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลได้เพียงไม่นาน เธอก็เสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการชันสูตรพบว่าในเลือดของเธอมีปริมาณสารของยา Phentermine เกินขนาดถึง 8 เท่า เป็นยาที่ใช้กระตุ้นสำหรับการลดน้ำหนักระยะสั้น ลดความอยากอาหาร อีกทั้งยังพบสารของยา Fluoxetine เป็นยารักษาโรคซึมเศร้าที่มีผลข้างเคียงลดความอยากอาหารเช่นกัน จึงสรุปผลได้ว่าเธอเสียชีวิตอันเนื่องมาจากการใช้ยาลดน้ำหนักเกินขนาดจากตัวยา 2 ชนิด จนทำให้เกิดอาการร้ายแรงเฉียบพลัน สายสืบของตำรวจยังพบห่อยาอีกจำนวน 41…
-
งี้ก็มี? หญิงสาวปฏิบัติการลดน้ำหนัก แต่แฟนหนุ่มกลับไม่ชอบใจ แถมหึงหวงหนักมาก!?
มีหนุ่มๆ หลายคนมักจะมีปัญหากับน้ำหนักแฟนสาว บางครั้งเมื่อสาวๆ เริ่มกินเก่ง มีน้ำหนักเพิ่มากขึ้น มีรูปร่างท้วมขึ้น พวกเขาก็จะพยายามบอกให้แฟนสาวไปลดน้ำหนักเพื่อให้กลับมารูปร่างดี จนบางครั้งหลายๆ คู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้มานักต่อนักแล้ว แต่กับเรื่องราวของ Christina Carter วัย 28 ปี กลับแตกต่างออกไป เพราะแฟนหนุ่มของเธอไม่ยอมให้เธอผอม!? เมื่อเธอเริ่มปฏิบัติการลดน้ำหนัก ชายหนุ่มก็เกรี้ยวกราดใส่และเกิดอาการหึงหวงเธออย่างแรง ตอนนั้น Christina มีน้ำหนักอยู่ที่ 124 กิโลกรัม ซึ่งเธอไม่อาจจะทนกับมันต่อไปได้อีกแล้ว เธอจึงลดน้ำหนักอย่างจริงจัง แต่แฟนหนุ่มของเธอไม่เห็นด้วยเธอจึงรู้ตัวว่าถูกแฟนหนุ่มบงการเข้าให้แล้ว เธอก็เลยบอกเลิกกับเขาซะเลย เมื่อเธอตัดสินใจแล้ว เธอก็เข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารให้มีขนาดเล็กลง จากนั้นก็ออกกำลังกาย ควบคุมอาหารแบบเต็มที่ นั่นทำให้น้ำหนักของเธอลดไปถึง 68 กิโลกรัมเลยทีเดียว รูปร่างที่ดีและน้ำหนักที่ลดลงนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการออกกำลังกายและควบคุมอาหารเท่านั้น แต่เป็นเพราะเธอเลิกกับแฟนที่มีความคิดแย่ๆ ไปด้วย นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุดล่ะ วันหนึ่ง Christina ได้ค้นตู้เสื้อผ้าและพบเข้ากับชุดว่ายน้ำสีเขียว ที่เคยเป็นชุดว่ายน้ำตัวจิ๋วที่เธอเกือบจะใส่ไม่ได้ แต่วันนี้เธอลองเอามันกลับมาใส่ดู ปรากฏว่ามันกลายเป็นชุดที่พอเหมาะพอดีกับเธอสุดๆ อย่าปล่อยให้คนอื่นๆ…
-
“โจนาธาน” เต่าอายุ 183 ปี ถึงคราวต้องควบคุมอาหาร หลังป่วยเนื่องจากกินของไม่มีประโยชน์!!
หลายคนที่อายุยืนก็มักจะบอกเคล็ดลับที่ทำให้เขาอยู่มาได้นานขนาดนี้ ซึ่งก็คือการทานอาหารนั่นเอง เหมือนอย่างเต่าที่ชื่อว่าโจนาธานตัวนี้ มันมีอายุมากถึง 183 ปี ถือเป็นสัตว์ที่แก่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ แต่ตอนนี้มันได้สูญเสียประสาทการดมกลิ่นและตาเกือบจะบอดแล้ว เพราะอาหารที่มันกินนั้นล้วนแต่เป็นใบไม้กิ่งไม้ ซึ่งทำให้มันน้ำหนักลดลงไปอย่างมาก และทำให้มันอ่อนแอ ผู้เฒ่าเต่าโจนาธานอาศัยอยู่บนเกาะ St. Helena ในทางตอนใต้ของแอฟริกา โดยมีสัตวแพทย์ Joe Hollins ให้การดูแลอยู่ และตอนนี้เขากำลังจะเปลี่ยนวิถีการกินของเต่าตัวนี้เพื่อให้มันได้รับสารอาหารที่มากขึ้น เช่นฝรั่ง กล้วย แตงกวา แครอท และแอปเปิ้ล หลังจากมันได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์แล้ว ดูเหมือนว่าน้ำหนักของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด Joe เชื่อว่าโจนาธานจะสามารถมีอายุได้สูงถึง 250 ปีเลยทีเดียว โจนาธานเคยอาศัยอยู่กับเจ้าเมืองแห่ง Plantation House ชาวอังกฤษในปี 1882 และเชื่อว่าตอนมันมาอยู่ที่เกาะ St. Helena มันก็มีอายุถึง 50 ปีแล้ว ตอนนี้โจนาธานก็อยู่กับเพื่อนเต่าอีก 4 ตัว ได้แก่ David, Emma, Frederika, และ Myrtle (ชื่อเหมือนคนเกินไปมั้ยเนี่ย 555) ถึงแม้ว่าเจ้าโจนาธานจะอาศัยอยู่กับเต่าตัวเมียถึง 3 ตัว…
-
หนุ่มอยากหุ่นดี อัดยาช่วยเบิร์น จนร่างกายร้อนถึง 42 องศาเข้าไอซียู ต้องตัดกล้ามเนื้อทิ้ง!!
ช่วงนี้เทรนด์การออกกำลังกายกำลังมาแรง ใครๆ ก็ล้วนอยากมีร่างกายที่กำยำหล่อเหลา แน่นอน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ พวกเขาต้องทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจ เพื่อให้ได้มาซึ่งหุ่นที่พวกเขาต้องการ แต่บางคนกลับต้องการทางลัด และทางลัดนั้นเอง เกือบนำความตายมาสู่เขา ดังเช่นหนุ่มคนนี้ เขามีชื่อว่า Lewis Brown วัย 25 ปี เขาเริ่มออกกำลังกายเมื่อ 5 ปีก่อน และต่อมาเขากลายเป็นคนที่เสพติดการออกกำลังกาย เขาเริ่มกินยาสเตียรอยด์เพื่อให้ได้ร่างกายที่กำยำยิ่งขึ้น ต่อมาสเตียรอยด์เริ่มให้ผลไม่ทันใจเขา เขาจึงเริ่มกินยาช่วยเบิร์นไขมัน DNP เพื่อที่เขาจะได้ลดไขมันได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ยิ่งไขมันน้อยเท่าไหร่ กล้ามเนื้อของเขาก็จะยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ด้วยความไม่รู้หรือว่าการเสพติดการออกกำลังกายบังตา ทำให้เขากินยาช่วยเบิร์นนี่ไปถึง 8 เม็ดในวันเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ อุณหภูมิในร่างกายของเขาพุ่งสูงไปถึง 42 องศาเซลเซียส แพทย์ต้องนำเขาเข้าห้องฉุกเฉินโดยด่วน พร้อมทั้งห่อน้ำแข็งเพื่อลดอุณหภูมิร่างกาย แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ดีขึ้น กล้ามเนื้อของเขาค่อยๆตายลงทีละน้อย หมอได้ตามญาติให้มาดูใจเป็นครั้งสุดท้าย ดูเหมือนว่าเขาคงจะไม่รอดเป็นแน่แท้ ด้วยปาฏิหาริย์หรืออย่างไรก็ไม่ทราบ อาการของเขาเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ หลังจากหมอได้ทำการตัดกล้ามเนื้อที่ตายแล้วบางส่วนที่ขาของเขาทิ้งไป ต้องขอบคุณทุกอย่างจริงๆ ที่ทำให้เขารอดชีวิตจากห้วงแห่งความตายได้ ตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่า เขาไม่ควรกินยา DNP เกิน 3…
-
ชายตุ้ยนุ้ยที่ขี่คอเพื่อนในคอนเสิร์ต จนโดนล้อไปทั่วโลก ตอนนี้ผอมแล้วนะ!!
เมื่อช่วงปี 2014 มีการแชร์ภาพๆหนึ่งไปทั่วอินเตอร์เน็ต โดยภาพดังกล่าวเป็นของชายร่างใหญ่คนหนึ่ง กำลังถอดเสื้อและขี่คอเพื่อนในงานคอนเสิร์ตอยู่ ซึ่งชายที่อยู่ในภาพคือ Paul Moore วัย 26 ปีนั่นเอง ภาพนี้ถูกแชร์ไปกว่าหลายพันครั้งและมีคนมาคอมเมนต์นับหมื่นเลยทีเดียว ซึ่งคอมเมนต์ส่วนมาก ก็จะเป็นการล้อเลียนในความอ้วนของ Paul เสียส่วนใหญ่ เมื่อ Paul ได้เห็นคอมเมนต์เหล่านั้นแล้ว เขารู้สึกแย่มากจนแทบไม่อยากออกไปไหนเลย ลองนึกว่าภาพคนหมื่นๆล้อเลียนรูปร่างของคุณสิ คุณจะรู้สึกอย่างไร หลังจากเหตุการณ์นั้นเอง Paul ก็ตัดสินใจทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขาไม่อยากโดนล้ออีกต่อไป เขาจึงเริ่มเข้ายิม และออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก ภายในระยะเวลาหนึ่งปี เขาลดน้ำหนักตัวเองไปได้ถึง 44 กิโลกรัม จากชายตุ้ยนุ้ยในงานคอนเสิร์ต ตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนุ่มหล่อหุ่นดีไปซะแล้ว! เขาเล่าว่าตัวเขานั้นถูกล้อว่าเป็น “ไอ้อ้วน” มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่เขาไม่เคยตระหนักเลยว่า เขาอ้วนขนาดไหน จนกระทั่งเขาได้เห็นรูปภาพนั้น เขาจึงรู้ในทันทีว่า เขาต้องเปลี่ยนแปลง และตอนนี้เขาทำสำเร็จแล้ว จากหนุ่มที่ชื่นชอบอาหารฟาสต์ฟู๊ด ตอนนี้เขากลายเป็นหนุ่มสุขภาพดี ที่ทำอาหารทานเองประจำ และเลิกดื่มกินของที่ไม่มีประโยชน์ไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เขามีแผนที่จะไปร่วมงานคอนเสิร์ตที่เดิมอีกครั้ง และครั้งนี้เขามั่นใจเลยว่า จะไม่มีใครถ่ายรูปเขาไปล้อเลียนอีกต่อไปแล้ว…
-
ขอแนะนำ ‘บราวนี่ไร้แป้ง’ เมนูขนมหวานเนื้อหนุบหนับ สำหรับคนที่อยู่ในโหมดลดน้ำหนักโดยเฉพาะ
‘ถั่วดำ’ นอกจากจะสามารถนำมาทำเป็นข้าวเหนียวถั่วดำแล้ว สาวๆ รู้หรือไม่ว่ามันสามารถนำมาดัดแปลงทำเป็นขนมหวานแสนอร่อยๆ อย่างบราวนี่ได้ด้วยนะ และในวันนี้เราก็จะขอมานำเสนอวิธีทำ ‘บราวนี่แบบไร้แป้ง’ เนื้อหนุบหนับ เมนูสำหรับคนลดน้ำหนัก ที่ยังใช้ถั่วดำเป็นส่วนผสมหลัก และขอบอกเลยว่าทำออกมาแล้วอร่อยไม่แพ้บราวนี่แบบใช้แป้ง แถมยังแคลลอรี่ต่ำอีกด้วย ต้องขอขอบคุณ คุณ LittleFilmz ในเว็บไซต์พันทิปเป็นอย่างมาก ที่ได้มาแชร์สูตรวิธีการทำบราวนี่ไร้แป้งแสนอร่อยแบบนี้ ให้เราได้ลองไปทำทานกัน เอ…รู้สึกว่าคันไม้คันมืออยากจะเข้าครัวแล้วสิ ถ้าอย่างนั้นใครพร้อมแล้วลุยเลยจ้า สิ่งที่ต้องเตรียมมีดังนี้ – ถั่วดำต้มสุก 1 1/2 ถ้วยตวง – ไข่ไก่ 3 ฟอง – ผงโกโก้แบบไม่หวาน 1/4 ถ้วยตวง – สารสกัดจากหญ้าหวาน (stevia) 3 ช้อนชา (เพิ่มลดได้ตามความชอบ ต้นฉบับใช้น้ำตาล 3/4 ถ้วยตวง) – เกลือป่น 1/4 ช้อนชา – ผงฟู 1/2 ช้อนชา –…
-
นักวิจัยมะกันเผย รัฐที่เปิดให้ซื้อขายกัญชากันถูกกฎหมาย มีจำนวนคนอ้วนลดลง!!!
เรื่องนี้หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยถูกใจกันสักนิด แถมฟังดูแล้วอาจไม่น่าเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่ออยู่ดี เพราะมีผลสำรวจออกมาการันตีกันเลยทีเดียว อ้างอิงจากการเก็บข้อมูลของทาง Cornell University และ San Diego State University พบว่า ตั้งแต่การเปิดให้ซื้อขายกัญชากันแบบถูกกฎหมาย จำนวนคนอ้วนในพื้นที่ก็เรียกได้ว่าลดลงจนแทบจะเห็นได้ชัด!!! กัญชาช่วยให้อัตราคนอ้วนลดลง โดยจากฐานข้อมูลตลอด 12 ปี และค่าเฉลี่ยจากการเก็บข้อมูลจากรัฐที่เปิดให้กัญชาซื้อขายกันแบบถูกกฎหมายพบว่า จำนวนคนอ้วนนั้นมีอัตราที่ลดลง 2-6 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว!!! ซึ่งทางนักวิจัยได้สันนิษฐานว่าเพราะมีการเปิดให้ใช้กัญชากันในด้านการแพทย์ ทำให้ผู้ป่วยจัดการปัญหาอาการปวดได้ดีขึ้น และแน่นอนความอยากอาหารและโรคอ้วนก็ลดลง แถมในส่วนของวัยรุ่นนั้นพบว่า การที่พวกเขาใช้กัญชามากขึ้น ทำให้พวกเขาดื่มลดลง และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความอ้วนในกลุ่มพวกเขาถึงลดลงเช่นกัน… เอ…อันนี้เหมียวว่าอะไรมันก็มีประโยชน์หมดแหละ แน่นอนถ้าใช้ในทางที่ถูก และในปริมาณที่เหมาะสมนะจ๊ะ ส่วนบ้านเราก็ต้องรอเขาทดลองๆ กันต่อไปอ่ะเนาะ >< ที่มา: Metro
-
เทรนด์ใหม่ลดความอ้วนของสาวๆ ในฮ่องกง ‘จ้องแสงแดด’ เพื่อรับพลังงานแทนอาหาร!!!
เหมียวก็ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเทรนด์ใหม่นี้มากันจากไหน แต่ฟังดูแล้วก็รู้สึกว่ามันแปลกเอาซะมากๆ กับการตากแดดเพื่อลดความอ้วน -*- เอิ่มมมมม และี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในฮ่องกง กับเหล่าสาวๆ ที่ต้องการลดความอ้วน…ลืมไปเลยกับผักผลไม้ การออกกำลังกาย T25 ต่างๆ เพราะแค่ยืนตากแดด ก็ช่วยคุณลดน้ำหนักได้แล้วล่ะ!!! ยืนตากแดดลดความอ้วน!!! ในฮ่องกงหญิงสาวจำนวนมากจะมายืนตากแดดกันในตอนเย็น แถบหมู่บ้าน Sam Ka และหลักการของพวเธอนั้นค่อนข้างน่าสนใจเลยล่ะ ‘เพราะการจ้องแสงอาทิตย์นั้น จะทำให้เราได้รับพลังงานจากแสง เพราะฉะนั้นเราก็จะไม่หิว และไม่ต้องการพลังงานจากการทานอาหารอีก’ หนึ่งในผู้จ้องแสงแดดกล่าว ‘ซึ่งบางคนกินน้อยลง หรือว่าไม่ทานอะไรไปเลยก็มี’ เธอกล่าวเสริม เอาล่ะนะ ทีนี้ก็ไม่ต้องทานอะไรกันแล้วล่ะเนาะ มาสังเคราะห์แสงกันเลยมนุษย์ทั้งหลาย ฮ่าๆๆๆ ที่มา: Metro
-
แฟนจ๋าอย่าทำตาม!! พบกับ 5 วิธีสุดแปลกที่ ‘ผู้หญิง’ ใช้ในการลดน้ำหนัก เอิ่ม…. -*-
คนส่วนใหญ่นั้นมีความไฝ่ฝันที่รูปร่างที่ดี ผอมสวย เพื่อเสริมสร้างบุคลิกและความมั่นใจ เหมียวว่าในสมัยนี้มีสารพัดวิธีที่จะช่วยลดน้ำหนัก มีเยอะจนเราเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว แต่สำหรับบางคนการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายคงผอมไม่ทันใจจึงทำให้เกิดวิธีลดน้ำหนักแสนแปลกประหลาดพวกนี้ขึ้นมา วันนี้เหมียวเลยจะพาไปดู 5 วิธีสุดยี้ที่เห็นแล้วแบบว่า คิดได้ยังไงเนี่ย? 1. กินอาหารผ่านสายยางลดอ้วน วิธีนี้ต้องกินอาหารผ่านสายยางเหมือนกับผู้ป่วยในโรงพยาบาล 10 วัน แบบนี้ใครจะไม่ผอมลงล่ะ!! แต่วิธีการนี้ก็มีผลข้างเคียงด้วยนะคือ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การขาดน้ำ หรือ ท้องผูก แถมผู้เชี่ยวชาญได้พิสูจน์แล้วว่าวิธีนี้น่ะมันได้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้นแหละAll Posts 2. พันร่างการด้วยแรป คุณอาจจะเคยเห็นสาวๆในสปาพันทั้งตัวด้วยแรปยั่งกะมัมมี่เป็นชั่วโมงๆ เพื่อที่น้ำหนักตัวของพวกเธอจะได้ลดลงไปบ้าง และมันก็ได้ผลจริงๆ แต่!! อีกไม่นานน้ำหนักของพวกเธอก็จะกลับมาเท่าเดิม การที่ แขน ต้นขา หรือ รอบเอวลดลงไปนั้นมันเป็นแค่การหดตัวทางกายภาพเท่านั้นแหละ!! 3. ฝังเข็มที่หูลดน้ำหนัก วิธีนี้ใช้การฝังเข็มลงไปบนใบหู เพื่อกดประสาท ทำให้ไม่หิว กินได้น้อยลง ฝังเป็นเวลากว่าสัปดาห์ จึงทำให้มีน้ำหนักลดลง แต่รู้ไหมว่าคนที่เลือกใช้วิธีนี้กว่า 20% เกิดการติดเชื้อที่ใบหู!! …