Tag: ลี้ภัย
-
‘สไปดี้ฝรั่งเศส’ ได้งานตามสัญญา เข้าเยี่ยมชมหน่วยงานกู้ภัยวันแรก พร้อมรับทุกสถานการณ์
สถานการณ์สร้างฮีโร่และความถูกที่ถูกเวลา สามารถเปลี่ยนชีวิตของตัวเองได้ในพริบตา จากกรณีของ Mamoudou Gassama ชายวัย 22 ปี ผู้อพยพชาวมาลีในกรุงปารีส ที่ช่วยเหลือเด็กห้อยตัวอยู่ริมระเบียงตึกได้สำเร็จ หลังจากนั้นเขาก็ได้เข้าพบและรับคำชื่นชมจากประธานาธิบดี Emmanuel Macron พร้อมกับได้รับสถานะพลเมืองฝรั่งเศสในทันที Gassama เข้ารับเอกสารยืนยันการเป็นพลเมืองฝรั่งเศส ซึ่งนอกเหนือจากนั้นแล้ว ข้อเสนอที่เขาได้รับก็คือการเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยฝึกหัดระยะ 10 เดือน ประจำหน่วยดับเพลิงและกู้ภัยของกรุงปารีส ซึ่งอาจจะได้เริ่มงานในไม่ช้านี้… “ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ความสามารถของผมมี” Gassama ให้สัมภาษณ์กับสื่อ และภาพของเขาก็ปรากฏอยู่บนสื่อของประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างเข้าเยี่ยมชมสำนักงาน Paris Fire Brigade ในวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ พร้อมเรียนรู้งานและฝึกฝนการปฏิบัติหน้าที่ . หลังจากที่ประธานาธิบดี Macron ได้พูดคุยกับฮีโร่ไปแล้ว เขาก็ยังกล่าวเพิ่มเติมไว้ในเฟสบุ๊กของเขาว่า “หน่วยงาน Paris Fire Brigade รู้สึกยินดีและพร้อมที่จะรับเขาเข้าร่วมทีมด้วย” . ทางด้านครอบครัวของเด็กชายที่ได้รับการช่วยชีวิตเอาไว้ ต่างรู้สึกยินดีและยกย่องการกระทำของเขา ด้วยการตัดสินใจอย่างรวดเร็วและการปีนป่ายอันคล่องแคล่ว และทางคุณยายของเด็กชายที่ได้เห็นคลิปนั้นรู้สึกขนลุกและต้องการที่จะขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก …
-
สื่อนอกเผย คุณพ่อของเด็กที่ห้อยริมระเบียง มัวแต่เล่น ‘โปเกม่อน โก’ อยู่ข้างนอก…
กลายมาเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงสัปดาห์นี้เลยก็ว่าได้ กับเหตุการณ์ฮีโร่ตัวจริงที่ปีนขึ้นตึกเพื่อไปช่วยชีวิตเด็กชาย จนกระทั่งส่งผลทำให้เขาได้รับสัญชาติ เป็นพลเมืองแห่งฝรั่งเศส พร้อมได้รับหน้าที่การงานเป็นการตอบแทน… อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดความแคลงใจว่า เหตุใดเด็กถึงถูกปล่อยให้อยู่เพียงลำพังจนเกิดอันตรายเช่นนี้ได้ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของเด็ก กำลังทำอะไรอยู่? ฮีโร่ Mamoudou Gassama วัย 22 ปี เข้าพบประธานาธิบดีฝรั่งเศส Emmanuel Macron ทางด้านอัยการฝรั่งเศส Francois Molins ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ BFM TV ว่า พ่อของเด็กชายวัย 4 ขวบรายนี้ ออกไปชอปปิงข้างนอก และปล่อยให้เด็กชายอยู่บ้านเพียงลำพัง ในส่วนของผู้เป็นแม่นั้น ได้เดินทางออกจากปารีสเพื่อไปเยี่ยมญาติบนเกาะเรอูนียง และหน้าที่ดูแลลูกก็ตกเป็นหน้าที่ของผู้เป็นพ่อ… ซึ่งการกลับมายังอพาร์ทเมนท์ของผู้เป็นพ่อต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเขามัวแต่เล่นสมาร์ทโฟน เปิดเกมโปเกม่อน โก เล่นไปด้วย ในขณะที่เดินกลับมาและเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ทั้งนี้อัยการได้พิจารณาความผิดของผู้เป็นพ่อ ด้วยโทษจำคุก 2 ปี ฐานละเลยหน้าที่ของผู้ปกครอง จากการตัดสินใจที่ผิดพลาดส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเด็ก และจะตัดสินคดีความดังกล่าวในเดือนกันยายน…
-
เรือประมงพร้อมกับชาวเกาหลีเหนือ 8 ราย ลอยลำถูกซัดขึ้นชายฝั่งญี่ปุ่น อ้างว่าเรือขัดข้อง!?
เมื่อคืนวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมาได้มีการรายงานข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศถึงเหตุการณ์ที่พบเรือประมงลำหนึ่งลอยเข้ามาในน่านน้ำของญี่ปุ่น โดยที่ชาวประมงทั้ง 8 คนบนเรือลำนั้นเป็นชาวเกาหลีเหนือทั้งหมด เรือลำดังกล่าวได้มาจอดที่ท่าเรือในเมือง Yurihonjo บนชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น สภาพเรือนั้นเริ่มจะเก่าและผุพัง และเป็นเพียงแค่เรือตกหมึกธรรมดาที่มีเพียงแค่หลอดไฟ ไม่มีอาวุธร้ายแรงใดๆ มีแค่เพียงอุปกรณ์จับปลาและชาวประมง 8 คนเท่านั้น โดยชาวประมงทั้ง 8 คนมีร่างกายที่แข็งแรงทางตำรวจจึงให้ล่ามเข้ามาช่วยแปลภาษาโดยได้ใจความว่า พวกเขาเป็นชาวเกาหลีเหนือและได้ออกเดินเรือหาปลา แต่เรือได้เกิดปัญหาขัดข้อง แล้วลอยตามน้ำมาเรื่อยๆ จนมาเทียบท่าฝั่งน่านน้ำของญี่ปุ่น . . และตอนนี้ก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ชาวประมงทั้ง 8 รายนี้ยังจะต้องการเดินทางกลับเกาหลีเหนือหรือไม่ ซึ่งจากเหตุการณ์ในช่วงนี้ก็มีข่าวทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์หนีตายเข้าเกาหลีใต้ (จากข่าววินาทีระทึก เมื่อทหารเกาหลีเหนือ ขับรถฝ่าดงกระสุนหนีเข้าเกาหลีใต้ ราวกับหนังแอ็คชั่น!!) ทำให้สถานการณ์ต่างๆ ในตอนนี้อาจจะดูไม่ค่อยปลอดภัยมากนัก นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธข้ามเขตน่านฟ้าญี่ปุ่นอีกด้วย คลิปวิดีโอการรายงานข่าวของสำนักข่าว ANNnews เหตุการณ์เรือประมงของชาวเกาหลีเหนือที่ข้ามมาในเขตน่านน้ำของญี่ปุ่นก็เคยเกิดขึ้นในปี 2554 ซึ่งเป็นเหตุที่ชาวเกาหลีเหนือ 9 คนพยายามจะแล่นเรือไปยังเกาหลีใต้แต่ได้หลงเข้ามาในน่านน้ำญี่ปุ่น ที่มา hbbc
-
อเมริกาคาดว่า “ผู้ต้องหาทารุณกรรมทางเพศเด็ก” ได้แอบหนีมาใช้ชีวิต สอนหนังสือในเมืองไทย!!?
Jackson Matthew Hal ชายวัย 26 ปี เมือง Lacey’s Spring รัฐอลาบามา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีทารุณกรรมทางเพศเด็ก ได้ถูกทางการจากหลายรัฐในอเมริกาแจ้งข้อหามากมายพร้อมต้องการตัวเป็นอย่างมาก แต่ล่าสุดพวกเขารายงานว่าชายคนนี้ได้ลี้ภัยไปยังต่างประเทศแล้ว… โดยที่เบื้องต้นไม่มีข้อมูลว่าเขาแอบหนีออกไปได้อย่างไร และเขาไปอยู่ที่ไหน?? เจ้าหน้าจากเขต Cullman ในรัฐอลาบามาได้รายงานว่านาย Jackson ทำเป็นว่าตัวเองได้ตายไปแล้วพร้อมแอบลี้ภัยออกนอกประเทศ ซึ่งทางการได้คาดว่าผู้ต้องหาคนนี้ได้แอบอยู่ที่ประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยพุ่งเป้าไปที่ประเทศไทย สาเหตุนั้นก็มาจากไม่นานมานี้ สื่อได้รายงานว่าครอบครัวของคุณ ‘Neung‘ (คุณหนึ่ง) หญิงสาวชาวไทย เข้าแจ้งความว่าลูกสาวของเธอได้หายตัวไปหลังจากที่ตัวเธอได้พูดคุยกับนาย Jackson หรือในอีกชื่อปลอมว่า Tyler Smith ในขณะนั้น ซึ่งพ่อแม่ยังบอกอีกว่าคุณหนึ่งผู้เป็นลูกสาวก็ยังติดต่อมาตลอด เพียงแต่ไม่รู้ไม่อยู่ที่ไหน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่คาดว่าทั้งคุณหนึ่งและนาย Jackson กำลังคบหาดูใจกันอยู่ ทำให้หญิงชาวไทยตัดสินใจจะช่วยผู้ต้องหาคนดังกล่าวหนีการจับกุมตัว สรุปความคืบหน้าล่าสุด… – นาย Jackson Matthew Hall อายุ 26 ปี ชาวสหรัฐ ผู้ต้องหาข่มขืนเด็กหญิงอายุ 5 ขวบซึ่งเป็นลูกของแฟน และคดีทำร้ายเด็ก ในปี 2014 และ…
-
นกแก้วและฟลามิงโก้ ต่างดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเฮอร์ริเคน ‘เออร์มา’ รวมกับสัตว์อีก 3,000 ชีวิต
หลังจากที่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ พึ่งจะพัดผ่านและถล่มรัฐเท็กซัสไปไม่ทันหายดี พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาก็เคลื่อนตัวเข้าถล่มรัฐฟลอริดา ไม่เหลือชิ้นดีเช่นกัน และก็ไม่ใช่กับคนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ เหล่าสัตว์ก็โดนด้วยเช่นกัน… ซึ่งไม่นานก็มการแพร่ภาพออกมาว่า พายุดังกล่าวมันรุนแรงขนาดแม้แต่นกฟลามิงโก้สองตัวยังต้องหนีไปหัวซุกหัวซุน จนได้รับการช่วยเหลือจาก Cheryl Lu-Lien โดยให้หลบภัยอยู่ในห้องซักรีดของเธอ ซึ่งเธอก็ทวีตข้อความขอความช่วยเหลือให้แก่เพื่อนสีชมพูทั้งสองตัว นอกจากนั้นยังมีภาพของนกแก้วสองตัวที่มีคนแชร์ต่อกันมา ซึ่งภาพนั้นมาจากครอบครัวที่พักอยู่บน Marriott Hotel ชั้น 22 ในเมืองไมอามี่ สภาพของเจ้านกทั้งสองนั้นเปียกโชกและดูเหมือนว่าพวกมันต้องการที่หลบภัยอย่างเร่งด่วน แต่ด้วยความที่พวกเขาไม่สามารถเปิดหน้าต่างออกไปช่วยมันได้ ก็ทำได้แค่มองดูและให้พวกมันหลบภัยอยู่ขอบหน้าต่างอย่างน่าเวทนา พร้อมกับเอาใจช่วยว่าทั้งคู่จะปลอดภัย… . นอกจากสัตว์เหล่าทั้งสองแล้ว สัตว์อื่นๆ ในสวนสัตว์ไมอามี่ก็ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่เช่นกัน และด้วยจำนวนที่มีมากกว่า 3,000 ตัว เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ก็หัวปั่นสุดๆ เนื่องจากมีสัตว์ป่าหลากหลายประเภท ทำให้การจัดการจึงเป็นเรื่องที่เหนื่อยพอสมควรเลยทีเดียว แต่สัตว์ทั้งหมดก็ไม่ได้ไปไหน ยังคงหลบภัยอยู่ในสวนสัตว์นั่นเอง ส่วนถ้าใครสงสัยว่าทำไมไม่อพยพสัตว์ออกมา เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้เหตุผลว่า พวกเขามองเห็นว่าพายุจะเปลี่ยนทิศทางในเร็วๆ นี้ และถ้าไปอพยพสัตว์จำนวนมากขนาดนั้นจะยิ่งอันตรายกว่าการหลบภัยอยู่ในสวนสัตว์ นกแร้งเทาหลังขาวยังต้องให้เจ้าหน้าที่มาสั่งเข้ากรง ดูๆ แล้วก็น่ารักดีนะ การขนย้ายสัตว์อย่างชีตาห์ก็อาจจะไม่ค่อยปลอดภัยก็ได้นะ ส่วนเครื่องยืนยันว่าวิธีดังกล่าวนั้นดีกว่าอพยพจริงไหมนั้น เจ้าหน้าทีก็บอกว่า พวกเขาเคยได้รับประสบการณ์ขนย้ายสัตว์หนีพายุ Andrew เมื่อ…
-
ภาพถ่ายดาวเทียมเผยให้เห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นในพม่า บ้านเรือนถูกเผาไปกว่า 700 หลัง
ความรุนแรงและป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นบนโลกยังมีอีกมากที่เราไม่สามารถรับรู้ได้ อย่างเช่นสิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ที่อยู่ทางตะวันตกของพม่า ที่ต้องเจอกับปัญหาความรุนแรงจากความแตกต่างทางศาสนาตั้งแต่ปี 2012 จนปัจจุบันก็ได้บานปลายมาอย่างมาก มีภาพถ่ายจากดาวเทียมออกมาให้เห็นหมู่บ้านหนึ่งของชาวโรฮิงยาที่เป็นชาวมุสลิมถูกเพลิงไหม้ไฟลุกโชน สร้างความเสียหายกว่า 700 หลังคาเรือนจนเหลือเพียงแค่เถ้าธุลี ซึ่งคาดว่านี่เป็นหนึ่งในการกวาดล้างฆาตกรรมหมู่ เหตุการณ์นี้เพิ่งผ่านมาเพียงไม่กี่วัน และในช่วงเวลาเดียวกันชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นั่นก็ต้องอพยพไปยังชายแดนประเทศบังคลาเทศ Chris Lewa ผู้อำนวยการโปรเจคท์ Arakan องค์กรสิทธิมนุษยชนที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เข้าไปสังเกตการณ์สิ่งที่เกิดขึ้นในรัฐดังกล่าวและบอกว่ามีชาวโรฮิงยามากมายถูกฆ่าโดยทหารพม่าหรือกลุ่มชาติพันธุต่างๆ และมากกว่า 130 คนอย่างแน่นอน ทว่ากลับไม่พบหลักฐานเลยแม้แต่น้อย เพราะทหารและคนที่ลงมือฆ่านำศพไปเผาไฟอย่างไม่เหลือร่องรอยอยู่เสมอ และจากเรื่องราวเหล่านี้ก็ทำให้กลุ่มสิทธิมนุษยชนกังวลว่าความรุนแรงของเรื่องทั้งหมดในรัฐนี้จะแย่กว่าที่คิดไว้ตั้งแต่ต้น และนี่เป็นเพียงแค่ 1 ใน 17 แห่งที่บ่งบอกได้ว่าถูกเผา การลงพื้นที่สังเกตการณ์อย่างอิสระจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเปิดเผยและกระตุ้นให้ทุกคนได้รับรู้ว่า ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นที่นั่นบ้าง รัฐยะไข่ได้เกิดเหตุจราจลมาอย่างยาวนาน ชาวโรฮิงยาถูกสังหารนับพันคนซึ่งส่วนใหญ่ในนั้นก็จะเป็นชาวมุสลิม ทำให้พวกเขาต้องพากันหนีออกมา จนกลายเป็นคนไร้บ้าน อย่างเหตุการณ์ล่าสุดนี้ก็ทำให้ชาวบ้านราว 1 แสนคนลี้ภัยออกไปจากฝั่งตะวันตกของพม่าที่กำลังเผชิญกับความป่าเถื่อนอยู่ ความรุนแรงรอบล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อกลุ่มก่อการร้ายโรฮิงยาโจมตีแบบกองโจรฆ่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ห่างไกลไป 15 คนและเผาหมู่บ้านนั้นอีกด้วย หัวหน้ากองทัพพม่ากล่าวว่าตั้งแต่นั้นมามีผู้เสียชีวิตเกือบ 400 รายโดยในนั้นมีผู้ก่อการร้ายโรฮิงญา 370 คน กองกำลังรักษาความปลอดภัยของพม่าได้มีปฏิบัติการกวาดล้างผู้ก่อการร้ายภายในประเทศ ซึ่งพวกเขาอ้างว่าเป็นผู้ก่อการร้าย แต่ภาพจากดาวเทียมที่ได้เห็นกันนี้ก็เป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่าทำไมถึงควรอนุญาตผู้ตรวจสอบนานาชาติลงไปสำรวจพื้นที่ในรัฐนี้ …
-
เคราะห์ซ้ำกรรมซ้อน…อุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่เล่นงานหนัก นอกจากท่วมเมืองแล้วยังท่วมที่ลี้ภัยอีก
ผ่านไปกันเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วสำหรับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นจากพายุฮาร์วีย์ นอกจากความรุนแรงยังไม่ลดลงแล้ว ความเสียหายต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อมก็ยังขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ ยิ่งมีการแพร่ภาพศูนย์อพยพที่ถูกน้ำท่วมแล้ว ก็ยิ่งทำให้เราสลดใจในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์เหล่านี้ ล่าสุด น้ำที่ท่วมสูงทำให้ประชาชนจำนวนมาก ต้องทิ้งบ้านเรือนและย้ายเข้าไปอยู่ศูนย์หลบภัย แน่นอนว่าโดยปกติถ้าทางการให้ย้ายไปแบบนี้ เราก็คงอุ่นใจได้พอสมควรว่าเราจะปลอดภัยในศูนย์หลบภัยเหล่านั้น แต่ความเป็นจริงที่พุ่งเข้าหน้าชาวเท็กซัสกลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่พวกเขาหวังไว้ ลองดูสภาพน้ำที่ท่วมเต็มพื้นที่ของ Bowers Civic Center ภายในก็มีทั้งเด็กและผู้ใหญ่อยู่รวมกันเต็มไปหมด ดูความแออัดชั้นบนนั่นสิ ที่แย่กว่าคือห้องน้ำก็ไม่สามารถใช้งานได้ เพราะน้ำเข้าไปยึดพื้นที่ไว้หมดแล้ว มีการเผยแพร่ภาพจากชาวเน็ตที่ชื่อ Valerie LaPoint-Kinlaw ซึ่งได้แสดงให้เห็นศูนย์หลบภัยที่ทางการได้เตรียมไว้ให้ ถูกน้ำที่เกิดจากพายุทะลักเข้ามา ทำให้หลายส่วนของศูนย์หลบภัยถูกปกคลุมไปด้วยน้ำ ไม่ว่าจะเป็นพื้นชั้นล่าง ห้องน้ำและอื่นๆ ล้วนเต็มไปด้วยน้ำ เราลองดูคลิปแบบเต็มๆ จากสถานที่เกิดเหตุกันดู ผู้คนกว่า 500 คนจะต้องอาศัยอยู่บนที่นอนที่สูงกว่าน้ำนิดหน่อย หรือไม่ก็ไปแออัดกันอยู่ข้างบนชั้นสโลป นอกจากนั้นน้ำยังไม่มีทีท่าจะลดในเร็วๆ นี้ จะมีแต่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ ได้บอกกับประชาชนว่า พายุฮาร์วีย์จะเบาตัวลงในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน วอนให้ประชาชนอยู่ในความสงบและรออีกหน่อยนั่นเอง… ที่มา metro
-
ชาวเมืองนับร้อย “จัดงานวันเกิด” ครั้งสุดท้าย ให้กับเด็กหญิงผู้อพยพ ก่อนจะถูกส่งตัวกลับประเทศ
การที่เราต้องย้ายไปหลายๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นการออกค่ายไปเที่ยวหรือการย้ายที่อยู่อาศัยนั้น ก็คงเป็นเรื่องที่ยากที่จะได้สร้างความทรงจำกับคนรอบข้างที่ต่างกันออกไปและมีเวลาได้อยู่ร่วมกันที่ไม่มากนัก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าคนใกล้ตัวจะลืมที่จะเอาใจใส่ความรู้สึกของกันและกัน เหมือนกับความรักที่เด็กน้อยคนนี้ได้รับ หญิงสาววัย 12 ปีที่มีชื่อว่า Hanyie Maleki และพ่อของเธอ Abrahim Maleki จากอัฟกานิสถานจะต้องถูกส่งกลับประเทศเยอรมนี จากการตัดสินใจของประเทศไอซ์แลนด์เกี่ยวกับเรื่องของการเคลื่อนย้ายแรงงานในยุโรป เธอนั้นเกิดในค่ายอพยพประเทศอิหร่าน ทำให้เธอและพ่อที่พิการได้อพยพต่อไปยังตุรกีและย้ายไปกรีซจากนั้นจึงย้ายไปเยอรมนี สุดท้ายจึงได้มาจบที่ประเทศไอซ์แลนด์ ก่อนที่จะมีข่าวให้ส่งเธอกลับไปยังประเทศก่อนหน้านี้ นี่อาจเป็นงานวันเกิดครั้งสุดท้ายของเธอที่จะจัดขึ้นในประเทศนี้ เหล่าคนที่จัดงานนี้จึงต้องจัดก่อนวันเกิดที่แท้จริงในเดือนตุลาคม และต้องการให้มันเป็นวันที่น่าประทับใจมากที่สุดในชีวิตของเด็กสาวคนนี้ นั่นทำให้มีแขกมาร่วมงานนี้มากถึงเกือบ 300 คนเลยทีเดียว หนึ่งในคนจัดงาน Guðmundur Karlsson ได้บอกว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเหนือความคาดหมายของพวกเรามาก มันเยี่ยมมากจริงๆ เต็มไปด้วยความรักและกำลังใจ” เธอที่เป็นเพียงแค่เด็กสาวขี้อายคนหนึ่งนั้นได้เป็นนางเอกของงานในทันที โดยเธอได้เดินไปรอบงานเพื่อที่จะถ่ายรูปโพสท่าต่างๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ เข้าไปสวมกอดผู้คนภายในงานอย่างน่ารักน่าเอ็นดู แขกหลายคนในงานได้มอบของขวัญให้เธอมากมาย บางคนในนั้นเธอยังไม่เคยเจอหน้าเลยด้วยซ้ำ พร้อมกับบัญชีธนาคารในชื่อของเธอที่ได้รับเงินบริจาคสนับสนุนจากผู้คนรวมถึง 190,000 บาทสำหรับการไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ องค์กรช่วยเหลือผู้อพยพที่มีชื่อว่า Solaris ได้พยายามสร้างแรงกดดันให้กับคณะผู้บริหารองค์กรลี้ภัยของไอซ์แลนด์ เพื่อให้เธอและพ่อได้อยู่ต่อในประเทศ โดยได้ล่ารายชื่อในเว็บไซต์ change.org โดยได้รวมมาถึง 8,400 รายชื่อแล้ว…
-
ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียบอกเล่าประสบการณ์เสี่ยงตาย ว่ายน้ำข้ามทะเลกว่าเจ็ดชั่วโมงเพื่อเริ่มชีวิตใหม่
เราต่างก็ได้รับรู้ข่าวสารเกี่ยวกับความยากลำบากของชาวซีเรียที่สูญเสียทุกอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน เงินทอง รวมไปถึงชีวิต ซึ่งชาวซีเรียก็ได้กลายมาเป็นผู้ลี้ภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากสาเหตุของสงครามกลางเมืองอันวุ่นวาย ทำให้บ้านที่เคยอยู่กลายเป็นแดนสงคราม สงครามกลางเมืองในซีเรีย ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียต่างรู้ดีว่าชะตาชีวิตของพวกเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย หากยืดหยัดอยู่ในซีเรียก็คงมีค่าไม่ต่างไปจากการรอความตาย เพราะฉะนั้นหลายคนจึงเลือกที่จะทิ้งดินแดนเดิมของตนและลี้ภัยไปต่างประเทศ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถไปถึงจุดหมายปลายทางที่เฝ้าฝันเอาไว้ Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่ว่ายน้ำข้ามทะเลจากตุรกีไปยังกรีซ แต่สำหรับ Ameer Mehtr ผู้ลี้ภัยที่เสี่ยงตายเอาชีวิตตัวเองเป็นเดิมพัน จากการตัดสินใจวิ่งหนีสุดชีวิตไม่คิดหันหลังกลับ พึ่งพาร่างกายของตนเองเพื่อตามหาชีวิตใหม่ เนื่องจากเขาไม่มีเงินเพียงพอที่จะว่าจ้างคนพาข้ามประเทศได้ เขาได้รับการฝึกฝนการว่ายน้ำมาจากทีมชาติซีเรีย และด้วยการฝึกฝนที่ได้รับมาเขาจึงวางแผนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลเพื่อไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ในยุโรป ข้ามฝั่งจากประเทศตุรกีผ่านทะเลอีเจียนไปยังเกาะ Samos ประเทศกรีซ ก่อนที่จะว่ายน้ำข้ามทะเลด้วยระยะทางเพียงแค่ 4 ไมล์ (6.4 กิโลเมตร) นั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาต้องเตรียมความพร้อมให้ร่างกายเสียก่อน ด้วยการฝึกว่ายน้ำในทะเลริมชายฝั่งในเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน ซึ่งก็ได้ลี้ภัยมาอยู่ที่นี่ได้ซักระยะแล้ว ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเดินทางข้ามละเทด้วยเรือยาง หลังจากนั้นในเดือนกันยายน เขารู้สึกว่าตอนนี้ร่างกายและจิตใจพร้อมที่จะไปแล้ว ก็ได้ทำการศึกษาแผนที่อย่างเคร่งครัดเพื่อที่จะค้นหาเส้นทางที่สั้นที่สุด จนกระทั่งถึงคืนที่ต้องไป เขาก็ได้ลักลอบเข้าเมือง Güzelçamlı ของประเทศตุรกี วิ่งหนีอย่างสุดชีวิตเพื่อหลบหนีการจับกุมของตำรวจตุรกี…
-
คุณพ่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียต้องขายปากกาประทังชีวิต น้ำใจจากทั่วโลกจึงร่วมเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เขา!!
นับตั้งแต่เกิดสงครามภายในประเทศซีเรียตั้งแต่ปีค.ศ. 2011 ทำให้ชาวซีเรียต้องอพยพหนีออกนอกประเทศ ทิ้งบ้านเกิดของตัวเพื่อหาที่ปลอดภัย แต่ทว่าการหลบอยู่ในค่ายลี้ภัยนี้มีผู้คนเป็นจำนวนมาก จึงไม่เพียงพอต่อการอยู่อาศัย นำไปสู่การลี้ภัยเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน หนึ่งในความโศกเศร้าที่ทั่วโลกได้รับรู้ก็คือผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเป็นจำนวนมากต้องพยายามหาทางเอาชีวิตรอดในแต่ละวันด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นผู้ลี้ภัยจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกจากเสียว่าขายของเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิตอย่างเช่นคุณพ่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียรายนี้ ที่ขายปากกาอยู่ริมถนนในประเทศเลบานอน ต้องมีใครซักคนช่วยเหลือเขาเป็นการด่วน และด้วยเหตุนี้เอง Gissur Simonarson นักเคลื่อนไหวจากประเทศนอร์เวย์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าเศร้านี้ให้ชาวโลกได้รับรู้และรวบรวมเงินบริจาคสบทบโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 179,000 บาท) เวลาผ่านไปเพียง 3 วัน ยอดบริจาคจากทั่วโลกได้ทะลุไปถึง 142,038 ดอลลาร์แล้ว (ประมาณ 5,000,000 บาท) ทราบชื่อภายหลังก็คือนาย Abdul เขามีลูกสาววัย 4 ขวบ Reem ลูกชายวัย 9 ขวบ Abdelillah ยอดการบริจาคทั้งหมดที่ได้รับนั้นจะนำมาช่วยเหลือครอบครัวของเขา นำมาเป็นค่าเล่าเรียนให้กับลูกๆ และจะนำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยรายอื่นๆ ด้วย จากภาพที่สะเทือนใจผู้คนทั่วโลกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของชีวิตเขาไปตลอดกาล ไม่น่าเชื่อเลยว่าน้ำใจจากทั่วโลกจะหลั่งไหลได้มากมายถึงขนาดนี้…
-
คู่แต่งงานใจบุญ ใช้เงินจัดงานช่วยเหลือแจกอาหาร ผู้ลี้ภัยสงครามกว่า 4 พันคน!!!
นี่แหละน่าชื่นใจมากๆ เรียกแต่งงานสร้างสรรค์ได้เลยนะเนี่ย เมื่อคู่รักชาวตุรกีอย่าง Esra Polat และ Fethullah Üzümcüoğlu ทั้งสองตัดสินใจจัดงานแต่งง่านที่เรียกได้ว่าแปลก แต่สร้างสรรค์สุดๆ ไปเลย โดยทั้งสองเลือกที่จะจัดงานแบบนี้ แทนที่จะออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆ หรือไปเต้นรำกันในโรงแรมหรูๆ ทั้งสองตัดสินใจที่จะใช้เงินแต่งงานของพวกเขา ไปช่วยผู้ลี้ภัยจากสงครามชาวซีเรียกว่า 4,000 ชีวิต เพื่อแจกจ่ายอาหารแก่พวกเขา พวกเขาเห็นว่าการช่วยเหลือผู้อื่นนั้น สำคัญกว่าความสุขส่วนตนเป็นไหนๆ และแน่นอน เพื่อนๆ และครอบครัวของทั้งสองก็ดีใจ ที่ทั้งคู่เริ่มการใช้ชีวิตคู่ ด้วยการกระทำที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นแบบนี้ ลองชมคลิปวิดีโอของพวกเขากันได้ที่นี่ สุดยอดไปเลยเหมียวขอชาบูแรงๆ สองที ถ้าโลกของเรามีคนคิดแบบนี้มากขึ้น รับรองว่าจะเป็นโลกที่น่าอยู่มากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ ^^ ที่มา: Distractify
-
เด็กชายผู้ลี้ภัยยืนขายทิชชู่เพื่อประทังชีวิต แต่กลับถูกเจ้าของร้านอาหารทุบตีไม่ยั้งมือ!!
กลายเป็นประเด็นอันน่าสลดใจไปทั่วโลกออนไลน์อีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันกับ Ahmed Hamdo Abeyd เด็กชายผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่เข้าอยู่ในนครอิซมีร์ของประเทศตุรกี โดยที่เขาพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาเงินประทังชีวิต อย่างเช่นการขายกระดาษทิชชู่อยู่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง แต่แล้วเจ้าของร้านผู้เหี้ยมโหดก็ตรงเข้ามาทำร้ายเด็กชายคนดังกล่าวอย่างรุนแรง เนื่องจากเกรงว่าจะเข้ามารบกวนลูกค้าภายในร้าน ถึงแม้ว่าจะมีคนมาห้ามปรามแล้วก็ตาม แต่เด็กชายก็ถูกกระหน่ำตีไม่ยั้ง Ahmed ก็กล่าวเอาไว้ว่า “ผมแค่ยืนขายทิชชู่อยู่ดีๆ และในตอนนั้นผมกำลังจะขายให้กับผู้หญิงท่านหนึ่ง แล้วจู่ๆ พวกเขาก็ลากผมออกไปแล้วก็ทำร้ายผม” โดยหลังจากที่ภาพของเด็กชายเพียงคนเดียวที่ไร้ทางสู้ถูกเผยแพร่ออกไป ทำให้ชาวเน็ตและชาวเมืองหลายคนทนกับพฤติกรรมของเจ้าของร้านอาหารไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถช่วยเหลือ Ahmed ได้ไปมากกว่าการให้กำลังใจเพื่อสู้ชีวิตต่อไป และหวังว่าเจ้าของร้านผู้เหี้ยมโหดจะได้รับโทษอย่างสาสมต่อไป ที่มา : dailymail