Tag: ล็อบสเตอร์
-
สวิตเซอร์แลนด์กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่แบนการต้ม “ล็อบสเตอร์” ทั้งเป็น
สัตว์ทั้งหลายถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถคิดได้ และรู้สึกเป็น มันสามารถรู้สึกเจ็บปวดเหมือนที่มนุษย์เรารู้สึกได้ ไม่เว้นแม้แต่สัตว์ที่ถูกเลี้ยงหรือถูกล่าเพื่อเป็นอาหาร นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ตัดสินใจที่จะเป็นประเทศแรกในโลกที่ออกกฎหมายแบนการต้มล็อบสเตอร์และสัตว์น้ำอื่นๆ ในตระกูลเดียวกันแบบเป็นๆ เจ้าหน้าที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์เชื่อว่าล็อบสเตอร์มันก็มีความเจ็บปวดและนั่นหมายความว่าวิธีการประกอบอาหารดั้งเดิมที่ต้มล็อบสเตอร์เป็นๆ มันโหดร้ายมาก กฎหมายฉบับใหม่นี้จะทำให้ร้านอาหารและพ่อครัวทั้งหลายต้องหาวิธีประกอบอาหารที่เกี่ยวกับล็อบสเตอร์และสัตว์ตระกูลเดียวกันใหม่ โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลแนะนำเป็นการช็อตไฟฟ้า เพื่อทำให้มันสลบไปก่อนไปเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร George Eustice รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการประมงของสหราชอาณาจักร ได้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการออกกฎหมายที่คล้ายๆ กันนี้ในสหราชอาณาจักร โดยที่เขาบอกว่าพวกสัตว์ตระกูลล็อบสเตอร์มันก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนกัน “เรารู้ว่าพวกสัตว์น้ำที่มีเปลือกแข็งจำพวกล็อบสเตอร์ กุ้ง ปู มันสามารถรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหมือนกับที่เรารู้สึก และนี่คือสิ่งที่เราควรจะพิจารณา องค์กรพิทักษ์สัตว์ได้แนะนำการฆ่าล็อบสเตอร์แบบที่ถูกต้องคือค่อยๆ แช่แข็งมัน ทำให้มันค่อยๆ หมดสติไป หรือใช้อุปกรณ์ช็อตด้วยไฟฟ้าทำให้มันสลบไปก็ได้” “ผมใช้เวลาไปหลายชั่วโมงเพื่อหารือกันกับเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญของเรา พวกเราอยากจะแก้ไขปัญหานี้ แต่ว่ามันค่อนข้างซับซ้อน” Eustice กล่าว และเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับกฎหมายยกเลิกการต้มล็อบสเตอร์ทั้งเป็น ก็มีชาวเน็ตมากมายออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้กันอย่างล้นหลาม เราจะยกตัวอย่างมาให้เพื่อนๆ ได้ชมกัน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันรู้สึกอย่างไร “สวิตเซอร์แลนด์ได้แบนการต้นล็อบสเตอร์ทั้งเป็น แต่ดูเหมือนว่าอเมริกาจะยังไม่ก้าวหน้าในการหยุดยั้งการทารุณสัตว์เลยนะ ป่าเถื่อนจริงๆ” “ล็อบสเตอร์ก็ต้องการมีชีวิตเหมือนกันนะ” และหากเพื่อนสนใจที่จะสนับสนุนกฎหมายนี้ ตอนนี้ก็ได้มีแคมเปญหาคนลงชื่อร่วมสนับสนุนการปกป้องพวกสัตว์ตระกูลล็อบสเตอร์จากการถูกต้มทั้งเป็นใน Change.org เพื่อนๆ ที่สนใจก็สามารถไปลงชื่อสนับสนุนกันได้นะครับ ที่มา Unilad
-
“กุ้งล็อบสเตอร์” เคยเกือบเป็นชนวนสงคราม เพราะเถียงกันว่ามัน “เดิน” หรือ “ว่าย”
ทุกครั้งที่เราพูดถึง ‘ล็อบสเตอร์’ เราจะนึกถึงกุ้งตัวโตๆ เนื้อแน่นๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแสนอร่อย แต่เราเคยรู้กันไหมว่าเจ้ากุ้งก้ามโตนี้มันเคยเกือบเป็นต้นเหตุของสงครามระหว่างสองประเทศ ด้วยเหตุที่ว่ามันว่ายน้ำหรือมันคลานกันแน่!? เรื่องราวดังกล่าวนั้นต้องย้อมกลับไปในปี 1961 โดยชาวประมงของฝรั่งเศสได้ค้นพบเส้นทางการตกล็อบสเตอร์จำนวนมากบริเวณน่านน้ำของประเทศบราซิล ซึ่งบริเวณดังกล่าวสามารถสร้างกำไรให้กับชาวประมงฝรั่งเศสได้ดีมากๆ ด้วยความที่น้ำตื้นและจับง่าย ถึงขนาดที่เกิดเป็นกระแส จนต้องพาพวกมาตั้งถิ่นฐานกันเลยทีเดียว ทว่าต่อมาหลังจากชาวประมงบราซิลได้รู้เรื่องเข้า ว่ามีชาวประมงฝรั่งเศสมาตั้งรกรากจับล็อบสเตอร์บริเวณใกล้กับน่านน้ำบราซิล ชาวประมงบราซิลจึงแจ้งไปยังทหารเรือให้ไปช่วยตรวจสอบให้หน่อย ซึ่งพบกับขบวนการค้าล็อบสเตอร์ฝรั่งเศสที่นั่นจริงๆ ด้วยเหตุนี้ทางการบราซิลจึงแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่นั้น ด้วยการแจ้งไปยังฝรั่งเศสว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์มาจับสัตว์ที่ ‘เดิน’ อยู่บนพื้นในน่านน้ำของบราซิล ซึ่งก็คือล็อบสเตอร์นั่นเองและพวกเขายังบอกว่าพวกมันเป็นของบราซิลเพียงผู้เดียว งานนี้ฝรั่งเศสจึงยอมไม่ได้ที่อยู่ดีๆ พวกเขาก็มาถูกอ้างสิทธิ์ จึงโต้กับทางการบราซิลด้วยเหตุผลสุดคูลว่า “ล็อบสเตอร์มันว่ายน้ำต่างหาก มันไม่ได้เดินหรือคลานสักหน่อย ที่สำคัญมันควรจะเปิดกว้างให้กับทุกคนได้จับนะ” ด้านทางการบราซิลก็หัวร้อนสิครับงานนี้ ออกมาโต้ว่า “ล็อบสเตอร์มันคลานจริงๆ โว้ยย ไม่ได้ว่ายน้ำซะหน่อยที่สำคัญมันยังเดินอยู่ในน่านน้ำของเรา ฉะนั้นมันก็ต้องเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของชาวประมงบราซิล” ปัญหา ‘ล็อบสเตอร์ว่ายน้ำหรือคลาน’ กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างรุนแรง แถมยังหนักข้อขึ้นไปอีกจนเรื่องบานปลายอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ว่ามีเหตุการณ์หนึ่งที่ทางการบราซิลขอร้องให้เรือประมงฝรั่งเศสช่วยย้ายออกไป แต่เรือประมงฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอม แถมยังเหิมเกริมไปขอให้ทางการส่งเรือเดสทรอยเยอร์มาจมเรือประมงบราซิลอีก แล้วพวกคุณคิดว่าบราซิลจะรับมือยังไง? แน่นอนว่าบราซิลไม่ยอมอยู่แล้ว แถมยังส่งเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบอีกจำนวนมากมารอบริเวณน่านน้ำดังกล่าว เรียกว่าใครเปิดก่อนก็ยาวแน่ๆ ถึงจะฮึ่มๆ กันอย่างไร สองประเทศมหาอำนาจที่หัวกำลังลุกเป็นไฟเพราะล็อบสเตอร์แสนอร่อย…
-
อิสระภาพมาถึงแล้ว!! เจ้าล็อบสเตอร์อายุ 132 ปี ได้กลับสู่ธรรมชาติหลังอยู่ในแท้งนาน 20 ปี
หลายครั้งที่เราไปยังภัตตาคารหรือร้านอาหารใหญ่ๆ เราคงจะเคยเห็นทางร้านเอาพวกสัตว์ทะเลที่จะใช้เป็นวัตถุดิบมาโชว์ไว้เพื่อให้เราเห็นว่าอาหารที่เราจะได้กินนั้นสดจริงๆ และยิงเป็นล็อบสเตอร์ด้วยแล้วความน่าสนใจยิ่งเพิ่มสูงสุดๆ แต่ใช่ว่าสัตว์ในแท้งน้ำที่เอาตั้งโชว์จะกลายเป็นอาหารเสียทุกตัวไป เพราะมีล็อบสเตอร์ตัวหนึ่งในร้านอาหารทะเลในอเมริกาถูกเลี้ยงไว้ในตู้นานถึง 20 ปี โดยที่พวกเขาไม่กินมัน!? ล็อบสเตอร์ตัวดังกล่าวมีชื่อว่าเจ้า Louie มันเป็นล็อบสเตอร์ตัวยักษ์หนัก 10 กิโลกรัมและอายุกว่า 132 ปี ซึ่งมันอาศัยอยู่ในแท้งน้ำของร้าน Peter’s Clam Bar ที่เมืองนิวยอร์ก ทางด้าน Butch Yamali ผู้เป็นเจ้าของร้านก็เล่าว่า เจ้าล็อบสเตอร์ตัวนี้อยู่ในที่ร้านนี้มานานกว่า 20 ปีแล้ว อยู่มาก่อนที่เขาจะเข้ามาซื้อกิจการเมื่อ 4 ปีก่อนเสียอีก Butch เตรียมบอกลาคุณปู่ล็อบสเตอร์ จนกระทั่งเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ทางร้านได้ตัดสินใจที่จะปล่อยเจ้า Louie ให้เป็นอิสระเสียที ซึ่งได้มีลูกค้าท่านหนึ่งตัดสินใจจะซื้อชีวิตมันในราคาราวๆ 35,000 บาท เพื่อมอบอิสระให้แก่มันเนื่องจากใกล้วันพ่ออเมริกา ทางร้านจึงตัดสินใจว่างั้นก็น่าจะถึงเวลาอันสมควรแล้วที่มันจะได้กลับไปสู่ที่ๆ มันควรอยู่แล้วนั่นเอง เจ้า Louie นั้นถูกนำไปปล่อยที่แนวปะการัง Atlantic reef ซึ่งเป็นที่ที่ทุกคนคาดว่ามันจะปลอดภัยและเริ่มปรับตัวได้ดี ถึงอย่างนั้นก็ยังมีคนมากมายเป็นห่วงว่าเจ้าล็อบสเตอร์จะถูกล่าและไม่คุ้นชินกับธรรมชาติที่มันไม่เคยอยู่ ลองดูขนาดของ Louie ซะก่อน บิ๊กไซส์สุดๆ โชคดีนะเจ้าล็อบสเตอร์ …
-
ชาวประมงปล่อย ‘ล็อบสเตอร์ผี’ กลับทะเล แม้ว่าจะหายากและมีราคากว่า 15,000 บาท
คุณจะทำอย่างไร หากคุณบังเอิญจับล็อปสเตอร์สีสวยเด่นสะดุดตา ระหว่างจับไปกิน นำไปขาย หรือปล่อยให้มันกลับไปสู่ท้องทะเล? ซึ่งล่าสุดอย่างเช่นชาวประมงคนหนึ่งที่ได้เจอ กุ้งล็อบสเตอร์สีขาวซีดราวกับเป็นผีกุ้งยังไงยังงั้น!? สำหรับภาพของกุ้งตัวดังกล่าว ถูกแชร์ไปบนโลกอินเตอร์เน็ตอย่างถล่มทลาย จนตอนนี้กลายเป็นกระแสไวรัลกันไปแล้ว เพราะด้วยความแปลกของมันย่อมเป็นอะไรที่สะดุดตา และล่อตาล่อใจนักสะสมเป็นอย่างมาก!! เรื่องราวดังกล่าวเป็นของ Alex Todd นักจับกุ้งล็อบสเตอร์มืออาชีพวัย 48 ปี เขาได้บังเอิญตกเจ้ากุ้งผีน้อยตัวนี้ และเขาบอกว่า เขาจะปล่อยมันกลับสู่ทะเล แม้ว่าเจ้ากุ้งตัวดังกล่าวจะมีมูลค่ามากมายมหาศาลก็ตาม เขาเล่าว่าเขาสืบทอดอาชีพนักจับกุ้งล็อบสเตอร์ต่อมาจากคุณตาของเขา ก่อนจะตกมาถึงคุณพ่อ จนสุดท้ายเขาก็ได้รับช่วงต่อเมื่ออายุ 6 ขวบ เท่ากับว่าเขามีประสบการณ์มานานมากๆ เลยทีเดียว แต่เขาก็ไม่เคยเห็นล็อบสเตอร์ที่มีสีแบบนี้มาก่อนเลย แน่นอนว่าไม่มีใครเคยเห็นเช่นกัน เพราะปกติเราก็อาจจะเคยเห็นล็อบสเตอร์สีน้ำเงินหรือสองสีผสมกันมาแล้ว แต่สีขาวเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากๆ ส่วนใครที่สงสัยว่า ถ้าเจ้าล็อบสเตอร์ตัวนี้มันหายากและทำเงินได้มากแน่ๆ ทำไม Alex ถึงเลือกจะปล่อยมันกลับสู่ทะเลล่ะ? Alex บอกว่า “ล็อบสเตอร์ตัวดังกล่าวนั้นเป็นตัวเมีย และมันก็อาจจะกำลังเตรียมวางไข่ก็ได้ ฉะนั้นผมจึงต้องปล่อยมันลงสู่ทะเล เพื่อให้มันได้ออกลูกออกหลานต่อไป” หลังจากที่ Alex ได้ถ่ายรูปเจ้าล็อบสเตอร์สีขาวเสร็จแล้ว เขาก็ปล่อยมันกลับสู่ทะเลทันที ปกติแล้ว ล็อบสเตอร์สีฟ้า (โอกาสเกิดขึ้นประมาณ…
-
นึกว่าโปเกม่อน… ชาวประมงเจอ “ล็อบสเตอร์สีฟ้า” โอกาสเกิดแค่ 1 ใน 2 ล้านเท่านั้น!!??
ใต้ท้องทะเลนั้นยังมีสัตว์อีกมากมากมายที่เราไม่รู้จักและไม่เคยเห็นหน้าคราตากันมาก่อน อย่างสัตว์สีสวยที่เราจะนำมาฝากเพื่อนๆ ในครั้งนี้มันคือ “ล็อบสเตอร์สีฟ้า!!!” ครั้งก่อนที่เราก็เคยเสนอข่าวคราวของเจ้าล็อบสเตอร์สีฟ้าที่ถูกจับได้ไปเมื่อปีแล้ว และในปีนี้เราได้พบกับมันอีกครั้ง โดยชาวประมงนอกชายฝั่งของ Essex ของอังกฤษ Gary Ely คือชาวประมงที่พบกับเจ้าล็อบสเตอร์สีฟ้าเข้ามาติดอวนของเขานอกชายฝั่งของเกาะ Mersea เมื่อเขาจับมันได้เข้าคิดว่ามันดีเกินกว่าที่จะเป็นอาหารมื้อค่ำ เขาและ Stacey ลูกสาวของเขา จึงหาบ้านใหม่ให้มัน โดยจะส่งเจ้าล็อบสเตอร์สีฟ้าไปที่ศูนย์ Southend Sealife Centre เพื่อเก็บรักษามันไว้ โดยการที่ล็อบสเตอร์นั้นมีสีฟ้าแบบนี้ คาดว่าน่าจะเกิดจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่มีการผลิตโปรตีนในปริมาณที่มากเกินไป ทำให้จากปกติ Carotenoid ที่ทำให้มันมีตัวสีส้มๆ และสีแดง รวมตัวกันสร้างกลุ่มที่มีสีฟ้า ที่เรียกว่า Crustacyanin ลูกสาวของเขาบอกว่า “มันวิเศษมาก มันเป็นตอนบ่ายที่อากาศร้อนและเราก็จับล็อบสเตอร์ได้ เลยตั้งชื่อมันว่า Loui มันรอดชีวิตในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์” “วันอังคารพ่อก็เลยพามันไปศูนย์สัตว์น้ำ พวกเขาต้องกักตัวมันไว้ 30 วันก่อนที่จะปล่อยไปอยู่ร่วมกับสัตว์ตัวอื่นๆ ต่อไป” “ที่ต้องทำอย่างนั้นเพราะพวกเขาอยากจะมั่นใจ ว่ามันไม่ได้นำเชื้อโรคมาติดตัวอื่นๆ ด้วยนั่นเอง” หวังว่าชีวิตใหม่ในอควาเรียมของมันจะมีความสุขนะ ถึงแม้จะไม่อิสระขนาดอยู่ในทะเล อย่างน้อยก็คงมีความสุขมากกว่าการไปอยู่ในหม้อต้มแน่ๆ ละ ที่มา dailymail
-
Lobstah เจ้าเหมียวที่ไม่มีใครรับเลี้ยง อุ้งเท้าเหมือนก้ามล็อบสเตอร์ ตอนนี้กลายเป็นเซเลบแล้ว!!
ถึงแม้ว่ามันจะเกิดมาแตกต่างจากเจ้าเหมียวตัวอื่นๆ แต่นั่นกลับทำให้เป็นเอกลักษณ์ที่น่ารักจนผู้คนแห่กันไปติดตามกันยกใหญ่เลยล่ะ!! Lobstah เจ้าเหมียววัย 2 ขวบแห่งเมืองซานฟรานซิสโกที่เกิดมาโชคร้ายมีอุ้งเท้าที่ผิดรูปไม่เหมือนแมวตัวอื่นๆ ทำให้ดูเหมือนก้ามของล็อบสเตอร์ และนั่นก็คือที่มาของชื่อนี้ เจ้า Lobstah ถูกรับเลี้ยงมาโดย John และ Leda Bigelow สองสามีภรรยาที่ไปเจอเจ้าเหมียวในสถานสงเคราะห์สัตว์ ซึ่งตอนนั้นมันมีปัญหาสุขภาพ และไม่มีคนรับไปเลี้ยงเพราะอุ้งท้าที่แปลกและผิดรูปของมัน Lobstah แง่งงงงงงงง ตอนแรกเจ้าเหมียวมีปัญหาสุขภาพและทำให้มันต้องผ่าตัด และถึงแม้ว่าการผ่าตัดจะสำเร็จด้วยดี แต่โอกาสรอดหลังจากการฟื้นฟูนั้นก็ถือว่า 50-50 เท่านั้น ด้วยความถูกชะตา ถึงจะมีปัญหาสุขภาพแบบนั้น John และ Leda ก็ยังรับเจ้าเหมียวมาเลี้ยง ค่อยๆ ดูแลมันจนมันมีอาการดีขึ้น สาเหตุที่มันต้องถูกผ่าตัดก็เพราะว่า เจ้าเหมียวเกิดมาพร้อมกับการที่ไม่มีกระดูกสันอก แต่ตอนนี้ศัลยแพทย์ก็ได้ทำการรักษามันจนหายดีแล้วล่ะ และแน่นอนว่าส่วนหนึ่งแล้วที่อาการของมันดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เพราะการดูแลของ John และ Leda ผู้รับเลี้ยงมันนั่นเอง แถมเพราะอุ้งเท้าที่แปลกของมัน ทำให้เจ้า Lobstah หลังจากเจ้าของของมันสร้างอินสตาแกรมส่วนตัวให้ ก็มีผู้ติดตามกว่า 15,000 รายเลยล่ะ ติดตามไอจีของเจ้าเหมียวกันได้ที่ lobstah_the_cat พวกเขาจะลงรูปชีวิตประจำวันของมัน และภาพในมุมต่างๆ…
-
ชาวประมงพบอภิมหา “ล็อบสเตอร์” แห่งเบอร์มิวด้า อายุ 70 ปี น้ำหนัก 6 กิโลกรัม!!
โอกาสที่ชาวประมงจะสามารถจับ “ล็อบสเตอร์” วัยผู้เฒ่าที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ได้นั้น เรียกได้ว่าแทบจะมีโอกาสน้อยมากเลยก็ว่าได้ เว้นแต่…หลังพายุเฮอร์เคนสงบลง!! และนี่คือภาพของ Tristan Loescher ชาวประมงคนหนึ่ง ที่ได้ออกไปหาปลาตามปกติในเขตเบอร์มิวดา แต่ทว่าเขากลับพบกับเจ้าล็อบสเตอร์อายุราว 70 ปี ที่มีขนาดไซส์มหึมา และมีน้ำหนักมากถึง 6 กิโลกรัมตัวนี้ได้โดยบังเอิญ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดพายุเฮอร์ริเคนนิโคล บริเวณเกาะเบอร์มิวดา ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงกว่ากระแสน้ำปกติถึง 6-8 ฟุต แถมยังมีฝนตกหนักตลอดทั้งคืน ซึ่งหลังจากที่พายุสงบลง Loescher ก็ได้พบกับเจ้าล็อบสเตอร์ยักษ์ตัวนี้ ภาพถ่ายของล็อบสเตอร์ยักษ์ ได้ถูกนำไปโพสต์บนเฟสบุ๊คในช่วงบ่ายของวันเสาร์ที่ผ่านมา พร้อมมีคำบรรยายประกอบใต้ภาพอีกว่า “พายุเฮอร์ริเคนพัดสัตว์ประหลาดในทะเลมาหาเรา” หลังจากที่ภาพถูกโพสต์ในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ชาวเน็ตต่างเข้ามากดไลค์พร้อมกับกดแชร์ออกไปกว่า 6,000 ครั้ง และเมื่อ Loescher ได้ภาพถ่ายของมันเสร็จ เขาก็ปล่อยมันกลับคืนสู่มหาสมุทรดังเดิม ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางทะเล ได้เผยว่า ล็อบสเตอร์ยักษ์ตัวนี้ น่าจะมีอายุราวๆ 70 ปี แต่มันไม่ได้มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่พวกเขาพบมา ซึ่งล็อบสเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดนั้น ถูกพบในปี 1977…
-
นึกว่าโปเกม่อน.. ชาวประมงเจอ “ล็อบสเตอร์” สีฟ้า โอกาสเกิด 1 ใน 2 ล้าน พร้อมช่วยชีวิตมันไว้!!!
Wayne Nickerson ชาวประมงนักล่าล็อบสเตอร์จาก Plymouth ในรัฐ Massachusetts ได้เจอกับเรื่องราวสุดแสนประหลาด เมื่อเขาได้จับล็อบสเตอร์สีฟ้าสดใส (ราวกับโปเกม่อน เสียดายที่ไม่มีโปเกบอล ไม่งั้นก็จับได้แล้ว) ภาพนี้ถูกโพสต์โดยภรรยาของเขาเอง เผยให้เห็นล็อบสเตอร์สีฟ้าขนาดเกือบ 1 กิโลกรัม ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเลยหลังจากทำงานมาตลอด 35 ปี หลังจากได้มาเขาก็ไม่ได้นำไปประกอบอาหารแต่อย่างใด แต่ตั้งชื่อให้ว่า Bleu แล้วนำไปมอบให้กับอควาเรียม ซึ่งมันมีโอกาสรอดมากกว่าการไปอยู่ตามธรรมชาติ ผู้คนใน New England Aquarium ต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นล็อบสเตอร์สีฟ้าเพราะไม่คิดว่ามันจะตัวใหญ่ขนาดนี้ เพราะปกติมันจะกลายเป็นเหยื่ออย่างดีเลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมันถึงหายากด้วยขนาดตัวขนาดนี้ ล็อบสเตอร์สีฟ้าจะเกิดขึ้น 1 ใน 2,000,000 ตัว ซึ่งเกิดจากความผิดปกติทางยีนนั่นเอง อีกทั้งยังมีการเปลี่ยนเป็นสีอื่นด้วย ทั้งสีเหลือง หรือไม่ก็ตัวละครึ่งสีเลย ล็อบสเตอร์ 2 สี โพสต์ของเขาได้รับความนิยมอย่างมาก มีการแชร์ต่อกันเกือบ 6,000 ครั้ง เห็นแบบนี้แล้วก็นึกถึงเกียราดอสในการ์ตูนเลย นี่แกเป็นญาติกันใช่ไหม!!? ที่มา thedodo
-
เกือบไปแล้ววว ล็อบสเตอร์อายุ 110 ปี ได้รับการช่วยเหลือหวุดหวิดในเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนลงหม้อ!!!
ขวัญเอ้ยยยยย ขวัญมา…ต้องบอกว่าดวงแข็งรอดออกมาได้แบบหวุดหวิดจริงๆ สำหรับเจ้า Larry กุ้งล็อบสเตอร์โบราณอายุมากกว่า 110 ปี ที่เกือบจะกลายเป็นอาหารเย็นอันโอชะของมนุษย์ไปซะแล้ว!!! เจ้า Larry กุ้งล็อบสเตอร์อายุกว่า 110 ปี!!! Joe Melluso เจ้าของร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่งในรัฐฟลอริด้า สหรัฐฯ พบเจ้า Larry ระหว่างที่เขากำลังไปหาซื้อวัตถุดิบเข้าร้านของเขาในตลาดสด ‘คนขายล็อบสเตอร์บอกกับผมว่า วันนี้เราได้กุ้งตัวใหญ่มา มันหนักประมาณ 7 กิโลกรัมเลยล่ะ’ Melluso ซื้อเจ้า Larry มาด้วยราคากว่า 200 เหรียญ หรือราวๆ 7,000 บาทแล้วก็นำมันกลับไปที่ร้าน เจ้า Larry ตัวใหญ่มากๆ กลายเป็นที่ประทับใจสุดๆ แก่ผู้พบเห็น จนสำนักข่าวท้องถิ่นมาสัมภาษณ์ที่ร้านกันยกใหญ่เลยล่ะ จนกระทั่งข่าวได้ยินไปถึงหูของ iRescue Wildlife องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งหนึ่งเข้า และแน่นอนพวกเขาตามมาที่ร้าน… Melluso กล่าวว่า ‘ตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอก เพียงแค่คิดว่าคงเป็นเหล่าลูกค้าขี้หงุดหงิดมากกว่า’ แต่เรื่องก็เริ่มซีเรียสมากขึ้น เมื่อกลุ่มองค์กรพิทักษ์สัตว์เริ่มจริงจังมากขึ้น…