Tag: วัด
-
ญี่ปุ่นเสนอ วิธีเช็กด้วยการ “จับข้อมือ” ว่าใครมีหุ่นนางแบบ หุ่นนักกีฬา หรือหุ่นซูโม่!!
รูปร่างของคนเรานั้นสามารถจัดกลุ่มออกได้หลายประเภทแล้วแต่วิธีการจำแนก บางคนตัวผอมบาง กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนสักที หรือบางคนก็อาจจะรูปร่างใหญ๋ ลดน้ำหนักอย่างไรหุ่นก็ไม่เพรียวสักที นั่นเป็นเพราะลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันนั่นเอง วันนี้ เราจะมาเสนอวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่ระหว่าง หุ่นนาง/นายแบบ หุ่นนักกีฬา หรือ หุ่นซูโม่ เพียงแค่ใช้ปลายนิ้วบีบเข้าที่ข้อมือเท่านั้นเอง ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชาวญี่ปุ่นชื่อว่า @KMarisa0606 ได้ออกมาเผยถึงวิธีการตรวจเช็กง่ายๆ ว่าเรามีรูปร่างแบบไหนกันแน่เพียงแค่ใช้นิ้วบีบรัดเข้าที่ข้อมือของเราเท่านั้น ภายในทวิตเตอร์ดังกล่าว อธิบายวิธีการเช็กเอาไว้ดังนี้ “ใช้นิ้วโป้งและนิ้วกลางข้างที่ถนัดบีบรัดข้อมือแขนอีกข้างเอาไว้ แล้วมาดูกันว่าเป็นอย่างไร หากนิ้วโป้งและนิ้วกลางเหลื่อมเกินกันมาอย่างง่ายดาย แสดงว่าคุณมีรูปร่างผอมบางอ้วนยากและเพิ่มกล้ามเนื้อยาก (Ectomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนาง/นายแบบ ถ้าหากนิ้วโป้งและนิ้วกลางชนกันพอดี แปลว่าคุณเป็นคนที่มีรูปร่างแบบลดไขมันได้ง่ายแถมเพิ่มกล้ามเนื้อง่าย (Mesomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างนักกีฬา แต่ถ้าหากว่านิ้วโป้งและนิ้วกลางของคุณไม่สัมผัสกัน หรือสัมผัสกันด้วยความยากลำบากก็อาจแปลว่า คุณมีรูปร่างชนิดที่ว่าเพิ่มไขมันและกล้ามเนื้อได้ง่ายดาย อ้วนง่าย (Endomorph) เรียกง่ายๆ ว่า รูปร่างซูโม่“ ถึงจะฟังดูเป็นเทคนิคมั่วๆ ที่คิดขึ้นเอง แต่ที่จริงมันมีพื้นฐานมาจากหลักวิทยาศาสตร์ เรื่องของการจำแนกลักษณะของรูปร่างที่ริเริ่มขึ้นโดย Dr. William H. Sheldon ในช่วงปี 1940 วิธีการตรวจเช็กแบบวัดข้อมือยังถูกนำมาใช้ในการคัดเลือกผู้เหมาะสมที่จะเป็นนักกีฬาอีกด้วย อย่างไรก็ตามคนเราก็จะมีรูปร่างที่ผสมผสานเสียส่วนใหญ่…
-
นึกว่าโงกุน… ชาวจีนนำ “สับปะรด” ถวายวัด ผ่านไป 3 วันแปลงร่างเป็น “ซูเปอร์ไซย่า” เฉย!?
ตอนเด็กๆ คุณเคยสงสัยไหมว่า น้ำแดงที่พ่อแม่เราใช้บูชาพระหรือศาลพระภูมินั้น เมื่อเวลาผ่านไป ทำไมปริมาณน้ำมันถึงได้ลดลง หรือว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ออกมาดื่มจริงๆ กันนะ!? เหตุการณ์นี้ก็ละม้ายคล้ายคลึงกับความสงสัยในวัยเด็กเหล่านั้นเลยทีเดียว แต่ว่าครั้งนี้เหตุการณ์เกิดขึ้นในประเทศจีน และไม่ใช่ถวายบูชาด้วยน้ำแดง แต่กลับเป็น “สับปะรด” ชาวเน็ตสาวจากเมืองจีนที่ใช้ชื่อว่า @爆廢公社 ได้ออกมาโพสต์ภาพ “สับปะรด” ที่เธอและครอบครัวนำไปตั้งเพื่อไหว้บูชาที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากบูชาเรียบร้อยทุกอย่างก็ดูปกติดี จนกระทั่ง เวลาผ่านไปได้ เพียง 3 วัน สิ่งที่ทำให้พวกเขาต้องตื่นตระหนกตกใจก็เกิดขึ้น!! เมื่อเธอและครอบครัวกลับไปดูสับปะรดของพวกเขาที่วัดแห่งเดิม พวกเขาก็พบว่า สับปะรดของพวกเขากลายเป็น “ซูเปอร์ไซย่า” ไปเสียแล้ว!!! ผ่ามมม… นึกว่าโงกุนร่างสอง!! ทั้งนี้ก็มีชาวเน็ตผู้มีความรู้เกี่ยวกับพืชออกมาอธิบายเหตุการณ์นี้ว่ามันไม่ได้เป็นซูเปอร์ไซย่าแต่อย่างใด แต่มันเป็นอย่างนี้ต่างหาก… “มันเป็นพืชที่มาจากไร่ บางทีพ่อค้าแม่ค้าที่ขายสับปะรดไม่หมด เขาก็เอามาวางขายให้ผู้คนนำไปบูชา เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันก็จะมีใบงอกขึ้นมามากขึ้นแบบนี้นั่นแหละ” โถ่ สรุปไม่ได้เป็นซูเปอร์ไซย่าหรอกเหรอ นึกว่าจะได้กินสับปะรดร่างสองซะแล้ว… ก็ถือว่าเป็นสีสันเหมือนกันนะ ที่ได้เจอเรื่องราวที่ทำให้ตื่นเต้นได้แบบนี้ ถึงสับปะรดมันจะแปลงร่างไม่ได้จริงๆ ก็เถอะ… ที่มา: ck101
-
รีวิวดีเวอร์~ ชาวเน็ตแห่คอนเฟิร์ม “ไหว้พระขอแฟน” ที่ฮ่องกง เห็นผลเร็ว ได้ผลจริง 555
ต้องยอมรับเลยว่าสิ่งที่ยากกว่าการเรียนให้จบก็คือ การมีแฟน เนี่ยแหละ โดยเฉพาะหนุ่มจืดสาวจืดอย่างเราๆ แล้วด้วย จะหาแฟนได้จากไหนยังคิดภาพไม่ออกเลย… บางทีแอบคิดจะให้พ่อแม่จับคลุมถุงชนแบบสมัยก่อนก็ท่าจะไม่เวิร์ก ดูเป็นการลิดรอนสิทธิมนุษยชนเกินไปอีก ขนาดเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ว่าก้าวไกล มี แอปพลิเคชันหาคู่ มากมายให้เลือกใช้แล้ว มันก็ยังคงโสดอยู่ดี เอางี้ก็แล้วกัน ทางออกใหม่สำหรับคนไร้คู่ที่กำลังนิยมมากในตอนนี้ การไหว้พระขอพร นั่นเอง หนุ่มสาวชาวไทยที่โสดทั้งหลายกำลังให้ความสนใจกับการหาแฟนวิธีนี้มากๆ ว่ากันว่าเห็นผลจริงยิ่งกว่าแอปฯ หาคู่อีก ว่ากันว่า ไปไหว้พระที่ฮ่องกงแล้วกลับมาได้คู่ชัวร์ป้าบ ตามด้วยทวิตคอนเฟิร์มว่า ขอพรที่นั่นแล้วได้แฟนชัวร์ แถมเลือกสเปกได้อีกด้วยนะเอ้อ! ส่วนใครจะไป เขาแนะนำมาว่าไปที่วัด “หวังต้าเซียน” ขอพรโดยการผูกด้ายแดง ขั้นตอนและวิธีการมีเขียนบอกไว้ด้วยล่ะ ส่วนอีกที่คือวัด “เจ้าแม่กวนอิม” ที่ Impulse Bay เพียงแค่เดินเข้าไปหาแล้วขอพรตรงๆ เลยว่าให้เจอเนื้อคู่ อยากได้ต้องอย่าเขิน!! ส่วนนี่คือ ผลตอบรับจากผู้มีประสบการณ์ตรง ฮ่าๆ . . รีวิวดีมากเว่อร์ อย่างไรก็ตาม มันก็ต้องอยู่ที่ความเชื่อของแต่ละคนแล้วล่ะนะ ขอให้ทุกท่านจงพบเนื้อคู่โดยเร็ววัน ส่วน…
-
ทำบุญหรือทำบาป? เมื่อชาวบ้านขนไก่ขึ้นสิบล้อ นำไปปล่อยที่วัดเกือบ 200 ตัว!!
ธรรมดาเราอาจเคยเห็นคนนำสัตว์เลี้ยงไปปล่อยไว้ตามวัด เช่นเดียวกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นใน วัดเขาบายศรี ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จังหวัดชลบุรี แต่สิ่งที่คนนำมาปล่อยกลับไม่ใช่หมาแมวทั่วๆ ไป เพราะเขานำเอา “ไก่” มาปล่อยไว้ให้ทางวัดดูแล เป็นจำนวนเกือบ 200 ตัวเลยทีเดียว!! ไก่จำนวนมากถูกนำมาปล่อยที่วัด เรื่องราวดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านรายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ในวันที่ 29 เมษายน 2018 เมื่อมีคนขับรถเข้ามาสอบถามกับพระอนันต์ ปภงกโร เจ้าอาวาสวัดเขาบายศรี โดยมีจุดประสงค์ต้องการนำไก่มาปล่อยที่วัด ในตอนแรกพระอนันต์คิดว่าชาวบ้านจะนำมาปล่อยแค่ 2 หรือ 3 ตัว แต่ที่ไหนได้ วันต่อมากลับมีรถสิบล้อบรรทุกไก่จำนวนถึง 196 ตัวนำมาปล่อยที่วัดดังกล่าว สร้างความตกใจให้กับเจ้าอาวาสเป็นอย่างมาก พระจำเป็นต้องช่วยกันดูแล นี่จึงกลายเป็นความเดือดร้อนของทางวัดที่ต้องคอยดูแลไก่ทั้งหมด โดยทางเจ้าอาวาสจำเป็นต้องเลี้ยงพวกมันร่วมกันกับหมา แมว และหมูที่อยู่ในวัด ยิ่งไปกว่านั้นคือ ไก่ที่ถูกนำมาปล่อยทั้งหมดเป็นไก่ไข่ตัวผู้ซึ่งถูกเลี้ยงไว้กรงเล็กๆ ทำให้พวกมันไม่ชินกับการหาอาหารด้วยตัวเอง ทำได้เพียงแค่เดินตามพระผู้คอยให้อาหารพวกมันเท่านั้น เจ้าอาวาสอนันต์บอกว่าจำเป็นต้องนำอาหารไปซ่อน ปล่อยให้ไก่ไปขุดคุ้ยหาบ้าง เพื่อให้พวกมันได้ออกกำลังกายและสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนกับไก่บ้านทั่วๆ ไป พระอนันต์ยังพูดติดตลกอีกว่า…
-
ดราม่ากระทบจิตใจ เมื่อ “วัด” เลี้ยงหมาจรจัดไม่ไหว จะขอย้ายออกไป กลับโดนชาวเน็ตรุมด่า!?
ยังคงหาทางออกกันอยู่เสมอ สำหรับปัญหาสัตว์จรจัดที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นจำนวนมาก และกลายมาเป็นการถกเถียงอย่างหนาหู ปาดคีย์บอร์ดกันแทบไม่ทัน เมื่อหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง ตัดสินใจที่จะย้ายหรือกำจัดทิ้ง… แน่นอนว่าคนรักสัตว์มักจะยอมไม่ได้ โดยส่วนมากจะแสดงความคิดเห็นไปในเชิงว่า ‘ทำไมต้องทำแบบนี้ ไม่มีวิธีอื่นๆ ที่ดีกว่านี้หรือ?’ กรณีนี้ก็เกิดขึ้นกับวัดวังตะกูที่กลายมาเป็นประเด็นถกเถียงบนโลกออนไลน์ เมื่อทางเพจ Thai Love Animal ช่วยสัตว์ สุนัขและแมวจรจัด ได้ทำการเผยแพร่ภาพถ่ายประกาศจากทางวัด เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา พร้อมแคปชั่น ‘จะเอาออกไปสถานที่กักกัน คือที่ไหนคะ’ โดยเป็นภาพป้ายประกาศชี้แจงให้ญาติโยมได้รับทราบว่า… ทางวัดจะทำการเคลื่อนย้ายสุนัขจรจัดที่อยู่ภายในบริเวณวัดไปยังสถานกักกันสัตว์ของกรมปศุสัตว์ หากใครมีความสนใจอยากจะรับอุปการะ ก็สามารถติดต่อกับผู้ช่วยเจ้าอาวาสได้โดยตรง หากพ้นกำหนดวันที่ 26 เมษายน 2561 ไปแล้ว สุนัขทั้งหมดจะถูกเคลื่อนย้ายออกไปในทันที แน่นอนว่าหลังจากที่ภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตผู้รักสัตว์ต่างออกมาแสดงความคิดเห็นเชิงต่อว่าวัดและพระ แตกต่างกันไปในหลายกรณี… . . . . แต่ในเมื่อมองอีกด้านหนึ่ง ทางวัดก็ได้ประกาศไว้แล้วว่า หากใครสนใจรับเลี้ยงก็สามารถติดต่อได้โดยตรง ความคิดเห็นจากอีกฝ่ายก็พยายามบอกให้ฝ่ายคนรักสัตว์ จูงมือพากันไปรับเลี้ยง แล้วปัญหาที่ว่ามานั้นก็จะคลี่คลายไปได้ด้วยดี… . .…
-
เมื่อนำบทสวดผสมกับเพลงเทคโนและแสงสี เกิดเป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เรียกว่า Techno Hoyo
ปัจจุบันนั้น การที่คนรุ่นใหม่ๆ จะหันหน้าเข้าหาวัดหรือเข้าไปฟังบทสวดยาวๆ สักครั้งหนึ่งถือเป็นเรื่องที่ยากมากๆ เพราะคนรุ่นใหม่จะรู้สึกว่าบทสวดตามวัดมันน่าเบื่อ ฟังแล้วมันง่วง ซึ่งปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นเกือบทุกที่ไม่เว้นแม้แต่กับวัดญี่ปุ่น… ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาดังกล่าวมันไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับคนทั่วไป แม้แต่ตัวคนที่อาศัยอยู่กับวัดมาตลอดอย่าง Gyosen Asakura ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสรุ่น 17 ของวัดในจังหวัดจังหวัดฟุกุอิ ก็ยังรู้สึกแบบเดียวกัน Gyosen เล่าว่าวัดของเขาอยู่มานานแล้ว และครอบครัวก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมาพร้อมกับอยากจะรักษามันไว้ ซึ่งเขาที่เป็นลูกจึงต้องรับช่วงต่อ เพียงแต่ในช่วงวัยรุ่นเขากลับรู้สึกว่าสิ่งที่เขาอยู่กับมันทุกๆ วันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ เขาจึงตัดสินใจหนีจากมัน หนีเพื่อออกไปเจอกับโลกข้างนอก ในตอนที่เขาหนีออกมานั้น Gyosen วัยหนุ่มได้หันไปศึกษาเกี่ยวกับเพลง การเป็นดีเจและการเป็นช่างจัดไฟ ซึ่งในตอนที่เขากำลังเป็นดีเจอยู่นั้น วันหนึ่งเขาก็นึกขึ้นได้ว่าเพลงที่เขาทำกับบทสวดที่เขาต้องทนฟังมาตลอด มันมีบางสิ่งบางอย่างที่เหมือนกัน บางอย่างที่ว่านั่นก็คือ บทเพลงและบทสวดทั้งคู่ล้วนพยายามจะสื่อสารสิ่งดีๆ ให้กับผู้ฟัง นับแต่นั้นเขาก็กลับมาที่วัดที่ครอบครัวตั้งใจปกป้องมันมากว่า 540 ปี และรับหน้าที่สืบทอดมันต่อในฐานะเจ้าอาวาสรุ่นที่ 17 เพียงแต่ปัญหามันอยู่ที่ ตอนที่เขากลับมาและเดินทางทิศทางเดิมมันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย คนกลับน้อยลงๆ ด้วยซ้ำ วินาทีนั้น Gyosen จึงคิดว่ามันจะเป็นอย่างไรถ้าเขานำสิ่งที่เขาออกไปศึกษาช่วงทีหนีจากวัดไปมาผสมเข้ากับบทสวดด้วยการนำทำนองเพลงเทคโนผสมเข้ากับมัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าจากบทสวดอันแสนหน้าเบื่อ เมื่อมันรวมเข้ากับทำนองเพลงอิเล็กทรอนิกส์และผสมเข้ากับแสงสีที่ฉายลงไปบนวัด ซึ่งเดิมทีวัดก็มีการตกแต่งที่สวยงามอยู่แล้ว…
-
ความเห็นชาวต่างชาติ เมื่อรู้จัก ‘วัดร่องขุ่น’ เป็นครั้งแรก ความงามวิจิตรนี้ประทับใจมากเพียงใด!?
เนื่องจากชาวไทยนั้นนับถือศาสนาพุทธเป็นจำนวนมาก ทำให้ประเทศของเรานั้นมีวัดมากมายประมาณ 33,000 แห่ง และจากคราวก่อน เราได้กล่าวถึงความคิดเห็นของชาวต่างชาติที่มีต่อวัดสามพราน ไปแล้ว มาคราวนี้เราจะพูดถึงวัดที่ขึ้นชื่อว่าสวย และอลังการงานสร้างระดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง วัดร่องขุ่น กัน วัดร่องขุ่น นั้นตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ซึ่งสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบันก็ถือว่ายังไม่เสร็จดี เพราะว่าอาจารญ์เฉลิมชัยนั้นคอยต่อเติมอยู่เรื่อยๆ และท่านยังบอกอีกว่าในชีวิตอาจจะสร้างวัดร่องขุ่นไม่เสร็จ วัดร่องขุ่นนั้นมีการออกแบบที่เน้นโทนสีขาวนวลตระการตา ซึ่งทุกๆ ส่วนของวัดนั้นจะมีเอกลักษณ์มากๆ ตั้งแต่ทางเข้าวัดที่ถูกเรียงไปด้วยกรวยจราจรที่ดีไซน์ไม่เหมือนกรวยธรรมดา ตามต้นไม้ก็จะมีหัวของปิศาจและผีประดับเอาไว้ด้วย ซึ่งบางช่วงก็จะตกแต่งให้เข้ากับเทศกาลนั้นๆ และหากคุณจะข้ามสะพานไปเพื่อจะเข้าไปที่อุโบสถล่ะก็ ข้างทางที่คุณจะข้ามไปคุณก็ต้องพบเจอกับเหล่ามือที่จะเอื้อมขึ้นมาราวจะฉุดคุณลงไป กรวยจราจรที่มีรูปกระโหลกอยู่บนกรวย หัวของผี, ปิศาจ ซึ่งบางทีก็จะแต่งตัวเป็นตัวละครต่างๆ เหล่ามือทั้งหลายที่อยู่ข้างสะพานข้ามไปอุโบสถ ที่จะคอยฉุดคุณลงมาอยู่กับพวกเขา ตัวอุโบสถของวันร่องขุ่นนั้นถูกออกแบบมาให้มีสีขาว ซึ่งแสดงถึงความบริสุทธิ์ของพุทธเจ้า และสถาปัตยกรรมในวัดนั้นจะถุูกประดับตกแต่งไปด้วยเศษแก้วโมเสกชิ้นเล็กชิ้นน้อย และก็มีใช้สีทองเพื่อให้ตัดกับสีขาวที่เป็นสีหลักของวัด ที่ตัวอาคารต่างๆ และห้องน้ำที่ประดับไปด้วยทองคำเปลว ซึ่งคุณจะต้องตราตรึงไปกับความมั่งคั่งและการออกแบบต่างๆ ของวัดนี้ เมื่อแสงส่องลงมาก็จะเกิดการสะท้อนกับกระจก เกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามมาก ตัวอาคารตกแต่งด้วยสีทองให้ตัดกับอุโบสถสีขาว ในขณะที่วัดดูหรูหราอลังการงานสร้าง และสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้มากมายมหาศาล แต่ว่าในตอนแรกที่วัดสร้างเสร็จใหม่ๆ…
-
มังกรตะกายฟ้า @วัดสามพราน ดังไปทั่วโลก มาดูว่าฝรั่งคิดอย่างไร เมื่อได้ชมสิ่งก่อสร้างสวยๆ นี้..
ด้วยความที่ประเทศไทยของเราขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองพุทธ จึงไม่แปลกเลยที่จะมีวัดอยู่เป็นจำนวนมาก และก็มีวัดหลากหลายแห่งที่สร้างอย่างอลังการและสวยงามจนกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปอีกด้วย วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปชมวัดที่สวยงามในประเทศของเราอีกแห่งหนึ่ง เราเชื่อว่าคงมีหลายคนเลยที่ยังไม่รู้ว่าในประเทศไทยก็มีวัดสุดอลังการแบบนี้อยู่ด้วย วัดที่ว่านี้ก็คือ วัดสามพราน นั่นเอง วัดสามพราน วัดสามพรานตั้งอยู่ในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม วัดแห่งนี้ถือเป็นวัดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เพราะในพื้นที่ของวัดมีตึกมังกรตะกายฟ้า ซึ่งเป็นตึกสูงสีชมพู และมีมังกรตัวใหญ่ใช้ลำตัวโอบกอดตึกสูงแห่งนี้เอาไว้ด้วย ไม่ว่าใครได้มองก็ต้องคิดว่ามันสวยงามตระการตาทั้งนั้น ตึกมังกรตะกายฟ้ามีความสูง 80 เมตรซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกันกับอายุของพระพุทธเจ้าตอนที่ปรินิิพพาน ภายในตัวตึกมีทั้งหมด 16 ชั้นเปรียบได้กับสวรรค์ชั้นพรหม 16 ชั้นเช่นกัน ตัวตึกใช้เวลาในการสร้างรวมแล้ว 5 ปี คนนอกสามารถเข้าไปชมภายในตัวตึกได้ถึงชั้นที่ 2 เท่านั้น ส่วนชั้นที่สูงกว่านั้นเป็นพื้นที่สำหรับพระสงฆ์ หากต้องการขึ้นไปให้ถึงยอดข้างบน ต้องรอให้ถึงวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาเท่านั้น จึงจะเปิดให้คนนอกเข้าไปได้ คลิปวิดีโอบรรยากาศรอบวัดสามพราน วัดสามพรานและตึกมังกรตะกายฟ้านั้นโดดเด่นและสวยงาม จนชาวต่างชาติมาทำคลิปโปรโมทวัดแห่งนี้ ให้คนทั่วโลกได้ชมและกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว ชาวเน็ตที่ได้เห็นต่างก็ชื่นชอบความงามของวัดแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก เหมือนกับคอมเมนต์ส่วนหนึ่งที่เรานำมานี้ นี่ มัน สุด ยอด จริงๆ! วัดนี้ดูสวยเหมือนหลุดออกมาจากเทพนิยายเลย แค่ได้ดูวิดีโอก็ขนลุกซู่แล้ว…
-
วัดญี่ปุ่นประกาศแบนแมว เพราะพวกมัน ‘น่ารักเกินไป’ เป็นต้นเหตุให้พระจิตใจไม่สงบ…
บางครั้งอะไรที่มันดีเกินไปก็กลายเป็นเหตุเริ่มต้นของเรื่องแย่ๆ ได้ อย่างเรื่องราวของเจ้าเหมียวในญี่ปุ่นก็เช่นกัน เมื่อวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดวะกะยะมะ ได้ประกาศแบนห้ามนำแมวเหมียวเข้ามาในบริเวณวัดเป็นอันขาด เพราะพวกมันน่ารักเกินห้ามใจ และทำให้พระในวัดขาดสติในการทำสมาธิ!! วัดแห่งหนึ่งบนภูเขา Koyasan ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดดังกล่าว ถือเป็นวัดที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝึกสมาธิอย่างสันโดษ ถ้าใครต้องการฝึกสมาธิหรือบวชเป็นพระเพื่อจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรียบง่าย วัดแห่งนี้ถือเป็นสถานที่อันเหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง แต่ทว่าไม่นานมานี้ทางวัดเหมือนจะทนไม่ไหวกับสิ่งเร้าหน้าขนชนิดหนึ่ง ที่มีอำนาจร้ายแรงเกินกว่าพระที่จำวัดอยู่จะสามารถต้านทานมันได้ เจ้าสิ่งเร้าที่ว่านั้นก็คือ “แมว” ใช่แล้ว แมว นี่แหละ!! เรื่องนี้ได้รับการรายงานผ่านรายการทีวีที่ชื่อว่า Sekai Ichi Uketai Jugyo ซึ่งในรายการได้รายงานว่า ปกติแล้วที่วัดดังกล่าวจะทำการแบนผู้หญิงอยู่แล้ว แต่ล่าสุดแมวก็เข้าไปอยู่ในรายชื่อสิ่งต้องห้ามของวัดเป็นอย่างที่สอง เพราะเจ้าสิ่งมีชีวิตหน้าขนสี่ขานี้ มันมีความน่ารักที่มากเกินไป และมันทำให้พระในวัดอดใจไม่ไหวที่จะต้องเข้าไปเล่นกับพวกมัน และเมื่อลองขุดค้นดูก็พบว่า จริงๆ แล้ววัดดังกล่าวมีเรื่องการแบนสัตว์พวกนี้มานานตั้งแต่ปี 1908 แล้ว นอกจากนี้ทางวัดก็ไม่ได้แบนแค่แมวเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงการให้อาหารนกด้วย จากเรื่องราวทั้งหมดมันทำให้เรารู้ว่า พระที่วัดดังกล่าวดูจะอดทนต่อความน่ารักของสิ่งเร้าพวกนี้ไม่ไหวเลย แต่เอาจริงๆ ใครจะอดใจไหวที่จะไม่เข้าไปเล่นกับแมวเหมียวกันล่ะ ก็มันน่ารักนี่หว่า… ที่มา rocketnews24
-
เปิดตัว ‘I.Con’ ถุงยางอัจฉริยะ พร้อมฟังก์ชั่นวัดความเด็ดหลังเสร็จกิจ จะได้กี่คะแนนหนอ?
สำหรับใครที่เบื่อหน่ายกับการต้องมาสวมถุงยางอนามัยแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะลองเปลี่ยนไปใช้แบบผิวขรุขระ หรือแบบที่เคลมว่าอึดทนนาน ก็ยังไม่รู้สึกว่ามันจะน่าตื่นเต้นขึ้นตรงไหน เรามีนวัตกรรมตัวใหม่มาแนะนำ เพราะล่าสุดบริษัทผลิตถุงยางอนามัย British Condoms ได้ประกาศเปิดตัวนวัตกรรมถุงยางอัจฉริยะแห่งโลกอนาคต ‘The iCon Smart Condom’ อุปกรณ์ที่จะทำให้รสชาติการมีเซ็กส์ของทุกคู่สะเด่าเร่าร้อนยิ่งกว่าแดดในบ้านเราซะอีก สนนราคาเปิดตัวอยู่ที่ 74 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2,600 บาท) อุปกรณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแค่ถุงยางสำหรับคุมกำเนิดเท่านั้น เพราะมันสามารถตรวจวัดระดับคุณภาพเซ็กส์ของเรา ผ่านการตรวจจับจากความเร็ว จำนวนแคลอรี่ที่เผาผลาญไปทั้งหมด และระยะเวลาของการมีเซ็กส์ ซึ่งถุงยางอนามัยอัจฉริยะนี้ จะมีห่วงที่ให้ท่านชายสวมติดไว้บริเวณโคนของน้องชาย โดยห่วงนั้นจะมีระบบเซนเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวอยู่ เพื่อทำการตรวจวัดระดับคุณภาพของเซ็กส์หลังเสร็จกิจ ห่วงเซนเซอร์จะทำการบลูทูธข้อมูลไปยังแอพฯ บนสมาร์ทโฟน ทีนี้จะได้รู้กันไปเลยว่าที่บอกว่าเด็ดน่ะ เด็ดจริงรึเปล่า? อุปกรณ์ดังกล่าวคาดว่าจะวางจำหน่ายบนเกาะอังกฤษก่อนเป็นที่แรกภายในปีนี้ ก่อนจะทำการขยายตลาดส่งออกไปทั่วโลก แบบนี้อีกไม่นานเกินรอคนไทยเราก็จะมีโอกาสได้ใช้กับเค้าบ้างเหมือนกัน นอกจากนั้นผู้ผลิตยังเคลมว่าถุงยางอัจฉริยะ ยังสามารถช่วยตรวจจับหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่าง ซิฟิลิส หรือหนองในได้อีกด้วย ‘I.Con คือถุงยางแห่งอนาคตที่จะเปลี่ยนโฉมการมีเซ็กส์ของผู้คนไปโดยสิ้นเชิง’ บริษัทผู้ผลิตกล่าว ทีนี้แหละไอ้คนที่บอกว่าตัวเองเก่งนักเก่งหนา จะได้รู้กันไปเลยว่าเก่งจริงอ๊ะเปล่า!! ที่มา: BusinessInsider
-
วัดในญี่ปุ่นจัด DJ มาเปิด ‘เพลง EDM’ เพื่อเอาใจวัยรุ่นให้หันมาเข้าวัดเข้าวากันมากขึ้น!!
เมื่อกล่าวถึง ‘วัด’ แล้ว เพื่อนๆ หลายคนก็คงจะคิดถึงความสงบ ความเงียบ สถานที่แห่งความเมตตา และการปฏิบัติธรรม แต่สำหรับวัด Shō-onji ในเมืองฟุกุอิ ประเทศญี่ปุ่นแล้วต้องขอบอกเลยว่ามันช่างแปลกใหม่เป็นอย่างมาก เพราะที่นี่มีทั้ง DJ และการเปิดเพลงในวัดเพื่อปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยใหม่ และทำให้เหล่าวัยรุ่นหันมาเข้าวัดเข้าวากันมากขึ้น Gyōsen Asakura พระคุณเจ้าวัย 49 ปี เป็นคนที่คิดไอเดียสุดแปลกนี้ขึ้นมา ซึ่งทำให้บรรยากาศในวัดกลายเป็นเหมือนผับ มากกว่าที่จะเป็นสถานปฏิบัติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการวางไฟ และเสียงดนตรีอิเล็กทรอนิคที่เปิดมาจาก IDM (Intelligent Dance Music) เป็นแนวเทคโนผสมผสานกับบทสวดมนต์ของชาวพุทธ อาจจะเป็นเรื่องแปลกๆ ที่มองเห็นภาพของพระคุณเจ้า ที่ยืนอยู่บนแท่น DJ พร้อมกับสวมหูฟังคอยเปิดเพลงให้กับเหล่าศาสนิกชนที่เดินทางมาที่วัด แต่นี่ถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้เหล่าวัยรุ่นทั้งหลาย หันมาสนใจในเรื่องของศาสนามากยิ่งขึ้น สำหรับท่านพระคุณเจ้า Gyōsen Asakura เองก็เป็นแฟนๆ ของดนตรีอิเล็คทรอนิค และเป็นอดีต DJ ด้วย และการที่ท่านได้นำบทสวดมนต์ของศาสนามาปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นแนวดนตรีอิเล็คทรอนิกส์เองก็ ไม่ใช่เรื่องที่ยากแต่อย่างใด “สิ่งที่เราต้องการจะทำนั้นก็คือการใช้เทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่ มาปรับใช้กับคำสอนของศาสนา…
-
พาเที่ยว “วัดจิซอน-อิน” ในประเทศญี่ปุ่น วัดที่อุทิศให้กับ ‘นม’ อย่างแท้จริง!!
สำหรับใครที่กำลังจะไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น แล้วชอบไปเที่ยวตามวัดต่างๆ วันนี้ #เหมียวสามสี มีวัดที่แปลกกว่าที่ไหนๆ มาให้ทุกท่านได้ไปลองกัน ที่แห่งนี้ตั้งอยู่ที่ภูเขาโคยะ ในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อว่าคุโดยามะ วนี่คือวัดจิซอน-อิน วัดของศาสนาพุทธที่แปลกไม่เหมือนใครในประเทศนี้ ดูจากภายนอกแล้วก็เหมือนวัดทั่วไปของญี่ปุ่น แต่พอได้ก้าวเท้าย่างเข้าไปแล้วคุณก็จะรู้ว่าที่แห่งนี้มันพิเศษกว่าที่ไหนๆ เพราะจะมีผู้ที่มาเยี่ยมนับพันจะนำเอากระดานไม้ที่มีนมทำจากผ้า พลาสติก หรือไม่ก็ภาพวาดมาแขวนไว้ วัดจิซอน-อิน ถือเป็นทางเข้าสู่ภูเขาโคยะ แต่แล้ววันหนึ่งก็ได้มีคุณหมอมาของพรให้ผู้ป่วยของเขาหายจากมะเร็งเต้านม หลังจากนั้นการตกแต่งในวัดก็เปลี่ยนไป หลังจากที่พระในวัดอนุญาตให้เขาเอารูปนมจำลองมาแขวนได้ และคนก็เริ่มทำตาม หลังจากที่มีนมอันแรกมาแล้ว คนก็เริ่มที่จะมาขอพร ส่วนมากก็จะขอในเชิงให้สุขภาพตอนช่วงตั้งครรภ์แข็งแรง บางก็ขอให้มีนมให้ลูก หรือขอให้อาการของมะเร็งเต้านมดีขึ้น แน่นอนว่า หลังจากนั้นก็มีนมมาแขวนอยู่เต็มไปหมด… ภาพจากบางส่วนของวัด ซึ่งมุมที่ไม่ได้ใช้แขวนนมก็เหมือนกับวัดธรรมดาทั่วไป แต่มุมที่มีไว้ให้แขวนนม ก็ราวกับว่าตกแต่งด้วยซาลาเปาเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าความแปลกของวัดจะมีเรื่องราวที่น่ารักอยู่เบื้องหลังแบบนี้นี่เอง สมกับเป็นประเทศญี่ปุ่นที่มีอะไรให้เราประหลาดใจได้ทุกเมื่อจริงๆ ที่มา sobadsogood
-
นักวิจัยเผย ในอนาคตเราจะเห็น ‘ความฉลาด’ ของเด็กตั้งแต่อยู่ในท้อง ข่าวดีหรือหายนะของเด็ก!?
สำหรับพ่อแม่แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องหวังอยากให้ลูกของตนเองเติบโตขึ้นมาเป็นคนเก่ง คนฉลาด กันทั้งนั้น แต่แน่นอน ไม่มีใครทราบได้ว่า อนาคตของลูกๆ พวกเขาจะเติบโตมาเป็นคนเก่งหรือไม่ จนกว่าจะถึงวันที่พวกเขาเติบโตขึ้นมาจริงๆ แต่ล่าสุดนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย King’s College ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษเผยว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ เราอาจทราบ “ความฉลาด” ของลูกได้ตั้งแต่ในท้อง ผ่านการตรวจดีเอ็นเอ!! ทางนักวิจัยได้คิดค้น Polygenic Score หรือค่าคะแนนทางพันธุกรรม โดยมีพื้นฐานมาจากตัวแปรทางพันธุกรรม 74 ตัว ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมรรถภาพในการเรียนรู้ของมนุษย์ นั่นแปลกว่า เราอาจ “คาดเดา” ความเก่งกาจในการเรียนหนังสือของบุคคลนั้นๆ ผ่านทางการตรวจดีเอ็นเอนั่นเอง รายงานกล่าวว่า ความสำเร็จทางการศึกษาของคนทั่วไป จะขึ้นอยู่กับลักษณะของดีเอ็นเอถึง 10% เลยทีเดียว อย่างไรก็ตามหลายฝ่ายอาจเป็นกังวลว่า การที่เราสามารถวัดความสามารถของลูกได้ตั้งแต่ในท้อง จะทำให้เกิดปัญหากับเด็กหรือเปล่า เพราะพ่อแม่หลายคนอาจรู้สึกผิดหวัง หากได้ทราบผลว่าลูกของพวกเขาอาจไม่ประสบผลสำเร็จในการเรียนแล้ว หรือนี่มันอาจจะนำไปสู่ปัญหาการทำแท้งเพราะได้ลูกไม่ฉลาด หรือกระทั่งไม่ภาคภูมิใจในพวกเขาตั้งแต่แรกด้วย!? แล้วเพื่อนๆ ล่ะคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง การที่พ่อแม่สามารถรู้ได้ว่าลูกของพวกเขาจะประสบความสำเร็จในการศึกษาหรือไม่ จะเป็นเรื่องดีหรือว่าเรื่องเลวร้ายกันแน่ ลองแสดงความเห็นกันเข้ามานะเหมียววว ที่มา…
-
พาเที่ยววัดแห่งหนึ่งในอินเดีย เต็มไปด้วยหนูกว่า 20,000 ชีวิต ที่คนคอยเลี้ยงดูพวกมัน
มีเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง ลึกลงไปในทะเลมราย Thar ในประเทศอินเดีย เมืองแห่งนั้นมีชื่อว่า Deshnoke นักเดินทางชื่อว่า Nicolas Economou ได้ทำการท่องเที่ยวไปยังที่แห่งนั้น พร้อมกับสำรวจรอบๆ Rajasthan ซึ่งเขาได้พบกับประเพณีต่างๆมากมายที่แตกต่างกัน เขาได้เล่าถึงการใช้ชีวิตที่หลากหลายของคนชาวอินเดียที่นั่นว่าเป็นสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนที่ไหน มีสิ่งแปลกๆ ที่ได้พบเจอมากมาย ทำให้เขาไม่สามารถหยุดค้นหาสิ่งที่น่าสนใจในอินเดียได้เลย แต่แล้วเขาก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับวัดแห่งหนึ่ง ทำให้เขาถึงกับกังวลเรื่องความสะอาดเลย เพราะในเมือง Deshnoke มีวัดเล็กๆที่สร้างมาเพื่ออุทิศให้ Karni Mata เทพของฮินดู ภายในวัดนั้นคุณจะได้พบกับหนูกว่า 20,000 อาศัยอยู่ที่นั่น คนเรียกหนูพวกนั้นว่า Kabbas ซึ่งมีเรื่องเล่าเก่าแก่เกี่ยวกับหนูอยู่สองเรื่อง เรื่องแรกเกี่ยวกับเด็กๆ ที่เกิดมาเป็นหนู และอีกเรื่องคือหนู 20,000 ตัวเหล่านี้ถูกเลี้ยงเพื่อเป็นทหาร ก่อนเข้าไปในวัดก็ต้องถอดรองเท้าก่อน หนูจะถูกเลี้ยงไว้ข้างในวัด ได้กินอาหารที่คนเลี้ยง มีอาหารหนูขายอยู่นอกวัดด้วย ที่มา boredpanda
-
สาวๆ สนใจมะ!! แนะนำให้รู้จัก ChiChi แอพฯ สำหรับวัดขนาดไฟหน้าสาวๆ วิธีใช้ก็แค่ ‘หนีบในร่อง’
อุ้ย ตาย ว้าย กรี๊ด!! นี่โลกของเรามันพัฒนาไปไกลได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือนี่ ใครมันจะไปคิดล่ะว่าการวัดขนาดของไฟหน้าของสาวๆ นั้นจะสามารถพัฒนามาเป็นแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟนได้ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าเหมียวไม่ได้คิดทะลึ่งตึงตังอะไรเลยซักนิ๊ดดดดด สำหรับแอพฯ ดังกล่าวมีชื่อว่า ChiChi ช่วยบ่งบอกถึงขนาดไฟหน้าของสาวๆ ได้ว่ามีคัพอะไร จะได้ไม่ต้องไปหาภาพมาเปรียบเทียบกับขนาดของตัวเอง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอพฯ นี้มาจากที่ไหน ก็เป็นฝีมือการพัฒนาของชาวญี่ปุ่นนี่แหละ ฟังถึงคุณสมบัติแอพฯ แล้ว พี่ไม่ได้มาเล่นๆ นะจะบอกให้!! เพราะว่ามันมีประโยชน์ในแง่ของปัญหากว่า 80% ของผู้หญิงทั่วโลกที่เลือกขนาดบราไม่ตรงกับขนาดคัพหน้าอกของตัวเอง เป็นสาเหตุของปัญหาสุขภาพที่จะตามมาภายหลัง สำหรับวิธีการใช้ก็แสนจะง่ายดาย หลังจากที่ติดตั้งไว้ในเครื่องแล้ว เปิดแอพฯ ขึ้นมาแล้วก็นำสมาร์ทโฟนไปหนีบไว้ในร่องหน้าอก และแอพฯ ก็จะทำการคำนวนหาขนาดคัพที่ถูกต้องของผู้ใช้ แต่ก็ยังคงมีข้อจำกัดคือสามารถวัดขนาดคัพที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่คัพ E หากใครสนใจอยากจะลองใช้งาน แอพฯ จะเปิดให้ทดสอบในช่วงเดือนมกราคม ปีค.ศ. 2016 ที่จะถึงนี้ และจะต้องลงทะเบียนผู้ทดสอบหน้าเว็บไซต์ด้วย ให้บริการบน iOS เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เอ้า!! สาวๆ คนไหนอยากจะลอง อยากจะรู้ขนาดที่แท้จริงของตัวเอง…
-
พลังศรัทธา วัดพุน้อยชัยมงคล จ.ลพบุรี เผย สามารถระดมเงินจากกฐินได้มากถึง 27 ล้านบาท!!
กลายเป็นเรื่องราวฮือฮาพอสมควร สำหรับกรณีของวัดพุน้อยชัยมงคลในจังหวัดลพบุรี ที่สามารถรวบรวมเงินจากการทอดกฐินได้อย่างมหาศาลถึง 27 ล้านบาท จนต้องระดมทีมอาสามาช่วยกันนับเงินกันแบบข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว เมื่อช่วงคำของวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ เรารัก”ลพบุรี” ได้เผยแพร่ภาพกองเงินจำนวนมาก ที่ได้จากงานจุลกฐินสามัคคีของวัดพุน้อยชัยมงคล อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี จนต้องระดมจิตอาสากว่า 100 คนเพื่อมาช่วยกันนับเงินที่เหล่าผู้มีจิตศรัทธานะเงินมาถวาย ตามรายงานบอกว่าจิตอาสานั้นเริ่มนับเงินตั้งแต่ช่วงเวลา 21.00 ของวันที่ 15 พฤศจิกายน ไปจนถึงวันที่ 16 พฤศจิกายนก็ยังไม่เสร็จดี จนทางธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านหมี่ ต้องส่งเจ้าหน้าที่มาช่วยนับเงินอีก 4 คนพร้อมกับเครื่องนับเงิน จนสามารถสรุปยอดทั้งหมดได้ที่ 27,098,290 บาท แหม่ แรงศรัทธาของวัดนี้เขารุนแรงจริงๆ เลยนะเนี๊ยะ ที่มา เรารัก”ลพบุรี”
-
คนใหญ่คนโต!! รถเก๋งขับลุยถนนปูนที่ยังไม่แห้งของวัด แถมย้อนถาม “รู้ไหมว่ากรูเป็นใคร” !??!
เกิดเรื่องดราม่าขึ้นอีกแล้ว ครั้งนี้เป็นประเด็นร้อนหลังจากมีคนมาเล่าว่า มีรถเก๋งคันหนึ่งได้ขับลุยถนนปูนที่ยังไม่แห้งของวัด แต่พอมีคนห้าม คนขับกลับอวดเบ่งอำนาจข่มขู่คนในวัดซะอย่างงั้น โดยทางเฟสบุ๊คของคุณ Nahm Niranara ได้เล่าว่า เมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 28 สิงหาคม 2558 มีรถเก๋งคันหนึ่งคันหนึ่งต้องการจะขับผ่านถนนที่กำลังซ่อมแซมของทางวัด ซึ่งทางวัดเองก็ได้ประกาศแจ้งล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการซ่อมแซมถนน ขอให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง เมื่อทางวัดได้ออกมาชี้แจงกับคนขับว่า ทางนี้ผ่านไม่ได้ แต่กลับโดนคนขับย้อนถามอย่างก้าวร้าวว่า “ไม่กลัวใครทั้งนั้น รู้ไหมว่ากูเป็นใคร ดูด้วยว่าเล่นกับใคร” จากนั้นก็ขับผ่านไปต่อหน้าต่อตา ทำให้ปูนที่ยังไม่แห้งเป็นรอยขนาดใหญ่ ต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย เหมียวว่าถ้าทุกคนมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน โลกนี้จะน่าอยู่ขึ้นเยอะเลยนะ ว่ามั้ยเพื่อนๆ ที่มา Udorn SaengAroon