Tag: วาฬ
-
แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้ม ‘ซากลูก’ ของมันนานถึง 7 วัน ราวกับเศร้าใจที่เสียลูกไป
สัตว์โลกทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าพิศวงยิ่งนัก เพราะมันไม่สามารถสื่อสารกับมนุษย์อย่างเราๆ ให้เข้าใจได้… เช่นเดียวกันกับเรื่องราวต่อไปนี้ ที่แม่วาฬเพชฌฆาตอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วัน หลังจากที่เสียชีวิตจากการคลอด ทางด้านผู้เชี่ยวชาญจากพิพิธภันฑ์วาฬในเกาะ San Juan ได้ทำการติดตามและเฝ้าดูพฤติกรรมของเจ้าวาฬตัวนี้ที่รู้จักกันในชื่อ J35 ตั้งแต่วันที่ลูกของมันเสียชีวิต ผู้บอำนวยการพิพิธภัณฑ์ Jenny Atkinson เล่าว่ามันอุ้มซากลูกของมันเป็นเวลานานกว่า 7 วันไม่ยอมห่างไปไหน ราวกับว่ามีอาการเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น หลังจากที่พบกับเหตุการณ์อันน่าสลดใจเจ้าแม่วาฬเพชฌฆาตก็โผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำทะเลแล้วก็ใช้หน้าผากดันซากลูกของมันไม่ให้จมลงสู่ก้นทะเลว่ายวนไปเรื่อยๆ ในอ่าววิคตอเรีย รัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตามมีการศึกษาจากองค์กรไม่หวังผลกำไรระบุเอาไว้ว่าวาฬ หรือโลมา จะเฝ้าซากของวาฬหรือโลมาที่ตายแล้ว เพื่อไม่ให้ตกเป็นอาหารของเหล่านักล่า แต่อย่างไรก็ตามมันจะเฝ้าเอาไว้เป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้น แต่สำหรับแม่วาฬเพชฌฆาตตัวนี้ กลับใช้เวลานานมากที่สุด ถ้าให้เราคิด (เอาเอง) ก็อาจจะเป็นเพราะมันกำลังเสียใจที่ลูกของมันเสียชีวิตไปแล้วก็ได้ จากข้อมูลพบว่าปัจจุบันเหล่าวาฬเพชฌฆาตกำลังประสบกับปัญหา ‘ใกล้สูญพันธุ์’ เข้าไปทุกที จนประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาประกาศให้เป็นสัตว์สงวนเมื่อสิบปีก่อน บวกกับปัญหาการให้กำเนิดลูกของพวกมันที่มักจะไม่เป็นผลสำเร็จ (คลอดลูกออกมาแล้วตาย) นั่นเป็นเพราะว่าปัญหาเรื่องแหล่งอาหารอย่างปลาแซลแมอนที่ลดน้อยลงไปทุกที จึงทำให้พวกมันรู้สึกเป็นกังวลจนไม่สามารถให้กำเนิดลูกออกมาได้ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในช่วงปี 2007 ถึง 2014…
-
เศรษฐีฆ่าวาฬหายาก ออกมารับผิดชอบกับการกระทำ ‘สัญญาว่าจะฆ่าเพิ่มอีก 140 ตัว’!!
ในประเทศไอซ์แลนด์นั้น ‘การล่าวาฬ’ ถือเป็นประเพณีที่กระทำสืบเนื่องมาตั้งแต่โบราณ และปัจจุบันก็ยังคงมีให้เห็นกันอยู่ตลอดเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตามประเพณีการล่าวาฬนี้ก็ถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่ทั่วโลกว่ามันเป็นสิ่งที่ควรกระทำหรือไม่ จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง ให้ล่าเฉพาะที่นำมาบริโภคเท่านั้น แต่ไม่ได้ล่าเพื่อความสนุกเหมือนในอดีตอีกต่อไป และการล่าวาฬตัวนี้กำลังกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดกันอย่างแพร่หลายในโซเชียลต่างประเทศ กับกรณีของเศรษฐีชาวไอซ์แลนด์รายหนึ่งใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกใส่เจ้าวาฬยักษ์ที่มีความยาวถึง 20เมตร!! แต่ทว่ามันไม่ใช่วาฬธรรมดา เป็นพันธุ์ผสมระหว่างวาฬสีน้ำเงินกับวาฬฟิน ที่หาได้ยากมากๆ เรียกได้ว่าโอกาสที่จะเกิดการผสมข้ามสายพันธุ์ของวาฬสองชนิดนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีเพียง 1% เท่านั้น จากรายงานระบุว่าเจ้าวาฬตัวนี้ใช้ชีวิตแหวกว่ายไปในมหาสมุทรมานานกว่าหลายสิบปี และไม่เคยทำอันตรายให้กับสิ่งมีชีวิตอื่นเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายก็ต้องมาจบชีวิตลงโดยน้ำมือของมหาเศรษฐีขาวไอซ์แลนด์นามว่า Kristjan Loftsson เขาใช้ปืนใหญ่ยิงฉมวกที่มีขนาด 90 มิลลิเมตร เจาะเข้าไปในผิวหนังของเจ้าวาฬ และลากมันขึ้นมาบนฝั่งของกรุง Reykjavik ก่อนที่จะทำการแล่เจ้าวาฬตัวนั้น ภาพในระหว่างการแล่เนื้อวาฬถูกเผยแพร่สู่สายตาของประชาชนทั่วโลก กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่าการกระทำนี้เป็นสิ่งที่โหดร้าย อย่างไรก็ตามองค์กร International Find for Animal Welfare (IFAW) ก็ได้ออกมาให้ความเห็นว่าวาฬผสมนั้นเป็นวาฬที่หายากมาก และมันเป็นสัตว์ที่ถูกคุ้มครองโดยอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าห้ามล่าหรือทำร้ายมัน ขณะนี้พวกเขาก็กำลังจะดำเนินการเอาเรื่องมหาเศรษฐีให้ถึงที่สุด Sigursteinn Masson จากหน่วยงาน IFAW กล่าวว่า “เจ้าวาฬพันธุ์ผสมนี้เป็นสิ่งที่หายากมากๆ ทำให้การระบุว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไรก็เป็นเรื่องที่ยากเช่นกัน”…
-
ประเพณีล่า ‘วาฬหัวทุย’ ตามวิถีชาวบ้าน ฤดูกาลเพื่ออยู่ความอยู่รอด หรือต้องอดตาย
* ภาพประกอบเนื้อหามีความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน * เป็นที่ทราบกันดีว่าการออกล่าปลาชนิดใหญ่นั้นถือเป็นสิ่งที่ไม่ยอมรับในระดับสากล แต่ยังคงไม่สามารถบังคับใช้ในทุกประเทศได้ อันเนื่องมาจากประเพณีและความเชื่อภายในท้องถิ่น ภายในบริเวณเกาะเลิมบาตา ของประเทศอินโดนีเซีย ยังคงสืบสานประเพณีท้องถิ่นตามวิถีชีวิตชาวบ้านบนเกาะ ที่ทำการล่าวาฬหัวทุย (วาฬสเปิร์ม) มานานกว่า 6 ทศวรรษแล้ว ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นภาพถ่ายจาก Claudio Seber ช่างภาพชาวสวิตเซอร์แลนด์ เผยให้เห็นกรรมวิธีของเหล่าพรานวาฬ ใช้หอกปลายแหลมจากทั้งบนผิวน้ำและใต้น้ำในการออกล่าวาฬหัวทุย “เราอยู่ในยุคเครื่องจักรแล้ว แต่จำนวนวาฬที่เราล่าในแต่ละปีไม่ได้มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่นัก แม้จะมีการใช้เรือยนต์มาทดแทนเรือแจวก็ตาม” Yosef Bataona ผู้นำประจำหมู่บ้าน Lamalera กล่าว “ในปีที่แล้วเราล่าวาฬได้ 25 ตัว บางปีเราจับได้ 40 ตัว แต่บางครั้งก็ไม่ได้เลย เฉลี่ยแล้วเราจะล่าวาฬหัวทุย 3 ตัวต่อปี เพื่อนำมาเป็นอาหารหล่อเลี้ยงครอบครัว” “พวกเราเชื่อว่าวาฬเหล่านี้คือสิ่งที่พระเจ้าประทานมาให้ รัฐบาลอินโดนีเซียอนุญาตให้พวกเราสืบสานประเพณีต่อไป ดำรงชีวิตตามวิถีดั้งเดิมของชาวบ้าน” “พวกเขาอาจมีการปรับเปลี่ยนกฎตามขอบเขตการออกล่า เนื่องจากกระทรวงประมงและการเดินเรือต้องการจะอนุรักษ์กระเบนราหูและเต่า แต่เราจะไม่ทำตามกฎเหล่านั้นเพราะมันเป็นเรื่องของการอยู่รอด เราไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ถ้าจะให้ล่าแต่วาฬอย่างเดียว ดังนั้นเราควรจะได้รับข้อยกเว้นและปฏิบัติตามวิถีชีวิตดั้งเดิมของพวกเรา”…
-
อี๋วววว~ นี่คือสาเหตุที่เราไม่ควรเข้าใกล้ “ศพปลาวาฬ” ทั้งแก๊สทั้งกลิ่นมาเต็ม!!
วาฬ หรือ ปลาวาฬ หลายคนอาจทราบกันดีว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สัตว์ชนิดนี้ถึงแม้จะมีขนาดมหึมาแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นสัตว์อันตรายหรือดุร้ายแต่อย่างใด แต่เมื่อพวกมันสิ้นชีพลงมันกลับอันตรายต่อมนุษย์เสียยิ่งกว่าตอนมีชีวิตอยู่เสียอีก ศพของปลาวาฬย่อมเป็นจุดสังเกตของผู้คนเนื่องจากขนาดตัวที่ใหญ่โต บางครั้งศพของมันก็ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ บางครั้งมันก็เกยตื้นอยู่ตามชายหาด แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ศพของปลาวาฬไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์อย่างเราควรเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย ต่อไปนี้คือ เหตุผล ที่ทำไมเราถึงไม่ควรเข้าใกล้ศพปลาวาฬ… เมื่อปลาวาฬตายลงภายในศพจะมีแก๊สอัดแน่อยู่จำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนท้องที่อัดจนพองรอเวลาระเบิดออก เมื่อเซลล์เริ่มเสื่อมสลายลงทีละนิด แก๊สภายในจึงเหมือนระเบิดเวลาที่รอให้เซลล์รับแรงดันไม่ไหวหรือมีอะไรมากระตุ้นจนเกิดการระเบิดออกมา เครื่องในของปลาวาฬสามารถระเบิดออกมาได้ภายในเสี้ยววินาทีโดยไม่มีสัญญาณเตือน หากชายคนนี้ต้องการหลบระเบิดให้ทันต้องใช้ความเร็วออกตัวที่ 70 กม./ชม. เลยล่ะ แถมแรงระเบิดยังทำให้เครื่องในและไขมันของปลาวาฬสามารถปลิวได้ไกลกว่า 50 เมตรอีกด้วย ที่น่าขนลุกยิ่งกว่าแรงระเบิดของแก๊สภายในศพปลาวาฬก็คือ กลิ่นของมันที่เลื่องลือกันว่าเป็นกลิ่นที่เหม็นเน่าที่สุดเท่าที่คนเราเคยสัมผัสมา บึ้ม! เผละ… อี๋… ขอสาบานเลยว่าชาตินี้จะไม่ขอเข้าใกล้ศพปลาวาฬอย่างแน่นอนเลยล่ะจ้า!! ที่มา: thechive
-
สังเวยอีกศพให้กับความมักง่ายของมนุษย์…’เต่าตนุ’ ต้องตายเพราะกินพลาสติกเข้าไป
การทิ้งขยะเรี่ยราดถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในโลกของเรามาอย่างช้านาน หลายๆ คนอาจจะคิดว่ามันไม่เป็นไร แค่ชิ้นสองชิ้นก็คงไม่เกิดอะไรขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าสุดท้ายแล้วมันส่งผลต่อ ‘ธรรมชาติ’ มากมาย โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตร่วมโลกของเรา ที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไรและกินมันเข้าไป ดังเช่นเรื่องราวของเจ้า ‘เต่าตนุ’ ตัวนี้ ที่เจ้าหน้าที่ต้องช่วยเหลือมันอย่างเต็มที่ แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่รอด…. เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาเพจเฟซบุ๊ก ReReef ได้แชร์เรื่องราวการช่วยเหลือเต่าตนุตัวหนึ่ง ที่เข้ามาเกยตื้นบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ช่วยชีวิตของมันอย่างสุดความสามารถเป็นเวลา 2 วันเต็มๆ พยายามป้อนยา และอาหารเหลว แต่สุดท้ายเจ้าเต่าก็ไม่รอด มันสิ้นใจไปเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน หลังจากที่เจ้าเต่าตนุเสียชีวิตแล้ว ทีมสัตวแพทย์ของศูนย์วิจัย และพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อ่าวไทยฝั่งตะวันออก ได้ทำการชันสูตรผ่าซากเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตของมัน พบว่าภายในกระเพาะอาหารพบขยะพลาสติกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะพลาสติกขนาดเล็ก เช่น หนังยาง เชือกฟาก เชือกไนลอน ถุงพลาสติก เศษพลาสติก และเศษเครื่องมือประมง สรุปสาเหตุได้ว่า เต่าตนุตัวนี้เสียชีวิตเพราะกินขยะพลาสติก ทำให้ไม่อยากอาหาร ร่างกายจึงมีโปรตีนต่ำ มีน้ำไหลออกช่องว่างลำตัว เพราะการดึงน้ำโดยโปรตีนในเลือดล้มเหลว…
-
พบวาฬเกยตื้นบนหาดในสเปน ผ่าท้องพบเศษพลาสติกมากถึง 29 กิโลกรัม!?
ทุกครั้งที่มีการออกมารณรงค์ไม่ให้ทิ้งขยะลงในทะเล เรามักจะคิดว่ามันเป็นเรื่องไกลตัว แต่ความจริงมันใกล้มากกว่าที่คุณคิดเสียอีก และมันทำให้สิ่งมีชีวิตในทะเลตายจากไปอย่างน่าสลดทีเดียว เว็บไซต์ Unilad ได้รายงานว่ามีวาฬสเปิร์มตัวหนึ่งขึ้นมาเกยตื้นที่แหลม Palos ประเทศสเปนเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่น่าสะพรึงก็คือ มีเศษพลาสติกอยู่ภายในท้องของมันมากถึง 29 กิโลกรัมเลยทีเดียว ตามข่าวบอกว่าภายในท้องของมันมีทั้งถุงพลาสติก เศษตาข่าย และกระป๋องเต็มไปหมด ด้านนาย El Valle นักชีววิทยาทางทะเล ได้วิเคราะห์ซากของปลาวาฬและสรุปว่าปลาวาฬเสียชีวิตจากพลาสติกที่ปิดกั้นระบบย่อยอาหารซึ่งไม่สามารถขับออกไปได้ ทั้งหมดนี้ทำให้เห็นว่าวาฬค่อยๆ ติดเชื้อในช่องท้องจนทำให้มันตายในที่สุด การตายของวาฬตัวนี้ทำให้กระทรวงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อมเปิดตัวแคมเปญรณรงค์สร้างจิตสำนึกให้กับสิ่งมีชีวิตทางทะเล จากการประเมินขององค์กรเพื่อสิ่งแวดล้อม Greenpeace พบว่าในแต่ละปีจะมีการทิ้งเศษพลาสติกลงในทะเลราวๆ 12.7 ล้านตัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มหาศาลจนทำให้สัตว์น้ำหลายล้านตัวต้องตายไปในแต่ละปี เศษพลาสติกที่ลอยในทะเล หากมีขนาดใหญ่ก็จะทำให้สัตว์สำลักจนตาย แต่หากมีชิ้นเล็กมันก็จะสะสมอยู่ในกระเพาะจนตายเช่นกัน แต่หากมันล่องลอยอยู่ในน้ำเป็นเวลานานแต่ยังไม่มีสัตว์ตัวไหนมากินมัน มันก็จะค่อยๆ ถูกน้ำทะเลกัดกร่อน และซึมซับเอาสารพิษเข้าไป และเมื่อเหล่าสัตว์น้ำมากินพลาสติกเหล่านั้นเข้าไปก็จะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้ และมันก็จะแพร่มาสู่มนุษย์เมื่อเรากินมันเข้าไปเรื่อยๆ เริ่มเห็นแล้วใช่ไหมว่ามันส่งผลกระทบกับเรายังไงบ้าง? ที่มา unilad
-
‘ซากวาฬสีน้ำเงิน’ โดนพัดมาเกยตื้น มีคนปีนขึ้นไปถ่ายเซลฟี่ แถมเขียนบอกรักบนหาง
เวลาที่เกิดน้ำท่วม ไฟไหม้ ฟ้าผ่า หรือแผ่นดินไหว เมื่อมามองดูผลกระทบที่น่ากลัวของมันทำให้หลายๆ คนรู้สึกกลัว แต่ต้องบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าธรรมชาติก็คือมนุษย์เรานี่แหละ และเหตุการณ์ที่เราจะยกมาให้เพื่อนๆ ได้ชมนี้ จะช่วยยืนยันความน่ากลัวของมนุษย์ได้ดี โดยในเหตุการณ์มีซากปลาวาฬสีน้ำเงินถูกพัดมาเกยตื้นที่หาดทรายในประเทศชิลี และก็ถูกนักท่องเที่ยวปีนขึ้นไปเล่นไปถ่ายรูปกันยกใหญ่ ไม่เพียงเท่านั้นคนบางคนยังได้ทิ้งข้อความไว้บนตัวของมันอีกด้วย ในเช้าวันหนึ่งที่หาดทรายเมือง Punta Arenas ในเขต Magallanes ประเทศชิลี ได้มีซากวาฬสีน้ำเงินยาวกว่า 20 เมตรถูกพัดมาเกยตื้น ทำให้ผู้คนหลายๆ คนที่มาเที่ยวที่หาด ถือโอกาสปีนป่ายร่างไร้วิญญาณของมันไปถ่ายรูปเล่นและยังทิ้งข้อความบอกรักกันไว้บนซากเจ้าวาฬ ภาพภาพหนึ่งแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงสองคนที่ปีนขึ้นไปถ่ายรูปชูสองนิ้วบนตัวของซากวาฬ บางคนก็ได้ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า “Ana ฉันรักเธอ” คนปีนขึ้นไปถ่ายรูปกันมากมาย จนซากของเจ้าวาฬมีรอยเท้าเต็มไปหมด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ของชิลีได้สันนิษฐานสาเหตุการตายของเจ้าวาฬว่าอาจจะมาจากการเจ็บป่วย ความอดอยากหรืออาจจะเป็นไปได้ที่จะถูกเรือชนจนเสียชีวิต แต่ก็ไม่พบกับร่องรอยของบาดแผลที่เด่นชัดสักเท่าไหร่ และหลังจากผู้เชี่ยวชาญด้านทางทะเลได้ทำการตรวจกับซากศพของเจ้าวาฬ พบว่ามันยังเด็กอยู่ และเมื่อเรื่องนี้ถูกแชร์ไปสู่โลกออนไลน์ ชาวเน็ตทั้งหลายก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ชาวเน็ตคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า Carmen Julia Gonzalez Escanilla ได้คอมเมนต์ว่า “ทุกวันนี้ พวกเราสูญเสียความเคารพและความเอาใจใส่ในธรรมชาติไปแล้ว” ชาวเน็ตอีกท่านที่ชื่อ Xieman Hernandez กล่าวว่า “ช่างงี่เง่าเหลือเกิน มนุษย์เราทุกวันนี้แย่ลงเรื่อยๆ ต้องทำยังไงกับคนที่เขียนข้อความบนซากของเจ้าวาฬดี พวกเขานั้นไร้ซึ่งความเคารพต่อทุกสิ่งเลย”…
-
ผลการศึกษา ‘วาฬเพชฌฆาต’ พยายามเรียนรู้เสียงมนุษย์ เสียงเล็กๆ แสนน่ารักจากท้องทะเล…
วาฬเพชฌฆาต (Killer Whale หรือ Orca) สัตว์ทะเลที่มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดในวงศ์ของโลมามหาสมุทร ซึ่งถ้าหากมองจากขนาดตัวของมัน จะเห็นได้ว่าเจ้าวาฬชนิดนี้มีขนาดลำตัวที่ใหญ่มาก และด้วยความฉลาดของพวกมันมนุษย์จึงนิยมนำมาฝึกและใช้โชว์ตามอควาเรียมต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเผยแพร่งานวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่ค้นพบว่าวาฬเพชฌฆาต สามารถเลียนแบบคำพูดของมนุษย์ได้แทบจะใกล้เคียงมากๆ โดยงานวิจัยชิ้นดังกล่าวได้ทำการศึกษาที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ Marinelane ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ทีมวิจัยได้ใช้เจ้า Wikie วาฬเพชฌฆาตเพศเมีย อายุ 14 ปี มาเข้าร่วมในการทดสอบครั้งนี้ สำหรับเจ้า Wikie นั้นเป็นวาฬที่ถูกฝึกฝนจนสามารถรับรู้คำสั่งของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี แต่การเลียนแบบเสียงพูดมนุษย์เป็นสิ่งที่มันยังไม่เคยทำมาก่อน… จากการศึกษาทางด้านสรีรวิทยาของโลมากับมนุษย์พบถึงความแตกต่างของการทำให้เกิดเสียง ในมนุษย์จะมีคอหอยที่เป็นตัวช่วยในการเปล่งเสียง แต่ในวาฬและโลมาใช้การเปล่งเสียงเดินทางผ่านจมูกและช่องหายใจของปลาวาฬ (Blowhole) ในการสื่อสาร วาฬเพชฌฆาตสามารถสร้างเสียงได้อย่างหลากหลาย เช่นเดียวกับมนุษย์ที่คิดค้นภาษาเพื่อใช้ในการสื่อสารกัน นักวิจัยจึงได้ทำการศึกษาวิธีการสื่อสารของสัตว์ทะเล และพบว่าวาฬเพชฌฆาตมีความสามารถในการเรียนรู้สูง ในการฝึกผู้สอนจะสอนให้เจ้า Wikie พูดคำง่ายๆ ของมนุษย์เช่น Hello ,Bye Bye One Two Three และ Amy…
-
ประมวลภาพเทศกาล ‘การล่าวาฬ’ ประจำปีในหมู่เกาะแฟโร ที่อาจไม่เหมาะกับคนขวัญอ่อน
*คอนเทนท์นี้อาจมีเนื้อหารุนแรง มีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นจริงบนโลกของเราเมื่อน้ำทะเลเปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีแดงด้วยเลือดของปลาทั้งหลายที่ถูกฆ่าจากน้ำมือของมนุษย์อย่างเราๆ ปลาโลมาและวาฬจำนวนมากถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมบริเวณหมู่เกาะแฟโร ซึ่งภาพที่ถ่ายออกมาเหล่านี้ได้นี้ถูกถ่ายออกมาโดยกลุ่มอนุรักษ์กลุ่มหนึ่งที่ชื่อว่า Sea Shepherd Global ปลาเหล่านี้ถูกฆ่าตายทุกปีเนื่องในเทศกาลที่ชาวแฟโรเรียกว่า grindadráp หรือเทศกาลล่าวาฬซึ่งจะมีขึ้นในช่วงฤดูร้อน โดยพวกเขาจะใช้หอกที่ทำขึ้นโดยเฉพาะล่าวาฬในว่ายมาใกล้ๆ กับหาด รัฐบาลของหมู่เกาะแฟโรออกมาเปิดเผยในปีนี้มีปลาตายในเทศกาลนี้รวมแล้วกว่า 1,700 ตัว โดยตัวแทนของรัฐบาลบอกว่าเทศกาลนี้ไม่ได้จัดขึ้นเพื่อแสวงหาผลกำไรแต่ว่าทำขึ้นเพื่อควบคุมประชากรของปลาโลมาและวาฬ สำหรับเนื้อปลาที่ได้มาก็จะนำไปแจกจ่ายให้แก่ประชาชนของหมู่เกาะเพื่อใช้เป็นอาหารเนื่องจากหมู่เกาะแฟโรมีสภาพอากาศที่ไม่เหมาะกับการปลูกพืชใดๆ ภาพเทศกาลล่าวาฬแห่งหมูเกาะแฟโร . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . ที่มา: dailymail
-
ภาพสุดประทับใจเมื่อ ‘เจ้าวาฬ’ มากระโดดน้ำเล่นที่อ่าวซิดนีย์ในตอนพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน
วาฬ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่แห่งท้องทะเล มีความน่าหลงใหลทำให้ใครหลายคนอยากที่จะไปเห็นมันด้วยตาของตัวเอง โดยบ้านเราสามารถพบพวกมันได้ในฝั่งอ่าวไทย ในซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ก็สามารถพบเห็นวาฬหลังค่อมได้อยู่บ่อยครั้ง จนถึงขนาดมีกิจกรรมการท่องเที่ยวที่ชื่อว่า Manly Ocean Adventures คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ ด้วยความโดดเด่นและสวยงามเป็นเอกลักษณ์ของพวกมันทำให้ช่างภาพผู้ได้รางวัลมามากมายอย่าง Matt Kemp ตัดสินใจตามเก็บภาพขณะที่พวกมันกำลังอพยพผ่านอ่าวซิดนีย์ ด้านหลังเป็นเส้นขอบฟ้าและวิวทิวทัศน์ของเมืองซิดนีย์ที่สวยงาม แสงธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ ด้วยระยะเวลากว่า 8 ปีที่เขาได้สังเกตและตามถ่ายพฤติกรรมของพวกมันทำให้ออกมาเป็นรูปที่สวยงามเกินคำบรรยาย ในท่วงท่าต่างๆ ของพวกมันไม่ว่าจะเป็นการใช้หางตีน้ำหรือพ่นน้ำออกมา แต่ที่พิเศษที่สุดก็คือการที่พวกมันพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำ ชายคนนี้เลือกที่จะเก็บภาพในตอนที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นมาหรือยามเย็นที่พระอาทิตย์กำลังตก แสงภายในภาพจึงมีความมหัศจรรย์ดึงดูดสายตา นับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่น่าหลงใหลไม่ใช่น้อย ชูหางขึ้นมาในตอนที่สายรุ้งกำลังทอดผ่าน กระโดดขึ้นมาหมุนตัวซะนิดนึง จะอยู่ไกลขนาดไหนก็สามารถมองเห็นได้ไม่ยาก น้ำที่แตกกระจายมีความเข้ากันกับแสงและบรรยากาศอย่างไม่น่าเชื่อ บนโลกของเรามีธรรมชาติที่สวยงามจริงๆ ที่มา: dailymail
-
ทีมช่วยเหลือใช้เวลากว่า 8 ชั่วโมง ช่วยเหลือวาฬเพชฌฆาตที่ติดอยู่บนโขดหินได้สำเร็จ!!
ภาพจากกล้องของทีมช่วยเหลือ เผยให้เห็นถึงวินาทีที่พวกเขากำลังช่วยชีวิตเจ้าวาฬเพชฌฆาตตัวหนึ่งที่กำลังติดอยู่บนโขดหนึ่ง ในชายหาด Hartley Bay ในช่วงเช้าวันหนึ่งของเดือนกรกฎาคมปีท่าผ่านมา ทีมวิจัยวาฬเพชฌฆาตในพื้นในชายฝั่ง British Columbia ได้ยินเสียงดังประหลาดดังมาจากโขดหินใกล้ๆ และเมื่อเข้าไปสำรวจดูพวกเขาก็พบว่าเจ้าวาฬเพชฌฆาตหนักราวๆ 4-5 ตันตัวหนึ่งกำลังนอนเกยติ้นอยู่บนโขดหินนั้น เจ้าวาฬที่กำลังติดอยู่ในโขดหิน ทีมสำรวจคาดว่าสาเหตุที่เจ้าวาฬเพศเมียตัวดังกล่าวขึ้นมาติดอยู่บนโขดหินนั้น อาจเป็นเพราะมันเข้าไปว่าอยู่ใกล้ๆ กับเรือล่าแมวน้ำก็เป็นได้ และจากนั้นพวกเขาได้ทำการขอความช่วยเหลือจากผู้มีประสบการณ์ และทันใดนั้นคุณ Hermann Meuter นักวิจัยวาฬและผู้ก่อตั้ง Cetacean Lab มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ทะเล พร้อมกับอาสาสมัครก็มาถึงที่โขดหินนั้น เขาและทีมช่วยเหลือได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ใช้เจ้าวาฬขาดน้ำและเป็นอันตราย และรอจนกว่าน้ำระดับน้ำจะสูงขึ้นจนมันสามารถว่ายออกจากโขดหินนั้นไปได้เอง “ในตอนแรกเจ้าวาฬเพศเมียตัวนั้นดูเครียดมาก เธอหายใจเร็วกว่าปกติเล็กน้อย” คุณ Hermann กล่าว และหลังจากนั้นไม่นาน เจ้าวาฬก็เริ่มมีอาการเครียดมากขึ้น ทางทีมช่วยเหลือจึงจำเป็นต้องใช้เจ้าหน้าที่ให้น้อยที่สุด “ในตอนแรกมีแค่ผมและวาฬตัวนั้น ตลอด 2 ชั่วโมงแรกผมพยายามทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและไม่เครียด” ชายหนุ่มกล่าว ตลอดระยะเวลานานกว่า 8 ชั่วโมง ทีมช่วยเหลือได้นำผ้ามาคลุมเจ้าวาฬ และใช้สายยางพร้อมกับถังตักน้ำรดลงที่ตัวมันเพื่อให้ความชุมชื้นและรอจนกว่าน้ำจะขึ้นอีกครั้ง และแล้วความพยายามของพวกเขาก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น เจ้าวาฬก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากโขดหินได้ที่ละนิด ทีละนิด จนในที่สุดมันก็สามารถกลับสู่ทะเลได้อย่างปลอดภัย ชมการช่วยเหลือเจ้าวาฬเพชฌฆาตตัวนี้ได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา inspiremore
-
ตกใจ!! เมื่อ “วาฬสีเทา” หลงฝูงมาว่ายน้ำเล่นกับมนุษย์ที่ชายหาดลากูน่าแบบชิลล์ๆ
เวลาที่เราไปว่ายน้ำเล่นกันตามชายหาดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้เจอกับสิ่งมีชีวิตในน้ำแหวกว่ายกันอยู่รอบตัวเรา และยากกว่าหากจะได้เจอวาฬตัวเป็นๆ มาว่ายน้ำโชว์ตัวอยู่ใกล้กับชายหาดขณะที่เราเล่นน้ำกันอยู่เหมือนกับเหตุการณ์นี้ เมื่อมีคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายมุมสูงจากกล้องที่ติดกับโดรนบินขึ้นไปเห็นเจ้าวาฬสีเทากำลังว่ายน้ำ ผุดๆ โผล่ๆ บริเวณห่างจากชายหาดลากูน่าไปไม่มากนัก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย วาฬตัวดังกล่าวถูกพบที่ท่าเรือ Dana Point ก่อนที่มันจะหลงทางอยู่บริเวณนั้นเป็นเวลา 2 ชั่วโมง สร้างความตกตะลึงและงุนงงกับสัตว์ขนาดใหญ่ที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการที่จะได้เห็นวาฬสีเทาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 9 ของวาฬทั้งหมดว่ายมายังชายหาดที่มนุษย์กำลังเล่นน้ำกันอยู่ แถมยังมาแบบชิลล์ๆ อีกต่างหาก คลิปวิดีโอวาฬหลงฝูงมาชายหาดลากูน่า ที่ถ่ายได้จากโดรน และท้ายที่สุดมันก็ได้ว่ายกลับขึ้นฝั่งและตรงไปยังอลาสก้าที่ซึ่งกำลังมีการให้อาหารกลุ่มปลาวาฬสีเทาอยู่ในขณะนั้น ภาพของวาฬสีเทา สายพันธุ์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 9 จากวาฬทั้งหมด . การที่มันต้องว่ายมาให้เราเห็นกันแบบสบายๆ อย่างนี้ก็ทำให้เข้าใจได้ว่าสัตว์ที่มีขนาดใหญ่อย่างมันไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไร แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องระวังกับการตีหางของมันอย่างในวิดีโอซะหน่อย โดนไปคงสลบจมน้ำได้เลยทีเดียว ที่มา: iflscience
-
เมื่อวาฬหลังค่อมขนาด 40 ตัน กระโดดขึ้นโชว์เหนือผิวน้ำ วินาทีสุดอัศจรรย์จากท้องทะเล!!
ถ้าพูดถึงวาฬ หลายคนก็คงจะนึกถึงสัตว์ทะเลขนาดยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้ามหาสมุทรกันอย่างแน่นอน ลองคิดภาพว่าเราอยู่ในเหตุการณ์ที่เจอมันกระโดดขึ้นมาจากน้ำอย่างสง่างาม ภาพนั้นมันจะสุดยอดขนาดไหนนะ? ล่าสุด Craig Capehart นักประดาน้ำ ที่ออกไปดำน้ำบริเวณชายฝั่งของเมือง Mbotyi ในประเทศแอฟฟริกาใต้ ก็ต้องพบกับเหตุการณ์สุดตะลึง เมื่อเขาได้เก็บภาพของวาฬหลังค่อมที่มีขนาดใหญ่ราวๆ 40 ตันกระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ!! Craig ยังบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่ได้เจออีกว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เขาจดจำไปทั้งชีวิต วินาทีที่วาฬหลังค่อมกระโดดขึ้นมานั้นช่างสง่างามสุดๆ “เชื่อเหอะว่าโลมาก็สู้ไม่ได้ หรือแม้แต่ยอดฉลามขาวก็ยังไม่บินขึ้นเหนือน้ำแบบนี้ แล้วดูนี่สิ มันคือวาฬหลังค่อมที่โตเต็มวัยเลยนะ!!” ด้วยน้ำหนักตัวที่มากถึง 40 ตัน แต่สามารถกระโดดขึ้นมาบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์!! สำหรับวาฬหลังค่อมแล้วเมื่อโตเต็มวัย จะมีน้ำหนักราวๆ 36,000 กิโลกรัม ซึ่งเทียบเท่ากับฮิปโปหนุ่ม 24 ตัว แต่ Craig บอกว่าเจ้าตัวนี้มันน่าจะหนักถึง 40 ตันแน่ๆ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวินาทีที่หาชมได้ยากจากธรรมชาติ ทำให้คลิปดังกล่าวมียอดผู้เข้าชมถึง 1 ล้านครั้งภายใน 1 สัปดาห์ ยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกถึงความสุดยอดของเจ้าแห่งท้องทะเลจริงๆ ที่มา boredpanda
-
ภาพเหตุการณ์ล่าฝูงวาฬ “Pilot Whales” ในเทศกาลประจำปีของหมู่เกาะแฟโร
หลังจากที่การเริ่มต้นของฤดูอพยพของพวกวาฬ Pilot Whales น้ำทะเลที่ชายหาดของหมู่เกาะแฟโร นั้นจะเต็มไปด้วยสีแดงสดของเลือด เหล่าวาฬสายพันธุ์ดังกล่าวที่ถูกล่าโดยชาวประมงถ้องถิ่นของที่นี่ ซึ่งพวกเขาทำกันมาอย่างยาวนาน ในทุกๆ ปี พวกวาฬจะถูกต้อนให้ว่ายเข้ามาใกล้ๆ กับหมู่เกาะในเขตปกครองตนเองภายใต้ประเทศเดนมาร์กแห่งนี้ และที่นั่นจะมีชาวประมงท้องคอยต้อนรับพวกมันด้วยเรือลากอวนและเรือบดต่างๆ เพื่อใช้ในการล่าเหล่าวาฬ ภาพของชายหาดในหมู่เกาะ Faroe ที่เต็มไปด้วยเลือดของวาฬ Pilot Whales หลังจากที่ถูกต้อนมาที่ชายฝั่ง เหล่าชาวประมงจะลงไปจัดการกับฝูงวาฬในทะเล จากนั้นจึงพวกมันขึ้นมาบนฝั่งเพื่อรอการชำแหละต่อไป ปัจจุบันนี้ประชาการของวาฬสายพันดังกล่าวนี้เหลือน้อยลงไปทุกทีแล้ว โดย Pilot whales พันธุ์ครีบยาวนั้นเหลือเพียง 1 ล้านตัว ส่วนพันธุ์ครีบสั้นนั้นเหลือแค่ 2 แสนตัวเท่านั้น ชายหนุ่ม 2 คนนี้กำลังอยู่ในทะเลที่เต็มไปด้วยฝูงวาฬและน้ำทะเลสีแดง ในช่วงฤดูร้อนของทุกๆ ปี ที่นี่จะมีการจัดเทศกาลล่าวาฬนำร่อง (เป็นชื่อสายพันธุ์ของวาฬชนิดนี้) ต่อเนื่องกันมานานกว่า 100 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีวาฬว่ายเข้ามาในเขตชายฝั่งประมาณ 800 ตัว ชาวประมงและชาวบ้านก็จะเข้ามารุมล้อมและจับเอาวาฬเหล่านั้นไปทำเป็นอาหาร แม้ว่าการล่าวาฬจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในฝั่งยุโรปก็ตาม แต่ชาวบ้านท้องถิ่นบางส่วนก็ยังต่อสู้เพื่อไม่ให้ประเพณีที่สืบต่อกันมานานต้องหายไป กลุ่มของชาวประมงกำลังช่วยกันลากซากวาฬที่พวกเขาเพิ่งจัดการเสร็จขึ้นไปบนฝั่ง ผู้คนนับร้อยมารวมตัวกันที่ตรงชายฝั่งเพื่อเป็นพยานในงานเทศกาลประจำปีของพวกเขา ทะเลกลายเป็นสีแดงของเลือด หลังจากที่พวกวาฬถูกล้อมด้วยเรือ และถูกฆ่าทีละตัวอย่างที่พวกเขาเคยทำ… ที่มา dailymail
-
ป๊าดโท๊ะ!! พิพิธภัณฑ์เมือง Toronto จัดแสดงหัวใจวาฬสีน้ำเงิน ขนาดใหญ่เท่าลูกม้า!!
หัวใจคนเรามีขนาดเท่ากับกำปั้นมนุษย์ 1 กำปั้น แบ่งออกเป็น 4 ห้องที่ไว้คอยสูบฉีดเลือดไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกายอีกทั้งยังเป็นที่ไว้ใส่คนที่เรารักเข้าไปอีกด้วย (ตึ่งโป๊ะ!?) ไม่ว่าหัวใจเพื่อนๆ จะใส่ใครเข้าไป หรือมีขนาดใหญ่แค่ไหน #เหมียวปั๊ก ว่าขนาดหัวใจเพื่อนๆ ก็คงไม่เกินขนาดของหัวใจวาฬน้ำเงินแน่ๆ เมื่อไม่นานมานี้ พิพิธภัณฑ์ The Royal Ontario ในเมือง Toronto ประเทศแคนาดา ได้เปิดตัวหัวใจวาฬน้ำเงินที่เก็บรักษาไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ หัวใจของวาฬสีน้ำเงิน ทางทีมงานได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หัวใจวาฬสีน้ำเงินนี้มีน้ำหนักมากถึง 240 กิโลกรัม อีกทั้งยังถูกรักษาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์เป็นอย่างมาก โดยการรักษาสภาพแบบนี้จะทำให้มันมีระยะเวลาแสดงไปอีก 1,000 ปีเลยทีเดียว โดยทีมนักวิจัยได้หัวใจวาฬดังกล่าว มาจากวาฬสีน้ำเงิน 9 ตัวที่เสียชีวิตจากเหตุติดกับน้ำแข็งในบริเวณ Newfoundland ของประเทศแคนาดา แต่แล้วปรากฎการณ์ที่หายากก็เกิดขึ้น แทนที่วาฬน้ำเงินจะจมลงสู่ก้มมหาสมุทร ศพวาฬที่เหลือเพียง 2 ตัวกลับเกยตื้นใกล้บริเวณชายฝั่ง Newfoundland และ Labrador เป็นเหตุทำให้ทีมนักวิจัยสามารถที่จะเก็บกู้อวัยวะบางส่วนนำมาทำการวิจัยได้ Jacqueline Miller นักสัตววิทยาของ The Royal Ontario…
-
วาฬเบลูกาอยากมีส่วนร่วมในงานแต่งงานของคู่รัก ชาวเน็ตก็ช่วยตัดต่อกันจนเละตุ้มเป๊ะ!?
ทุกวันนี้เวลามีคนโพสภาพฮาๆ สมัยนี้ แทบจะไม่มีภาพไหนเลยที่สามารถรอดพ้นการตัดต่อของชาวเน็ตไปได้ ล่าสุดมีคนโพสภาพงานแต่งงานในสวนน้ำอควอเรียมแห่งหนึ่ง แล้วบังเอิญมีวาฬเบลูกาเข้ามาแย่งซีน งานนี้ชาวเน็ตได้ร่วมกันตัดต่อจนกลายเป็นภาพสุดฮาชุดนี้ จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย ภาพต้นฉบับ แหม ช่างขโมยซีนจริงๆ “ฉันโป๊นะ” แอเรียลก็มา “ฉันควรบอกเธอตอนที่ฉันยังมีโอกาส ตอนนี้เธอแต่งงานกับเพื่อนรักของฉันซะแล้ว” เดี๋ยวๆ ผิดแล้ว ไมค์ ไทสันก็มา หน้าคุ้นๆ นะนั่น ว้าววว พาเพื่อนมาเยอะเชียวนะ อย่างกับ Love Actually ไม่ใช่แล้วมั้ง มีไปแจมกับเคที่ เพอรรี่ด้วย เรียกว่าให้เกียรติเจ้าของงานมาก ดูแลลูกสาวพ่อให้ดีๆ นะ อย่าเข้าไปเพื่อน เธอไปดีแล้ว ฉันจะเป็นหลวงพ่อให้เอง ใครคิดว่าเจ๋ง ก็ลองเอาภาพไปตัดต่อแล้วส่งมาประชันได้นะ อิอิ…
-
อาสาสมัครนิวซีแลนด์เร่งช่วยเหลือวาฬกว่า 400 ตัว หลังโดนคลื่นซัดมาเกยชายหาดเอง
อาสาสมัครในประเทศนิวซีแลนด์เร่งเข้าช่วยเหลือเหล่าวาฬเกยตื่น หลังจากพบว่ามีวาฬนำร่อง (Pilot Whale) หลายร้อยตัวต้องตายอย่างทรมานหลังจากเกยตื่นอยู่บนฝั่งเป็นเวลานาน นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าหลังจากมีคนพบเห็นปลาวาฬนำร่องทั้งหมด 416 ตัว กำลังนอนเกยตื่นอยู่บนชายฝั่งแฟร์เวลล์สปิต ทางใต้ของ โกลเดน เบย์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยล่าสุดชาวบ้านและอาสาสมัครก็ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเป็นการด่วน แต่ก็พบว่ามีวาฬตายไปแล้วกว่า 275 ตัว ถึงอย่างไรก็ตามพวกเขาก็ยังคงพยามช่วยเหลือพวกมันโดยการทำให้ตัวของพวกมันเปียกออยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นการช่วยเหลือก็ยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า ซึ่งเมื่อเข้าใกล้เวลาเที่ยงวันร่างกายของพวกวาฬก็เริ่มที่จะแห้งไวขึ้นเนื่องจากผลกระทบของแสงแดด Cheree Morrison นักข่าวที่ในพื้นที่กล่าวว่า “คุณจะได้ยินเสียงพวกมันพยามดิ้นรนเอาชีวิตรอดตลอดเวลา ยิ่งพวกวาฬเด็กยิ่งดูจะทรมานมากที่สุด ภาพพวกนี้มันเศร้าเสียจนฉันไม่รู้จะพูดอะไรออกมานอกจากได้แต่ร้องไห้ และพยามช่วยพวกมันอย่างสุดความสามารถ” ตามรายงานบอกว่าวาฬนำร่องมีขนาดที่ใหญ่มากๆ ทำให้ยากที่จะพลักพวกมันกลับลงไปในทะเล พวกเขาจึงต้องพยามยื้อชีวิตพวกมันและรอเวลาให้น้ำขึ้นสูงอีกครั้ง หลังจากที่พวกเขาช่วยวาฬส่วนใหญ่ได้แล้ว พวกเขาจำเป็นจะต้องสร้างกำแพงมนุษย์ขึ้นมาเพื่อกันไม่ให้พวกวาฬที่พวกเขาช่วยไว้ได้หันกลับเข้าฝั่งมาเกยตื่นอีกครั้ง เพราะพวกมันไม่เต็มใจที่จะทิ้งฝูงของมันไว้แน่ๆ พวกเขาก็ได้แต่หวังว่ากระแสน้ำจะพาพวกมันกลับลงไปในทะเลได้อย่างปลอดภัย การเกยตื่นในครั้งนี้นับว่าเป็นเหตุการณ์เกยตื่นที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 รองจากเหตุการณ์ที่เมืองออกแลนด์ในปี 1985 ที่มีวาฬเกยตื้น 450 ตัว และเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นที่หาดในหมู่เกาะชัตแฮมปี 1918 ที่มีวาฬมาเกยตื่นถึง 1000 ตัว พวกเราก็คงได้แต่หวังว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกบ่อยๆ กับพวกวาฬที่น่าสงสารพวกนีั้ ที่มา dailymail
-
Rita Kluge ช่างภาพผู้หลงใหล ครอบครัววาฬหลังค่อม ถ่ายทอดความรู้สึกผ่านภาพถ่ายสุดอลังการ
วาฬหลังค่อม ก็จัดได้ว่าเป็นวาฬสายพันธุ์หนึ่งที่ไม่ได้ถูกจัดว่าเป็นวาฬใกล้สูญพันธุ์แต่อย่างใด แต่กระนั้นเราก็ยังรู้เห็นเรื่องราวของพวกมันน้อยอยู่ดี และ Rita Kluge ช่างภาพชาวออสเตรเลียก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ ความประทับใจแรกของเธอต่อวาฬนั้นคือการที่ได้เห็นมันเดินทางผ่านทางใต้ของชายฝั่ง New South Wales ประเทศออสเตรเลีย เพื่อข้ามไปยังแหล่งอาหารในทวีปแอนตาร์กติกา สถานที่ๆ พวกมันใช้สืบพันธุ์และเลี้ยงดูลูกวาฬที่เกิดมา เธอเกิดความลุ่มหลงในพวกมันอย่างมาก และได้ตัดสินใจตามถ่ายภาพพวกมันมาตั้งแต่ตอนนั้น ‘มีครั้งหนึ่งที่ลูกวาฬขนาดราวๆ 4 เมตรว่ายตรงเข้ามาหาฉัน และเล่นคลอเคลียกับฉัน มันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ’ เธอกล่าว ‘มันไม่เหมือนกับสัตว์ทะเลชนิดอื่นๆ เช่น โลมา ฉลาม แมวน้ำ เต่า หรือสิงโตทะเล ที่คุณสามารถเข้าไปดูใกล้ๆ ได้เห็นบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งสัมผัสพวกมันได้’ Rita กล่าว ‘เวลาที่คุณได้มองเข้าไปในดวงตาของมัน ราวกับว่าชีวิตของคุณนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล เหมือนกับได้เข้าไปในโลกอีกโลก ไร้ความยุ่งเหยิง รู้สึกถึงความเก่าแก่และน่ารักไปในเวลาเดียวกันแบบบอกไม่ถูก’ เธอกล่าวต่อ ‘คุณสามารถเข้าใกล้พวกมันได้ แต่ไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น หมายถึง วาฬน่ะรู้ว่าพวกมันจะไม่ทำร้ายคุณ แต่ลูกวาฬนี่สิ เพราะความขี้เล่นของมัน แต่พวกมันจะไม่รู้หรอกนะว่าพวกมันน่ะแรงเยอะ ทำให้คุณต้องดูลักษณะของวาฬดีๆ เพราะบางทีมันก็อาจว่ายพุ่งตรงเข้ามาชนคุณจนของร่วงลงทะเลเลยทีเดียว แน่นอนว่ามันไม่ได้มีเจตนาทำร้ายหรอกนะ’ เธอกล่าวปิด’ วาฬทุกๆ ตัวมีเอกลักษณ์ของมัน และมีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป…
-
นักท่องเที่ยวพายเรือเล่น จ๊ะเอ๋เจ้า ‘วาฬหลังค่อม’ โชว์กระโดดน้ำ ใหญ่จนนึกว่าเป็นไคจู!!
กลายเป็นคลิปสุดโด่งดังบนอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว สำหรับวาฬหลังค่อมตัวหนึ่งที่มาโชว์กระโดดน้ำใกล้กับเรือคายัคของนักท่องเที่ยว จนดูเผินๆ นึกว่าไคจูโผล่ออกมาจากมหาสมุทรกันเลยทีเดียว โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวที่กำลังพายเรือคายัคออกไปนอกชายฝั่งของประเทศแคนาดา สามารถจับภาพวาฬหลังค่อมตัวหนึ่งที่มาโชว์กระโดดใกล้ๆ ซึ่งได้สร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก วาฬหลังค่อมเป็นที่รู้จักกันในฐานะสัตว์ที่ชอบกระโดดน้ำเป็นอย่างมาก ซึ่งสาเหตุของการกระโดดนั้นมีหลายอย่างตั้งแต่สลัดตัวเพรียงบนร่างกายและการกระโดดเพื่ออวดตัวเมีย เมื่อมีตัวผู้ตัวหนึ่งกระโดดก่อน ตัวอื่น ๆ ก็จะกระโดดตามเหมือนแข่งขันกัน (โชว์สาวว่างั้นเถอะ) ไปลองชมกันดีกว่า รับรองว่ากรี๊ดแน่นอน เข้ามาส่วนของสาระความรู้กันบ้าง ข้อมูลจากวิกิพีเดียระบุว่า วาฬหลังค่อมจัดเป็นวาฬขนาดใหญ่เป็นอันดับ 8 ของวาฬทั้งหมด น้ำหนักตัวอาจถึง 45 ตัน มีความยาว 25 เมตร สามารถพบได้ในมหาสมุทรแปซิฟิกตอนเหนือเป็นวาฬที่หากินด้วยการกรองกินด้วยบาลีน ซึ่งมีแผ่นกรองกว่า 800 แผ่นที่ขากรรไกรด้านบน เพื่อกรองอาหารประเภทปลาและสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ เช่น เคย แพลงก์ตอน การกระโดด ซึ่งวาฬหลังค่อมชอบทำเป็นอย่างมาก . ธรรมชาติเรานี่มีอะไรเจ๋งๆ มาให้ชมตลอดเลยนะเนี่ย แต่ดูจากขนาดตัวแล้ว โชคดีที่เจ้าวาฬไม่กระโดดทับเรือนักท่องเที่ยว ไม่งั้นเรื่องใหญ่แน่นอน… ที่มา Inside Edition
-
เชิญพบ J2 วาฬเพชรฆาตแก่ที่สุดในโลก 105 ปี แต่ก็ต้องดิ้นรน มีชีวิตต่อไป…
เมื่อคุณได้เห็นภาพของเจ้าวาฬตัวนี้แล้ว คุณอาจจะเห็นว่ามันดูมีชีวิตชีวิาใช่ไหมล่ะ แต่หากเราบอกคุณว่าเจ้าวาฬตัวนี้ใช้ชีวิตบนโลกนี้มานานแค่ไหนแล้ว คุณอาจจะต้องร้องว้าวก็ได้นะ นี่คือเรื่องราวสุดอัศจรรย์ของเจ้าวาฬเพรชฆาตที่ชื่อว่า J2 มันใช้ชีวิตอยู่ในท้องทะเลมานานมากๆ จากการศึกษาของทีมนักวิจัย คาดกัน่ามันน่าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มานานกว่า 105 ปีแล้ว เจ้า J2 (หรือคุณยาย J2) ถูกพบโดยช่างภาพในเครือข่าวของทีมวิจัยวาฬที่ชื่อว่า Heather MacIntyre เธอพบมันขึ้นมาแหวกว่ายอยู่บนผิวน้ำ และกระโดดไปมาอย่างสนุกสนาน แถวๆ ชายฝั่งซานฮวน รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา แต่ถึงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีแค่ไหนก็ตามที่เราได้พบพวกมันขึ้นมาพบปะผู้คนแบบนี้ แต่ในปัจจุบันพวกมันกำลังลดจำนวนลงเรื่อยๆ และอาจจะสูญพันธุ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้แล้ว ชีวิตอันสวยงาม แต่น่าเศร้าใจ… ตั้งแต่เมื่อช่วงปี 1970 เป็นต้นมา วาเพชรฆาตถูกล่าโดยชาวประมงและถูกทางสวนสัตว์น้ำหลายๆ แห่งจับตัวไปฝึกเพื่อแสดงโชว์ให้ผู้คนได้ดูกัน เราจึงเหลือวาฬเพชรฆาตสวยๆ ในท้องทะเลน้อยลงทุกวันๆ และปัญหาใหญ่ที่สุดของวาฬเพชรฆาตเลยก็คือ พวกมันขาดแคลนอาหาร โดยปกติแล้ววาฬเพชรฆาตจะกินแซลมอนสายพันธุ์ชีนุคเป็นหลัก แต่เนื่องจากมนุษย์ก็บริโภคปลาแซลมอนเช่นกัน ทำให้ตอนนี้จำนวนแซลมอนลดลงกว่า 95% ส่งผลให้วาฬเพชรฆาตหาอาหารยากขึ้นด้วย นาง MacIntyre ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “ช่วงเวลาแบบนี้ช่างเป็นความสวยงามที่เจ็บปวด เพราะพวกมันกำลังขาดแคลนอาหารและอาจตายได้ ผู้คนไม่ได้ตระหนักเลยว่าถ้าพวกเราไม่ทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องอาหารของพวกมัน เราจะไม่ได้เห็นวาฬแบบนี้อีกใน 20 ปี ข้างหน้า”…
-
เทศกาลล่าวาฬที่หมู่เกาะแฟโร น่าคิดว่า เราควรจะต่อต้านหรือปล่อยให้เป็นประเพณีต่อไป..!?
[คำเตือน เนื้อหาต่อไปนี้อาจมีภาพการใช้ความรุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม] ในโลกใบนี้มีผู้คนและวัฒนธรรมที่แตกต่างกันมากมาย บางวัฒนธรรมอาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเราแต่อาจจะแปลกสำหรับเขา หรือวัฒนธรรมที่เขามองว่าเป็นเรื่องปกติ อาจจะกลายเป็นเรื่องที่เรารู้สึกผิดปกติก็เป็นได้ วันนี้เราจะพาคุณเดินทางไปยังหมู่เกาะแฟโร ประเทศเดนมาร์ก ที่นั่นมีเทศกาลที่แปลกและออกจะน่ากลัวซักหน่อย นั่นก็คือเทศกาลล่าวาฬนั่นเอง ในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมของทุกๆ ปี ที่นี่จะมีการจัดเทศกาลล่าวาฬนำร่อง (เป็นชื่อสายพันธุ์ของวาฬชนิดนี้) ต่อเนื่องกันมานานกว่า 100 ปีแล้ว โดยในแต่ละปีจะมีวาฬว่ายเข้ามาในเขตชายฝั่งประมาณ 800 ตัว ชาวประมงและชาวบ้านก็จะเข้ามารุมล้อมและจับเอาวาฬเหล่านั้นไปทำเป็นอาหาร แม้ว่าการล่าวาฬจะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในฝั่งยุโรปก็ตาม แต่ชาวเดนมาร์กก็ยังต่อสู้เพื่อไม่ให้ประเพณีที่สืบต่อกันมานานต้องหายไป ในคลิปวิดีโอที่คุณเห็นอยู่นี้ ยังมีภาพของวาฬนำร่องที่พยายามจะช่วยพวกพ้องที่ใกล้ตาย แม้ตัวเองจะพลอยถูกล่าไปด้วยก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะทิ้งฝูงไปไหน แต่สิ่งที่น่าสะเทือนใจไปกว่าการล่าพวกมันคือการที่มีเด็กเล็กๆ คอยเฝ้ามองกิจกรรมของผู้ใหญ่อย่างน่าสลดอยู่ไม่ไกลจากบริเวณนั้น ภาพการดำเนินกิจกรรมสุดสลดนี้ยังคงดำเนินเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน . ลองไปชมกิจกรรมนี้กันแบบชัดๆ เลย บางทีมันก็ทำให้เราคิดเหมือนกันนะว่า ประเพณีที่สืบต่อกันมาช้านาน เราควรจะปรับเปลี่ยนมันบ้างไหม? หรือเราควรจะอนุรักษ์ไว้แบบนี้ต่อไป? ที่มา Daily Mail , Jillybean , #BoycottDenmark
-
สาวเซิร์ฟบอร์ดเกือบหงาย เจอ “วาฬหลังค่อม” กระโดดเซอร์ไพร้ส์ จนได้ภาพสวยๆ กลับมา!!!
เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่ามีอะไรอยู่ใต้ผืนน้ำจนกว่าเราจะดำน้ำลงไปดู ดังนั้นการเล่นน้ำทะเลแต่ละครั้งบางทีเราก็ลืมคิดไปว่าอาจจะเจอแจ็คพอตเข้าได้ เหมือนอย่างที่โต้คลื่นสาว Viviana Guzman ได้เจอ (จริงๆ เธอเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลงและนักเต้น) เมื่อเธอได้นั่งแพดเดิลบอร์ดล่องไปในทะเลแปซิฟิกพร้อมกับเป่าขลุ่ยไปด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น นี่คือภาพก่อนเหตุการณ์จะเกิด เป็นทะเลที่ดูสงบมากๆ และแล้วพระเอกของเราก็มา ซุ่มมมมม นี่คือวาฬหลังค่อม (ในคลิปคือตัวที่ยังเด็กอยู่) ได้ใช้วิชากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำเพื่อที่จะหายใจ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เห็นว่ามีคนว่ายน้ำมาแถวนั้น ก็เลยทำให้เกือบชนเธอเข้าเต็มๆ เพื่อนของเธอก็ถ่ายภาพนั้นไว้ได้พอดี จะเห็นได้ว่ามันเฉียดฉิวแค่ไหน . . เราไปชมคลิปนี้กันเลย และไม่นาน ก็ได้มีคนเจอเหมือนกัน คราวนี้เป็นคุณลุงพายเรือคายักเพื่อไปตาปลาชิวๆ แต่แล้วธรรมชาติก็สร้างภาพที่งดงามให้เขาในวันนั้นด้วย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ อ่าว Half Moon Bay, California คุณลุงได้เอากล้องติดไว้แล้วบังเอิญจับภาพวาฬพุ่งขึ้นมาเหนือน้ำได้ จะเห็นได้ว่าคุณลุงรู้สึกตื่นเต้นมากๆ ซึ่งใครที่เจอแบบนี้ก็คงต้องตื่นเต้นกันทุกคนแน่นอน ไปชมคลิปคุณลุงกันเลย มันอะเมซิ่งมากจริงๆ นอกจากนี้เมื่อไม่กี่วัน John Goodridg ยังได้บันทึกภาพของวาฬหลังค่อมที่กระโดดต่อหน้าเรือดูวาฬของนักท่องเที่ยว นอกชายฝั่งประเทศออสเตรเลีย จนกลายเป็นภาพที่ผู้คนแชร์กันทั่วโลกออนไลน์มาแล้ว… ที่มา distractify , lifebuzz
-
รู้จักกับ “52Hz” วาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก เพราะเสียงของมันไม่เคยส่งไปถึงเพื่อนๆ เลย…
และนี่คือเรื่องราวของวาฬที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ไม่ใช่ว่ามันถูกจับมาเลี้ยงอยู่ในสวนสัตว์ หรืออควาเรียมอย่างโดดเดี่ยวนะ แต่มันอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ไพศาล โดยไม่มีเพื่อนร่วมฝูง หรือคู่รักเลยแม้แต่ตัวเดียว… ในปี 1989 ทีมนักวิทยาศาสตร์ของ สถาบันสมุทรศาสตร์วูดสโฮล (Woods Hole Oceanographic Institution หรือ WHOI) ได้ทำการค้นพบคลื่นเสียงแปลกประหลาด ที่มีความถี่สูงถึง 52 hz หลังจากนั้นมันก็หายไป ด้วยความสงสัยว่ามันคือเสียงของอะไรกันแน่ พวกเขาก็เลยเฝ้าติดตามหามันต่อไป จนได้ตรวจจับได้อีกครั้งเมื่อปี 1990 และ 1991 พอมาถึงในปี 1992 หลังจากสงครามเย็นจบลง เรือดำน้ำของสหรัฐก็ได้ตรวจพบคลื่นเสียงนี้เช่นเดียวกัน และที่มาของเสียงนี้ปรากฎว่าเป็นเสียงของวาฬบาลีนชนิดหนึ่ง (วาฬที่มีลักษณะฟันแบบกรอง) ทีมนักวิทยาศาสตร์จาก WHOI และหน่วยเรือดำน้ำของสหรัฐฯ ก็ได้ร่วมมือกันศึกษาเกี่ยวกับเจ้าวาฬตัวนี้ จากการติดตามศึกษามาก็พบว่าเจ้าวาฬตัวนี้ไม่มีแม้แต่เพื่อนร่วมฝูง ไม่มีคู่รัก มันไม่มีใครเลย ใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ นั่นเป็นเพราะว่า วาฬทั้งหลายน้นจะใช้การสื่อสารกันผ่านทางคลื่นเสียง และระดับคลื่นเสียงที่วาฬบาลีนปกติธรรมดานั้นใช้สื่อสารกันจะมีความถี่อยู่ที่ประมาณ 12-25hz และด้วยความถี่เสียงของเจ้าวาฬตัวนี้ที่มีความสูงถึง 52hz ซึ่งมันอยู่ในระดับที่วาฬตัวอื่นๆ ไม่สามารถรับรู้ได้ จึงทำให้มันไม่สามารถติดต่อสื่อสารกับวาฬตัวอื่นได้เลย หรือก็คือไม่มีวาฬตัวไหนรับรู้ได้ถึงการมีอยู่ของมัน นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามันคือวาฬชนิดไหนกันแน่ แต่เป็นได้ว่าอาจจะเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง…
-
เด็กหนุ่มเจอ “ลูกวาฬเพิ่งคลอด” โดยบังเอิญ พยายามตักน้ำราดเพื่อช่วยชีวิตมัน!!
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับครอบครัวหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังไปเที่ยวที่ชายหาดที่ St. Lawrence River ประเทศแคนาดา แล้วจู่ๆ สายตาก็ได้ไปเห็นลูกวาฬเบลูก้าที่ชายหาด เมื่อเข้าไปดูใกลๆ้ เห็นว่ามีสายสะดือติดอยู่ แสดงว่ามันเพิ่งคลอดได้ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา แต่มองดูรอบๆ แล้วไม่พบวี่แววของแม่วาฬเลย ครอบครัวจึงเริ่มที่จะช่วยยื้อชีวิตขางวาฬน้อยก่อนที่มันจะขาดน้ำตายด้วยการไปตักน้ำมาราด และรอหน่วยกู้ภัย Nicholas Milliard วัย 15 ปี ผู้พบเห็นวาฬคนแรกเล่าว่าเขาได้ทำการขุดหลุมลงไปแล้วก็เทน้ำทุกๆ 5 นาทีเพื่อให้มันมีน้ำหล่อเลี้ยง และต้องคอยเติมน้ำตลอด เพราะน้ำจะซึมลงดิน เมื่อถึงช่วงบ่าย นักวิจัยจาก GREMM ก็มาถึงแล้วทำการช่วยชีวิตมัน พวกเขาพาวาฬน้อยลงสู่ทะเลได้สำเร็จแล้วให้มันไปเจอกับกลุ่มวาฬ (ที่ตอนนี้ก็ยังไม่ทราบว่ามีแม่ของมันอยู่รึเปล่า) แต่ก็ได้ติดเครื่องติดตามไว้ดูการเคลื่อนไหวของมันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะผ่านเรื่องราวที่ยากลำบากมา แต่มันก็ได้รับโอกาสที่มีชีวิตอยู่ต่อในธรรมชาติของมัน ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นในโลกของเรา ที่มา boredpanda
-
“บับเบิลส์” วาฬเพชรฆาตแก่สุดในสวนน้ำ SeaWorld เสียชีวิตแล้ว หลังทำการแสดงกว่า 50 ปี
คงจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าพอสมควร หากคุณจะต้องถูกจองจำให้อยู่แต่ในสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง เพื่อให้คนอื่นๆ เดินเข้ามาชมความเป็นอยู่ของคุณในทุกๆ วัน และยังต้องแสดงท่าทางสนุกสนาน ทั้งที่ข้างในอาจจะสนุกหรือเปล่าก็ไม่มีใครรู้ได้ เช่นเดียวกับเจ้าบับเบิลส์ วาฬเพชรฆาตในสวนสัตว์ SeaWorld ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์แห่งนี้มาตั้งแต่ยุค 60 ถือเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในสวนสัตว์แห่งนี้เลย ตามรายงานบอกว่าเจ้าบับเบิลส์ถูกจับแยกออกมาจากครอบครัวของมันตั้งแต่เมื่อปี 1966 ที่ชายฝั่งแคลิฟอร์เนีย จากนั้นมันก็ถูกส่งตัวไปยังศูนย์ฝึกสัตว์น้ำ Marineland of the Pacific และออกแสดงโชว์ต่างๆ ที่นั่นเป็นเวลา 20 ปี ด้วยความฉลาดในการแสดงทำให้มันเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ จนเหมือนกับว่ามันเกิดมาเพื่อเป็นซุปเปอร์สตาร์เลยทีเดียว ต่อมาในปี 1987 ทางสวนสัตว์ SeaWorld ก็ได้เข้าซื้อกิจการของ Marineland และนำเจ้าบับเบิลส์ออกแสดงต่ออีกเป็นเวลา 30 ปี แต่ชีวิตการแสดงแบบไม่รู้จบของมันก็มีอันต้องสิ้นสุดลง เพราะเมื่อวันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน 2016 ที่ผ่านมา ทางสวนสัตว์น้ำ SeaWorld ได้ออกมาแถลงข่าวว่าตอนนี้เจ้าบับเบิลส์ได้เสียชีวิตลงแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมีวาฬหลายๆ ตัวได้เสียชีวิตลงที่สวนสัตว์น้ำแห่งนี้เช่นกัน เช่นเจ้าอันนา วาฬเพชฆาตวัย 18 ปี ที่เสียชีวิตในแท๊งค์น้ำเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หรือเจ้าเบสตี้…
-
สุดยอด คนกว่า 200 ชีวิตช่วยกันตักน้ำมาช่วยเจ้าวาฬที่มาเกยตื้น จนสามารถช่วยชีวิตมันไว้ได้!!!
นี่แหละที่เรียกว่าการร่วมมือร่วมใจช่วยเหลือกันในเรื่องที่ดีๆ ล่ะ สำหรับเหตุการณ์สุดประทับใจนี้ก็เกิดขึ้นในชายหาด Waimairi ใน Christchurch ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีผู้คนกว่า 200 ชีวิตด้วยกัน ช่วยวิดน้ำมาหล่อเลี้ยงเจ้าวาฬเพชรฆาตที่ดันถูกคลื่นซัด ถึงขนาดที่ช่วยกันเอาถังน้ำช่วยกันวิ่งไปตักน้ำทะเลมาราดกันเลยทีเดียว!!! พลังนิวซีแลนด์มุงจริงๆ มีการนำผ้าขนหนูมาห่อตัวมันเพื่อที่แสงแดดจะได้ไม่เผาไหม้ผิวของมันมากไปกว่านี้ เจ้าวาฬตัวนี้เป็นหนึ่งในวาฬสองตัวที่ถูกซัดขึ้นมาเกยตื้น ซึ่งอีกหนึ่งตัวนั้นเคราะห์ร้าย พอมีคนมาพบมันก็เสียชีวิตไปซะก่อนแล้ว ส่วนตัวนี้ก็มีสภาพร่อแร่เต็มที หลังจากนั้นไม่นานหน่วยงานช่วยเหลือวาฬ Project Jonah ก็ส่งความช่วยเหลือไปในทันที เพื่อนำมันกลับลงสู่ทะเล สำหรับเหตุการณ์นี้ก็เรียกได้ว่าเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่มีวาฬมาเกยตื้นในแถบนี้ นับตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา… โชคดีที่มีคนคอยช่วยเหลือ และเมื่อหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญมาถึง พวกเขาก็สามารถส่งมันกลับทะเลได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นยามชายฝั่งก็ได้สังเกตสถานการณ์อยู่นานเพื่อที่จะได้มั่นใจว่ามันจะไม่กลับมาเกยตื้นอีก… เป็นเคราะห์ดีของเจ้าวาฬตัวนี้เลยนะเนี่ย แต่ก็ขอแสดงความเสียใจกับเพื่อนของแกด้วยนะจ๊ะที่เสียชีวิตไปซะก่อน นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากๆ ที่มา: Metro
-
พบฉลามวาฬสายพันธุ์หายากแถวชายฝั่งของจีน ผ่านไปไม่ทันไรกลับโดนฆ่าทิ้งซะงั้น!?
เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา เฟซบุ๊กเพจ People’s Daily, China ได้รายงานว่ามีการค้นพบฉลามวาฬยักษ์สายพันธุ์หายากตัวหนึ่งที่บ่อน้ำมันบริเวณนอกชายฝั่งของเมืองเป๋ยไห่ ประเทศจีน แต่มันกลับถูกคนแถวนั้นฆ่าตายอย่างไร้สาเหตุ ตามรายงานบอกว่ามีคนพบเจ้าฉลามวาฬตัวนี้มาว่ายน้ำวนเวียนอยู่แถวๆ แท่นขุดเจาะน้ำมันทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเหอเป่ย เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง มันก็ถูกฆ่าและนำมาแขวนไว้ที่ท่าเรือแล้วเรียบร้อย โดยทั่วไปแล้วฉลามวาฬมักจะว่ายน้ำไปทั่วท้องทะเลเพียงตัวเดียว ถือเป็นสัตว์น้ำชนิดหนึ่งที่มีความใหญ่ที่สุดในท้องทะเล นอกจากนี้มันยังเป็นสัตว์สายพันธุ์หายากที่ได้รับการคุ้มครองในหลายๆ ประเทศ การล่าพวกมันถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมากทีเดียว หลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป ชาวเน็ตจำนวนมากก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นในเชิงต่อว่าอย่างมากมาย เช่นคุณ Ralph McDonald บอกว่า “ผมไม่เคยได้ยินการล่าฉลามวาฬมาก่อนเลย ประเทศจีนมีความอุดมสมบูรณ์ของอาหารอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปล่ามันเลย” Justin Estremos “โอ้พระเจ้า ชาวจีนอันตรายจริงๆ พวกเขากินทุกอย่างเลย น่ารังเกียจจริง” Biku Shah “ชาวจีนยังไม่เลิกกินหมาเลย ฉลามคงเป็นอาหารจานเด็ดสำหรับพวกเขาล่ะ ป่านนี้เต้นร่าไปแล้ว” Hendrik Fouche “คนจีนเขาฆ่าทุกอย่างที่กินได้แหละ” ไม่น่าว่ายน้ำมาเจอคนเลยนะเจ้าฉลามวาฬ ที่มา PeoplesDaily
-
อะไรจะโชคดีขนาดนี้? คู่รักอังกฤษเจอ “อ้วกวาฬ” มูลค่า 2.5 ล้านบาท ระหว่างเดินเล่นที่ชายหาด
เรื่องโชคเรื่องดวงนี่ไม่เข้าใครออกใครจริงๆ นะ อย่างล่าสุดมีคู่สามีภรรยาออกไปเดินเล่นแถวชายหาด แต่ดันไปเจอเข้ากับของบางอย่างที่มูลค่ามากถึง 2.5 ล้านบาทเลยทีเดียว!? เมื่อวันที่ 13 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Mirror ได้รายงานว่านาย Gary และนาง Angela Williams ได้ออกไปเดินเล่นที่ชายหาดมิดเดิลตันแซนด์ส ประเทศอังกฤษ แต่จู่ๆ ก็พบเข้ากับ “อ้วกวาฬ” ก้อนหนึ่ง ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นน้ำหอมได้แถมยังมีราคาสูง ทั้งนาย Gary และนาง Angela จึงไม่รอช้า รีบใช้ผ้าพันคอห่อมันกลับไปที่บ้านทันที โดยพวกเขาเล่าว่า “เราเจอมันแถวๆ ด้านล่างของชายหาด ที่คนน้อยคนจะลงไปเดินกัน มันมีกลิ่นเหม็นที่โดดเด่นสุดๆ เลย คล้ายๆ กับปลาหมึกผสมปุ๋ยคอกเลย” หลังจากที่นำเจ้าก้อนอ้วกวาฬกลับมาที่บ้านในเมืองโอเวอร์ตัน มณฑลแลงคาเชอร์เรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็นำมันไปชั่งจึงทราบว่ามันมีน้ำหนักถึง 1.57 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2.5 ล้านบาท!! ตอนนี้นาย Gary จึงเก็บรักษามันอย่างดีและเตรียมที่จะนำไปขายต่อไป อนึ่ง “อ้วกวาฬ” เกิดจากการขับถ่ายของวาฬสเปิร์ม มีลักษณะเป็นก้อนแข็งๆ มีกลิ่นเหม็น…
-
‘Lolita’ วาฬเพชรฆาตผู้โดดเดี่ยวมาอย่างยาวนานกว่า 45 ปี ใช้ชีวิตอยู่แต่ในอควาเรียมแคบๆ!!
สวนสัตว์และอควาเรียมคือสถานที่ที่เต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมายหลายชนิดทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ แต่ลองมานึกย้อนกันดูอีกทีว่าสิ่งเหล่านี้คือสถานที่กักกันสัตว์ที่พรากความเป็นอิสระของพวกมันไปอย่างที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติ อย่างเช่นในเรื่องราวของปลาวาฬเพชรฆาต Lolita ที่อาศัยอยู่ในแท๊งค์น้ำเล็กๆ ของ Miami Seaquarium ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีหน้าที่ให้ความสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมตลอด 45 ปี ความเป็นมาของเจ้าวาฬเพชรฆาต Lolita นั้นถูกจับมาจากมหาสมุทรตั้งแต่ปี.ศ. 1970 ตอนที่มันยังมีอายุเพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น และถูกนำมาฝึกการแสดงตั้งแต่มีขนาดตัวยาวเพียงแค่ 1.2 เมตร กาลเวลาผ่านไปจวบจนถึงปัจจุบัน เจ้า Lolita ก็มีขนาดตัวที่ใหญ่ขึ้นแต่ก็ยังใช้ชีวิตอยู่ภายในแท๊งค์น้ำแคบๆ แบบนี้มาทั้งชีวิต ย้อนกลับในช่วงค.ศ. 1980 มีคู่หูวาฬเพศผู้ที่ชื่อว่า Hugo อาศัยอยู่ด้วย จึงทำให้ไม่เหงามาก แต่สุดท้ายเจ้า Hugo ก็ได้จากไปเสียก่อน จึงทำให้ปัจจุบันเจ้า Lolita ต้องใช้ชีวิตอย่างเดียวดายตลอดมาและอีกไม่นานชะตากรรมของมันก็คงเดินรอยตามการสูญเสียเช่นกัน หากปล่อยไว้เป็นแบบนี้ก็คงไม่ดีแน่ ทางด้านเจ้าหน้าที่จาก National Oceanic และ Atmospheric Administration (NOAA) ได้ออกมาขอร้องให้ทางอควาเรียมปล่อยตัว Lolita…
-
17 สิ่งมีชีวิตข้ามสายพันธุ์ (สัตว์พันธุ์ผสม) ที่เคยมีและยังคงอยู่บนโลก ไม่น่าจะมีแต่ก็มี!!
เพื่อนๆ อาจจะรู้จักสัตว์ที่ผสมข้ามสายพันธุ์กันมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ ล่อ (ฬ่อ) ส่วนผสมระหว่างลากับม้า หรือ ไลเกอร์ ส่วนผสมระหว่างสิงโตกับเสือที่เหมียวเคยนำเสนอไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีสัตว์ผสมข้ามสายพันธุ์อีกหลายชนิดที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่จริงบนโลกซะด้วย จะมีตัวอะไรบ้าง ตามมาลุ้นกันโลด!! Leopon (เสือดาวตัวผู้ + สิงโตตัวเมีย ร่างกายเป็นสิงโตแต่มีลายเป็นเสือดาว) Zebroid (ส่วนผสมระหว่างม้าลายข้ามสายพันธุ์กันเอง มีนิสัยเกรี้ยวกราด เลี้ยงให้เชื่องได้ยาก) Coywolf (หมาป่าไคโยตี + หมาป่าสีเทา มีลักษณะเด่นจากทั้งสองฝั่ง) Grolar Bear (หมีขั้วโลกสีขาว + หมีกริซลี่สีน้ำตาล ลักษณะของหมีขั้วโลกจะเด่นกว่า) Savannah Cats แมวซาวันน่าห์ (เสือรวมร่างกับแมว ตัวใหญ่กว่าแมวบ้าน นิสัยใกล้เคียงกับสุนัข) Wholphin (วาฬผสมกับโลมา โอกาสที่จะพบเห็นได้นั้นมีน้อยมาก) Tigon (เสือตัวผู้ + สิงโตตัวเมีย ตัวจะไม่ใหญ่ยักษ์เท่าไลเกอร์ มีลายเหมือนกับฝั่งพ่อพร้อมขนที่คอเหมือนฝ่ายแม่) …
-
รับชมคลิปวิดีโอหาชมยากของ ‘วาฬ Omura’ วาฬที่หายากที่สุดในโลก และอาจกำลังใกล้สูญพันธุ์เต็มที
คลิปวีดีโอที่เพื่อนๆ จะได้เห็นกันนี้ เรียกได้ว่าเป็นคลิปวีดีโอของวาฬชนิดหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในบรรดาสัตว์ลึกลับและหายากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และวาฬชนิดนี้ก็คือ ‘วาฬ Omura’ นั่งเอง โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ทีมนักชีววิทยานานาชาติ ได้เผยคลิปวีดีโอของ ‘วาฬ Omura’ ตัวหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาพบมันที่นอกชายฝั่งมาดากัสการ์ ซึ่งจากในคลิปวีดีโอเราจะเห็นได้ว่าเจ้าวาฬ Omura ตัวนี้กำลังแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล เรียกได้ว่ามันทั้งสวยงาม และน่าทึ่งสุดๆ ไปเลยนะเหมียว วาฬ Omura เป็นวาฬหายากที่มีลักษณะคล้ายๆ วาฬบรูด้า จึงทำให้ผู้คนที่พบเจอมักจะคิดว่ามันเป็นวาฬบรูด้ามาตลอด แถมยังเป็นหนึ่งในสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์อีกด้วย และแม้จะมีการคาดว่ามันเป็นสัตว์ที่น่าจะสูญพันธุ์แล้ว แต่ก็ยังมีการพบวาฬสายพันธุ์นี้ตายเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อนักชีววิทยานานาชาติได้เห็นวาฬ Omura นอนตายเกยตื้นอยู่บนชายฝั่ง พวกเขาจึงถือโอกาสศึกษาลักษณะของมันอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยพบหลักฐานยืนยันการพบเห็นวาฬสายพันธุ์นี้อยู่ในธรรมชาติเลย ที่มา : abc
-
วินาทีตื่นตา เมื่อวาฬหลังค่อมขนาดยักษ์โผขึ้นจากน้ำ เล่นเอานักท่องเที่ยวเฮเลยทีเดียว!!!
วาฬถือว่าเป็นสัตว์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์ชนิดหนึ่ง น้อยคนมากที่จะได้เห็นวาฬตัวเป็นๆในท้องทะเล และที่ยากยิ่งกว่าก็คือการได้เห็นวาฬโผขึ้นมาจากน้ำ แต่ถือว่าเป็นเรื่องโชคดีของนักท่องเที่ยวชื่อว่า Sandy Seliga ที่สามารถเก็บภาพวาฬหลังค่อมกำลังโผขึ้นมาจากน้ำได้อย่างพอดิบพอดีในบริเวณอ่าว Fundy ประเทศแคนนาดา เรียกว่าเล่นเอาอึ้งกันเลย วาฬหลังค่อมถือว่าเป็นวาฬที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 8 หากเทียบกับวาฬทั้งหมด โดยความยาวประมาณ 25 เมตร และอาจหนักได้ถึง 45 ตันเลยทีเดียว ไปชมคลิปกันเลยดีกว่า ถือว่าโชคดีมากๆเลยนะเนี่ย ที่ได้เห็นวาฬตัวเป็นๆทำแบบนี้ ใครว่างๆก็ลองไปเที่ยวแถวนั้นดูได้ แล้วอย่าลืมเอามาเล่าให้เหมียวฟังบ้างละ อิอิ ที่มา CCNB YouTube
-
เห็นภาพนี้แล้วอาจจะนึกว่าซากปลาธรรมดาๆ แต่ที่จริงคือ ‘ปลาวาฬ’ ที่โดนหมีแทะกินซากอยู่!!!
นี่ไม่ใช่ภาพของปลาธรรมดาๆ ที่ตายแล้วมานอนแผ่แน่นิ่งอยู่บนบก ตรงพื้นหญ้าธรรมดาๆ นะจ๊ะ ลองใช้สายตาโฟกัสแล้วมองดูกันดีๆ มองออกรึยังจ๊ะ?? มันคือปลาวาฬ ตัวใหญ่ยักษ์บิ๊กเบิ้มซึ่งเสียชีวิตในท้องทะเล และคลื่นได้ซัดมันเข้ามาติดชายฝั่งของประเทศอลาสก้า อื้ออหือออ เหมียวนี่เกือบมองไม่ออก ภาพศพปลาวาฬเกยตื้น ต่อมาด้วยคำถามที่สอง งั้นตัวอะไรสีน้ำตาลๆ ที่อยู่รอบๆ ศพปลาวาฬล่ะ!!? คำตอบคือ มันคือหมี…หมีขนาดใหญ่บิ๊กเบิ้มเช่นกัน กับลูกๆ และครอบครัวของมัน ดูขนาดสิว่าวาฬตัวใหญ่ขนาดไหน หมีตัวโตเต็มวัยยังตัวนิดเดียว แน่นอนว่าเหล่าหมีน่ะมากัดแทะกินซากศพปลาวาฬ มองในแง่ดีก็คือเหล่าแม่หมีและลูกหมี จะมีไขมันอย่างเพียงพอ สำหรับช่วงจำศีลในหน้าหนาวของพวกมันแล้วล่ะ เหตุการณ์นี้แน่นอนเป็นเรื่องปกติ แต่ช่วงนี้มีแนวโน้มเกิดขึ้นบ่อยมากๆ ในแถบนี้ โดยนักวิทยาศาสตร์ทางทะเลก็กำลังสืบค้นหาต้นเหตุของเหตุการณ์เหล่านี้ และในคราวนี้ศพถูกกินโดยเหล่าหมี ทำให้นักวิทย์ฯ อดเก็บตัวอย่างกับเคสนี้ไปเรียบร้อย… แต่หลายๆ ท่านก็ได้คาดการณ์และสันนิษฐานว่าเป็นเพราะสารพิษที่ตกค้างในทะเลแถบนี้ ที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรม และแน่นอนส่งผลต่อสัตว์ขนาดใหญ่เหล่านี้เป็นอย่างมาก… ก็ต้องรอดูกันต่อไปอ่ะเนาะ แต่น่าเป็นห่วงมากๆ เลยทีเดียว ที่มา: Metro
-
พาไปดูการเก็บรักษา ‘หัวใจ’ ของวาฬสีน้ำเงิน สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!!
เพื่อนๆ หลายคนคงทราบกันแล้วล่ะว่า ปราวาฬสีน้ำเงินเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และแน่นอนถ้ามันไม่ใหญ่จริงมันคงไม่ได้รับขนานนามแบบนี้มา คิดว่าตัวของมันนั้นมีขนาดที่ใหญ่แล้ว เพื่อนๆ เคยเห็นหัวใจของมันรึเปล่า!!? แน่นอนล่ะว่ามันก็ต้องเป็นหัวใจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกเลยล่ะ หัวใจของวาฬสีน้ำเงิน และนี่คือภาพของหัวใจวาฬสีน้ำเงินที่ถูกเก็บรักษาไว้ พูดง่ายๆ ก็คือมีขนาดเท่ากับรถเล็กๆ คันหนึ่งเลยล่ะ กว้างxยาวxสูง ก็จะได้ประมาณ 5x4x4 ฟุต เลยทีเดียว ลองจินตนาการถึงความใหญ่ของมันสิ Jacqueline Miller ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแห่ง Royal Ontario Museum กล่าวว่า ‘หัวใจของพวกมันนั้นมีขนาดใหญ่มาก แต่แม้เราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับพวกมัน และมีอวัยวะของพวกมันแล้วบางส่วน ก็เรียกได้ว่ามันยังมีความลับอยู่อีกมากมายเลยล่ะ’ คลิปวิดีโอ เป็นอะไรที่ดูน่ากลัวเหมือนกันนะเนี่ย แต่มาดูกันไว้เนาะ เหมียวว่ามันก็เป็นความรู้ดีนะเออ >< แต่ใจไม่แข็งพอจริงๆ ที่มา: Metro
-
สุดหดหู่ คลิปพ่อค้าปลาชาวจีน แล่ฉลามวาฬยักษ์สดๆ ขณะยังมีชีวิตอยู่
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ผ่านมา แชแนลยูทูบ QuickNews24 ได้อัพโหลดคลิปวิดีโอสุดช็อคคลิปหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่ที่พ่อค้าปลาชาวจีนรายหนึ่งกำลังแล่เนื้อปลาฉลามวาฬยักษ์ที่เพิ่งจับขึ้นมาจากน้ำได้ ในขณะที่ฉลามวาฬยังคงมีชีวิตอยู่ สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก จากข้อมูลตามเว็บไซต์ Wikipedia มีการระบุว่าฉลามวาฬ ถือเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์แล้วของโลก เนื่องจากถูกจับทำเป็นหูฉลาม และยังไม่เคยมีการพบลูกปลาฉลามวาฬขนาดเล็ก จนกระทั่งเมื่อต้นปี ค.ศ. 2009 จึงมีการค้นพบลูกปลาฉลามวาฬขนาดเล็กความยาว 15 นิ้ว ที่ดอนซอล ในฟิลิปปินส์ คลิ๊กชมคลิปได้ที่ด้านล่าง …. ที่มา QuickNews24 , kapook , wikipedia
-
เพนกวินน้อยสุดพริ้ว ว่ายน้ำหลบวาฬที่ไล่เขมือบ แถมกระโดดหนีขึ้นเรือจนเหล่านักล่าหงายเงิบ!!!
เหมียวเชื่อว่าในจังหวะชี้เป็นชี้ตาย ในช่วงเวลาที่ชีวิตนั้นเข้าใกล้กับความตายที่สุด หลายๆ คนย่อมมีพลังแฝงแปลกๆ โพยพุ่งออกมา เป็นสัญชาตญาณแห่งการเอาชีวิตรอด แต่ที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือความคิดสร้างสรรค์ ในการแก้ปัญหา เพื่อหาหนทางรอด!!! ซึ่งเจ้าเพนกวินน้อยตัวนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งเหล่านี้ เรียกได้ว่ามีครบหมด ทั้งลูกล่อลูกชน ความฟิต พลัง และที่สำคัญความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา ในสถานการณ์ที่มันถูกวาฬเพชฌฆาตถึง 2 ตัว ไล่เขมือบอยู่!!! งานนี้จะรอดไหมหนอเจ้ากวิ้น โดนไล่ล่าจากวาฬเพชฌฆาตถึง 2 ตัวด้วยกัน แต่มันก็พยายามต่อไปไม่มีถอย จนท้ายที่สุดวิธีการแก้ปัญหาสุดสร้างสรรค์ของมัน ทำให้เจ้าวาฬเพชฌฆาตทั้งสอง ต้องเงิบไปตามๆ กันเลยล่ะ ลองชมคลิปวิดีโอสุดตื่นตาตื่นใจกันได้ที่นี่เลยจ้า แหมมมม ฉลาดไปอีกนะเจ้าเพนกวินน้อย เคราะห์ดีนะที่มาอยู่แถวนั้นพอดี อิอิ เหมียวไม่พูดล่ะ เอาเป็นว่าถ้าเพื่อนๆ เข้าไปชมกันแล้วจะเข้าใจเลย ^^ ที่มา: Viralnova
-
ตั้งใจนั่งเรือเล่นเพื่อไปดูวาฬ เจอสักสองสามตัวก็คงดี แต่ชายคนนี้ดันเจอทั้งฝูง!!!
ก็เรียกได้ว่าถูกหวยกันล่ะทีนี้ สำหรับหนุ่มน้อยคนนี้ที่มีนามว่า Brad Rich ซึ่งเขาก็กำลังนั่งชิวอยู่บนเรือ เพื่อมาชมปลาวาฬ มาทั้งทีเขาก็อยากจะเห็นให้เป็นบุญตาสักตัวสองตัวแหละ แต่ทันใดนั้นเรื่องราวที่ไม่คาดคิดก็บังเกิด!!! ตู้มกลายเป็นโกโก้ครั้นช์เลยทีเดียว ไม่ต้องตกใจไปหรอกนะ อิอิ เป็นวิธีการกินอาหารของเหล่าวาฬหลังค่อมนั่นเองจ้า ซึ่งสวยงามมากๆ ทำเอาเจ้าหนุ่มกรี๊ดลั่นแต๋วแตกกันเลยทีเดียวเชียว ลองมาชมคลิปการพบปลาวาฬทั้งฝูงของเค้ากันได้ที่นี่ นับว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของเขาจริงๆ เหมือนเป็นกำไรชีวิต ที่ไม่ใช่ว่าคนที่ได้ไปดูจะได้พบกับเหตุการณ์สุดประทับใจแบบนี้กันทุกคน ดูได้จากรีแอคชั่นของเขาเลย ฟินกันไปสุดๆ อิอิ และจากนั้นเหล่าฝูงปลาวาฬก็ว่ายจากไปยังอาทิตย์อัสดงสุดขอบฟ้า ประทับใจสุดๆ ^^ ใครที่ลงทุนไปดูกันก็อยากจะเจออะไรแบบนี้ล่ะหนอ แต่แน่ล่ะไม่ใช่ทุกๆ คนจะโชคดีแบบนี้ ไว้เหมียวจะนำเรื่องราวน่าทึ่งๆ จากรอบโลกแบบนี้มาฝากกันใหม่นะจ๊ะ ที่มา: Distractify