Tag: วิจารณ์หนัง

  • รีวิว A Quiet Place หนังสยองขวัญแห่ง (ต้น) ปี ที่เล่นกับความเงียบจนไม่กล้ากินป๊อปคอร์น

    รีวิว A Quiet Place หนังสยองขวัญแห่ง (ต้น) ปี ที่เล่นกับความเงียบจนไม่กล้ากินป๊อปคอร์น

    กระแสแรงรับต้นปีเลยทีเดียว กับหนังอย่างหลวงพี่…เอ้ย A Quiet Place หนังระทึกขวัญที่นำเอา “ความเงียบ” มาเล่นกับคนดูได้อย่างบ้าคลั่งจนคุณแทบหยุดหายใจ เผลอๆ การกินป็อปคอร์นในโรงหนังจะทำให้คุณดูหนังได้สนุกน้อยลงด้วยนะ เรื่องย่อ: ครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วยพ่อแม่และลูกๆ 2 คน ต้องอาศัยอยู่ในป่ารกร้าง โดยการใช้ชีวิตในแต่ละวันของพวกเขาต้องพยายามทำตัวให้เงียบที่สุด เงียบชนิดที่ว่าการพูดก็ยังทำได้ยากจนต้องใช้ภาษามือคุยกัน นั่นก็เพราะว่าในโลกของพวกเขามีเอเลี่ยนซ่อนเร้นอยู่ตามสถานที่ต่างๆ หากพวกมันได้ยินแม้แต่เสียงสะดุดล้ม นั่นก็อาจหมายถึงชีวิตที่ต้องดับสูญเลยทีเดียว (ถ้าเล่ามากกว่านี้ก็จะสปอยล์แล้ว)     ถ้าหากคุณเคยประทับใจกับความระทึกสั่นประสาทในหนังแบบ Don’t Breathe ล่ะก็ เรื่องนี้ก็อยู่ในระดับที่ทำให้คุณสนุกได้ไม่น้อยไปกว่ากันเลย อาจจะมีเรื่องของการบิ้วในช่วงท้ายเรื่อง ที่เราว่า Don’t Breathe ทำได้ดีกว่าหน่อยนึง และด้วยความที่หนังเล่นกับความเงียบแทบจะทั้งเรื่อง คุณจะได้อ่านซับน้อยมากๆ (เพราะตัวละครคุยกันน้อย) และยิ่งเป็นเสียงที่ตัวละครคุยกันก็แทบจะนับคำได้เลย คุณจะดูแบบซับไทยหรือพากย์ไทยก็แทบไม่ต่างกัน นอกจากนี้ตั้งแต่ครึ่งแรกของเรื่องจะเงียบมากๆ ถ้าคุณเอาป๊อปคอร์นเข้าไปกิน มันจะได้ยินกันทั้งโรงเลยล่ะ แนะนำว่ากินให้หมดก่อนหนังเริ่มจะดีกว่า     ในส่วนของเนื้อเรื่อง ต้องบอกว่าเป็นการใช้ชีวิตตามปกติทั่วๆ ไป (คล้ายๆ พวกหนังซอมบี้) ที่ตัวละครจะออกไปหาอาหาร พยายามหลบเลี่ยงสิ่งอันตราย แต่สิ่งที่ทำให้เรากดดันตลอดการชมก็คือเราจะคอยลุ้นว่ากิจกรรมต่างๆ ของตัวละครนั้นมันจะส่งเสียงดังมากน้อยแค่ไหน? ตลอดเวลาที่เรานั่งดูนั่งลุ้นกัน ตัวหนังก็จะประเคนมุกตุ้งแช่มาให้คุณตกใจเล่น หรือบางครั้งก็จะมีการหยอดมุกหรือบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ให้เราคาดเดาเล่นๆ ว่าจะเกิดอะไรในซีนต่อๆ ไป แต่น่าเสียดายที่ไม่มีมุกหักมุมอะไรเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่หนังจะเล่าไปแบบตรงๆ…

  • อวยไม่อวย? ชวนเพจวิจารณ์หนังคุย “เราจะแยกออกได้ยังไงระหว่างรีวิวอวยกับรีวิวทั่วๆ ไป?”

    อวยไม่อวย? ชวนเพจวิจารณ์หนังคุย “เราจะแยกออกได้ยังไงระหว่างรีวิวอวยกับรีวิวทั่วๆ ไป?”

    ดูเหมือนว่าเพจรีวิวหนังและวิจารณ์หนังจะเริ่มมีเยอะขึ้นทุกวันๆ ในแง่หนึ่งมันสร้างผลดีกับผู้บริโภคเพราะเราจะสามารถรู้ได้ว่าหนังเรื่องนั้นๆ มีข้อดีข้อเสียยังไงบ้าง ซึ่งอย่าลืมว่าทุกวันนี้ตั๋วหนังก็ไม่ใช่ถูกๆ เลย ฉะนั้นการได้รู้ว่าหนังเรื่องนั้นดีงามยังไงจึงเป็นเรื่องที่เราสามารถนำมาชั่งใจก่อนไปดูได้ แต่ในแง่หนึ่งมันก็อาจก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเพจหนังแต่ละเพจเขียนวิจารณ์หนังได้ไม่ตรงใจกับผู้ชมหรือชาวเน็ตสักเท่าไหร่ จนเกิดเป็นคำถามขึ้นมาว่าเพจเหล่านั้น “เขียนรีวิวเพราะเงิน” หรือเปล่า? ด้วยความสงสัยทั้งหมดนี้ #เหมียวฟิ้นเลยลองชวนเพจรีวิวหนังดังๆ หลายเพจมาคุยกันว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าเพจไหนอวยหรือไม่อวย? และการอวยของเพจหนังเหล่านี้จะมีผลอะไรกับผู้ชมหรือเปล่า? เราลองไปดูความเห็นของพวกเขากันเลย   เพจ JUST ดู IT. การตอบคำถามนี้ได้ดีที่สุดคือการถามคำถามคืนว่า…คนไทยเรายอมรับความคิดเห็นคนอื่นมากน้อยขนาดไหน!? โดยเฉพาะความคิดเห็นที่แตกต่างจากตน ทุกคำวิจารณ์สามารถกลายเป็น “รีวิวอวย” ได้ทันทีหากคนที่เห็นต่างไม่ยอมรับคำเห็นอีกฝั่งและปัญหาที่ใหญ่กว่าคือ หลายคนยังเข้าใจคำว่า “รีวิว” หรือ “วิจารณ์” แบบผิดๆ อยู่ทุกคนที่ได้ดูหนังมีสิทธิ์ที่สามารถบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองกับผลงานได้อยู่แล้วทั้งในแง่ดีและแง่ลบ ซึ่งผลที่ออกมาจะบวกหรือลบขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคน ดังนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกว่าใคร “ได้เงินเพื่อมาอวย” ตัวอย่างที่ชัดเจนสุดคือ Power Rangers ทาง JUSTดูIT. ไม่ชอบมาก แต่ฝั่งเทพเจ้าคอนเน็ตโต้กลับชอบระดับท็อปของปี! ฝั่งหลังได้รับเงินเหรอ? ก็ไม่! เขาแค่พูดในสิ่งที่เขาคิดและรู้สึก หนังไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ที่ค่ายจะยอมมาจ่ายเงินเพื่อเอารีวิวดีๆ หรอกครับ ถ้าเพื่อโปรโมทก่อนหนังฉายอาจจะใช่แต่หนังจากนั้นคือความคิดของเหล่าแอดมินหรือนักวิจารณ์ล้วนๆ ส่วนตัวอคติที่ว่า “รับเงินมาอวย” มันเกิดจากการไม่ยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างของคนบางคนมากกว่า ซึ่งผมว่าเป็นสิ่งที่น่ากลัวและอันตรายยิ่งกว่า!   เพจ เทพเจ้าคอนเน็ตโต้ คือมันมีจ้างนะครับ แต่มันไม่ได้อยู่ในรูปแบบจ้างให้อวย แต่จะเป็นจ้างพรีวิวหนังต่างๆ เหมือนโฆษณาทั่วไปแหละ…

  • Rogue One คือหนังที่ไม่เหมือนกับ Star Wars ที่เราเคยรู้จัก แต่มีฉากรบที่สนุกสะใจมาก!!

    Rogue One คือหนังที่ไม่เหมือนกับ Star Wars ที่เราเคยรู้จัก แต่มีฉากรบที่สนุกสะใจมาก!!

    หลายๆ คนสงสัยว่า Rogue One: A Star Wars Story คือภาคต่อหรือว่าเป็นภาคต้นกันแน่ #เหมียวฟิ้นจะเกริ่นง่ายๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดก่อน Star Wars: Episode IV – A New Hope (1977) เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น     ถ้าคุณอยากดูหนังเรื่องนี้แบบเต็มอารมณ์ล่ะก็ ควรจะมีพื้นฐานมาจากภาค A New Hope มาสักหน่อยนะ และหากอยากรู้ว่าทำไมนักวิจารณ์หลายๆ แห่งถึงยกให้มันเป็นหนึ่งในหนัง Star Wars ภาคที่สนุกที่สุดแม้จะไม่ได้เกี่ยวกับตัวละครหลักเลยก็ตาม เดี๋ยว#เหมียวฟิ้นจะมาเล่าแบบไม่สปอยล์ให้อ่านกัน     อย่างแรกที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลยก็คือมันจะไม่มีฉากต่อสู้กับด้วยไลท์เซเบอร์อย่างแน่นอน และจะไม่มีเจไดให้คุณเห็นด้วย ฉะนั้นอย่าคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากดวลไลท์เซเบอร์หรือฉากใช้ฟอร์ซต่อสู้กันนะ (แต่ในหนังจะมีอะไรมาทดแทนอย่างแน่นอน) ตัวหนังดำเนินเรื่องได้แตกต่างจากที่ผ่านๆ ไล่ตั้งแต่การเปิดเรื่อง ถ้าคุณเคยดู Star Wars มาก่อนคุณจะรู้ว่าหนังจะเปิดเรื่องยังไง แต่เรื่องนี้จะฉีกออกไปทำให้เรารู้ว่าทำไมหนังเรื่องนี้ถึงใช้ชื่อว่า Rogue One แทนที่จะเป็น Star Wars (ก็เพราะมันไม่ใช่ Star Wars จริงๆ ยังไงล่ะ)…

  • ดูแล้วมาโม้!! Deepwater Horizon ภาพยนตร์จากเหตุการณ์จริง ที่ปูเรื่องนานจนหลับ…

    ดูแล้วมาโม้!! Deepwater Horizon ภาพยนตร์จากเหตุการณ์จริง ที่ปูเรื่องนานจนหลับ…

    รู้สึกว่าในช่วงหลังเราจะได้ชม “หนังที่มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง” ซะเยอะ บางเรื่องเชิดชูคุณงามความดีที่ตัวบุคคล บางเรื่องเน้นไปที่ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และบางเรื่องก็พยายามตีแผ่ความเสียหายของประวัติศาสตร์     หนังเรื่องล่าสุดที่ #เหมียวฟิ้น ไปดูมาเป็นประเภทหลังสุดล่ะ เรื่องที่ว่านี้มีชื่อว่า Deepwater Horizon ที่เล่าเรื่องราวจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2010 เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก ทำให้ทีมงานทั้งผู้บริหาร วิศวกร ช่างเทคนิคที่อยู่บนแท่นขุดเจาะต้องหนีตายเอาชีวิตรอด จากอุบัติเหตุครั้งนั้นส่งผลให้มีน้ำมันรั่วไหลออกมากว่า 780 ล้านลิตร นับเป็นอุบัติเหตุครั้งที่ร้ายแรงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นของสหรัฐฯ เลยก็ว่าได้     ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่สร้างมาจากเรื่องจริง จะต้องมีตัวละครและรายละเอียดของเหตุการณ์จริงๆ มารวมเอาไว้ในหนังด้วย แต่เนื่องจากเป็นหนังเกี่ยวกับแท่นขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเป็นงานที่คนทั่วไปไม่คุ้นเคยหรือไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ หนังจึงต้องประเคนรายละเอียดเข้ามาให้เราแบบเต็มสตรีม     ตลอดระยะเวลา 30 – 40 นาทีแรกของหนัง เต็มไปด้วยบทพูด พูด พูด แล้วก็พูด แล้วก็มีแต่ศัพท์เทคนิคเต็มไปหมด แม้ว่า #เหมียวฟิ้น จะตั้งใจและพยายามดูแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถจับใจความได้ทั้งหมดว่าหน่วยงานไหนดูแลตรงไหน เกิดเกมการเมืองระหว่างใครบ้าง จนมันเข้าขั้นน่าเบื่อและหลับในที่สุด…     แต่หลังจากผ่านช่วงปูเรื่อง (ที่นานโคตร) ไปแล้ว หนังก็เริ่มมีฉากแอ็คชั่นให้เราได้เห็นกันบ้าง…

  • [วิจารณ์ส่งเดช] Suicide Squad ดำเนินเรื่องแปลกๆ บทไม่สมเหตุสมผล แต่ดูแล้วสนุกดีนะ

    [วิจารณ์ส่งเดช] Suicide Squad ดำเนินเรื่องแปลกๆ บทไม่สมเหตุสมผล แต่ดูแล้วสนุกดีนะ

    ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังของ DC และ Warner Bros. เลยก็ว่าได้ เพราะ Suicide Squad เป็นหนังเรื่องที่ 3 ของ DCEU (DC Extended Univers) ที่จะเป็นการสานต่อจาก Man of Steel และ Batman v Superman และจะส่งไม้ต่อไปยังหนังเรื่องต่อๆ ไปด้วย มาคราวนี้ดูจะแรง ตั้งแต่การเลือกนักแสดง การปล่อยโปสเตอร์สีฉูดฉาดและตัวอย่างหนังที่ใช้เพลงได้เร้าอารมณ์เหลือเกิน จะถูกใจคนดูอย่าง#เหมียวฟิ้น ไหม ลองมาอ่านรีวิวกันเลย     ในหนังเรื่องนี้จะเล่าเรื่องราวหลังจากเหตุการณ์ที่ไม่มีซุปเปอร์แมนคอยปกป้องโลก ทางรัฐบาลจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างขึ้นเพื่อปกป้องโลก พวกเขาเลยตั้งทีมที่รวบรวมเอาเหล่าจารชนและวายร้ายผู้มีพลังพิเศษ (หรือที่ในหนังเรียกเมตาฮิวแมน) มาช่วยแทน แต่แน่นอนว่าพวกเขาแตกต่างจากฮีโร่ ที่ตั้งต้นด้วยแนวคิดอยากช่วยเหลือคนอื่น ทำให้ทีมของพวกเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ แล้วภารกิจการปกป้องโลกโดยกลุ่มคนที่ไม่ได้อยากปกป้องโลกเท่าไหร่จะเป็นยังไง ไปชมกันในโรงเลยจ้า     หลังจากที่เข้าโรงไปด้วยความหวังว่ามันต้องจี๊ดจ๊าดแบบเดียวกับที่โปสเตอร์และตัวอย่างทำไว้ก็พบว่า ตัวละครหลายๆ ตัวดูแสบและมีเสน่ห์มาก อย่างตัวชูโรงอย่าง Harley Quinn หรือ Dead Shot ทั้งสองตัวนี้ดูจะมีมิติด้านอื่นๆ นอกเหนือจากความร้าย…

  • [วิจารณ์ส่งเดช] ชวนดู Jason Bourne ล่าสุดใจไปกับนายเจสัน ฉากบู๊อลังการกว่าที่ผ่านมา!!

    [วิจารณ์ส่งเดช] ชวนดู Jason Bourne ล่าสุดใจไปกับนายเจสัน ฉากบู๊อลังการกว่าที่ผ่านมา!!

    แม้จะมีชื่อย่อว่า JB เหมือนกัน แต่ Jason Bourne ก็แทบไม่มีอะไรที่เหมือนกับ James Bond เลย ทั้งจนกว่า แต่งตัวลุยๆ ไม่มีสูทหรูๆ ไม่มีสาวสวยข้างกาย ไม่มีอุปกรณ์ไฮเทค หรือแม้แต่ทีมงานคอยช่วยเหลือเขา แต่นั่นแหละทำให้หนังชุดนี้ดูมีเสน่ห์แตกต่างจากสายลับคนอื่นๆ     Jason Bourne ถือเป็นหนังสายลับภาคต่อ ภาคที่ 5 แล้วของหนังชุดนี้ แม้ในภาคที่ 4 จะมีการเปลี่ยนตัวพระเอกจาก Matt Damon มาเป็น Jeremy Renner ก็ตาม แต่เราก็จะทำเป็นลืมๆ มันไปว่าเคยมีหนังเรื่องนั้นมาก่อน เราจะมาว่าถึงหนังภาคนี้และ 3 ภาคแรกกันเลย     อย่างแรกที่ต้องบอกคุณก่อนก็คือหากคุณไม่เคยดู 3 ภาคแรกมาก่อน คุณจะงงแน่ๆ เพราะหนังจะเล่าถึงตัวตนของ Bourne ในช่วงที่ความจำของเขาขาดๆ หายๆ และมันจะมีความต่อเนื่องกันของเหตุการณ์อื่นๆ และองค์กรเทรดสโตน (ที่น่าจะล้มหายตายจากไปตั้งแต่ภาค 3 แล้ว)    …

  • [วิจารณ์ส่งเดช] The Walk ภาพสวย ลุ้นระทึก เหมือนได้ยืนอยู่บนเชือกซะเอง

    [วิจารณ์ส่งเดช] The Walk ภาพสวย ลุ้นระทึก เหมือนได้ยืนอยู่บนเชือกซะเอง

    ใกล้ช่วงสิ้นปีมาเรื่อยๆ ฮอลลีวูดก็มักจะส่งหนังเด็ดๆ ที่หวังชิงออสการ์ออกมาให้เราได้ชมกันแบบไม่เว้นเลยทีเดียว ล่าสุดผู้กำกับอย่าง Robert Zemeckis(Cast Away, Forrest Gump และ Back to the Future ทั้ง 3 ภาค) ก็ได้ส่งหนังชีวประวัติที่ชวนลุ้นระทึกอย่าง The Walk มาให้เราได้ชมกันล่ะ     The Walk คือภาพยนตร์ที่สร้างมาจากเรื่องจริง ว่าด้วยเรื่องของ Philippe Petit(Joseph Gordon-Levitt) หนุ่มชาวฝรั่งเศสที่ฝันอยากจะสร้างงานศิลปะที่อุกอาจที่สุดในโลก อย่างการเดินบนเชือกแขวนระหว่างตึก World Trade Center ทั้ง 2 ตึก     แต่การจะทำแบบนั้นได้ ต้องอาศัยทีมงานที่ไว้ใจได้และความกล้าบ้าบิ่นพอสมควร Philippe จึงรวบรวมพลเพื่อทำสิ่งที่โลกจะต้องจดจำเขาไปอีกนาน     ความจริงแล้วหากเราอ่านเรื่องย่อเฉยๆ เราจะพบว่าหนังสามารถเล่าให้จบภายใน 10 นาทีแบบสาระคดีขนาดสั้นได้เลย แต่เมื่อเหมียวได้ดูจริงๆ ถึงได้รู้ว่าความสนุกของหนังอยู่ที่เรื่องราวระหว่างทาง ไม่ใช่ฉากจบที่นาย Philippe ขึ้นไปอยู่บนเชือกแล้วนั่นเอง     แม้จะเป็นแค่เรื่องราวของชายเพี้ยนๆ ที่อยากจะเดินบนเชือกให้โลกตะลึง แต่หนังก็มีวิธีเล่าให้ดูสนุกสนานจนเราแทบไม่อยากละสายตาหรือรู้สึกเบื่อเลย หนังค่อยๆ…

  • [วิจารณ์ส่งเดช] Inside Out เพราะชีวิตไม่ได้ “สุข” ตลอดเวลา

    [วิจารณ์ส่งเดช] Inside Out เพราะชีวิตไม่ได้ “สุข” ตลอดเวลา

    กลายเป็นภาพยนตร์ที่แอดเหมียวเทใจให้มากที่สุดของปีนี้เลย สำหรับ Inside Out ที่ขนมาทุกอารมณ์ ครบรสมากๆ ทั้งสนุสนาน ขำขัน ผจญภัย เศร้าสร้อย รวมมาไว้ในเรื่องเดียวเลย แถมหนังยังมีไอเดียที่ลำตามสไตล์ของ Disney Pixar ฉะนั้นไม่รอช้า ไปชมบทวิจารณ์ส่งเดชจากเหมียวกันเลย   Inside Out ว่าด้วยเรื่องของหนูน้อยไรลีย์(Kaitlyn Dias)และครอบครัว ที่ต้องย้ายบ้านจากภาคกลางฝั่งตะวันตกของอเมริกา มาอยู่ในเมืองซานฟรานซิสโก แต่หลังจากที่เธอได้ใช้ชีวิตและพยายามปรับตัวกับสถานที่ใหม่แล้ว กลับพบว่ามันไม่โอเคสำหรับเธอเลย   จึงเป็นหน้าที่ของ Joy ตัวแทนแห่งความสุขที่อยู่ในหัวของไรลีย์ ต้องออกมาช่วยดูแลและควบคุมอารมณ์ของเธอ เพื่อให้เธอมีความสุขอยู่ตลอดเวลา และนอกจาก Joy แล้วยังมีตัวแทนอามรณ์อื่นๆอย่างเช่น Sadness(แทนอารมณ์เศร้า), Fear(แทนอามรณ์วิตกกังวล), Anger(แทนอารมณ์โกรธ), Disgust(แทนอารมณ์ขยะแขยง) ที่ต้องคอยควบคุมให้อารมณ์ของไรลีย์อยู่บนความสมดุลตลอดเวลา   จริงๆแล้วเหมียวอยากจะเล่าเรื่องย่อมากกว่านี้ แต่เนื้อเรื่องจริงๆมันมีเท่านี้จริงๆ เรื่องราวทั้งหมดสามารถเล่าให้จบได้ภายใน 10 นาทีเลย แต่ความสนุกมันอยู่ตรงที่ตัวอารมณ์ต่างๆในเรื่อง ที่มักจะวุ่นวาย และสร้างความปั่นป่วน ต้องมาร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือตัวละครอย่างไรลีย์ให้ฝ่าอุปสรรคต่างๆไปให้ได้   หน้าหนังอาจจะดูเหมือนหนังเด็ก ที่สามารถเฮฮากันได้ทั้งครอบครัว ซึ่งตรงนี้เหมียวก็ถือว่ามันทำหน้าที่ได้ดีมาก แม้จะมีรายละเอียดและจินตนาการที่สูงปรี๊ด แต่ก็เข้าใจได้ไม่ยากเลย…