Tag: วิธีการ
-
โอ้จอร์จมันยอดมาก 10 วิธีสุดเจ๋งที่ช่วยให้หายสะอึกได้ แถมไม่ต้องโดนทำให้ตกใจด้วย
อาการสะอึกส่วนใหญ่เกิดขึ้นโดยฉับพลันและหายไปอย่างรวดเร็ว แต่บางครั้งก็กลายเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและเรื้อรัง กินเนสส์เวิลด์เรคคอร์ด บอกว่าการสะอึกที่นานที่สุดในโลกเกิดขึ้นกับ Charles Osborne ชายหนุ่มจาก รัฐไอโอวา เขาสะอึกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 68 ปีตั้งแต่ 1922 ถึงปี 1990 เลยทีเดียว ในแง่ของสรีรวิทยา การสะอึกเกิดขึ้นเมื่อกะบังลมเคลื่อนไหวผิดจังหวะ บวกกับกล่องเสียงก็ได้ปิดกั้นการไหลของอากาศทำให้เกิดการกระตุกของลมหายใจอันน่ารำคาญพวกนี้ขึ้น การจะให้หายสะอึกไปอย่างถาวรนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการค้นพบแต่อย่างใด สิ่งที่เราพอจะทำได้ในตอนนี้ มีเพียงวิธีการที่จะทำให้หายสะอึกได้เร็วขึ้นก็เท่านั้น ซึ่งในวันนี้ #เหมียวศรัทธา ก็ได้นำตัวอย่างที่ว่ามาให้เพื่อนๆ ได้ชมกันแล้ว ดังต่อไปนี้ อุดหู อุดหูของคุณประมาณ 20-30 วินาที หรือกดบริเวณที่นุ่มๆ ด้านหลังติ่งหู แถวๆ ฐานด้านล่างของกะโหลกศีรษะ นี้จะเป็นการส่งสัญญาณ “ผ่อนคลาย” ผ่านระบบประสาทช่วงคอ หรือเส้นประสาทเวกัส ซึ่งเชื่อมต่อกับกะบังลม ช่วยให้การเกร็งตัวสะอึกลดลง ดื่มน้ำ การกลืนน้ำโดยใช้หลอดจะช่วยผ่อนคลายเส้นประสาทได้ การดื่มจากแก้วน้ำก็อาจมีผลเช่นเดียวกัน วิธีนี้มักจะช่วยหยุดการสะอึกได้ในหลายๆ คน แต่บางครั้งก็อาจจะต้องทำหลายๆ ครั้งหน่อย อุดหู และดื่มน้ำพร้อมกัน อาจจะฟังดูตลกเพราะมันก็เป็นเพียงการทำวิธีหยุดการสะอึกไปพร้อมๆ กันสองแบบเท่านั้น แต่ในตอนที่คุณอุดหูนั้น คุณกำลังกดประสาทเส้นประสาทเวกัสให้ผ่อนคลายจากการเกร็งไปพร้อมๆ กับการดูดน้ำที่จะทำให้มีการกลืนอย่างสม่ำเสมอจนระบบการกลืนกลับมาเป็นปกติ…
-
10 วิธีแก้ปัญหาอาการ ‘เท้าเหม็น’ ช่วยให้คุณสามารถเดินเข้าบ้านใครๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวล
อาการเท้าเหม็น คือเรื่องกวนใจของใครหลายๆ คน จนทำให้เราไม่กล้าที่จะถอดรองเท้าเวลาต้องอยู่ในที่สาธารณะ หรือตอนไปเยี่ยมบ้านเพื่อน หนักๆ เข้าก็อาจจะมีกลิ่นโชยออกมาแม้ว่าจะใส่รองเท้าอยู่ก็ตาม แต่วันนี้ #เหมียวตะปู ขอนำเสนอวิธีการที่จะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวให้กับทุกคนได้ เพื่อนๆ ลองไปทำตามคำแนะนำเหล่านี้ด้วยกันเลยยย 1. แช่น้ำเกลือ วิธีการนี้จะช่วยกำจัดแบคทีเรียที่อยู่ตามผิวหนังและใต้เล็บเท้าของคุณ ซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ เกลือจะช่วยให้ผิวหนังของคุณขับความชุ่มชื้นออกมากำจัดแบคทีเรียเหล่านั้นให้หมดไป ส่วนผสมที่จำเป็นของน้ำเกลือคือ น้ำส้มสายชู 1 ส่วน น้ำ 2 ส่วน เกลือ 1 ถ้วย แล้วจึงเอาเท้าแช่ไว้สักระยะหนึ่ง ทำอย่างนี้ประมาณสองสัปดาห์ตอนก่อนนอน รับรองว่าเห็นผล ทางที่ดีอย่าลืมใช้ไม้จิ้มฟันแคะเอาเศษอะไรต่างๆ ที่ติดอยู่ใต้เล็บออกมาด้วยนะ 2. การเลือกถุงเท้า เนื้อผ้าหลายๆ ประเภทของถุงเท้ามักจะทำให้เท้าของคุณเหงื่อออกได้ง่ายๆ จึงขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนมาใช้ถุงเท้าที่ทำมาจากผ้าฝ้าย เพราะมันระบายอากาศได้ดี ลดเรื่องกลิ่นและอาการเหงื่อออก แต่ที่สำคัญคืออย่าเอาถุงเท้าไปกองรวมกันไว้ เพราะแต่ละคู่นั้นได้เก็บความชื้นจากเท้าของคุณไปเป็นจำนวนมากซึ่งอาจกระจายและสะสมกันไปได้ 3. โรยแป้งใส่รองเท้า ปัจจุบันจะมีแป้งที่ทำออกมาไว้สำหรับโรยใส่รองเท้า ดับกลิ่นโดยเฉพาะ หรือเพื่อนๆ อาจใช้แป้งเด็กทั่วไปก็ได้ โรยเข้าไปในรองเท้าเล็กน้อยๆ ไม่ต้องเยอะ เพียงเท่านั้นมันก็จะช่วยดูดซับความชื้นภายในรองเท้า ต้นเหตุที่ทำให้มีกลิ่นเหม็นออกมา …
-
Kevin Horsley คนความจำดีระดับโลก สอนเทคนิคพัฒนาความจำ ที่คุณเอาไปทำตามได้…
บ่อยครั้งที่เรามักจะหลงลืมสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นชื่อคน วันที่ หรือแม้กระทั่งรหัสที่ตัวเองเป็นคนตั้งเอาไว้เอง หลายคนก็เลยเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนความจำไม่ดี ทว่าจากคำบอกเล่าของคนที่มีความจำดีจนเป็นที่ยอมรับในระดับโลกแล้ว ในโลกนี้ไม่มีคนความจำไม่ดีอยู่หรอก พวกเขาเพียงแต่ยังไม่ได้ฝึกฝนความจำของตัวเองต่างหาก พอได้ยินแบบนั้นแล้ว วันนี้เราก็เลยหยิบเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่จะมาช่วยให้เพื่อนๆ มีความจำดีมากขึ้นได้มาฝากกัน ซึ่งเทคนิคนี้มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในคนที่แข่งขันกันด้านความจำเลย Kevin Horsley เป็นคนแนะนำเทคนิคพวกนี้มาเอง เขาเป็นคนที่สามารถจำค่าพาย ซึ่งเป็นเลขทศนิยมเรียงชุดตัวเลขที่ไม่ซ้ำแบบกันเลยได้มากถึง 10,000 หลักแน่ะ น้อยคนในโลกนักที่จะมีความจำดีระดับนี้ Kevin Horsley ปรมาจารย์ด้านความจำในระดับนานาชาติ โดยวันนี้เราขอหยิบเรื่องการจำชื่อมาใช้เป็นตัวอย่างหลักในการเรียนรู้ เพราะจากการเก็บสถิติความหลงลืมของชาวอเมริกัน 800 คนแล้ว เรื่องที่พวกเขาหลงลืมบ่อยที่สุดก็คือชื่อคนนั่นเอง เบื้องต้น Horsley อธิบายว่าข้อมูลที่เรารับรู้ได้ 90 เปอร์เซ็นต์นั้นมักจะมาจากภาพ ดังนั้นเราจึงสามารถจำภาพได้ดีกว่าเสียง เราจึงจำชื่อซึ่งเป็นเสียงเพียงอย่างเดียวได้ยาก จากสถิติแล้วเรื่องที่คนเราลืมมากที่สุดคือ ชื่อคน รหัส ที่เก็บกุญแจ เบอร์โทรศัพท์ และวันที่ ตามลำดับ เทคนิคง่ายๆ อย่างแรกที่เขาแนะนำให้ทำก็คือหลังจากที่เราได้ยินชื่อแล้ว ให้เรารีบหาภาพแปลกๆ มานิยามชื่อนั้นทันที ยิ่งภาพนั้นไม่ธรรมดามากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เราจำแม่นมากขึ้นเท่านั้น เนื่องจากสมองของเรามักจะจำสิ่งที่ดูไม่มีเหตุผลได้มากกว่าสิ่งที่มันธรรมดาทั่วไป…
-
ผู้เชี่ยวชาญเผยวิธีการสังเกตว่าอีกฝ่ายกำลัง ‘โกหก’ อยู่หรือไม่ ภายในเวลา 5 วินาที
การโกหก เป็นสิ่งที่แทบจะทุกคนบนโลกต้องเคยทำกันมาก่อน โดยจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าคนเราจะโกหกประมาณ 11 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 2 ครั้งต่อวันเลยทีเดียว การโกหกในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องใหญ่ๆ เสมอไป แต่อาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างการพูดโกหกเกี่ยวกับอารมณ์ ความรู้สึกของตัวเอง เช่น บางครั้งที่เรารู้สึกหงุดหงิด แต่ก็เลือกที่จะบอกเพื่อนว่าเราไม่ได้เป็นอะไร แล้วเราเคยสงสัยกันมั้ยว่า เราจะรู้ได้อย่างไรว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกเราอยู่? วันนี้เราจึงมาพูดถึงวิธีการจับโกหกได้ใน 5 วินาที โดยนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนี้โดยเฉพาะ ดอกเตอร์ Paul Ekman ข้อสังเกตแรกที่เราจะสามารถเช็กได้ว่าอีกฝ่ายโกหกอยู่หรือไม่ คือให้เราลองสังเกต การขยับศีรษะ ของคนคนนั้นในตอนที่เขากำลังปฏิเสธเรื่องอะไรซักอย่าง Paul อธิบายว่าหากอีกฝ่ายส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมา นั่นอาจหมายถึงว่าเขากำลังโกหกอยู่ เพราะคนเรามักจะไม่ทำอย่างนั้นในตอนที่กำลังพูดความจริง ต่อมาคือเราต้องสังเกตการแสดงออกทางสีหน้า เพราะว่าคนเราทุกคนจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่เผยสีหน้าความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองออกมา ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะขัดกับสิ่งที่เขาพูดอยู่ในตอนนั้นก็ได้ อย่างที่สามคือการสังเกตลักษณะการขยับมือ ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราสามารถสังเกตได้ง่าย โดยให้เราดูว่าอีกฝ่ายได้ทำมือออกมาเป็น เชิงสัญลักษณ์ ในตอนที่กำลังพูดอยู่หรือไม่ เช่น การชี้นิ้ว เอามือปาดเหงื่อ หรือเอามาปิดบังใบหน้าของตัวเอง เมื่อไหร่ที่เป็นอย่างนั้นก็ขอให้เดาเอาไว้ในใจเลยว่าเขากำลังโกหกอยู่ สัญญาณสุดท้ายก็คือวิธีการพูดหรือบทสนทนาที่กำลังพูดกันอยู่ ให้เราสังเกตว่าอีกฝ่ายมีการพักช่วงหรือทำให้บทสนทนาขาดตอน…
-
ขึ้นเตียงปุ๊บง่วงเลย.. 10 วิธีที่จะช่วยทำให้คุณเข้านอนแล้วง่วงหลับเร็วกว่าคนอื่น
อาการนอนไม่หลับ หนึ่งในปัญหายอดฮิตสำหรับคนสมัยใหม่ บางครั้งอาจจะมีต้นตอมาจากความเครียดสะสมที่เราต้องเจอในทุกๆ วันนั่นเอง เจ้าอาการที่ว่านี้นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพกายเราแล้ว มันก็ยังทำให้หลายๆ คนรู้สึกหงุดหงิดหรือเสียสุขภาพจิตอีกด้วยเช่นกัน และถ้าหากว่าคุณเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังเผชิญชะตากรรมแบบนี้ล่ะก็ ลองเอา 8 วิธีง่ายๆ ที่เรานำมาฝากในวันนี้ไปใช้ดูสิ ไม่แน่อาการนอนไม่หลับของคุณอาจจะดีขึ้นก็ได้!! 1. ลองเขียนสิ่งที่ต้องทำก่อนที่คุณจะนอนดูสิ!! จากการศึกษาล่าสุดที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Journal of Experimental Psychology พบว่าการเขียนสิ่งที่ควรทำ 5 นาทีก่อนนอน จะทำให้เรานอนหลับได้เร็วขึ้น เนื่องจากมันช่วยคลายความกังวลให้ก่อนเข้านอนนั่นเอง 2. ลองหลับตาแล้วนึกภาพว่าคุณกำลังทำสิ่งที่มีความสุขมากที่สุด ข้อแนะนำดีๆ จากโค้ชทีมเบสบอล หลังจากที่พิชเชอร์ในทีมของเขาประสบปัญหานอนไม่หลับเป็นเวลานาน ซึ่งโค้ชคนดังกล่าวได้แนะนำให้เขาลองนึกภาพของการขว้างบอลที่ดีที่สุดก่อนนอน และนั่นก็ได้ผลดีไม่น้อยเลยทีเดียว 3. ท่องคำว่า “สีดำ สีดำ” ให้ขึ้นใจ คำแนะนำจากชาวเน็ตท่านหนึ่งที่ทำแล้วมันได้ผลดีไม่น้อยเลยทีเดียว เอ๊ารอช้าอยู่ใยลองกันเลย.. สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ สีดำ อ่า..…
-
19 ยุทธวิธี Life Hack สุดบรรเจิด แบบนี้ก็ได้เหรอ ทำเอาฮารึเปล่าเนี่ย!?
การมองหาวิธีการใหม่ๆ ที่ช่วยทำให้เราดำเนินกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น บางคนก็เรียกมันว่าไลฟ์แฮ็ก (Life Hack) หรือวิธีโกงในชีวิตประจำวันนั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการใช้แป้งโรยบนผมไม่ให้ผมมันก็ได้ แม้ว่าบางทีไลฟ์แฮ็กจะช่วยให้เราทำอะไรง่ายมากขึ้นจริงๆ แต่บางครั้งก็จะมีคนคิดวิธีไลฟ์แฮ็กแบบแปลกพิสดารซึ่งแม้จะมีประโยชน์ แต่ดูกี่ทีก็ขำจนหยุดหัวเราะไม่ได้เลย วันนี้เราได้รวบรวมวิธีการไลฟ์แฮ็กแบบล้ำๆ แต่โคตรฮาจากชาวเน็ตรอบโลกมาให้ทุกคนได้ชมกัน รับรองว่าจะต้องไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนแน่นอน ไม่มีขาตั้งโทรศัพท์ แต่มีตุ๊กตาบาร์บี้อยู่ที่บ้านก็เอามาใช้แทนกันได้ แถมได้มองท่าเซ็กซี่ๆ ไปพร้อมกันด้วย ถ้าผัดสปาเกตตี้ไปแล้วรสชาติไม่ถูกใจล่ะก็ เอามันเข้าไปซัก…เอ๊ย! ล้างสิ ทีนี้ก็เอาไปผัดแก้มืออีกรอบได้แล้ว อยากได้โต๊ะอาหารเคลื่อนแบบส่วนตัวเหรอ ลองใช้ฝาชักโคตรดูสิ รับรองว่าใช้งานดีแต่จะปวดคอรึเปล่าไม่รู้นะ ถ้าคุณไม่อยากให้จานในอ่างล้างจานดูรกตา แต่อีกใจหนึ่งก็ขี้เกียจล้างจานเช่นกัน วันนี้เรามีวิธีแก้มาให้แล้ว แค่ปรินต์รูปอ่างสะอาดๆ มาวางทับลงไปก็จบ มงกุฎดอกไม้มันหาซื้อยากแล้วก็มีราคาแพง ถ้างั้นก็ DIY เอาสิ สวยด้วย อิ่มด้วย ผมอยากทานนาโชชีสแต่ดันลืมชีสดิปซะได้ แต่ไม่เป็นไรหรอกจิ้มสีทาบ้านเอาก็ได้ สีแทนกันได้อยู่ส่วนรสชาติต้องดูกันอีกที วันนี้ขอนำเสนอวิธีการทำให้ถุงเท้าขาดดูสมบูรณ์ดังเดิม เพียงแค่คุณใช้สีทาเล็บที่เหมือนกับถุงเท้าทาลงไป ก็ดูดีเหมือนใหม่แล้ว เจ๋งไปเลย จะซื้อไม้ถูพื้นราคาแพงไปทำไม ในเมื่อคุณสามารถใช้เจ้าเหมียวขนฟูแทนได้ เอาน้ำยาขัดพื้นผสมลงไปแล้วเริ่มถูได้เลย! เรารู้ว่าการหั่นเบเกิลไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ถ้าคุณยอมเสียสละนิ้วสักนิ้วล่ะก็มันจะทำให้การหั่นเบเกิลเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเลย ถ้าอยากกินข้าวฟรีทุกมื้อ…
-
เรารู้คุณก็งก… 15 เทคนิคแห่งการประหยัดที่คุณต้องเคยทำ ยอมรับมาซะดีๆ เลยนะ!! ฮร่า
ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ หลายๆ คนจะมีวิธีการประหยัดค่าใช้จ่ายแตกต่างกันไป บางคนอาจจะหยอดออมสิน บางคนอาจตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และนี่อาจเป็นสิ่งที่เราไม่ค่อยอยากยอมรับกันซักหน่อยว่าเคยทำมาจริงๆ เวลาต้องการประหยัดเงิน อย่าปิดบังกันเลยเพราะไม่ใช่คุณคนเดียวหรอกที่ทำ อย่างน้อย #เหมียวตะปู เองก็เคยทำมาหมดแล้วนะ ไปดูกันเลยว่ามีวิธีไหนกันบ้าง คว่ำขวดแชมพูหรือสบู่เหลวเอาไว้เพื่อให้สามารถใช้ได้จนหยุดสุดท้าย และพอมันหมดปุ๊บ ก็ค่อยเติมน้ำเข้าไปในขวดอีกครั้ง ใช้ได้อีกซักรอบสองรอบ ไม่ใช่แค่ของในห้องน้ำ แม้แต่น้ำยาล้างจานก็ใช้วิธีเดียวกัน ยาสีฟันที่จะค่อยๆ ถูกม้วนไปทีละนิดๆ รีดออกมาใช้ให้เกลี้ยง พวกตัวอย่างครีมที่แถมมาหรือแชมพูจากโรงแรม เราก็สามารถเอากลับมาใช้ได้เป็นเดือนๆ ไม่จำเป็นต้องมีไม้แขวนเสื้อ เพราะทุกอย่างในห้องน้ำสามารถแขวนเสื้อผ้าได้ ตอนจะตากก็ไม่จำเป็นต้องใช้ราวตากผ้า เพราะขอแค่มีเก้าอี้ซักตัวหรือเชือกฟางซักเส้นก็เกินพอ เพื่อประหยัดน้ำและน้ำยาล้างจาน ก็กินข้าวมันในกระทะซะเลย เวลาเพื่อนมาหา แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่เราจะรินให้เพื่อนๆ ปริมาณมันย่อมต่างกับที่เราจะรินให้กับตัวเองอยู่แล้ว ของกินเล่นอย่างชีสหรือแฮม เราก็เอามาม้วนๆ แล้วค่อยๆ กินไปทีละนิดทีละหน่อย ให้กินได้นานมากที่สุด การทำแซนด์วิชที่แม้จะเหลือแค่ส่วนขนมปังแผ่นปิดท้าย คุณก็ไม่แคร์ อยากประหยัดแบตมือถือแล้วไม่มีหนังสือให้อ่านในห้องน้ำ ขวดแชมพูสบู่ทั้งหลายช่วยคุณได้ ในบางครั้งการไม่อาบน้ำคือหนทางแห่งการประหยัด…
-
กลุ่มรับกำจัดหนู ที่มีเหล่าแมวเหมียวจรจัดเป็นพนักงาน สนใจใช้บริการกันป๊ะล่าาา!?
เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา คือเมืองที่ประสบปัญหาประชากร “หนู” เยอะที่สุดในประเทศ เรียกได้ว่าสามารถพบเจอได้แทบทุกบ้าน ตามที่ทำงาน หรือตามท้องถนน จนเกิดแนวทางการแก้ไขด้วยศัตรูตามธรรมชาติของมันอย่างเจ้าแมวเหมียว ไอเดียการจัดการประชากรหนูด้วยน้องแมวนี้เป็นความคิดของกลุ่ม Treehouse Humane Society โดยโครงการนี้มีชื่อว่า Cats at Work ที่ทำให้คุณสามารถติดต่อรับเจ้าแมวจรจัดกลับไปได้ 3 ตัวต่อครั้งเพื่อช่วยในการกำจัดหนูที่อาศัยอยู่ภายในบ้านหรือที่ทำงานของคุณ ยามน้องเหมียว ไม่ได้ช่วยจับโจรแต่ช่วยจับหนู การทำงานของพนักงานน้องเหมียวเหล่านี้ก็ง่ายมากๆ แค่คุณพาพวกมันกลับไปให้ข้าวให้น้ำซักหน่อย เดี๋ยวพวกมันก็คอยสอดส่องตามหาเจ้าหนูให้คุณเอง ง่ายมากๆ เลยใช่มั้ยล่ะ แนวทางนี้สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดีเยี่ยม จากผลตอบรับของผู้ที่ได้มาใช้บริการ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าแมวช่วยกำจัดหนูให้หมดไปจากบ้านหรือที่ทำงานของพวกเขา ทำให้ไม่เกิดปัญหาข้าวของถูกทำลายหรือโดนขโมยจากเจ้าหนูอีกต่อไป การทำงานของเจ้าเหมียว ช่วยกำจัดหนูให้หมดไปจากบ้านคุณ Paul Nickerson ผู้จัดการของกลุ่ม Treehouse บอกว่า “วิธีการนี้ไม่ได้ช่วยแค่การควบคุมประชากรหนู แต่ยังช่วยให้เจ้าแมวจรจัดกว่า 260 ตัวมีชีวิตที่ดีขึ้นและมีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง สร้างความสุขให้กับทั้งคนและแมวเอง เรียกว่าเป็นโลกที่พึ่งพาอาศัยกันอย่างแท้จริง” เขายังเสริมอีกว่าตอนนี้ยอดคิวจองตัวรับน้องเหมียวยาวเหยียดเอามากๆ หากใครต้องการตัวเจ้าเหมียวกลับไปช่วยดูแลบ้านก็ต้องรอนานไปถึง 3 เดือน นับว่าโครงการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจริงๆ Paul…
-
9 วิธีดีๆ ในการควบคุมความโกรธ จากผู้เชี่ยวชาญ ที่คุณก็สามารถฝึกได้เองที่บ้าน
ความโกรธหรืออารมณ์ขี้หงุดหงิดนั้นถือเป็นหนึ่งในนิสัยที่ดูไม่ค่อยจะน่ารัก และมันก็มักจะเกิดขึ้นได้กับทุกๆ คนไม่ว่าคุณจะเป็นคนหัวล้านหรือไม่ แต่แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่อยากจะอยู่กับคนที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวตลอดเวลาหรอกใช่ไหม?? และสำหรับบางคนที่อาจจะรู้ตัวว่าเป็นคนที่ขี้โมโหล่ะก็ วันนี้เราก็มีเทคนิคการจัดการอารมณ์โกรธดีๆ จากผู้เชี่ยวชาญมาฝากกัน… 1. อย่าทำลายข้าวของ บางครั้งการลงมือทำลายข้าวของเวลาที่คุณโกรธนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดี และการกระทำดังกล่าวก็ไม่ได้ช่วยให้ความโมโหของคุณลดลงไปด้วย แถมยังอาจจะทำให้ความโกรธของคุณเพิ่มมากขึ้นด้วย 2. พยายามหายใจเข้าลึกๆ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณโกรธ อาจจะทำให้ร่างกายของคุณรู้สึกเครียดได้ ดอกเตอร์ Robert Nicholson ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัวจากมหาวิทยาลัย Saint Louis University ได้แนะนำว่าการหายใจลึกๆ นั้นช่วยคลายความเครียดได้ 3. หาสาเหตุความโกรธของคุณให้พบ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกโกรธ ลองทำใจสบายๆ และลองมองหาสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น และพยายามหลีกเลี่ยง แทนที่จะเอาแต่นั่งบ่นและรู้สึกรำคาญ แต่ถ้าหากทำไม่ได้ก็ให้คุณปล่อยวางและอย่าไปคาดหวังกับสิ่งๆ นั้นเลย 4. อย่าอารมณ์เสีย!! นักจิตวิทยาจาก Southern California ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรับมือกับอาการหงุดหงิด โดยการลองนึกภาพของตัวเองเวลาที่คุณรู้สึกแบบนั้นและสิ่งที่คุณกำลังจะตอบสนองมันออกไป การฝึกบ่อยๆ จะสามารถช่วยให้คุณควบคุมอารมณ์โกรธได้ และรู้ว่าควรทำอย่างไรเมื่อโกรธ 5. ลองออกไปสูดอากาศด้านนอกดูสิ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณรู้สึกว่าอารมณ์โกรธกำลังจะปะทุขึ้นมาล่ะก็ ลองเดินออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกซัก 5 นาที หรือทำอะไรก็ได้ที่ช่วยให้คุณผ่อนคลาย 6.…
-
12 แนวคิดการเลี้ยงลูกจาก “ราชวงศ์อังกฤษ” ที่พ่อแม่ทุกคน สามารถเรียนรู้มาเป็นแบบอย่าง…
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจเคยศึกษาวิธีการดูแลลูกกันมาแล้ว แต่ที่เรานำมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้กันครั้งนี้คือ วิธีการเลี้ยงลูกของคนในราชวงศ์อังกฤษ ทั้งหมดนี้คือแนวคิดของดยุคและดัชเชสแห่งแคมบริดจ์ ที่ทรงใช้ในการเลี้ยงดูพระโอรส George และพระธิดา Charlotte ซึ่งบอกได้เลยว่าวิธีต่างๆ พวกเราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้เองจริงๆ มีอะไรบ้างลงไปดูกันได้เลย ไม่ว่าจะอยู่ในระดับหรือชนชั้นใด ก็ไม่ควรมีชีวิตที่สุขสบายมากเกินไป ในครอบครัวนี้มีพี่เลี้ยงเด็กเพียงแค่หนึ่งคนเท่านั้น เพราะเชื่อว่าหน้าที่การเลี้ยงดู อาบน้ำลูกน้อย หรือพาเด็กไปเดินเล่น ควรเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ซึ่งนั่นทำให้ทั้งครอบครัวสนิทสนมกันมากยิ่งขึ้น เคารพหน้าที่การงานของคนอื่นๆ เด็กๆ ควรได้รับการเรียนรู้ว่างานทุกงานมีคุณค่าเสมอ แม้จะเป็นงานเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตก็ตามอย่างเช่น คุณแม่ทำกับข้าวให้ทาน หรือแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดห้อง แนวคิดนี้จึงทำให้พระโอรสและพระธิดากินอาหารครบทุกมื้อและเก็บห้องของตัวเองอยู่เสมอ เพราะเห็นว่าทุกงานมีคุณค่าที่ควรทำ ครอบครัวต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวถือเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นการดูแลกันหรือมีเวลาให้คือสิ่งที่ดีอย่างมาก จากความคิดนี้ทำให้พระโอรสและพระธิดามักใช้เวลาอยู่กับสิ่งต่างๆ ร่วมกับครอบครัวอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยทั่วไปหรือการกินอาหาร ทุกคนมีสิทธิ์แสดงออกทางความคิดและความรู้สึกของตัวเอง แม้คนในราชวงศ์ส่วนใหญ่อาจต้องอยู่ภายใต้การถูกยับยั้งในหลายเรื่อง แต่การปล่อยให้เด็กแสดงอารมณ์และความคิดของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ จะช่วยพัฒนาการอยู่ร่วมกับคนในสังคมของตัวเด็กเองได้ การศึกษาคือสิ่งสำคัญ อันดับหนึ่ง การเรียนรู้อย่างเช่นการอ่านหนังสือ คือสิ่งสำคัญที่ควรให้เด็กได้ลงมือทำกันบ่อยๆ รวมถึงการพาไปพิพิธภัณฑ์หรือแหล่งการเรียนรู้ในที่ต่างๆ ก็ถือว่าเป็นวิธีการที่ดี…
-
8 วิธีทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยให้คุณ ‘มีเสน่ห์’ สามารถดึงดูดใจคนรอบข้างได้มากยิ่งขึ้น
ความมีเสน่ห์และดึงดูดใจคนรอบข้าง คงเป็นสิ่งที่หลายๆ คนอยากมี ทำให้ดูน่าคบหาทั้งกับเพื่อนและเพศตรงข้าม ซึ่งแน่นอนว่าการแต่งกายก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถช่วยได้ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดเมื่อนักวิทยาศาสตร์ได้ออกมาบอกแนวทางที่จะพัฒนาเรื่องนี้ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องความแตกต่างในตัวบุคคล เพราะวิธีการเหล่านี้ทุกคนสามารถทำได้ไม่แตกต่างกัน จะมีอะไรกันบ้างก็ลองไปดูกันได้เลย มีอารมณ์ขัน ทุกคนคงทราบกันแล้วว่าหากคุณเป็นคนตลกก็จะสามารถดึงดูดคนรอบข้างได้ดี ซึ่งหากคุณมีอารมณ์ขันในเรื่องที่ตัวเองสร้างขึ้น ไม่ใช่ตลกในเรื่องของคนอื่นจะเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวเองอย่างมาก จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงจะชอบผู้ชายที่สามารถทำให้เธอหัวเราะได้ ส่วนผู้ชายไม่ได้มองเรื่องนั้นเพราะเพียงแค่รอยยิ่มของเธอแค่นั้นก็เกินพอ สนใจสิ่งแวดล้อมรอบตัว นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย พบว่าผู้คนจะดูน่าสนใจมากขึ้นเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม เหตุผลเพราะว่าการทำงานของสมองจะรวมหน้าตาของคนในกลุ่มไว้ด้วยกัน ทำให้แต่ละคนดูเฉลี่ยพอๆ กันหมดผลลัพธ์ก็คือ คุณจะดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น กริยาท่าทาง จากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การแสดงท่าทางที่เปิดเผยและมั่นใจจะช่วยให้คุณดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นกับคนที่เจอกันครั้งแรก อย่างการโอบกอดคนที่เจอกันทุกคนด้วยความอบอุ่นก็อาจเป็นวิธีการที่ไม่เลวเลยทีเดียว การสื่อสาร การศึกษาจากฮาร์วาร์ดพูดว่าเมื่อเวลาที่คุณพูดถึงแต่ตัวเองเพียงอย่างเดียว คนที่ฟังจะรู้สึกไม่มีความสุขและไม่สนใจในเรื่องเหล่านั้น บางครั้งคุณก็ต้องถามแปลกๆ หรือในเชิงลึกของพวกเขาดูบ้าง คุณจะรู้ได้เลยว่าพวกเขารู้สึกโอเคมากขึ้นขนาดไหน ความเป็นผู้นำ เป็นธรรมชาติของเราที่จะมองว่าผู้นำมีแรงดึงดูดความสนใจ การศึกษาบอกว่าคนที่อยู่รวมกันเป็นกลุ่มจะรู้สึกว่าคนที่เป็นผู้นำในกลุ่มของตัวเองมีเสน่ห์ที่มากกว่าที่จะสร้างแรงดึงดูดให้กับคนนอกกลุ่ม เหมือนกับที่ CEO จะทำให้พนักงานในบริษัทเห็นถึงเสน่ห์ได้มากกว่าคนภายนอก การแสดงออกทางสีหน้า นักวิจัยชาวสวิสทำการศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างเสน่ห์กับรอยยิ้ม สิ่งที่พบคือใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาอย่างจริงใจจะสามารถดึงดูดคนรอบข้างได้มากกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่สังเกตได้หากเราเป็นคนที่แสดงออกถึงความสุขได้ง่าย จะทำให้คลี่คลายเรื่องต่างๆ…
-
8 วิธีที่คนฉลาดมักจะใช้จัดการกับ “คนที่ไม่ชอบ” ลองทำตามดูได้ ไม่ยากอย่างที่คิด!!
ลองตั้งคำถามกับตัวเองดูสิว่า หากคุณมีคนที่ไม่ชอบอยู่ในใจ คุณจะมีวิธีรับมือ หรือจัดการกับคนเหล่านั้นได้อย่างไร? บางคนก็อาจจะคิดหาวิธีแก้แค้นต่างๆ นาๆ ในขณะที่หลายคนมีแผนการในการจัดการที่ดีกว่านั้น และนี่คือ 8 วิธีที่คนฉลาดจะนำมาใช้จัดการกับผู้คนที่เขาไม่ชอบ และมันก็ได้ผลดีซะด้วย ลองมาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง 1. พวกเขายอมรับว่าไม่มีทางที่เราจะชอบทุกคน บางครั้งเราก็มักจะคิดว่าเราเป็นคนดี และชื่นชอบทุกคนที่เข้ามาในชีวิต แต่ความจริงแล้วไม่มีทางที่เราจะชื่นชอบทุกคนหรอก เพราะผู้คนเหล่านั้นอาจไม่ได้ทำให้เรารู้สึกพอใจได้ตลอดเวลา แล้วคุณจะมีวิธีจัดการกับสิ่งเหล่านั้นอย่างไร แต่สำหรับคนฉลาดแล้ว พวกเขามักจะตระหนักว่าแต่ละคนย่อมมีความคิดเห็นต่อสิ่งๆ หนึ่งแตกต่างกันออกไป และความแตกต่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นเป็นคนไม่ดี ดังนั้น หากคุณสามารถยอมรับได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบคุณ และคุณก็ไม่ได้ชื่นชอบทุกคน คุณก็สามารถยอมรับกับความแตกต่างได้ และนั่นอาจจะทำให้ความรู้สึกแย่ๆ ที่มีต่อกันลดน้อยลงไปด้วย 2. เผชิญหน้ากับคนที่พวกเขาไม่ชอบ การหลบหน้าคนที่ไม่ชอบอาจไม่ใช่วิถีของคนฉลาด เพราะแทนที่พวกเขาจะหลบหน้า แต่กลับเผชิญหน้ากับคู่ปรับซะเลย ยิ่งถ้าหากเจอกันแล้วมีความเห็นไม่ตรงกันก็สามารถพูดคุยกันในขณะนั้นได้ทันที แถมบางทีคนเหล่านั้นยังทำให้เราได้รู้และเข้าใจในบางสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน 3. คนฉลาดมักจะปฏิบัติต่อคนที่ไม่ชอบด้วยความสุภาพ ไม่ว่าความรู้สึกของคุณจะเป็นอย่างไรต่อคนที่ไม่ชอบ แต่ถ้าหากคุณสามารถปรับทัศนคติ และพฤติกรรมของคุณไปในทางที่ดีได้มันจะเป็นประโยชน์ต่อตัวของคุณมากเลยละ และถ้าหากคุณหยาบคาบกับผู้คนเหล่านั้น พวกเขาก็อาจจะทำกลับมาบ้าง ดังนั้น คุณควรจะปฏิบัติต่อเขาด้วยความสงบ และสุภาพหากได้เจอกัน 4. ตรวจสอบความคาดหวังของตัวเอง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนเราจะชอบหวังให้คนอื่นคิด…
-
นี่คือเหตุผลและแนวทางว่าทำไม “คนโรคจิต” ถึงประสบความสำเร็จในการทำสิ่งต่างๆ
คำว่าโรคจิตคงเป็นคำที่เกือบทุกคนเข้าใจตรงกัน กับพฤติกรรมที่ดูแล้วจะต่อต้านกับสิ่งที่สังคมเป็นอยู่ ซึ่งไม่มีใครชอบเรื่องแบบนั้นซักเท่าไหร่ แต่มันมีความจริงที่น่าเหลือเชื่อจากสิ่งที่เป็นนั้นอยู่ ในประชากรทั้งหมดบนโลกของเรานั้นจะมี 1 เปอร์เซ็นต์ที่มีแนวโน้มจะมีอาการดังกล่าว เกิดจากการพัฒนาที่ผิดปกติของสมอง แต่เรื่องที่น่าตกใจจริงกลับไม่ใช่เรื่องนี้ มันคือเรื่องที่ว่าคนเหล่านั้นมีโอกาสสูงที่จะประสบความสำเร็จ อย่างน้อยก็คือการมีชื่อเสียง ทำเงินได้มากมาย หรือได้อยู่ในตำแหน่งสูงๆ ของบริษัท สิ่งที่พอบอกเราได้ว่านั่นอาจหมายถึงการสะท้อนให้เห็นสถานะของมนุษย์ ไม่ได้เป็นเรื่องที่สำคัญอะไร แต่เรามาลองทำความเข้าใจกันดีกว่าว่าทำไมพวกเขาถึงประสบความสำเร็จ และนำมาพัฒนาตัวเราเองกันเถอะ อย่างแรกขอให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่าคนโรคจิตนั้นหมายถึงคนที่บกพร่องในการทำความเข้าใจกับบางสิ่งบางอย่าง ดังนั้นจึงไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคจิตจะต้องเป็นฆาตกรต่อเนื่อง หรือคนบ้าเหมือนที่เราเห็นกันในหนัง อาการโดยสรุปที่สามารถเข้าใจได้ง่ายคือ ไม่มีความรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำ ขาดความเห็นใจผู้อื่น มีแนวโน้มชอบที่จะชักใยและใช้ประโยชน์จากคนรอบข้าง มีความมั่นใจและมั่นหน้าที่สูง รักตัวเองมองว่าตัวเองมีคุณค่า ขาดความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเอง จึงอาจมีทักษะในการเลียนแบบความรู้สึกและอารมณ์ของผู้อื่นที่สูงมาก ยิ่งไปกว่านั้นคือมีแนวโน้มที่จะเป็นคนหุนหันพลันแล่นและมองว่ากฎเกณฑ์ บรรทัดฐานของสังคมเป็นเรื่องที่ไร้สาระ เมื่อเราพอเข้าใจอาการของโรคดังกล่าวแบบคร่าวๆ แล้ว ก็มาดูเหตุผลที่พวกเขามักจะประสบความสำเร็จกันเลย ความมั่นใจคือทุกสิ่ง คนกลุ่มนี้จะมีความมั่นใจที่สูงมาก ด้วยสิ่งนั้นจะทำให้ผู้คนรู้สึกไว้ใจและเชื่อใจพวกเขาได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถพูดจูงใจผู้อื่นในการเจรจาต่อรองได้ดี แน่นอนว่ามันจะทำให้พวกเขาดูฉลาดและมีความสามารถมากกว่าผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือผู้อยู่เบื้องล่าง การพัฒนาเรื่องนี้นั้นไม่ยาก เราเพียงแค่แสดงความมั่นใจออกมาเวลาที่อยู่ข้างนอก ก็จะสามารถสร้างความเคารพจากเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี และหากกลัวว่าจะดูมั่นใจในตัวเองมากเกินไปก็ไม่ต้องกังวล เพราะความมั่นใจยังคงแตกต่างกับความเย่อหยิ่งอย่างเห็นได้ชัด รู้วิธีการเข้าหาผู้อื่น คนประเภทนี้จะมีทักษะในการชักใยผู้อื่น โดยการแสร้งทำเป็นเข้าใจและเห็นอกเห็นใจ…
-
16 เคล็ดไม่ลับสำหรับพูดคุยกับ “คนตัวเตี้ย” ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อนว่า… แบบนี้ก็ได้เหรอ!?
ต้องบอกก่อนเลยว่าสำหรับคอนเทนท์นี้ เราไม่ได้ต้องการจะเหยียดคนที่มีความสูงต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานแต่อย่างใด เพียงแต่เราแค่อยากเอาเคล็ดลับดีๆ มาแนะนำก็เท่านั้นเอง หลายคนอาจจะสงสัยว่าการคุยกับคนเตี้ยเนี่ย เราควรจะวางตัวยังไงให้เหมาะสมกับกาละเทศะมากที่สุด ดังนั้นเราจะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 16 เคล็ดไม่ค่อยลับที่ชาวเน็ตนำมาแชร์กันบนเว็บไซต์ Imgur 1. ถ้าเจอเตี้ยมากๆ ก็อาจจะต้องใช้แว่นขยายบ้างอะไรบ้าง… 2. บางคนอาจจะตัวไม่สูงขึ้นเลยตั้งแต่เด็ก ถ้าแบบนั้นก็เอาเห็ดมาริโอ้มาให้มันกินซะเลยสิ!! 3. ใครว่าไมเคิล แจ็คสันเต้นมั่ว จริงๆ แล้วเค้าพยายามสอนวิธีคุยกับคนเตี้ยให้ชาวโลกมาตั้งนานแล้ว 4. อย่าไปยืนกอดอกคุยกับเค้านะ แบบนั้นมันเสียมารยาท ต้องทำแบบในภาพขวานี่รู้ไหม!? 5. เพื่อนตัวเตี้ยจะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป เพียงแค่คุณใช้รถเครนยกพวกเขาขึ้นมา 6. หรือไม่ก็.. จับมันมายืดแขนขาแบบในยุคกลางซะเลย 7. วิธีนี้ก็เวิร์คใช้ได้เลยนะ หาผ้าคลุมลอยได้มาให้มันใส่ซะนี่ 8. ถ้าการเป็นซูเปอร์แมนมันยาก อาจจะลองไปหาแมงมุมมากัดเป็นสไปเดอร์แมน จะได้โหนตัวมาคุยกับเพื่อนเตี้ยได้ยังไงละ 9. แต่บางทีถ้ามันคุยไม่รู้เรื่องก็… เอาแม่มเลย!! 10. ไหนๆ ก็เตี้ยแล้ว..…
-
สองหนุ่มเผยเคล็ดลับ ‘การเนรมิตอกอึ๋ม’ สำหรับหนุ่มๆ ให้ผุดขึ้นมาได้ภายในพริบตา!!
สาวๆ ที่มีหน้าอกเล็ก อาจจะรู้สึกกังวลเป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวยแล้ว บางครั้งยังถูกแซวว่านี่หน้าอกหรือแม่คุณเอย ทำไมมันเรียบอย่างกับไม้กระดาน แหม!! คิดแล้วก็เซ็งไม่น้อยเลยใช่ไหมละ ถ้าอย่างนั้นหมดกังวลไปได้เลย เพราะจริงๆ แล้ว สาวๆ อกไข่ดาวทั้งหลายก็สามารถสร้างหน้าอกของตัวเองให้ดูตู้มได้ โดยที่ไม่ต้องพึ่งการทำศัลยกรรมเลย และนี่คือคลิปวีดีโอจาก Noah และ Ross สองหนุ่มที่จะมาทดลองวิธีการสร้างอกให้อึ๋มภายในพริบตา บอกเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้มันเจ๋งจนน่าเหลือเชื่อ ว่าแล้วก็ไปดูกันได้เลย มาดูอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมกันก่อน -บราซิลิโคนไร้สาย -ยกทรง 2 ชิ้น เอาให้ตูมกันไปเลย -ถุงเท้าเพิ่มความอึ๋ม 2 คู่ -บรอนเซอร์ -แปรงบรัช -รองพื้น -ไฮไลท์ ต่อไปเป็นสร้างอกให้อึ๋มได้ดั่งใจ เริ่มจากใส่บราซิลิโคลนแบบไร้สาย ตามด้วยใส่ยกทรงทับเข้าไป 2 ชั้น เท่านั้นยังไม่พอ หากอยากจะเพิ่มความตู้มเข้าไปอีก ให้โกยเนื้อเข้าด้านข้าง แล้วนำถุงเท้ามายัดเข้าไปใต้หน้าอก ต่อไปเป็นการเพิ่มความสมจริงโดยการสร้างแสงและเงา โดยเริ่มจากใช้แปรงบรัชจุ่มไปที่บรอนเซอร์ จากนั้นก็เริ่มวาดโครงร่างหน้าอกที่ต้องการบริเวณเนินอก นำรองพื้นมาลงบริเวณร่องอกตามภาพ จากนั้นใช้แปรงเกลี่ยให้ทั่วเพื่อสร้างความเนียน…