Tag: ศาล
-
หนุ่มทำร้ายแฟน ‘รอดคดี’ เพราะศาลมองว่า ฝ่ายหญิงดู “แข็งแรง” เกินจะเป็นเหยื่อ…?
เมื่อหญิงชาวอังกฤษถูกแฟนหนุ่มใช้ความรุนแรงใส่ แต่กลับได้รับการตัดสินจากศาลว่า เธอนั้น “แข็งแรง” เกินกว่าจะตกเป็นเหยื่อ จึงเกิดความไม่พอใจให้กับหลายคนที่ทราบเรื่อง Paul Measor วัย 35 ปี อดีตแฟนหนุ่มของ Lauren Smith วัย 24 ปี ถูกฟ้องในข้อหากดขี่ทางกายเป็นประจำทุกวัน ซ้ำยังสอนลูกชายวัยหนึ่งขวบให้พูดคำว่า “ไสหัวไป” กับสอนให้เรียกแม่ว่า “นางกาก” อีกด้วย Lauren ได้บันทึกเสียงของ Paul มาเป็นหลักฐานถึง 9 ชิ้น ทั้งหมดถูกเปิดในชั้นศาล หนึ่งในหลักฐานพบว่า Paul มีการถ่มน้ำลายใส่ฝ่ายหญิงด้วย Lauren Smith แต่อย่างไรก็ตาม Helen Cousins ผู้พิพากษาเขต กลับตัดสินให้ Paul นั้นพ้นข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยผู้พิพากษากล่าวว่า… “ฉันแน่ใจว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการบงการและบังคับขู่เข็ญ แต่มัน ไม่ได้ส่งผลร้ายแรง กับเหยื่อ อีกอย่างเหยื่อนั้นดูเป็น ผู้หญิงที่แข็งแรง และมีศักยภาพที่จะรับมือกับเรื่องนี้ได้ ฉันจึงไม่อาจพูดได้ว่าการกระทำของเขามีผลร้ายแรงกับเธอในบริบทดังกล่าวมานี้” ส่วนทางฝ่าย Lauren…
-
ศาลจีนออกมาตรการ “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” เพื่อลดอัตราการหย่าและผลกระทบต่อเด็ก!!
คนเราบางครั้งก็ทำอะไรลงไปโดยที่ไม่ทันคิด อาจจะเป็นเพราะ อารมณ์ ที่เกิดขึ้นที่ทำให้เราตัดสินใจอะไรที่ผิดพลาด ฉะนั้น การรอให้อารมณ์สงบลงจึงเป็นวิธีที่ดีในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับคู่รักหรือคู่สามีภรรยาก็เช่นกัน ยามที่มีปัญหากันจนเกิดการทะเลาะวิวาทหลายต่อหลายคู่อาจหยุดความสัมพันธ์กันไว้ตรงนั้น แต่บางครั้งการ “หย่าร้าง” ก็ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดีเสมอไป วันนี้ศาลประชาชนสูงสุดของประเทศจีน ได้มองเห็นความสำคัญของการหย่าร้างและเพื่อลดอัตราการหย่าร้างของผู้คนในประเทศ จึงเกิดเป็นนโยบาย “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” หรือ Calm down period นั่นเอง มาตรการนี้ถูกร่างโดยศาลสูงสุดของประเทศซึ่งรวมไปถึงจะมีการปฏิรูปทางกฎหมายอีกด้วย มาตรการนี้มีหลักสำคัญก็คือการให้คู่สมรสที่ต้องการยื่นเรื่องหย่าร้างได้เข้าสู่งช่วงเวลา 3 เดือนของการสงบสติอารมณ์ เพื่อให้มีการไตร่ตรองและพิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจหย่าร้างจริง ภายในระยะเวลา 3 เดือนดังกล่าว ทางศาลจะทำการเก็บข้อมูลสภาวะและสถานการณ์ในครอบครัวของคู่สมรสที่กำลังจะหย่าร้าง และให้คู่สมรสเข้ารับคำปรึกษาจากนักจิตวิทยา ทั้งคู่จะยังไม่สามารถหย่าร้างกันตามกฎหมายได้จนกว่าจะครบกำหนดเวลา Guo Jie ผู้พิพากษาของศาลประชาชนชั้นกลางกว่าวว่ามาตรการ “สงบอารมณ์ 3 เดือนก่อนหย่า” นี้มุ่งเน้นไปที่คู่สมรสที่มีบุตรที่ยังเด็กเพราะไม่อยากให้เด็กเหล่านั้นพบเจอกับปัญหาทางครอบครัวและจิตใจ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พ่อแม่แยกทางและหย่าร้างกันนั่นเอง อย่าคิดว่าการ “หย่า” เป็นเรื่องง่ายๆ ที่ทำแล้วจบ ผลกระทบที่มีต่อบุตรซึ่งยังเด็กนั้นสำคัญมาก มันอาจกำหนดว่าเขาจะเติบโตมาเป็นคนอย่างไรได้เลยทีเดียว ที่มา: nextshark และ chinadaily
-
คดีสะเทือนโลก แฟนสาวยุยงหนุ่มให้ “ฆ่าตัวตาย” ทนายให้รื้อคดี “เป็นเสรีภาพในการพูด”
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญไปทั่วทั้งโลก เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2017 สำนักข่าว AP ได้รายงานเรื่องของกรณีวัยรุ่นสาวชาวอเมริกัน Michelle Carter ผู้ยุยงแฟนหนุ่ม Conrad Ray ให้ฆ่าตัวตายผ่านการส่งข้อความ เรื่องราวจากการสอบสวนพบว่าหญิงสาวได้พยายามยุยงให้แฟนหนุ่มฆ่าตัวตาย ผ่านข้อความมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง จนกระทั่งในวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 2014 แฟนหนุ่มของเธอได้รมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ตัวเอง ด้วยการเปิดเครื่องปั๊มน้ำและสอดท่อไอเสียอัดเข้าไปในรถยนต์ ในช่วงจังหวะหนึ่งที่เขารู้สึกกลัวกับการฆ่าตัวตาย แฟนสาวก็ส่งข้อความยุยงให้เขากลับเข้าไปในรถเพื่อทำให้สำเร็จ จนในที่สุดแล้วเขาก็เสียชีวิต… โดยคดีนี้ได้มีการสืบสวนมาอย่างยาวนาน มีทั้งการค้นประวัติการแชทกัน วิเคราะห์ข้อความที่ส่งให้กันเพื่อให้ทราบเจตนาที่แท้จริงของทั้งสองฝ่าย ผู้ต้องหา Michelle Carter และแฟนหนุ่มผู้เคราะห์ร้าย Conrad Ray Marie Claire Flynn อัยการได้ชี้แจงว่า “ผู้ต้องหาพยายามยุยงให้ชายหนุ่มฆ่าตัวตาย โดยให้เหตุผลเพียงเพื่อต้องการให้คนมาสงสารเธอ จากหลักฐานทั้งหมดเราพบว่า ในวันที่แฟนหนุ่มเข้าไปรมก๊าซพิษในรถ หญิงสาวไม่ได้โทรหาเจ้าหน้าที่ หรือผู้ปกครองของแฟนหนุ่มเลย แต่สิ่งที่เธอทำกลับตรงกันข้าม..” โดยข้อความส่วนหนึ่งที่เปิดเผยจากหลักฐานในวันที่เกิดเหตุระบุว่า “เธอต้องทำให้ได้นะ Conrad ยิ่งเธอพยายามฝืนเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งพบกับความสุขมากเท่านั้น สิ่งที่เธอต้องทำก็แค่เปิดเครื่องนั่น ทำตัวตามสบายทำใจให้สงบ ถ้านั่นเป็นสิ่งที่เธอเฝ้าหามาตลอด…
-
ศาลจีนใช้แอป Tik Tok จัดทำคลิปประจานลูกหนี้ แถมได้ผลจริง จนมีคนยอมมาจ่าย!?
การติดตามทวงหนี้สินที่ควรชำระนั้นเป็นเรื่องที่ยากพอสมควรเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเล่นด้วยแง่ของข้อกฎหมายแล้วก็ตาม คนที่ไม่ยอมจ่าย ยังไงก็ไม่ยอมจ่ายจริงๆ กรณีตัวอย่างจากประเทศจีนนี้ เมื่อศาลสูงได้จัดทำรายชื่อผู้ค้างชำระหนี้สินในปี 2013 มีจำนวนชื่อมากถึง 7 ล้านชื่อด้วยกัน ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปิดโปง (ประจาน) ทั้งบุคคลและบริษัทที่ก่อหนี้จนกลายเป็นหนี้สูญ ไม่ยอมจ่ายเสียที จีนเคยใช้วิธีประจานลูกหนี้ ผ่านสื่อสาธารณะมาแล้ว และด้วยความพยายามของศาลสูง ทางด้านศาลท้องถิ่นเมืองหนานหนิง จึงยกระดับให้สามารถเข้าถึงลูกหนี้และมีความเข้มข้นยิ่งขึ้น ด้วยการนำแอปยอดฮิตอย่าง Douyin (นอกจีนมีชื่อว่า Tik Tok) มาทำคลิปสั้นๆ ใส่หน้าลูกหนี้เข้าไป พร้อมกับเพลง และแชร์ลงไปในแอป ผลของการใช้แอปดังกล่าว ส่งผลทำให้ลูกหนี้รายหนึ่งโผล่มาจ่ายหนี้มูลค่า 2,600,000 บาท ต่อศาลในวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา หลังจากที่เขาได้เห็นทั้งชื่อ ภาพถ่ายหน้าตรง และเลขประจำตัวประชาชนโผล่ในคลิป… “ผมรู้สึกอายมากๆ เพราะกลัวเพื่อนของผมอาจจะมาเห็นเข้า” ลูกหนี้กล่าวถึงคลิปที่ถูกประจาน อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้แอปนี้ด้วย เนื่องจากแอป Douyin นั้นเป็นแอปที่ได้รับความนิยมสูงในจีน มีผู้ใช้กว่า 300 ล้านคนภายในประเทศ ทางศาลจึงเล็งเห็นช่องทางที่จะเข้าถึงตัวลูกหนี้ได้…
-
การตัดสินโทษประหาร ในวันต่อต้านยาเสพติดจีน มีคนร่วมดู 300 ชีวิต แอมเนสตี้ชี้ ‘ป่าเถื่อน’
การเชือดไก่ให้ลิงดู อาจจะเป็นวิธีที่โหดร้ายและรุนแรงเกินไปสำหรับบางคน และในประเทศจีน เรื่องทำนองนี้ยังคงเกิดขึ้นอยู่เสมอกับการตัดสินโทษขั้นสูงสุดของผู้กระทำผิด คือการ ‘ประหารชีวิต’ ต่อหน้าสามัญชนที่ร่วมเป็นสักขีพยาน การตัดสินโทษประหารครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ตามวันเวลาของประเทศจีน ทางเว็บไซต์ hinews ได้ทำการเผยแพร่ภาพการตัดสินโทษประหารของศาลเฉียงซาน ร่วมกับศาลประชาชนกลางไหโขว่ ท่ามกลางประชาชนร่วมเป็นสักขีพยานกว่า 300 ชีวิต พร้อมกับถ่ายทอดสดไปทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานเป็นนักเรียนส่วนใหญ่ ถูกบังคับให้เข้าร่วมชมตัดสินโทษประหารกลางพื้นที่สาธารณะในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าส่วนใหญ่จะมาในชุดนักเรียนจริงๆ พร้อมกับประชาชนบางส่วนที่เป็นคนในพื้นที่มณฑลไหหลำ การตัดสินโทษเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการจากรัฐบาล เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลกที่ตรงกับทุกๆ วันที่ 26 มิถุนยานทุกปี Cai Liqun โดยนักโทษรายแรกคือนาย Cai Liqun วัย 39 ปี ถูกจับกุมในข้อหาลักลอบค้ายาบ้าและยาเสพติดชนิดใหม่ Magu (มีส่วนผสมระหว่างยาบ้าและคาเฟอีน) โดยที่นาย Cai ลักลอบขนยาผ่านทางไปรษณีย์ หลายครั้งในช่วงเดือนกันยายน ถึงเดือนพฤศจิกายนในปี 2015 Huang Zhengye …
-
เพื่อนไม่อยากทนทุกข์จากมะเร็ง หนุ่มยินดีขับรถทับ แต่สุดท้ายจบที่ ‘การฆาตกรรม’
ในเบื้องต้นแล้วทุกท่านอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘การุณยฆาต’ กันมาบ้างแล้ว ซึ่งการกระทำดั่งกล่าวคือการทำให้หนึ่งชีวิตนั้นจากไปอย่างสงบ ด้วยจุดประสงค์ที่ว่าไม่อยากปล่อยให้พวกเขาเหล่านั้นต้องทนกับความเจ็บปวดอีกต่อไป… ซึ่งกรณีแบบนี้ก็เกิดขึ้นได้ด้วยความยินยอมระหว่าง ผู้รับการการุณยฆาตและผู้ลงมือการุณยฆาต จะต้องมีเอกสารเซ็นยินยอมที่ชัดเจน และจะไม่มีผลทางคดีความใดๆ ในภายหลัง แต่แล้วมันกลับเกิดผิดเพี้ยนไป เมื่อชายหนุ่มชาวจีนถูกเพื่อนป่วยโรคมะเร็ง ขอร้องให้จบชีวิตเธอเสียที เพราะไม่อยากทนอยู่กับความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว หญิงแซ่ Wu ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกในปี 2008 และเข้ารับการรักษาแบบเคมีบำบัด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอรู้สึกว่าไม่อาจแบกรับความเจ็บปวดได้อีกต่อไปแล้ว และได้ขอร้องในเพื่อนชายแซ่ Xu ขับรถทับร่างเธอเสีย เพื่อไม่ให้เธอต้องทนทุกข์ทรมาณอีกต่อไป ในช่วงเดือนพฤษภาคมของปี 2017 Xu เองก็ตกลงปลงใจที่จะทำตามคำขอ ซึ่งทางด้านสามีของนาง Wu นั้นก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนชายคนนี้จะไม่ต้องมารับผิดชอบอะไรในภายหลัง… และแล้ววันตัดสินชีวิตก็เกิดขึ้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2017 ภาพจากกล้องภายในรถ เผยให้เห็นว่าเขาขับรถเพื่อเหยียบร่างของนาง Wu กลางถนนในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งหลังจากที่เกิดเหตุไปแล้ว Xu ก็ได้ทำการโทรเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าเพื่อนของเขาเสียชีวิตแล้ว และกระทำการถอยรถเหยียบซ้ำอีกหนึ่งรอบ …
-
เพื่อนโจรวางช่อดอกไม้ทำที่เคารพศพให้โจรที่โดนแทงตาย แถมปิดถนนเดือดร้อนชาวบ้าน
เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมานาย Henry Vincent หัวขโมยวัย 37 ได้เสียชีวิตลงในโรงพยาบาลหลังจากที่ถูกแทงโดยนาย Richard Osborn-Brooks ชายวัย 78 ปีผู้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยเงินบำนาญกับภรรยาผู้พิการ ในระหว่างที่เขาลักลอบเข้าไปขโมยของ Richard Osborn-Brooks เจ้าของบ้าน (ซ้าย) กับ Henry Vincent หัวขโมยผู้เสียชีวิต (ขวา) หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางศาลได้มีการละเว้นโทษของนาย Richard ในคดีฆ่าคนตายโดยบอกว่าเป็นการลงมือเพื่อป้องกันตัว ทำให้บรรดาคนที่รู้จักของ Vincent ไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาได้รวมตัวกันเพื่อนำช่อดอกไม้ไปวางที่รั้วบ้านของนาย Richard ซึ่งห่างจากที่เกิดเหตุไปราวๆ 18 เมตร ทำให้พื้นที่ในบริเวณที่ว่ากลายเป็นที่เคารพศพของนาย Vincent ไป . . เนื้อความในช่อดอกไม้นั้นมีตั้งแต่การแสดงความเสียใจต่อนาย Vincent ที่จากไป เรื่อยไปจนถึงจดหมายจากลูกสาวของเขาและจดหมายที่ระบุว่าเพื่อนๆ ของเขาจะทำการล้างแค้นให้แก่เขาให้ได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเนื้อความในจดหมายที่พบสร้างความไม่สบายใจให้แก่ชาวบ้านในละแวกนั้นมาก ชาวบ้านบางส่วนถึงกับออกมาบอกว่าการกระทำที่ทำเหมือนกับว่านาย Vincent เป็นเหยื่อคนหนึ่ง ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้ว เขามีความคิดที่จะทำร้ายร่างกายคนชรา และคนพิการมันเป็นอะไรที่น่าขยะแขยงมาก นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่ออกมาบอกด้วยว่าเหล่าเพื่อนๆ ของนาย Vincent ได้ออกมาทำการปิดถนน สร้างความเดือดร้อนจนต้องมีการขอร้องให้ตำรวจทำอะไรสักอย่าง อย่างไรก็ตามทางตำรวจได้ออกมาบอกว่าการสร้างที่เคารพศพแก่คนตายในครั้งนี้ไม่ได้ขัดต่อหลักกฎหมายทำให้ทางตำรวจไม่สามารถรื้อถอนที่เคารพศพนี้ออกไปได้ สถานการณ์ล่าสุดของเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ทนไม่ไหวกับการปิดถนนได้เข้าไปพยายามทำลายที่เคารพศพของนาย Vincent …
-
พ่อชาวญี่ปุ่นชนะสิทธิการดูแลเด็กๆ กว่า 13 คน ที่เกิดจากการจ้างหญิงไทยอุ้มบุญ!!!
หลังจากเคยเป็นคดีอื้อฉาวในปี 2017 ที่ผ่านมา ถึงกรณีของมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่จ้างคนไทยอุ้มบุญให้กับน้ำเชื้อของเขา และมีเด็กกำเนิดออกมาถึง 13 คนในประเทศไทย ในตอนนี้ศาลได้มีคำสั่งให้เขาชนะความ และมีสิทธิในการดูแลเด็กๆ เหล่านั้นอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากคุณแม่อุ้มบุญได้ยกเด็กๆ เหล่านี้ให้แต่โดยดี โดยจุดกำเนิดของเรื่องราวนี้ได้เกิดขึ้นในปี 2014 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าบุกเข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมที่ใช้เป็นสถานที่อุ้มบุญแห่งหนึ่ง และพบเด็กจำนวนกว่า 9 คนที่นั่น นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ หลังจากนั้นจึงมีการตรวจสอบดีเอ็นเอแล้วก็พบว่าเด็กๆ ทั้ง 9 คนมีดีเอ็นเอตรงกับ นายมิตซึโตะกิ ชิเกะตะ ชาวญี่ปุ่น ทางเจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ แต่ก็ยังไม่ได้มีการตั้งข้อหาเขาแต่อย่างใด โดยเด็กๆ ที่พบมีอายุอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ – 2 เดือนในเวลานั้น ซึ่งเด็กๆ ทั้ง 9 คนก็อยู่ในการดูแลของรัฐบาลไทย ระหว่างที่มีขั้นตอนการสืบสวนเกิดขึ้น ทว่าหลังจากนั้นก็ได้มีการสืบค้นเพิ่มเติมและได้พบเจอเด็กอีก 4 คนที่มีดีเอ็นเอตรงกับเขา และเมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วก็ปรากฏว่าชายคนนี้เป็นพ่อของเด็กถึง 13 คนเลยทีเดียว พี่เลี้ยงดูแลเด็กๆ ทั้ง 9 คน การค้นพบทั้งหมดในครั้งนี้ เป็นผลจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลงมือกวาดล้างธุรกิจการอุ้มบุญที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศไทยในขณะนั้นนั่นเอง…
-
‘เขาคือปีศาจในร่างมนุษย์’ ความในใจนักยิมนาสติกสหรัฐฯ ผู้ถูกแพทย์ผู้ดูแลล่วงเกิน
ในช่วงปีที่ผ่านมานั้น หากจะกล่าวถึงคดีความที่เกิดขึ้นและกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก ก็คงหนีไม่พ้นในเรื่องของคดีการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางวาจาและการปฏิบัติลงมือ ต่างก็ถูกเปิดเผยออกมาจากผู้มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ จนเกิดเป็นกระแสการต่อต้านและแฉพฤติกรรมฉาวผ่านแฮชแท็ก #metoo ไปทั่วโลกออนไลน์ และในครั้งนี้ #เหมียวเลเซอร์ ก็จะขอพูดถึงประเด็นนี้อีกครั้ง เนื่องจากมีคดีความใหญ่เกิดขึ้นในแวดวงกีฬาของประเทศสหรัฐอเมริกา และเพิ่งจะขึ้นศาลฟ้องร้องกันไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม 2018 McKayla Maroney นักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐฯ ผู้คว้าเหรียญทองโอลิมปิกในปี 2012 จุดเริ่มต้นของเรื่องอื้อฉาวในวงการยิมนาสติกของสหรัฐฯ Lawrence G. Nassar คือแพทย์ผู้ดูแลนักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐอเมริกา เขาได้รับใบประกอบวิชาชีพแพทย์ในสาขาออสทีโอพาธี (อันเป็นระบบการดูแลสุขภาพ ที่ประสานการนวดเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบัน) และเขาก็ได้ทำการเปิดคลินิก พร้อมทั้งเป็นผู้ดูแลชมรมยิมนาสติก ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตอีกด้วย Lawrence G. Nassar แพทย์ผู้ดูแลนักยิมนาสติกทีมชาติสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งในเดือนกันยายน ปี 2016 หนังสือพิมพ์ Indianapolis Star เปิดเผยว่า อดีตสองนักยิมนาสติกได้กล่าวหานาย Nassar ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งเมื่อทางมหาวิทยาลัยมิชิแกนสเตตทราบเรื่อง จึงทำการย้ายงานสอนในชมรมของเขา ก่อนที่จะไล่ออกในเวลาเพียงไม่นาน… การจุดประกายไฟเล็กๆ…
-
ขมคอก็ขอลา!! หนุ่มขอหย่าแฟนสาว หลังทนไม่ได้กับนิสัย “อาบน้ำปีละครั้ง” ของเธอ
ศาลของเมืองไทเปได้อนุมัติการขอหย่าของคู่สามีภรรยาคู่หนึ่ง โดยฝ่ายสามีเป็นผู้ร้องขอการหย่าเนื่องจากทนไม่ไหวกับพฤติกรรมการดูแลความสะอาดร่างกายของภรรยา ที่เขาอ้างว่า “เป็นการทรมานทางจิตใจ” กันเลยทีเดียว เจ้าทุกข์ซึ่งไม่เปิดเผยชื่อกับทางสื่อมวลชน กล่าวว่าภรรยาของเขาที่มีสกุลว่า หลิน (Lin) อาบน้ำปีละครั้งเท่านั้น อีกทั้งยังไม่ค่อยแปรงฟันกับสระผมอีกด้วย เขาเล่าว่าเมื่อก่อนแต่งงาน หลินเป็นคนที่อาบน้ำสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งเขายังรับได้ แต่พฤติกรรมนั้นมาแย่ลงหลังจากแต่งงาน การอาบน้ำ แปรงฟัน และสระผมก็ค่อยๆ ทิ้งระยะห่างมากขึ้น กลายเป็นเดือนละครั้ง จนกระทั่งปีละครั้งในที่สุด เจ้าทุกข์เล่าถึงการมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาว่า ด้วยพฤติกรรมการดูแลความสะอาดของภรรยาที่กล่าวมานั้น ทำให้เขาและภรรยามีเพศสัมพันธ์กันประมาณปีละครั้งสองครั้งเท่านั้น พวกเขาจึงไม่มีลูกมาราว 10 ปีแล้ว อีกทั้งยังกล่าวอีกว่า หลินไม่มีงานทำ ซ้ำยังห้ามไม่ให้ตัวเขาเองไปทำงานอีกด้วย เพราะอยากให้อยู่ทำอาหารและดูแลพ่อของเธอที่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวร่างกาย (หลังจากพ่อของหลินได้เปิดร้านล็อตเตอรี่ เธอก็ห้ามไม่ให้สามีของเธอไปทำงานใดเลย) “เรายังคงยากจน เพราะเราทั้งคู่ไม่มีใครทำงาน” เจ้าทุกข์กล่าว พร้อมบอกว่าไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าประกันสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการพบทันตแพทย์ได้ เขาบอกว่าเงินที่ใช้จ่ายแต่ละวันนั้นเป็นเงินน้อยนิดที่แม่ของหลินแบ่งให้มาเท่านั้น เจ้าทุกข์บอกว่าเขาแยกตัวออกมาเพื่อหางานในนครซินจู๋ ช่วงปลายปี 2015 แต่ทำงานได้เพียงหนึ่งเดือน ภรรยาของเขาก็ตามมาหาถึงที่เพราะต้องการให้ลาออก เขาจึงตัดสินใจที่จะขอหย่ากับเธอ อีกด้านหนึ่ง หลินกล่าวว่าชายผู้เป็นสามีให้การเท็จเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา พร้อมทั้งบอกอีกว่าพ่อแม่ของหลินดูแลเขาอย่างดีเหมือนเป็นลูกชายแท้ๆ เธอบอกว่าที่เธอปฏิเสธการขอหย่า และตามไปหาสามีถึงที่ทำงานนั้นเป็นเพราะไม่มีการติดต่อกลับมาจากเขาเลย แม่ของหลินนั้นให้เงินแก่ทั้งคู่เนื่องจากเห็นว่าทั้งคู่ไม่มีงานทำมาหลายปีแล้ว ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องมาเลี้ยงพวกเขาขนาดนี้ …
-
เมืองไทยคิดว่ายังไง!? นี่คือบทลงโทษใหม่ ที่รัฐบาลเกาหลีใต้ จะใช้กับผู้กระทำความผิดคดีข่มขืน!!
เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ยินข่าวเกี่ยวกับการข่มขืน บทลงโทษที่เรามักจะได้ยินเกี่ยวกับโทษในลักษณะนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการถูกตัดสินจำคุก แต่สำหรับที่ประเทศเกาหลีใต้นั้นพวกเขาได้ออกมาตรการใหม่ในการลงโทษดังกล่าวนั่นก็คือการฉีดสารที่ทำให้เสื่อมสมรรถภาพทางเพศนั่นเอง!! ขณะนี้ทางการเกาหลีได้พิจารณาการนำสารเคมีลดสมรรถภาพทางเพศนี้มาใช้ในการลงโทษสำหรับคดีอนาจารและคดีข่มขืน โดยผู้ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดคดีข่มขืนเยาวชนอายุต่ำกว่า 16 ปี จะต้องเข้ารับการบำบัดด้วยสารดังกล่าวทุกๆ 1 เดือนนานถึง 15 ปี ร่างกฎหมายดังกล่าวนั้นถูกนำเสนอผ่านคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และกำลังมีการประชุมหารือถึงรายละเอียดในการลงโทษต่างๆ เกี่ยวกับกฎหมายดังกล่าวอยู่ในขณะนี้ สารเคมีดังกล่าวนั้นจะอยู่ในรูปของยาเม็ดหรือยาฉีด ซึ่งจะช่วยลดความต้องการทางเพศของผู้ต้องหา และนอกจากนี้ยังทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวอีกด้วย โดยทางการคาดว่าการบำบัดนี้จะประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าผู้ต้องหาจะออกจากโครงการแล้วก็ตาม ประเทศเกาหลีใต้ได้เริ่มแนวคิดดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2011 และกลายเป็นประเทศแรกในแถบเอเชียที่เริ่มนำวิธีดังกล่าวมาใช้ในกระบวนการยุติธรรม หลังจากที่ปัญหาอาชญากรรมทางเพศในประเทศนั้นเริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ในร่างกฎหมายดังกล่าวยังได้เสนอเงื่อนไขให้มีการใช้ยาดังกล่าวกับนักโทษก่อนที่พวกเขาจะพ้นโทษประมาณ 6 ถึง 9 เดือน ถึงแม้ว่าการใช้ยาดังกล่าวนั้น จะได้รับการศึกษาและการประเมินทางจิตเวชจากผู้เชี่ยวชาญแล้ว แต่ทางด้านฝ่ายค้านเองก็ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการใช้สารเคมีดังกล่าว จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ต้องหาหรือไม่ นอกจากนี้ทางด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์เองก็ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า ในขณะนี้การศึกษาเกี่ยวกับตัวยาดังกล่าวนั้นยังมีข้อมูลไม่เพียงพออีกด้วย ชมรายงานเพิ่มเติมได้ที่คลิปวิดีโอด้านล่างนี้เลย… ที่มา koreaherald
-
พ่อของเหยื่อฆาตกรรม ดึงสลักระเบิดกลางศาล พลีชีพตัวเองและแก้แค้นจำเลย
การพรากชีวิตของผู้อื่นไปย่อมเกิดผลกระทบที่ตามมาหลายๆ อย่าง หนึ่งในนั้นก็คือความรู้สึกโกรธแค้นของผู้ที่ต้องสูญเสียคนที่รักจนอาจเกิดเป็นการแก้แค้นอย่างในเหตุการณ์นี้ เรื่องราวนี้เกิดขึ้นที่ศาลเมืองนิโคปอล ประเทศยูเครน ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2017 ขณะที่พวกเขากำลังไต่สวนคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2016 จู่ๆ พ่อของเหยื่อในคดีนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับดึงสลักระเบิดมือและทำการพลีชีพตัวเอง แรงระเบิดก็ได้ทำให้เขาเสียชีวิตทันทีพร้อมกับจำเลยอีกคนหนึ่ง ที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวและเสียชีวิตหลังถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล จำเลยอีกสามคนก็บาดเจ็บสาหัสและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน รวมถึงเจ้าหน้าที่ศาลสองคนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอีกสองคน ที่โดนลูกหลงไปด้วย แรงระเบิดอันมหาศาลจนเกือบทำให้ประตูศาลหลุดออกมา จุดเริ่มต้นของการสูญเสียในครั้งนี้เชื่อว่าเกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและทหาร Kiev ในประเทศยูเครน ที่มีมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2014 จนทำให้มีคนตายมากกว่า 10,000 คน และทำให้จำเลยในคดีฆาตกรรมปี 2016 ฆ่าตายไปอีกสองคน ก่อนที่พ่อของเหยื่อรายหนึ่งในคดีนั้นจะกลับมาแก้แค้นในที่สุด ความเสียใจที่เปลี่ยนเป็นความโกรธและกลายเป็นความแค้นในที่สุด ความแค้นคือสิ่งที่ทำให้เกิดการสูญเสียและความเสียใจเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง แน่นอนว่าอารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยาก โดยเฉพาะอารมณ์โกรธแค้น เกลียดชังเหมือนกับคุณพ่อคนนี้ แต่ถึงอย่างไรเราก็ควรไตร่ตรองให้ดีก่อนว่า การใช้อารมณ์มาเป็นตัวตัดสินการกระทำนั้นมันดีแล้วจริงๆ หรือ ที่มา: dailymail
-
เด็กนักเรียนญี่ปุ่นยื่นฟ้องหน่วยงานรัฐ เพราะบังคับให้ย้อมผมสีดำ ทั้งที่ผมสีน้ำตาลโดยกำเนิด
ในโรงเรียนทุกที่ต้องมีกฎระเบียบที่เคร่งครัด เพื่อที่จะได้ทำให้เด็กมีระเบียบวินัยและสามารถออกไปสู่โลกภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่บางครั้งกฎระเบียบก็อาจจะต้องมีขอบเขตสักนิด เพราะไม่งั้นมันอาจสร้างปัญหายุ่งยากตามมาได้… เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อมีหญิงสาวอายุ 18 ปีคนหนึ่ง ได้ยื่นเรื่องต่อศาลแขวง Osaka ประเทศญี่ปุ่น ฟ้องค่าเสียหายมูลค่า 2.2 ล้านเยน (ประมาณ 640,000 บาท) จากกรณีที่เธอถูกโรงเรียน Kaifukan บังคับให้ย้อมสีเป็นผมสีดำมิเช่นนั้นจะไม่ให้เธอมาเรียนอีกต่อไป โดยทางการ Osaka รวมถึงโรงเรียนมัธยมได้พยายามคัดค้านศาลให้ยกเลิกคดีนี้ กฎสีผมนักเรียน ของโรงเรียนในญี่ปุ่น โรงเรียนไฮสคูลหลายแห่งใน Osaka มีการลงทะเบียนเกี่ยวกับเรื่องสีผมตามธรรมชาติที่ไม่ใช่สีดำให้สามารถตรวจสอบได้ เมื่อถึงเวลาตรวจสอบนักเรียนประเภทนี้จะถูกตรวจสอบเส้นผม แล้วนำไปบันทึกลงข้อมูลเอาไว้ และนักเรียนประเภทนี้ยังต้องมีใบรับรองสีผมเพื่อที่จะรับรองได้ว่าพวกเขาไม่ได้โกหก หากพวกเขามีสีผมอื่นๆ ตามธรรมชาติจริงๆ โรงเรียนมีกฎห้ามย้อมผมเป็นสีอื่น เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องย้อมดำ!? ก่อนหน้าที่จะเข้าเรียนแม่ของเธอได้แจ้งกับทางโรงเรียนก่อนแล้วว่าเธอนั้นมีผลสีน้้ำตาลมาตั้งแต่กำเนิด แต่คุณครูในโรงเรียนกลับบังคับให้เธอย้อมผมเป็นสีดำหลายครั้งทำให้เธอมีผื่นขึ้นบนหนังศีรษะ รวมทั้งหนังศีรษะลอกเนื่องจากฤทธิ์ของยาย้อมผมทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก แต่คุณครูก็บอกว่านั่นยังดำไม่พอในเวลาที่ผมงอกออกมาใหม่ และยังถามนักเรียนสาวคนนี้อีกว่าจะย้อมผมหรือจะออกจากโรงเรียนไป? ซึ่งนั่นทำให้เธอหยุดไปโรงเรียนตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว ติดแบล็คลิสต์ จนถึงขั้นไม่ได้ไปโรงเรียน มีเหตุการณ์หนึ่งที่คุณครูใช้คำพูดรุนแรงกับนักเรียนสาวคนนี้โดยเธอบอกว่า “เพราะเธอเป็นลูกไม่มีพ่อใช่ไหม ถึงชอบทำตัวเด่นที่จะเปลี่ยนสีผมให้เป็นสีน้ำตาลอยูเรื่อย” ซึ่งหลังจากเธอได้ยินคำพูดนี้ก็ทำให้เธอมีอาการ Hyperventilate หรือที่เราเรียกกันว่า โรคไฮเปอร์จนต้องรีบส่งเข้าโรงพยาบาล เมื่อกันยายนปีที่แล้วก็มีคุณครูคนหนึ่งออกมาบอกกับนักเรียนสาวรายนี้ว่า “ถ้าเธอไม่ย้อมผมเป็นสีดำ เธอก็ไม่ต้องมาโรงเรียนอีกต่อไป”…
-
ครอบครัวยูทูบเบอร์ถูกศาลสั่งตัดสินสั่งจำคุก 5 ปี หลังทำคลิปวิดีโอแกล้งลูกแรงเกินเหตุ
บางครั้งการเล่นสนุกก็ควรจะมีขอบเขตและอยู่ในกรอบบ้าง เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้คุณต้องกลายเป็นผู้ต้องหาแบบครอบครัวนี้ก็ได้!! Michael และ Heather Martin สองสามีภรรยาจากรัฐแมริแลนด์ เจ้าของช่องยูทูบ DaddyOFive ได้ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี หลังจากที่ถูกแจ้งข้อหาทารุณกรรมเด็กเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยคลิปวิดีโอที่เป็นต้นเหตุเรื่องครั้งนี้ก็คือคลิปวิดีโอที่ใช้ชื่อว่า “Kids Prank” ซึ่งภายในคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้นเผยให้เห็นถึงการกระทำที่ไม่เหมาะสมกับเด็กๆ ในบ้านของเขา ภาพบางส่วนจากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นว่าสองสามีภรรยานั้นได้ตะคอกใส่พวกเด็กๆ อย่างรุนแรงจนพวกเขาร้องไห้ออกมา และนอกจากนี้ยังมีการลงมือทำร้ายร่างกายเด็กน้อยคนหนึ่งด้วยการผลักจนกระทั่งเจ้าหนูมีเลือดออกที่จมูก ทางสำนักงานตำรวจจาก Frederick County และศูนย์คุ้มครองเด็กภายในพื้นที่รัฐแมรี่แลนด์ จึงได้เริ่มทำการสืบสวนหาข้อเท็จริง หลังจากที่ถูกหลายๆ ฝ่ายร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของสามีภรรยาคู่นี้ คุณ Lindy Angel ผู้ช่วยอัยการเขตกล่าวว่า ทางครอบครัว Martins พร้อมกับเด็กๆ อีก 5 คนได้เข้ารับการประเมินทางด้านจิตวิทยา และพบว่าเด็กน้อย 2 จาก 5 คนนั่นก็คือหนูน้อย Cody วัย 10 ขวบและ Emma วัย 11 ขวบได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจซึ่งเป็นผลมาจากคลิปวิดีโอดังกล่าว นอกจากนี้ในคลิปวิดีโอส่วนใหญ่ของพวกเขาแล้ว เจ้าหนูน้อย Cody มักจะตกเป็นคนที่ถูกด่าและทำร้าย โดยหนึ่งในคลิปวิดีโอที่ถูกลบไปนั้น เผยให้เห็นตอนที่คุณ Heather ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของ Cody และ Emma กำลังด่าเด็กน้อยอย่างรุนแรงหลังจากที่เขาทำหมึกหกใส่พรหม…
-
ฆาตกรต่อเนื่อง ปรบมือยั่วยุครอบครัวเหยื่อ ไร้สีหน้าสำนึกผิด หลังถูกศาลตัดสินจำคุก 71 ปี
กลายเป็นที่วิพากย์วิจารย์บนโลกออนไลน์อย่างมาก หลังจากที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอของฆาตกรต่อเนื่องวัย 20 ปี ที่กำลังยิ้มโดยไม่มีความรู้สึกผิดและละอายใจ เมื่อเขาถูกศาลตัดสินโทษจำคุกนาน 71 ปี จากการกระทำฆาตกรรมเหยื่อมาแล้วหลายราย รวมถึงการฆ่าข่มขืนเหยื่อรายล่าสุด Cameron Wilson ฆาตกรโหดได้กล่าวประโยคออกมาเสียงดัง หลังจากที่เขาได้รับพิจาณาโทษว่า “อย่างน้อย ผมก็ยังมีชีวิตอยู่” โดยชายคนดังกล่าวถูกตัดสินว่ามีกระทำความผิดโดยเป็นการฆาตกรรม 5 ครั้ง ข่มขืน 1 ครั้ง และพยายามฆ่าอีก 3 ครั้ง หน้าตาที่ไร้ความรู้สึกผิดของ Cameron Wilson และนี่คือภาพของชายผู้นี้ หลังจากที่เขาทราบผลตัดสินคดีความ ระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล ชายหนุ่มก็ไม่ได้แสดงสีหน้าเศร้าโศกหรือรู้สึกผิดแต่อย่างใด แถมเขายังยิ้มและหัวเราะตลอดการรับฟังข้อกล่าวหาอีกด้วย โดยเหยื่อรายสุดท้ายของนาย Wilson นั้นก็คือ Lekita Moore สาวน้อยวัย 18 ปี ที่ถูกฆาตกรโหดรายนี้ข่มขืนและกระหน่ำแทงซ้ำถึง 98 ครั้ง นอกจากนี้เขายังสารภาพรายชื่อของเหยื่อคนอื่นๆ ที่ลงมือฆาตกรรมอีกด้วย หลังจากที่มีการอ่านรายละเอียดโทษของฆาตกรหนุ่มเสร็จเป็นที่เรียบร้อย Wilson ก็ยืนยิ้มพร้อมกับตบมือประชดประชัน สร้างความไม่พอใจให้กับครอบครัวของเหยื่ออย่างมาก หลังจากออกมาด้านนอกศาล หนึ่งในสมาชิกของครอบครัวผู้เสียชีวิตได้ตะโกนด่าเขาด้วยความโกรธว่า “ไอ้ฆาตกร แกน่าจะไปอยู่ในนรกซะมากกว่า”…
-
แก๊งวัยรุ่นหัวเราะเยาะเย้ย ชายพิการที่กำลังจมน้ำ และปล่อยให้เขาจมน้ำตาย ไปต่อหน้าต่อตา…
เจ้าหน้าที่ในรัฐ Florida เล่าถึงเหตุการณ์อันน่าหดหู่ เมื่อมีกลุ่มเด็กวัยรุ่นอายุ 14 ถึง 16 ปี ที่กำลังอัดวิดีโอและหัวเราะชายหนุ่มพิการวัย 32 ปีที่กำลังจมน้ำ โดยที่ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ เลยแม้แต่น้อย คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกบันทึกไว้ในช่วงเที่ยงของวันที่ 9 กรกฏาคม 2017 ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเผยให้เห็นภาพวินาทีแห่งชีวิตของคุณ Jamel Dunn ที่กำลังตะเกียกตะกายและขอความช่วยเหลือ จากกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังยืนเยาะเย้ยเขาอยู่ ถึงแม้ว่าคุณ Dunn จะพยายามร้องขอความช่วยเหลือมากแค่ไหน พวกเด็กๆ ก็ยังคงไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเขา จนในที่สุดชายหนุ่มพิการก็ต้องพบกับความตาย หลังจากนั้น 3 วันร่างของชายหนุ่มก็ถูกกู้ออกมาจากบ่อน้ำแห่งนั้น ทางด้านตำรวจได้อธิบายถึงเหตุการณ์ดังกล่าว่า พวกเด็กๆ ได้เตือนชายคนดังกล่าวแล้วว่าไม่ควรลงไปในบ่อน้ำนั้น “พวกเด็กๆ ที่กำลังนั่งสูบบุหรี่และกัญชากันอยู่บริเวณนั้น เห็นชายคนนี้เดินลงไปในบ่อน้ำด้วยตัวเอง พวกวัยรุ่นได้บอกเขาแล้วว่าห้ามลงไป” คุณ Yvonne Martinez โฆษกจากสถานีตำรวจ Cocoa Police กล่าว แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะเห็นชายหนุ่มกำลังจมน้ำต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่มีใครโทรแจ้งตำรวจเลย “เมื่อชายหนุ่มเริ่มตะโกนขอความช่วยเหลือ พวกเด็กๆ ก็เริ่มหัวเราะเยาะเขา ไม่มีใครโทรแจ้งตำรวจ พวกเขาเอาแต่หัวเราะและปล่อยให้ชายคนนั้นจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา” คุณ Martinez กล่าว “ออกมาจากน้ำ ไม่อย่างนั้นคุณจะตายนะ!! ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งกล่าว และอีกคนก็ตะโกนว่า…
-
ศาลสั่งจำคุกเหยื่อข่มขืน 30 ปี ในข้อหาฆาตกรรม หลังจากที่เธอแท้งลูกในท้องโดยไม่รู้ตัว!?
กลายเป็นเรื่องที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนที่ประเทศเอกวาดอร์เป็นอย่างมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ซ้ำเติมกับหญิงสาวผู้ตกเป็นเหยื่อของการข่มขืน และเธอถูกศาสสั่งจำคุก 30 ปีหลังจากที่เธอแท้งลูกออกมา!? Evelyn Beatriz Hernandez Cruz หญิงสาวชาวเอกวาดอร์วัย 19 ปีถูกแจ้งข้อหาฆาตกรรม โดยทางอัยการกล่าวว่า เธอนั้นไม่ต้องการเด็กและโยนเขาทิ้งไว้ในชักโครกหลังจากที่เด็กน้อยคลอดออกมา ทารกที่ออกมานั้นมีอายุครรภ์เพียงแค่ 32 สัปดาห์เท่านั้น หญิงสาวถูกข่มขืนมานานหลายเดือนก่อนที่เธอจะตั้งครรภ์ โดยเธอนั้นไม่ทราบมาก่อนว่าตัวเองตั้งท้องและกำลังจะคลอดลูก ส่วนการที่เด็กหลุดออกมานั้นเกิดจากภาวะแทรกซ้อนระหว่างการตั้งครรภ์ของเธอ เธอถูกศาลตัดสินจำคุกเป็นเวลา 30 ปี เนื่องจากการแท้งลูกโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ และลูกในครรภ์นั้นก็เกิดมาจากการข่มขืน แต่อย่างไรก็ตามทางอัยการยังคงยืนยันว่าเธอนั้นมีเจตนาที่จะฆ่าเด็กทารก และตอนนี้ทนายความของ Hernandez กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อขอยื่นอุทธรณ์ต่อศาลในวันพุธที่จะถึงนี้ต่อไป ประเทศเอกวาดอร์นั้นเป็นหนึ่งในประเทศที่ถือว่าการทำแท้ง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบหรือกรณีใดๆ ก็ตามต่างก็เป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยกฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้มาตั้งแต่ปี 1998 แล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีผู้ถูกตัดสินจำคุกเพราะการทำแท้งจำนวนมาก อย่างเช่นในปี 2011 มีหญิงสาวคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกนานถึง 40 ปีจากข้อหานี้ หลังจากที่เธอเกิดปวดท้องกระทันหันและแท้งลูกที่บ้านของตัวเอง สำนักข่าว Mirror รายงานว่าการตัดสินคดีความของ Hernandez นั้นขาดการพิจารณาในหลายๆ ด้านและไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกว่าเธอจงใจทำแท้ง ทางด้านองค์การสหประชาชาติได้ออกมาเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายข้อนี้ โดยทางด้านคุณ Erika Guevara-Rosas ผู้อำนวยการของ…
-
หนุ่มฟ้องคู่เดทสาวขอค่าตั๋วคืน เพราะมัวแต่เล่นมือถือระหว่างชม Guardian of the Galaxy 2
ล่าสุดส่วนตัว #เหมียวบ็อบ เองก็เพิ่งไปดูหนังในโรงมาเหมือนกัน แล้วก็เกิดความรู้สึกว่า เอ…เดี๋ยวนี้คนเราติดมือถือกันถึงขนาดที่ว่าต้องเอาขึ้นมาเล่นระหว่างดูหนังเลยเหรอ แถมบางคนอาการหนักไม่ยอมปิดเสียงข้อความก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ และเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับชายหนุ่มวัย 37 ปี Brandon Vezmar จากเมืองออสติน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกาเหมือนกัน โดยเว็บไซต์ Cnet ได้รายงานว่า พ่อหนุ่มวัย 37 ปีคนดังกล่าว ยื่นเรื่องฟ้องร้องคู่เดทสาวของตัวเองเป็นเงินมูลค่า $17.31 ดอลล่าร์สหรัฐฯ (600 บาท) ซึ่งเป็นราคาค่าตั๋วเข้าชมภาพยนตร์แบบสามมิติ ที่เขาได้จ่ายไปนั่นเอง Brandon เผยว่าในคืนวันนั้นเป็นคืนนัดเดทครั้งแรกกับสาวที่เขาเพิ่งรู้จักผ่านทางโลกออนไลน์ ทั้งคู่นัดไปดูหนังเรื่อง Guardian of the Galaxy ภาค 2 กัน ทว่าเจ้าตัวก็ต้องรู้สึกรำคาญใจ เมื่อฝ่ายหญิงเอาแต่กดข้อความบนมือถือ ไม่ให้เกียรติผู้ชมคนอื่นๆ ‘ผมสงสัยว่าเธอคงจะพิมพ์แค่ไอ้คำว่า ไอ แอม กรู้ทๆๆๆ ไอ้แม่มเอ้ยยย เป็นเดทที่บรมโคตรห่วยที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยจริงๆ’ Brandon ให้สัมภาษณ์ หลังจากที่เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นโด่งดังบนโลกออนไลน์ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็ออกมาโพสทวิตเตอร์ว่า ‘ทำไมถึงหยุดฟ้องแค่นี้ล่ะ? เธอน่าจะเข้าคุกมากกว่านะ!’…
-
เรื่องราวของคู่สามีภรรยาชาวอิตาลี ที่ถูกพราก “ลูกสาว” ด้วยเหตุผลว่า.. พวกเขาแก่เกินไป!?
เราแทบจะไม่ได้เห็นกรณีการที่ถูกแยกกันระหว่างพ่อแม่และลูก ด้วยเหตุผลที่ว่า “แก่เกินไป” แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในอิตาลีนี้ มันทำให้เราได้รับรู้ว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วย… ย้อนกลับไปในปี 2009 Luigi ฝ่ายสามีอายุ 69 และภรรยา Gabriella De Ambrosis อายุ 57 ปี ทั้งคู่อยากจะมีลูกก็เลยตัดสินใจผสมเทียมด้วยการสร้างเด็กหลอดแก้ว ต่อมาในปี 2010 ฝ่ายภรรยาก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวที่มีสุขภาพแข็งแรง ทั้งคู่กลายเป็นข่าวใหญ่พอสมควรเลยล่ะ และทั้งคู่ก็ได้ชื่อว่าเป็น พ่อแม่ที่เป็นคุณตาและคุณยายได้ในเวลาเดียวกัน แม้ว่าพวกเขาเจอกับข้อครหาว่าพวกเขาทั้งคู่แก่เกินกว่าจะดูแลเด็กได้ แต่ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังดูแลเด็กได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะในตอนนั้นที่อิตาลียังไม่มีกฏหมายในเรื่องของผู้สูงวัยกับการมีลูก แต่ทว่าช่วงเวลาแห่งความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน เวลาผ่านไปเพียงแค่ 15 เดือนเท่านั้น วันหนึ่งพวกเขาปล่อยลูกสาวคนนั้นในที่นั่งเด็กไว้ในรถยนต์เพียงลำพัง เพื่อเดินเข้าไปชงนมภายในบ้าน แม้จะเป็นช่วงเวลาเพียง 7 นาที แต่เพื่อนบ้านคนหนึ่งซึ่งเห็นสองคนเข้าบ้านโดยไม่มีลูก ก็เห็นว่าลูกอยู่ในรถจึงโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดู พอตำรวจมาถึงเห็นทั้งสองอยู่ในบ้านและทิ้งลูกในรถ จึงตั้งข้อกล่าวหาทั้งสองในข้อหาละเลยลูก ด้วยเหตุนี้ศาลจึงตัดสินคดีให้พวกเขาไม่เหมาะสมที่จะเลี้ยงดูลูกสาวของพวกเขาอีกต่อไป แถมในปี 2013 พวกเขายังต้องซวยซ้ำซวยซ้อน เมื่อศาลตัดสินว่าพวกเขาให้กำเนิดบุตรสาวโดยวิธีการผสมเทียมซึ่งมันเป็นอะไรที่ผิดธรรมชาติ แถมพวกเขายังอายุมากเกินจะดูแลลูกแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกสาวของพวกเขาต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าทันที แต่เรื่องราวนี้มันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกที่พวกเขาต้องแบกรับ ความรู้สึกที่ลูกของตัวเองจะต้องถูกพรากไปให้คนอื่นดูแลต่อ แทนที่จะพวกพ่อแม่อย่างพวกเขาเอง ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ อีก 3 ปีต่อมา Adriana…
-
ผู้ต้องหาแปลงเพลง Hello ของ Adele ในศาลเพื่อเป็นคำขอโทษแก่ทุกสิ่งที่เขาได้ทำ!!
เมื่อวันที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา นาย Brian Earl Taylor วัย 21 ปี ถูกศาล Washtenaw County พิพากษาจากข้อหากักขังโดยมิชอบด้วยกฎหมายและมีอาวุธไว้ในครอบครอง ในวันที่เขาได้ให้ปากคำต่อศาลนั้น แทนที่เขาจะพูดออกมาเหมือนปกติ แต่กลับร้องออกมาเป็นเพลง Sorry ที่แปลงมาจากเพลง Hello ของ Adele ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงให้เข้ากับเรื่องราวที่เขาได้ก่อ เพื่อเป็นการขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เราไปชมคลิปในศาลตอนช่วงที่เขาร้องเพลงกันเลย ในเนื้อเพลงนั้นเขาได้พูดขอโทษศาล แม่ของเขา และเหยื่อ ซึ่งผู้พิพากษา Darlene O’Brien ได้เล่าว่าเขานั้นเป็นคนที่มีความสามารถมาก แต่ตอนนี้เขาก็พร้อมที่จะเข้ารับการฟื้นฟูและเปลี่ยนพฤติกรรมในคุกแล้ว เพื่อที่จะทำตามเป้าหมาย คือการได้มีปริญญาสักใบ ถือเป็นเรื่องราวที่ฟังแล้วกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ แต่ก็ยังดีที่เขากลับตัวกลับใจพร้อมที่จะกลายเป็นคนดี #เหมียวสามสี ก็ขอให้เขาได้ทำตามที่ตัวเองหวังละกัน ที่มา mlive, distractify
-
ศาลตัดสินประหารชีวิตเศรษฐีชาวอิหร่าน หลังพบผิดจริง คอรัปชั่นไปกว่า 1 แสนล้าน!!?
สำหรับประเทศอิหร่าน ก็เรียกได้ว่าเป็นประเทศที่มีการตัดสินโทษประหารเยอะติดอันดับโลกเลยทีเดียว ซึ่งล่าสุดก็ได้สั่งประหารเศรษฐีระดับพันล้านคนหนึ่งของประเทศ!!? Babak Zanjani เศรษฐีพันล้านชาวอิหร่าน ด้วยทรัพย์สินรวมแล้วมูลค่ากว่า 9,500 ปอนด์ของเขา (522,500 ล้านบาท) แต่โชคร้าย เพราะเขาคงไม่มีโอกาสได้ใช้ความร่ำรวยของเขาซะแล้ว เขาถูกศาลตัดสินอย่างเป็นทางการว่ามีความผิดในคดีฉ้อโกง ซึ่งทางศาลก็พิจารณาว่าเขาผิดจริง และได้ยักยอกทรัพย์ไปมูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญ (110,000 ล้านบาท) Babak Zanjani เศรษฐีชาวอิหร่าน เขาเริ่มมีบทบาทและเป็นที่รู้จักมากขึ้นในประเทศยุคของประธานาธิบดี Mahmoud Ahmadinejad จากการที่เขาสามารถช่วยหาช่องทางให้ค่าเงินของอิหร่านในตอนนั้นคงตัวได้ หลังจากโดนธนาคารอิสลามคว่ำบาตรเพราะโครงการนิวเคลียร์ของประเทศ แต่กระนั้นความดีและผลงานในอดีตไม่ได้ช่วยให้โทษเขาเบาลง ด้วยการทุจริตเงินของประชาชนและประเทศ เขาถูกตัดสินโทษประหาร และยังต้องเสียค่าปรับให้กับรัฐเท่ากับจำนวนเงินที่ยักยอกไปด้วย… นี่แหละหนอออ ความลับน่ะไม่มีในโลกหรอก เพราะไม่ว่าวันใดวันหนึ่งเรื่องราวผิดๆ ที่เคยทำไว้ก็ต้องถูกเปิดเผยอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับเลยล่ะว่ากระบวนการยุติธรรมของอิหร่านน่ะเด็ดขาดจริงๆ แน่นอนว่ารวยขนาดนั้นเขาต้องมีอิทธิพลมากเลยทีเดียว แต่กระนั้นก็ยังนำเขามาอยู่ใต้กฎหมายได้ สุดยอด!!!! ที่มา: Metro
-
ประเด็นร้อน!! นักร้องสาว Ke$ha ถูกโปรดิวเซอร์ข่มขืน ศาลยกฟ้อง และบีบบังคับให้อยู่ในค่ายตามสัญญา
หากใครยังจำนักร้องสาวผมบลอนด์ที่โด่งดังจากเพลง Tik Tok เมื่อ 6 ปีที่แล้ว อ่าฮะ!! ทำนองเพลงเข้ามาในหัวกันเลยใช่มั้ยเอ่ย แล้วก็อีกเพลงที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง Timber ที่ร่วมขับร้องกับ Pitbull นั่นแหละ!! เธอก็คือ Ke$ha คนนี้นี่เอง นักร้องสาวชื่อดัง Ke$ha ห่างหายไปจากวงการเพลงนานพอสมควร ระยะเวลาก็นานหลายปี ซึ่งจากการที่เราไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้เห็นการออกทัวร์อะไรเลย เนื่องจากว่ามีเรื่องราวที่เธอถูกโปรดิวเซอร์ Dr. Luke ภายในค่าย Sony ทำการข่มขืนและทำร้ายจิตใจเธอเป็นอย่างมากมานานแรมปีกันเลยทีเดียว Ke$ha (ซ้าย) Dr. Luke (ขวา) Ke$ha ทำการฟ้องร้องโปรดิวเซอร์คู่กรณี Dr. Luke จากการที่เธอถูกข่มขืนและข่มเหงจิตใจ อีกทั้งเน้นย้ำที่จะยกเลิกสัญญากับทางต้นสังกัด โดยในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เธอเดินทางเข้าไปร่วมฟังคำพิพากษาจากศาลนิวยอร์กด้วย แต่ศาลตัดสินยกฟ้อง เนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ และโดนทางฝั่ง Dr. Luke ฟ้องกลับเหมือนกัน…
-
โกงดีนัก จับเข้าคุกให้เข็ด!! สองนักศึกษาโดนจับเข้าคุก 1 ปีเต็ม เนื่องจากสลับตัวไปสอบแทน
ตามปกติแล้วการจัดสอบเพื่อวัดผลทางการเรียน ก็มักจะมีนักเรียนนักศึกษางัดวิชากลยุทธ์ต่างๆ มาใช้ในห้องสอบทั้งด้านมืดและด้านสว่าง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นด้านมืดเสียมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นทั้งทำโพยเล็กๆ ซ่อนไว้ในเครื่องเขียนหรือตามตัว และอื่นๆ สารพัดเท่าที่จะทำได้ การโกงสอบเกิดขึ้นทั่วโลก ที่สเปนก็เช่นกัน เหตุเกิดที่เมือง Almeria ทางตอนใต้ของสเปน เมื่อมีนักศึกษาคนหนึ่งถูกกรรมการคุมสอบจับได้ว่า ทำการเข้าสอบแทนนักศึกษาอีกคน โดยพบพิรุธจากบัตรประจำตัวที่นำมาเข้าสอบ มีการปลอมแปลง โดยทั่วไปแล้วโทษสูงสุดก็น่าจะเป็นการปรับติด F พักการเรียนและหนักสุดก็คือลบรายชื่อจากเป็นนักศึกษา (โทษทางวินัยการศึกษา) แต่เนื่องจากเป็นการปลอมแปลงเอกสาร เรื่องนี้ต้องถึงขึ้นศาลกันเลยล่ะ และอัยการก็ได้ตัดสินความผิดให้นักศึกษาทั้งสองราย จำคุก 1 ปี เพื่อทดแทนการจ่ายค่าปรับมูลค่า 6 ยูโร (240 บาท) ต่อวันจากทั้งหมด 1,699 ยูโร (67,000 บาท) อย่างไรก็ตาม José Carlos Segura ทนายของนักศึกษาผู้เป็นจำเลยบอกว่าโทษตัดสินแบบนี้ถือว่าเป็นความป่าเถื่อนและเกินกว่าเหตุ เนื่องจากว่าบัตรประจำตัวนักเรียนไม่อาจถือเป็นเอกสารทางราชการได้ น่าจะให้อำนาจตัดสินอยู่ภายในสถานศึกษาเสียมากกว่า (รับโทษทางวินัยการศึกษาแทน) เพราะจะทำให้เยาวชนทั้งสองหมดอนาคต กลายเป็นอาชญกรที่มีประวัติติดตัวไปตลอดชีวิต ซึ่งผลของคดีนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ที่มา…
-
“เพื่อนเก่า” ระหว่างผู้พิพากษากับจำเลยกลับมาพบกันกลางศาล งานนี้มีร้องไห้!!
อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน เส้นทางชีวิตของแต่ละคนอาจจะมีพลิกผันไปตามกาลเวลา บางคนได้ดิบได้ดีมีหน้าที่การงานใหญ่โต แต่บางคนก็ไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ เรื่องราวของนาย Arthur Booth วัย 49 ถูกจับในข้อหาลักทรัพย์ การปล้น การหลบหนีเจ้าหน้าที่และอื่นๆ อีกหลายข้อหา จากนั้นก็ถูกนำตัวมาขึ้นศาลเพื่อตัดสินความผิดที่เขาได้กระทำลงไป หลังจากที่ได้พบกับผู้พิพากษาหญิง Mindy Glazer เธอจดจำเขาได้ว่าเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาก่อนในระหว่างที่เรียนอยู่ในโรงเรียน Nautilus Middle School เธอทักเขาว่า “เคยเรียนที่ Nautilus รึเปล่า?” ทำให้ Arthur ถึงกับต้องปล่อยร้องไห้โฮออกมาเลย และเธอก็กล่าวต่อว่า “เขาเป็นเด็กที่ดีนะ ฉันเคยเล่นฟุตบอลกับเขาด้วย แต่ดูตอนนี้สิ เกิดอะไรขึ้นกับเขา?” “ที่น่าเสียใจก็คือเราต่างก็โตขึ้นตามอายุ หวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดีนะ” ที่มา : NewsTV