Tag: สงคราม
-
ชายหนุ่มอ้างไปเยือนปี ค.ศ. 3700 เตือนอาจมี “สงคราม” ระหว่างมนุษย์ VS หุ่นยนต์!!
ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมานี้ มีผู้คนจำนวนไม่น้อยเลยที่กล่าวว่าตนเองนั้น “ย้อนเวลากลับมา” หรือว่าเป็น “นักท่องเวลา” ที่เคยไปเยือนมาแล้วทั้งอดีตและอนาคต และแล้ววันนี้ก็กลับมาอีกราย ชายนามว่า Mike อ้างว่าเคยไปเยือนโลกมนุษย์ในปี ค.ศ. 3700 มาแล้ว และได้กลับมาในปัจจุบันเพื่อเตือนว่าในอนาคตจะเกิด “สงคราม” ระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ Mike เล่าถึงการผจญภัยในปี 3700 ของเขาว่า เขาได้ช่วยเหล่ามนุษย์ทำลายเหล่าหุ่นยนต์ด้วยมือเปล่า แถมมีการหยิบชิ้นส่วนหุ่นยนต์เหล่านั้นติดไม้ติดมือมาด้วย เขาเล่าว่าเมื่อเขามีอายุได้ 18 ปี เขาได้เข้าทำงานใน National Secure Laboratory และเล่าเพิ่มว่าเขาเคยได้รับภารกิจ “ลับ” หลายต่อหลายครั้ง เขากล่าวว่า… “เราท่องเวลาไปยังปีต่างๆ แบบสุ่ม แต่เป้าหมายหลักของเราก็คือ ปี ค.ศ. 3700” ชมคลิปการบรรยายของ Mike นักท่องเวลา Mike ยังเล่าต่ออีกว่าเขาเคยไปยังปี 3700 ราว 18 ครั้งแล้ว ในโลกยุคนั้นมีแต่หุ่นยนต์ที่สามารถควบคุมระบบปฏิบัติการได้ด้วยตนเอง โดยเฉพาะหุ่นยนต์ที่เป็นทหาร พวกมันดูเป็นอาวุธสังหารที่สมบูรณ์แบบอย่างมาก เขาเล่าว่า “ในวันที่…
-
20 ภาพถ่ายจาก ‘มุมมืด’ ในอดีต ยุคทองของเหล่าอาชญากร มาเฟีย เจ้าพ่อ และสงคราม
อดีต มีทั้งเรื่องราวอันสดใสและดำมืด และเรื่องเล่าต่างๆ ที่ส่งผ่านกันมาปากต่อปากก็มักทำให้เราอยากเห็นภาพบรรยากาศของเรื่องเล่านั้นๆ เช่นเรื่องราวของแก๊ง Cairo ที่หลายคนต่างเคยได้ยินมาเพียงชื่อ แต่หากถามว่าพวกเขามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร หากไม่เห็นภาพก็คงอธิบายได้ยาก วันนี้ จึงรวบรวม 20 ภาพถ่ายจากมุมมืดในอดีต ที่แสดงให้เห็นถึงบรรยากาศอันมืดมัวและเรื่องราวน่าสนใจที่หลายคนอาจยังไม่เคยรู้ หากพร้อมแล้ว ไปชมกันเลย… 1. สมาชิกแก๊ง Cairo แก๊งนี้เป็นสายให้กับประเทศอังกฤษ ในช่วงเหตุการณ์ความเคลื่อนไหว Irish Republican Army โดยสมาชิกแก๊งส่วนใหญ่ถูกสังหารในวันที่ 21 พฤศจิกายน 1920 2. สมาชิกแก๊ง Growler เขากำลังจำลองวิธีการปล้นให้ช่างภาพดูเพื่อแสดงวิธีการปล้นที่พวกเขามักใช้กัน 3. ภาพโบสถ์ใหญ่ในเยอรมนีที่ถูกระเบิดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 4. โฉมหน้าสมาชิกแก๊ง Five Points ของเมืองนิวยอร์ก ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 5. Giosue Gallucci และครอบครัว Giosue Gallucci เป็นผู้นำอาชญากรกลุ่ม Italian Harlem ของนิวยอร์ก …
-
หนุ่มสำรวจฐานทัพนิวเคลียร์เก่า พบ “ปุ่มนิวเคลียร์” ทำลายโลกได้เพียงนิ้วสัมผัส…
Drew Scanlon เกมเมอร์และยูทูบเบอร์หนุ่มเจ้าของแชแนลยูทูบ Cloth Map ในคลิปวิดีโอท่องเที่ยวของเขา เขาได้ลงไปสำรวจยังสถานที่ซึ่งเคยเป็นฐานทัพนิวเคลียร์ในประเทศยูเครน และพบกับปุ่มๆ หนึ่งที่ว่ากันว่ามันคือ ปุ่มทำลายโลก ฐานทัพนิวเคลียร์ในยูเครนแห่งนี้ถูกทิ้งไว้ตั้งแต่ปี 2001 และกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยว ฉะนั้น จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์และสิ่งของต่างๆ ภายในจะยังคงดูสะอาดและอยู่ในสภาพที่ดี เขาเดินสำรวจลึกลงไปภายในอุโมงค์ที่เต็มไปด้วยความมืด ผนังสองด้านของทางเดินนั้นเรียงรายไปด้วยท่อต่างๆ และประตูที่มีความหนาเป็นสองเท่าของปกติ สุดท้าย ณ กลางห้องเขาก็พบ สิ่งที่น่าสนใจมากมาย อาทิเช่น “ปุ่มกด” ชมคลิปการเดินชมฐานทัพนิวเคลียร์ของยูเครนกันเลย หลังจากทั้งคู่เดินเข้ามายังห้องควบคุม Dmytro ผู้ทำหน้าที่เป็นไกด์นำเที่ยวบอกกับ Drew ว่าขณะนี้เข้าได้ยืนอยู่ในห้องที่ใช้ “ทำลายโลก” เป็นที่เรียบร้อย Dmytro ยังบอกต่ออีกว่าปกติที่เราเห็นในภาพยนตร์จะเป็นปุ่มใหญ่ๆ สีแดง แต่ของจริงมันก็มีรูปร่างเหมือนปุ่มธรรมดาสีเทาๆ แต่หากกดลงไปเพียงครั้งเดียวมันก็สามารถทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เลยทีเดียว ผู้นำเที่ยวอธิบายว่า ภายในฐานทัพแห่งนี้จะมีอาหาร น้ำ และยาเพียงพอสำหรับ 45 วันของการอาศัยหลบภัยหลังกดปุ่มยิงระเบิดนิวเคลียร์ Dmytro อธิบายต่อว่า หากกดปุ่มลงไปแล้วจะมีเสียงเตือนดังออกมาทันที และจะมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นขณะที่ยิงระเบิดนิวเคลียร์ จากนั้นจะมีแสงอีกสีหนึ่งปรากฏขึ้นเพื่อบอกว่านิวเคลียร์ได้ถูกยิงออกไปเรียบร้อยแล้ว “คุณลองนับดู จากนี้…
-
พ่อลูกชาวซีเรียใช้ ‘กระป๋อง’ มาทำเป็นขาเทียม เพราะไม่มีเงินไปซื้อขาเทียมจริงๆ
โดยปกติแล้วการต้องเป็น ‘ผู้พิการ’ ย่อมทำให้การใช้ชีวิตเป็นเรื่องที่ยากลำบากอยู่แล้ว และยิ่งต้องตกเป็นผู้พิการในประเทศที่กำลังตกอยู่ในช่วงภัยสงครามอย่างซีเรียแล้ว ยิ่งทำให้การดำเนินชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก นี่คือเรื่องราวของ Maya Ali Merhi จากประเทศซีเรีย เธอเกิดมาโดยที่ไม่มีอวัยวะช่วงล่าง โรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีชื่อว่าภาวะ Congenital Amputation เช่นเดียวกันกับพ่อของเธอ นาย Mohammed เองก็ป่วยเป็นโรคนี้ด้วยเช่นกัน ครอบครัวของพวกเอาอาศัยอยู่ในค่ายของผู้อพยพ และไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อขาเทียมมาใส่ พ่อของ Maya จึงประดิษฐ์ขาเทียมขึ้นมาใช้งานเองด้วย ‘กระป๋อง’ ที่พันรอบๆ ด้วยผ้า “หัวใจของผมรู้สึกเจ็บปวด เมื่อได้เห็นลูกสาวของผมยืนอยู่ต่อหน้าเพื่อนๆ ขณะที่พวกเขาวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน” “มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากมากๆ แต่อย่างน้อยถ้าเรามีเจ้ากระป๋องนี้ ก็ดียังกว่าไม่มีอะไรเลย” คุณพ่อกล่าว ครอบครัวของ Maya ต้องหลบหนีออกมาจากเมือง Aleppo ที่ต้องตกเป็นพื้นที่ทำสงคราม แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากแต่สักวันหนึ่งคุณพ่อก็มีความใฝ่ฝันว่าลูกสาวของตัวเองจะสามารถเดินได้ปกติเหมือนกับคนทั่วๆ ไป อ้างอิงจากรายงานขององค์กรการกุศลในประเทศซีเรีย พบว่ามีผู้คนมากกว่า 13 ล้านคนที่ยังคงต้องการการรักษาพยาบาล และอุปกรณ์ทางการแพทย์ จากจำนวนนี้เป็นเด็กมากกว่า 5 ล้านคน เพราะประชากรหลายคนต้องหลบหนีจากภัยสงคราม ทำให้ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง ต้องตั้งแคมป์อยู่กันอย่างยากลำบาก…
-
Razan Al-Najjar เทพธิดาแห่ง ‘ฉนวนกาซา’ จากฮีโร่บนดินสู่นางฟ้าบนสรวงสวรรค์
‘ฮีโร่’ ไม่จำเป็นต้องมีพลังวิเศษหรือผ้าคลุมหลากสี เฉกเช่นเดียวกันกับเรื่องราวของแพทย์อาสาหญิงนามว่า Razan Al-Najjar เธอเป็นทั้งลูก เป็นทั้งพี่สาว ภรรยา แม่ เพื่อร่วมงาน เป็นเพื่อน แต่ที่มากกว่านั้นคือเธอเป็น ‘ฮีโร่’ ในชีวิตจริง Razan เป็นแพทย์อาสาที่ทำงานอย่างหนักอยู่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นอาณาบริเวณเล็กๆ ที่ติดต่อกับประเทศอิสราเอลและอียิปต์ ที่เรียกว่าเป็นฉนวนกาซาเพราะว่าเป็นอาณาเขตที่กำหนดขึ้นจากข้อตกลงระหว่างอิสราเอลกับอียิปต์ หลังที่สงครามของทั้งสองประเทศจบลง ให้เป็นเขตกันชนระหว่างคู่อริทั้งสองฝ่ายก็ว่าได้ แต่ฉนวนกาซากลับกลายเป็นพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และปัจจุบันก็มีความขัดแย้งเกิดขึ้นในพื้นที่นี้ โดยชาวปาเลสไตน์ที่อาศัยอยู่ในฉนวนกาซาพยายามเรียกร้องให้ประเทศอิสราเอลเปิดให้พวกเขาได้กลับคืนสู่มาตุภูมิของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งเป็นประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน หลังบรรพบุรุษของพวกตนถูกขับไล่ออกมาเมื่อ 70 ปีก่อน Razan เป็นแพทย์อาสาวัย 21 ปี ที่เสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเหลือเหล่าผู้ประท้วงเหล่านั้น เธอต้องวิ่งหลบห่ากระสุนที่ยิงมาจากฝั่งอิสราเอลเพื่อช่วยเหลือพวกเขา มีเพื่อนร่วมงานของเธอไม่ต่ำกว่า 100 คนต้องเสียชีวิตไปจากเมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดเธอจากการช่วยเหลือผู้คนได้ ในทุกๆ วันเธอยังคงออกไปช่วยเหลือเหล่าผู้ประท้วงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ย่อท้อ ยังคงมีผู้ถูกคุมขัง และคนที่ได้รับความลำบากอีกมากมายในฉนวนกาซาแห่งนี้กว่า 2…
-
รวม 26 ภาพประวัติศาสตร์ในอดีต ที่ผ่านมามนุษยชาติได้เรียนรู้อะไรบ้าง จากสิ่งที่หลงเหลืออยู่
มนุษยชาตินั้นถือกำเนิดมาอย่างยาวนานบนโลกใบนี้ และยังคงสืบทอดวิถีชีวิตจากในอดีต ดำเนินมาจนถึงปัจจุบัน และกำลังมีแนวโน้มที่จะต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคตภายภาคหน้าอีกมากมาย แต่เมื่อพูดถึงประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในอดีตที่ผ่านมา เมื่อได้เห็นภาพถ่ายของคนในยุคเก่าที่เคยพบเจอ มันจะแตกต่างจากชีวิตในยุคปัจจุบันแค่ไหน และความยากลำบากที่เคยเกิดขึ้น ได้สอนให้เราได้เรียนรู้อะไรบ้าง… กัปตัน Nieves Fernandez กำลังแสดงวิธีที่เธอใช้เชือดทหารญี่ปุ่นอย่างเงียบๆ ให้แก่ทหารอเมริกันในปี 1944 ทางหลวงแห่งความตาย ผลพวงจากกองทัพอเมริกันเลือกใช้วิธีระเบิดปูพรมใส่กองกำลังอิรักในประเทศคูเวต ปี 1991 การเดินอันแสนยาวไกล ของหน่วยเก็บกู้ระเบิดกองทัพอังกฤษ กำลังเดินตรงไปยังรถตู้ต้องสงสัยในไอร์แลนด์เหนือ ช่วงปี 1970 ทหารเยอรมันแบ่งอาหารบางส่วนให้กับคุณแม่ชาวรัสเซีย ปี 1941 สภาพของทหารชาวออสเตรเลีย หลังหลุดพ้นจากการเป็นเชลยศึกจากฝั่งญี่ปุ่นในประเทศสิงคโปร์ ปี 1945 กองกำลังทหารชนเผ่าเมารี กำลังทำพิธีฮากา (การเต้นโบราณของชนเผ่า) ในประเทศอียิปต์ ปี 1941 สภาพบ้านเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หลังสิ้นสุดสงคราม ปี 1945 กองกะโหลกควายไบซันสำหรับใช้เป็นปุ๋ยหมัก ปี 1870 Conrad Schumann ทหารฝั่งตะวันออกกำลังก้าวข้ามผ่านไปยังแดนตะวันตกในเบอร์ลิน…
-
พูดจริงหรือประชด!? ปธน.เกาหลีใต้ ชม Donald Trump ควรได้ “รางวัลโนเบล” สาขาสันติภาพ
เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา เว็บไซต์ Independent ได้เปิดบทสัมภาษณ์ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ อิน ที่กล่าวถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ สำหรับความพยายามของเขาที่จะยุติความขัดแย้งในโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ มุน แจ อิน กล่าวถึง โดนัล์ด ทรัมป์ ว่า “เขาสมควรได้รับเครดิตอย่างมากในการทำให้เกิดการเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและใต้” ซึ่งเป็นครั้งแรกหลังจากที่มีการแยกตัวออกไปนานหลายสิบปี “ประธานาธิบดีทรัมป์ควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ สิ่งที่เราต้องการก็คือสันติภาพเท่านั้น” ผู้นำเกาหลีใต้กล่าวในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นาย มุน แจ อิน ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่ในรัฐสภา หลังจากลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพกับผู้นำเกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมื่อทั้งสองประเทศให้คำมั่นสัญญาอย่างเป็นทางการว่าจะยุติสงครามเกาหลีที่เริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อปี 1950 ในขณะที่นาย มุน กล่าวยกย่องบทบาทของ ทรัมป์ ในการรวมทั้งสองประเทศเข้าด้วยกัน แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับมองว่า ทรัมป์ ไม่สมควรได้รับเครดิตและคำชมขนาดนั้น ทีเจ เพิร์ลแมน ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่าประธานาธิปดีของสหรัฐ “ควรได้รับเครดิต แต่ไม่มากขนาดนั้น” เพราะเนื่องจากเขามองว่ามาตรการการคว่ำบาตรของจีนที่มีต่อเกาหลีเหนือเมื่อปลายปี 2017 นั้นมีความสำคัญและผลกระทบมากกว่า …
-
6 สงครามแปลกๆ ที่เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ นี่เราเคยรบกันแบบนี้ด้วยเหรอ?
การทำสงครามนั้นมักจะเกิดขึ้นจากเหตุผลที่ยิ่งใหญ่ และนำมาซึ่งความตายของคนจำนวนมาก จนมีคนที่พูดออกมาว่าสงครามนั้นมีแต่การสูญเสีย หลังจากสงครามโลกครั้งที่สองมานั้น ประเทศต่างๆ ก็พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสงครามใหญ่กันอย่างเต็มที่ เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สงครามมันก็ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย แต่ก็ใช่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นจากเหตุผลยิ่งใหญ่เสมอไป เพราะในโลกใบนี้ ยังมีสงครามแปลกๆ ที่เกิดจากเรื่องไม่น่าเชื่อให้เห็นอยู่เรื่อยไป ดั่งเช่นสงครามสุดแปลก ต่อไปนี้ สงครามแองโกล-แซนซิบาร์: สงครามที่สั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่กินเวลาเพียง 40 นาที นี่เป็นสงครามระหว่างอังกฤษ และแซนซิบาร์ ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม 1896 โดยมีเหตุผลมาจากความตายของ Sultan Hamad bin Thuwaini และการขึ้นครองราชย์ของ Sultan Khalid bin Barghash อย่างไรก็ตามทางอังกฤษต้องการให้ Hamud bin Muhammed ขึ้นครองราชย์ตามสนธิสัญญาในปี 1886 แน่นอนว่า Khalid ไม่ยอม และขังตัวเองกับองครักษ์บางส่วนอยู่ในพระราชวัง ส่วนทางอังกฤษตอบโต้โดยส่งเรือ 5 ลำ ทหารเรือ 150 คน และทหารอาสาแซนซิบาร์ 900 คนเข้าปิดล้อมและยิงถล่มพระราชวัง จนกระทั่ง Khalid ยอมแพ้ไปในเวลา 40 นาทีต่อมา ผลของสงครามทาง Khalid มีผู้เสียชีวิตราวๆ 500 คนส่วนอังกฤษมีผู้ได้รับบาดเจ็บ…
-
ไม่สู้ด้วยอาวุธ แต่สู้ด้วยการค้า!! จีนลั่นจะสู้อเมริกาจนถึงที่สุดในสงครามการค้า
กลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาแล้ว เมื่อล่าสุด Donald Trump ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนกว่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 1.9 ล้านล้านบาท ด้วยการให้เหตุผลว่าจีนได้ลงทุนและขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลาช้านานแล้ว กลับกันเมื่อรายงานดังกล่าวได้เผยแพร่ออกไป ทาง Xi Jinping ประธานาธิบดีจีนก็ออกมาตอบรับกฎหมายดังกล่าวว่า ทางการจีนก็จะไม่ยอมให้สหรัฐฯ มากดขี่ด้วยการเก็บภาษีเป็นเงินจำนวนมหาศาลดังกล่าวอย่างแน่นอน โดยคำแถลงการณ์ดังกล่าวถูกแถลงการณ์ผ่านสถานทูตจีนประจำวอชิงตัน ดีซี ว่า ถ้าสหรัฐต้องการจะเริ่มสงครามการค้า จีนก็ไม่เกรงกลัวและจะสู้จนถึงที่สุดแม้ทางประเทศจะไม่ต้องการแบบนี้ก็ตาม แต่เพื่อป้องกันประโยชน์ของประเทศ จีนจะตอบโต้ด้วยมาตรการทุกอย่างที่จีนมี การแถลงการณ์ดังกล่าวนั้นเรียกว่าเกิดขึ้นแทบจะทันทีหลังที่ Donald Trump ลงนามเซ็นสัญญาและประกาศมาตรการที่ว่าออกสู่สาธารณะ อย่างไรก็ตาม การต่อสู้นี้เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ซึ่งตัว Donald Trump ได้สั่งการไปยัง Steve Mnuchin ให้เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเผยชื่อสินค้าที่จะถูกเก็บภาษีกว่า 1,300 ราย ส่วนจีนก็เตือนให้ทางสหรัฐฯ คิดถึงผลกระทบที่จะตามมาให้ดีนั่นเอง สุดท้ายแล้วนักลงทุนในชาติต่างๆ ก็พากันจับตามองในการเดินหมากของสองมหาอำนาจอย่างใกล้ชิด เพราะไม่ว่ามันจะไปในทิศทางไหน มันก็จะส่งผลเป็นวงกว้างอย่างแน่นอน… ที่มา express, cnn
-
ทหาร US กล่าว สงครามเกาหลีเหนือจะทำให้คนตายมากกว่าที่อิรักและอัฟกานิสถานรวมกัน
หัวหน้ากองทหารสหรัฐกล่าวว่าการทำสงครามกับเกาหลีเหนืออาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายของนักรบชาวอเมริกันประมาณ 10,000 คนในช่วงเวลาเพียงแค่หนึ่งวัน ซึ่งมากกว่าจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากสงครามในอิรักและอัฟกานิสถานรวมกันถึง 3,000 คน พวกเขาได้รับรู้ข้อมูลอันน่ากังวลนี่หลังจากเข้าร่วมการประชุมลับที่ฮาวาย โดยมีจุดประสงค์หลักที่การคาดคะแนสถานการณ์ความขัดแย้งที่มีอยู่ โดยการฝึกซ้อมแผนบนโต๊ะ ซึ่งได้ทำการศึกษาสถานการณ์หลายๆ รูปแบบ โดยมีเสนาธิการทหารบกนายพล Mark Milley และผู้บัญชาการหน่วยปฏิบัติการพิเศษนายพล Raymond Thomas เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย พวกเขายังได้สรุปอีกว่าจำนวนผู้เสียชีวิตของพลเรือนทั้งสองฝ่ายอาจจะมีจำนวนนับแสน หรือมากกว่านั้น ปัจจุบันสหรัฐอเมริกามีทหารประมาณ 28,500 นายประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ ในขณะที่ขณะเมืองหลวงของเกาหลีใต้หรือกรุงโซลซึ่งอยู่ในระยะยิงปืนใหญ่ของ Kim Jong un มีประชากรอยู่ราวๆ 24 ล้านคน จากข้อมูลทั้งหมด นายพล Milley กล่าวว่า “ความโหดร้ายป่าเถื่อนของเรื่องที่อาจจะเกินขึ้น มันรุนแรงเกินกว่าประสบการณ์ทั้งชีวิตของทหารคนหนึ่งเสียอีก” ทหารเกาหลีเหนือที่ร่วมเดินสวนสนามที่เมืองเปียงยาง ตามรายงานระบุว่าผู้นำกองทัพยังมองอีกว่าจะต้องใช้หน่วยรบพิเศษจำนวนมากเพียงใดในการจู่โจมเป้าหมายพื้นที่ปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ นอกจากนั้นยังมีสถานการณ์อื่นๆ เช่นโอกาสที่กองทัพสหรัฐฯ อาจต้องทำการต่อสู้ในอุโมงค์เช่นเดียวกับที่เคยทำในสงครามเวียดนาม แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ ดูเหมือนจะลดลงในช่วงหลายสัปดาห์หลังการเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ในเกาหลีใต้ แต่เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2018 ที่ผ่านมานั้น Kim Jong un ได้กล่าวหาสหรัฐฯ และญี่ปุ่นว่า “จะทำให้เกิดสงครามรุนแรงขึ้น”…
-
เปิดประวัตินาซี เคยฝึกสุนัขให้พูด อ่านและสะกดเป็นภาษามนุษย์ หวังชนะสงครามโลก!?
ใครจะเชื่อว่าครั้งหนึ่งชาวเยอรมันจะเคยมีความคิดเรื่องการเอาชนะสงคราม ด้วยสุนัขแสนรู้ แต่มันเป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อมีงานวิจัยเผยออกมาว่า ชาวเยอรมันนั้นเชื่อว่าสุนัขเองก็มีสติปัญญาไม่ต่างไปจากมนุษย์ และยังพยายามที่จะสร้างกองกำลัง “สุนัขพูดได้” ที่น่าขนลุกขึ้นมาอีกด้วย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำชาวเยอรมันแห่ง พรรคนาซี เกิดความหวังขึ้นมาสุนัขจะสามารถเรียนรู้การสื่อสารกับทหารผู้ฝึกสอนมันได้ยิ่งไปกว่านั้นเขายังถึงกับสร้างโรงเรียนพิเศษสำหรับสอนสุนัขพูดโดยเฉพาะ จากนั้น เจ้าหน้าที่ของนาซีจึงทำการเฟ้นหาสุนัขแสนรู้ที่ได้รับการฝึกมาแล้ว ทั่วทั้งเยอรมัน และนำมาฝึกสอนการพูดและการสื่อสารโดยใช้อุ้งเท้าของพวกมัน สุนัขพันธุ์ผสมตัวหนึ่ง เมื่อถูกถามว่า อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ คือใคร มันสามารถตอบได้ว่า “Mein Fuhrer” ที่แปลว่า ผู้นำของฉัน ส่วนสุนัขตัวอื่นๆ ก็สามารถใช้อุ้งเท้าแตะตัวอักษรต่างๆ เพื่อสื่อสารได้ และยังเชื่อว่าพวกมันสามารถเรียนรู้ศาสนาและบทกลอนได้อีกด้วย ทั้งนี้ ชาวเยอรมันเองก็มีแผนที่จะใช้สุนัขเหล่านี้ในสงคราม เช่น ทำงานร่วมกับทหารของฮิตเลอร์ และคอยเปลี่ยนเวรกับทหารเฝ้ายาม การทดลอง Wooffan SS ของ Dr. Jan Bondeson นักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยคาร์ดิฟฟ์ ได้กลายเป็นประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับงานวิจัยเกี่ยวสุนัขหลังจากที่เขาทุ่มเททดลองมาแสนนาน และเขาก็ยังมาเยือนกรุงเบอร์ลินเพื่อสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขเพื่อเขียนหนังสือโดยเฉพาะอีกด้วย หนังสือที่ Dr. Bondeson เขียนขึ้นมาชื่อว่า Amazing Dogs: A Cabinet of…
-
ผู้นำตุรกี หอมแก้มปลอบเด็กหญิงชุดทหารที่กำลังร้องไห้ และพูดให้เด็กพร้อมรบในซีเรีย…
เมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ 2018 ระหว่างการขึ้นปราศรัยของนาย Recep Tayyip Erdogan ได้มีภาพวิดีโอที่ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมาก… หลังจากที่ผู้นำของตรุกีได้เข้าปลอบประโลมเด็กหญิงรายหนึ่งในชุดทหาร พร้อมกับบอกว่าเธอจะได้รับเกียรติอย่างมากถ้าหากเสียสละชีวิตในสงคราม นาย Recep Tayyip Erdogan และเด็กหญิงในชุดของกองกำลังพิเศษตุรกี จากรายงานเผยว่าสาวน้อยรายดังกล่าวคือ Amine Tiras อายุ 5 ขวบ เธอถูกประธานาธิบดีเรียกตัวขึ้นไปบนเวทีพร้อมกับหอมแก้มทั้งสองข้างของเธอและพูดว่า… “เธอเห็นอะไรบ้างสาวน้อย เธอมาทำอะไรที่นี่หรือ ตอนนี้เธอกำลังสวมหมวกเบเรต์สีแดงเลือดหมูอยู่ และผู้ที่สวมหมวกใบนี้ไม่เคยร้องไห้นะ” “เธอมีธงชาติติดอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ ถ้าหากเธอเสียชีวิตในสนามรบ เราจะคลุมร่างของเธอด้วยธงชาติ” คำกล่าวของประธานาธิบดีแห่งตุรกี ในระหว่างการถ่ายทอดสดของโทรทัศน์ของพรรค AK และสุดท้ายนาย Erdogan ก็ได้ถามเด็กหญิงวัย 5 ขวบว่าเธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อชาติใช่หรือไม่ ก่อนที่สาวน้อยจะพยักพร้อมกับตอบว่า “ใช่” การกระทำดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้ามรวมถึงชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดอย่างมาก บางคนรู้สึกเสียใจอย่างมาก ที่ได้เห็นภาพดังกล่าวออกมาจากการกระทำของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำประเทศ พร้อมกับบอกว่าเขาทำผิดอย่างรุนแรงที่กล่าววาจาว่าพระเจ้าจะยินดีกับการตายของเด็ก… ตุรกีได้ทำการส่งทหารเข้าร่วมปราบกองกำลังชาวเคิร์ดในภูมิภาค Afrin ของซีเรียตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2018 ที่ผ่านมา และนาย Erdogan ก็ได้กล่าวว่าจะทำการย้ายทหารไปยังภูมิภาค Manbij ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายๆ คนคาดว่าการย้ายกองกำลังในครั้งนี้จะทำให้ความขัดแย้งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม ที่มา buzzfeed, dailymail
-
เด็กถูกบังคับให้ดูแม่ตัวเองโดน ‘ข่มขืน’ ปัญหาจากสงครามที่เกิดขึ้นในเซาท์ซูดาน
เซาท์ซูดาน หรือชื่อเต็มสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลในทางตะวันออกของ แอฟริกา และมีเมืองหลวงชื่อว่า จูบา พวกเขาเป็นประเทศใหม่ล่าสุดของโลกในปี 2011 หลังจากที่แยกตัวออกมาจากซูดาน แต่ประเทศที่เพิ่งสร้างใหม่นี้ กลับเข้าสู่สงครามในเวลาเพียงสองปีหลังจากการก่อตั้งเท่านั้น ในปี 2013 ประธานาธิบดี Salva Kiir จากกลุ่มชาติพันธุ์ Dinka ได้ไล่สมาชิกของสภาสามัญ Riek Machar จากกลุ่มชาติพันธุ์ Nuer และทำให้ Machar ผันตัวไปเป็นหัวหน้ากบฏ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามกลางเมือง ความขัดแย้งได้ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีเป้าหมายหลักที่ชนเผ่า Dinka และชนเผ่า Nuer โดยที่ทางสหประชาชาตินั้นได้ออกมาเตือนประเทศซูดานใต้หลายครั้งว่า สงครามครั้งนี้อาจะบานปลายเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไปก็ได้ Kiir และ Machar ได้มีการทำข้อตกลงสันติภาพกันหลายครั้ง แต่ทั้งสองฝั่งกลับล้มเหลวในการควบคุมกองกำลังของพวกเขา ทำให้ข้อตกลงเหล่านั้นถูกละเมิดไปนับครั้งไม่ถ้วน โดยที่ครั้งล่าสุดข้อตกลงสันติภาพสุดได้มีการลงนามเดือน สิงหาคม ปี 2015 การสู้รบระหว่างผู้ก่อการกบฏ และกองกำลังของรัฐบาลนั้น ได้สังหารคนไปประมาณ 50,000 คนท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ที่กระทำโดยทั้งสองฝ่าย เช่นการข่มขืน การทรมาน และการใช้ทหารเด็ก …
-
นักท่องเวลาที่อ้างว่าเกิดในปี 2043 ได้เล่าถึงเหตุการณ์ “สงครามโลกครั้งที่ 3” ที่เกิดขึ้น
เรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีชายหนุ่มคนหนึ่งอ้างว่าตัวเขาเองนั้นเดินทางมาจากโลกอนาคต พร้อมกับได้เตือนทุกคนเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย!! คลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ทางช่องยูทูบ ApexTV โดยในคลิปดังกล่าวได้มีชายคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเขาเองชื่อ Michael Phillips ซึ่งเกิดในปี 2043 และได้เดินทางกลับมายังอดีตเพื่อเตือนให้พวกเรารู้เกี่ยวกับหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น จากที่ Michael ได้บอกเอาไว้ในคลิปวิดีโอเขาได้เตือนพวกเราว่าในปี 2019 นั้นจะเกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือ นอกจากนี้หนุ่มจากโลกอนาคตยังได้บอกอีกว่า สงครามนิวเคลียร์ครั้งนี้จะจบลง หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้ลงมือฆ่าท่านผู้นำ Kim Jong-Un ลงได้สำเร็จ “มันคือสงครามจำกัดขอบเขต รัสเซียและประเทศจีนจะร่วมมือกันเพื่อต่อต้านสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ มันเป็นสงครามที่เลวร้ายมาก ผู้คนมากมายจะล้มตาย อาวุธนิวเคลียร์จะถูกนำมาใช้ แต่จะมีการใช้อาวุธนั้นเพียงแค่ในสนามรบเท่านั้น” ชายหนุ่มลึกลับผู้มาจากโลกอนาคตกล่าวในคลิปวิดีโอ Michael ยังอ้างอีกว่าประธานาธิบดี Donald Trump จะได้เป็นประธานาธิบดีด้วยกันถึง 2 สมัยเลยทีเดียว “Donald จะยังอยู่บนเก้าอี้ของเขาถึง 2 สมัย และเขาก็พยายามจะคว้าตำแหน่งในสมัยที่ 3 อีกด้วย แต่เขาถูกฟ้อง พิธีกรชื่อดังอย่าง Oprah Winfrey ก็พยายามจะเป็นประธานาธิบดี แต่เสียดายที่เธอทำไม่สำเร็จ และชายที่ชื่อ Michael Macintosh คว้าตำแหน่งไป” หนุ่มลึกลับกล่าว และแน่นอนว่าไหนๆ ก็มาจากอนาคตทั้งที งานนี้หนุ่มลึกลับของเราก็ไม่พลาดประเด็นสำคัญอย่างเรื่องโลกร้อน เขาได้บอกเอาไว้ในคลิปวิดีโอว่า ในปี 2075 จะเกิดภัยพิบัติเรื่องโลกร้อนอย่างรุนแรง เนื่องจากการละเลยของรัฐบาลโลก…
-
หนุ่มเผยการต่อกรกับเหล่า ISIS มีชีวิตรอดกลับมาได้ ด้วยทักษะจากเกม ‘Call of Duty’
ในการเข้าร่วมการรบแต่ละครั้งนั้น เหล่าทหารก็จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในทักษะด้านต่างๆ เพราะว่าเมื่อได้เข้าร่วมในสถานการณ์จริงแล้วโอกาสในการแก้ตัวเป็นครั้งที่ 2 อาจจะไม่มี แต่ก็มีหนุ่มคนหนึ่งที่ออกมาบอกว่า เขาสามารถรอดชีวิตมาจากการสู้รบกับกลุ่มไอซิสมาได้ ด้วยทักษะจากการเล่นเกม โดยหนุ่มคนดังกล่าวเป็นชาวอเมริกันวัยเพียง 24 ปีชื่อว่า John Duttenhofer จากรัฐโคโลราโด ซึ่งเขาเป็นหนุ่มเกมเมอร์ที่ยอมลาออกจากงานพนักงานบริการลูกค้าในเดือนเมษายน 2017 ที่ผ่านมา จากนั้นเขาก็ได้บินข้ามน้ำข้ามทะเลมา เพื่ออาสาจะเข้าร่วมต่อสู้เคียงข้างกับหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ดหรือ YPG ในเมือง Ragga ประเทศซีเรีย โดยมีจุดมุ่งหมายคือปลดปล่อยชาวเมืองจากการควบคุมของกลุ่มไอซิสให้จงได้ John ในตอนที่ไปรบที่ซีเรีย และถ้าหากเขาเสียชีวิตลงไปก็จะเป็นการตายแบบฟรีๆ เนื่องมาจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ยืนยันอย่างแข็งขันว่า ชาวอเมริกันที่อาสาสมัครไปสู่รบที่ประเทศซีเรียจะไม่มีกฏหมายใดๆ ที่รองรับผลที่จะตามมาทั้งสิ้น โดยหนุ่มอดีตพนักงานบริการลูกค้าคนนี้ ได้บอกว่าการนั่งเล่นเกมแนว FPS เป็นเวลากว่า 13 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เขามีความเข้าใจในด้านอาวุธต่างๆ อีกทั้งยังได้สอนทักษะการต่อสู้ให้กับเขา ในช่วงที่จะบินมาที่ประเทศซีเรียนี้ด้วย ต่อสู้กว่า 6 เดือนจึงจะได้กลับบ้าน John ใช้เวลากว่า 6 เดือนในการสู้รบกับกลุ่มไอซิส ก่อนที่ในที่สุดเขาก็ได้รับปล่อยตัวกลับมายังประเทศสหรัฐอเมริกา บ้านเกิดของเขาในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา และเขาก็ได้เล่าประสบการณ์ในการไปรบของเขาให้ฟังเป็นครั้งแรก ตั้งแต่ที่เดินทางกลับถึงบ้านของเขาที่รัฐโคโลราโด ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเขาเล่าให้ฟังว่า…
-
ผืนดินและธรรมชาติในสภาวะสงคราม ภาพเขตปลอดทหาร จากชายแดนเกาหลีเหนือและใต้
เขตพื้นที่ปลอดทหารหรือ Demilitarized Zone (DMZ) ขึ้นในปี 1953 หลังจากที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้เจรจาหยุดยิงชั่วคราวสำเร็จ โดยพื้นที่ดังกล่าวมีความกว้าง 4 กิโลเมตร ยาว 250 กิโลเมตร ตลอดแนวชายแดนทั้งสองประเทศ ซึ่งถ้าหากตัดเรื่องของสงครามออกไป ความสวยงามของธรรมชาติในพื้นที่ DMZ นั้นก็เรียกได้ว่าไม่แพ้ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่ออื่นๆ เลยทีเดียว และวันนี้เราก็มีภาพถ่ายผลงานของคุณ Park Jongwoo ที่ถ่ายทอดความสงบและความงดงามของผืนดินกับธรรมชาติในสถานที่ที่เรียกได้ว่ามีความอ่อนไหวที่สุดในคาบสมุทรเกาหลีแห่งนี้ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง ภาพของแสงไฟยามคำคื่นใน DMZ เขตปลอดทหารแห่งนี้พาดผ่านพรมแดนธรรมชาติที่มีความยาวมากถึง 4 กิโลเมตร พื้นที่ส่วนมากถูกปกคลุมได้ด้วยทุ่นระเบิดและถูกเฝ้ามองด้วยพลแม่นปืนของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ยังมีการตรวจตราความปลอดภัยอย่างเข้มงวดอีกด้วย เรียกได้ว่าเบื้องหลังความสวยงามของธรรมชาติที่นี่ ยังคงซ่อนอันตรายไว้อีกไม่น้อยเลยทีเดียว ทุ่นระเบิดและการตรวจตราอย่างเข้มงวด ทำให้ DMZ ได้รับการขนานนามจากอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอย่างนายบิล คลินตัน ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่น่ากลัวที่สุดในโลก ผลงานภาพถ่ายจากคุณ Park Jongwoo นี้ถูกเผยแพร่เมื่อปี 2009 เขาพบว่าธรรมชาติของที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์อย่างมาก การถูกตัดขาดจากการรบกวนทำให้ที่นี่กลายเป็นเหมือนสวรรค์ของพวกสัตว์ป่า นอกจากนี้ยังมีการระบุว่าพื้นที่ในเขต DMZ ยังมีพันธุ์ไม้และสัตว์ป่าหายากมากถึง 6,000 ชนิดด้วยกัน ซึ่งในจำนวนนี้มีสัตว์ป่าคุ้มครองมากถึง 106 ชนิดด้วยกัน …
-
“กล้องปืนญี่ปุ่น” เคยใช้งานจริงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ใช้เพื่อบันทึกภาพยืนยันการสอยศัตรู
ในปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านทหารนั้นถือได้ว่ามีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างมาก ไม่ว่าเป็นยุทโธปกรณ์ต่างๆ รวมถึงระบบในการบันทึกข้อมูลต่างๆ อีกด้วย!! และวันนี้เราจะขอพาทุกค้นย้อนเวลากลับไปพบกับระบบยืนยันการปฏิบัติภารกิจของกองทัพญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเจ้ากล้องปืน Konishoruko Rokuoh-Sha Type 89 ชิ้นนี้ กล้องปืนชิ้นนี้ถูกใช้งานในกองทัพญี่ปุ่นเพื่อใช้สำหรับการสังหารนักบินของฝ่ายศัตรู และนอกจากนี้ในระหว่างการฝึกมันยังถูกนำมาใช้คำนวนความแม่นยำในการบินเพื่อช่วยชีวิตของนักบินอีกด้วย ด้วยประสิทธิภาพทั้งสองอย่างของเจ้าปืนกระบอกนี้ ทำให้มันถูกติดตั้งเอาไว้ตรงส่วนปีกของเครื่องบิน หรือในส่วนของปืนบนเครื่องนั่นเอง การทำงานของปืนกระบอกนี้คือเมื่อผู้ใช้ลั่นไกของมัน ฟิล์มที่ติดอยู่กับตัวปืนจะทำการบันทึกภาพสิ่งที่เจ้าปืนกระบอกนี้เล็ง ซึ่งภาพที่ได้จากการถ่ายระหว่างปฏิบัติภาระกิจนั้นจะถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อวางแผนการรบต่อไป ปืนติดกล้องกระบอกนี้เป็นผลงานการผลิตของบริษัท Konishoruko ซึ่งภายหลังได้เปลี่ยนชื่อเป็น Konica ก่อนที่จะถูกเข้ามาบริหารโดยบริษัท Minolta ในปี 2003 และกลายเป็น Konica Minolta อย่างที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน . และเมื่อไม่นานมานี้เจ้าปืนกระบอกนี้ก็เพิ่งถูกประกาศขายในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ชื่อดังอย่าง eBay โดยสนนราคาของมันนั้นอยู่ที่ 4,499 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 140,000 บาท “ถึงแม้จะถูกใช้ในช่วงสงคราม แต่ส่วนของกล้องทั้งหมดยังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สุดๆ” ผู้ใช้งานจากเว็บไซต์ eBay เขียนอธิบายเกี่ยวกับสินค้าของเขา นอกจากนี้ผู้ใช้งานคนดังกล่าวยังเสริมอีกว่า ไม่เพียงแค่กล้องเท่านั้นแต่สภาพโดยรวมของเจ้าปืนกระบอกนี้ก็ยังอยู่ในสภาพเหมือนใหม่เลยทีเดียว ชัตเตอร์และที่เปลี่ยนฟิล์มก็ยังคงทำงานได้เหมือนปรกติ และผู้ซื้อยังได้ของแถมเป็นฟิล์มขนาด 35 มิลลิเมตรจำนวน 3 ชิ้น และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ อย่างสายเคเบิล ที่จับอีก…
-
“Reckless” เจ้าม้าผู้กลายเป็นฮีโร่ในสงครามเกาหลี และวีรกรรมของมันจะถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน
ในสงครามเกาหลีนั้น สหรัฐอเมริกาได้รบต้านทานศัตรูที่ด่านเวกัสในขณะกำลังถอยทัพ เสียงแห่งการต่อสู้ดังราวกับ “ทอร์นาโด 20 ลูกกำลังถาโถม” ที่เกิดจากอาวุธยุโธปกรณ์ของกองทัพเรือซึ่งกำลังขับไล่กองทัพจีนออกไปในวันที่ 27 มีนาคม 1953 ขณะที่ยืนหยัดปกป้องด่านเวกัสด่านที่ตั้งชื่อขึ้นเพราะการปกป้องที่ยากไม่ต่างอะไรจากการพนันเลย เหล่าทหารก็ปลื้มปีติเมื่อมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยปรากฏออกมาจากม่านควันที่ปกคลุมทั่วทั้งบริเวณ ในวันนั้นทั้งวันเพื่อนทหารของพวกเขาได้ทำการฝ่าเข้าไปในกลุ่มควันมรณะนั้น เพื่อนำกระสุนและขวัญกำลังใจกลับมาให้ การเดินทางไปมา 51 รอบเพียงลำพัง ผ่านทุ่งนาไร้ผู้คน ผ่านเขาชัน ต่อสู้กับธรรมชาติจนคอและขาล้าเต็มทีก็เพื่อนำกระสุนมาส่งให้แก่หน่วยรบ โดยทหารในกองทัพรู้ดีถึงวีรกรรมกล้าหาญของทหารที่ีไม่ธรรมดาผู้นี้ เพราะว่าเธอคนนั้นไม่ใช่มนุษย์แต่เป็น “ม้า” ม้าตัวนี้ชื่อ “Reckless” ตลอดชีวิตในสมครามของมัน มันได้ขนของไปมาบนเขา และอพยพผู้บาดเจ็บลงเขาไปรักษา มันโดนกระสุนเข้าสองนัด และมีครั้งหนึ่งที่มันสวมชุดป้องกันและได้เข้าไปปกป้องทหาร 4 นายจากสะเก็ดระเบิด “ม้าเป็นสัตว์นักสู้ แต่ Reckless วิ่งฝ่าอันตรายไปอย่างนั้น เพราะมันรู้ว่ามีคนต้องการมันอยู่” Robin Hutton นักเขียน Sgt. Reckless: America’s War Horse กล่าว แม้ว่ามันจะเป็นม้าชั้นยอดแต่มันก็ไม่ได้เกิดมาเป็นสัตว์ขนสัมภาระ แรกเริ่มมันเกิดในสนามม้ากรุงโซล ประเทศเกาหลี มีขนสีน้ำตาล ซึ่งมันเคยมีชื่อว่า “Ah Chim Hai” ที่แปลว่า “เปลวเพลิงแห่งรุ่งอรุณดิ์”…
-
ผู้บัญชาการนาวิกโยธินอเมริกา บอกให้ประชาชนเตรียมตัวไว้ เพราะอาจมีสงครามใหญ่เร็วๆ นี้
ก่อนหน้านี้เราอาจเคยได้ยินข่าวการทดลองอาวุธหรือความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของประเทศมหาอำนาจมาบ้างแล้ว และบางคนกังวลว่าในอนาคตอันใกล้นี้อาจเกิดสงครามขึ้นมา ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ผู้นำทหารในสหรัฐอเมริกาออกมาเตือนว่า ความคิดนั้นอาจกลายเป็นความจริงขึ้นมาก็ได้ เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2017 นายพล Robert Neller ผู้บัญชาการนาวิกโยธินแห่งสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเอาไว้ในการพบปะกับเหล่าทหารที่ฐานทัพ Norwegian Home Guard ประเทศนอร์เวย์ ว่า “สงครามกำลังจะมา และนี่จะเป็นสงครามครั้งใหญ่” เขาพูดกับสมาชิกทหารแห่งสหรัฐกว่า 300 นายอีกว่า “ผมอาจจะผิด แต่สงครามกำลังจะมา ตอนนี้เราก็กำลังอยู่กับการสู้รบของข้อมูลหรือการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังคงเกิดขึ้นอยู่มาตลอด” นายพล Robert พูดถึงความสำคัญในการเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้น และเขาเชื่อว่าสงครามในครั้งนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศทางฝั่งตะวันออกกลางอย่างอิรัก หรืออัฟกานิสถาน แต่เป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับทางฝั่งแปซิฟิกและรัสเซียมากกว่า ความคิดเห็นและการกล่าวเตือนของผู้บัญชาการคนนี้ได้ทำให้มีการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างอเมริกาและรัสเซีย เพราะก่อนหน้านี้เคยมีข่าวออกมาว่ารัสเซียทำการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีของอเมริกาครั้งล่าสุด ผู้นำรัสเซีย Vladimir Putin Donald Trump ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐ เคยบอกอยู่บ่อยครั้งว่า เขาต้องการจะตีสนิทกับผู้นำของรัสเซียอย่าง Vladimir Putin ถึงแม้ว่านโยบายของสหรัฐที่ใช้ในประเทศซีเรีย และยูเครน อาจไม่เป็นที่พึงพอใจให้กับรัสเซียมากซักเท่าไหร่ก็ตาม ประเทศรัสเซียเองก็ขึ้นชื่อในเรื่องของข้อมูลจำนวนมากที่มีครอบครองเอาไว้ จนเรียกได้ว่าในยุคปัจจุบันที่ทุกคนเสพโซเชียลมีเดีย สิ่งนี้คือข้อได้เปรียบที่ทำให้เกิดอิทธิพลกับคนทั่วไปได้…
-
ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…
สงรามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก การสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะที่กินเวลานานกว่า 6 ปี ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เปรียบเสมือนบทเรียนราคาแพงที่คอยเตือนพวกเราเกี่ยวกับหายนะจากความรุนแรงเหล่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพในช่วงของสงครามดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 หรือภาพเครื่องบิน B-25s ที่กำลังบินปฏิบัติภารกิจเหนือภูเขาไฟวิสุเวียสในประเทศอิตาลี การประทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1944 ระหว่างที่เครื่องบินของผ่ายสัมพัธมิตรกำลังปฏิบัติภารกิจ ภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 นอกจากภาพของเครื่องบินรบแล้ว ยังมีภาพทางประวัติศาสตร์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพของเหล่าทหารจากหน่วย SS-Grenadiers ที่ในสนามรบที่ฮังการีเมื่อปี 1945 ภาพฟุตเทจการยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสในวันดีเดย์ รวมถึงภาพวันสุดท้ายของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียที่ถูกประหารเมื่ปี 1916 อีกด้วย ซึ่งภาพถ่ายและฟุตเทจประวัติศาสตร์เหล่านี้ถูกนำมาบูรณะและเติมสีสันใหม่โดยช่างภาพชาวออสเตรียวัย 53 ปี คุณ Mario Unger ภาพบางส่วนจากฟุตเทจที่เผยให้เห็นการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ของฝ่ายสัมพันธมิตร เครื่องบินทิ้งระเบิด Bristol Beaufighter จากกองพันธ์ที่ 227 ที่กำลังโจมตีเรือรบของฝ่ายเยอรมันในทะเล Aegean ใกล้กับเกาะคอส ประเทศกรีซ เมื่อเดือนตุลาคมปี 1943 ภายในภาพฟุตเทจยังได้เผยให้เห็นการกวาดต้อนทหารเยอรมันกว่า 16,000-18,000 นาย ไปที่ชายหาดหลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดพื้นที่ใกล้ๆ กับเมือง Cherbourg ประเทศฝรั่งเศสได่สำเร็จ…
-
ชาวอังกฤษเร่งช่วยเหลือน้องหมาฮีโร่จากสงคราม ที่กำลังจะถูกการุณยฆาต ให้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง
หลังจากที่ก่อนหน้านี้เราได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องราวสุดเศร้าของน้องหมาวีรบุรุษจากอัฟกานิสถาน ที่กำลังจะถูกการุณยฆาตหลังจากที่ทางศูนย์ฝึกไม่สามารถหาบ้านหลังใหม่ให้กับมันได้ (อ่านข่าวเก่า เจ้าหมาฮีโร่จากอัฟกานิสถานกำลังจะถูกการุณยฆาต หลังปลดประจำการและไม่มีบ้านหลังใหม่) แต่ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ สามารถหาบ้านหลังใหม่หลังใหม่และไม่จำเป็นต้องทำการรุณยฆาตพวกมันแล้ว หลังจากที่มีการเรียกร้องให้ไว้ชีวิตเจ้า Kevin และ Dazz นาย Gavin Williamson สมาชิกของพรรคอนุรักษ์นิยมอังกฤษได้ทำการติดต่อไปยังกองทัพเพื่อให้ทบทวนการการุณยฆาตเจ้าตูบทั้งสองตัวหลังจากที่มีการเรียกร้องให้ไว้ชีวิตพวกมัน โดยเขาได้พยายามที่จะหาบ้านหลังใหม่ให้กับเจ้าตูบทั้ง 2 นอกจากนี้ทางด้าน Alan Duncan รัฐมนตรีต่างประเทศเองก็ได้ออกมาเรียกร้องให้ทางศูนย์ฝึกไว้ชีวิตของเจ้าตูบด้วย นอกจากนี้ยังมีผู้คมากถึง 368,000 คนที่ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ไว้ชีวิตของเจ้าตูบอีกด้วย ปัจจุบันในกองทัพอังกฤษนั้นมีสุนัขที่ประจำการอยู่มากกว่า 400 ตัวด้วยกัน พวกมันล้วนถูกฝึกมาสำหรับช่วยปฏิบัติภารกิจในสนามรบที่เสี่ยงอันตราย ซึ่งหลังจากปลดประจำการแล้วสุนัขเหล่านี้จะถูกฝึกอีกครั้งเพื่อให้พร้อมที่จะออกไปอยู่กับครอบครัวใหม่ของพวกมัน อย่างไรก็ตามมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มาขอลงชื่อเพื่อรับสุนัขเหล่านี้ไปเลี้ยง แต่ทางกองทัพจะต้องทำการประเมินพฤติกรรมของพวกสุนัขอย่างเข้มวงดก่อนที่จะส่งมอบมันให้กับผู้ที่มาขอรับเพื่อความปลอดภัย โดยสุนัขที่ไม่ผ่านการประเมินและไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตด้านนอกได้นั้นทางกองทัพจำเป็นต้องทำการการุณยฆาต โดยโฆษกของทางกองทัพได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สุนัขทุกตัวนั้นล้วนมีความหมายสำหรับพวกเรา และถ้าหากเป็นไปได้พวกเราก็อยากที่จะดูแลพวกมันให้ดีที่สุด แต่เป็นเรื่องน่าเสียดายที่พวกเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย” ที่มา dailymail
-
“กุ้งล็อบสเตอร์” เคยเกือบเป็นชนวนสงคราม เพราะเถียงกันว่ามัน “เดิน” หรือ “ว่าย”
ทุกครั้งที่เราพูดถึง ‘ล็อบสเตอร์’ เราจะนึกถึงกุ้งตัวโตๆ เนื้อแน่นๆ จิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดแสนอร่อย แต่เราเคยรู้กันไหมว่าเจ้ากุ้งก้ามโตนี้มันเคยเกือบเป็นต้นเหตุของสงครามระหว่างสองประเทศ ด้วยเหตุที่ว่ามันว่ายน้ำหรือมันคลานกันแน่!? เรื่องราวดังกล่าวนั้นต้องย้อมกลับไปในปี 1961 โดยชาวประมงของฝรั่งเศสได้ค้นพบเส้นทางการตกล็อบสเตอร์จำนวนมากบริเวณน่านน้ำของประเทศบราซิล ซึ่งบริเวณดังกล่าวสามารถสร้างกำไรให้กับชาวประมงฝรั่งเศสได้ดีมากๆ ด้วยความที่น้ำตื้นและจับง่าย ถึงขนาดที่เกิดเป็นกระแส จนต้องพาพวกมาตั้งถิ่นฐานกันเลยทีเดียว ทว่าต่อมาหลังจากชาวประมงบราซิลได้รู้เรื่องเข้า ว่ามีชาวประมงฝรั่งเศสมาตั้งรกรากจับล็อบสเตอร์บริเวณใกล้กับน่านน้ำบราซิล ชาวประมงบราซิลจึงแจ้งไปยังทหารเรือให้ไปช่วยตรวจสอบให้หน่อย ซึ่งพบกับขบวนการค้าล็อบสเตอร์ฝรั่งเศสที่นั่นจริงๆ ด้วยเหตุนี้ทางการบราซิลจึงแสดงสิทธิ์ความเป็นเจ้าของพื้นที่นั้น ด้วยการแจ้งไปยังฝรั่งเศสว่าพวกเขาไม่มีสิทธิ์มาจับสัตว์ที่ ‘เดิน’ อยู่บนพื้นในน่านน้ำของบราซิล ซึ่งก็คือล็อบสเตอร์นั่นเองและพวกเขายังบอกว่าพวกมันเป็นของบราซิลเพียงผู้เดียว งานนี้ฝรั่งเศสจึงยอมไม่ได้ที่อยู่ดีๆ พวกเขาก็มาถูกอ้างสิทธิ์ จึงโต้กับทางการบราซิลด้วยเหตุผลสุดคูลว่า “ล็อบสเตอร์มันว่ายน้ำต่างหาก มันไม่ได้เดินหรือคลานสักหน่อย ที่สำคัญมันควรจะเปิดกว้างให้กับทุกคนได้จับนะ” ด้านทางการบราซิลก็หัวร้อนสิครับงานนี้ ออกมาโต้ว่า “ล็อบสเตอร์มันคลานจริงๆ โว้ยย ไม่ได้ว่ายน้ำซะหน่อยที่สำคัญมันยังเดินอยู่ในน่านน้ำของเรา ฉะนั้นมันก็ต้องเป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของชาวประมงบราซิล” ปัญหา ‘ล็อบสเตอร์ว่ายน้ำหรือคลาน’ กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างรุนแรง แถมยังหนักข้อขึ้นไปอีกจนเรื่องบานปลายอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ว่ามีเหตุการณ์หนึ่งที่ทางการบราซิลขอร้องให้เรือประมงฝรั่งเศสช่วยย้ายออกไป แต่เรือประมงฝรั่งเศสก็ยังไม่ยอม แถมยังเหิมเกริมไปขอให้ทางการส่งเรือเดสทรอยเยอร์มาจมเรือประมงบราซิลอีก แล้วพวกคุณคิดว่าบราซิลจะรับมือยังไง? แน่นอนว่าบราซิลไม่ยอมอยู่แล้ว แถมยังส่งเรือบรรทุกเครื่องบินและเรือรบอีกจำนวนมากมารอบริเวณน่านน้ำดังกล่าว เรียกว่าใครเปิดก่อนก็ยาวแน่ๆ ถึงจะฮึ่มๆ กันอย่างไร สองประเทศมหาอำนาจที่หัวกำลังลุกเป็นไฟเพราะล็อบสเตอร์แสนอร่อย…
-
วิถีชีวิตที่ใกล้ชิดกับสงคราม เผยภาพของประเทศซีเรียในมุมที่ไม่เคยเราเห็นมาก่อน
สำหรับใครที่ติดตามข่าวต่างประเทศอยู่บ่อยๆ คงจะพอทราบกันดีเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศซีเรีย และข่าวของการสู้รบในพื้นที่ดังกล่าวอยู่บ่อยๆ แต่นอกจากภาพของความสูญเสียและซากปรักหักพังที่เราเคยเห็นกันตามสื่อต่างๆ แล้ว ในบางพื้นที่นั้นผู้คนของประเทศนี้ก็ยังคงใช้ชีวิตประจำวันของพวกเขากันตามปกติและแทบไม่ต่างอะไรกับคนทั่วๆ ไปเลย เมื่อไม่นานมานี้คุณ Christian Lindgr นักเดินทางหนุ่มผู้หนึ่งได้เดินทางไปยังเมืองดามัสกัส เมืองอะเลปโป และพื้นที่ชนบทอื่นๆ ในประเทศซีเรีย เขาได้เก็บภาพวิถีชีวิตพร้อมกับความสวยงามในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเผยให้เห็นภาพของประเทศซีเรียในมุมที่พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน Umayyad Mosque มัสยิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่เมือง ดามัสกัส ประเทศซีเรีย Aleppo Citadel ป้อมปราการในยุคกลางที่ตั้งอยู่ในเมืองอะเลปโป ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย . ภาพที่มองออกมาจากด้านในของ Aleppo Citadel ภาพมุมสูงของเมืองอะเลปโป ที่มองจากป้อมปราการแห่งนี้ ภาพของหมู่บ้านชาวซีเรียที่ตั้งอยู่บนเขา ผู้คนที่ออกมาทานอาหารด้านนอก ในร้านอาหารแห่งหนึ่งของเมืองดามัสกัส ภาพด้านในของตลาดใหญ่ใจกลางเมืองหลวงของประเทศซีเรีย คนขายน้ำผลไม้บนถนนสายหนึ่งในเมืองดามัสกัส คนในพื้นที่ ที่ออกมาใช้ชีวิตกันตามปกติในเมืองหลวง ถึงแม้ซีเรียกับภาวะสงครามนั้นจะเป็นของคู่กัน แต่คนในพื้นที่ก็ยังใช้ชีวิตได้อย่างปกติ และนี่คือภาพของผู้คนที่ออกมาสังสรรค์กัน คนขายนมบนถนนสายหนึ่งของเมืองดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศซีเรีย หอศิลป์ที่ยังคงเปิดให้บริการตามปรกติในเมืองอะเลปโป Krak…
-
ภาพถ่ายของเศษซากเมืองบนเกาะมาราวีในฟิลิปปินส์ ผลพวงจากรุกรานของกองกำลัง ISIS
กลายเป็นว่าเป็นเรื่องปกติที่เรารู้กันดีไปแล้วว่า ถ้ากองกำลัง ISIS โผล่ไปที่ไหนสถานที่แห่งนั้นจะต้องมีการต่อสู้ที่รุนแรง จนสุดท้ายก็จะเหลือแต่เศษซากของความสูญเสียเสมอ ล่าสุดหลังจากที่ทางการฟิลิปปินส์สามารถจัดการกองกำลัง ISIS ในเมืองมาราวีไปได้แล้ว พวกเขาจึงเผยแพร่ภาพซากเมืองที่เสียหายจากการต่อสู้กับกองกำลังดังกล่าวมาให้ดูกัน สภาพของเมืองหลังจากที่ผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหน่วง กองกำลัง ISIS สามารถเข้ายึดเมืองทั้งเมืองได้ภายในเวลาไม่กี่วันหลังจากการซุ่มโจมตี แต่กว่าทางการจะยึดเมืองกลับมาได้นั้น จะต้องใช้เวลานานถึง 5 เดือนเต็มๆ มัสยิดคือทำเลทองที่กองกำลัง ISIS ใช้เป็นที่ซุ่มยิง ด้วยเหตุดังกล่าวมิสยิดก็เลยมีความเสียหายหนักกว่าบริเวณอื่น ส่วนที่สภาพบ้านเมืองโดยรอบพังแบบที่เห็นนั่นก็เพราะ มีการใช้ระเบิดขนาดใหญ่ในการต่อสู้ การต่อสู้ดังกล่าวเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางรัฐบาลต้องสู้กับกองกำลังย่อยสองกลุ่มด้วยกันนั่นก็คือ Maute และ Abu Sayyaf ทางการได้พยายามจับตัวหัวหน้าของทั้งสองกลุ่มมาตลอด จนกระทั่งทั้งสองได้เข้าร่วมกับ ISIS และยึดเมืองดังกล่าวไป เวลาผ่านไป 5 เดือนการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปจนสุดท้ายได้ผลสรุปเป็นที่เรียบร้อย กองกำลัง jihadis สูญเสียกำลังพลไปกว่า 900 คน ส่วนกองกำลังฝ่ายรัฐบาลสูญเสียไป 165 คน รวมถึงพลเรือนอีก 45 คน ด้วยกัน . . . …
-
นี่คือ 15 หนังสงครามที่ดีที่สุดตลอดกาล และควรค่าแก่การรับชม ให้ครบทุกเรื่อง!!
หนังสงครามเป็นหนึ่งในรูปแบบของภาพยนตร์ที่หลายคนชื่นชอบ ด้วยเนื้อหาของหนังที่สามารถดำเนินไปได้อย่างเร้าใจและบางเรื่องก็สร้างขึ้นมาจากเรื่องจริงอีกด้วย จากที่มันได้รับความนิยมค่อนข้างมากจึงทำให้เว็บไซต์ Ranker เชิญชวนให้ผู้คนได้เข้ามาจัดอันดับ โหวตหนังสงครามแต่ละเรื่องว่าเรื่องไหนดีหรือแย่ และจากยอดผลโหวตนับหมื่น เราก็ได้นำ 15 อันดับแรกของหนังสงครามที่ดีที่สุดมาให้เพื่อนๆ ได้ดูกัน มีเรื่องอะไรบ้างไปดูกันเลย 15. The Deer Hunter ภาพยนตร์ในปี 1978 ซึ่งว่าด้วยชีวิตของหนุ่มลูกครึ่งรัสเซียอเมริกัน กับชีวิตที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงในสมรภูมิสงครามเวียดนาม สะท้อนออกมาให้ชาวอเมริกันเห็นภาพความโหดร้าย ความรุนแรงและทำได้ดีมากในยุคนั้น 14. Tora! Tora! Tora! หนังปี 1970 ที่ผสมผสานเรื่องราวของทั้งฝั่งอเมริกาและญี่ปุ่นเข้าไป ในเหตุการณ์การโจมตีฐานทัพอเมริกาบนอ่าวเพิร์ลฮาเบอร์ ซึ่งเป็นเหตุทำให้ประเทศอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 นับว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญและแสดงให้เห็นถึงความกดดันจากรอบด้านที่ผู้นำกองทัพญี่ปุ่นต้องเจอ 13. The Great Escape ภาพยนตร์ในปี 1963 บอกเล่าเรื่องราวของชายคนหนึ่งพยายามหนีออกมาจากค่ายกักกันเชลยศึกของเยอรมันช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แสดงให้เห็นถึงความโหดร้ายของการถูกริดรอนอิสรภาพที่น่าเศร้าในยุคนั้น 12. Das Boot หนังสัญชาติเยอรมันในปี 1981…
-
ยัง..ยังไม่เลิก!! “ลุงทรัมป์” โทษรัฐบาลก่อนไร้น้ำยาจัดการเกาหลีเหนือ เหลือแค่ “ทางเดียว” เท่านั้น!!
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่นำโดย ทวิตเตอร์แมน และ ร็อคเกตแมน นั้นดูท่าจะไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เมื่อสองผู้นำได้เล่นเกมประสาทพร้อมส่งอาวุธที่เป็นเรื่องถนัดของตัวเองสู้กันไปมาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดทวิตเตอร์แมน หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวีตข้อความตามสไตล์พี่แกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 ว่า “บรรดาประธานาธิบดีและรัฐบาลในชุดก่อน ๆ ได้เจรจากับเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี มีการทำข้อตกลงเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ข้อตกลงเหล่านั้นกลับถูกฉีกทิ้งก่อนหมึกที่เขียนลงไปจะแห้งเสียอีก ซึ่งนั่นทำให้อเมริกาถูกมองว่าเป็นแค่ไอ้หน้าโง่ ฉะนั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ แต่มีวิธีเดียวเท่านั้นแหละที่มันจะได้ผล… “ . นอกจากนี้ ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ทาง CNN ลงคำพูดของเขาเอาไว้ว่า “มันน่าจะจัดการเรื่องนี้ไปได้เมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว มันน่าจะเรียบร้อยไปตั้งแต่ตอนที่โอบาม่ายังดำรงตำแหน่ง ตอนที่เขาเป็นรัฐบาลและมีอำนาจจัดการ ความจริงก็คือ ผมต้องมาจัดการดูแลกับเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่นั่น (เกาหลีเหนือ) แต่มันยังมีเรื่องยุ่งเหยิงในตะวันออกกลางอีก รวมๆ กันแล้วมันยุ่งชิบเป๋งเลยครับ!!” จากข้อความที่ทวิตเตอร์แมนได้ทวีตออกมานั้น ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับน้ำที่นิ่งกลายเป็นน้ำที่รุนแรงได้ด้วยคำเพียงแค่คำเดียวว่า “วิธีเดียว” ซึ่งแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้พูดตรงๆ ว่าไอ้วิธีเดียวที่ว่ามันคืออะไร แต่การบอกว่ารัฐบาลก่อนๆ แก้ปัญหานี้ไม่ได้สักที พร้อมเปรยคำนี้ออกมา…
-
11 ภาพรางวัล Pulitzer Prize รวมเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ทำให้คนทั้งโลกสะพรึง!!
“ภาพถ่าย” ถือเป็นหนังฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากๆ เป็นเหมือนกระจกสะท้อนของแต่ละยุคว่าเกิดอะไรขึ้น และถูกส่งต่อมายังรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นบทเรียนให้กับคนรุ่นหลัง แต่เป็นสิ่งคอยย้ำเตือน ให้ประวัติศาสตร์เหล่านี้ไม่เกิดขึ้นซ้ำรอยอีกครั้ง ตั้งแต่ปี 1942 Pulitzer Prize ก็ได้มอบรางวัลให้กับภาพต่างๆที่ถ่ายได้ยอดเยี่ยมในแต่ละปี ซึ่งแต่ละภาพให้ความรู้สึกหดหู่ไม่ใช่น้อยเลย เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีภาพไหนบ้าง กองศพของทหารญี่ปุ่นในเกาะ Tarawa แถบแปซิฟิกใต้ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 1943 สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถ่ายโดย Frank Filan ชนะเลิศ Pulitzer Prize ในปี 1944 ภาพนี้ทำให้ Joe Rosenthal ได้รับรางวัลไปในปี 1945 ถ่ายในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นภาพที่ทหารอเมริกัน นำธงไปปักที่ภูเขา Suribachi ในประเทศญี่ปุ่น ภาพนี้ถ่ายโดย Horst Faas ได้รับรางวัลในปี 1965 เป็นภาพที่คุณพ่ออุ้มศพของลูกขณะที่ทหารของเวียดนามมองลงมาจากรถหุ้มเกราะ เกิดขึ้นที่ชายแดนเขมรในวันที่ 19 มีนาคม 1964…
-
การเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา… 17 ภาพอดีต-ปัจจุบัน ของสมรภูมิรบในสงครามโลกครั้งที่ 2
ถ้าหากจะพูดถึงสงครามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว อีกหนึ่งในการรบที่หลายๆ คนนึกถึงคงหนีไม่พ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และระหว่างการทำสงครามของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะ ที่กินเวลายาวนานกว่า 6 ปี (ปี 1939-1945) มีหลายๆ พื้นที่ที่ถูกใช้ในการทำยุธการศึกต่างๆ ซึ่งวันนี้เองเราก็ได้รวมภาพการเปลี่ยนแปลงของสนามรบเหล่านั้นมาฝากกัน และแต่ละที่จะเปลี่ยนไปมากแค่ไหนไปชมกันเลย… 1. สนามรบในยุทธการที่นครสตาลินกราด, 23 สิงหาคม 1942 ถึง 2 กุมภาพันธ์ 1943 ปัจจุบันคือเมืองวอลโกกราด เมืองอุตสาหกรรมสำคัญและเมืองหลวงของมณฑลวอลโกกราด ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซีย 2. The Ardennes สนามรบในยุทธกาลตอกลิ่ม, 16 ธันวาคมปี 1944 ถึง 25 มกราคมปี 1945 ปัจจุบันที่แห่งนี้เต็มไปด้วยอนุสรณ์ของสงคราม 3. ท่าเรือเพิร์ล หรือ เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในฮาวาย, 7 ธันวาคมปี 1941 และนี่คือโฉมหน้าของ เพิร์ลฮาร์เบอร์…
-
Abu Tahsin al-Salhi ทหารรุ่นใหญ่ใจเป้งชาวอิรัก ผู้ปลิดชีพ ISIS ไปแล้วกว่า 320 ราย!!
เมื่อไม่นานมานี้ชาวอิรักได้สูญเสียยอดวีรบุรุษของพวกเขาไปในการต่อสู้เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กันยายนที่ผ่านมา โดยชายคนที่ว่านี้ได้รับการเชิดชูจากทั้งชาวบ้านและกองกำลังทหารอิรักอย่างเต็มภาคภูมิ การเรียกเขาว่า วีรบุรุษ จึงไม่เกินไปเลยนั่นเอง Abu Tahsin al-Salhi นายทหารอิรักรุ่นใหญ่วัย 63 ปีคนนี้ได้ทำการสังหารสมาชิกกลุ่มก่อการร้าย ISIS ไปแล้วอย่างน้อย 320 ราย โดยเขาเริ่มเข้าสู่สมรภูมิตั้งแต่สงครามอิสราเอลเมื่อปี 1973 โฉมหน้าของ Abu Tahsin al-Salhi เขามักจะใช้มอเตอร์ไซเป็นพาหนะหลักในการไปปฏิบัติภารกิจ ด้วยฝีมือและชื่อเสียงของเขาทำให้ทุกคนต่างพากันยอมรับ และเพื่อนๆ ร่วมสนามรบของเขาก็ต่างพากันตั้งสมยานามให้ Abu Tahsin ว่า ตาเหยี่ยว (Hawk Eye) หรือ The Sheikh of Snipers Abu Tahsin ได้เสียชีวิตลงระหว่างที่ไปทำศึกที่ Hawija ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิรัก ร่างที่ไร้วิญญานของเขาถูกนำกลับมาทำพิธีที่ทางตอนใต้ของเมือง Basra ที่นั้นเต็มไปด้วยบรรดาญาติและเพื่อนของเขาที่เดินทางมาแสดงความเสียใจแค่นักรบผู้เก่งกาจคนนี้ แต่สุดท้ายเขาก็ได้จากไป ทิ้งไว้เพียงปณิธานของเขาที่ส่งต่อให้คนอื่น ผู้คนต่างพากันมาแสดงความเสียใจและคารพศพของเขา และต่างพากันร่ำไห้เสียใจจากการไปของนักรบยอดฝีมือของพวกเขา ผู้คนต่างพากันเสียใจและหลั่งน้ำตาออกมา ไม่ใช่เพียงเพราะว่า Abu Tahsin สู้กับนักรบ…
-
พาทัวร์ ‘สุสานรถถัง’ ที่ถูกทิ้งร้างในยูเครน เผยความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต
บางสิ่งบางอย่างเมื่อล้าหลังไปแล้ว ผู้คนก็จะเลิกให้ความสนใจ ปล่อยให้มันทิ้งร้างไว้อย่างนั้น อาจมีการผุกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ว่าบางอย่างก็ยังคงไม่หายไปไหน ไม่ต่างกับ “สุสานรถถัง” ในเมืองคาร์คิฟ ประเทศยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซียในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรถถังมากมายที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครเข้ามาแยแส แต่การมีอยู่ของพวกมันก็ได้ไปกระตุ้นความสนใจให้กับนักสำรวจชื่อ Patvel Itkin เข้าไปเก็บภาพแห่งความทรงจำที่มีมาตั้งแต่ยุค 1960s ในตอนที่ยูเครนยังเป็นหนึ่งในสหภาพโซเวียตอยู่ กว้างพอให้สร้างโรงเรียนได้เลยนะ รถถังเต็มไปหมด เขาได้แอบเข้าไปในขณะที่ไม่มีคนเห็น ซึ่งปกติแล้ว สถานที่แห่งนี้จะถูกปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป และเมื่อได้ลองเดินไปรอบๆ เขาก็รู้สึกอึ้งกับความกว้างใหญ่ของสถานที่นั้น สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยรถถังที่คาดว่าจะมีมากถึง 450 คัน พร้อมกับเครื่องยนต์อีกมากมาย และชายคนนี้ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือนเพื่อให้ได้เห็นในทุกซอกทุกมุม เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับทหารกำลังยืนเข้าแถว มองมุมนี้แล้วดูไม่ออกเลยว่า รถถังมีจำนวนมากขนาดไหน และที่พบได้เยอะที่สุดก็คือ รถถังรุ่น T-62 อันมีชื่อเสียงของโซเวียต เคยผ่านสมรภูมิมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สงครามเย็น สงครามเกาหลี รวมถึงสงครามเวียดนาม สถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนเคยเป็นจุดซ่อมบำรุงรถถังมาก่อน และรถถังมากมายที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ บางส่วนก็มาจากโรงงาน Malyshev ใกล้กันนั้นเอง เครื่องยนต์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ไม่ต่างกัน คงจะน่าเศร้ามากแน่ๆ…
-
สหรัฐยืนยัน “ยังไม่ได้ประกาศสงครามเกาหลีเหนือ(ว๊อย)” ทั้งคนที่พูดที่ตีข่าว บ้าบอคอแตก!!
เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคงไม่มีข่าวระดับโลกไหนที่น่าสนใจไปกว่าการที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ออกมาพูดว่าเขาจะจัดการกับเกาหลีเหนือถ้ามันจำเป็นจริงๆ อีกแล้ว ทว่าแม้ทรัมป์จะเรียกผู้นำเกาหลีเหนือว่ามนุษย์จรวด แฃะพร้อมมีท่าทีจะโจมตียังไง เขาก็บอกแค่ว่าเขาจะทำถ้ามันจำเป็นจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะประกาศสงครามแต่อย่างใด แต่ที่เราเห็นตามหน้าฟีดเฟซบุ๊กก็คือ สื่อมากมายกลับตีความไปเรียบร้อยแล้วว่าทรัมป์จะประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและมนุษย์จรวด (คิม จ็อง-อึน) จนเกิดความเข้าใจผิดและแตกตื่นกันยกใหญ่.. ด้านโฆษกรัฐบาล Sarah Huckabee Sanders ก็ออกมาพูดเมื่อวันจันทร์ที่ 25 กันยายนที่ผ่านมาว่า ทางสหรัฐอเมริิกาไม่ได้จะประกาศสงครามแต่อย่างใด และการยกตัวอย่างทั้งหลายเกี่ยวการประกาศสงครามนั้นมันไร้สาระมาก เรื่องราวการประกาศสงครามนั้นจริงๆ แล้วมันเริ่มมาจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือ Ri Yong Ho ได้พูดเมื่อตอนวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ทางสหรัฐได้ประกาศสงครามกับพวกเขา ฉะนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิที่จะยิงเครื่องบินทิ้งระเบิด หรืออะไรก็ตามของอเมริกาได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาเขตของน่านฟ้าเกาหลีเหนือหรือไม่ก็ตาม Ri Yong Ho ยังย้ำอีกว่า โลกควรจะจำไว้ว่าทางอเมริกานั้นเป็นคนเริ่มประกาศสงครามก่อน ไม่ใช่เกาหลีเหนือ ซึ่งแน่นอนว่ามันขัดกับโฆษกรัฐบาลสหรัฐมากๆ ด้านโฆษกด้านฝ่ายป้องกันภัยสหรัฐอเมริกาก็บอกว่า พวกเขาได้ส่งเครื่องบินไปเพื่อคอยจัดการกับภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเพียงเท่านั้น เพราะการยิงจรวดอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนือถือว่าเป็นภัยอันตรายที่ใหญ่มากแก่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พวกเขายังกล่าวอีกว่า สิ่งใดๆ ก็ตามที่โฆษกรัฐบาลว่านี้ไม่ใช่การประกาศสงคราม แต่มันคือการป้องกันตัวและกันภัยที่อาจจะเกิดขึ้นกับอเมริกาและชาติพันธมิตรเท่านั้น ฉะนั้นถ้าเกาหลีเหนือไม่ทำอะไรที่เป็นภัยก็ไม่มีการประกาศสงครามหรืออะไรทั้งนั้นนั่นเอง …
-
17 ภาพจากหน่วยรบพิเศษสหรัฐ “Green Berrets” ที่จะทำให้คุณรู้จักพวกเขามากขึ้น
กองทัพสหรัฐได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในกองกำลังที่แข็งแกร่งมากกองกำลังหนึ่ง และอีกหนึ่งในหน่วยรบพิเศษที่โด่ดเด่นและหน่วยที่ว่าแข็งแกร่งสุดๆ ของกองทัพสหรัฐนั่นก็คือหน่วยรบพิเศษ Green Berrets นั่นเอง หน่วยรบดังกล่าวเริ่มก่อตั้งมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 มิถุนายนปี 1952 โดยผ่านสมรภูมิรบมาแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม อิรัก อาฟกานิสถาน และล่าสุดซีเรีย ซึ่งกว่าที่จะเป็นหน่วยรบพิเศษและออกปฏิบัตการในสมรภูมิรบได้นั้นพวกเขาจะต้องผ่านการฝึกฝนกันมาอย่างเข้มข้น และเพื่อเป็นการรู้จักกับหน่วยรบพิเศษ Green Berrets นี้ให้มากขึ้นวันนี้เราจึงมีภาพการฝึกและภารกิจต่างๆ ของพวกเขามาฝากัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นไปชมกันเลย… 1. พวกเขาคือมืออาชีพและชำนาญการรบในสมรภูมิทุกรูปแบบ 2. หลังจากเหตุการณ์ 9/11 พวกเขาคือหน่วยแรกที่ถูกส่งตัวไปยังอัฟกานิสถาน 3. ภารกิจของพวกเขาคือการจู่โจมด้วยทีมเล็กๆ แบบกองโจร 4. โดยแต่ละหน่วยมักจะประกอบไปด้วยทหาร 12 นาย ซึ่งแต่ละคนจะมีหน้าที่แตกต่างกันไป และมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเป็นหัวหน้าหน่วยย่อยๆ นั้น 5. ในทีม 12 คนจะประกอบไปด้วย หัวหน้าทีม หน่วยจู่โจม หน่วยสื่อสาร และแพทย์ทหาร 6. พวกเขาจะทำการคัดเลือกนายทหารที่ดีที่สุด จากการฝึกและคัดสรรหน่วยรบพิเศษ หรือ SFAS 7. การฝึกนั้นเข้มข้นมาก…
-
รัสเซียออกโรงเหน็บ “ทรัมป์” ทะเลาะ “คิม จ็อง-อึน” เหมือนเด็กอนุบาลตีกันในสนามเด็กเล่น!!
จากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-เกาหลีเหนือ และเรื่องที่เกาหลีเหนือออกมาพูดถึงการทดสอบขีปนาวุธของตนเอง ทำให้ทั่วโลกไม่สามารถอยู่เฉยได้ และ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถึงกับออกมาบอกว่า อาจต้องมีสงครามกันเลยทีเดียว ล่าสุดเมื่อเขาได้ขึ้นพูดที่องค์การสหประชาชาติเอาไว้ว่า พร้อมจะทำลายเกาหลีเหนือทั้งหมด หากตกอยู่ในสถานการณ์บังคับที่ต้องปกป้องตัวเองและพันธมิตรของตน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังล้อเลียนผู้นำเกาหลีเหนือเอาไว้ว่า เป็น “คนปล่อยจรวดที่กำลังอยู่ในภารกิจฆ่าตัวตาย” นับว่าเป็นการดูถูกและแสดงถึงความไม่เกรงกลัวใดๆ โดนัลด์ จอห์น ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา คลิปวิดีโอการออกมาพูดของเขา ที่องค์การสหประชาชาติ สิ่งนั้นทำให้ผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึน ออกมาตราหน้าว่าทรัมป์คือ “ผู้วิกลจริต” และมีสติเลอะเลือน และกล่าวสุนทรพจน์ในเชิงว่า เกาหลีเหนือมีสิทธิ์ที่จะพัฒนาอาวุธอยู่แล้ว เขาบอกว่าประธานาธิบดีสหรัฐออกมาดูถูกประเทศของตนต่อหน้าสายตาของทุกคนทั่วโลก และพยายามบีบให้ทุกคนเชื่อไปตามสิ่งที่ตัวเองพูด ยัง ยังไม่จบ.. คิมยังเสริมอีกว่าทรัมป์จะต้องเจอกับบทเรียนราคาแพงอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ซึ่งเป็นผลลัพธ์มาจากคำพูดของตัวทรัมป์เองที่บอกว่า “เป็นความรุนแรงที่ไร้สาระในประวัติการณ์” และนี่คือการออกมาพูดต่อหน้าสื่อมวลชนต่างชาติโดยตรงเป็นครั้งแรกของชายคนนี้ เรื่องที่เขาพูดจึงควรเก็บไปคิดและพิจารณาอย่างมาก เพราะการตัดสินใจในวันข้างหน้าอาจตามมาด้วยความรุนแรงที่เกินคาดอย่างที่เขาบอกไว้ ไม่ได้มีเพียงแค่ผู้นำประเทศเท่านั้น เพราะรัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีเหนือก็ได้ออกมาเตือนอีกว่า พวกเขาสามารถที่จะทดสอบระเบิดไฮโดรเจน ในมหาสมุทรแปซิฟิกก็ได้ เพื่อตอบโต้การถูกคุกคามจากผู้นำสหรัฐ ภาพในวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ของผู้นำเกาหลีเหนือตอบโต้กับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่……
-
20 ภาพความหวาดกลัวและหยดน้ำตาจากแอฟริกากลาง เรื่องจริงปี 2014 ที่น้อยคนจะได้รู้
ย้อนกลับไปในปี 2014 สาธารณรัฐแอฟริกากลางได้เผชิญกับวิกฤติด้านความมั่นคง และวิกฤติด้านมนุษยธรรมที่ร้ายแรงที่สุด นับตั้งแต่ได้รับอิสระในปี 1960 ทั้งประเทศต้องเผชิญกับความรุนแรงจากเหตุสงครามกลางเมืองอย่างต่อเนื่อง ประชาชนได้รับผลกระทบมากมายทั้งถูกบังคับให้อพยพออกไปจากที่อยู่อาศัยของตัวเอง ส่วนใครที่ยังคงอยู่ก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากลูกหลงของสงคราม อาชญากรรมเกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ และปัญหาที่รุนแรงที่สุดคือการกวาดล้างชาวมุสลิม จนเป็นเหตุให้มีการหยิบยืมมือจากกองกำลังจากสหภาพยุโรปเพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ โดยตั้งชื่อปฏิบัติการนี้ว่า ปฏิบัติการ Sangaris โดยมีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสาธารณรัฐแอฟริกา นับตั้งแต่ปฏิบัติการ Sangaris เริ่มต้นขึ้น เหตุการณ์ความไม่สงบก็เริ่มลดน้อยลงไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ยีงมีรายงานว่า หลังจากที่สงครามได้สงบลงแล้วทางด้านกองกำลังรักษาสันติภาพขององค์การสหประชาชาติในสาธารณรัฐแอฟริกากลาง (MINUSCA) และกองกำลังรักษาสันติภาพจากองค์การสหภาพแอฟริกัน (African Union : AU) จะเป็นผู้รับช่วงต่อภารกิจในการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ต่างๆ ของแอฟริกากลาง รวมถึงในกรุงบังกีที่เป็นเมืองหลวงต่อไป และนี่คือภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงที่เกิดสงครามกลางเมืองจากช่างภาพ Michael Zumstein จากสำนักข่าว Le Monde ของประเทศฝรั่งเศสที่ได้ลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลมาให้พวกเราได้รับชมกัน **ภาพอาจมีความรุนแรง** 1. ในย่าน Combattant ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคริสเตียน มีกลุ่มผู้ชายฉลองการกลับมาของ Alexandre Ferdinand N’Guendet ประธาน CNT (สภาสันติภาพชั่วคราวของสาธารณรัฐแอฟริกากลาง) และประธานาธิบดีเฉพาะกาลหลังจากการลาออกของ…
-
ร่วมรำลึกเหตุการณ์ 9/11 กับภาพเหตุการณ์วันมหาวิปโยคในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน!!
ถึงแม้จะผ่านมาแล้วกว่า 16 ปี แต่เหตุการณ์ 9/11 นั้นยังคงเป็นภาพเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่ยังคงติดอยู่ในความทรงจำของหลายๆ คนแน่นอน และเพื่อถือโอกาสร่วมไว้อาลัยกับการครบรอบ 16 ปี โศกนาฏกรรมที่สะเทือนขวัญครั้งนี้ เราก็มีภาพจากฝีมือของช่างภาพทั้งสมัครเล่นและมืออาชีพผู้บันทึกเหตุการณ์ในวันมหาวิปโยคนั้นไว้ได้มาฝากกัน… 1. ภาพของผู้คนบนถนน Beekman ที่กำลังมองไปยังตึกอีกฝั่งที่กำลังพังทลายลงมา 2. ภาพของเครื่องบินลำที่สองที่กำลังพุ่งเข้าชนตึก South tower 3. ภาพของนักท่องเที่ยวสาวที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน และหนึ่งในเหตุการณ์ที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของเธอ 4. ผู้คนกำลังวิ่งหนีฝุ่นควันที่มาจากการถล่มของอาคาร World Trade Center บนถนน Broadway 5. ภาพถ่ายจากอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ตรงข้ามกับตึก เผยให้เห็นกลุ่มควันที่มาจากอาคาร North Tower หลังจากที่ถูกเครื่องบินลำแรกพุ่งชน 6. ชายหนุ่มและงานของเขา 7. เศษซากของอาคาร South Tower ที่ร่วงลงมาบริเวณโบสถ์ Trinity 8. ภาพของอาคาร South Tower ที่กำลังถล่มลงมา 9.…
-
‘Vespa TAP 150’ เวสป้ามหาประลัย พร้อมลุยทุกสถานการณ์ ทำลายได้แม้กระทั่งรถถังหุ้มเกราะ!!
สิ่งที่คุณจะได้เห็นต่อไปนี้อาจจะไม่ใช้รถเวสป้าที่คุณเคยเห็นทั่วๆ ไป แต่มันคือ “Bazooka Vespa” ยานพาหนะที่พร้อมทำลายได้แม้กระทั่งรถถัง!! หลังจากที่เริ่มก่อตั้งโรงงานผลิตรถบรรทุกและเครื่องบินเมื่อปี 1884 และย้ายฐานการผลิตมาที่เมืองปิซาเมื่อปี 1917 คุณ Rinaldo Piaggio ต้องฟันฝ่าปัญหาและอุปสรรคค์ต่างๆ มากมายจนสามารถก่อตั้งบริษัท Piaggio ขึ้นเมื่อเดือนเมษายนปี 1946 และก้าวมาเป็นบริษัทผลิตสกู๊ตเตอร์ชั้นนำของอิตาลี สกู๊ตเตอร์ของ Piaggio นั้นถูกผลิตขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 1944 ในชื่อรุ่น MP5 หรือที่รู้จักกันในชื่อ Paperino ก่อนที่รุ่นถัดมาจะมีการพัฒนาขึ้นใหม่ในชื่อรุ่น MP6 และเรียกสกู๊ตเตอร์รุ่นนั้นว่า Vespa ซึ่งในภาษาอิตาเลี่ยนนั้นแปลว่า ตัวต่อนั่นเอง จากนั้นพวกเขาจึงมีการพัฒนาสินค้าขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และแล้วด้วยความแข็งแรงและทนทานของมัน ทำให้เป็นที่ถูกใจกองทัพฝรั่งเศสอย่างมาก พวกเขาสั่งซื้อรถ Vespa TAP 150 ในช่วงปี 1950 เพื่อนำไปใช้ในกองทัพ รถ Vespa TAP 150 นั้นถูกผลิตขึ้นโดยบริษัท Ateliers de Construction de Motocycles et Automobiles (ACMA) ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งได้ซื้อลิขสิทธิ์ของทางบริษัทแม่…
-
20 ภาพประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกทำให้เป็นภาพสีราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ในสมัยที่ยังไม่มีกล้องถ่ายภาพสี ภาพถ่ายจะมีแค่สีขาวดำ ซึ่งบางทีภาพที่ปราศจากสีอาจสื่อความรู้สึกหรืออารมณ์ได้ไม่ชัดเจนเท่าภาพสี ด้วยเหตุนี้ Doug และศิลปินคนอื่นจาก Colourisehistory Group จึงได้นำภาพประวัติศาตร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ถูกถ่ายเป็นขาวดำมาเติมสี ราวกับมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน 1. เครื่องบิน Vc ‘Tropical’ JK707 MX-P ถูกยิงตกลงระหว่างการสู้รบ ถูกเติมสีโดย Paul Reynold 2. ทหารฟินแลนด์ในช่วงฤดูหนาวท่ามกลางหิมะที่โรงเรียนฝึกสุนัขทหารระหว่างสงคราม Finnish-Soviet Continuation War เติมสีโดย Jared Enos 3. เครื่องบิน Focke Wulf FW-190A6 Nº20 ที่สนามบิน Immola ในฟินแลนด์ ภาพสีโดย Jared Enos 4. ทหารสัญชาติจีนกำลังยืนคุ้มกันเครื่องบิน Curtiss P-40 ‘Warhawks’ ของกลุ่ม American Volunteer Group (AVG) ภาพสีโดย Tom Thounaojam จากอินเดีย 5. ทหารกำลังทำความสะอาดรถถัง Sd.Kfz ภาพสีโดย Royston Leonard …
-
Didier Drogba บุรุษนักฟุตบอล ผู้ดับไฟสงครามกลางเมืองไอวอรีโคสต์ อันยาวนานกว่า 5 ปี
สำหรับแฟนๆ สิงห์บลู “เชลซี” คงไม่ต้องอธิบายถึงความเก่งกาจของนักเตะจากทวีปแอฟริกาคนนี้ให้ยืดยาว แต่นอกจากจะเป็นดาวเตะขวัญใจมหาชนแล้ว Didier Drogba ยังเป็นขวัญใจของชาวโกตติวัวร์ หรือที่เรารู้จักกันในชื่อไอวอรีโคสต์ หลายๆ สิ่งที่เขามอบให้กับบ้านเกิดของตัวเองนั้น นอกจากจะเป็นการบริจาคเงินเพื่อการกุศลต่างๆ แล้ว ตัวเขาเองยังมีส่วนในการช่วยหยุดยั้งสงครามกลางเมืองของประเทศที่ยาวนานถึง 5 ปีอีกด้วย หลังจากที่ประเทศเริ่มเข้าสู่สภาวะถดถอยในปี 2002 ปัญหาต่างๆ ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเศรษฐกิจ และเชื้อชาติ จนนำไปสู่ความขัดแย้งและกลายเป็นสงครามกลางเมืองในที่สุด หลังจากที่ต้องทนกับปัญหาความขัดแย้งอยู่นานหลายปี ก็เริ่มมีชาวโกตติวัวร์บางส่วน ที่เริ่มเบื่อหน่ายกับเรื่องนี้และออกมาทำอะไรบางอย่างเพื่อประเทศชาติของพวกเขา และหลังจากที่ได้ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมันได้อย่างปาฏิหาริย์ Didier Drogba และเพื่อนร่วมทีมของเขาก็ถือโอกาสส่งข้อความถึงเพื่อนร่วมชาติและขอร้องให้ยุติความขัดแย้งครั้งนี้ หลังจากจบการแข่งขันรอบคัดเลือกนัดสุดท้าย ดาวเตะสิงโตน้ำเงินได้กล่าวผ่านคลิปวิดีโอ เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดสงครามกลางเมืองและรวมกันเป็นหนึ่งเดียว “ชายและหญิงชาวโกตติวัวร์ ไม่ว่าจะทางเหนือ ทางใต้ ภาคกลาง หรือภาคตะวันออก วันนี้เราได้พิสูจน์แล้วว่าชาวไอโวรีโคสต์ทุกคนนั้นสามารถอยู่ร่วมกัน เล่นฟุตบอลร่วมกัน และมีเป้าหมายเดียวกันได้ โดยการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกครั้งนี้ เราสัญญาว่าการเฉลิมฉลองนั้นจะแสดงให้เห็นถึงความเป็นปึกแผ่นของพวกเรา และวันนี้เราจะขอคุกเข่า และอยากให้พวกคุณพูดว่า ‘ให้อภัย’ หนึ่งในประเทศที่ยิ่งใหญ่และมั่งคั่งแห่งแอฟริกา ไม่สมควรจะมีสงครามแบบนี้ ได้โปรดวางอาวุธลง แล้วจัดการเลือกตั้งเสียเถิด เพื่อชีวิตที่ดีของพวกเราทุกคน” …
-
พบกับผู้ประกาศข่าวที่มาในชุดฮันบกสีชมพู เห็นเธอเมื่อไหร่เรื่องร้ายๆ ตามมาแน่นอน!!
ทุกครั้งที่เราได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ โดยส่วนมากแล้วมักจะเป็นข่าวที่ไม่ค่อยจะสบายใจเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นการซ้อมรบ การยิงขีปนาวุธไปที่นู่นที่นี่ และสิ่งที่มาพร้อมกับการรายงานข่าวในการประกาศแสนยานุภาพของชาวโสมแดงนั่นก็คือคุณย่าในชุดฮันบกสีชมพูผู้นี่นี่เอง!! Ri Chun-hee ผู้ประกาศสาววัย 74 ปี ที่เปรียบเสมือนฝันร้ายของผู้ที่ติดตามข่าวต่างประเทศ เพราะเมื่อไหร่ที่เห็นคุณย่าแกออกมา หลายๆ คนต้องเตรียมใจไว้เลยว่า วันนี้ตูจะได้ฟังเรื่องจรวด รถถัง และการยิงอะไรซักอย่างอีกแล้วแน่ๆ ถึงแม้ว่าจะเกษียณอายุการทำงานของตัวเองไปตั้งแต่ปี 2012 แล้ว แต่ทุกวันนี้คุณย่าผู้นี้ก็ยังคงทำหน้าที่ของแกอยู่เช่นเคย และข่าวล่าสุดที่เธอได้ประกาศออกมานั่นก็คือ การทดสอบหัวรบนิวเคลีย์ของเกาหลีเหนือนั่นเอง “การทดสอบหัวรบนิวเคลียร์ที่มีการออกแบบใหม่ของเราเพื่อนำไปติดกับขีปนาวุธนำวิถี ที่สามารถยิงข้ามทวีปได้คือความสำเร็จของพวกเรา นี่เป็นหนึ่งในความข้าวหน้าของโครงการอาวุธนิวเคลียร์แห่งชาติ” คุณ Ri Chun-hee รายงาน คุณ Chun-hee นั้นเริ่มต้นงานผู้ประกาศข่าวครั้งแรกเมื่อปี 1971 โดยหลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Pyongyang University เธอก็ถูกทางสถานีโทรทัศน์ KCTV หรือสถานีโทรทัศน์กลางบนแผ่นดินเกาหลีเหนือดึงตัวเข้าไปทำงาน นอกจากชุดประจำตัวที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว อีกสึ่งหนึ่งที่น่าจดจำของเธอก็คือน้ำเสียง คุณ Jason Strother ผู้เชี่ยวชาญทางการทูตสหรัฐกล่าวว่า “ผู้ประกาศข่าวนั้นเปรียบสเมือนสิ่งเครื่องมือของเกาหลีเหนือ และน้ำเสียงของพวกเขาเองก็สำคัญเช่นกัน อย่างเช่นน้ำเสียงของ Chun-hee นั้นจะดูสูงและสั่นเพื่อเป็นการสรรเสริญผู้นำของประเทศ” พูดง่ายๆ ก็คือเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเห็นเธอผ่านหน้าจอ ข่าวร้ายๆ ก็จะตามมานั่นเอง ที่มา ladbible
-
45 ภาพประวัติศาสตร์ของสงคราม “Pearl Harbor” ในปี 1941 ที่ควรค่าแก่การรับชม
ถือว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์โลกที่กลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลก สำหรับสงครามในอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เมื่อปี 1941 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงแก่กองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สาเหตุของการโจมตี สืบเนื่องมาจากสงครามจีนกับญี่ปุ่นครั้งที่ 2 เมื่อจักรวรรดิญี่ปุ่นได้บุกเข้ายึดครองดินแดนแมนจูเรียหลังเกิดกรณีมุกเดน (เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 จะเกิดขึ้น) เนื่องจากญี่ปุ่นได้เล็งเห็นผลประโยชน์ในดินแดนแมนจูเรียหลายประการ หลังจากยึดครองสำเร็จก็แต่งตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดให้อยู่ภายใต้การนำของจักรวรรดิญี่ปุ่น โดยมีจักรพรรดิปูยี (อดีตจักรพรรดิองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ชิง) ให้มาเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินและเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูเรียได้แต่เพียงในนามเท่านั้น เรือรบยูเอสเอสชอว์ระเบิด ในระหว่างการจู่โจมที่เพิร์ลฮาร์เบอร์ ในฮาวาย เหตุการณ์ดังกล่าวได้สร้างความไม่พอใจแก่สาธารณรัฐจีนเป็นอย่างมากจึงได้ไปร้องเรียนขอความช่วยเหลือไปยังสันนิบาตชาติ เวลาต่อมาสันนิบาตชาติดำเนินการสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นสันนิบาตชาติก็ได้ลงความเห็นเห็นว่า จักรวรรดิญี่ปุ่นเป็นฝ่ายผิดและเป็นผู้รุกราน จึงออกแถลงการณ์ลิตตัน เพื่อประณามการกระทำของญี่ปุ่นในการรุกรานแมนจูเรียและออกคำสั่งให้ญี่ปุ่นถอนกองทัพออกจากดินแดนแมนจูเรีย ทำให้ญี่ปุ่นไม่พอใจพร้อมประกาศถอนตัวออกจากสันนิบาตชาติไปทันที นักบินญี่ปุ่นได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับเรือบรรทุกเครื่องบินก่อนการโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ขณะนั้นกองทัพจีนได้พ่ายแพ้กองทัพญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่องจนแทบจะสิ้นชาติ แม้จะพยายามขอความช่วยเหลือจากหลายๆ ประเทศ แต่ก็ไม่มีใครยอมส่งกำลังมาช่วย ทันใดนั้นเองพวกเขาก็นึกออกว่ามีประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ที่น่าจะช่วยเหลือพวกเขาได้ นั่นก็คือสหรัฐอเมริกา ดังนั้นจีนจึงส่งขอความช่วยเหลือไปยังสหรัฐฯทันที แม้ว่าสหรัฐฯจะพยายามทำตัวเป็นกลางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสงครามก็ตามแต่ก็ยินดีให้ความช่วยเหลือกับจีนอย่างเต็มที่ เรือบรรทุกเครื่องบินญี่ปุ่นซุยคาคุ ในเดือนกันยายนของปี 1941 โดยซุยคาคุ จะแล่นไปฮาวาย ซึ่งเป็นหนึ่งในหกสายการบินที่ใช้ในการโจมตีโดยกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น สหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีรูสเวลท์ก็ได้ประกาศยุติการส่งออกสินค้าไปยังญี่ปุ่น เช่น น้ำมัน เหล็ก เป็นต้น ทำให้ญี่ปุ่นขาดปัจจัยในการบำรุงกองทัพโดยเฉพาะน้ำมัน ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่สงคราม จักรวรรดิญี่ปุ่นจึงได้ส่งทูตไปเจรจากับสหรัฐฯเพื่อขอให้ส่งน้ำมันต่อ แต่ว่าการเจรจาก็ล้มเหลวเพราะสหรัฐฯ…
-
เปิดจดหมาย “รักต้องห้าม” ของทหารหนุ่ม 2 นาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
ความรักนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามและพร้อมจะเบ่งบานได้ทุกๆ ที่ แม้แต่ควันปืนจากสงครามเองก็ไม่อาจจะขัดขวางสิ่งที่สวยงามนี้ได้ เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการค้นพบจดหมายของนายทหารหนุ่มท่าหนึ่งนามว่า Gilbert Bradley ที่เขียนโต้ตอบกับคู่รักของเขาโดยใช้ลายเซ็นต์ว่า G ซึ่งภายหลังมีการสืบจนทราบว่าตัวอักษรดังกล่าวนั้นหมายถึงชายที่ชื่อว่า Gordon และทหารหนุ่มผู้นี้กำลังตกหลุมรักเพศเดียวกันอยู่ โดยจดหมายดังกล่าวถูกนำมาเปิดเผยหลังจากที่ Bradley เสียชีวิตไปเมื่อปี 2008 จากข้อมูลที่ปรากฎบอกว่า Bradley นั้นไม่ได้ต้องการที่จะเป็นทหารตั้งแต่แรก เขาแกล้งป่วยเป็นโรคลมชักเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นทหาร แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ในปี 1939 เขาถูกส่งตัวไปประจำอยู่ที่ Park Hall Camp ในเมือง Shropshire ประเทศอังกฤษ แต่ก่อนหน้าที่เขาจะถูกส่งไปประจำการในพื้นที่ดังกล่าว ในปี 1938 เขาและนาย Gordon Bowsher ได้พบรักกันก่อนแล้วหลังจากที่ทั้งสองไปท่องเที่ยวในวันหยุดด้วยกัน ฝ่าย Bowsher นั้นมาจากครอบครัวนักธุรกิจ โดยพ่อของเขาได้เปิดบริษัทขนส่งและเป็นเจ้าของไร่ชา ในช่วงสงคราม Bowsher ได้เข้ารับการฝึกทหารและถูกส่งไปประจำการทั่วประเทศ สาเหตุที่พวกเขาต้องสื่อสารกันแบบหลบๆ ซ่อนๆ ก็เพราะว่า ณ เวลานั้นการรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย และถ้าหากมีการสืบทราบว่าชายในกองทัพมีพฤติกรรมดังกล่าวอาจมีโทษสูงถึงขั้นถูกยิงเป้าเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ความรักของพวกเขาจบลงแบบที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ เพราะในระหว่างการรบ Bradley ถูกส่งตัวไปยังสก๊อตแลนด์ และที่นั่นเขาได้พบรักกับนายทหารหนุ่มคนอื่นอีก 2 คน ชายหนุ่มเขียนเล่าถึงความรักครั้งใหม่ของเขาให้คุณ Bowsher…
-
ชายชราสมองเสื่อม ยังคงฝังใจถึงสมรภูมิเวียดนาม เพื่อนทหารจึงอาสาช่วยปลดประจำการ…
เราคงจะมีความหลังที่ฝังใจเรากันบ้าง ทั้งในเรื่องที่เรารู้สึกอยากเก็บไว้เป็นความทรงจำ หรือแม้แต่เรื่องที่เราอยากลบมันออกไปจากสมอง แต่มันก็ยังคงฝังไว้ในส่วนลึกเองก็เช่นกัน หากเป็นเหตุการณ์ร้ายๆ ถ้าเราคิดถึงมันก็คงจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน อย่างเช่น Lawrence ชายชราชาวอเมริกัน วัย 84 ปีท่านนี่ ตอนวัยหนุ่มเขาได้รับใช้ชาติให้กับประเทศบ้านเกิดนานถึง 20 ปี โดยเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอากาศ และในช่วงเวลานั้น เขาก็ได้ออกรบที่เวียดนามด้วย ซึ่งนั่นคงจะเป็นความทรงจำที่ไม่ดีซักเท่าไหร่ ด้วยอายุที่มากขึ้น จึงทำให้สุขภาพจิตของยิ่งถดถอยลงไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถที่จะใช้ชีวิตประจำวันได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังมีครอบครัวคอยดูแลเขาอยู่เสมอให้ผ่านวันแต่ละวันไปได้ด้วยดี จนเมื่อ 2 ปีก่อนที่เขาได้รับการบาดเจ็บที่สะโพกและการฟื้นฟูที่เป็นไปอย่างยากลำบาก รวมไปถึงไม่อาจเชื่อใจลูกๆ และภรรยาด้วยอาการที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น รัฐวอชิงตันจึงรับเขามาดูแลแทนในฐานะทหารผ่านศึก เพื่อไม่ให้อารมณ์ของเขาระเบิดออกมาทำร้ายครอบครัวของเขาเอง ลูกสาวและลูกเขยของเขาได้เข้ามาดูแล นำอาหารที่เขาชอบมามอบให้ที่บ้านพักทหารผ่านศึก ในฐานะคนที่ไม่รู้จักกัน เพราะด้วยความที่เขาไม่เชื่อใจคนในครอบครัวอีกต่อไปแล้ว เขาได้เริ่มที่จะพูดถึงเรื่องอดีตที่บางเรื่องก็ไม่ได้มีสาระอะไร หรือกับเรื่องที่จำถูกแล้ว ก็จะยังคงมีปัญหาจำไม่ได้ว่าเรื่องนั้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เหมือนกับเรื่องที่คิดว่าตัวเขาเองนั้นต้องถูกส่งกลับไปในสงครามที่เวียดนามอีกครั้ง ความคิดที่เชื่อว่าทางกองทัพได้โทรมาตามให้เขากลับเข้าสู่สงครามในวันก่อนหน้านั้น และยังคงพูดเรื่องนี้ซ้ำไปซ้ำมาในแต่ละวัน ขณะที่พูดนั้นก็จะร้องไห้ไปด้วยโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะยังคงเชื่อว่าจะต้องกลับไปสู่เหตุการณ์เหล่านั้นอีก ลูกเขยของเขาจึงเสนอวิธี ให้พานายทหารที่เกษียณอายุไปแล้วเช่นเดียวกัน กลับมาเยียวยาเรื่องนี้ เขาจึงได้โพสต์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊คของเมือง ซึ่งก็ได้รับการตอบกลับให้ความช่วยเหลือมามากมาย ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และในเช้าวันต่อมาก็ได้มีอดีตนายทหารชั้นพันโทมาหาเขาทันที…
-
ร้านอาหารในคอสตาริกา แปลงโฉม “เครื่องบินจากสงครามเย็น” ให้กลายเป็นร้านอาหารหรู
การได้ทานอาหารดีๆ ในร้านที่มีบรรยากาศสวยๆ คงจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายๆ คนปรารถนา และวันนี้เราก็มีร้านอาหารสวยๆ มาให้ทุกคนได้ชมกัน ซึ่งขอบอกเลยว่าโครงสร้างของร้านนั้นไม่ซ้ำใครแน่นอน เพราะร้านแห่งนี้สร้างมาจากเครื่องบินรบ!! ร้าน El Avion จากประเทศคอสตาริกานี้ถูกสร้างมาจากเครื่องบินทหารของสหรัฐอเมริกา C-123 Fairchild ซึ่งเป็นเครื่องบินที่ถูกใช้ในช่วงสงครามเย็น โดยเครื่องบิน C-123 ลำนี้ถูกทิ้งร้างไว้ในฐานทัพอากาศ San José ก่อนที่จะถูกเจ้าของร้านซื้อมาเมื่อปี 2000 และนี่คือโฉมหน้าของร้าน El Avion แห่งนี้ “ตอนนี้เครื่องบิน C-123 ที่เปรียบเหมือนของที่ระลึกจากสงครามเย็นของเราได้ปลดประจำการแล้ว และมันกำลังทำหน้าที่เป็นร้านอาหาร ยินดีต้อนรับสู่บริการอาหารภายในปีกเครื่องบิน ดื่มด่ำกับเครื่องดื่มในห้องเครื่อง และสนุกกันในห้องกัปตัน” เจ้าของร้านอาหารแห่งนี้กล่าว ห้องนักบินที่ถูกตกแต่งให้กลายเป็นผับ และนี่คือส่วนของห้องโดยสารที่ถูกแปลงโฉมเป็นบาร์ ส่วนชั้นบนนั้นเป็นระเบียงที่ยื่นออกไปให้คุณสำผัสกับวิวที่แสนสวยงามตรงหน้าผา . . . แหม่… บรรยากาศช่วงเย็นมันช่างสวยงามจริงจริ๊ง ส่วนใครที่อยากจะลองไปสัมผัสความสวยงามของร้านนี้ ก็ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ El Avion กันได้เลย ที่มา sobadsogood
-
เผยภาพระบบรถไฟฟ้าใต้ดินเปียงยาง ลึกลงไปกว่า 100 เมตร เปรียบได้ดั่งบังเกอร์หลบภัยนิวเคลียร์…
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมคิมจ็องอึน ผู้นำของเกาหลีเหนือถึงไม่เกรงกลัวใครเลย แน่นอนว่าเขาคงมีอาวุธและการรับมือกับการโจมตีรูปแบบต่างๆ ที่เตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว หนึ่งในนั้นคือระบบรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองเปียงยางที่อยู่ลึกลงไปกว่า 100 เมตร ซึ่งคาดว่าอาจจะไม่ได้รับผลกระทบจากระเบิดนิวเคลียร์ หากเกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐอเมริกาขึ้นมา… ภาพต่อไปนี้ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่ลึกที่สุดในโลก ซึ่งประกอบด้วยทางเดินรถไฟสองสายที่มีความยาวรวมกว่า 28 กิโลเมตร ที่อยู่ใต้เมืองหลวงของเกาหลีเหนือ อุโมงค์รถไฟใต้ดินแห่งนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1968 และได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อปี 1973 โดยคิม อิล-ซ็อง ปู่ของคิม จ็อง-อึน ผู้นำคนปัจจุบัน ที่นี่จะเต็มไปด้วยผู้คนตลอดเวลาที่ต้องการเดินทาง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดสงครามระหว่างเกาหลีเหนือกับอเมริกา มันจะกลายเป็นที่หลบภัยชั้นเยี่ยมของประชาชนเลย และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไม เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของคิม จ็อง-อึนได้ออกมาประกาศว่า เกาหลีเหนือไม่เกรงกลัวการโจมตีใดๆ จากทางทหารของสหรัฐฯ เลย ในปี 1999 เกาหลีเหนือเคยซื้อรถไฟเก่าจากเยอรมนี แต่ตอนนี้พวกเขาอ้างว่ามันกลายเป็นเศษขยะไปแล้ว และได้สร้างรถไฟคันใหม่ในเกาหลีเหนือมาใช้งานแทน แม้พวกเขาจะไม่เปิดเผยแหล่งที่มาหรือรายละเอียดเกี่ยวกับการสร้าง แต่มีร่องรอยกราฟฟิตี้บนผนังรถไฟ ซึ่งอาจเป็นได้ว่าเป็นการนำซากรถไฟคันเก่ามาสร้างเป็นรถไฟคันใหม่ก็เป็นได้ ภาพเหล่านี้ถ่ายโดย Eric Lafforgue ช่างภาพชาวฝรั่งเศส ระหว่างที่เดินทางไปเยือนเปียงยาง เขาบอกว่ารถไฟทั้งสองสายนี้จะผ่านสถานีต่างๆ 17 สถานีด้วยกัน…
-
กองทัพเกาหลีเหนือออกมาเดินสวนสนาม ประกาศแสนยานุภาพ เพื่อตอบโต้สหรัฐอเมริกา…
หลังจากที่มีข่าวคราวเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างสหรัฐอเมริกาและเกาหลีเหนือที่กำลังคุกรุ่นอยู่ในขณะนี้ ล่าสุดทางเว็บไซต์ Dailymail ได้รายงานถึงความเคลื่อนไหวอีกระลอกกับสถานการณ์ในช่วงนี้ โดยทางเกาหลีเหนือได้มีการประกาศแสนยานุภาพของพวกเขา ด้วยการเดินสวนสนามของทหารกว่าหมื่นนายใจกลางกรุงเปียงยาง เผยให้เห็นภาพการตั้งแถวของนายทหารเกาหลีเหนือบริเวณหน้าอนุสาวรีย์ของพรรคแรงงาน นายทหารหลายหมื่นนาย ที่ออกมาสวนสนามเพื่อสนับสนุนท่านผู้นำคิม เมื่อเช้าวันที่ 11 สิงหาคม 2017 สำนักข่าว KCNA ของเกาหลีเหนือได้ออกมาเตือนสหรัฐอเมริกาว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่นั้นอาจก่อให้เกิดสงครามขึ้นเมื่อใดก็ได้ หนึ่งในคำปราศัยระหว่างการสวนสนามกล่าวว่า พวกเขามีความแน่วแน่ที่จะยุติความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นมิตรของสหรัฐอเมริกาที่กดขี่พวกเขามาเป็นเวลานานกว่าครึ่งศตวรรษแล้ว สหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตรจะต้องชดใช้ให้สาสมกับสิ่งที่พวกเขากดดันเกาหลีเหนือ การออกมาสวนสนามครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการที่สหรัฐฯ ออกมาเตือนเกี่ยวกับการพัฒนาด้านแสนยานุภาพของเกาหลีเหนือ นอกจากการประกาศครั้งนี้แล้ว ทางเกาหลีเนือยังได้ประกาศว่าพวกเขาพร้อมที่จะยิงขีปนาวุธ 4 ลูก เพื่อโจมตีเกาะกวมอันเป็นฐานที่มั่นของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย และท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียด ทางการจีนได้ออกมาเสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาเรื่องนี้ ทางด้านสำนักข่าวจีน Global Times ได้ออกมากล่าวว่าทั้งสองชาติกำลังทำให้เกิดสถานการณ์ที่ล่อแหลม และอาจเป็นการจุดชนวนนำไปสู่สงครามอีกด้วย นายทหารกว่าหมื่นนาย ออกมาเดินขบวนและสวนสนามบริเวณหน้าอนุสาวรีย์พรรคแรงงาน . . รูปของท่านผู้นำ ที่ถูกนำมาแสดงในการสวนสนามครั้งนี้ . เหล่านายทหารและสีหน้าที่ขึงขังของพวกเขา ที่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่จะสนับสนุนท่านผู้นำ ทางด้านเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ก็มีการจัดพิธีส่งมอบหน้าที่ผู้บังคับการในฐานทัพของกองทัพสหรัฐฯ ที่ตั้งอยู่ในกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้เช่นเดียวกัน …
-
วินาทีสุดซึ้ง ทหารอเมริกันโอบกอด “เด็กน้อยชาวอิรัก” เพื่อปลอบโยนหลังเพิ่งเสียพ่อแม่ไป
ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ติดตามข่าวคราวสงครามในอิรักมานานมากแล้ว แต่ท่ามกลางไฟสงครามก็มีเรื่องราวซึ้งๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเด็กน้อยชาวอิรัก และทหารอเมริกัน ภาพที่โด่งดังไปทั่วโลก เป็นภาพของทหารอเมริกันกำลังกอดเด็กน้อยชาวอิรัก ที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกจากหัวได้อย่างสำเร็จ ภาพดังกล่าวถูกแชร์ต่อออกไปทั่วโลก มีคนเข้ามาให้คำชมเชยแก่นายทหารคนในภาพมากมาย แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเบื้องหลังของเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น ย้อนกลับไปในช่วงที่ไฟสงครามยังปะทุอยู่ ครอบครัวของเด็กสาวตัวน้อยถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายปลิดชีพ รวมทั้งตัวเธอเองก็ถูกยิงเข้าที่ศรีษะด้วยเช่นกัน ระหว่างการผ่าตัดเอากระสุนออกจากกระโหลก มีเพียงจ่าสิบเอก John Gebhardt ผู้ที่ช่วยเหลือหญิงสาวตัวน้อยมาจากสมรภูมิรบเท่านั้น ที่จะสามารถปลอมประโลมให้เธอหยุดร้องไห้ได้ ตลอดเวลาการรักษาตัวจ่าสิบเอก John ไม่คิดจะทิ้งหนูน้อยไว้ให้ห่างกาย ถึงแม้ว่าเขาทั้งสองจะไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แต่ด้วยหัวอกของความเป็นมนุษย์ก็ทำให้นายจ่าพอตระหนักได้ว่า ตนควรช่วยเหลือเด็กสาวผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ให้ถึงที่สุด ทุกวันนี้เด็กสาวคนในภาพได้หายจากอาการบาดเจ็บ และกลับไปอยู่อาศัยกับคุณลุงในประเทศอิรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางด้านของจ่าสิบเอกก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องราวของตัวเองในครั้งนี้อย่างถ่อมตนว่า “อันที่จริงผมได้รับคำชมที่มากเกินไป ผมเชื่อว่าถ้าเป็นคนอื่นๆ ก็ต้องทำแบบนี้เหมือนกัน และภาพนั่นก็เป็นแค่ภาพสะท้อนเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในสงครามก็เท่านั้น” “หัวอกของประชาชนทุกคนไม่มีใครอยากอยู่ในสงครามหรอก และผมก็เชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรจะช่วยกันทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ยิ่งขึ้น” จ่าสิบเอกกล่าวปิดท้าย ถ้าเพื่อนมนุษย์ไม่รักกันเอง แล้วใครจะมารักเราละเนาะ ที่มา: TheChive
-
เผยภาพเหยื่อจากเหตุการณ์ทิ้งระเบิดในเมืองหลวงของซีเรีย ที่รุนแรงสุดในรอบ 2 สัปดาห์
****บทความนี้อาจมีภาพและเนื้อหาที่รุนแรง**** เมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพของเหล่าเด็กน้อยวัยกำลังหัดเดินที่กำลังหวาดกลัวและร้องไห้ ร่างกายของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลที่เด็กๆ ไม่สมควรได้รับ ซึ่งมาจากการโจมตีทางอากาศของทหารซีเรีย เหล่าเด็กน้อยที่กำลังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเขต Jobar เมือง Damascus ตกเป็นผู้รับกรรมจากการโจมตีครั้งนี้ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่รู้เรื่องกับเหตุต่อต้านรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย เด็กน้อยที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำลายฐานที่มั่นของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล โดยผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่าการระเบิดครั้งนี้ถือว่าเป็นระเบิดที่รุนแรงที่สุดในรอบ 2 เดือนเลยทีเดียว สำนักข่าว Daily Mail รายงานว่ารัฐบาลซีเรียได้รับการขอร้องจากรัสเซียให้มีการประกาศหยุดยิงในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัสเซียอ้างว่ากำลังมีการเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงในหลายๆ พื้นที่เพื่อสร้างเขตปลอดอาวุธ และเพิ่มพื้นที่หยุดยิงให้มากขึ้น แต่ทางฝ่ายต่อต้านก็ได้ออกมากล่าว่า ทางรัสเซียเองนั่นแหละที่ได้ส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้ามาในพื้นที่ตอนเหนือของชายแดนเมืองหลวง และยกเลิกพื้นที่ดังกล่าวซึ่งเป็นเขตหยุดยิง นอกจากนี้พวกเขายังบอกอีกว่าทางกองทัพซีเรียได้โจมตีผู้คนในพื้นที่ Eastern Ghouta เหตุการณ์ดังกล่าวมีประชาชนผู้เสียชีวิตถึง 15 คนและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบของฐานทัพอังกฤษในซีเรีย รายงานว่ามีจำนวนนายทหารผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 นาย พร้อมกับมีทหารบาดเจ็บและถูกจับเป็นตัวประกันอีกจำนวนมาก แต่ไม่ว่าจะเป็นรายงานจากฝ่ายไหน สุดท้ายแล้วผู้ที่เสียชีวิตก็ล้วนแล้วแต่เป็นมนุษย์ด้วยกันทั้งนั้น นี่คือสิ่งที่พวกเด็กๆ ควรได้รับอย่างนั้นหรือ?? พื้นที่ Eastern Ghouta…
-
จากแบกแดดถึงเคมบริดจ์… การเดินทางของ “หนุ่มลี้ภัยผู้พิการ” สู่บัณฑิตระดับเกียรตินิยม
บางครั้งโชคชะตาอาจจะไม่เข้าข้างเรา แต่ความพยายามและการฝ่าฟันก็สามารถทำให้เราเอาชนะโชคร้ายเหล่านั้นได้ พบกับเรื่องราวของหนุ่มลี้ภัยชาวอิรัก ที่พิการทางสายตาแต่สุดท้ายเขากลับเอาชนะอุปสรรคและคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 ทางด้านกฎหมายจาก Cambridge ได้สำเร็จ ย้อนไปเมื่อปี 1995 สมัยที่อิรักถูกปกครองด้วยผู้นำเผด็จการ Saddam Hussein ความสงบที่เคยมีมากลายเป็นเพียงแค่เรื่องเล่า ประชาชนต่างตกเป็นผู้รับกรรมจากสิ่งที่พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อและต้องอพยพออกจากบ้านเกิด หลังจากความรุนแรงของสงครามอ่าวเปอร์เซีย เด็กชายตาบอด Allan Hennessy และครอบครัวที่ของเขาเป็นหนึ่งในผู้ได้รับผลกระทบ ครอบครัวดังกล่าวต้องหนีออกเข้ามาในประเทศอังกฤษและอาศัยอยู่ในแฟลตที่รัฐบาลจัดหาให้สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบ คุณ Allan เติบโตมาในครอบครัวชนชั้นกลาง เขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสะบาย ถึงแม้จะมีฐานะแต่โชคร้ายที่เขาต้องเกิดมาพร้อมกับความไม่สมประกอบของร่างกาย ครอบครัวพยายามหาหนทางเพื่อรักษาดวงตาของเขา จนในที่สุดหนุ่มน้อยก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ และแล้วดวงตาของเด็กน้อยก็เริ่มกลับมามองเห็นได้เล็กน้อย ในระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบที่บ้านเกิดของพวกเขา จึงทำให้ครอบครัวไม่สามารถกลับไปที่อิรักได้และจำเป็นต้องลี้ภัยอยู่ที่นี่ แม่และพี่น้องของคุณ Allan ต้องอาศัยอยู่ในลอนดอน “พวกเราชอบอยู่ที่อิรักมากกว่า แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปทำให้พวกเราจึงจำเป็นต้องอยู่ที่นี่ ชีวิตตอนนั้นยากลำบากมากๆ พวกเราไม่มีใครพูดอังกฤษได้เลย” ชายหนุ่มเล่าถึงความหลังของเขา คุณแม่และพี่น้องของคุณ Allan คุณ Allan (เสื้อสีชมพู) ชายหนุ่มที่เติบโตมาด้วยความไม่พร้อม เหตุการณ์ภายใต้ความไม่สงบในบ้านเกิด ทำให้ชายหนุ่มจำเป็นต้องย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ จนกระทั่งในปี…
-
เปิดตำนาน เบื้องหลังภาพยนตร์ ‘Saving Private Ryan’ จากเรื่องราวที่แท้ทรู..!!
หนึ่งในผลงานการกำกับอันน่าจดจำตลอดกาลของ Steven Spielberg หลายๆ คนคงยกความดีความชอบนี้ให้กับภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามเรื่อง Saving Private Ryan และแน่นอนว่าเรื่องราวจากภาพยนตร์ชื่อดังนี้ เป็นการบอกเล่าจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของครอบครัว Nilad กับภารกิจช่วยเหลือบุตรชายคนสุดท้องที่ตกอยู่ในแนวข้าศึก 4 พี่น้องตระกูล Niland ได้รับใช้กองทัพสหรัฐฯ มาโดยตลอด ทว่าสงครามก็ได้พรากบุตรชายทั้ง 3 คนของตระกูลนี้ไป ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องราวของ 4 พี่น้องชาวนิวยอร์ก ที่เข้าไปรับใช้ชาติในกรมทหารช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งพวกเขายังได้เข้าร่วมเหตุการณ์วันดีเดย์ ทว่าเหตุการณ์ในชีวิตจริงและในหนังอาจจะแตกต่างกันนิดหน่อย Edward Niland ได้รับการรายงานว่าเครื่องบินถูกยิงตกลงไปในเขตของประเทศพม่า และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ในขณะที่อีก 3 คนที่เหลือถูกส่งตัวไปยังสมรภูมิรบในเมืองนอร์มังดี น่าเศร้าที่ Preston Niland เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บในสมรภูมิที่อ่าวยูทาห์ ซึ่งเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ Robert Niland พลทหารร่มผู้ประจำการในฝรั่งเศสเสียชีวิตจากการปะทะกันในหมู่บ้าน Neuville-au-Plain ในขณะที่ Fritz (เจ้าของเรื่องในภาพยนตร์) ได้สูญเสียฐานทัพจากการสู้รบและพลัดหลงจนตกไปอยู่ในแดนข้าศึก จนได้รับการช่วยเหลือและถูกส่งตัวกลับบ้านในท้ายที่สุด และทางด้านของ Edward Niland พี่คนโตสุดในครอบครัว ต้องถูกฝ่ายทหารญี่ปุ่นจับกุมตัวอยู่ในค่ายกักกันที่ประเทศพม่า…
-
เหล่าทหารผ่านศึกดันเคิร์ก ร่วมรำลึกความบนเรือลำเล็ก ที่ช่วยให้รอดชีวิตจากสมรภูมิมาได้
เรื่องราวของทหารผ่านศึกจากยุทธการไดนาโม ที่ได้กลับมาพบกันอีกครั้งบนเรือเล็กๆ ลำหนึ่ง และร่วมรำลึกถึงความหลังของเหตุการณ์สำคัญที่ผ่านเข้ามาใช้ชีวิตของพวกเขาเมื่อ 77 ปีที่แล้ว คุณ Ted Oates วัย 97 ปี และคุณ George Purton วัย 98 ปี คือหนึ่งในจำนวนผู้รอดชีวิต 338,000 คนจากการอพยพออกจากหาดดันเคิร์กเมื่อปี 1940 เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทหารผ่านศึกทั้งสองก็ได้ออกมาร่วมกันย้อนรำลึกถึงปฏิบัติการไดนาโม ในงานเทศประเพณีล่องเรือในแม่น้ำ Thames ประเทศอังกฤษ คุณ Ted บอกกับผู้สื่อข่าวว่า “ตอนนั้นเราทั้งคู่นั่งเรือผ่านที่โรงนาตรงนี้ ผมจำได้ว่าเรือที่เรานั่งมาวันนั้นมีลักษณะคล้ายๆ กับเรือลำนี้แหละ แต่ตอนนั้นมีพวกเราเต็มไปหมดเลย บางคนก็นั่งอยู่บนหลังคา บางคนก็นั่งอยู่ที่ระเบียง หรือบางคนก็อยู่ด้านในเรือ” “ตอนนั้นมีเรือลำหนึ่งถูกโจมตี ผมจำได้ว่าผมเห็นเรือถูกระเบิดต่อหน้าต่อตาเลย” โดยในช่วงนั้นคุณ Ted ถูกส่งตัวไปยังฝรั่งเศสในฐานะพลเปล และได้ช่วยเหลือนายทหารคนหนึ่งพาขึ้นไปยังเรือพยาบาล และทำการหลบหนีเอาชีวิตรอดด้วยเรือเสบียง ส่วนทางด้านคุณ George จากหน่วย Royal Army Service Corps ก็ได้รับความช่วยเหลือสำหรับการหลบหนีในครั้งนั้นด้วยเช่นเดียวกัน จากการรวมตัวของเหล่าทหารผ่านศึกในครั้งนี้ จัดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกับการเปิดตัวภาพยนตร์ ‘ดันเคิร์ก’ ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลนด์ ด้วย โดยทหารผ่านศึกจากปฏิบัติการไดนาโม…
-
เผยเบื้องหลังชีวิตของ “นักฆ่า” กับเรื่องราวในอดีตที่ยังตามหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้
วันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเบื้องหลังชีวิตของ Martin Corona อดีตสมาชิกทีมสังหาร Death Squad วัย 53 ปี กับเรื่องราวในอดีตที่ยังตามหลอกหลอนเขามาจนถึงทุกวันนี้ จากการรายงานระบุว่า Martin Corona ถือเป็นฆาตกรมืออาชีพที่โหดมากคนหนึ่ง ซึ่งเขายังเคยเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในกลุ่มอันทรงอิทธิพลของเจ้าพ่อค้ายา Arellano Felix Martin ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมดของเขาที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เพื่อเป็นอุทาหรณ์ไม่ให้คนอื่นๆ เข้ามาสู่ด้านมืดเช่นเดียวกับเขา โดยเขาได้ออกมาเผยว่า “ผมไม่เคยรู้สึกภูมิใจในอดีตของผมเลย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายจริงๆ ที่ตื่นขึ้นมามองตัวเองในกระจก และนึกถึงสิ่งที่เคยทำเอาไว้” สำหรับ Martin เขาได้เติบโตใกล้ซานดิเอโก ซึ่งในตอนที่ยังเป็นเด็กเขาชื่นชอบการเล่นฟุตบอล และยังเคยเป็นลูกเสือ แต่ทว่าหลังจากที่เขาอายุได้ 12 ปี ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปภายในพริบตา จากเด็กที่ควรจะมีอนาคตสดใส กลับเข้ามาสู่ด้านมืดอย่างเต็มตัว Martin ได้เผยว่า ตอนที่เขาอายุ 12 มีชายคนหนึ่งได้จ้างให้เขาและเพื่อนมาตัดหญ้า ซึ่งเขาได้เอากัญชามาให้เป็นค่าจ้างแทนที่จะเป็นเงิน และภายหลังจากที่ถูกพ่อจับได้ เขาก็ถูกนำตัวไปยังสถานพินิจคุ้มครองเด็กและเยาวชนอยู่นานหลายปี และเมื่อออกมาจากสถานที่ดังกล่าว เขาก็ได้เข้าสู่กลุ่มค้ายารายใหญ่ทันที…
-
ทีมสำรวจพบร่างของนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสูญหายนาน 72 ปี
ในช่วงสงครามการสูญหายของทหารกล้าในสนามรบนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวที่รอคอยการกลับมาของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นกันครอบครัวหนึ่ง เมื่อพวกเขามีโอกาสได้พบกับร่างของชายผู้เป็นที่รักหลังจากที่ผ่านไปนานถึง 72 ปี ครอบครัวของร้อยโท William J Gray Jr. ได้มีโอกาสพบร่างของเขาอีกครั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เยอรมนี ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทีมสำรวจพบโครงกระดูกของร้อยโท Gray ติดอยู่กับรากของต้นไม้ในเมือง Lindau ใกล้ๆ กับชายแดนประเทศ Lichtenstein การรอคอยอย่างยาวนานสิ้นสุดลง ครอบครัวได้นำร่างของเขากลับไปประกอบพิธีศพที่ Seattle รัฐ Washington อย่างสมเกียรติ ทีมค้นหาได้ทำหน้าที่อย่างหนักในการหาร่างของร้อยโทท่านดังกล่าว พวกเขาเริ่มหาเบาะแสจากจุดที่เครื่องบินตก และค้นหาเศษซากเครื่องบิน จนกระทั่งใช้เวลาในการค้นหานานถึง 15 วันจึงพบโครงกระดูกของนายทหารท่านนี้ ผลการตรวจ DNA ของโครงกระดูกกับน้องสาวของเขา ช่วยยืนยันว่าร่างที่พบคือร้อยโท Gray ตัวจริง เมื่อร่างของเขาเดินทางกลับมาถึงดินแดนบ้านเกิด นายทหารท่านนี้ก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใกล้ๆ กับหลุมศพของเพื่อนสนิทเขาร้อยโท Jim Louvier ลูกสาวของร้อยโท Gray คุณ Jan Bradshaw บอกว่า “ทั้งสองออกไปรบด้วยกัน ฉันหวังว่าพ่อจะอยู่ตรงนี้ด้วย และเขาน่าจะดีใจที่ได้กลับบ้าน” ส่วนทางด้านคุณ Doug Louvier หลานชายของร้อยโทท่านนี้กล่าวว่า “ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ผมคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง” ที่มา ladbible
-
ทหารหนุ่มช่วยหญิงจากค่ายกักกัน ครองรักกันมานานนับ 71 ปี จากสงครามโลกครั้งที่ 2!!
อีกเรื่องราวความรักบันลือโลก ที่เกิดขึ้นท่ามกลางไฟสงครามอันร้อนระอุในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และเราก็มั่นใจว่าความรักของทั้งคู่อาจเป็นความฝันในบั้นปลายชีวิตของใครหลายๆ คน เพราะนี่คือตำนานรักดอกเหมยระหว่าง John Mackay อดีตทหารสก็อตแลนด์ผู้เข้าไปช่วยเหลือ Edith Steiner หญิงสาวชาวยิวที่ถูกจับตัวอยู่ในค่ายกักกัน John Mackay คุณปู่วัย 96 ปี และ Edith Steiner คุณย่าวัย 92 ปี ตอนนี้ทั้งคู่อยู่กินด้วยกันมามากกว่า 70 ปีแล้ว ย้อนกลับไปในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาที่จักรวรรดินาซีเริ่มแพร่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรป มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นก็มีหญิงสาวที่ชื่อว่า Edith Steiner อยู่ด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเหตุการณ์ครั้งนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของพรหมลิขิต เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ John Mackay ทำหน้าที่เป็นหนึ่งในหน่วยคอมมานโดของประเทศสก็อตแลนด์ และหนึ่งในผลงานการสงครามของเขา คือการบุกเข้าไปช่วยเหลือเชลยศึกชาวยิวในค่ายกักกัน Auschwitz ในปี 1944 หลังเสร็จสิ้นสงครามทั้งคู่ไม่ได้พบกันอีกเลย จนกระทั่งเมื่องานเต้นรำเฉลิมฉลองแด่อิสระภาพมาถึง… ทั้งคู่ได้พบกันอีกครั้งและตัดสินใจที่จะจับมือกันเข้าสู่พิธีวิวาห์ ในวันที่ 17 มิถุนายน 1946…
-
‘Paddy’ Mayne จากนักกีฬารักบี้ทีมชาติ ชีวิตเมาหัวราน้ำสุดกู่ สู่ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Blair ‘Paddy’ Mayne อดีตนักกีฬารักบี้ทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายเป็นฮีโร่ผู้รับหน้าที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย Paddy เป็นชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีร่างกายที่แข็งแรง ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา เล่นกีฬาเก่ง ทั้งกอล์ฟ คริกเกต และการยิงปืนไรเฟิล นอกจากนี้ก็ยังมีความเฉลียวฉลาดแบบสุดๆ เพราะเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายและเตรียมตัวที่จะเป็นทนายความแล้ว แต่เนื่องจากว่าสกิลในการเล่นรักบี้ของพี่แกนั้นช่างโดดเด่นซะเหลือเกินจนได้เข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 1938 แต่ข้อเสียของพี่ Paddy นั้นมีเพียงข้อเดียวคือเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก แถมเวลาเมาแล้วก็ชอบระรานคนอื่นไปทั่ว มีครั้งหนึ่งที่นาย Harry McKibbin เพื่อนร่วมทีมเล่าว่าหลังจากจบการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ พี่แกก็ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นพอกลับมาที่โรงแรมก็พังห้องซะเละเลย นอกจากนี้ก็ยังไปต่อยตีกับเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายครั้งหลังจากที่ดื่มจนหนัก จนมาถึงปี 1939 Paddy ก็ได้ถูกเชิญชวนให้ไปเข้ากองทัพกับหน่วยปืนใหญ่ Royal Artillery ก่อนที่ความสามารถในการยิงปืนและการรบของเขา จะไปเตะตาท่านนายพัน David Stirling ผู้ก่อตั้งหน่วย SAS (Special Air Service) SAS เป็นหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ (เช่นเดียวกับหน่วย Delta Force และ Navy…
-
เปิดแฟ้มภาพเก่า ของเหล่า “ทาสบำเรอกาม” สาวเกาหลี ในสมัยที่โดนทหารญี่ปุ่นบุกโจมตี
สนามรบในอดีตอาจเต็มไปด้วยสู้รบ การนองเลือด และความเหน็ดเหนื่อย แต่เมื่อว่างจากการสู้รบเหล่าบรรดาทหารก็ได้พักผ่อน โดยจะได้รับการอำนวนความสะดวกสะบายเท่าที่ทำได้ หนึ่งในนั้นคือหญิงบำเรอ หญิงสาวที่มาบำเรอกามให้ทหารนั้นมีทั้งเต็มใจและถูกบังคับ อย่างสาวเกาหลีที่ตกเป็นทาสกามในสมัยที่โดนทหารญี่ปุ่นบุกโจมตี นี่เป็นวิดีโอขาวดำที่ถูกถ่ายในช่วงปี 1944 เป็นภาพผู้หญิง 7 คน ที่ยืนอยู่ด้านนอกของซ่องสำหรับทหารที่ยืดครองโดยประเทศจีน ซึ่งได้รับการปลดปล่อยจากญี่ปุ่นโดยกองกำลังฝ่ายสัมพันธมิตร ในคลิปจะเห็นผู้หญิงหนึ่งในเจ็ดกำลังยืนคุยกับทหารจีน ด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจ ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็ก้มหัวความกลัว ที่สำคัญดูเหมือนจะมีคนท้องอยู่ด้วย คลิปดังกล่าวนี้ถูกค้นพบที่ US National Archives และได้รับการจัดเก็บไว้ที่ Records Administration ซึ่งมีอายุกว่า 70 ปีแล้ว เนื้อหาของคลิปมีความเชื่อมโยงกับบันทึกทางสงครามที่แสดงให้เห็นเรื่องราวของทาสที่ถูกจับกุมใน Songshan โดยกองกำลังพันธมิตรในเดือนกันยายน ปี 1944 ปัจจุบันได้มีการเล่าเรื่องของหญิงสาวเกาหลีผู้ตกเป็นทาสกามผ่านงานเขียนเรื่อง ‘COMFORT WOMEN’ ซึ่งมีประวัติความเป็นมาดังนี้ นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้หญิงราวๆ 200,000 คน ที่ส่วนใหญ่มาจากเกาหลี ถูกบังคับให้ทำงานในซ่องกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จากประเด็นในอดีตที่ญี่ปุ่นบังคับให้สาวเกาหลีเป็นทาสทางอารมณ์ ยังคงมีผลกระทบถึงความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีจนทุกวันนี้ ชาวเกาหลีจำนวนมากที่ถูกละเมิดสิทธิในช่วงการล่าอาณานิคมของญี่ปุ่นในช่วงปี 1910-1945 ในคาบสมุทรเกาหลี คำว่า Comfort Woman มาจากคำว่า jugun ianfu…
-
Stormtrooper ใช่มั้ย!? รัสเซียเปิดตัวต้นแบบชุดเกราะไฮเทคล้ำยุค เพิ่มเขี้ยวเล็บให้กองทัพ
ถ้าหากใครที่เป็นแฟนๆ หนังสตาร์วอร์คงจะคุ้นเคยกับเหล่าตัวประกอบทหารสีขาวหรือพวก Stormtrooper กันเป็นอย่างดี และด้วยความไฮเทคบอกกับความเท่ของชุด ก็กำลังจะกลายมาเป็นชุดเกราะของทหารรัสเซียแล้ว!! ตัวอย่างของชุดเกราะจากโลกอนาคตนี้ พึ่งเปิดตัวในประเทศรัสเซียเมื่อช่วงวันพฤหัสที่ 29 มิถุนายน 2017 โดยจัดแสดงในมหาวิทยาลัย National University of Science and Technology MISiS ณ กรุงมอสโก ชุดสุดไฮเทคนี้ประกอบก้วยเกราะด้านนอกที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผู้สวมใส่ ในส่วนของหมวกนั้นก็มีระบบไฟ Night Vision สำหรับใช้งานในตอนกลางคืนติดตั้งมาให้ด้วย ส่วนของแขนจะมีผ้าที่เป็นลายพรางและเกราะที่ติดธงชาติของรัสเซีย และส่วนของรองเท้าจะมีลักษณะคล้ายกับรองเท้าสกีที่ทำจากวัสดุที่ทนทาน ช่วยปกป้องกระสุนและระเบิดได้ อีกทั้งยังมีเซนเซอร์ตรวจกับระเบิดอีกต่างหาก นอกจากนี้ตัวชุดเกราะนั้นก็มาพร้อมกับโครงเหล็ก Exoskeleton ที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถแบกอาวุธหนักได้เป็นระยะเวลานานมากยิ่งขึ้น รายละเอียดของชุดทหารแห่งอนาคตจากรัสเซีย ชุดดังกล่าวถูกสร้างขึ้นในสถาบันวิจัยและค้นคว้าอาวุธของรัสเซีย Central Research Institute for Precision Machine Building ซึ่งทางด้าน Oleg Chikarev หัวหน้าของทีมค้นคว้ากล่าวว่า “การเปิดตัวชุดเกราะนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเราสำหรับการพัฒนาชุดเกราะในอีกสองปีข้างหน้า” โดยชุดดังกล่าวเป็นการพัฒนาร่วมกับบริษัทต่างๆ ภายในประเทศรัสเซียที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน …
-
รวมภาพ 10 ปีให้หลัง เหล่าทหารผ่านศึกชาวอเมริกัน กับความสูญเสียจากสมรภูมิตะวันออกกลาง
สำหรับทหารที่ออกรบมาแล้วนั้น สงครามของพวกเขาก็มีทีท่าที่ไม่จบสิ้นเสียที เพราะในทุกๆ วันของพวกเขาต้องต่อสู้กับบาดแผลที่ได้รับมาจากสงครามไม่ว่าจะหนักหรือเบาเพียงใด ทั้งภายนอกทางด้านร่างกายรวมไปถึงภายในจิตใจด้วย David Jay และ James Nachtwey สองตากล้องได้บันทึกภาพของเหล่าทหารอเมริกันที่กลับจากสมรภูมิในอิรักและอัฟกานิสถาน โดยชุดภาพนี้มีชื่อว่า “Unknow Soldier” ซึ่งได้เข้ารอบสุดท้ายประเภท Portrait ของ Magnum Photography Awards ในปี 2016 ที่ผ่านมาด้วย Bobby Henline ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวหลังจากที่รถลาดตระเวนที่เขาโดยสารโดนระเบิดโจมตี Jerral Hancock เป็นพลขับรถถัง เขาเสียแขนทั้งสองข้าง ด้วยแรงระเบิดจากการปะทะของศัตรู Jason Park สูญเสียขาทั้งสองข้าง อันเป็นผลจากระเบิดแสวงเครื่อง แต่มันไม่อาจทำให้เขาสูญเสียความร่าเริงแต่อย่างใด Shilo Harris รอดชีวิตจากการลาดตระเวน เขาสูญเสียคนในทีมไป 3 คนจากแรงระเบิดครั้งนั้น Joel Tavera ตาบอด มีบาดแผลไฟไหม้ และสูญเสียขาไปจากสงครามนี้ Bo Reichenbach เคยอยู่หน่วย…
-
ชาวเน็ตประทับใจ…ภาพการทานอาหารร่วมกันของ ‘ชาวบ้านในซีเรีย’ หลังเทศกาลถือศีลอด
นี่คือภาพการร่วมรับประทานอาหารมื้อค่ำหลังจากที่เพิ่งผ่านพ้นเทศกาลศีลอด ท่ามกลางซากปรักหักพังในเขต Douma ที่เป็นชานเมืองของกลุ่มกบฎในเมือง Damascus ประเทศซีเรีย หลังจากต้องเผชิญกับสงครามที่ยืดเยื้อมายาวนาน สำหรับการเฉลิมฉลองในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นโดย Adeleh Foundation องค์กรการกุศลที่ให้การสนับสนุนกับกลุ่มกบฏ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในประเทศตุรกี ในภาพจะเห็นประชาชนหลายสิบคนกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหาร ซึ่งเป็นอาหารมื้อแรกหลังจากที่พวกถือศีลอดในช่วงเดือนแห่ง Ramadan ซึ่งเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ที่สิ้นสุดลงไปแล้วเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ Adeleh บอกว่าพวกเขาจะจัดเลี้ยงอาหารจนถึงวัน Eid al-Fitr โดยจะเริ่มเลี้ยงอาหารในวันศุกร์หรือวันเสาร์ ตามปฏิทิน Ramadan “พวกเราต้องมีความระมัดระวังในความปลอดภัยของเหล่าชาวเมืองในการจัดงานเฉลิมฉลองแบบนี้ เพราะการโจมตีทางอากาศสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แต่เนื่องจากว่าการทำสัญญายกเลิกการโจมตีเมื่อเดือนที่ผ่านมา ทำให้เราสามารถวางใจได้ในระดับหนึ่ง” โฆษกของ Adeleh ให้สัมภาษณ์กับ BBC เขต Douma เป็นจุดที่เกิดการทำสงครามกันมายาวนานกว่า 6 ปี และตอนนี้ก็อยู่ในการครอบครองของกลุ่มกบฎชาวอิสลามที่มีชื่อว่า Jaish al-Islam แถมยังเคยถูกโจมตีทางอากาศมาตั้งแต่ปี 2012 และถูกล้อมโดยกองกำลังของรัฐบาลเมื่อปี 2013 ซึ่งก่อนหน้านี้ชาวบ้านจะต้องทำการเฉลิมฉลองหลังเทศกาลถือศีลอดในบ้าน หรือไม่ก็ในมัสยิด แทนที่จะออกมาจัดกันที่กลางหมู่บ้านเพราะต้องคอยหลบภัยจากการจู่โจมทางอากาศ จนในที่สุดเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทั้งอาหาร ยารักษาโรค ความช่วยเหลือต่างๆ ถูกส่งมาถึงมือของเหล่าชาวบ้านเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2016 ภาพถ่ายและวิดีโองานเฉลิมฉลองของชาวเมืองในครั้งนี้ถูกแชร์ไปในโลกโซเชียลนับแสนครั้งเลยทีเดียว ตั้งแต่มันถูกโพสต์ลงบนโลกออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา “ความมีชีวิตชีวาได้เข้ามาแทนที่ความหดหู่ในเมือง Douma เป็นที่เรียบร้อยแล้ว” ชาวเน็ตคนหนึ่งกล่าว…
-
ช่างภาพหนุ่ม เดินทางตามเก็บภาพถ่ายวิถีชีวิตของเด็กๆ จากสมรภูมิรบแห่งปาเลสไตน์!!
Emad Nassar เป็นหนึ่งในช่างภาพหนุ่มีมือดี ผู้มีรางวัลการันตีจากเวทีการแข่งขันภาพถ่ายมากมาย และเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองกาซ่า ประเทศปาเลสไตน์ คงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสงครามที่เกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อประชาชนคนบริสุทธิ์มากมายขนาดไหน และทั้งหมดนี้ก็เป็นไอเดียที่ทำให้เจ้าตัวได้ริเริ่มที่จะออกเดินทางไปทั่วกาซ่า เพื่อถ่ายภาพวิถีชีวิตท่ามกลางสงครามของเด็กๆ ให้ทั่วโลกได้รับชม Salem Saoody หนุ่มวัย 30 ปี กำลังอาบน้ำให้ลูกสาว ซึ่งอ่างอาบน้ำนั่นเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่พวกเขาเหลือรอดมาจากสงคราม เด็กๆ ชาวปาเลสไตน์หลายคนต้องอาศัยอยู่ในบ้านที่กลายเป็นซากปรักหักพัง และไร้ซึ่งการซ่อมแซมใดๆ เด็กสาว 4 คน จากค่าย Jabalia ซึ่งเป็นค่ายสำหรับช่วยเหลือปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำรงชีวิตให้แก่ประชาชน สิ่งหนึ่งที่เรายังสัมผัสได้จากภาพถ่ายเหล่านี้ก็คือ… ความไร้เดียงสาของเด็กๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องเผชิญวิกฤตสงคราม แต่ความน่ารักแบบเด็กๆ ก็ยังแสดงออกมาให้เราเห็นอยู่ สิ่งเหล่านี้มันช่วยสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากสงคราม และผลกระทบจากการแก่งแย่งอำนาจของกลุ่มชนชั้นนำเพียงไม่กี่คน มีเด็กหลายคนที่ต้องสูญเสียครอบครัว และพี่น้อง จากภัยสงคราม เด็กๆ อีกหลายคนยังไม่รู้ว่าอนาคตตัวเองจะไปจบที่ตรงไหน โดยเฉพาะกับคนที่สูญเสียครอบครัวไปทั้งหมด “ทุกภาพถ่ายที่คุณเห็นนี้ ผมได้เดินทางไปกดชัตเตอร์ด้วยตัวเอง และทุกครั้งที่ได้ยินเรื่องเล่าจากเด็กๆ มันก็ทำให้ผมรู้สึกถึงความเศร้าโศกบนความไร้เดียงสาของพวกเขา” ลองนึกสภาพดูซิว่ามันจะน่าเศร้าขนาดไหน…
-
จำได้ไหม!? ภาพหนูน้อยซีเรียผู้บาดเจ็บ ตอนนี้อาศัยกับครอบครัว และดูดีขึ้นมากจริงๆ
ช่วงที่เกิดสงครามซีเรีย หลายคนอาจจะจำหน้าของ Omran Daqneesh คือหนุ่มน้อยวัย 5 ขวบ ที่กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความรุนแรงที่เกิดขึ้น ภาพของหนูน้อยที่ชวนให้คนทั้งโลกรู้สึกสลดใจ ก็คือภาพตอนที่เจ้าตัวถูกช่วยเหลือออกมาจากพื้นที่สงคราม และได้รับผลกระทบจากความรุนแรงโดยมีคราบเลือด และบาดแผลติดเต็มใบหน้าเขาไปหมด ลิ้งค์ข่าวเดิม หนุ่มน้อย 6 ขวบที่เคยเขียนจดหมาย ขอให้เด็กซีเรียมาอยู่ด้วย ตอนนี้ได้เข้าพบ Obama แล้ว ถ้าใครนึกไม่ออก.. ก็หนูน้อยคนนี้ไงล่ะ ที่ภาพของเขาโด่งดังไปทั่วโลก ชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนท่ามกลางสงครามอันแสนโหดร้ายไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หนุ่มน้อยต้องสูญเสียพี่ชายวัย 10 ขวบ ไปจากการโจมตีครั้งรุนแรง ทว่าปัจจุบันหนูน้อยได้ย้ายไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของเขา โดยทีมงานสำนักข่าวท้องถิ่นได้เข้าไปสัมภาษณ์หนูน้อย และพบว่าเขามีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมากพอสมควร โดยก่อนหน้านี้ทางครอบครัวปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกเจ้า เพราะพวกเขากลัวว่าจะกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตของครอบครัวตัวเอง ล่าสุดพวกเขายอมให้สื่อเข้าพบ และถ่ายทอดชีวิตของพวกเขาออกมาเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเจ้าหนูจะเปลี่ยนไปจนเราแทบจำไม่ได้เลยล่ะ แต่ถึงกระนั้นก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย ว่าภาพถ่ายของหนูน้อย Omran อาจเป็นเพียงเครื่องมือของกองทัพสหรัฐฯ ที่นำมาใช้สำหรับการโฆษณาชวนเชื่อให้คนทั้งโลกเห็น แต่ไม่ว่าความจริงจะเป็นยังไง ขอแค่ตอนนี้หนุ่มน้อยปลอดภัย และไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับสงครามอีก ก็ดูจะเป็นอะไรที่โอเคแล้วล่ะ ในโลกที่เต็มไปด้วยการก่อการร้ายและสงคราม เมื่อไหร่น้อ… ที่มันจะสงบสุขซักที…
-
สวนสาธารณะขนหัวลุก เต็มไปด้วยต้นไม้ที่สลักข้อความแปลกๆ จากผู้ป่วยทางจิตเวช…
เทศมณฑล Cecil ในรัฐแมริแลนด์ เป็นหนึ่งในเขตที่มีสวนสาธารณะที่น่าสนใจมากมาย แต่คงไม่มีสวนสาธารณะแห่งใดในเมืองที่แปลกและลึกลับกว่า Perryville Community Park อีกแล้ว เพราะต้นไม้กว่า 100 ต้นในสวนสาธารณะแห่งนี้มีข้อความแปลกๆ ที่ถูกสลักไว้โดยเหล่าผู้ป่วยทางจิตเวชและทหารที่มาพื้นฟูจิตใจยังที่แห่งนี้ ก่อนที่จะกลายเป็นสวนสาธารณะนั้น พื้นที่ตรงนี้เคยเป็นที่ของโรงพยาบาล Perry Point VA Hospital มาก่อน ผู้ป่วยบางส่วนที่เคยรักษาตัวอยู่ที่นี่ และได้แกะสลักข้อความต่างๆ ลงบนต้นไม้ และเมื่อเวลาผ่านไปต้นไม้เหล่านี้เจริญเติบโตขึ้นพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ ทำให้เป็นแหล่งดึงดูดผู้คนที่ชอบความเร้นลับและเรื่องราวน่าขนลุกเป็นอย่างมาก ข้อความที่สลักอยู่บนต้นไม้นั้น ส่วนมากจะเป็นคำเกี่ยวกับการขอความช่วยเหลือ การฆาตกรรม และตำรวจ นอกจากนี้ยังมีข้อความเกี่ยวกับทหาร อย่างเช่นคำว่า พลทหาร คลังอาวุธ หรือข้อความที่เกี่ยวกับศาสนาเช่น “อำนาจทั้งหมดจะมอบให้กับพระองค์ ในสวรรค์และโลกมนุษย์” หรือ “ประตูแห่งสวรรค์ที่เปิดกว้าง” แต่ความน่ากลัวยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ยังมีข้อความที่เป็นรูปแบบของประโยคที่ดูน่าขนลุกอีกด้วยอย่างเช่น “Eddie Kenny ไม่อยากจะฆ่า George Norris แต่ว่า St. Ignatius อยากที่จะทำ” หรือ “เรื่องที่ Baby Lindbergh ถูกฆ่าโดยพนักงานของ C&P Telephone ที่ชื่อว่า Wheedle…
-
ภาพถ่ายสุดท้ายของช่างภาพทหารหญิง ก่อนที่อุบัติเหตุระเบิดจากปืนครก จะคร่าชีวิตเธอ…
การที่จะได้มาซึ่งภาพของเหตุการณ์ที่เสี่ยงอันตราย อย่างเช่นเหตุการ์สลายการชุมนมหรือสงคราม บางครั้งช่างภาพอาจต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้รูปที่จะสามารถสื่อถึงความจริงที่เกิดขึ้นในช่วงขณะนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถบอกพวกเขาล่วงหน้าได้เลยว่าทุกครั้งที่ออกไปเก็บภาพ พวกเขาจะมีโอกาสได้ชมผลงานตัวเองหรือไม่ เหมือนช่างภาพสงครามท่านนี้ ที่ต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุระหว่างการฝึกถ่ายภาพระเบิด!! ช่างภาพสาว Hilda Clayton ผู้เชี่ยวชาญการถ่ายภาพสงคราม เธอเสียชีวิตจากเหตุการณ์ระเบิดในระหว่างที่ฝึกในประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา หญิงสาวประจำอยู่หน่วยรบ 4th Armoured Brigade Combat Team และได้เข้าร่วมการฝึกกับหน่วยปืนครกของทหารอัฟกัน โดยทหารหญิงวัย 22 ปีทำหน้าที่เป็นผู้บันทึกภาพการฝึกครั้งนี้ แต่ทว่าในตอนที่ถ่ายภาพนั้นเกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อปืนครกได้เกิดการระเบิดขึ้นและทำให้เธอเสียชีวิต โดยภาพถ่ายของเธอในช่วงที่เกิดอุบัติเหตุได้รับการอนุญาตจากทางครอบครัวให้ตีพิมพ์ลงในนิตยสารทางทหารของสหรัฐอเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาเขียนถึงเรื่องราวของเธอในนิตยสารว่า “Clayton ไม่ได้แค่ถ่ายรูปนี้ออกมาเท่านั้น แต่เธอยังทำให้มันดูมีพลังอย่างมากอีกด้วย เธอถ่ายภาพความเสี่ยงนี้ออกมาด้วยความตั้งใจอย่างมาก” ช่างภาพทหารได้รับการฝึกถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอในทุกสภาพแวดล้อม ภารกิจของพวกเขาคือการเดินทางเข้าไปบันทึกภาพของสงครามพร้อมกับกองกำลังในแนวหน้า และการเสียชีวิตของเธอแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เท่ากับทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน ทางผู้บัญาชาการของเธอ พันเอก Bill Benson ได้ยกย่องการกระทำของเธอและทางกองทัพได้เข้าช่วยเหลือครอบครัวของเธออย่างเต็มที่ สามีของเธอได้เขียนข้อความลงบนเฟซบุ๊กเพื่อเป็นการไว้อาลัยให้การจากไปของภรรยาผู้เป็นที่รัก โดยเขาได้บอกว่า “สู่สุขติเถอะภรรยาผู้เป็นที่รักของผม คุณได้ทำในสิ่งที่รักเพื่อประเทศแล้ว ผมยังคงรักและคิดถึงคุณ และขอให้เราได้พบกันอีกในชาติหน้า หลับให้สบายนะที่รัก” ทีมา ladbible
-
ผู้เชี่ยวชาญการทหารสหรัฐฯ ตั้งข้อสังเกตอาวุธที่เกาหลีเหนือนำมาโชว์ ว่าเป็นของปลอม!?
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ที่เกาหลีเหนือได้มีจัดงานเดินขบวนเพื่อเฉลิมฉลองในวันครบรอบคล้ายวันเกิด 105 ปีของอดีตท่านผู้นำคิม อิล ซุง (รุ่นตา) ภายในงานกองทัพเกาหลีเหนือก็ได้ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ ออกมาให้ชาวโลกได้ยลโฉมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นปืนใหญ่ หรือแม้แต่จรวดมิสไซล์ ทว่าล่าสุด Michael Pregent ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธสงครามจากสหรัฐอเมริกา ได้ออกมาชี้แจงว่าอาวุธทั้งหมดที่เห็นในภาพ ส่วนใหญ่เป็นของปลอม!? ภาพของทหารถือปืน AK-47 และที่ยิงระเบิด ซึ่งจริงๆ แล้วผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า มันเป็นแมกกาซีนสำหรับใส่ลูกกระสุนปืน ภาพของทหารถือปืนอาร์พีจี ซึ่ง Michael ให้การว่าน่าจะเป็นของปลอม เพราะหัวจรวดของจริงจะมีน้ำหนักมาก และท่านผู้นำก็คงไม่อยากให้มีใครยิงจรวดใส่ จากภาพนี้เขามองว่าเป็นการถือปืนไรเฟิลที่น่าขันมากที่สุด เพราะวัสดุที่ใช้ห่อหุ้มปลายปืนเป็นพลาสติก สังเกตว่าซ้ายมือท่านผู้นำ จะมีปืน AK-47 กระบอกสีเงินอยู่ ซึ่งเขาก็ให้ความเห็นว่ามันน่าจะถูกเอามาทาสีซะมากกว่าที่จะเป็นเงินจริงๆ เช่นเดียวกับแว่นตาของทหาร เขาให้ความเห็นว่านี่เป็นแว่นตาธรรมดาที่ไม่เหมาะสมจะเอามาใช้ทางการทหาร เพราะตามหลักที่ถูกต้องควรจะเป็นแว่นที่สามารถยึดกับศรีษะได้ตลอดเวลา เช่นเดียวกับปืนของทหารชุดนี้ เขากล่าวว่ามันดูเหมือนของเล่นปลอมๆ ซะมากกว่า โดยดูจากวัสดุที่ใช้ Michael เชื่อว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพให้แก่ประเทศของตัวเอง ให้ดูน่าเกรงขาม…
-
ช่างภาพสงครามในซีเรีย เล่าถึงวินาทีต้องทิ้งกล้อง ยอมไม่เอาภาพ เข้าไปช่วยเด็กจากระเบิด…
ถึงแม้ว่าไทยเราอาจจะอยู่ไกลจากสมรภูมิรบในซีเรีย ทำให้ดูเหมือนจะไม่ค่อยส่งผลต่อประเทศเราสักเท่าไหร่ หลายคนจึงมองข้ามและไม่ค่อยได้รับรู้เรื่องราวรุนแรงที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนั้น ทว่าตัวเลขการเสียชีวิตของบริสุทธิ์กลับมีจำนวนมากขึ้นทุกที Abd Alkader Habak หนึ่งในช่างภาพผู้ติดตามถ่ายเหตุการณ์สงครามในซีเรีย เมื่อเช้าวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดพลีชีพที่เมือง Aleppo ซึ่งเขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ และต้องเห็นภาพของเด็กๆ ผู้จากไปอย่างน่าเศร้าต่อหน้าต่อตา ทว่าหากเป็นนักข่าวคนอื่นคงเลือกที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับเหตุความรุนแรง แต่ทันทีที่เกิดเรื่องนี้ขึ้น Abd Habak เลือกที่จะเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ทันที เขาไปอยู่ในที่เกิดเหตุหลังเกิดเหตุระเบิดมีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากมาย และจำนวนมากในนั้นก็เป็นเด็กๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แต่กลับต้องมารับผลกรรมจากสงคราม ทันทีที่ช่างภาพสงครามคนนี้เห็น เขาต้องเลือกระหว่างการทำหน้าที่นักข่าวอย่างเต็มที่ บันทึกภาพเหตุการณ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำกลับไปเสนอต่อสำนักข่าว หรือเลือกที่จะไม่เก็บภาพบางส่วน แต่วิ่งเข้าไปช่วยเหลือเด็กๆ ที่ติดอยู่ในกองเพลิง โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้ ภาพของช่างภาพหนุ่มที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก หลังจากที่ตนต้องเห็นเด็กๆ ตายไปต่อหน้าต่อตา ถูกถ่ายไว้ได้โดยช่างภาพอีกคนหนึ่ง ‘มันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นแน่นอน ผมเห็นระเบิดต่อหน้าต่อตา ผมเห็นเด็กๆ และผู้คน นอนร้องขอความช่วยเหลือ และก็จากไปในที่สุด’ ช่างภาพให้สัมภาษณ์กับ CNN จากเหตุระเบิดดังกล่าวคาดว่ามียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 126 คน และกว่า 68 คนที่เสียไป…
-
เรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่หลายคนไม่รู้ของ “รถถัง” ยักษ์หุ้มเกราะสุดแกร่ง แห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามขนาดใหญ่ในยุโรป เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร( อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อิตาลี) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรติออตโตมัน) ว่ากันว่ามันคือหนึ่งในสงครามที่มีการสูญเสียมากที่สุด มีทหารกว่า 70 ล้านนายถูกเกณฑ์เข้าร่วมสงครามนี้ มีผู้สูญหายและเสียชีวิตระหว่างสงครามกว่า 40 ล้านคน อาวุธต่างๆ มากมายถูกพัฒนาขึ้นในช่วงสงคราม และหนึ่งในอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในการทำสงครามของทั้งสองฝ่าย ที่เรียกได้ว่าทรงพลังและแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่งนั้นก็คือ “รถถัง” เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของมันจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย รถถังรุ่นแรกๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ลักษณะคล้ายกับรถไถ สร้างโดย Rustin และ Hornsby ปี 1902 รถถังคือสิ่งที่ตอบสอนองและพัฒนาแนวการรบของชาติตะวันตกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อาวุธต่างๆ มากมายเช่น เกราะเหล็ก ปืน และการเคลื่อนที่ที่สามารถไปได้ในทุกพื้นผิวภูมิประเทศ ถูกเอามารวมเข้าไว้ในรถเหล็กคันใหญ่ เมื่อมันถูกนำมาใช้ในสงคราม โดยกองทัพ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายจากอาวุธสงครามชนิดนี้ รถถังคันแรกของประเทศอังกฤษชื่อว่า Little Willie ผลิตโดยบริษัท William Foster…
-
ถ้าคุณคือคนที่เสียใจกับการสังหารโหดในซีเรีย นี่คือ 3 วิธี ที่จะช่วยพวกเขาเหล่านั้น…
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเราคงได้ยินข่าวความไม่สงบในซีเรียกันมาเยอะพอสมควร และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งจะมีข่าวใหญ่อีกข่าวนั่นก็คือการใช้อาวุธชีวภาพในเมืองอิดลิบ ทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งภาพข่าวที่ออกมา สร้างความเศร้าใจให้กับคนทั่วโลกอย่างมาก จากการรายงานข่าวของ CNN ระบุว่าการโจมตีนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิต 70 คนและบาดเจ็บอีกมากกว่าร้อยคน ทุกครั้งๆ ที่มีข่าวเกี่ยวกับการสู้รบในซีเรีย พวกเราก็ได้แต่เฝ้าหวังภาวนาให้เหตุการณ์นั้นจบลงในเร็ววัน หรือขออย่าให้มีใครเป็นอะไรไปมากกว่านี้เลย แต่ตอนนี้ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ในแถบเดียวกันกับประเทศซีเรียแต่เราก็สามารถที่จะยื่นมือเพื่อช่วยเหลือพวกเขาได้แล้ว โดยคุณสามารถที่จะช่วยสนับสนุนและร่วมบริจาดได้ผ่าน 3 ช่องทางต่อไปนี้… คุณสามารถที่จะร่วมบริจาคเงินผ่านองค์กรทั้ง 3 นี้ได้ โดยเงินทุนที่เราบริจาคไปนั้นจะถูกนำไปซื้ออุปกรณ์และครื่องมือทางการแพทย์ เพื่อช่วยเหลือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ใช้อาวุธชีวภาพถล่มกลางเมือง ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ใช่องค์กรที่คุณจะสงสัยว่าจะเอาเงินคุณไปทิ้งๆ ขว้างๆ เพราะพวกเขาคือหน่วยงานซึ่งลงพื้นที่ปฏิบัติงาน และทำให้คุณรู้สึกว่าเงินคุณส่งไปถึงพวกเขาจริงๆ 1. The Union of Medical Care and Relief Organizations (OUSSM) OUSSM คือองค์กรที่มอบช่วยเหลือทางด้านการแพทย์และช่วยเหลือทางด้านสุขภาพของผู้เคราะห์ร้ายจากเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย ตอนนี้เค้ากำลังระดมทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสงครามอยู่ถ้าใครอยากสนับสนุนเงินก็สามารถร่วมบริจาตได้ ที่นี่ เลย 2. องค์กร The Syrian American Medical Society (SAMS) พวกเขามีเครื่องมือและสิ่งอำนวจความสะดวกทางการแพทย์อย่างมากมายเพื่อพร้อมที่จะช่วยเหลือเหยืื่อผู้เคราะห์ร้ายในพื้นที่ความไม่สงบนี้ ถ้าหากใครอยากที่จะร่วมสนับสนุนเงินหรืออยากทราบรายละเอียดการช่วยเหลือเพิ่มเติมก็เข้าไปเยี่มชมเว็บไซต์ขององค์กรได้ ที่นี่ เลย 3.…
-
คุณพ่อพา “ร่างไร้วิญญาณ” ของลูกออกสื่อ ต้องการให้โลกเห็นว่า “สงคราม” มันย่ำแย่เพียงใด…
เมื่อกล่าวถึง ‘สงคราม’ แน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น เพราะมันไม่เคยสร้างเรื่องดีๆ ให้กับฝ่ายใดเลย เช่นเดียวกันกับคุณ Abdul Hamid Youssef ที่เพิ่งจะสูญเสียลูกชายลูกสาวตัวน้อย และสมาชิกครอบครัวอีกกว่า 18 คน รวมไปถึงภรรยาของเขาด้วย จากเหตุการณ์โจมตีด้วยก๊าซพิษซารินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เหตุการณ์การโจมตีครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตโดยรวมแล้ว 72 คน และยังมีอีกหลายคนที่ได้รับบาดเจ็บหนักจากการได้รับสารเคมีในปริมาณที่มากเกินไป ภาพของชายผู้เป็นพ่อกำลังอุ้มร่างที่ไร้วิญญาณของเจ้าหนู Ahmed และหนูน้อย Aiya สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก คุณพ่อผู้สูญเสียลูกทั้งสองไป อยากให้โลกได้เห็นสิ่งนี้… จากเหตุการณ์ดังกล่าวยังทราบว่าเป็นการกระทำของฝ่ายใด แต่องค์กร Syrian Observatory for Human Rights ได้ตั้งข้อสงสัยว่าการโจมตีด้วยสารเคมีในครั้งนี้มาจากเครื่องบินของทางกองทัพซีเรีย ก๊าซพิษซารินนั้นจะซึมเข้าสู่ร่างกายผ่านทางผิวหนัง เนื้อเยื่อต่างๆ และทางปอด และมันจะส่งผลให้ร่างกายเกิดชักกระตุก และกลายเป็นอัมพาต ซึ่งเจ้าสารเคมีชนิดนี้จะสามารถฆ่าคนให้ตายได้ภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาทีเสียด้วยซ้ำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้สร้างความตื่นกลัวให้กับผู้คนทั่วโลกเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ Shajul Islam คุณหมออาสาสมัครที่เข้าไปทำหน้าที่ในซีเรียก็ได้ออกมากล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมากที่สุดตั้งแต่ที่เขาเคยพบเจอมาเลยทีเดียว เป็นเรื่องราวที่น่าหดหู่จริงๆ สงครามน่ะมันช่างโหดร้ายเกินกว่าที่เราจะคาดคิดได้จริงๆ ขอให้หนูทั้งสองไปสู่สุขตินะ…
-
วินาทีระทึก!! ทหารอิรักช่วยชีวิตเด็กน้อยวัย 7 ปี ให้รอดพ้นจากระเบิดพลีชีพที่ ISIS ติดไว้
หลายครั้งที่ผู้บริสุทธิ์ต้องตกเป็นเหยื่อหรือเป้าหมายของการก่อการร้าย เพราะพวกเขาไม่อาจสามารถปกป้องตัวเองได้และยิ่งไปกว่านั้นก็จะส่งผลทำให้เกิดความสะเทือนใจต่ออีกฝ่ายอย่างรุนแรง เหมือนเหตุกการณ์ที่น่าเศร้าที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนนี้ เมื่อเค้าถูกผู้ก่อการร้าย ISIS ติดระเบิดพลีชีพเข้ากับตัวของเค้า!! แต่โชคดีที่ถูกพบตัวและช่วยไว้ได้ทัน รายละเอียดของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปชมพร้อมกันเลย เมื่อไม่นานมานี้ บนโลกอินเตอร์เน็ตได้มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอแสดงความกล้าหาญของ ทหารนายหนึงที่ได้เข้าไปช่วยชีวิตเด็กน้อยวัย 7 ขวบที่ถูกติดระเบิดพลีชีพไว้กับตัว ทหารอิรัก กำลังพยามช่วยชีวิตเด็กน้อยจากระเบิดพลีชีพที่ถูกติดมากับตัวเขา ภายในวีดีโอคลิปแสดงให้เห็นถึงอาการหวาดกลัวของเด็กอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทางทหารหนุ่มเองก็ได้พยามปลอบเขาอยู่ตลอดเวลา ในระหว่างที่กำลังช่วยชีวิตเขาจากเข็มขัดมรณะเส้นนั้น เมื่อบอกให้เด็กหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้น เขาก็ได้พบกับวัตถุระเบิดที่ถูกพันไว้รอบๆ ร่างกายอันบอบบางของเด็กชายวัย 7 ปี ภาพบางส่วนจากวีดีโอ เผยให้เห็นว่าระเบิดพลีชีพถูกติดไว้กับตัวเด็ก เด็กน้อยดูตื่นตระหนกมาก เขาร้องตลอดเวลาที่ทหารกำลังพยามช่วยเหลือเขา “อย่า อย่าครับคุณลุง” เสียงของเด็กชายที่ร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว สุดท้ายระเบิดก็ถูกเก็บกู้ออกมาได้สำเร็จก่อนที่มันจะคร่าชีวิตเด็กหนุ่มและผู้คนอื่นๆ อีกมากมาย คาดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือหนึ่งในกลุ่มของผู้ลี้ภัย ซึ่งถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายพบเข้าและได้กระทำการอันโหดเหี้ยมนี้ ต้องขอบคุณทหารอิรักผู้นี้มากที่ใช้ความกล้าหาญในการช่วยเหลือชีวิตเด็กหนุ่มผู้เคราะห์ร้ายให้รอดพ้นจากภัยอันตรายได้อย่างปลอดภัย… คลิปวีดีโอแสดงการช่วยชีวิตเด็กน้อย (คลิป) ISIS strapped explosives around this little boys (7) waist. Iraqi soldiers disarmed him…
-
คุณตาเจ้าของรถโบราณนับสินคัน จะไม่ยอมออกจากเมือง Aleppo เพราะใจอยากอยู่กับรถ!!
จากเหตุสงครามภายในที่ดำเนินมาอย่างยาวนานในประเทศซีเรีย ทำให้ผู้คนหลายฝ่ายได้รับผลกระทบมากมาย ผู้ชาย ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ จนทำให้วิถีชีวิตของพวกเขาต้องเปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกันกับคุณตา Mohammad Mohiedine Anis วัย 70 ปี ที่เป็นชาวเมือง Aleppo และเป็นเจ้าของรถเก่าจากยุค 1950s มากมายนับ 10 คัน แต่เพราะสงครามทำให้พื้นที่บ้าน และรถของเขาถูกทำลายจนไม่สามารถใช้งานได้อีก และนี่คือ Hudson Commodor จากปี 1949 ที่เป็นของเพื่อนบ้านของเขา คุณตาเล่าว่าคอลเลคชั่นรถของเขาและเพื่อนๆ ถูกทำให้เสียหายจากสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นมาอย่างยาวนานกว่า 6 ปี บ้านของเขาเองก็กลายเป็นซากปรักหักพังไปด้วย นี่คือ Buick Super ปี 1955 . Buick ปี 1948 ที่ถูกสร้างขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นหนึ่งในรถที่มีมูลค่ามากที่สุดของคุณตา Mohammad เขากล่าวถึงรถเหล่านี้ว่า “ผู้ออกแบบรถเหล่านี้คือศิลปินที่แท้จริง รถแต่ละคันมันก็เหมือนกับผู้หญิง แต่รถยนต์ที่ทันสมัยนั้นดูเหมือนกับกองโลหะซะมากกว่า” . …
-
ลูกได้การบ้านเกี่ยวกับ “สงครามโลก” พ่อพูดเล่นๆ ให้ไปหาข้างบ้าน จนได้เจอซากเครื่องบินจริง!!
เด็กหนุ่มชาวเดนมาร์กได้รับการบ้านให้ทำรายงานเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อเลยแซวเล่นๆ ว่าลองไปเดินในสวนข้างบ้านดูมั้ย เผื่อเจออะไร แต่เอาไปเอามา เด็กชายดันเจอซากเครื่องบินรบของนาซีเยอรมันจริงๆ ซะอย่างงั้น เรื่องราวมีอยู่ว่า Daniel Kristensen เด็กหนุ่มวัย 14 ปีจากประเทศเดนมาร์กได้รับการบ้านจากโรงเรียน ให้ทำรายงานเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่สองสักเรื่องหนึ่ง เมื่อกลับมาบ้าน เขาก็จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณปู่ของเขาเคยเล่าว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่สองเคยมีฝูงบินขับไล่ Luftwaffe ของเยอรมันมาตกในฟาร์มของครอบครัวของเขาลำหนึ่ง เขาจึงเล่าเรื่องราวดังกล่าวให้ Klaus พ่อของเขาฟัง พ่อเขาก็พูดเล่นๆ ว่า “ลองออกไปหาดูสิ เผื่อจะเจออะไรซักอย่าง” ทั้งสองคว้าเครื่องตรวจจับโลหะและเดินออกไป แต่ Klaus ก็ไม่คิดว่าจะเจออะไร เพราะซากเครื่องบินดังกล่าวคงถูกเก็บกู้ไปเนิ่นนานแล้ว หลังจากเดินสำรวจอยู่พักนึง ในที่สุดเครื่องตรวจจับโลหะก็พบอะไรบางอย่างใต้ดิน พวกเขาตัดสินใจขุดลงไปสำรวจทันที และก็ได้พบกับเศษซากของเครื่องยนต์เครื่องบินขับไล่และชิ้นส่วนของนักบินผู้ขับเครื่องบินลำนั้น “พวกเราพบโครงกระดูกมนุษย์และเสื้อผ้าของนักบินที่ขับเครื่องบินลำนั้น รวมทั้งข้าวของส่วนตัวบางอย่าง ทั้งกระเป๋าเงิน หนังสือ คัมภีร์ไบเบิ้ล แต่เราไม่ได้หยิบออกมา” Klaus กล่าว หลังจากนั้นเขาก็แจ้งเรื่องดังกล่าวกับทางการ และมีผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบในเวลาต่อมา ซึ่งพวกเขาบอกว่า เครื่องบินดังกล่าวคือเครื่องบิน ME 109 Messerschmitt จากสมัยสงครามโลกครั้งที่สองจริงๆ ดูเหมือนว่าตอนนี้ Daniel…
-
พ่อพระแมวแห่งอเลปโป กลับมาฟื้นชีพ “สถานสงเคราะห์แมว” ที่ถูกทำลายจากสงครามซีเรีย
เป็นเวลาหลายปีที่สถานสงเคราะห์แมวจรจัดแห่งนี้ ให้ความหวังและความสุขแก่ชาวแมวเหมียวแห่งเมืองอเล็ปโป ประเทศซีเรีย แต่อยู่ดีๆ วันหนึ่งผลพวงของสงครามก็เกิดขึ้น และสถานที่แห่งนี้ก็ถูกลูกหลงของระเบิด ทำให้ทุกคนต่างสิ้นหวังและคิดว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะฟื้นฟูที่แห่งนี้กลับมา . ที่ลี้ภัยแมวแห่งนี้เริ่มต้นโดยชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Mohammad Alaa Jaleel เขาก่อตั้งมันขึ้นในปี 2012 โดยในตอนแรกก่อนที่มันจะเป็นที่ลี้ภัย เขาช่วยเหลือและเลี้ยงแมวจรจัดไว้เพียง 20 ตัวเท่านั้น เวลาผ่านไปไม่กี่ปีจำนวนแมวก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ตัว ทำให้เขาเริ่มสร้างลี้ภัยนี้ขึ้นนั่นเอง ที่ลี้ภัยแห่งนี้รู้จักกันในชื่อว่า House of Cats Ernesto ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับแมวของเขา เขาพยามปกป้องและดูแลที่แห่งนี้เป็นอย่างดีพร้อมกับบอกว่า “ผมจะปกป้องที่แห่งนี้ ทุกคนออกจากประเทศไป รวมถึงเพื่อนของผมด้วย แมวพวกนี้ก็เลยกลายเป็นเพื่อนรักของผม” แต่ทว่าเมื่อสงครามเกิดขึ้นและขยายวงกว้างมาจนถึงเมืองนี้ ที่ลี้ภัยแห่งนี้ก็โดนลูกหลงไปด้วย แน่นอนว่าเขาคนนี้ก็อยู่เพื่อช่วยเหลือเจ้าเหมียวในที่ลี้ภัยจนวินาทีสุดท้าย แต่สุดท้ายเขาก็จำเป็นจะต้องไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่ประเทศตุรกีเพื่อหนีภัยสงครามที่เกิดขึ้น พร้อมกับแมวของเขา Ernesto แต่เขาไม่ได้จะกลับมาอยู่กับครอบครัวถาวรหรอกนะ เขาแค่ลี้ภัยเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น ซึ่งเขาได้วางแผนที่จะฟื้นฟูสถานลี้ภัยแห่งนั้นกลับมาอีกครั้ง ด้วยการช่วยเหลือจากคนทั่วโลกที่ติดตามเขา ยังจำได้ไหมว่าเราเคยนำเสนอเรื่องของเขาไปในบทความ Aljaleel ผู้คอยช่วยเหลือแมวนับร้อย ที่ถูกทิ้งในเมือง Aleppo ของซีเรีย หลังเกิดสงคราม..!! เขาก็คือคนเดียวกันนี่แหละ… …
-
20 ภาพที่ทำให้เห็นว่า “สุนัข” เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์กับมนุษย์ขนาดไหน แม้กระทั่งในสงคราม…
สุนัขมีบทบาทวำคัญในสนามรบของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคโบราณ ไม่ว่าจะในอียิปต์ กรีก หรือโรมัน ต่างมีการบันทึกไว้ว่ามีการใช้สุนัขในสงครามมาอย่างยาวนาน ทั้งการค้นหาศัตรู สอดแนม หรือแม้กระทั่งค้นหาระเบิด จนต้องยอมรับว่าหลายๆ ครั้งที่ชีวิตของทหารถูกช่วยเอาไว้ด้วยสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์เหล่านี้นี่เอง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ เลยจะพาเพื่อนๆ ไปชม 20 ภาพที่จะทำเพื่อนๆ รู้ว่า “สุนัข” มีบทบาทอันสำคัญในสนามรบของมนุษย์ขนาดไหน สุนัขลาบาดอร์ของกองทัพนั่งเฝ้าหน้าโลงศพของเจ้าของ สุนัขทหารกระโดดร่มตามเจ้านายจากเฮลิคอปเตอร์ มิตรภาพในสงคราม สุนัข K-9 นั่งอยู่หน้าหลุมศพของเจ้านาย สุนัขตำรวจกำลังฝึกกระโดดเชือกกับเจ้านาย ไม่ว่าตอนไหนก็จะอยู่ข้างๆ เสมอ สุนัขทหารดีใจมากที่ได้เจอกับเจ้านายอีกครั้ง จ่า Andrew Montgomery พยายามทำให้สุนัขทหารของเขาสบายใจบนเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอร์ค สุนัขสุดเสียใจที่ต้องเสียเพื่อนอันเป็นที่รักไป นอนด้วยกัน สุนัขระหว่างปฏิบัติการ ภาพระหว่างการฝึกสุนัขทหาร ภาพของสุนัขตำรวจเด็กกับสุนัขตำรวจที่โตเต็มวัยในระหว่างพิธีศพของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งที่ถูกฆาตกรรม กระโดดร่มพร้อมกับสุนัข นายทหารขอมือของเพื่อนสุนัขสุดซี้ของเขา…
-
“Tabboush” เจ้าเหมียวที่เกือบตายอยู่ท่ามกลางสงคราม แต่โชคดีที่มีครอบครัวใจดีมาช่วยไว้
นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมืองในซีเรีย เมื่อปี 2011 มีผู้คนต้องเสียชีวิตไปแล้วกว่า 400,000 คน ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ที่ชีวิตรอดทั้งเด็ก และผู้ใหญ่รวมกว่า 11 ล้านคน ต้องกลายเป็นผู้ลี้ภัยเพื่อเอาตัวรอด เมื่อคุณต้องรีบเดินทางออกจากพื้นที่อันตราย แต่กลับพบกับเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่งถูกทิ้งไว้ คุณจะทำอย่างไร หลายคนอาจจะเดินผ่านมันไปเพราะคิดว่ามันเป็นภาระ หรือบางคนอาจจะเก็บมันมาเลี้ยงเพราะความสงสาร!? ก็เหมือนกับครอบครัวนี้ พวกเขากำลังจะทางอพยพข้ามไปตุรกีเหมือนกับครอบครัวอื่นๆ แต่ทว่าระหว่างนั้นพวกเขาได้พบกับเจ้าเหมียวน้อยตัวหนึ่งต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวท่ามกลางสงคราม ด้วยเหตุนี้จึงทำให้พวกเขาได้ตัดสินใจเข้าช่วยเหลือมัน และรับมันเข้ามาดูแล มันเป็นลูกแมวที่เพิ่งเกิดได้ไม่นาน แถมต้องอยู่เพียงลำพังท่ามกลางสงครามที่แสนโหดร้าย หลังแม่ของมันถูกฆ่าตายเพราะระเบิด และหลังจากที่พวกเขาได้พบมันเข้า ก็ได้เข้าช่วยเหลือโดยการค่อยๆ ดึงตัวของเจ้าเหมียวน้อยออกจากซากปรักพักพังของบ้านที่ถูกทำลายด้วยระเบิดในเมืองดามัสกัส นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ครอบครัวใจดีได้รับเจ้าเหมียวเข้ามาดูแล พร้อมกับตั้งชื่อให้มันว่า Tabboush ซึ่งในภาษาอาหรับหมายความว่า “อ้วน” นั่นเอง พวกเขาได้เริ่มออกเดินทางกว่าหลายร้อยไมล์ไปยังค่ายผู้ลี้ภัย Idomeni ในประเทศกรีซ และแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องพาเจ้า Tabboush ไปด้วย ณ ค่ายผู้ลี้ภัย เจ้า Tabboush ได้มอบความสุขให้กับเด็กๆ และครอบครัวอื่นๆ มันเป็นแมวที่น่ารักมากจริงๆ “เขาอยู่กินกับเรา นอนกับเรา และตื่นขึ้นมาพร้อมๆ…
-
คลิปน่าเศร้าหลังระเบิดในซีเรีย เผยพ่อกล่อมลูกสาวตัวเอง เพื่อใช้งานเป็น ‘ระเบิดพลีชีพ’
ถึงแม้ว่าเทศกาลฉลองวันปีใหม่จะใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว แต่อีกมุมหนึ่งของโลกเรา ยังคงเต็มไปด้วยความรุนแรง การก่อการร้าย และสงคราม โดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานถึงเรื่องราวของ ‘ผู้ก่อการร้ายจิฮาด’ คนหนึ่ง กับเรื่องราวอันน่าสลดใจ ที่เขาใช้ลูกสาวของตัวเองแท้ๆ เป็นระเบิดพลีชีพเพื่อใช้ในการก่อการร้าย!! ‘Abu Nimr’ พ่อแท้ๆของเด็กสาวทั้งสอง โดยเนื้อข่าวได้รายงานว่า เมื่อวันที่ 16 ธันวาคมที่ผ่านมานาย ‘Abu Nimr’ ได้ทำการใช้ลูกสาวแท้ๆของตัวเอง เป็นระเบิดพลีชีพ เพื่อก่อการจลาจลที่สถานีตำรวจแห่งหนึ่ง ในเมือง Damascus ประเทศซีเรีย ทำให้มีเจ้าหน้าที่บาดเจ็บอย่างหนัก 3 ราย เจ้าหน้าที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้พบเห็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาธรรมดาสองคน เดินเข้ามาทำทีขอใช้ห้องน้ำของสถานีตำรวจ ก่อนจะทำการจุดชนวนระเบิดตัวเอง และก่อให้เกิดความสูญเสียในที่สุด ภาพจากวิดีโอ คนพ่อกำลังปลูกฝังความคิดบางอย่างกับลูก ให้พวกเขายอมสละชีพเพื่อกลุ่ม โดยเชื่อว่าจะเป็นหนทางไปสู่สวรรค์ สถานที่เกิดเหตุ และจากคลิปวิดีโอที่พวกเขาได้ปล่อยออกมา เจ้าหน้าที่ได้เห็นถึงการวางแผนของกลุ่มผู้ก่อการร้าย โดยใช้ข้ออ้างทางศาสนาเพื่อยุโยง ปลุกปั่น ให้ลูกสาวทั้งสองคนทำตามภารกิจที่พวกเขาบอก โดยอ้างว่าการกระทำดังกล่าวจะพาให้ได้ขึ้นไปอยู่บนสวรรค์ เพราะถือว่าเป็นการต่อสู้เพื่อพระเจ้าตามแบบที่กลุ่มของตนนับถือ…
-
นักข่าวชาวตุรกี ร่ำไห้ระหว่างออนแอร์ เห็นภาพ ‘เด็กซีเรีย’ เข้ารับการผ่าตัดโดยไม่ใช้ยาสลบ
อย่างที่รู้กันดีว่าขณะนี้ สถานการณ์ความรุนแรงในประเทศซีเรียนั้นได้ดำเนินมาอย่างยาวนาน แน่นอนว่าประชากรชาวซีเรียต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะเป็นผู้ชาย ผู้หญิง หรือแม้แต่เด็กก็ตาม ทั่วทั้งโลกต่างก็ให้ความสนใจกับสถานการณ์ของประเทศซีเรีย เป็นห่วงเหล่าประชาชนที่อาศัยอยู่ท่ามกลางสงคราม โดยเฉพาะเหล่าเด็กๆ ทั้งหลาย เช่นเดียวกันกับ Turgay Güler นักข่าวชาวตุรกีที่กำลังรายงานข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ในเมือง Aleppo ที่ทางรัฐบาลสามารถบุกยึดและมีชัยชนะเหนือกองกำลังกบฏมาได้ ในรายการได้เปิดคลิปรายงานข่าวเป็นเหตุการณ์ขณะที่เด็กชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งกำลังบาดเจ็บมาจากลูกหลงของสงคราม และต้องทำการผ่าตัดรักษาโดยไม่มีการใช้ยาสลบหรือยาชาแต่อย่างใด ขณะที่ทำการรักษาหนูน้อยก็ทำการท่องบทสวดมนต์ไปด้วยเสียงที่สั่นเครือ พอได้เห็นดังนั้นแล้วผู้ประกาศข่าว Turgay ก็ได้หยุดการรายงานข่าวลงกลางคันพร้อมกับร้องไห้ออกมา คลิปการรายงานข่าวอันน่าเศร้า… ซึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้ออกมาวิพากย์วิจารณ์การกระทำของประเทศรัสเซียและซีเรีย ที่ทำการกีดกันการขนส่งสเบียงอันประกอบไปด้วยยารักษาโรคและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ต่างๆ เพื่อเข้าไปช่วยเหลือพลเรือนในเมือง Aleppo และเนื่องจากว่าในช่วงวันที่ผ่านมาได้มีการหยุดการอพยพพลเมืองที่อยู่ในเมือง Aleppo ถูกยุติลงไปกลางคัน เพราะมีการประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล Syria ให้ผู้บาดเจ็บที่อยู่ในหมู่บ้าน Shi’ite ที่อยู่ในเมือง al-Foua และ Kefraya ในจังหวัด Idlib ออกมา จึงทำให้ทหารต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ซะก่อน จากการรายงานของสำนักข่าว Reuters ถึงประกาศอย่างเป็นทางการของรัฐบาลของ Syria บอกว่า “หากการอพยพผู้บาดเจ็บใน Kefraya…
-
30 ภาพก่อน-หลังของเมือง Aleppo ที่ผ่านช่วงสงคราม เห็นแล้วมันช่างหดหู่ซะเหลือเกิน…
จากเหตุสงครามภายในที่ดำเนินมาอย่างยาวนานในประเทศซีเรีย จนในที่สุดก็ได้บทสรุปแล้วหลังกองกำลังของรัฐสามารถยึดเมือง Aleppo ที่เป็นฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกบฏได้เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และแน่นอนว่าสงครามก็ยังไม่จบลงที่ตรงนี้ เพราะกองกำลังของกลุ่มกบฎเป็นจำนวนมากได้หลบหนีไปได้ และเชื่อว่าพวกเขาจะต้องดำเนินการบางอย่างเพื่อตอบโต้กลับอย่างแน่นอน สำหรับในวันนี้ #เหมียวหง่าว ก็อยากจะขอพาเพื่อนๆ ไปชมผลงานของ ‘สงคราม’ ที่เกิดขึ้นและมันไม่ได้ส่งผลดีเลยแม้แต่น้อย ด้วยภาพเปรียบเทียบระหว่างในช่วงที่สงบสุขและหลังสงครามของเมือง Aleppo อันเป็นสนามรบแห่งสุดท้ายของกลุ่มกบฏและรัฐบาล 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. …
-
ชาวเมือง Aleppo บางส่วนเริ่มโพสต์ทวีต ‘ลาตาย’ หลังกองกำลังรัฐบาลซีเรียบุกเข้ายึด!!
ไม่เคยมีเรื่องดีๆ ที่เกิดขึ้นในสงคราม ไม่มีใครถูกหรือผิดที่แท้จริง เพราะทุกฝ่ายต่างผิดกันทั้งนั้น… จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศซีเรียอยู่ในขณะนี้ ทั้งโลกต่างจับตามองกันอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนที่อาศัยอยู่ในประเทศซีเรียเองนั้นก็ได้รับผลกระทบมากมาย ทั้งผู้หญิง ผู้ชาย หรือแม้แต่เด็กกับผู้สูงอายุก็ด้วย เพราะทุกที่ที่มีสงครามเกิดขึ้นนั้นย่อมทำให้มีผู้คนล้มตาย และด้วยความโหดร้ายของทัศนคติของผู้ทำสงคราม ก็ทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นวิตกเสมือนชีวิตถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย และล่าสุดสงครามการปะทะกันระหว่างกองกำลังต่อต้านรัฐบาล กับกลุ่มกองกำลังของรัฐบาล Assad ก็ค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้กับเมือง Aleppo ทุกที ชาวเมืองที่อยู่ที่นั่นก็เริ่มออกมาโพสต์ทวิตเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อร่ำลาบุคคลอันเป็นที่รักและบอกลาโลกใบนี้ เพราะไม่มีใครยื่นมือเข้าไปช่วยพวกเขา ที่ทำได้ก็มีแต่รอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลายๆ คนอาจจะคิดว่าเพราะเหตุใดชาวเมืองถึงไม่อพยพหนีไปล่ะ? นั่นก็เพราะว่าในขณะนี้ไม่ว่าพื้นที่ไหนในประเทศซีเรียก็กำลังถูกกองกำลังฝั่งรัฐบาลยึดไว้หมดแล้ว เหลือแต่เมือง Aleppo เท่านั้นที่ยังคงเป็นที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มกองกำลังต่อต้านรัฐบาล ซึ่งกลุ่ม Assad นั้นเป็นกลุ่มทหารของรัฐบาลซีเรียซึ่งเป็นเผด็จการและได้ปกครองประเทศซีเรียมาอย่างยาวนาน ส่วนฝ่ายกบฏนั้นก็เกิดจากกลุ่มประชาชนหัวรุนแรงที่นับถือนิกายซุนนีย์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาลจึงรวมตัวกันออกมาต่อต้าน แต่ภายหลังก็แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม คือกลุ่มกบฏดั้งเดิมกับกลุ่ม ISIS เพราะผู้นำมีความเห็นไม่ตรงกัน แต่กลุ่ม ISIS ก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับการรบของ Assad และกลุ่มกองกำลังต่อต้านแต่อย่างใด แต่มีเป้าหมายในการขยายอิทธิพลขึ้นไปทางตุรกีเสียมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังก่อสงครามและสร้างความรุนแรงให้กับทุกที่ที่แผ่อิทธิพลไปถึง นอกจากนี้ก็มีการยื่นมือเข้ามามีเอี่ยวของเหล่ากองกำลังจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นอิรัก รัสเซีย หรืออเมริกาก็ตาม ซึ่งทุกคนต่างก็มีเหตุผลที่จะเลือกสนับสนุนแต่ละกลุ่มแตกต่างกันออกไป และนี่คือแผนผังความสัมพันธ์ของแต่ละประเทศที่อยู่ทางในแถบยุโรปตะวันออก…
-
เปิดวีรกรรมของกลุ่มก่อการร้าย “โบโก ฮาราม” ใช้เด็กสาววัย 7 ขวบ 2 คน เพื่อเป็นระเบิดพลีชีพ
หากพูดถึงกลุ่มผู้ก่อการร้าย หลายๆ คนน่าจะนึกถึงชื่อ “ไอซิส” ในอีรักและซีเรีย ขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ เพราะมีประวัติการก่อการร้ายและฆ่าผู้คนที่โหดเหี้ยมแทบจะรายวัน แต่วันนี้เราจะมานำเสนอชื่อของกลุ่มก่อการร้านอีกกลุ่มหนึ่งที่มีชื่อว่า “โบโก ฮาราม” ซึ่งเป็นกลุ่มก่อการร้านในประเทศไนจีเรีย ที่ก่อวีรกรรมมาไม่น้อยไปกว่ากัน เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2016 ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้นำเสนอเรื่องราวของกลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้ ที่มีการใช้เด็กผู้หญิงวัย 7 ขวบ 2 คน เพื่อเป็นระเบิดพลีชีพโจมตีตลาดสดแห่งหนึ่งในเมืองไมดูกูรี ประเทศไนจีเรีย การระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้กับที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายโบโก ฮาราม รัฐบอร์โน ทำให้เด็กสาววัย 7 ขวบ 2 คนเสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดกว่า 18 คน ตามรายงานบอกว่ากลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้มักจะใช้หญิงสาวเพื่อเป็นอาวุธหรือระเบิดมนุษย์ ในโจมตีสถานที่ต่างๆ อยู่เป็นประจำ ซึ่งทางการของไนจีเรียเชื่อกันว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มก่อการร้ายโบโก ฮาราม แต่ยังไม่มีฝ่ายไหนออกมาแสดงความรับผิดชอบ ทหารคนหนึ่งจากกลุ่มทหารอาสาสมัครในเมืองไมดูกูรีกล่าวว่าเขาคือคนสุดท้ายที่เห็นเด็กหญิงทั้ง 2 คนก่อนที่จะจุดระเบิดตัวเอง “พวกเขาลงมาจากรถลากคันหนึ่งและเดินตรงมาที่ผมโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ผมพยายามจะพูดกับพวกเขาด้วยภาษาท้องถิ่นและภาษาอังกฤษ แต่พวกเขากลับไม่ตอบผม” “ผมคิดว่าพวกเขาอาจจะกำลังมองหาแม่ของตัวเองอยู่ จากนั้นพวกเธอก็เดินไปยังร้านของพ่อค้าขายไก่ในตลาด และจุดชนวนระเบิดที่พวกพวกเขาพกติดตัวมาด้วย” กลุ่มก่อการร้ายโบโก…
-
ทหารรัสเซียพร้อมด้วย “หุ่นยนต์รบ” หน้าตาคล้าย Wall-E บุกเข้าโจมตีผู้ก่อการร้าย ISIS
สงครามในปัจุบันเริ่มแตกต่างไปจากสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง แทนที่จะเป็นการใช้อาวุธเข้าต่อสู้กันแบบซึ่งๆ หน้า แต่ได้มีการเปลี่ยนมาเป็นการพึ่งพาเทคโนโลยีสมัยใหม่มากขึ้น และอีกหน่อยเราก็อาจจะได้เห็นการต่อสู้กันด้วยหุ่นยนต์จริงๆ ก็เป็นได้ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Dailymail ได้รายงานว่า กองทัพของรัสเซียได้ส่งทหารกลุ่มหนึ่งพร้อมด้วยหุ่นยนที่ติดตั้งปืนกลเข้าโจมตีกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS ที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคาร โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อว่า Rustam Aselderov เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการวางระเบิดในเมืองวอลโกกราด ทางตอนใต้ของประเทศรัสเซียเมื่อปี 2013 ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตกว่า 34 ราย Aselderov ได้เข้าร่วมกับการต่อสู้ของกลุ่มก่อความไม่สงบ นำไปสู่การเชื่อมโยงว่าเขาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคารบอมบ์ในสาธารณรัฐดาเกสถาน เมื่อปี 2012 จนมีผู้เสียชีวิต 14 คนและบาดเจ็บอีก 120 คน ทำให้รัสเซียต้องตามจับเขามาให้ได้ ถึงขนาดเสนอเงินรางวัลค่าหัวให้กับคนที่จับเขาได้ถึง 2.7 ล้านบาทเลยทีเดียว จากคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นภาพของหุ่นยนต์ขนาดเล็กลักษณะคล้ายรถบังคับ กำลังยิงปืนถล่มเข้าไปในอาคารแห่งหนึ่ง ในเมืองนอร์ทคอเคซัส สาธารณรัฐดาเกสถาน หลังจากนั้นไม่นาน หุ่นยนต์รบขนาดจิ๋วก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้ามาประจันหน้ากับอาคาร ก่อนจะเปิดฉากยิงในชั่วอึดใจ กลุ่มทหารรัสเซียได้ยืนคุ้มกันหุ่นยนต์รบในระหว่างที่มันกำลังใช้อาวุธของตัวเองเพื่อยิงเจาะอาคารให้เป็นรู และต้อนให้นาย Aselderov จนมุมในที่สุด และนี่คือใบหน้าที่แท้จริงของ Rustam Aselderov สามารถชมคลิปปฏบัติการของหุ่นยนต์ตัวนี้ได้ที่นี่เลย…
-
เด็กหญิงซีเรีย โพสต์เล่าเรื่องวินาทีเมืองถูกถล่ม “บ้านฉันพังไปแล้ว และฉันเห็นคนตาย…”
ทวิตเตอร์ของเด็กหญิงชาวซีเรียวัย 7 ขวบ ที่โพสเล่าเหตุการณ์เมืองถูกทิ้งระเบิด และบ้านของเธอก็ถูกทำลายไปด้วยแรงระเบิดอีกด้วย กลายเป็นเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่สื่อหลายๆ แห่งต่างพากันนำเสนอ ทวิตเตอร์ดังกล่าวเป็นของเด็กหญิง บานา อลาเบด วัย 7 ขวบที่อาศัยอยู่ในทางตะวันออกของเมืองอเลปโป ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เธอได้อัพเดทชีวิตของผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองอเลปโปให้ชาวโลกได้รับรู้อยู่เป็นประจำ ล่าสุดเธอได้อัพเดทว่า “ตอนนี้ฉันไม่มีบ้านแล้ว และฉันได้รับบาดเจ็บนิดหน่อย ฉันยังไม่ได้นอนตั้งแต่เมื่อวานและกำลังหิวโหย ฉันอยากมีชีวิตอยู่ ฉันยังไม่อยากตาย” ปัจจุบัน แอคเคาท์ @AlabedBana มีผู้ติดตามกว่า 132,000 คน โดยแอคเคาท์นี้ทั้งบานาและแม่ของเธอเฟตมาห์ ได้ใช้บอกเรื่องเรื่องราวและผลกระทบจากสงครามให้คนภายนอกได้รับรู้ อย่างเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมาพวกเธอได้โพสว่า “กองทหารได้บุกเข้ามาแล้ว นี่อาจเป็นวันสุดท้ายที่เราได้คุยกัน ไม่มีอินเตอร์เน็ต ช่วยสวดมนต์ภาวนาให้พวกเราด้วย – เฟตมาห์” หลังจากนั้นไม่นา เธอก็โพสอีกว่า “ข้อความสุดท้าย ตอนนี้มีการทิ้งระเบิดอย่างหนัก อาจไม่มีชีวิตรอด ถ้าพวกเราตาย ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับ 200,000 ชีวิตที่ยังอยู่ในเมืองด้วย ลาก่อน – เฟตมาห์” หลายๆ ครั้งเธอก็ได้บอกเล่าสุดสะเทือนใจสะท้อนให้เห็นชีวิตอันโหดร้ายของผู้ที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองอเลปโปแห่งนั้นเช่น “อย่างที่เห็นเราอาจจะตายเมื่อไหร่ก็ได้…
-
แผนการรบสุดประหลาด ของสหรัฐฯ แกล้งเป็น ‘ผีดูดเลือด’ เข้ายึดพื้นที่ข้าศึก แถมได้ผลด้วย!!
ตลอดเวลาของมนุษยชาตินั้นได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเริ่มต้นด้วยเรื่องไหนๆ เราก็คงเคยได้ประจักษ์เรื่องราวเกี่ยวกับวีรบุรุษหลายๆ คน รวมถึงแผนยุทธศาสตร์ทางสงครามต่างๆ สุดหยั่งคิดของวีรบุรุษเหล่านั้น ที่สำคัญที่สุด บางครั้งแผนบ้าๆ บอๆ ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดันประสบผลสำเร็จซะงั้น เหมือนดั่งเรื่องนี้!? ในปี 1950 นาวาอากาศตรี Edward G. Lansdale ถูกส่งไปยังประเทศฟิลิปปินส์เพื่อทำสงครามขับไล่กลุ่มคอมมิวนิสต์ที่ชื่อว่า Huks ซึ่งขณะนั้นกำลังยึดครองพื้นที่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่ อย่างที่ตำราพิชัยสงครามได้ระบุไว้คือการใช้ ‘สงครามประสาท’ เพื่อลดทอนขวัญกำลังใจของศัตรูและทำให้พวกเขาละทิ้งฐานที่มั่น และทาง Lansdale เองก็เข้าใจในจุดนั้นเป็นอย่างดี เขาเลยลองศึกษาเรื่องตำนานและความเชื่อของชาวพื้นเมืองในละแวกนั้นดู ‘Aswang’ คือตำนานที่นาวาอากาศของเราเลือกใช้!! ‘Aswang’ คือตำนานพื้นบ้านของประเทศฟิลิปปินส์ มันคืออสูรที่สามารถแปลงกายได้ มีลักษณะคล้ายๆ กับแวมไพร์ในตะวันตก หรืออาจเป็นพ่อมดหมอผีที่สามารถแปลงกายเป็นปีศาจกระหายเลือดได้ แต่ลักษณะเด่นที่ตรงกันก็คืออสูรชนิดนี้จะดูดเลือดจากเหยื่อจนหมดตัว และถือว่าเป็นปีศาจที่ชาวฟิลิปปินส์หวั่นเกรงกันที่สุด Aswang ในตอนกลางวันนั้น จะใช้ชีวิตปกติราวกับเป็นชาวบ้านทั่วๆ ไป หลบลี้ที่จะรู้จักผู้คน แต่พอตกกลางคืนเมื่อไหร่ ก็จะแปลงร่างออกไปหาเหยื่อ ซึ่งก็คือมนุษย์นี่ล่ะ!! นาวาอากาศตรี Edward G. Lansdale เจ้าของแผนการแกล้งเป็นผีดูดเลือด ก่อนหน้านี้เขาก็เคยทำสำเร็จมาก่อนในแผนการปล่อยข่าวออกไปหลอกนักรบคอมมิวนิสต์บางส่วนว่า ถ้าพวกเขาเข้าร่วมกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ก็จะถูกสาปจากพระเจ้า ทำให้นักรบคอมมิวนิสต์ในพื้นที่หลายๆ…
-
ความงดงามท่ามกลางความขัดแย้ง สวนดอกไม้ที่เบ่งบานใน ‘ลูกระเบิดแก๊สน้ำตา’
ในภาพที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกร้ายสำหรับเหล่าผู้อยู่อาศัยที่ต้องการวคามสงบและสันติภาพ…มีหญิงชาวปาเลสไตน์ที่เป็นผู้อยู่อาศัยในหมู่บ้าน Bilin ใกล้ๆ กับเมืองหลวง Ramallah ของประเทศปาเลสไตน์ ได้ทำการปลูกดอกไม้ลงในลูกระเบิดแก๊สน้ำตานับร้อยๆ ลูก ที่เก็บมาจากสนามรบที่กองกำลังทหารของอิสราเอลปะทะกับชาวบ้านของชาวปาเลสไตน์ ดอกไม้เหล่านั้นถูกปลูกอยู่ในแปลงที่ดินที่อยู่ในพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์สามารถยึดมาได้เมื่อก่อนหน้านั้นประมาณ 2 ปี สถานที่ตรงนี้เคยเป็นลานสงครามจากการต่อสู้เพื่อขัดขวางการขนส่งอุปกรณ์ในการก่อสร้างกำแพงรักษาความปลอดภัยของอิสราเอลที่อ้างว่าสร้างขึ้นเพื่อป้องกันกลุ่มก่อการร้ายของชาวปาเลสไตน์ ซึ่งแน่นอนว่ามีหลายภาคส่วนที่ไม่เห็นด้วย แต่ถึงกระนั้นทางการของอิสราเอลก็ไม่สนใจ ทำการสร้างต่อไป ซึ่งถ้าหากกำแพงนี้สร้างเสร็จจะมีความยาวมากกว่า 700 กิโลเมตร เพื่อล้อมรอบดินแดนเขต West Bank ทั้งหมด ในระหว่างที่เหตุการณ์กำลังตึงเครียดและยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างชาวปาเลสไตน์ และชาวอิสราเอล แต่เธอและชาวบ้านคนอื่นๆ กลับไม่ได้สนใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด กลับก้มหน้าก้มตาปลูกดอกไม้ดอกเล็กๆ มากมาย แม้จะไม่มีกระถางแต่ก็ใช้ลูกระเบิดมาเป็นกระถางแทน และแน่นอนว่าการกระทำของเธอนั้นก็กลายเป็นที่สนใจของชาวบ้านคนอื่นๆ ทำให้แต่ละคนก็มาช่วยเหลือ บ้างก็พกสายไฟมาเพื่อนำดอกไม้เหล่านี้ไปมัดติดกับหลวดหนามที่ทางอิสราเอลได้สร้างขึ้น หลังจากนั้นเพียงไม่นานดอกไม้เล็กเหล่านี้ก็กลายเป็นอาวุธที่แสนสำคัญ เป็นคำพูดที่สามารถสื่อให้ทั่วโลกได้เห็นว่าผู้คนในพื้นที่ทั้งชาวอิสราเอล และชาวปาเลสไตน์ ที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งนี้ ต่างก็เบื่อหน่ายกับการความขัดแย้งที่ดำเนินมายาวนานและดูเหมือนว่าจะไม่จบไม่สิ้นซักที ความต้องการในสันติภาพของผู้คนที่อยู่อาศัยนั้นส่องสว่างทะลุออกมาจากรอยแตกแยกของรั้วที่กั้นเอาไว้ ก่อนหน้านี้เองก็มีศิลปินชาวอิสราเอลที่ออกมาสร้างรูปปั้นดอกกุหลาบเหล็กจากการเก็บเศษซากของจรวดที่ถูกยิงมาโดยกองกำลังต่อต้านของทางปาเลสไตน์ด้วยเช่นกัน ตอนนี้เราก็คงได้แต่หวังว่าผู้นำของทั้งสองชาติจะเห็นถึงภาพความงดงามของดอกไม้เหล่านี้…
-
ทหารอเมริกัน ได้รับการปลูกถ่ายแขนคู่ใหม่ หลังต้องสูญเสียแขนทั้ง 2 ข้างไปจากสงคราม!!
ถึงแม้ว่าสงครามจะเต็มไปด้วยสถานการณ์แห่งความโหดร้าย ตึงเครียด และความน่ากลัว แต่อย่างน้อยหลังจากที่สงครามได้จบลงไปแล้ว ก็มีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นบ้าง และมันก็ได้สร้างรอยยิ้มให้กับผู้คนอีกด้วย เรื่องราวของ John Peck นาวิกโยธินสหรัฐ วัย 31 ปี ผู้ที่ได้สูญเสียทั้งแขน และขาทั้งหมดจากเหตุระเบิดในอาฟกานิสถาน เมื่อปี 2010 เขาต้องใช้เวลากว่า 6 ปี ในฐานะทหารผ่านศึกผู้ไร้แขน และนั่นทำให้ชีวิตเขายากลำบากอย่างมาก.. แต่เหมือนโชคดีจะเข้าข้างเขา เมื่อมีทหารผู้เสียชีวิตในสงครามเช่นกัน ได้ลงชื่อยินยอมพร้อมบริจาคร่างกาย และชิ้นส่วนแขนที่สมบูรณ์ดีจากศพของเขา สามารถช่วยชีวิต John ให้กลับมายิ้มอีกครั้ง เมื่อตรวจสอบความเข้ากันได้ เขาก็พร้อมที่จะเข้ารับการผ่าตัดใส่แขนใหม่นี้แล้ว หลังจากนั้นอีก 6 ปีต่อมา เขาก็กลับมามีกำลังใจในการดำเนินชีวิตอีกครั้ง หลังจากที่ได้เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายแขนใหม่ จากครอบครัวของผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง สำหรับการปลูกถ่ายแขนของ John ทางศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญถึง 12 คน จากโรงพยาบาล Boston’s Brigham and Women’s Hospital ในบอสตัน ได้ใช้เวลาในการดำเนินการผ่าตัดเป็นเวลาเกือบ 14…
-
ประวัติ ‘สงครามนกอีมู’ ที่ออสเตรเลียประกาศสงครามกับนก แถมแพ้อีก จนถูกล้อถึงทุกวันนี้…
ในวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะพาเพื่อนๆ ย้อนรอยไปกับเหตุการณ์สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศออสเตรเลีย กับสงครามนกอีมู หรือ The Great Emu War!! เรียกได้ว่าเป็นครั้งเดียวในประวัติศาสตร์มนุษยชาติเลยล่ะ ที่รัฐบาลประกาศสงครามอย่างเต็มรูปแบบกับสัตว์ แถมต้องประกาศยอมแพ้ จนเป็นความอัปยศของทหารประเทศออสเตรเลีย และถูกล้อกันเล่นๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นช่วงปี 1930 ขณะนั้นเหล่าทหารหาญของออสเตรเลียได้กลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 ในยุโรป จับจอบจับเสียมทำนา ทำสวน ทำไร่อย่างเคย แต่ด้วยพื้นที่ๆ จำกัดตอนนั้น ทำให้ต้องบุกเบิกพื้นที่ใหม่ในโซนออสเตรเลียตะวันตก แต่มีอยู่ปัญหาหนึ่ง ซึ่งเป็นปัญหาใหม่มากๆ ของตอนนั้นก็คือเหล่านกอีมูนี่เอง!! นกอีมูถือเป็นสัตว์เจ้าถิ่นของแถบนั้น มันมีลักษณะคล้ายๆ กับนกกระจอกเทศอยู่หน่อยๆ ซึ่งในตอนนั้นมีจำนวนหลายหมื่น หรืออาจจะถึงหลักแสนครองพื้นที่แถบนั้นอยู่ แถมตัวก็ไม่ใช่จะเล็กๆ เพราะนกอีมูตัวเต็มวัยสามารถมีความสูงได้เกือบ 2 เมตร และมีน้ำหนักราวๆ 35-40 กิโลกรัม ชาวนาที่เป็นทหารผ่านศึกเก่าพอไปบุกเบิกพื้นที่ ก็ถูกนกอีมูเข้ามากินพืชผลจนเกลี้ยง ร้อนไปถึงทางรัฐบาลที่จัดสรรพื้นที่ทำกินให้กับพวกเขา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอนนั้นคือ Sir George Pearce ผู้รับผิดชอบในด้านนี้โดยตรง เลยได้ลงนามคำสั่งประกาศ ‘สงคราม’ กับเหล่านกอีมูตัวร้ายซะเลย…
-
เรื่องราวฮาๆ ของสงคราม 335 ปี สงครามที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะดัน ‘ลืม’ สงบศึก…
ถ้าพูดถึงสงครามแล้ว สิ่งที่เรานึกได้ก็คงจะเป็นเรื่องการสู้รบ ความตายและการสูญเสียทรัพย์สินเป็นจำนวนมากของทั้งผู้คนตาดำๆ และประเทศชาติ แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็มีเรื่องราวแปลกๆ ของสงคราม 335 ปี ที่เป็นสงครามที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ สงคราม 335 ปีนี้คือสงครามระหว่างเนเธอร์แลนด์และกลุ่มกษัตริย์นิยมเก่าของประเทศอังกฤษ ซึ่งดำเนินมาตั้งแต่ปี 1651 เลยทีเดียว!!! ถึงแม้ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นจะมีกองกำลังที่แข็งแกร่ง แต่ก็มักจะหลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มอื่นตรงๆ เสมอ แต่สงคราม 335 ปีนี้ เกิดขึ้นจากผลพวงของสงครามกลางเมืองในอังกฤษที่รบกันมาเกือบ 9 ปี ตั้งแต่ปี 1642-1651 สงคราม 335 ปี ในตอนนั้นประเทศอังกฤษแบ่งแยกออกเป็นสองฝ่ายคือกลุ่มกษัตริย์นิยมนำโดย King Charles ที่ 2 และกลุ่มรัฐสภาที่นำโดย Oliver Cromwell รูปซ้าย Oliver Cromwell และรูปขวาคือ King Charles ที่ 2 ในตอนนั้นกลุ่มรัฐสภาได้ชัยชนะในสงคราม ปราบปรามกลุ่มกษัตริย์นิยมในภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ไปเกือบหมด ทำให้ได้ครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศ ทำให้ราชนาวีฝักใฝ่กษัตริย์ของอังกฤษส่วนใหญ่ถอยร่นไปอยู่ที่หมู่เกาะซิลลี ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศอังกฤษ หมู่เกาะซิลลี…
-
เพราะสงครามน่าเศร้ากว่าที่คิด… รวม 3 เรื่องราวของเด็กชาวซีเรีย ในแง่มุมที่โลกควรสนใจ
ถือเป็นสงครามที่ก่อตัวมาอย่างยาวนานและต่อเนื่องจริงๆ สำหรับสงครามของกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในประเทศซีเรีย และมันก็ได้แผ่ขยายสร้างความเสียหายให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน ในช่วงรอบเดือนที่ผ่านมาก็มีข่าวและเหตุการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับผู้คนในซีเรียออกมาให้เราได้เห็นผ่านหลากหลายเหตุการณ์ วันนี้ #เหมียวฟิ้น เลยขอรวบรวมเอาเหตุการณ์เหล่านั้นมาเล่าให้เพื่อนๆ ได้เห็นผลกระทบในมุมมองต่างๆ ของสงครามกัน 1. เด็กชาวซีเรียถือภาพโปเกม่อนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนทั่วโลก ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา กระแสของเกม Pokemon Go โด่งดังมาก จนผู้คนให้ความสนใจออกตามหาโปเกม่อนไปทั่วโลก และเพื่อเป็นการดึงความสนใจของผู้คน สำนักงานสื่อแห่งกองกำลังปฏิวัติซีเรียจึงให้เด็กๆ ชาวซีเรียถือภาพโปเกมอนที่มีข้อความว่า “ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราบ้าง” เพื่อให้คนหันมาสนใจพวกเขาเหมือนกับที่ให้ความสนใจเกมนั่นเอง . 2. สาวน้อยจากซีเรียเป็นตัวแทนนักว่ายน้ำโอลิมปิกไร้สัญชาติ สาวน้อย Yusra Mardini หนีออกจากซีเรียพร้อมพี่สาว เนื่องจากมีสงครามปะทุขึ้น เธอและพี่สาวนั่งเรือออกไปยังเกาะ Lesbos ของประเทศกรีซและช่วยชีวิตชาวซีเรียอีก 20 คน ในระหว่างเดินทาง เครื่องยนต์ของเรือเกิดเสียหาย ทำให้เธอและพี่สาวต้องกระโดดลงไปช่วยดันเรือจนถึงเกาะในที่สุด จากนั้นพวกเธอก็เดินทางไปกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีเพื่อฝึกซ้อมร่างกาย โดยมีพ่อแม่ของเธอตามไปด้วยอย่างปลอดภัย นอกจากนี้เธอก็ยังได้รับทุนนักกีฬาที่มีไว้เพื่อสนับสนุนนักกีฬาโอลิมปิก (อ่านข่าวของเธอเต็มๆ ได้ที่ลิงก์นี้เลยนะ) …
-
นำภาพหายาก การรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาทำเป็นภาพสี ให้ความรู้สึกเสมือนจริง…
ถ้าหากเราพูดกันถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 มันคือเรื่องราวโศกนาฏกรรมความเศร้าในอดีต ที่มีผู้คนมากมายต้องล้มหายตายจากกันไปเพราะสงคราม เหลือเพียงความทรงจำที่เป็นภาพถ่ายไว้ให้คนรุ่นหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งแปซิฟิค ซึ่งว่ากันว่าเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่มีผู้เสียชีวิตมากนับล้านคน โดยประมาณการณ์ทั้งจำนวนทหารและจำนวนของชาวบ้่านที่ต้องสูญเสียไปมากมาย และนี่คือการนำภาพขาวดำในอดีตที่มีอายุมากกว่า 60 ปี มาเติมเต็มสีสันลงไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งเป็นผลงานของ Jared Enos จากสหรัฐอเมริกา หนุ่มช่างภาพวัย 19 ปี ราวกับว่ารูปภาพในอดีตถูกปลุกขึ้นมาให้เล่าเรื่องอีกครั้ง.. นายทหารสองคนกำลังหลบภัยอยู่ในหลุม เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 1944 นายทหารผู้บาดเจ็บคนหนึ่งกำลังได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมทีม “มีอยู่สองเหตุการณ์หลักๆ ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ขึ้นชื่อว่ามีการสังหารกันมากที่สุด อันแรกคือ The Eastern Front ที่ยุโรป ส่วนอีกที่ก็คือสงครามอ่าวแปซิฟิค” “ในขณะที่รูปภาพจากเหตุการณ์ในยุโรปหาค่อนข้างยาก แต่ทางหน่วยนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ได้เก็บรวบรวมรูปถ่ายจากสงครามครั้งนี้เอาไว้ และหลังจากที่เติมเต็มสีให้รูปภาพเหล่านี้ ผมกลับรู้สึกได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น รู้สึกได้ถึงประสบการณ์ที่ทหารทุกคนกำลังเผชิญอยู่ ณ ขณะนั้น” เจ้าของผลงานกล่าว พลทหารปืนไฟที่ได้รับคำสั่งให้ออกไปทำลายฝั่งรถขนส่งของญี่ปุ่น ในโมโตยาม่า เมื่อ ปี 1945 การบุกเข้าโจมตีของรถถัง (Zippo) พร้อมๆ กับพลซุ่มยิง ของสหรัฐฯ ในยุทธการที่อิโวะจิมะ…
-
“ปูติน” ยื่นคำขาด ‘หากมีก่อการร้ายในรัสเซีย ภายในครึ่งชั่วโมง ISIS ทุกคนไม่รอดแน่!!’
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 2 สิงหาคม สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่ากลุ่มก่อการร้าย ISIS ได้เผยแพร่วิดีโอผ่านเว็บไซต์ยูทูบที่มีเนื้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศรัสเซียอย่าง วลาดิเมียร์ ปูติน ถึงที่บ้านพักของเขาเอง แถมยังประกาศอีกว่าจะปลดปล่อยสาธารณรัฐเชชเนียออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซียด้วย และจะเปลี่ยนพื้นที่ดังกล่าวให้กลายเป็นพื้นที่อิสลาม ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Internethindu ได้เคยออกมาเปิดเผยบทสัมภาษณ์ของวลาดิเมียร์ ปูติน เกี่ยวกับความมั่นคงภายในประเทศว่า หากมีการระเบิดหรือก่อการร้ายในรัสเซีย เขาจะออกคำสั่งโจมตีและฆ่าชาวอิสลามให้หมดภายในครึ่งชั่วโมง ตามรายงานบอกว่าวลาดิเมียร์ ปูตินได้เล็งวางแผนภารกิจให้กองทัพเข้าควบคุมเมืองอัรร็อกเกาะฮ์ ในประเทศซีเรีย ซึ่งเป็นที่มั่นของรัฐอิสลาม ด้วยกำลังพลกว่า 1,500,000 คน เพื่อภารกิจต่อต้านกลุ่มก่อการร้าย ISIS เมื่อไม่นานมานี้ปูตินได้เคยกล่าวยกย่อง Donald Trump เกี่ยวกับแนวคิดในการต่อต้านกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงอย่างเด็ดขาดของเขา และชมว่า Trump เป็นคนที่เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง ซึ่งเจ้าตัวก็ชื่นชอบในการทำงานแบบปูตินเช่นกันและสัญญาว่าจะทำงานร่วมกันหากเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดี ทั้งนี้ทางรัสเซียเองก็กำลังเจรจากับสหรัฐ เพื่อเพิ่มระดับการโจมตีกลุ่มก่อการร้าย ISIS ให้รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก และหวังจะโค่นล้มกลุ่มก่อการร้าย ISIS ให้ได้ อย่างไรก็ตามมีทั้งผู้ที่สนับสนุนแนวคิดของปูตินที่มองว่าวิธีของเขาน่าจะทำให้ผู้ก่อการร้ายหวาดกลัวได้ แต่ก็มีคนมองว่าวิธีดังกล่าวคือการใช้ความรุนแรงซึ่งมีแต่จะเพิ่มความสูญเสีย จากหลายๆ กรณีที่รัสเซียเด็ดขาดกับผู้ร้ายจนคนบริสุทธิ์ได้รับผลกระทบตามไปด้วย ที่มา internethindu , voicetv
-
รึจะเป็นศึกสามเส้า!? เปิดตัว Gladstone เหมียวใหม่กระทรวงคลังอังกฤษ พี่ไม่ได้มาเล่นๆ
อย่างที่เรารู้กันว่าตอนนี้สถานการณ์ในสำนักนายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษกำลังครุกกรุ่นไปด้วยไฟสงคราม หลังจากที่เจ้าเหมียว Larry แห่งบ้านนายก กับเจ้าเหมียว Palmerston แห่งกระทรวงต่างประเทศ เปิดศึกกันอย่างดุเดือด และทั้งคู่ก็ได้ประมือกันมาแล้วเมื่อไม่กี่วันมานี้และพบว่าเจ้า Palmerston เป็นฝ่ายชนะไป และเจ้า Larry ก็ได้รับบาดเจ็บถึงกับต้องพาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเลยทีเดียว สงครามยังไม่หยุดอยู่แค่นี้…ทั้งคู่จะต้องได้ประมือกันอีกครั้งในอนาคตแน่นอน แล้วเจ้า Larry จะเอาคืนได้หรือไม่? หรือเจ้า Palmerston จะย้ำแค้นได้อีกครั้ง ก็ต้องติดตามกันต่อไป แต่ล่าสุด!!! ท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง Philip Hammond ก็ได้รับเจ้าเหมียวตัวใหม่เข้ามายังที่ทำการกระทรวงการคลังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานนี้ต้องขอบอกเลยว่าสงครามบนสนามหญ้าในสำนักนายกฯ ของอังกฤษยิ่งน่าจับตามองขึ้นไปอีก!! เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า Gladstone (ตั้งตามชื่อของอดีตนายกรัฐมนตรี Willian Ewart Gladstone) และมันจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นแมวจับหนูที่ตึกกระทรวงการคลังนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ก่อนหน้าที่มันจะมาอยู่ที่นี่มันเคยใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากและหิวโหยบนถนนในกรุง London มาก่อน หลังจากนั้นมันก็ถูกช่วยเหลือไว้โดยศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Battersea Dogs and Cats Home ก่อนที่จะถูกเสนอหน้าที่แมวไล่จับหนูให้โดยท่านรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง มีค่าแรงคืออาหารวันละ 3…
-
รวมภาพ-เรื่องราวสะเทือนใจรอบโลก ที่ผ่านการคัดเลือกแล้วว่า… ทุกคนควรจะได้เห็นสักครั้ง!!
หากมีสงครามหรือความขัดแย้งต่างๆในประเทศ เราคงว่า มักมีเหตุการณ์ที่น่าเศร้าเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสีย การอพยพ หรือการลี้ภัย เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ด้วยปัจจัยหลายๆใคระล่ะจะห้ามได้?? และนี่คือสุดยอดภาพถ่ายที่บันทึกเหตุการณ์ในช่วงสงคราม โดยภาพเหล่านี้ได้มาจากการประกวดที่จัดขึ้นโดย Magnum and LensCulture Photography Awards 2016 ซึ่งที่เราจะเอามาให้ดูในวันนี้ เป็นภาพที่ชนะการประกวดในครั้งนี้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เราได้เห็นการปฏิวัติต่างๆ การปะทะกันของสังคม การอพยพออกจากประเทศ การเพิ่มขั้นรัฐอิสลาม และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทั่วตะวันออกกลาง นี่คือภาพที่ดีที่สุดภาพหนึ่งของการประกวด ‘การอพยพของมนุษย์จำนวนมากที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผู้ลี้ภัยหลายร้อยหลายพันจากตะวันออกกลาง ส่วนใหญ่มาจาก ซีเรีย อิรักและอัฟกานิสถาน พวกเขาออกจากประเทศท่ามกลางความขัดแย้งและการประหัตประหาร ทำให้ตัวเลขประชากรในยุโรปมีเพิ่มขึ้น’ Mauricio Lima ผู้ชนะการประกวดบอก ใน Horgos ประเทสเซอร์เบีย เดือนสิงหาคม ปี 2015 Roujin Sheikho (คนซ้าย) อุ้มลูกสาวด้วยความอ่อนแรง ตามด้วยลูกชายของเธอ Nabih (คนขวาเสื้อเขียว) ‘คนกลุ่มนี้เดินปะปนกับผู้ลี้ภัยจากรัสเซีย ที่ได้รับอนุญาติให้เดินผ่านประเทศฮังการี…
-
17 ชะตากรรมของ ‘สัตว์’ เมื่อต้องใช้ชีวิตใน ‘สงครามและความขัดแย้ง’ ที่มนุษย์สร้างขึ้น
“สงคราม” มักจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์มีความขัดแย้ง และไม่สามารถหาวิธีแก้ไขได้อย่างสันติ และเมื่อเกิดสงคราม ก็ยิ่งทำให้ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการนองเลือด รวมไปถึงความสูญเสีย ที่มิอาจเรียกกลับคืนมาได้ นอกจากมนุษย์แล้ว เหล่าสัตว์ทั้งหลายที่อยู่ในภาวะสงคราม ก็ต้องมาตกระกำลำบาก และได้รับผลกระทบจากสงครามไปด้วย ไม่ว่าจะถูกทอดทิ้ง หรือบางตัวก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางตัวก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว จนต้องมาล้มตายไปอย่างน่าสงสาร เหมือน 17 ภาพที่คุณกำลังจะได้รับชมดังนี้ไปนี้ แม้จะไม่มีข้อมูลอันชัดเจนว่ามาจากสถานที่ใดบนโลกบ้าง แต่ความโหดร้ายก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย…. 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม…
-
23 ภาพก่อน-หลังสงครามในประเทศซีเรีย… บอกเล่าให้เรารู้ว่า มันโหดร้ายและแย่เพียงใด
จากเหตุปะทะกันของรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฎและกลุ่ม ISIS จนกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เกิดความสูญเสียมากมาย ทั้งตึกรามบ้านช่อง และชีวิตคนนับร้อยนับพันคน และหนึ่งในสถานที่ที่ได้ผลกระทบจากสงครามนั้นก็คือเมือง “Aleppo” ที่เป็นเมืองเก่าแก่ และมีอารยธรรมที่สวยงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งในโลกเลยทีเดียว ในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะพาเพื่อนๆ ไปภาพก่อน-หลัง สภาพของเมืองที่ได้รับผลกระทบจากสงคราม จะได้เห็นกันไปเลยว่ามันโหดร้ายขนาดไหน 1. 2. 3. 4. 5. 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19.…
-
13 ภาพถ่ายหายาก เผยมุมมองอีกด้านหนึ่งของ ‘สงครามเวียดนาม’ ที่น้อยคนจะเคยเห็น
ก็ผ่านมาเกือบๆ 40 ปีแล้วสำหรับเหตุการณ์สงครามในประเทศเวียดนาม Kendra Rennick ช่างภาพสาวที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของเหล่าทหารที่เคยไปรบในสงครามครั้งนั้นได้ไปพบชุดภาพเก่าที่ถูกถ่ายไว้ในสมัยนั้นเข้าให้ ซึ่งม้วนฟิล์มนี้ถูกถ่ายไว้โดยพ่อผู้เสียชีวิตของเพื่อนสนิทของเธอ เขาได้ถ่ายไว้ในช่วงที่ได้ไปรบในสงคราม และนี่ก็คือชุดภาพถ่ายของเหล่าทหารจากสงครามเวียดนามที่เรียกได้ว่าแทบจะไม่เคยถูกเปิดเผยที่ไหนมาก่อนเลยทีเดียว ภาพถ่ายชุดนี้ตั้งใจจะเข้าไปรวมอยู่ใน Vietnam Slide Project ที่จะแชร์เรื่องราวต่างๆ ของเหล่าทหารที่ไปรบในสงคราม ภาพเหล่านี้ถูกเก็บอยู่ในห้องใต้หลังคาของบ้านเพื่อนเธอมานานแสนนานและแทบไม่มีใครเคยที่จะแตะต้องมันเลย… หลังจากที่พบ Rennick ก็ได้ติดต่อไปยังทาง Vietnam Veterans of America หรือองค์การทหารผ่านศึกเวียดนามแห่งสหรัฐอเมริกา ทำให้เรื่องราวของผู้คนในภาพถูกนำไปเผยแพร่ให้กับบรรดาสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา (เหล่าทหารที่ไปรบในตอนนั้น) ได้ดูกัน มีทหารผ่านศึกที่เคยอยู่ในภาพส่งจดหมายมาถึงเธอเพื่อขอบคุณหลังจากที่ได้เห็นภาพเหล่านี้ด้วย . . โดย Rennick ตั้งเป้าไว้ว่าจะเผยแพร่ภาพเหล่านี้ เพื่อระดมเงินเป็นกองทุนสำหรับช่วยเหลือทหารผ่านศึกเวียดนามสูงอายุล่ะ รูปภาพเหล่านี้แสดงความเป็นจริงเหมือนเหรียญทั้งสองด้าน เกี่ยวกับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นของสงคราม และเวลาชิลๆ ที่พวกเขาทำการพักผ่อนกัน . . . “รูปภาพเหล่านี้ทำให้เราเข้าใจตัวตนของเหล่าทหาร และมุมมองในอีกด้านของชีวิตที่หาได้ไม่ง่ายเลย…” #จ่าสิบเหมียว ที่มา: BusinessInsider
-
เปิดตำนาน “สงครามหกวัน” การรบที่ทำให้เหล่าชาติอาหรับ ‘ขายหน้า’ มากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก
นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลง โลกเราไม่ได้เจอสงครามขนาดใหญ่ๆ อีกเลย แต่รู้หรือไม่หลังจากสงครามโลกแล้ว มีความขัดแย้งเกิดขึ้นทั่วโลก แม้จะไม่ใช่สงครามขนาดใหญ่ แต่ก็รุนแรงพอที่จะคร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก อย่างเช่นเรื่องราวของ “สงครามหกวัน” สงครามระหว่าง “ชาวยิว” กับ “ชาวอาหรับ” ที่ทำให้เหล่าชาติอาหรับ ขายหน้าที่สุดครั้งหนึ่งในโลก จะเป็นอย่างไร ไปชมกันเลย จุดเริ่มต้นของสงครามเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1948 เมื่ออิสราเอลประกาศตั้งประเทศของตนเองในเขตปาเลสไตน์ และชักชวนให้ชาวยิวทั่วโลกมาอาศัยอยู่ ซึ่งการตั้งประเทศครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับชาติอาหรับแถบนั้นเป็นอย่างมาก เพราะพวกเขาถือว่าอิสราเอลมาแย่งดินแดนของพวกเขาไป ขณะที่ชาวอิสราเอลก็บอกว่าพื้นที่แถวนั้นเป็นที่ที่พระเจ้ามอบให้ตนตั้งแต่ครั้งอดีตกาลแล้ว หลังจากนั้นอิสราเอลก็มีความขัดแย้งกับประเทศอาหรับที่รายล้อมอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย อิรัก จอร์แดน และอียิปต์ (เรียกว่าไปตั้งกลางดงบาทาของฝ่ายตรงข้ามเลยทีเดียว) ตั้งแต่เรื่องดินแดนไปจนการแย่งแหล่งน้ำ จนวันหนึ่งในปี ค.ศ. 1967 ซีเรียที่รวมหัวกับอียิปต์ ก่อตั้ง PLO หรือ องค์การปลดปล่อยปาเลสไตน์ ได้เปิดฉากยิงใส่นิคมชาวยิวในที่ราบสูงโกลัน ทางฝ่ายอิสราเอลก็ไม่ได้นิ่งเฉย ตอบโต้กลับไปทั้งทางบกและอากาศ อย่างไรก็ตามอิสราเอลยังไม่ได้เปิดศึกอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด จนกระทั่งอียิปต์ประกาศปิดช่องแคบตีราน และไม่ยอมให้เรือสินค้าของอิสราเอลผ่าน ทำให้รัฐบาลอิสราเอลประกาศสงครามกับอียิปต์ในทันที แม้ตอนนั้นอียิปต์มีชาติอาหรับมาร่วมเป็นพันธมิตรมากมายที่ส่งเครื่องบินและกำลังรบมารอช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นซีเรีย จอร์แดน อิรัก…
-
รวม 14 หนังสงครามระดับเทพ ที่เค้าว่ากันว่า… ชาตินี้ต้องหามาดูให้ได้ ซักครั้งก่อนตาย!!!
นอกจากหนังรักและหนังแอคชั่นแล้ว หนังสงครามก็ถือว่าเป็นหนังอีกประเภทที่ได้รับความนิยม และมีการหยิบยกเหตุการณ์ต่างๆ มาสร้างเป็นหนังอยู่เรื่อยๆ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชม 14 หนังสงครามระดับพระกาฬ ที่ชาตินี้ต้องหามาดูให้ได้ซักครั้ง จะมีเรื่องอะไรบ้าง ลองไปดูกันดีกว่า! “Platoon” (1986) Platoon เล่าความโหดร้ายของสงครามเวียดนามที่เหล่าทหารอเมริกันต้องไปร่วมรบ พวกเขาต้องพบกับความยากลำบากในการแยกว่าใครเป็นชาวบ้าน และใครเป็นสายลับฝ่ายศัตรู รวมถึงการเอาชีวิตรอดในสงครามที่ว่ากันว่า สร้างความหวาดผวาให้กับทหารอเมริกันมากที่สุดครั้งหนึ่ง “Good Morning Vietnam” (1987) หนังเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของนักจัดรายการวิทยุชาวอเมริกันคนหนึ่ง ที่ต้องจัดรายการในช่วงเช้าในเมืองไซง่อน ประเทศเวียดนาม ในขณะที่สงครามยังปะทุในทั่วทุกหัวระแหง ถือว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ประชดแดกดันสงครามได้อย่างเจ็บแสบที่สุด จน Robin William ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์เลยทีเดียว “Full Metal Jacket” (1987) หนังเล่าเรื่องของสองนายทหารใหม่ ที่ต้องเข้าไปร่วมรบในสงครามเวียดนาม พวกเขาต้องพบกับความยากลำบากของการฝึกฝน รวมถึงความโหดร้ายของสงครามเวียดนาม จนกลายเป็นหนึ่งในหนังสงครามสุดคลาสสิกที่ใครๆ ก็ต้องดูซักครั้งหนึ่ง “Glory” (1989) Matthew Broderick, Denzel Washington, Cary Elwes, และ…
-
ศักดิ์ศรีค้ำคอ!! นกแย่งเนื้อชิ้นเดียวกัน คาบไว้ไม่ปล่อยกว่า 30 นาที เอาอะไรมาล่อก็ไม่ยอม…
ย้อนกลับไปในวัยเด็กสำหรับเพื่อนๆ ที่มีพี่น้องคงจะเคยผ่านเหตุการณ์ที่แย่งของเล่นหรือเสื้อชิ้นเดียวกันมาก่อน ถึงแม้ว่าเราจะเห็นและหยิบมันได้ก่อนก็ตาม แต่หากว่าพี่ชายหรือน้องสาวของเราชอบเหมือนกันก็จะเกิดสงครามแย่งชิงกันขึ้นมาจนบางครั้งถึงกับตีกันกันเลยก็มี ฮร่า และในวันนี้ #เหมียวหง่าว มีเรื่องราวฮาๆ คล้ายๆกัน แต่เป็นของเจ้านกสองตัวที่แย่งชิ้นเนื้อชิ้นเดียวกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกันเลยทีเดียว จะเป็นอย่างไรนั้นลองไปชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… เรื่องมีอยู่ว่าชาวเน็ตต่างชาติชื่อว่า freshAU ได้โพสท์เรื่องราวของเจ้านกกระเต็นสองตัวที่เขาเลี้ยงไว้ได้ทำการแย่งเนื้อชิ้นเดียวกันลงบนเว็บไซต์ Reddit โดยเจ้านกสองตัวนี้คาบชิ้นเนื้อชิ้นเดียวกันโดยไม่ปล่อยเลยเป็นเวลายาวนานกว่า 30 นาที แม้ว่าเขาจะเอาเนื้อชิ้นอื่นมาวางพาดตรงปากของพวกมันหลายๆ ชิ้นก็ไม่เอาคือจริงๆ แล้วไม่อยากกินแต่จะเอาชนะว่างั้นเหอะ เอาทิชชู่มาวางที่ตัวก็ไม่สะทกสะท้านอะไรเลย -*- หรือแม้แต่เอาเปลือกหอยมาวางบนหัวก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย เพียงแต่ว่าชั้นจะไม่ยอมเสียเนื้อชิ้นนี้ไปแน่ๆ 555+ ซึ่งเขาก็ได้อัดวิดีโอแล้วอัพมาให้ชาวเน็ตได้ชม 4 คลิปด้วยกัน ลองไปชมกันได้เลย… คลิปแรกโชว์ให้เห็นว่าพวกมันจริงจังกับการทำสงครามครั้งนี้มากแค่ไหน คาบซะแน่นเชียว ฮร่า คลิปที่สองเอาเนื้อมาวางเพิ่มก็ไม่สนใจ ก็ตรูจะเอาชิ้นนี้อะ คลิปที่สามเอากระดาษทิชชู่มาวางซะเลย (จะทำอะไรก็ทำแต่ตรูไม่แคร์เพราะการศึกครั้งนี้สำคัญยิ่งนัก) คลิปสุดท้ายทิชชู่ยังไม่สนใจเอาเปลือกหอยมาวางซะเลย (มีสบัดทิ้งด้วยนะ แต่ก็ยังคงคาบชิ้นเนื้อต่อไป ฮร่า) แหม่ ต้องขอบอกเลยว่าศึกครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงยิ่งนักไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว สงสัยพวกมันคงจะถือคติว่าฆ่าได้แต่หยามไม่ได้สินะ ฮร่า ที่มา…
-
ชม 20 ภาพถ่ายของคู่รักในช่วงสงคราม จะมาบอกเราว่า ‘ความรัก’ นั้นช่างงดงามยิ่งนัก
ถึงแม้ว่า ‘สงคราม’ จะเป็นเรื่องที่เลวร้ายคร่าชีวิตคนไปมากมายเท่าไหร่ แต่บนหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษย์กลับมีบันทึกเรื่องราวของมันไว้มากมาย เหล่าทหารหาญทั้งหลายต้องจากบ้านจากครอบครัวอันเป็นที่รักเพื่อไปสู้รบ โดยที่ไม่รู้ว่าเขาจะได้กลับมาพบเจอกับคนที่พวกเขารักอีกเป็นครั้งที่สองหรือไม่ วันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ย้อนไปชมภาพเหตุการณ์สุดประทับใจของทหารและคนรัก ในยุคสงครามโลกกัน ที่จะทำให้เราเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นช่วงไหน ความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามเสมอ 1. ทหารหนุ่มกระซิบข้อความบอกคู่รักของเขาก่อนที่จะไปรบ ในปี 1939 2. ทหารชาวอเมริกันจูบกับคู่รัก ที่สนามซ้อมรบใน Conecticut ปี 1945 3. ภาพของคู่รักถ่ายที่สถานีรถไฟ Penn Station ใน New York ปี 1943 4. ทหารหนุ่มกับคนรักถ่ายที่สถานีรถไฟ Penn Station ใน New York เช่นกัน 5. ทหารหนุ่มชาวอเมริกันกับคู่รักสาวชาวอังกฤษ ณ สวนสาธารณะ Hyde Park ปี 1945 6. วัยรุ่นสาวใส่รองเท้าสเก็ตกับแฟนหนุ่มที่เป็นทหาร…
-
Kurt Knispel ตำนานเทพรถถังแห่งสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้ระเบิดรถถังศัตรูไปเกือบ 200 คัน?!?!
แม้สงครามจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความสูญเสีย แต่สงครามเองก็ทำให้เกิดวีรบุรุษขึ้นมามากมายเช่นกัน และเมื่อนำเรื่องราวของพวกเขามาเล่า ก็ยังสร้างความสนุกและความตื่นเต้นแก่ผู้รับฟังเสมอ และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปรู้จักตำนานเทพรถถังสมัยสงครามโลกครั้งที่สองอีกคน ที่ว่ากันว่าเขาได้ระเบิดรถถึงฝ่ายศัตรูไปเกือบ 200 คันตลอดการออกปฏิบัติการ!! เรื่องราวจะน่าตื่นเต้นขนาดไหน ไปชมกันเลย!! เรื่องราววันนี้เป็นของ Kurt Knispel เขาเป็นชาวเชคโกสโลวเกียที่เติบโตที่เยอรมัน เกิดเมื่อปี 1921 พออายุได้ 19 ปี เขาก็ได้เข้าร่วมกองทัพนาซี เขาได้รับการฝึกให้เป็นพลเตรียมกระสุนและพลแม่นปืนประจำรถถัง Panzer IV ทันทีที่เขาฝึกเสร็จ เขาก็ถูกส่งตัวไปร่วมรบในแผนปฏิบัติการ Barbarossa หรือแผนการบุกโซเวียตในทันที และในสมรภูมินั้น เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงทักษะการยิงปืนใหญ่รถถังระดับเทพที่ไม่มีใครเสมอเหมือนให้โลกได้เห็น (ภาพของ Kurt กับรถถัง Tiger คู่ใจ) ในปี 1943 ปฏิบัติการที่เมือง Kursk เขาได้ใช้รถถัง Panzer ทำลายรถถัง T-34 ของฝ่ายโซเวียตไป 27 คัน ภายในระยะเวลาเพียง 12 วันเท่านั้น ด้วยฝีมือระดับหาตัวจับยากขนาดนี้ เขาถูกสั่งย้ายให้ไปประจำการบน Tiger รถถังรุ่นใหม่ของฝ่ายนาซีในทันที และเขาก็ไม่ทำให้กองทัพนาซีผิดหวัง เมื่อเขาทำลายรถถังของศัตรูไปอีก 42…
-
สงครามสร้างสรรค์!! ออฟฟิศในนิวยอร์กแข่งกันแปะ “Post-It” ประชันกันระหว่างตึกต่างๆ
Post-It ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เรียบง่าย แต่มันได้ใช้ประโยชน์อยู่บ่อยครั้งในชีวิตเราเลยล่ะ โดยเฉพาะการแปะทิ้งโน้ตไว้หรือจะเป็นการแปะเพื่อเตือนความทรงจำ หรือจะให้ล้ำหน่อยก็เอาไปแปะหลายๆ อันเป็นรูปใหญ่ๆ แต่ไม่นึกกว่าการแปะกระดาษนั้นจะกลายมาเป็นสงครามที่แข่งกันงัดเอาความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนออกมาได้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ 75 Varick Street ในนิวยอร์ค ในวันที่ 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ไม่รู้ว่านัดกันมาหรืออย่างไร เมื่อหลากหลายออฟฟิศต่างร่วมใจกันแปะ Post-It เป็นรูปร่างต่างๆ โดยพนักงานในนั้นเป็นคนคิดขึ้นมาเอง ซึ่งเหตุการณ์นี้เรียกกันว่า “สงครามศิลปะ Post-It” ถ้ามองจากระหว่างตึกหรือตรงถนน เราก็จะเห็น Post-It แปะ อยู่เต็มหน้าต่างเต็มไปหมด เราไปดูกันว่าแต่ละอันจะเจ๋งแค่ไหน . . . . . . . ถือเป็นอะไรที่สร้างสรรค์มากๆ อีกทั้งยังเป็นการสื่อสารแบบไม่ต้องพูดคุย งัดกันด้วยความคิดสร้างสรรค์ล้วนๆ เลย ที่มา designyoutrust
-
รวม 20 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่ถูกทำลายลงเพราะสงครามและความขัดแย้ง…
ประวัติศาสตร์ของมนุษย์เริ่มต้นเมื่อหลายหมื่นปีก่อน นับตั้งแต่ตอนนั้น มนุษย์ได้สร้างประดิษฐ์สิ่งของสถานที่สำคัญๆ ขึ้นมามากมาย บางแห่งนั้นเมื่อพิจารณาถึงคุณค่าทางประวัติศาสตร์แล้ว แทบจะไม่สามารถประเมิณได้เลยทีเดียว แต่โชคร้าย ตลอดช่วงเวลาประวัติศาสตร์นั้นเอง ก็มีเหตุการณ์มากมายที่ทำให้โบราณสถานและโบราณวัตถุเหล่านั้นเสียหายไป บ้างก็เป็นเพราะภัยธรรมชาติ บ้างก็เป็นเพราะภัยสงครามซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง และวันนี้เอง #เหมียวอ๊อดโด้ จะมาพาเพื่อนๆ ไปชม 20 สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เสียหายและโดนทำลายไปเนื่องจากความขัดแย้งและภัยสงคราม จะมีที่ไหนบ้าง ไปชมกันเลย Palmyra, Syria เมืองโบราณที่มีโอเอซิสแห่งนี้มีอายุกว่า 4 พันปีแล้ว จนองค์กร UNESCO ได้ประกาศให้เป็นมรดกโลก โชคร้ายตอนนี้มันอยู่ในการครอบครองของกลุ่ม ISIS และพวกเขาได้ทำลายรูปปั้น และสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาบางส่วนไปแล้ว 2. Great Mosque of Samarra สถานที่แห่งนี้เคยเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถูกสร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของกรุงแบกแดด แต่ช่วงปี 2005 บางส่วนของมัสยิดนี้ถูกทำลายด้วยการทิ้งระเบิด ของเหล่าผู้ที่ต้องการทำลายฐานทัพ NATO 3. The Buddhas of…
-
รู้จัก Vasili Alexandrovich Arkhipov นายทหารหนุ่ม ผู้หยุดยั้งสงครามโลกครั้งที่ 3!!
เป็นเวลากว่าเกือบ 80 ปีแล้วที่โลกไม่ได้พบกับสงครามขนาดใหญ่นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไปเมื่อปี 1945 แต่รู้หรือไม่ โลกเราเคยตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 มาหลายต่อหลายครั้ง แต่โชคดีที่มี “ฮีโร่” มาช่วยเอาไว้ อย่างเช่นเรื่องราวของนายทหารหนุ่มชาวรัสเซีย Vasili Alexandrovich Arkhipov คนนี้ ที่โลกต้องขอบคุณเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้น เราอาจต้องผจญกับสงครามโลกอีกครั้งแล้วก็เป็นได้ เรื่องราวเกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ปี 1962 ในตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤติและล่อแหลมที่สุดของสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและโซเวียต เมื่อเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลำนึงถูกยิงตกในประเทศคิวบา และอีกเครื่องสูญหายไปในน่านฟ้าโซเวียต ทั้งสองประเทศใกล้จะเปิดสงครามกันเต็มที (เครื่องบินสอดแนม U2 ที่หายไปในน่านฟ้าโซเวียต) ในวันนั้นเอง เรือดำน้ำ B-59 ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ของฝ่ายโซเวียตที่มีกัปตัน Valentin Savitsky เป็นผู้บัญชาการถูกเรือพิฆาตของสหรัฐ USS Beale เข้าโจมตี เป้าหมายการโจมตีนั้นไม่ได้ต้องการทำลายล้างให้สิ้นซาก แต่เพียงต้องการให้เรือดำน้ำดังกล่าวโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเท่านั้น (เรือดำน้ำ B-59 ของโซเวียต) ฝ่าย B-59 ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย พวกเขาอยู่ในสภาวะตึงเครียดไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากพวกเขายิงหัวรบตอบโต้กลับไป สงครามโลกครั้งที่ 3 จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และโลกก็จะตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง ในขณะที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร…
-
20 ภาพแสนประทับใจการ ‘แสดงความรัก’ แห่งประวัติศาสตร์ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ถึงแม้ว่าเวลาจะเปลี่ยน และไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป แต่สิ่งหนึ่งที่สามารถบันทึกเรื่องราวต่างๆไว้ได้ นั่นก็คือ รูปถ่าย ซึ่งวันนี้ #เหมียวสามสี มีภาพที่สุดแสนประทับใจในอดีตที่แสดงถึงความรัก ที่ต้องพลัดพรากจากกันเนื่องจากสิ่งที่เรียกว่า สงคราม โดยปกติแล้ว การบอกลานั้นเป็นเครื่องหมายอย่างดีว่าซักวันหนึ่งเราต้องกลับมาพบกันอีก แต่สำหรับหลายๆคน ในภาพที่เหมียวนำมาให้ดูในวันนี้ ไม่อาจรู้ได้เลยว่า พวกเขาจะได้เจอคนรักอีกครั้งหรือไม่ เนื่องจากสงครามอาจจะพรากชีวิตของพวกเขาไปได้ รูปภาพเหล่านี้เป็นเหมือนเครื่องบันทึกความทรงจำของชีวิต ที่เราไม่อาจรู้ได้เลยว่า อนาคตจะเป็นอย่างไร ดังนั้นไม่ต้องรอให้ถึงวันแห่งความรัก จงรีบไปบอกรักคนรักซะ จูบลาสามีที่จะไปรบที่สงครามเกาหลีที่ลอสแองเจิลลีส (6 กันยายน 1950) ทหารอเมริกันจูบลาครั้งสุดท้ายก่อนออกเรือไปรบที่อียิปต์ ปี 1963 ภาพอันโด่งดังเมื่อกะลาสีเรือเจ้าจูบพยาบาลสาว ซึ่งเป็นการฉลองเนื่องจากว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงแล้ว ปี 1945 หญิงสาวเขย่งจูบคนรักในชุดยูนิฟอร์มและกอดแน่หน้าสถานีรถไฟที่ Connecticut ปี 1945 กอดลาที่นิวยอร์ค เดือนเมษายนปี 1943 หญิงสาวโน้มตัวไปจูบที่รั้วกั้นรางรถไฟ กับสามีทหารอังกฤษที่เพิ่งกลับมาจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ในลอนดอน ปี 1940 Jean…
-
รวมภาพถ่ายสุดสะเทือนใจจาก “สงคราม” ที่เรื่องจริงมีเพียงความโหดร้าย…
มนุษย์กับสงครามถือว่าเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมานานหลายพันปี แม้เราจะได้รับบทเรียนมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง แต่ดูเหมือนมนุษย์จะไม่เคยเรียนรู้เลยว่า ทุกครั้งที่มีสงคราม แม้จะได้รับบางอย่างกลับมา แต่สิ่งที่สูญเสียไปก็ใหญ่หลวงไม่แพ้กัน และวันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ชม ภาพถ่ายจาก “สงคราม” จริงๆ ที่แสดงให้เห็นว่า เรื่องสงครามสนุกๆ คงมีแต่ในหนังเท่านั้น จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย *คำเตือน ภาพค่อนข้างรุนแรง ถ้าใครใจไม่แข็ง ขอให้ปิดตั้งแต่ตรงนี้นะฮะ ภาพทั้งหมดนี้มาจากสงครามเวียดนามในช่วงปี 1965 ในสงครามแต่ละครั้ง ก็อาจมีเหตุผลแตกต่างกันออกไป แต่สิ่งที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับสงครามก็คือความสูญเสีย ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้หญิง หรือผู้ชาย ก็ต่างได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน สงครามทำให้เรามองอีกฝ่ายเป็นศัตรู จนบางครั้งแทบไม่นับว่าเป็นคนด้วยซ้ำไป หากไม่ฆ่า ก็อาจถูกอีกฝ่ายฆ่าได้ แม้สุดท้ายเราอาจได้อะไรกลับมา แต่สิ่งที่สูญเสียไปก็มากมายเช่นกัน . . . .…
-
หน่วย SAS ของอังกฤษถูกกลุ่ม ISIS กว่า 50 คนซุ่มโจมตี รอดมาได้เพราะสุนัขสงครามช่วยเอาไว้!!
ในพื้นที่สงครามระหว่างกลุ่มผู้ก่อการร้าย ISIS และทหารยังคงไม่หมดไปเสียที โดยล่าสุดนี้มีรายงานมาว่าในระหว่างที่หน่วยทหาร SAS ของอังกฤษ ได้ฝึกยุทธวิธีทางการทหารเสร็จสิ้นแล้ว ระหว่างเดินทางกลับไปยังฐานที่มั่นกลับถูกกลุ่ม ISIS กว่า 50 คนซุ่มโจมตีอย่างหนักทางตอนเหนือของประเทศอิรัก โดยหนึ่งในรถของหน่วย SAS ถูกกับระเบิด ได้รับความเสียหายอย่างหนัก เกิดการปะทะอย่างไม่ทันตั้งตัว แถมยังถูกกระหน่ำยิงอย่างหนัก ทำให้ไม่สามารถรวมกลุ่มกันได้ จนกระทั่งหนึ่งในทหารสหรัฐฯ ที่มาด้วยนั้นได้ปล่อยสายจูงสุนัขสงครามพันธุ์เยอรมันเชเพิร์ดออกไปจัดการกับกลุ่มผู้ก่อการร้าย!! สุนัขตัวนั้นพุ่งเข้าหากลุ่มผู้โจมตีอย่างรวดเร็ว วิ่งหลบหลีกวิถีกระสุนจนเข้าถึงตัวหนึ่งในผู้โจมตี โดนกัดทั้งคอและใบหน้า และจัดการอีกหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บที่แขนและขา จนถึงกับหวาดกลัวเสียขวัญวิ่งหนีกระเจิงไปในที่สุด ทำให้หน่วย SAS สามารถเรียกการสนับสนุนทางอากาศได้ในที่สุด น้องหมาผู้กล้าหาญกลับมาหาหน่วยได้อย่างปลอดภัย และได้รับการเชิดชูเป็นฮีโร่ประจำหน่วย เพราะมันช่วยชีวิตทหารจากการถูกซุ่มโจมตีจาก ISIS นั่นเอง สุดยอดมากๆ ที่มา : express, inquisitr, dailymail, unilad
-
สลดใจ เหมียวชวนชมภาพบ้านเมืองในซีเรีย ก่อนและหลังการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย ISIS
นอกจากความสูญเสียประชาชนแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มก่อการร้าย ISIS ยังสร้างความเสียหายให้กับโบราณสถานต่างๆ ที่มีความเก่าแก่จนกลายเป็นสากปรักหักพัง บางคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่ามันเสียหายหรือเปลี่ยนไปแค่ไหน#เหมียวฟิ้นมีภาพมาให้ดูกัน ผลงานภาพถ่ายที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นผลงานของ Joseph Eid ช่างภาพจากสำนักข่าว AFP เขาได้เดินทางไปถ่ายภาพที่เมืองแพลไมรา ประเทศซีเรีย เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้ว ในช่วงที่สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ยังคงสวยงาม แต่หลังจากที่กองกำลัง ISIS ได้เริ่มโจมตีด้วยอาวุธต่างๆ ทำให้สภาพของเมืองแพลไมราในปัจจุบันแถบจะไม่เหลือเค้าเดิมอีกเลย และล่าสุดนาย Joseph ก็มีโอกาสได้เดินทางไปที่นั่นอีกครั้ง ลองมาดูภาพเปรียบเทียบกันว่าตอนนี้ยังเหลืออะไรให้พวกเราดูบ้าง? ภาพวิหารเบล ก่อนที่จะถูกทำลายโดย ISIS ในเดือนกันยายนปี 2015 ภาพเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนใกล้ๆ กับวิหาร ภาพของประตูแห่งชัยชนะ The Arc du Triomphe ก่อนและหลังถูกทำลาย ภาพวิหารบาล ชามินก่อนและหลังถูกทำลาย ซากประหักพังของวิหารเบล เศษซากรูปปั้นในพิพิธภัณฑ์แพลไมรา …
-
ภาพเปรียบเทียบความเสียหายของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซีเรีย หลังการต่อสู้กับ ISIS…
สงครามนอกจากจะทำลายล้างชีวิตของทั้งทหารและเหล่าผู้บริสุทธิ์แล้ว บางครั้งสถานที่สำคัญที่ไม่อาจประเมิณค่าได้ ก็อาจได้รับผลกระทบเช่นกัน อย่างเช่นเหล่าสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ในประเทศซีเรียนี้ ที่เพื่อนๆ เห็นแล้วต้องสะเทือนใจอย่างแน่นอน อย่างที่เราทราบกันดีว่า ประเทศซีเรียบางส่วนถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายในชื่อ ISIS เข้ายึดครอง รวมถึงเมือง Palmyra ที่เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มากมายนี้ก็เช่นกัน และล่าสุดทางมหารของซีเรียได้ยึดเมืองนี้กลับคือจากเหล่า ISIS ได้ด้วยความช่วยเหลือจากกองทัพอากาศรัสเซีย แต่ทันทีที่พวกเขาไปถึง พวกเขาก็ต้องสะเทือนใจไปกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเหล่าโบราณสถานเหล่านั้น เพราะมันช่างหนักหน่วงเหลือเกิน ซึ่งเห็นได้ชัดยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายของ Joseph Eid ตากล้องจากสำนักข่าว APF ที่ถ่ายเมื่อสองปีก่อน จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย อื้อหือ เสียหายหนักมากจริงๆ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล อย่างไรก็ตาม Mamoun Abdulkarim ผู้อำนวยการสถาบันโบราณคดีของซีเรียกล่าวว่า พวกเขาจะพยายามบูรณะโบราณสถานเหล่านี้ให้ได้มากที่ซึ่งพวกเขาได้เชิญนักโบราณคดีเก่งๆ จากทั่วโลกมาแล้ว และจะได้รับการสนับสนุนจากองค์การ UNESCO อีกด้วย ก็ได้แต่หวังว่า พวกเขาจะสามารถรักษาบูรณะโบราณสถานล้ำค่าเหล่านี้ให้ได้มากที่สุดนะฮะ สงครามไม่เคยมอบอะไรนอกจากความสูญเสียจริงๆ และก็ไม่รู้ว่า ต้องมีผู้คนและสถานที่สำคัญอีกเท่าไหร่ ที่ต้องสูญเสียไปกับสงครามครั้งนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ ก็ได้แต่หวังว่าสงครามจะจบในไม่ช้า และความสงบจะกลับมาสู่แผ่นดินโดยเร็วนะฮะ ที่มา Boredpanda
-
Gdańsk อดีตเมืองที่สวยที่สุดในโปแลนด์ ก่อนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับโดยสงคราม และบูรณะขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
Gdańsk เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของประเทศโปแลนด์ ในอดีตสมัยสงครามโลก เมืองแห่งนี้ได้รับผลกระทบเต็มๆ ทำให้ทั้งเมืองถูกทำลายลงไปอย่างย่อยยับกว่า 90% เลยทีเดียว ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนที่เยอรมนีบุกประเทศโปแลนด์ เมืองนี้ถูกทำลายลงในปี 1939 และตั้งแต่นั้นมาชาวเมืองก็ค่อยๆ บูรณะเมืองนี้ขึ้นเรื่อยๆ และนี่ก็คือ 17 ภาพเปรียบเทียบสถานที่เดียวกันตอนสงครามโลกครั้งที่สอง และตอนนี้ ต้องบอกว่าสุดยอดจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะกลับมาเป็นเมืองที่สวยงามได้เลยนะเนี่ย!!!? ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่สวยงามที่สุดในประเทศโปแลนด์ ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับโดยสงคราม ตอนนี้ถูกบูรณะขึ้นใหม่อีกครั้ง โดยการร่วมมือกันของชาวเมือง จากรุ่นสู่รุ่น หลายต่อหลายปี กว่าจะกลับมาสวยงามดังเดิม ไม่นึกเลยนะเนี่ยว่าจะเป็นสถานที่เดียวกัน ควันไฟแห่งสงคราม ภาพการก่อสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ จากเศษซากปรักหักพัง #จ่าสิบเหมียว ไม่อยากคิดเลยว่าจะต้องใช้เวลานานสักเท่าไหร่กว่าจะทำให้กลับมาสวยได้ดังเดิมแบบนี้ นี่แหละผลเสียของสงครามล่ะ… ที่มา:…
-
คุณตาวัย 93 โผเข้ากอดอดีตคนรัก หลังไม่ได้เจอหน้ากันมานานกว่า 70 ปี!!
ความรักเป็นสิ่งสวยงาม สำหรับบางคนแล้วเมื่อมันเกิดขึ้นมันจะคงอยู่ตลอดไปแม้เวลาจะล่วงเลยไปกี่สิบปีแล้วก็ตาม หากคุณสงสัยว่าความรักแบบนั้นมันมีจริงด้วยเหรอ? งั้นลองไปอ่านเรื่องราวของคุณตาคนนี้กัน เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เว็บไซต์ Huffingtonpost ได้เผยแพร่เรื่องราวความรักสุดประทับใจ ของอดีตทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 จากสหรัฐอย่าง Norwood Thomas วัย 93 ปี ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขาอายุได้ 21 ปี เขาได้รู้จักกับสาวสวยคนหนึ่งที่ชื่อ Joyce Morris วัย 17 ปี คุณตา Norwood พบกับคุณยาย Joyce ที่ประเทศออสเตรเลีย ในตอนนั้นเองคุณตาได้ตกหลุมรักเธอเข้าอย่างจัง แต่ก็อยู่ด้วยได้ไม่นานนักเพราะมีคำสั่งจากทางการบอกให้เขาเดินทางไปประจำการที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ แม้ว่าหลังจากที่สงครามเริ่มสงบลงแล้ว ตัวเขาเองก็ยังไม่ได้เจอกับคุณยาย Joyce เพราะทางการสั่งให้เขากลับบ้านที่สหรัฐโดยด่วน แต่ก็ยังมีการติดต่อกันผ่านจดหมายอยู่เรื่อยๆ จนคุณตาบอกให้เธอแต่งงานกับเขาและย้ายไปอยู่กับเขาที่อเมริกา แต่เหมือนโชคชะตาเล่นตลกทำให้เธอเข้าใจผิดคิดว่าเขาแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว คุณยายจึงเลิกติดต่อกับเขาในเวลาต่อมา จากนั้นทั้งคู่ก็มีความรักครั้งใหม่และแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง จนในปี 2001 ภรรยาของคุณตา Norwood ได้เสียชีวิต และคุณยาย Joyce ก็หย่ากับสามี เวลาผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 2015 คุณยาย Joyce ได้ขอให้ลูกชายของเธอหาชื่อของคุณตา Norwood…
-
เตรียมพบกับหนังใหม่ของโนแลน “Dunkirk” เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2
ถ้าพูดถึงผู้กำกับนามว่า คริสโตเฟอร์ โนแลน แล้ว หลายคนก็คงรู้จักเขาในนามผู้กำกับหนังไซไฟที่เล่าเรื่องได้น่าสนใจคนหนึ่ง ไม่ว่าหนังกี่เรื่องต่อกี่เรื่องที่เขาทำออกมา ล้วนได้รับความนิยมและเสียงชมอย่างมาก อีกทั้งยังชุบชีวิตฮีโร่แบทแมนขึ้นมาใหม่ ทำให้หลายคนสนใจหนังฮีโร่มากยิ่งขึ้น ทางเว็บไซต์ variety ได้รายงานว่าโนแลนกำลังมุ่งหน้าสู่ฝรั่งเศสในสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อเตรียมการสร้างหนังเรื่อง “Dunkirk” ซึ่งเป็นเรื่องราวการอิงประวัติศาสตร์จากเหตุการณ์อพยพที่ดันเคิร์ก แน่นอนว่ามันจะไม่ใช่แนวหนังที่โนแลนเคยทำมาก่อน ทำให้เป็นที่น่าจับตามองว่าจะทำออกมาในแนวไหน การอพยพดันเคิร์ก หรือชื่อที่รู้จักกันทั่วไปว่า ปาฏิหารย์แห่งดันเคิร์ก ชื่อรหัส ปฏิบัติการไดนาโม เป็นการอพยพทหารฝ่ายสัมพันธมิตรจากหาดและท่าเรือดังเคิร์ก ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคมถึงเช้ามืดวันที่ 4 มิถุนายน ค.ศ. 1940 เพราะหน่วยทหารอังกฤษ ฝรั่งเศสและเบลเยียมถูกกองทัพเยอรมันตัดขาดระหว่างยุทธการที่ดันเคิร์กในสงครามโลกครั้งที่สอง – ข้อมูลจากวิกิพีเดีย ส่วนเรื่องนักแสดงยังไม่แน่นอน แต่มีแว่วๆ มาว่าจะได้ Mark Rylance, Kenneth Branagh และ Tom Hardy มาร่วมแสดงด้วย ตัวเป้งๆ ทั้งนั้นเลยนะเนี่ย อีกหนึ่งอย่างที่ต้องพูดถึงก็คือการถ่ายภาพแบบ IMAX ที่โนแลนโปรดปราน ครั้งนี้แว่วๆ มาว่าจะมีการใช้กล้อง IMAX แบบ 65 ม.ม.…
-
9 สัตว์ที่ถูกใช้ในสงคราม ที่คุณอาจไม่เคยรู้กันมาก่อนว่าพวกมันมีบทบาทในสนามรบขนาดไหน!!?
มาถึงปัจจุบันนี้ ยุคไฮเทคยุคไอที ใครจะไปคิดล่ะว่าสัตว์ทั้ง 9 ชนิดนี้ เคยถูกใช้ในสงครามด้วยล่ะคุณเอ้ยยยยย ไม่บอกนี่เหมียวจินตนาการไม่ออกเลยจริงๆ ถ้าจะโด่งดังที่สุดในเรื่องสัตว์สงคราม ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันคงไม่พ้น ‘ม้า’ สัตว์สงครามที่เจงกิสข่านใช้ปราบมาแล้วทั่วทุกสารทิศจนสร้างอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยรู้จักมา ซึ่งวันนี้เหมียวจะพาไปรู้จักสัตว์ทั้ง 9 อื่นๆ อ้างอิงจากหนังสือ “Beasts of War: The Militarization of Animals“ ของ Jared Eglan แหละ ลองมาชมกัน!!! ช้างศึก คือเชยมาก ช้างศึกมันเป็นอะไรที่ โค-ตะ-ระ ธรรมดาสำหรับบ้านเรา แต่อย่าลืม ชาวต่างชาติเขาอะเมซิ่งกันนะจ๊ะ ในอดีตเหล่านายทัพชั้นยอดของตะวันตกทั้ง Pyrrhus of Epirus, Hannibal หรือ Alexander the Great ต่างเห็นความสำคัญของข้อนี้ และใช้มันในการถล่มแนวกองทัพข้าศึก เพราะช้างนั้นไม่กลัวแนวทหารเหมือนม้า ทำให้กองทัพที่ถูกฝึกมาไม่ดีหนีกระเจิดกระเจิงกันเลยทีเดียวเมื่อโดนช้างพุ่งเข้าใส่ ด้วยความเร็วราวๆ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แถมมากันหลายตัวเป็นแนวร้องแปร๋นๆ อีก ทำให้ทหารราบหนีกันหัวซุกหัวซุน หอกดาบก็ไม่ค่อยระคายผิวช้างเท่าไหร่นัก แม้แต่ปืนไฟก็ไม่ค่อยได้ผลเมื่อเจอกับเจ้าสัตว์ยักษ์ตัวนี้ แต่พอการเข้ามาของปืนใหญ่ ทำให้ช้างถูกลดความน่ากลัวลง…
-
สื่อนอกเผยซีเรียอาการหนัก ล่าสุดพบปรสิต “กินเนื้อคน” ไร้ศูนย์การแพทย์ ชาวเมืองเดือดร้อนหนัก
แม้ว่าในขณะนี้ซีเรียจะเผชิญอยู่กับสงครามกลางเมืองและการสูญเสียอย่างมากมาย แต่ดูเหมือนว่าเท่านั้นจะยังไม่พอ เพราะล่าสุดมีสื่อต่างประเทศรายงานว่าในขณะนี้ได้เกิดปรสิตกินเนื้อคนกำลังระบาดหนัก ทำให้ชาวเมืองได้รับความเดือดร้อนและกลายเป็นแผลตามร่างกาย คล้ายกับการโดนแมลงกัดกิน เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Dailymail รายงานว่าตอนนี้ปรสิต Leishmaniasis (ลีชมาเนียซิส) ซึ่งเป็นโปรโตซัวกินเนื้อชนิดหนึ่ง กำลังแพร่ระบาดในซีเรีย ซึ่งตลอดระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา มีผู้ได้รับผลกระทบไปแล้วกว่า 500 ราย องค์การอนามัยโลกได้กล่าวว่าขณะนี้งานบริการด้านสุขภาพของซีเรียได้ทรุดตังลงอย่างมาก เป็นผลพวงมาจากสงครามกลางเมืองที่ร้อนระอุอยู่ในขณะนี้ แต่พวกเขาก็ได้เตรียมอุปกรณ์การแพทย์เพื่อรับมือและป้องกันการระบาดของไวรัสชนิดนี้แล้ว ตามรายงานบอกว่าไวรัสชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ แต่เนื่องจากสงครามทำให้โรงพยาบาลและศูนย์ช่วยเหลือได้อพยพออกจากพื้นที่มานานกว่า 5 ปีแล้ว กระทรวงการต่างประเทศจองสหรัฐได้ออกมาทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์เกี่ยวกับเรื่องราวดังกล่าว เพื่อเตือนว่าสงครามในซีเรียนั้นกำลังสร้างปัญหาเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของคนในประเทศ ที่กำลังขาดแคลนการช่วยเหลือทางการแพทย์อยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้นมีรายงานอีกว่ามีผู้คนกว่า 2-5 หมื่นคนได้เสียชีวิตเพราะไวรัส Leishmaniasis มาแล้ว และส่วนใหญ่มักจะเกิดประเทศที่ด้อยพัฒนาด้วย เห็นแล้วน่ากลัวมาก เหมียวนี่นึกถึงหนังวันสิ้นโลกเลย ที่มา dailymail
-
เด็กหญิงรัสเซียวัย 5 ขวบ เสียชีวิตหลังโดนลูกหลงรัสเซียทิ้งระเบิดในซีเรีย
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องน่าเศร้าจริงๆ เกี่ยวกับกรณีของสงครามในซีเรียที่กำลังร้อนระอุ ล่าสุดมีการรายงานข่าวว่ารัสเซียได้สั่งให้กองทัพส่งเครื่องบินรบทิ้งระเบิดในซีเรีย แต่โชคร้ายที่การโจมตีครั้งนั้นทำให้เด็กหญิงชาวรัสเซียต้องเสียชีวิตไปด้วย ตามรายงานบอกว่าเด็กหญิงชาวรัสเซียมีชื่อว่า Raghat วัย 5 ขวบ เธอได้เดินทางไปซีเรียกับแม่ของเธอเป็นเวลา 6 วัน แต่ในระหว่างนั้นกลับเกิดเหตุการณ์การโจมตีอย่างรุนแรง ทำให้เธอโดนลูกหลงไปด้วย เธอจึงถูกอุ้มขึ้นมอเตอร์ไซค์เพื่อไปยังโรงพยาบาล แต่ในระหว่างนั้นเธอกลับหมดลมหายใจไปแล้ว ทางด้านคุณแม่ของเธอ Suheer ได้กล่าวว่าเธอวางแผนจะเดินทางไปซีเรียกับลูกของเธอเพียง 6 วันเท่านั้น ก่อนที่จะเจอเหตุการณ์ดังกล่าว “เราควรจะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ สามีของฉันคงจะไม่ได้เจอหน้าลูกอีกแล้ว” ทั้งนี้ครอบครัวของ Suheer เป็นเพียงครอบครัวเดียวที่ได้รับผลกระทบจากการทิ้งระเบิดในครั้งนี้ แอดเหมียวขอแสดงความเสียใจกับทุกๆ ชีวิตที่สูญเสียไปด้วยนะ ที่มา metro
-
สื่อนอกเผยภาพที่กำบังสุดท้ายของ Adolf Hitler ผู้นำนาซีก่อนเสียชีวิต
เชื่อว่าในโลกนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักผู้ชายที่ชื่อ Adolf Hitler เขาคือผู้ก่อตั้งทัพนาซี ที่เป็นเหมือนหัวใจสำคัญของสงครามโลกครั้งที่ 2 ล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการเผยแพร่ภาพที่กำบังสุดท้ายของ Hitler ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตมาให้พวกเราได้ชมกัน เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Metro ได้เปิดเผยภาพถ่ายของช่างภาพชาวปารีสอย่างนาย Marc Askat เขาได้เดินทางไปถ่ายภาพสถานที่กำบังและฐานทัพลับของ Hitler ในประเทศฝรั่งเศส อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังถูกใช้เป็นที่วางแผนเพื่อรุกรานเกาะอังกฤษอีกด้วย ทั้งนี้ไม่มีการเปิดเผยว่าสถานที่แห่งนี้อยู่ในเขตไหนกันแน่ เพราะปัจจุบันเหล่าทหารของฝรั่งเศสยังคงใช้สถานที่ดังกล่าวในการซ้อมอยู่นั่นเอง อนึ่ง Adolph Hitler ถือกำเนิดในประเทศออสเตรีย เมื่อวันที่ 20 เมษายน ค.ศ. 1889 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี ระหว่าง ค.ศ. 1933 ถึง 1945 และเสียชีวิตในวันที่…
-
จำได้ไหม? พ่อชาวซีเรียเร่ขายปากกาเลี้ยงลูก วันนี้กลายเป็นเจ้าของ 3 ธุรกิจไปแล้ว!!
หากใครยังจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เคยมีข่าวเกี่ยวกับคุณพ่อชาวซีเรีย ที่อุ้มลูกน้อยไปตามท้องถนนเพื่อขายปากกา จนกลายเป็นภาพที่น่าหดหู่และข่าวดังไปทั่วโลก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ชีวิตของคุณพ่อรายนี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้น จนปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของกิจการไปเรียบร้อยแล้ว นี่เป็นเรื่องราวของนาย Abdul Halim al-Attar ชาวปาเลสไตน์ที่อพยพมาจากประเทศซีเรียในช่วงที่เกิดสงคราม และมาทำอาชีพขายปากกาในเมืองเบรุต ประเทศเลบานอน หลังจากที่เรื่องของเขากลายเป็นข่าวดัง เขาก็นำภาพของเขาเองมาตั้งแคมเปญในเว็บไซต์ Crowndfunding เพื่อระดมทุนมาทำธุรกิจ และด้วยชื่อเสียงอันโด่งดัง ทำให้เขาสามารถระดมทุนได้อย่างรวดเร็ว จนทำให้เขาสามารถเปิดธุรกิจได้ 3 ธุรกิจ นั่นก็คือ ร้านเบเกอรี่ ร้านเคบับ และร้านอาหารเล็กๆ โดย 3 ธุรกิจนี้สามารถสร้างรายได้ให้เขามากถึง 191,000 ดอลลาร์ หรือประมาณ 6.8 ล้านบาททีเดียว!! นาย Abdul ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าธุรกิจทั้ง 3 ของเขากำลังไปได้ดี จนตอนนี้เขามีลูกจ้างแล้วกว่า 16 คน จากที่ตอนแรกชีวิตของเขาแทบไม่มีอะไร แต่ตอนนี้เขาดีขึ้นมาก มีบ้านให้ลูกและตัวเองได้อาศัย แถมยังส่งลูกสาวเรียนหนังสืออีกด้วย นาย Al-Attar ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า…
-
ชมคลิปประวัติศาสตร์ ช่วงเวลา 8 เดือนหลังจากถูกทิ้งระเบิด ชาวเมืองฮิโรชิม่าจะเป็นอย่างไร..
ถ้าบอกว่าภาพหนึ่งภาพสามารถเล่าเรื่องได้เป็นพันๆคำ วีดีโอคลิปนี้คงสามารถบอกเรื่องราวได้หลายล้านคำ ภาพที่คุณไม่เคยเห็นและไม่คิดว่าจะได้เห็น ล้วนมีอยู่ในวีดีโอคลิปนี้ อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี 1945 เมืองฮิโรชิม่าในประเทศญี่ปุ่น ถูกเครื่องบินของสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดปรมาณู จนเมืองทั้งเมืองราบเป็นหน้ากลองและมีผู้เสียชีวิตทันทีกว่า 150,000 คน แม้หลายคนจะเคยเห็นภาพหลังเหตุการณ์นั้นมาแล้ว แต่เชื่อได้ว่าน้อยคนนักจะทราบว่า มีการถ่ายวีดีโอเก็บไว้ด้วยเช่นกัน ดั่งวีดีโอคลิปที่เหมียวนำมาให้ชมวันนี้ เป็นวีดีโอที่ถ่ายโดยกองทหารอเมริกา ในช่วงเวลาราว 8 เดือนหลังจากมีการทิ้งระเบิด วิถีชีวิตของชาวเมืองฮิโรชิม่าจะเป็นอย่างไรกันบ้าง พวกเขาจะต้องเผชิญกับความสูญเสียและความยากลำบากขนาดไหน วีดีโอนี้ถ่ายทำเมื่อวันที่ 8 เมษายน ปี 1946 ภาพของเหล่าเด็กๆยืนหลบแดดอยู่ใต้ซากปรักหักพังกับนักบวชชาวคริสต์ นักบวชกำลังภาวนาอะไรบางอย่าง กล่องเก็บเถ้ากระดูกของผู้เสียชีวิต ผู้หญิงคนนี้กำลังหาอะไรบางอย่างในซากเมือง เด็กๆพวกนี้ก็เช่นกัน พวกเขาค้นหาสิ่งของที่ยังพอใช้งานได้ ไม่ว่าจะเป็นจานชามข้าวของเครื่องใช้ต่างๆเพื่อเอาขาย เพื่อนำเงินมาดำรงชีวิต ชายคนนี้กำลังลากเกวียนผ่านซากของเมืองที่โดนระเบิด ทหารกำลังเก็บกู้ซากปรักหักพัง ไปดูคลิปแบบเต็มๆกันเลยดีกว่า เห็นแบบนี้แล้วก็ได้แต่ภาวนาว่า ขออย่าให้โลกนี้มีสงครามอีกเลย…
-
สุดช็อค ชมภาพแลนด์มาร์คในซีเรีย สภาพก่อนและหลังสงคราม เปลี่ยนไปแค่ไหน?
อย่างที่ทราบกันดีว่าซีเรียนั้นเกิดสงครามมานานกว่า 3-4 ปี เกิดความสูญเสียมากมาย ทั้งประชาชน ทรัพย์สิน และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เว็บไซต์ของสำนักข่าว aljazeera ก็ได้เผยแพร่ภาพถ่ายแลนด์มาร์คสำคัญๆ ในประเทศซีเรีย ก่อนและหลังการเกิดสงคราม ว่ามีความเปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง 1. มหามัสยิดในดูมาร์ ที่ใหญ่ที่สุดในดาร์มัสกัต สร้างใน คศ. 1136 2. ดาบลันสตรีท ฉายาชองเอลิเซ่ชีเรีย 3. ตลาดโบราณอัลเลโป 4. โอมซิตี้เซนทรัลมอล ศูนย์กลางการค้าและเหล่าพบปะของหมู่วัยรุ่น 5. อัลมาฮัททา เมืองเดียรา ช็อปปิ้งสตรีท 6. ดาซามิร่า โรงแรมบูติดสี่ดาว สร้างในสมัยออตโตมัน สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ล่มสลายไปอย่างน่าเสียดาย ที่มา pantip , aljazeera
-
สุดสะเทือนใจ ชม 21 ภาพเด็กไร้ที่อยู่ ผลกระทบจากสงครามในซีเรีย
หลังจากเกิดเหตุสงครามในซีเรียมานานกว่า 5 ปี ทำให้ผู้คนนับล้านที่นั่นได้รับผลกระทบอย่างมากมาย มีผู้คนจำนวนมากต้องสูญเสียครอบครัว ทรัพย์สิน แม้แต่บ้านไว้คอยพักพิงก็อาจไม่เหลือ ทำให้ชาวเมืองที่เคยมีบ้านอยู่ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อน อาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ ผู้อพยพจำนวนมากพยายามจะหนีออกจากบริเวณที่เหล่าผู้ก่อการร้าน ISIS เข้ามารุกรานและทิ้งระเบิด จึงต้องมองหาที่ปลอดภัยอื่นๆ เพื่อให้พวกเขามีชีวิตรอดต่อไป ด้วยเหตุนี้เองช่างภาพนามว่า Magnus Wennman จึงเดินทางไปทั่วยุโรปและตะวันออกกลางเพื่อถ่ายภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้อพยพ ดูว่าพวกเขาและเด็กๆ มีความเป็นอยู่อย่างไรบ้าง? และสถานที่ที่พวกเขาเรียกกันว่า “บ้าน” นั้นมีลักษณะเป็นอย่างไร? 1. Shehd วัย 7 ขวบ 2. Ahmed วัย 6 ขวบ 3. Ralia วัย 7 ขวบ และ Rahaf วัย 13 ปี 4. Mohammed วัย 13 ปี 5. Maram วัย 8 ขวบ 6. Mahdi วัย 18 เดือน 7. Fatima…
-
ปธน. ฝรั่งเศสเดือด ประกาศสงครามเต็มรูปแบบกับ ISIS ชี้เป็นโรงเรียนบ่มเพาะผู้ก่อการร้าย!!!
หรือนี่จะเป็นอีกหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ การเริ่มของสงครามที่กินพื้นที่ในหลายๆ ส่วนของโลก เมื่อราวๆ เวลา 16.30 น. ของประเทศฝรั่งเศส ประธานาธิบดี Francois Hollande ของประเทศฝรั่งเศสได้ประกาศสงครามยังเป็นทางการแล้วกับกลุ่ม ISIS หลังจากเหตุการณ์ที่กองกำลังของ ISIS ได้ทำการก่อการร้ายในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยสังหารผู้คนไปกว่า 129 รายและบาดเจ็บอีกนับร้อยๆ จากทั้งการยิงกราดและระเบิด ทางฝรั่งเศสจะทำการจู่โจมฐานของกลุ่ม ISIS อย่างเข้มข้นขึ้น เพราะถือว่า ‘ซีเรีย’ คือโรงเรียนผลิตผู้ก่อการร้ายที่ใหญ่ที่สุดในโลกไปซะแล้ว ประธานาธิบดี Francois Hollande แห่งฝรั่งเศส Francois Hollande กล่าวว่า ‘ประเทศฝรั่งเศสไม่ได้ประกาศสงครามระหว่างประเทศหรือเชื้อชาติใด เพราะเหล่าผู้ก่อการร้ายไม่ได้ระบุสัญชาติ ประเทศฝรั่งเศสของเราเคยเอาชนะศัตรูฝ่ายตรงข้ามที่น่ากลัวมากกว่าเจ้าขี้ขลาดพวกนี้มานักต่อนักแล้ว’ ส่วนสถานการณ์ในประเทศ ฝรั่งเศสกำลังจะเสนอกฎหมายเพื่อขยายเวลาใช้ภาวะฉุกเฉินต่อไป 3 เดือน หลังจากประกาศใช้กฎหมายดังกล่าวไปเมื่อวันเกิดเหตุก่อการร้าย และจะมีการเพิ่มกำลังตำรวจอีก 5,000 นาย ภายในเวลา 2 ปี ภาพกองกำลังตอบโต้ของฝรั่งเศสที่ไปทิ้งระเบิดในประเทศซีเรีย ส่วนในด้านการทหาร ทางประเทศฝรั่งเศสได้มีนโยบายจะไม่ลดกำลังกองทัพไปจนถึงปี…
-
กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ประกาศสงครามกับกลุ่ม ISIS ปล่อยวิดีโอแถลง ‘เราจะตามล่าทุกหนทุกแห่ง’
หลังจากเหตุการณ์ก่อการร้ายที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทางรัฐบาลฝรั่งเศสเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะทำการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายอย่างสาสม และเมื่อไม่นานมานี้ทางกลุ่มแฮกเกอร์ชื่อดังกระฉ่อนโลก Anonymous ก็ได้ออกมาแสดงทีท่าเช่นเดียวกัน กลุ่มแฮกเกอร์ Anonymous ได้ทำการปล่อยคลิปวิดีโอผ่านสื่อออนไลน์ พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ประกาศทำสงครามกับกลุ่ม ISIS เป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยใจความดังต่อไปนี้ ‘พวกเอ็งจงรับรู้เอาไว้ว่า พวกเราจะตามล่าและจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดไปได้’ ‘พวกเราจะเริ่มปฏิบัติการครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเพื่อต่อกรกับพวกเอ็ง’ ‘การจู่โจมทางโลกไซเบอร์ครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น สงครามได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว จงเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี’ ‘ชาวฝรั่งเศสนั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเอ็งหลายเท่า และจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นจากความโหดร้ายที่ได้รับในครั้งนี้’ อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลุ่มแฮกเกอร์ออกมาต่อกรกับกลุ่มรัฐอิสลาม ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยออกมาข่มขู่หลังจากเหตุการณ์การโจมตี Charlie Hebdo เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คลิปแถลงการณ์จาก Anonymous (อัพเดทบรรยายภาษาอังกฤษ) ปฏิบัติการในครั้งนี้มีชื่อว่า #opISIS เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการประกาศศึก ภายในทวิตเตอร์ภายใต้ #opISIS ก็ได้มีการเปิดฉากอย่างรวดเร็ว มีการเปิดเผยรายชื่อบัญชีทวิตเตอร์ของกลุ่ม ISIS กว่า 1,000 รายชื่อ ตามมาด้วยคำขู่ที่จะกำจัดเว็บไซต์ชวนเชื่อของกลุ่ม ISIS ‘เมื่อเรากำจัดพวกเอ็งได้แล้ว…
-
ตาต่อตาฟันต่อฟัน!! ฝรั่งเศสเอาจริง ทิ้งบอมบ์ใส่ ISIS กว่า 20 ลูก ยืนยันจะตอบโต้ให้ถึงที่สุด
เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักข่าว CNN ได้รายงานว่าประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ของฝรั่งเศสมีคำสั่งให้มีการโจมตีทางอากาศใส่กลุ่มก่อการร้าย ISIS ในเมืองรักกา ประเทศซีเรีย หลังจากที่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาได้เกิดเหตุกราดยิงในกรุงปารีส ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหว่า 129 ศพ ตามรายงานบอกว่าการจู่โจมทางอากาศนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หลังจากที่กลุ่ม ISIS ได้ออกมาแสดงตัวว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ทำให้ประธานาธิบดีฟรองซัวส์ต้องประกาศสงครามแบบเต็มรูปแบบ และจะไม่มีการปรานีใดๆ ทั้งนั้น การจู่โจมทางอากาศของฝรั่งเศสครั้งนี้ได้ทำลายศูนย์ฝึกกลุ่มก่อการร้าย, คลังอาวุธ, ศูนย์รับสมัครผู้ก่อการร้าย และศูนย์บัญชาการของเครือข่าย IS ในซีเรีย แต่กลุ่มก่อการร้าย ISIS ก็ได้ออกมาบอกว่าสิ่งก่อสร้างทั้งหมดที่ฝรั่งเศสโจมตีไปนั้นเป็นเพียงตึกร้างที่ไม่มีใครอยู่แล้ว จึงไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ที่มา cnn , Raqqa_SL , pui_tuangporn
-
เลบานอนระอุ!! กลุ่ม ISIS อ้างเป็นกลุ่มที่ก่อการร้าย ระเบิดพลีชีพกลางเมืองอย่างอุกอาจ
ก่อนหน้าที่ประเทศฝรั่งเศสจะถูกโจมตีในรูปแบบการก่อการร้าย ซึ่งภายหลังกลุ่มรัฐอิสลามหรือกลุ่ม ISIS ก็ได้ประกาศออกมาว่าเป็นกลุ่มที่ลงมือ ซึ่งย้อนกลับไปประมาณ 2 วันก่อนหน้านั้น ช่วงวันศุกร์ที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น มีอีกหนึ่งประเทศที่ถูกโจมตีแบบนี้เช่นเดียวกัน ประเทศที่ไม่อาจมองข้ามจากการถูกโจมตีในรูปแบบก่อการร้ายได้เลยก็คือประเทศเลบานอน เหตุเกิดขึ้นที่เมืองเบรุต เมืองหลวงของประเทศเลบานอน มีการจู่โจมในรูปแบบระเบิดพลีชีพถึง 2 ครั้ง ตามรายงานมีผู้เสียชีวิต 44 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกประมาณ 239 ราย ส่งผลทำให้ย่านการค้า Burj al-Barajneh ได้รับความเสียหายอย่างหนัก ภายหลังการโจมตีอันโหดเหี้ยมนี้ กลุ่ม ISIS หรือรัฐอิสลาม ก็ได้ออกมาอ้างว่าเป็นฝีมือของกลุ่มตน ทั้งนี้เหตุจูงใจในการกระทำดังกล่าวนั้นยังไม่แน่ชัด แต่คาดกันว่าน่าจะเป็นการแก้แค้นเนื่องจากเลบานอนได้ส่งกองกำลังทหารเข้าร่วมต่อต้านกับฝ่ายพันธมิตรในช่วงสงครามกลางเมืองซีเรียที่ผ่านมานั่นเอง ที่มา : foxnews, bbc, yahoo
-
กลายเป็นของใช้ได้!? ศิลปินชาวลาวเปลี่ยนระเบิดด้านสมัยสงครามเวียดนามเป็นของใช้เก๋ๆ!!
แม้ว่าสงครามเวียดนามจะจบลงไปกว่า 40 ปีแล้ว แต่ชาวลาวบางคนก็ยังคงได้รับผลกระทบจากการรบครั้งนั้นอยู่ และหลังจากสงครามจบลง ทหารแต่ละนายก็ย้ายกลับไปยังประเทศของตัวเอง แต่กลับเหลือเศษซากระเบิดทิ้งไว้มากมาย ชาวลาวบางคนจึงเกิดไอเดียในการนำเอาอาวุธสงครามอย่างระเบิดที่ด้านแล้ว มาดัดแปลงให้กลายเป็นของใช้ที่มีประโยชน์มากกว่าแค่เป็นขยะอยู่ในหมู่บ้านพวกเขา ยกตัวอย่างเช่นเรือ, ถังน้ำ, กระถางต้นไม้ และอีกหลายอย่าง นี่คือภาพของเหล่าเด็กๆ ในประเทศลาวขณะยืนถ่ายภาพคู่กับระเบิด ระเบิดบางส่วนถูกนำมาใช้เป็นฐานรับน้ำหนักของบ้าน บ้างก็ถูกนำไปใช้เป็นกระถางต้นไม้ ดัดแปลงให้กลายเป็นถังน้ำ ใช้ทำเรือก็ได้ ใช้ห้อยคอวัว ตกแต่งสวนได้ด้วยเช่นกัน ที่มา acidcow
-
เผยภาพชีวิตอันยากลำบากของเด็กๆ ในประเทศซีเรีย กับสงครามที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ!!
สงครามเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เพราะสิ่งที่จะตามมามีแต่ความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สินนั้นไม่อาจประเมินค่าได้เลย ผู้บริสุทธิ์มากมายต่างต้องทนทุกข์อยู่กับความยากลำบาก อย่างกรณีของประเทศซีเรียที่เกิดสงครามกลางเมืองยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปีแล้ว ประชาชนในประเทศซีเรียกว่า 4 ล้านชีวิตกลายมาเป็นผู้ลี้ภัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต่างดิ้นรนเอาชีวิตรอดไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากค่ายผู้ลี้ภัยไม่อาจรองรับจำนวนผู้ลี้ภัยเป็นจำนวนมากได้ หนึ่งในจำนวนนั้นก็คือเด็กๆ ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่ภายในประเทศซีเรีย และบางส่วนที่เลือกเดินทางออกนอกประเทศไปกับผู้ลี้ภัยอื่นๆ ซึ่งจะต้องผจญภัยอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งทหารและเจ้าหน้าที่ชายแดน เพื่อหาที่ๆ ปลอดภัยกว่าแต่ไม่ใช่ในบ้านของตัวเอง ภาพบางภาพอาจมีความรุนแรงที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจได้ สงครามกลางเมืองนี้ไม่มีทีท่าว่าจะจบลงง่ายๆ ทำให้ประชาชนซีเรียจำนวนมากต้องพลัดถิ่น รวมไปถึงชีวิตที่ไร้เดียงสาอย่างเช่นเด็กๆ เหล่านี้ ที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากในแต่ละวัน ที่มา :…
-
คุณพ่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียต้องขายปากกาประทังชีวิต น้ำใจจากทั่วโลกจึงร่วมเปลี่ยนแปลงชีวิตให้เขา!!
นับตั้งแต่เกิดสงครามภายในประเทศซีเรียตั้งแต่ปีค.ศ. 2011 ทำให้ชาวซีเรียต้องอพยพหนีออกนอกประเทศ ทิ้งบ้านเกิดของตัวเพื่อหาที่ปลอดภัย แต่ทว่าการหลบอยู่ในค่ายลี้ภัยนี้มีผู้คนเป็นจำนวนมาก จึงไม่เพียงพอต่อการอยู่อาศัย นำไปสู่การลี้ภัยเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน หนึ่งในความโศกเศร้าที่ทั่วโลกได้รับรู้ก็คือผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเป็นจำนวนมากต้องพยายามหาทางเอาชีวิตรอดในแต่ละวันด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเป็นผู้ลี้ภัยจึงไม่สามารถทำอะไรได้มากนอกจากเสียว่าขายของเล็กๆ น้อยๆ ประทังชีวิตอย่างเช่นคุณพ่อผู้ลี้ภัยชาวซีเรียรายนี้ ที่ขายปากกาอยู่ริมถนนในประเทศเลบานอน ต้องมีใครซักคนช่วยเหลือเขาเป็นการด่วน และด้วยเหตุนี้เอง Gissur Simonarson นักเคลื่อนไหวจากประเทศนอร์เวย์ได้ถ่ายทอดเรื่องราวอันน่าเศร้านี้ให้ชาวโลกได้รับรู้และรวบรวมเงินบริจาคสบทบโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ 5,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 179,000 บาท) เวลาผ่านไปเพียง 3 วัน ยอดบริจาคจากทั่วโลกได้ทะลุไปถึง 142,038 ดอลลาร์แล้ว (ประมาณ 5,000,000 บาท) ทราบชื่อภายหลังก็คือนาย Abdul เขามีลูกสาววัย 4 ขวบ Reem ลูกชายวัย 9 ขวบ Abdelillah ยอดการบริจาคทั้งหมดที่ได้รับนั้นจะนำมาช่วยเหลือครอบครัวของเขา นำมาเป็นค่าเล่าเรียนให้กับลูกๆ และจะนำไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัยรายอื่นๆ ด้วย จากภาพที่สะเทือนใจผู้คนทั่วโลกนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของชีวิตเขาไปตลอดกาล ไม่น่าเชื่อเลยว่าน้ำใจจากทั่วโลกจะหลั่งไหลได้มากมายถึงขนาดนี้…
-
ความผูกพันระหว่าง ‘แมว’ กับ ‘ทหาร’ ในขณะที่กำลังออกปฏิบัติหน้าที่ ดูแลซึ่งกันและกัน!!
เหล่าทหารที่ออกปฏิบัติหน้าที่จะต้องพบเจอกับความรู้สึกหดหู่และความน่ากลัวของสงคราม ทำให้กำลังใจเริ่มถดถอยลงไปทุกที ก็มีเพียงแค่สัตว์ตัวเล็กๆ อย่างแมวที่พอจะช่วยพวกเขาได้ ไม่ว่าสงครามจะโหดร้ายซักแค่ไหน แมวเหมียวนี่แหละที่คอยเติมเต็มกำลังใจให้แก่ทหาร แสดงให้เห็นถึงความอ่อนโยนจากลูกผู้ชายชาติทหารได้อย่างชัดเจนเลยล่ะ ที่มา : thechive
-
15 ภาพสุดละมุน เมื่อเหล่า “ทหารสงคราม” มีเพื่อนรักเป็นแมวเหมียว!!
ถ้าพูดถึงทหารที่ไปรบในสงครามแล้ว เราคงนึกถึงความชายผู้เอาจริงเอาจังกับการรบ มีท่าทีเขร่งขรึม แต่อย่าลืมไปว่าทหารก็คือคนทั่วไปเหมือนกับเรา เขาก็ต้องมีโมเม้นต์ที่น่ารักๆ มุ้งมิ้ง ครุ้งคริ้ง งุ้งงิ้ง (พอแล้ว!!!) เหมือนอย่างคนอื่นเขาบ้าง แน่นอนว่ามีทหารมากมายหลายคนเมื่อออกไปรบก็ต้องพบกับช่วงเวลาที่เครียด จึงต้องหาเพื่อนคุย เพื่อนแก้เหงา และเจ้าเหมียวของเรานี่แหละก็กลายเป็นพระเอกที่คอยเยียวยาหัวใจของพวกเขาให้พบกับความอบอุ่น ถ้าคุณไม่เชื่อ ภาพเหล่านี้จะเป็นข้อพิสูจน์ให้เอง… 1. นอนกอดกันนี่มันช่างอบอุ่นหัวใจซะเหลือเกิน 2. กินอาหารซะนะเจ้าเหมียว จากนี้ไปนายจะปลอดภัยแล้วล่ะ 3. เราจะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกันนะเจ้าเหมียว อดทนเข้าไว้!! 4. มาทีเป็นแพ็คคู่ขนาดนี้ใครล่ะจะอดใจไหว รักซะเลย!! 5. ไม่ว่าใครก็ต้องตกหลุมพราง เมื่อต้องเจอกับพลังความน่ารักของเจ้าเหมียว 6. แหม่ มาทีเป็นแก๊ง อีกไม่นานคงถึงเวลาบ้านเละเทะแน่นอน!! 7. ชั้นจะดูแลเธอเองนะเจ้ามิ้วน้อย 8. รอยยิ้มพิมพ์ใจ 9. เป็นเจ้านายของทหารก็ต้องดุสิว้อยยยย แฮร่!! 10. ชั้นรักนายนะเจ้ามิ้วน้อย ^^ …
-
ลับลวงพราง!! ยลโฉม 18 ไอเท็มสุดไฮเท็คที่สายลับในช่วงสงครามเย็นใช้ลอบสังหาร-สืบข้อมูล
‘สงคราม’ เป็นสิ่งที่แสดงถึงความไม่ปกติของสถานการณ์บ้านเมืองได้อย่างชัดเจน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นสงครามแบบไหน ก็ย่อมมีการเคลื่อนไหวเพื่อสังหารหรือสืบข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามกันทั้งนั้น.. เช่นเดียวกับสงครามเย็น ที่ถึงแม้จะไม่มีการโจมตีกันอย่างชัดเจน แต่สายลับที่ปฏิบัติการในช่วงนี้อย่างหน่วย CIA ของสหรัฐอเมริกา สายลับ KGB แห่งสหภาพโซเวียต หรือองค์กรสายลับอื่นๆ ก็จำเป็นต้องมีหน้าที่ในการสืบข้อมูลลับไปจนถึงการสังหารคนทั้งนั้น และนี่ก็คืออุปกรณ์ของเขา.. ถุงมือแบบนี้ ลั่นเข้าขมับทีก็ลาโลกได้เลย!! ไปป์สูบยานี้มีปืนซ่อนอยู่นะจะบอกให้ นี่คือกลไกในร่มที่สามารถยิ่งลูกดอกอาบยาพิษได้ล่ะ ภายใต้รองเท้าข้างนี้ มีเครื่องส่งสัญญาณอยู่ด้วยนะ แคปซูลใส่เครื่องมือช่างของ CIA ตั้งแต่ยุค 60s มาดูปืนลิปสติกขนาดลำกล้อง 4.5 มม. จากหน่วย KGB กันบ้าง นาฬิกาติดกล้องแอบถ่ายของหน่วยสืบราชการลับแห่งเยอรมณี สังเกตขาแว่นดีๆ KGB ได้ซ่อนยาพิษเอาไว้!! ท่อนไม้ดักสัญญาณเรดาร์และระบบต่อต้านอากาศยาน จากฝั่ง KGB ปืนจิ๋วจูรุดแต่ยิงยาพิษไซยาไนต์ได้นะขอเตือน ปากกาซ่อนกล้องแอบถ่าย ของเบสิคที่ขาดไม่ได้ คัฟฟลิงค์ติดปลายแขนเสื้อเชิต ที่เมื่อช่วงกลางศตวรรษที่…
-
เขตแดนปลอดทหารระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ณ หมู่บ้านปันมุนจอม!!
ตำนานรอยร้าวภายในประเทศที่ต้องแยกกันเป็นสองฝั่งยังคงมีมาถึงจนปัจจุบันนี้ แม้ว่าจะพยายามเชื่อมแผลบาดลึกนี้แล้วก็ตาม สุดท้ายมันก็ยังคงเป็นรอยแผลที่ไม่อาจเชื่อมและสมานได้อยู่ดี นั่นก็คือกรณีของประเทศเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้นั่นเอง คราวนี้เรามากันที่ชายแดนระหว่างสองประเทศที่เคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน ซึ่งจุดๆ นี้เรียกว่า เขตปลอดทหาร หมู่บ้านปันมุนจอม Panmunjom on DMZ (Demilitarized Zone) ตั้งอยู่ระหว่างเมืองแคซอง ประเทศเกาหลีเหนือ และกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในปัจจุบันหมู่บ้านปันมุนจอมแห่งนี้คืออาณาเขตค่ายทหาร ชายแดนระหว่างสองประเทศ ประกอบไปด้วยห้องประชุมเพื่อเจรจายุติสงคราม ที่มีไว้เพื่อทำการเจรจาและลงนามยุติสงครามระหว่างสองฝ่าย และหอนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการลงนามเพื่อยุติสงครามไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าสงครามจะจบลง นับตั้งแต่การเกิดของสงครามเกาหลี เป็นการลงนามเพื่อแบ่งเขตแดนเท่านั้น ซึ่งทั้งสองประเทศยังคงประกาศภาวะสงครามต่อกันอยู่ และพร้อมที่จะปะทะกันได้ทุกเมื่อ สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะไปเยี่ยมชมหมู่บ้าน ชายแดนระหว่างเกาหลีแห่งนี้ จะต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามสวมใส่กางเกงยีนส์ รวมไปถึงการสวมใส่รองเท้าแตะ และสิ่งที่ห้ามอีกอย่างนั่นก็คือการถ่ายรูปภาพ เพราะจะต้องได้รับอนุญาตก่อน หนังสือลงนามเพื่อยุติสงครามระหว่างสองประเทศ อาคารจะแสดงนิทรรศการทางประวัติศาสตร์แห่งหมู่บ้านปันมุนจอม ที่มา :…
-
รวม 240 ปีแห่ง “ชุดยูนิฟอร์มทหาร” ของอเมริกามาอยู่ใน 2 นาที!!
ทุกึรก็คงจะรู้ว่าสงครามนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีอะไรดีเลย ทุกครั้งที่มีสงคราม ล้วนแต่ละสร้างความเสียหายให้กับบ้านเมือง อีกทั้งยังทำให้วิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไปอีกด้วย สงครามที่เรารู้จักกันเป็นส่วนมาก ล้วนแต่มาจากสื่อภาพยนตร์ โดยเฉพาะจากอเมริกาที่ทำหนังสงครามออกมามากมายจนทำให้เป็นที่รู้จักกัน วันนี้เหมียวเลยมีคลิปดีๆคลิปหนึ่ง เป็นการรวบรวมเอาชุดทหารจากอเมริกา ย้อนหลังไป 240 ปีกันเลยทีเดียว ตั้งแต่ยุคสงครามปฏิวัติ สงครามกลางเมือง สงครามโลก จนมาถึงยุคปัจจุบัน เราไปดูคลิปกันเลยดีกว่า ที่มา IJReview