Tag: สงครามโลก
-
ภารกิจสุดท้าย ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2 เดินส่งตัวหลานสาวในงานแต่งก่อนสิ้นใจ
ทหารผ่านศึกผู้เคยเป็นฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่สอง ปฏิบัติภารกิจสุดท้ายของชีวิต คือการ ‘เดินส่งตัวหลานสาว’ ในงานแต่งงาน ก่อนที่จะสิ้นใจในอีก 2 วันถัดไป คุณตา Bronislaw Karwowski วัย 94 ปี ทหารผ่านศึกที่เคยรบในสงครามโลกครั้งที่สอง คุณตาเป็นส่วนหนึ่งในหน่วยต่อต้านพรรคนาซีในโปแลนด์ เขาถูกจับกุมโดยทหารนาซี และดำเนินการหลบหนีออกจากศูนย์บัญชาการ Gestapo ในเมือง Lomza ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศโปแลนด์ ช่วยชีวิตผู้คนได้มากกว่าร้อยคน แต่ภายหลังก็ถูกจับตัวอีกครั้งหนึ่ง คุณตาถูกตัดสินจำคุกในข้อหาต่อต้านระบอบเผด็จการ ก่อนที่จะถูกปล่อยตัวมาหลังจากที่สงครามจบลงแล้ว ด้วยความกล้าหาญและวีรกรรมของเขาที่ไม่ยอมแพ้ต่อระบอบเผด็จการ ทางการของโปแลนด์ได้มอบยศ Knight’s Cross of the Order of the Rebirth of Poland ให้กับคุณตา และเหรียญรางวัลอีกมากมาย ในวัย 94 ปี คุณตา Karwowski ได้ทำภารกิจสุดท้ายของชีวิต คือการพาหลานสาวของตัวเองไปส่งให้ถึงมือเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน งานแต่งงานนี้จัดขึ้นที่เมือง Bialystok ที่ตั้งอยู่ชายแดนติดกับประเทศเบลารุส ระหว่างหลานสาว Joanna…
-
รู้จักกับ Ghost Army กองกำลังผีไร้ตัวตน ใช้กลยุทธ์ลวงนาซี ไม่ต้องพึ่งไสยศาสตร์…
ท่ามกลางความสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2 การบุกตามตำแหน่งในพื้นที่ต่างๆ ของฝ่ายพันธมิตร จะเจาะเข้าดินแดนศัตรูที่ต้องเน้นจำนวนกำลังพลเข้าสู้ ยิ่งทำให้สูญกำลังและพลังใจในการรบยิ่งกว่าเดิม ในปี 1944 ฝ่ายพันธมิตร ได้จัดตั้งกองกำลัง Ghost Army กองพลทหารไร้ตัวตน ที่มีเพียงแค่รถถังลมและอากาศยานบรรทุกปลอมๆ ใช้ลวงฝ่ายนาซีเยอรมันในภารกิจลาดตระเวน การที่สามารถยกกองกำลังเข้าบุกนอร์มังดีช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้สำเร็จนั้น จะขาดกองกำลังที่ไม่มีตัวตนนี้ไปไม่ได้ เพราะ Ghost Army ช่วยหลอกล่อฝ่ายเยอรมันให้ย้ายแนวป้องกันไปยังทิศอื่น ปฏิบัติการโอเวอร์ลอร์ด คือการบุกเข้ายึดนอร์มังดี และต้องใช้กองทหารมากถึง 1 ล้านนายจากทั้งหมด 5 ประเทศพันธมิตร ปฏิบัติการระดับใหญ่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และทางฝ่ายพันธมิตรต่างรู้ดีว่าจะสำเร็จได้ต้องใช้ทั้ง กึ๋น ความกล้าหาญ และการหลอกล่อ… ทางด้าน อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ได้คาดการณ์ถึงการบุกตามแนวชายฝั่งและทางอากาศจากฝั่งประเทศอังกฤษ เลยมอบหน้าที่ให้นายพล แอร์วิน รอมเมิล ทำการตั้งรับไปสร้างป้อมปืน บังเกอร์ แนวอุปสรรคป้องกันรถถัง รวมถึงท่อนไม้โยงสายกว่าล้านท่อนป้องกันพลร่มที่จะเคลื่อนพลสู่ภาคพื้นดิน โชคดี…
-
อีกมุมของประวัติศาสตร์ ชีวิตของ ‘คนผิวสี’ ในเยอรมนี กับยุคที่ ‘นาซี’ เรืองอำนาจ
ในยุคที่นาซีเรืองอำนาจ ‘ชาวยิว’ ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันมั้ยล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ‘คนผิวสี’ ในประเทศเยอรมันบ้าง? เหล่านาซีจะทำอย่างไรกับพวกเขาในฐานะที่เป็นพลเมืองชั้นสอง ที่มักจะถูกกดขี่อยู่เสมอสำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว มีข้อมูลมาให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน จะเป็นอย่างไรไปรับชมพร้อมๆ กันได้เลยจ้า… ในช่วงยุค 1930 ประเทศเยอรมนีมีประชากรคนผิวสีไม่มากนัก เพียงแค่หลักไม่กี่พันคนเท่านั้นเอง หรือหากจะเทียบเป็นจำนวนเปอร์เซนต์แล้วล่ะก็พวกเขามีเพียงแค่ 1 เปอร์เซนต์จากประชากรทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นลูกหลานของทหารฝรั่งเศส-แอฟริกันที่ประจำอยู่บริเวณริมแม่น้ำไรน์ ทางตะวันตกของประเทศเยอรมนี เด็กผิวสีเหล่านี้มักจะถูกกดขี่โดยนาซี พวกเขาตั้งชื่อให้กลุ่มคนผิวสีเหล่านี้ว่า ‘Rhineland Bastards’ หรือ ‘ไอ้งั่งที่อาศัยอยู่ริมแม่น้ำไรน์’ กลุ่มคนผิวสีทั้งหลายเหล่านี้จะถูกบังคับให้ทำหมันตั้งแต่อายุยังน้อย รวมไปถึงตั้งกฎหมายขึ้นมาเพื่อแบ่งแยกชนชั้นอย่างชัดเจน โดยที่คนผิวสีจะอยู่ในระดับเดียวกับชาวยิวและชาวโรมาเนีย และเมื่อประกาศใช้กฎหมายดังกล่าว คนผิวสีถูกกีดกันจากการจ้างงาน การเป็นเจ้าของที่ดิน และการศึกษา เรียกได้ว่าการใช้ชีวิตในประเทศเยอรมนีของพวกเขานั้นคือการตกนรกทั้งเป็นก็ไม่ปาน แม้ว่าจะมีบางส่วนที่ดิ้นรนจนได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียน แต่ก็จะถูกกลั่นแกล้ง บางส่วนก็ถูกจับไปไว้ในค่ายกักกันเพียงเพราะสีผิวของพวกเขา บ้างก็ถูกจับเข้าคุกเพราะมีผิวสีดำ เป็นต้น เช่นเดียวกันกับชีวิตของนาย Hans Massaquoi ที่เป็นชาวผิวสี เขาเกิดในปี 1926 ที่เมืองฮัมบูร์ก มีพ่อเป็นชาวไลบีเรียและแม่เป็นชาวเยอรมันผิวขาว เขาต้องการที่จะเข้าร่วมกับฮิตเลอร์เช่นเดียวกันกับเด็กเยอรมันคนอื่นๆ…
-
ความจริงที่บิดเบือน…เผยความโหดร้ายช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 อ้างถึงหญิงเกาหลีทาสกาม
*เนื้อหาต่อไปนี้มีความรุนแรง อาจส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่านผู้อ่าน* เป็นที่รู้กันดีว่าในช่วงภัยสงครามโลกนั้น ต่างฝ่ายต่างได้รับความสูญเสียอย่างมหาศาล ทั้งในเรื่องของเสถียรภาพของประเทศ การคลัง รวมไปถึงกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้… ทางเว็บไซต์ Dailymail ได้เผยคลิปวิดีโอชิ้นหนึ่งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2018 โดยกล่าวว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างที่ทหารจากฝ่ายประเทศญี่ปุ่น ได้ทำการจับผู้หญิงชาวเกาหลีจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปเป็น ‘นางบำเรอ’ ผู้หญิงชาวเกาหลีเหล่านี้ถูกทหารฝ่ายญี่ปุ่นจับตัวเพื่อนำไปเป็นทาสกาม หรือเรียกในอีกแง่หนึ่งคือนางบำเรอแก่ทหารชาวญี่ปุ่น โดยสื่อเกาหลีรายงานว่าคลิปวิดีโอดังกล่าวนั้น ถูกบันทึกไว้ในวันที่ 15 กันยายน 1944 ณ หมู่บ้าน Tengchong มณฑลยูนนาน ประเทศจีน รายละเอียดของเหยื่อที่เห็นภายในคลิปวิดีโอนั้น ถูกเหล่านายทหารญี่ปุ่นทำการข่มขืนก่อนจะถูกฆ่า และให้ทหารจีนนำร่างมาเผาภายในหลุมที่ขุดเอาไว้… คลิปวิดีโออันน่าหดหู่นี้ได้รับการเปิดเผยมาจากหน่วยงาน Seoul Metropolitan Government และองค์กร Seoul National University Human Rights ประเทศเกาหลีใต้ โดยอ้างว่าได้รับการกู้คืนมาจากหน่วยงาน National Archives and Records…
-
เหตุเพราะแผ่นดินยุบ หนุ่มเลยรู้ว่าบ้านของตัวเองมี ‘ห้องใต้ดินลับ’ จากช่วง WWII ซ่อนอยู่
เหตุการณ์ไม่คาดฝันคือเหตุการณ์ที่เราไม่ได้คิดถึงมาก่อนว่ามันจะเกิดขึ้น ถ้ามันเกิดขึ้นมาแผนการที่เราวางเอาไว้ อาจจะต้องถูกเลื่อนหรือถูกยกเลิกทั้งหมด เหมือนอย่างผู้ชายคนนี้ Simon Marks ชาวอังกฤษผู้ซึ่งต้องยกเลิกการพักผ่อนและแผนการทั้งหมดที่วางเอาไว้ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ เพราะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อลานจอดรถของเขาได้ยุบตัวขณะที่เขาได้กำลังเลื่อนรถของเขาออก แต่เมื่อเขาได้ลงมือซ่อมมัน เขาก็ได้เจอกับห้องลับที่ซ่อนอยู่ใต้บ้านมาแสนนาน โฉมหน้าของชายสุดซวย Simon Marks เขาโอดครวญว่าการที่ลานจอดรถมันยุบตัวลง มันทำลายวันหยุดของเขาลงหมดเลย จากที่มีแผนว่าจะออกไปข้างนอกตอนบ่าย เขากลับต้องมานั่งเอารถ Vauxhall Zafira ออกจากลานจอดรถให้ได้เสียก่อน และพอนำรถออกมาได้แล้ว เขาก็พบว่าความเสียหายหมดเยอะเหลือเกิน เขาเจอกับหลุมคอนกรีตอยู่ภายใต้บ้านของเขา เขาตัดสินใจส่งรูปของความเสียหายที่เกิดจากล้อรถไปให้พ่อของเขา Gerald ได้ดู และพ่อก็ตอบกลับมาว่า “พ่อกลัวว่าสักวันบ้านทั้งหลังมันจะหายไปด้วย” และเมื่อมามองดูใกล้กับความเสียหายแล้ว เขาก็ตระหนักได้ว่ามันอาจจะมีอะไรที่มากกว่าหลุมธรรมดาหรือการวางโครงสร้างที่ไม่ดี เขาเริ่มที่จะรื้อแผ่นคอนกรีตที่แตกออกทั้งหมด และตอนนั้นเองเขาก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่เขาได้เห็น มันคือทางลงไปสู่ความมืดมิดกับบันไดเก่าๆ เขาคิดว่าข้างล่างมันต้องเต็มไปด้วยอุปสรรคและอาจจะมีขุมทรัพย์อยู่ และเขากับพ่อก็เริ่มที่จะขุดดินขึ้นมา พวกเขาไม่มีได้มีเครื่องมือที่ครบครันทันสมัยหรือเครื่องจักรที่คอยให้ความช่วยเหลือในการขุดค้นครั้งนี้ สิ่งที่พวกเขามีก็เพียงแค่พลั่วและถังขุดดินเท่านั้น กับในหลุมที่เต็มไปด้วยดิน ทั้งคู่ขุดและขุดไปเรื่อยๆ กองดินที่ขุดขึ้นมาก็เริ่มใหญ่ขึ้นๆ น่าแปลกที่การสำรวจพื้นที่ใต้ดินครั้งไม่มีวี่แววที่จะเจออะไรเลย มันเป็นเพียงแค่พื้นที่ว่างก่อนที่บ้านจะถูกสร้างขึ้นเท่านั้น ไม่นาน Simon และ Gerald ก็ได้ขุดกองดินไปแล้วกว่า 150 เซนติเมตร มากพอที่จะทำให้พวกเขาลงไปคุกเข่าในนั้นได้…
-
พบกับ 7 การทดลองอันสยดสยองที่เคยเกิดขึ้นบนโลกในอดีต ช่างน่าหดหู่ใจซะจริงๆ
(บทความนี้อาจมีภาพที่มีเนื้อหารุนแรง โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม) ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโลกของเราในอดีตนั้น เคยมีความโหดร้ายเกิดขึ้นอย่างมากมายเพียงใด และยิ่งในช่วงที่เกิดสงครามขึ้นแล้ว การบาดเจ็บล้มตายรวมถึงการจับเชลยมาใช้แรงงาน ถือได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่เราสามารถเห็นได้ในทุกวันในสมัยนั้นเลยก็ว่าได้ แต่ว่าก็มีอีกสิ่งหนึ่งที่อาจดูรุนแรงและวิปริตในเวลาเดียวกัน นั่นก็คือการทดลองต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสมัยสงคราม วิธีการทดลองนี้ส่วนมากก็จะใช้เหล่าเชลยศึกเป็นเหยื่อในการทดลอง ซึ่งมันก็ได้สร้างความทรมานใจให้แก่ผู้พบเห็นอย่างเราๆ เป็นอย่างมาก และนี่คือ 7 การทดลองสยองโลก ที่ว่ากันว่ามีความอำมหิตที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งมันจะน่ากลัวขนาดไหน รวมทั้งมีวิธีการอย่างไรบ้าง เชิญชมพร้อมๆ กันได้ ณ บัดนี้ 1. การทดลองเย็บเด็กให้กลายเป็นแฝดตัวติดกัน นี่เป็นหนึ่งในการทดลองของระบบนาซี ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อ Dr. Josef Mengele เกิดสนใจในการทำฝาแฝดขึ้นมา เขาจึงได้ทำการทดลองโดยใช้เด็กกว่า 1,500 คู่ในการทดลองครั้งนี้ และเมื่อถึงค่ายกักกันก็ปรากฏว่ามีเด็กที่สามารถรอดชีวิตเพียง 200 คู่เท่านั้น วิธีการทดลอง ในการทำแฝดสยามนั้น ทีมการทดลองนี้จะนำเด็กสองคน นำมาควักอวัยวะภายในบางอย่างออก จากนั้นก็จะเย็บให้ตัวติดกัน โดยเด็กๆ ส่วนมากจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อ การทดลองนี้จึงสามารถบอกได้ถึงความโหดร้ายของนาซีได้เป็นอย่างดี 2. การทดลองเปลี่ยนสีตา การทดลองเรื่องนี้ก็เป็นของนาซีอีกเช่นเดียวกัน โดยการเปลี่ยนสีตาที่ว่านี้ มักจะใช้ผู้ทดลองเป็นชาวยิวเป็นส่วนใหญ่ เพราะว่าพวกเขาเป็นเชลยศึกที่ถูกจับมานั่นเอง…
-
ภาพแปลกๆ สมัยสงครามโลก ที่นำมาลงสีใหม่แสดงให้เห็นถึงความพยายามของทหารในสมัยนั้น
ตามประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้บนโลกนี้กล่าวเอาไว้ว่า โลกของเราเคยมีสงครามใหญ่ๆ เกิดขึ้นระหว่างประเทศหรือเรียกว่า ‘สงครามโลก’ เกิดขึ้นมาแล้วถึง 2 ครั้งซึ่งก็ได้สร้างความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก และนี่คือภาพสมัยสงครามโลกทั้ง 2 ครั้งที่หาดูได้ยาก โดยแต่ละภาพจะแสดงให้เห็นถึงวิธีการต่างๆ ในสมัยสงครามตั้งแต่การเริ่มหัดพรางตัวโดยพรางเป็นม้าลาย หรือแม้กระทั่งการนำปืนกลไปตั้งไว้บนหลังช้าง รวมถึงยังมีภาพแปลกๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างที่มีสงคราม ซึ่งถือได้ว่าพวกเขาเหล่านี้เป็นต้นแบบของวิทยาการสงครามในสมัยใหม่เลยก็ว่าได้ โดยแต่เดิมนั้นภาพเหล่านี้เป็นเพียงแค่ภาพขาวดำ แต่เมื่อเร็วๆ มานี้ได้รับการนำมาลงสีใหม่โดยเด็กหนุ่มชาวสเปนวัย 17 ปีืชื่อว่า Joel Bellviure ภาพที่เขาได้เนรมิตขึ้นมาใหม่นี้ทำให้เราได้เห็นถึงรายละเอียดต่างๆ ได้มากขึ้นรวมถึงยังสามารถสื่ออารมณ์ในสมัยสงครามโลกได้ดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะมีอะไรแปลกๆ บ้างนั้น เรามาดูพร้อมกันเลยดีกว่า ภาพของทหารคนหนึ่ง ขณะทดสอบชุดพรางตัวสีขาวดำที่มีชื่อเรียกว่า ‘razzle dazzle’ ที่จะให้ทหารใช้สำหรับพรางตัวขณะปีนต้นไม้ ซึ่งภาพนี้ถูกถ่ายขึ้นในวันที่ 14 พฤศจิกายน 1917 ภาพของนาวิกโยธินสหรัฐฯ ขณะกำลังนั่งอยู่บนหลังช้างพร้อมกับปืนกล Colt M1895 ซึ่งภาพแปลกๆ นี้สันนิษฐานว่าน่าจะเกิดขึ้นในปี 1914-1918 ภาพของทหารอเมริกันขณะสวมชุดเกราะ ‘Brewster Body Shield’ ซึ่งมีทั้งส่วนที่ปกคลุมส่วนตัวและส่วนหัว ซึ่งนี่เป็นชุดเกาะของประเทศสหรัฐอเมริกาชิ้นแรกที่พัฒนาขึ้น ให้กองกำลังสหรัฐใช้ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ร้อยโท…
-
หนุ่มบังเอิญเจอกล่องแพทย์สนามของปู่ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พี่แกเลยเอามาแชร์ให้เราได้ดูกัน!!
ในปัจจุบันนั้นอุปกรณ์การแพทย์ล้ำหนาไปไกลมากๆ และที่สำคัญมันไม่ได้ล้ำแค่เฉพาะที่โรงพยาบาล แต่กล่องแพทย์สนามก็ล้วนบรรจุไว้ด้วยอุปกรณ์ดีๆ ทั้งนั้น แต่เราเคยคิดไหมว่าสมัยช่วงสงครามโลกอุปกรณ์พวกนี้มันจะเป็นยังไง? ชาวเน็ตจากเว็บไซต์ Imgur นามว่า John ก็เลยมาไขปริศนาดังกล่าวให้เราได้หายสงสัยกัน โดยเขาเล่าว่าวันหนึ่งเขาขึ้นไปเก็บห้องใต้หลังคาบนบ้านของเขา ซึ่งเขาก็ได้บังเอิญเจอเข้ากับกล่องพยาบาลที่มีลักษณ์เป็นกล่องไม้และมีตัวหนังสือที่เดาว่าน่าจะเป็นภาษาญี่ปุ่นติดอยู่ เขาเลยคาดว่านี่น่าจะเป็นกล่องแพทย์สนามที่ปู่เขานำติดตัวมาตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลก เพราะปู่ของเขาเป็นนายทหารที่รอดชีวิตกลับมาจากสงครามแปซิฟิกนั่นเอง ภาพของห้องใต้หลังคาของ John และนี่ก็คือกล่องแพทย์สนามที่ว่า ซึ่งมันก็ดูเก่าจริงๆ นั่นแหละ นอกจากนี้เขายังคาดว่ามันเป็นกล่องของฝ่ายญี่ปุ่นที่ปู่เขานำติดมือมาด้วย นอกจากนี้ John ยังบอกอีกว่ากล่องดังกล่าวมีวันที่ผลิตยาระบุไว้ว่า มีนาคม 1932 ซึ่งจริงๆ ปีดังกล่าวมันเป็นปีก่อนที่อเมริกาจะเข้าไปมีส่วนร่วมกับสงครามด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับญี่ปุ่นที่ยังไม่ได้มีบทบาทในสงครามโลกครั้งที่สองจนกว่าจะปี 1940 และอเมริกาก็เพิ่งจะเข้าร่วมจากผลที่ญี่ปุ่นไปถล่มเพิร์ล ฮาร์เบอร์เมื่อปี 1941 ฉะนั้นเท่ากับว่ากล่องแพทย์สนามดังกล่าวมีอายุมาตั้งแต่ต้นยุคสมัยโชวะแล้ว นี่มันเก่าแก่กว่าสงครามโลกอีกนะเนี่ย!! มาดูภายในกล่องกันบ้าง ซึ่งข้างในยังอยู่ครบถ้วนไม่มีอะไรพังหรือสูญหาย ภายในมีการเก็บยาทุกอย่างไว้อย่างเป็นระเบียบ แน่นอนว่า John ไม่ได้ทดสอบอะไรมันเพราะมันเป็นยาที่เก่ามากแล้ว บางทีมันอาจจะเป็นพิษก็ได้ ก่อนจะหยิบอะไรออกมานั้น John จะต้องใส่ถุงมือซะก่อน เพราะทุกอย่างล้วนเป็นของเก่าอาจจะมีพิษหรือทำให้ผิวหนังเขาเป็นอันตรายก็ได้ …
-
ภาพถ่ายสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาเติมสีสัน สร้างความรู้สึกสะเทือนใจยิ่งกว่าเดิม…
สงรามโลกครั้งที่ 2 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่มีความสูญเสียมากที่สุดครั้งหนึ่งในโลก การสู้รบของฝ่ายสัมพันธมิตรและฝ่ายอักษะที่กินเวลานานกว่า 6 ปี ที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ เปรียบเสมือนบทเรียนราคาแพงที่คอยเตือนพวกเราเกี่ยวกับหายนะจากความรุนแรงเหล่านั้น และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการเผยแพร่ภาพในช่วงของสงครามดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 หรือภาพเครื่องบิน B-25s ที่กำลังบินปฏิบัติภารกิจเหนือภูเขาไฟวิสุเวียสในประเทศอิตาลี การประทุของภูเขาไฟวิสุเวียส ประเทศอิตาลี เมื่อปี 1944 ระหว่างที่เครื่องบินของผ่ายสัมพัธมิตรกำลังปฏิบัติภารกิจ ภาพของเครื่องบินทิ้งระเบิด B-17 ที่บินอยู่เหนือเมือง Marienburg ประเทศเยอรมนีในปี 1943 นอกจากภาพของเครื่องบินรบแล้ว ยังมีภาพทางประวัติศาสตร์อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นภาพของเหล่าทหารจากหน่วย SS-Grenadiers ที่ในสนามรบที่ฮังการีเมื่อปี 1945 ภาพฟุตเทจการยกพลขึ้นบกที่ฝรั่งเศสในวันดีเดย์ รวมถึงภาพวันสุดท้ายของจักรพรรดินิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซียที่ถูกประหารเมื่ปี 1916 อีกด้วย ซึ่งภาพถ่ายและฟุตเทจประวัติศาสตร์เหล่านี้ถูกนำมาบูรณะและเติมสีสันใหม่โดยช่างภาพชาวออสเตรียวัย 53 ปี คุณ Mario Unger ภาพบางส่วนจากฟุตเทจที่เผยให้เห็นการยกพลขึ้นบกที่นอร์ม็องดี ประเทศฝรั่งเศส ของฝ่ายสัมพันธมิตร เครื่องบินทิ้งระเบิด Bristol Beaufighter จากกองพันธ์ที่ 227 ที่กำลังโจมตีเรือรบของฝ่ายเยอรมันในทะเล Aegean ใกล้กับเกาะคอส ประเทศกรีซ เมื่อเดือนตุลาคมปี 1943 ภายในภาพฟุตเทจยังได้เผยให้เห็นการกวาดต้อนทหารเยอรมันกว่า 16,000-18,000 นาย ไปที่ชายหาดหลังจากที่ฝ่ายสัมพันธมิตรได้เข้ายึดพื้นที่ใกล้ๆ กับเมือง Cherbourg ประเทศฝรั่งเศสได่สำเร็จ…
-
เบื้องหลังความกล้าหาญของสายลับหญิงแห่งฝรั่งเศส และเรื่องราวการปฏิบัติภารกิจของเธอ
เรื่องราวของทหารหญิงจากกองทัพอังกฤษที่ก้าวเข้าสู่กองทัพตั้งแต่อายุเพียงแค่ 22 ปี เธอเคยผ่านการเผชิญหน้าจากการจับกุมของทหารฝ่ายนาซี และนอกจากนี้เธอยังเคยสังหารฝ่ายศัตรูไปมากกว่า 40 คนอีกด้วย พบกับเรื่องราวประวัติศาสตร์ของ Violette Szabo สายลับหญิงจากกองทัพของฝ่ายสัมพันธมิตร และเจ้าของเรื่องราวที่ถูกนำไปทำภาพยนตร์อมตะอย่างเรื่อง Carve Her Name With Pride เหรียญตรา George Cross นั้นถือเป็นเหรียญตราอันทรงเกียรติของเหล่าทหารกล้าผู้ผ่านสมรภูมิรบที่จะได้รับพระราชทานจากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร และ Violette Szabo เองก็เป็นหนึ่งในทหารหญิงที่ได้รับเหรียญตรานี้ หลังจากที่เธอผ่านสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนหน้าที่จะมาเข้ารับราชการในกองทัพ Violette ถือเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่มีความงามไม่น้อยเลยทีเดียว และเธอเองก็เคยทำงานในแผนกจำหน่ายน้ำหอมของห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอนมาก่อน Tania Szabo ลูกสาวของเธอ และเหรียญตราที่คุณแม่ของสาวน้อยเคยได้รับมา แม่ของ Violette เป็นสาวชาวฝรั่งเศสที่พบรักกับหนุ่มอังกฤษ ในระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ระหว่างที่พ่อของเธอได้ขับรถพยาบาลเพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในแนวหน้า สายลับสาวลืมตาดูโลกเมื่อปี 1921 ก่อนที่เธอจะย้ายมาอาศัยอยู่ที่อังกฤษเมื่ออายุได้ 12 ปี เธอเป็นลูกสาวคนที่ 2 จากพี่น้องทั้งหมด 6 คน Violette เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวที่ชื่นชอบกิจกรรมเหมือนผู้ชาย ถึงแม้ว่าจะมีดวงตากลมโตและน่ารักเหมือนเด็ก สาวทั่วๆ ไป แต่ไม่มีท่อระบายน้ำหรือกำแพงไหนที่สาวน้อยไม่เคยปีนป่ายมาก่อน การก้าวเข้าสู่กองทัพของเธอเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่…
-
กองกำลังที่ถูกลืม หน่วยรบสำคัญผู้เป็นเบื้องหลังกองทัพสหรัฐฯ ที่เป็นชาวเอเชียอเมริกัน…
หลายคนอาจไม่เคยทราบมาก่อนว่า… หนึ่งในกองกำลังทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามหลังเหตุการณ์ที่ Pearl Harbour มีกองกำลังที่ชื่อว่า ‘Nisei’ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นผู้อาศัยในสหรัฐฯ แทบทั้งสิ้น!! ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นรุ่นลูกของชาวญี่ปุ่นที่ก่อนหน้านี้ได้ย้ายมาอาศัยอยู่ก่อนแล้ว และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับเรื่องราวของ ‘Nisei’ หน่วยรบสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังชัยชนะของกองทัพสหรัฐฯ ในยุคนั้น… ภาพของกองกำลัง 442nd Regimental Combat Team เมื่อปี 1944 ถ้าจะให้สาวเรื่องราวการก่อตั้งหน่วยกองกำลังพิเศษนี้ขึ้นมา คงต้องย้อนกลับไปในช่วงปี 1941 หลังกองทัพญี่ปุ่นบินมาถล่ม Pearl Harbour แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือกระแสสังคมชาวอเมริกัน ที่หันมาเกลียดชังคนญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในสหรัฐฯ แต่กระนั้นทางรัฐบาลก็ได้ยื่นข้อเสนอโดยให้ผู้ชายชาวญี่ปุ่นทั้งหมดเลือกว่า จะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลัง หรือจะถูกจัดให้เป็น ‘ศัตรู!!’ แต่ก็ใช่ว่าทางการจะส่งตัวเหล่าชายฉกรรจ์สัญชาติญี่ปุ่นไปเป็นทหารทันที เพราะในช่วงแรกพวกเขาถูกส่งตัวมายังค่ายกักกันบนเกาะฮาวาย… ลองนึกภาพดูว่า จู่ๆ ก็มีชายหนุ่มหลายพันคนย้ายมาอาศัยบนเกาะที่มีพื้นที่จำกัด แน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาก็คือการขับเคลื่อนภาคเศรษฐกิจระดับท้องถิ่น พวกเขามีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจและแรงงานต่างๆ บนเกาะฮาวายกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง วันที่ 15 กรกฎาคม 1942 ทางการได้ออกคำสั่งให้ชายฉกรรจ์ชาวญี่ปุ่นที่ย้ายมาอยู่ในค่ายกักกันทั้งหมด ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยรบ 100th Infantry Battalion …
-
ยัง..ยังไม่เลิก!! “ลุงทรัมป์” โทษรัฐบาลก่อนไร้น้ำยาจัดการเกาหลีเหนือ เหลือแค่ “ทางเดียว” เท่านั้น!!
สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศมหาอำนาจที่นำโดย ทวิตเตอร์แมน และ ร็อคเกตแมน นั้นดูท่าจะไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เมื่อสองผู้นำได้เล่นเกมประสาทพร้อมส่งอาวุธที่เป็นเรื่องถนัดของตัวเองสู้กันไปมาอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดทวิตเตอร์แมน หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ได้ออกมาทวีตข้อความตามสไตล์พี่แกเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 ว่า “บรรดาประธานาธิบดีและรัฐบาลในชุดก่อน ๆ ได้เจรจากับเกาหลีเหนือมาเป็นเวลานานกว่า 25 ปี มีการทำข้อตกลงเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันมีราคาที่ต้องจ่ายเป็นจำนวนมหาศาล แต่ข้อตกลงเหล่านั้นกลับถูกฉีกทิ้งก่อนหมึกที่เขียนลงไปจะแห้งเสียอีก ซึ่งนั่นทำให้อเมริกาถูกมองว่าเป็นแค่ไอ้หน้าโง่ ฉะนั้นก็ต้องเสียใจด้วยนะ แต่มีวิธีเดียวเท่านั้นแหละที่มันจะได้ผล… “ . นอกจากนี้ ยังมีบทสัมภาษณ์ที่ทาง CNN ลงคำพูดของเขาเอาไว้ว่า “มันน่าจะจัดการเรื่องนี้ไปได้เมื่อ 10 ปีก่อนแล้ว มันน่าจะเรียบร้อยไปตั้งแต่ตอนที่โอบาม่ายังดำรงตำแหน่ง ตอนที่เขาเป็นรัฐบาลและมีอำนาจจัดการ ความจริงก็คือ ผมต้องมาจัดการดูแลกับเรื่องยุ่งเหยิงที่เกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องที่นั่น (เกาหลีเหนือ) แต่มันยังมีเรื่องยุ่งเหยิงในตะวันออกกลางอีก รวมๆ กันแล้วมันยุ่งชิบเป๋งเลยครับ!!” จากข้อความที่ทวิตเตอร์แมนได้ทวีตออกมานั้น ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับน้ำที่นิ่งกลายเป็นน้ำที่รุนแรงได้ด้วยคำเพียงแค่คำเดียวว่า “วิธีเดียว” ซึ่งแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้พูดตรงๆ ว่าไอ้วิธีเดียวที่ว่ามันคืออะไร แต่การบอกว่ารัฐบาลก่อนๆ แก้ปัญหานี้ไม่ได้สักที พร้อมเปรยคำนี้ออกมา…
-
ภาพถ่ายที่หาชมได้ยาก ของเหล่าทหารใน “ชุดเกราะเหล็ก” ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1
การทำสงครามนอกจากจะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในการวงแผนการรบและความสามารถของทหารแล้ว หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่อาจจะช่วยให้คว้าชัยชนะในสงครามได้นั้นก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ในการรบ และวันนี้เราก็จะขอพาทุกคนย้อนไปชมหนึ่งในยุทโธปกรณ์ทางทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่หาชมได้ยาก และเป็นหนึ่งในต้นแบบของชุดเกราะในสมัยนี้ นั้นก็คือชุดเกราะเหล็กของเหล่าทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 นั่นเอง เจ้าชุดเกราะเหล็กนี้ถูกออกแบบมาสำหรับทหารแนวหน้าได้สวมใส่ เพื่อป้องกันลูกกระสุนและอาวุธของฝ่ายตรงข้าม และแต่ละกองทหารนั้นก็จะมีรูปแบบของชุดเกราะที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นชุดของหน่วยจู่โจมของเยอรมันนายนี้ ที่ประกอบไปด้วยชุดเกราะและระเบิดมืออีก 2 ลูก โดยชุดเกราะนี้สามารถช่วยป้องกันกระสุนปืนกล กระสุนจากปืนไรเฟิล และอาวุธอื่นๆ ได้อีกด้วย ชุดเกราะของนายทหารที่ทำมาจากแผ่นเหล็ก มันช่วยป้องกันช่วงหน้าอกและท้องของเขาในปี 1914 ชุดเกราะหนักของทหารอเมริกันที่ใช้ในสมรภูมิฝรั่งเศสในปี 1917 นายทหารอเมริกัน ที่กำลังลองสวมชุดเกราะของทหารฝ่ายเยอรมันในปี 1918 หมวกเหล็กต้นแบบที่ถูกคิดค้นโดยบริษัท E J Codd จากรัฐแมริแลนด์ แผงโซ่ที่ห้อยลงมานั้นจะคอยป้องกันตาของทหารจากเศษหิน ปลอกระสุน และชิ้นส่วนอื่นๆ ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นายทหารติดอาวุธนายหนึ่งพร้อมกับปืนไรเฟิล กำลังทักทายกับนายทหารในชุดเกราะแบบเต็มยศที่ใช้ขวานเป็นอาวุธ ภาพถ่ายเดือนตุลาคมปี 1917 นักรบชาวจอร์เจียของชนเผ่า Khevsur ในชุดเกราะแบบดั้งเดิมของพวกเขา ภาพถ่ายเดือนพฤษภาคมปี 1918 นายทหารชาวไอริชสามคน ในชุดเกราะของทหารเยอรมันที่กำลังตรวจสอบปืนกล ในสนามรบ Pilckem…
-
12 บ้านที่สร้างมาเพื่อ “วันสิ้นโลก” ให้คุณเลือกจับจองเป็นเจ้าของ เงินเหลือก็ซื้อกันได้เลย!!
ช่วงนี้สถานการณ์โลกเรียกว่าร้อนระอุมากๆ ทั้งผู้นำทวิตเตอร์แมนที่ออกมาป่าวประกาศว่าถ้าผู้นำมนุษย์จรวดซ่ามาก รับรองจบไม่สวยแน่ จนคนก็หวั่นๆ ว่านี่มันจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือเปล่านะ แน่นอนว่ามันเป็นปัญหาที่พวกผู้นำเขาต้องจัดการ ส่วนคนแบบเราสิ่งที่ทำได้ในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการสร้างบ้านไว้หลบภัยจริงไหม แต่หลายคนก็คงไม่รู้ว่าจะเอาแบบบ้านหลบภัยจากไหนให้ดูปลอดภัยและน่าอยู่ในเวลาเดียวกันดี ฉะนั้นวันนี้เราจะมาดูบ้านที่สร้างเพื่อกันวันสิ้นโลกมาให้ดูกัน แน่นอนว่าหลบภัยสงครามด้วยนะ จะเป็นยังไงไปดู… The Oppidum สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ในประเทศเช็กเกีย โดยเป็นอาคารสุดหรูที่มีชั้นใต้ดินหลายชั้นมากๆ เหมาะแก่การหลบภัยสุดๆ นอกจากนั้นยังมีห้องเก็บเสบียงที่ใหญ่มากขนาดที่เคลมว่าอยู่หลบแต่ในบ้านนี้ได้เป็นสิบปีเลยล่ะ . Vivos Xpoint สถานหลบภัยที่ตั้งอยู่ในรัฐเซาท์ดาโคตา โดยสถานที่หลบภัยแห่งนี้สามารถจะจุคนได้มากถึง 5,000 คนเลยทีเดียวล่ะ ภายในก็จะมีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมายทั้งน้ำสะอาดและอาหาร ซึ่งเราสามารถอยู่ในนี้ได้เป็นปีหรือนานกว่านั้นก็ได้ . Survival Condo ใน Kansas ภายนอกอาจจะเป็นว่าเพียงแค่หลุมหลบภัย แต่สถานที่แห่งนี้นั้นเป็นคอนโดใต้ดินที่มีหลายชั้นมากๆ ภายในก็มีที่หลบภัยและสถานที่อำนวยความสะดวกเพียบ มีกระทั่งสระว่ายน้ำด้วยนะ . The Genesis บ้านนี้ยังเป็นเพียงแค่แบบเท่านั้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นจริงรับรองว่าจะต้องเป็นบ้านในอนาคตที่ใช้อยู่อาศัยและหลบภัยชั้นดีแน่นอน โดยตัวบ้านส่วนใหญ่จะอยู่ใต้ดินพ่วงด้วยระบบกู้ภัยและอำนวยความสะดวกอีกมากมาย . Underground bunker house ใน Las Vegas…
-
เปิดแฟ้มภาพเชลยศึกช่วงสงครามโลกที่ 2 จากค่ายกักกันญี่ปุ่น ที่ผ่ายผอมจนหนังติดกระดูก
เราคงเคยเห็นภาพประวัติศาสตร์ในช่วงสงครามโลกที่สอง ที่เผยให้ถึงความความเสียหาย ความหดหู่ และการสูญเสียอีกนับไม่ถ้วน เช่นเดียวกับภาพที่น่าตกใจเหล่านี้ เป็นภาพของเชลยศึกชาวอังกฤษที่ผอมจนหนังติดกระดูก หลังถูกจับและกักกันในค่ายเชลยศึกของฝ่ายญี่ปุ่น ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากการล่มสลายของญี่ปุ่นในปี 1945 ทหารอังกฤษนับร้อยคนถูกพบอยู่ในสภาวะหิวโหย ร่างกายผอมแห้ง และถูกทำร้ายโดยกลุ่มที่จับตัวพวกเขาไป ช่างภาพได้ถ่ายภาพของเชลยศึกเหล่านี้เอาไว้ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในคดีอาชญากรรมสงครามในอนาคต ซึ่งแต่ละคนนั้นดูอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด นอกจากต้องเผชิญกับความหิวโหย และถูกบังคับใช้แรงงานจนร่างกายผอมแห้งแล้ว พวกเขายังถูกทำร้ายร่างกายด้วยวิธีต่างๆ นานา ซึ่งโหดร้ายเกินจะรับได้ เชลยคนหนึ่งถูกจับขังบนเก้าอี้ทรมานที่ค่ายญี่ปุ่น ในค่ายญี่ปุ่น มีผู้คุมที่โหดเหี้ยมสองคนคือร้อยโท Kishio Usuki และชาวเกาหลีที่มีชื่อว่า Mad Mongrel สำหรับ Usuki นั้น คอยคุมและเฆี่ยนตีเชลยศึกที่ทำงานที่ทางรถไฟสายมรณะ ในบริเวณของประเทศพม่า นอกจากนี้เขายังได้ตัดหัวของหนึ่งในเชลยศึกชาวอังกฤษต่อหน้าคนอื่นๆ เนื่องจากพยายามหลบหนี อย่างไรก็ตามผู้คุมทั้งสองคนนี้ถูกตัดสินประหารชีวิตในภายหลัง ร้อยโท Usuki ผู้คุมอันโหดเหี้ยม ที่รู้จักกันในชื่อ Black Prince ส่วนนี่คือผู้คุมชาวเกาหลี มีฉายาว่า Mad Mongrel นอกจากสองคนนี้แล้วก็ยังมีสิบเอก…
-
รู้จักกับความหมายของคำว่า “Roger That” มันคืออะไรกันนะทำไมถึงได้ยินบ๊อยบ่อย!!
โดยปรกติแล้วแฟนๆ หนังสงครามหรือหนังที่เกี่ยวกับตำรวจ อาจจะคุ้นเคยกันกับประโยคที่พวกเขามักจะพูดกันบ่อยๆ เวลาวิทยุสื่อสารกัน อย่างคำว่า “Roger That” และหลายๆ คนก็อาจจะงงกันใช่ไหมล่ะว่าคำนี้มันความหมายว่าอย่างไร ซึ่งวันนี้เพื่อเป็นการคลายความสงสัยของเพื่อนๆ เราจึงได้ไปค้นหาข้อมูลที่มาของคำคำนี้มาฝากกัน… หลังจากที่มีการคิดค้นเครื่องบินเครื่องแรกของโลกขึ้นโดยสองพี่น้องตระกูลไรท์เมื่อปี 1903 จากนั้นการเดินทางในอากาศของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องในฝันอีกต่อไป และสิ่งที่ตามมาพร้อมกับการบินนั่นก็คือการสื่อสารกันระหว่างนักบินและศูนย์ควบคุมภาคพื้น ในยุคแรกๆ ที่เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ยังไม่ทันสมัยนั้น การสื่อสารระหว่างการบินนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการที่จะแทนคำพูดยาวๆ ให้ได้ใจความที่สำคัญนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่จะต้องสร้างรหัสต่างๆ เพื่อมาสื่อสารกัน ในช่วงแรกๆ ของการติดต่อสื่อสารนั้นจะมีการใช้รหัสมอสในการรับส่งข้อความ และตัว R จะแทนคำว่า Received หรือได้รับข้อความแล้ว และโดยก่อนหน้านี้การออกเสียงแทนตัวอักษรในการวิทยุสื่อสาร หรือ phonetic alphabet จะมีการใช้คำว่า Romeo แทนตัว R แต่หลังจากนั้นในปี 1927 องค์กรวิทยุแห่งสหประชาชาติได้ใช้คำว่า Roger แทนตัวที่ตัว R และจากนั้นคำว่า Roger และจากนั้นเป็นต้นมาคำว่า Roger จึงหมายความว่าได้รับข้อความแล้วนั่นเอง จากนั้นในช่วงสงครามโลกคำว่า Roger จึงกลายเป็นคำที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการสื่อสารวิทยุการบินและไม่ใช่แค่ทหารที่พูดภาษาอังกฤษเท่านั้นแต่ยังเป็นทหารในหลายๆ เชื้อชาติอีกด้วย …
-
ผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ ค้นพบเรือสหรัฐฯ ที่เคยจมหายไปใต้มหาสมุทร เมื่อ 72 ปีก่อน..!!
นับว่ากำลังเป็นข่าวดังไปทั่วโลก หลังจากที่ Paul Allen หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งไมโครซอฟท์ และทีมของเขา ได้ค้นพบเรือ USS Indianapolis ที่เคยจมหายไปตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมา ทีมของ Paul Allen ได้ประกาศค้นพบเรือที่เคยใช้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการที่ฮิโรชิม่า ณ มหาสมุทรแปซิฟิคเหนือ ในระดับความลึก 5,500 เมตร USS Indianapolis ข้อความจากทวีตเตอร์ของ Paul Allen หลังจากที่ทีมของเขาค้นพบซากเรือดังกล่าว “ในฐานะอเมริกันชน ผมอยากจะให้เกียรติเหล่าทหารกล้าที่ได้ร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนั้น ทว่าพวกเขาไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอครอบครัว เพราะนั่นคือสิ่งที่พวกเขายอมเสียสละให้แก่เราทุกคน ผมเชื่อว่าใครที่มีญาติที่เคยปฏิบัติภารกิจอยู่บนเรือลำนี้ จะต้องรู้สึกผูกพันกับการค้นพบครั้งนี้แน่นอน” Paul Allen ให้สัมภาษณ์ สภาพส่วนหนึ่งของเรือ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 1945 ในช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 USS Indianapolis เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการทิ้งขีปนาวุธที่ฮิโรชิม่า และนางาซากิ ทว่าระหว่างการปฏิบัติภารกิจ เรือลำนี้กลับถูกโจมตีโดยกองทัพญี่ปุ่น…
-
ทีมสำรวจพบร่างของนายทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากสูญหายนาน 72 ปี
ในช่วงสงครามการสูญหายของทหารกล้าในสนามรบนั้นเป็นเรื่องที่สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวที่รอคอยการกลับมาของพวกเขาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับมีเรื่องน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นกันครอบครัวหนึ่ง เมื่อพวกเขามีโอกาสได้พบกับร่างของชายผู้เป็นที่รักหลังจากที่ผ่านไปนานถึง 72 ปี ครอบครัวของร้อยโท William J Gray Jr. ได้มีโอกาสพบร่างของเขาอีกครั้งหลังจากที่เกิดเหตุการณ์เครื่องบินตกที่เยอรมนี ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทีมสำรวจพบโครงกระดูกของร้อยโท Gray ติดอยู่กับรากของต้นไม้ในเมือง Lindau ใกล้ๆ กับชายแดนประเทศ Lichtenstein การรอคอยอย่างยาวนานสิ้นสุดลง ครอบครัวได้นำร่างของเขากลับไปประกอบพิธีศพที่ Seattle รัฐ Washington อย่างสมเกียรติ ทีมค้นหาได้ทำหน้าที่อย่างหนักในการหาร่างของร้อยโทท่านดังกล่าว พวกเขาเริ่มหาเบาะแสจากจุดที่เครื่องบินตก และค้นหาเศษซากเครื่องบิน จนกระทั่งใช้เวลาในการค้นหานานถึง 15 วันจึงพบโครงกระดูกของนายทหารท่านนี้ ผลการตรวจ DNA ของโครงกระดูกกับน้องสาวของเขา ช่วยยืนยันว่าร่างที่พบคือร้อยโท Gray ตัวจริง เมื่อร่างของเขาเดินทางกลับมาถึงดินแดนบ้านเกิด นายทหารท่านนี้ก็ได้พักผ่อนอย่างสบายใกล้ๆ กับหลุมศพของเพื่อนสนิทเขาร้อยโท Jim Louvier ลูกสาวของร้อยโท Gray คุณ Jan Bradshaw บอกว่า “ทั้งสองออกไปรบด้วยกัน ฉันหวังว่าพ่อจะอยู่ตรงนี้ด้วย และเขาน่าจะดีใจที่ได้กลับบ้าน” ส่วนทางด้านคุณ Doug Louvier หลานชายของร้อยโทท่านนี้กล่าวว่า “ทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ผมคิดว่าพวกเขาคงจะดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง” ที่มา ladbible
-
ศาสตราจารย์ซื้อแป้นเก่าในราคาถูก โดยคนขายไม่รู้ว่าเป็น ‘เครื่องอินิกมา’ ที่ขายได้ 2 ล้านบาท!!
กลายเป็นข่าวดังกึกก้องไปทั่วโลก เมื่อมีชาวโรมาเนียคนหนึ่งนำแป้นพิมพ์สภาพเก่าราวกับหลุดมาจากสมัยสงครามโลก มาประกาศขายในตลาดสินค้ามือสองด้วยราคาเพียงแค่ 100 ยูโรเท่านั้น (4,000 บาท) ทว่าเจ้าตัวกลับไม่รู้เลยว่าแป้นพิมพ์ดังกล่าวเป็น ‘เครื่องแปลงรหัสอินิกมา’ ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับส่งรหัสปฏิบัติการณ์ลับที่ตกถอดมาจากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 แถมยังขายได้ราคาสูงถึง 45,000 ยูโร (ราวเกือบ 2 ล้านบาท) สภาพหน้าตาของเครื่องอินิกมาที่ตกทอดมาจากกองทัพเยอรมัน ถึงแม้จะไม่มีการเปิดเผยว่าใครเป็นคนซื้อ แต่หลังจากที่แป้นพิมพ์นี้ถูกขายต่อด้วยราคาเพียง 100 ยูโร เจ้าของคนใหม่ก็ได้นำเครื่องนี้ไปขายต่อในตลาด Bucharest Artmark โดยเปิดประมูลไว้ที่ราคา 9,000 ยูโร ก่อนจะมีเศรษฐีนิรนามปิดประมูลที่ราคา 45,000 ยูโร “เป็นเรื่องราวที่ฮือฮาในตลาดประมูลสินค้ามากครับ มีศาสตราจารย์ด้านการถอดรหัสคนหนึ่ง เขาไปเจอกับเครื่องถอดรหัสอินิกม่าและซื้อมันมาในราคาถูกแสนถูก ก่อนจะเปิดประมูลและปิดราคาได้อย่างสวยงาม” Cristian Gavrila ผู้จัดการ Artmark ให้สัมภาษณ์ เดิมทีเครื่องอินิกม่าถูกพัฒนาขึ้นครั้งแรกในเยอรมัน เมื่อปี 1920 เพื่อใช้สำหรับการส่งรหัสปฏิบัติการทางสงครามต่างๆ โดยไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ ทว่าต่อมาประเทศอังกฤษและฝ่ายสัมพันธมิตรได้พยายามถอดรหัสเครื่องอินิกม่าให้ได้ จนกระทั่งมีนักคณิตศาสตร์ที่ชื่อว่า Alan Turing สามารถไขรหัสของกองทัพเยอรมันได้สำเร็จ และสามารถเอาชนะสงครามได้ในที่สุด…
-
‘Paddy’ Mayne จากนักกีฬารักบี้ทีมชาติ ชีวิตเมาหัวราน้ำสุดกู่ สู่ฮีโร่ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับ Blair ‘Paddy’ Mayne อดีตนักกีฬารักบี้ทีมชาติอังกฤษ ที่ผันตัวมาเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 จนกลายเป็นฮีโร่ผู้รับหน้าที่ทำภารกิจที่เสี่ยงอันตรายมาแล้วมากมาย Paddy เป็นชายที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีร่างกายที่แข็งแรง ตัวสูง หน้าตาหล่อเหลา เล่นกีฬาเก่ง ทั้งกอล์ฟ คริกเกต และการยิงปืนไรเฟิล นอกจากนี้ก็ยังมีความเฉลียวฉลาดแบบสุดๆ เพราะเขาจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านกฎหมายและเตรียมตัวที่จะเป็นทนายความแล้ว แต่เนื่องจากว่าสกิลในการเล่นรักบี้ของพี่แกนั้นช่างโดดเด่นซะเหลือเกินจนได้เข้าไปเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษเมื่อปี 1938 แต่ข้อเสียของพี่ Paddy นั้นมีเพียงข้อเดียวคือเป็นคนที่ติดเหล้าอย่างหนัก แถมเวลาเมาแล้วก็ชอบระรานคนอื่นไปทั่ว มีครั้งหนึ่งที่นาย Harry McKibbin เพื่อนร่วมทีมเล่าว่าหลังจากจบการแข่งขันที่แอฟริกาใต้ พี่แกก็ออกไปเที่ยวจนดึกดื่นพอกลับมาที่โรงแรมก็พังห้องซะเละเลย นอกจากนี้ก็ยังไปต่อยตีกับเพื่อนร่วมทีมอยู่หลายครั้งหลังจากที่ดื่มจนหนัก จนมาถึงปี 1939 Paddy ก็ได้ถูกเชิญชวนให้ไปเข้ากองทัพกับหน่วยปืนใหญ่ Royal Artillery ก่อนที่ความสามารถในการยิงปืนและการรบของเขา จะไปเตะตาท่านนายพัน David Stirling ผู้ก่อตั้งหน่วย SAS (Special Air Service) SAS เป็นหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงของประเทศอังกฤษ (เช่นเดียวกับหน่วย Delta Force และ Navy…
-
ค้นพบวัตถุนาซีโบราณจำนวนมาก ถูกเก็บซ่อนอยู่ภายในบ้าน ของนักสะสมงานศิลปะ!!
หนึ่งในความน่าสะพรึงกลัวของประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง คงจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของ Adolph Hitler ผู้นำเผด็จการนาซีเยอรมนี ที่ได้ทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวมากกว่า 3 ล้านคน และถึงแม้ว่าจะมีขบวนการต่อต้านฮิตเลอร์จอมโหดเกิดขึ้น แต่ก็เป็นที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีบางคนที่ชื่นชอบ และต้องการระลึกถึงพวกนาซีอยู่เสมอ บางคนถึงขั้นเก็บรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของนาซีเอาไว้ เพราะด้วยความเลื่อมใสศรัทธา แต่ถึงกระนั้นก็ต้องคอยหลบหลีกการจับกุมของตำรวจ เนื่องจากสิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีการรายงานว่า ทางตำรวจสหพันธรัฐในอาร์เจนตินา ได้ค้นพบสิ่งของที่ผิดกฎหมายของนาซีที่ซ่อนอยู่หลังห้องสมุดภายในบ้านของนักสะสมงานศิลปะในกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งมีจำนวนมากถึง 75 ชิ้นเลยทีเดียว โดยสิ่งของที่ถูกค้นพบภายในบ้านหลังนี้ เป็นของพวกนาซีทั้งหมด โดยมีตั้งแต่กล่องมีด อุปกรณ์ทางการแพทย์ อาวุธ รวมไปถึงภาพลับๆ ของ Adolph Hitler จากการรายงานระบุว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บุกเข้าไปยังบ้านดังกล่าวที่มีคลังสิ่งของผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2017 หลังจากที่ได้รับแจ้งถึงเบาะแสการมีสิ่งของผิดกฎหมายไว้ในครอบครอง และเมื่อทางตำรวจได้เข้าไปภายในบ้านพวกเขาก็พบกับชั้นวางหนังสือลึกลับ และได้พบกับสิ่งประดิษฐ์และวัตถุโบราณหลายอย่างของพรรคนาซี ใครจะไปรู้ล่ะว่าด้านหลังตู้หนังสือภายในบ้านหลังนี้ ความจริงแล้วเป็นห้องเก็บของลับ ที่เจ้าของบ้านได้เก็บรักษาของที่ระลึกของนาซีเอาไว้ทั้งหมด ทางด้านนักวิจัย และทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจสอบแล้วว่า ของทั้งหมดที่ถูกค้นพบนี้ล้วนเป็นของจริงทั้งหมด…
-
รวมภาพประวัติศาสตร์ “การพรางตัว” ของทหารหญิงฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมหาสงครามที่เรียกได้ว่ารุนแรงและมีความสูญเสียมากที่สุดของมวลมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เทคโนโลยีและยุทธการการรบต่างๆ ถูกคิดค้นเพื่อมาพิชิตเหล่าฆ่าศึก และหนึ่งในนั้นก็คือสายลับหญิงนั่นเอง และวันนี้เราจะพาไปรู้จักกับหน่วยนักรบหญิงที่มีชื่อว่า The Women’s Reserve Camouflage Corps กองกำลังทหารหญิงที่มีความเชี่ยวชาญในการสืบเสาะและพรางตัว ในปี 1918 พื้นที่ของอุทยาน Van Cortlandt Park ในพื้นที่ของมหานครนิวยอร์ก ซึ่งเต็มไปด้วยป่าไม้ ทุ่งหญ้า และโขดหินมากมาย แต่ใครจะรู้ว่าในพื้นที่กว่า 4,000 ตารางเมตรนั้นได้มีเหล่าของนักรบหญิงซ่อนตัวอยู่ในนั้น เหล่าผู้หญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในที่อุทยานแห่งนี้ คือหนึ่งในนักเรียนวิชาศิลปะการพรางตัวหรือที่เรียกว่าเป็นหนึ่งในคอร์สการฝึกหน่วยลับของฝ่ายพันธมิตร ที่จะใช้ในสงคราม การฝึกดังกล่าวจะรวบรวมศิลปินหญิงจากทั่วสหรัฐอเมริกาเพื่อมาทำการฝึกร่วมกับหน่วยรบพิเศษในนิวยอร์ก และหลังจากนั้นพวกเธอจะถูกส่งตัวเพื่อเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่ 1 สาเหตุที่ต้องเป็นเหล่าศิลปินหญิงนั้นก็เนื่องจากว่าทางการนั้นต้องการอาศัยความสามารถในการประดิษฐ์ การวาดภาพ การลงสีของพวกเธอเพื่อช่วยในการพัฒนารูปแบบของชุดสำหรับพรางตัว ให้มีความสมจริงมากที่สุดนั่นเอง การฝึกในอุทยาน Van Cortlandt Park นั้นเป็นการทดสอบชุดพรางต่างๆ และให้พวกเธอได้เรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของภูมิประเทศเพื่อใช้ในการวาดลายพรางบนชุดในคล้ายกับลักษณะภูมิประเทศต่างๆ อย่างเช่น ก้อนหิน หรือสนามหญ้า เพื่อใช้ในสนามรบ ภาพของเหล่าจิตรกรหญิงที่กำลังฝึกสเก็ตภาพภูมิประเทศเพื่อนำไปปรับใช้กับการออกแบบชุดพรางตัว ภาพถ่ายการฝึกชุดนี้ถูกเปิดเผยโดยสำนักงานหอจดหมายเหตุแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งบางภาพนั้นคุณจะเห็นภาพของพวกเธออยู่ใกล้ๆ กับโขดหินหรือต้นไม้ และหลังจากนั้นในภาพต่อมาพวกเธอกลับพรางตัวได้แนบเนียนสุดๆ…
-
ภาพถ่ายหายากถ่ายทอดชีวิต เด็กกำพร้าและคนไร้บ้าน ต้องดิ้นรนในสหภาพโซเวียตช่วงปฏิวัติ
หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี 1922 การปฏิวัติของรัสเซียและสงครามกลางเมืองได้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียอย่างน้อย 16 ล้านคนภายในเขตแดนของสหภาพโซเวียต เหตุการณ์นี้ทำให้เด็กกว่า 7 ล้านคนกลายเป็นเด็กกำพร้าและไร้บ้าน ความอดอยากครั้งใหญ่ในปี 1921 – 1922 ส่งผลทำให้เด็กๆ กว่า 5 ล้านคนเสียชีวิตด้วยความหิวโหย ในขณะที่เด็กๆ บางส่วนถูกทอดทิ้งโดยพ่อแม่ที่ไม่สามารถเลี้ยงดูได้ นอกจากความอดอยากแล้ว โรคอหิวาต์และโรคร้ายแรงอื่นๆ ก็คร่าชีวิตคนไปเป็นจำนวนมาก แม้จะมีความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ รวมไปถึง The American Relief Administration (ARA) ได้เข้าไปช่วยเหลือ แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เพียงพอ กลุ่มเด็กกำพร้าต่อคิวเพื่อขึ้นรถไฟ . กลุ่มเด็กกำพร้ารอรอบรถไฟไปสถานรับเลี้ยงเด็กที่ต่างๆ เด็กกำพร้ากับการแต่งตัวของเขา วิถีชีวิตบางวันของพวกเขาคือการนั่งจับกลุ่มเล่นไพ่ แม้ว่าจะอดอยาก แต่เด็กบางคนเลือกที่จะไม่ทิ้งเพื่อนคู่ใจของพวกเขา โต๊ะลงทะเบียนสำหรับเด็กๆ ที่จะเข้าโรงเรียนวิชาชีพที่จัดตั้งขึ้นโดยกรุงมอสโกว . ชั้นเรียนต่างๆ ในโรงเรียนถูดจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย เด็กๆ ล้อมวงกันฟังข่าวสารจากวิทยุ มื้ออาหารแต่ละมื้อที่พวกเขาต้องช่วยกันบริการเพื่อนๆ และตัวเอง .…
-
หากกลัวสงครามโลกครั้งที่ 3 ต้องรีบซื้อบังเกอร์หลบภัย แม้แต่นิวเคลียร์ก็ยังทำอะไรไม่ได้
เป็นข่าวหนาหูกันมากๆ กับสถานการณ์ความตึงเครียดระดับโลกในตอนนี้ ระหว่างอเมริกาและเกาหลีเหนือ ที่อาจจะปะทุเกิดเป็นสงครามโลกขึ้นมาได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่เราจะพูดถึงไม่เกี่ยวกับเรื่องเหตุการณ์ดังกล่าวโดยตรงหรอก เพราะเราจะมาดูบังเกอร์ที่ใช้หลบภัย ถ้าหากเกิดสงครามโลกขึ้นมาจริงๆ ต่างหาก บังเกอร์หลบภัยสุดหรูที่เราจะได้ดูกันนี้ แรกเริ่มเดิมทีมันเป็นหลุมหลบภัยของทางกองทัพทหารอเมริกา ซึ่งอยู่ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวบ้านที่ว่าประกอบด้วยกำแพงที่หนาเกือบ 1 เมตร ระบบระบายอากาศ ห้องปฐมพยาบาล ระบบกล้องวงจรปิดชั้นดี รวมถึงระบบน้ำที่สะอาดก็มีเช่นกัน ในปี 2015 ตัวบังเกอร์หลบภัยนี้ได้เปิดขายในตลาดด้วยราคา 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราวๆ 600 ร้อยล้านบาท) แถมนอกจากตัวฟังก์ชั่นดังที่กล่าวไปแล้ว ตัวบังเกอร์นี้ยังมีคุณสมบัติสามารถกันระเบิดนิวเคลียร์ขนาด 20 กิโลตันได้ด้วย ไม่หมดแค่นั้น ตัวบังเกอร์ยังสามารถต้านทานได้ทุกภัยภิบัติ ทั้งแผ่นดินไหว สภาพอากาศหนาวและอื่นๆ อีกมากมาย ตัวบังเกอร์ยังมีพื้นที่ใช้สอยถึง 1,300 ตารางเมตรและมีสองชั้นด้วยกัน และเมื่อปี 2012 บังเกอร์แห่งนี้ก็ได้ถูกปรับแต่งใหม่ด้วยเฟอร์นิเจอร์สวยหรูมากมาย แบ่งส่วนต่างๆ เป็นห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัวและอื่นๆ ที่จำเป็นอย่างครบครัน เรียกได้ว่าถ้าซื้อไปก็อยู่อย่างสบายไม่ต้องกลัวภัยอะไรมาทำร้ายเราได้เลยทีเดียว ก็เอาเป็นว่าถ้าใครมีเงินมากพอและสนใจอยากจะใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยแล้วล่ะก็…
-
เรื่องราวประวัติศาสตร์ ที่หลายคนไม่รู้ของ “รถถัง” ยักษ์หุ้มเกราะสุดแกร่ง แห่งสงครามโลกครั้งที่ 1
สงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามขนาดใหญ่ในยุโรป เป็นการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายสัมพันธมิตร( อังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย อิตาลี) และฝ่ายมหาอำนาจกลาง (เยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี จักรวรรติออตโตมัน) ว่ากันว่ามันคือหนึ่งในสงครามที่มีการสูญเสียมากที่สุด มีทหารกว่า 70 ล้านนายถูกเกณฑ์เข้าร่วมสงครามนี้ มีผู้สูญหายและเสียชีวิตระหว่างสงครามกว่า 40 ล้านคน อาวุธต่างๆ มากมายถูกพัฒนาขึ้นในช่วงสงคราม และหนึ่งในอาวุธที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในการทำสงครามของทั้งสองฝ่าย ที่เรียกได้ว่าทรงพลังและแข็งแกร่งมากชนิดหนึ่งนั้นก็คือ “รถถัง” เรื่องราวและประวัติศาสตร์ของมันจะเป็นอย่างไรนั้นไปชมพร้อมๆ กันเลย รถถังรุ่นแรกๆ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ลักษณะคล้ายกับรถไถ สร้างโดย Rustin และ Hornsby ปี 1902 รถถังคือสิ่งที่ตอบสอนองและพัฒนาแนวการรบของชาติตะวันตกให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น อาวุธต่างๆ มากมายเช่น เกราะเหล็ก ปืน และการเคลื่อนที่ที่สามารถไปได้ในทุกพื้นผิวภูมิประเทศ ถูกเอามารวมเข้าไว้ในรถเหล็กคันใหญ่ เมื่อมันถูกนำมาใช้ในสงคราม โดยกองทัพ อังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมายจากอาวุธสงครามชนิดนี้ รถถังคันแรกของประเทศอังกฤษชื่อว่า Little Willie ผลิตโดยบริษัท William Foster…
-
6 ยอดวีรสตรีผู้กล้าหาญ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กับบทบาทเบื้องหลังที่ถูกจารึกและเชิดชู
หลายๆ คนอาจมองว่าผู้หญิงในอดีตคงไม่ได้มีสิทธิ และเสรีภาพเท่าเทียมกับผู้ชายสักเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีผู้หญิงจำนวนมากที่ได้ทำงานร่วมกับผู้ชาย ซึ่งจะเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และนั่นก็ทำให้พวกเธอกลายเป็นที่ยอมรับ และถูกจารึกชื่อเอาไว้จนกลายเป็นประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังอย่างเราๆ ได้ศึกษา และในครั้งนี้ เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ 6 ยอดสตรีผู้กล้าหาญในประวัติศาสตร์ ที่ได้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่ต่างๆ ในช่วงสงครามโลก บอกเลยว่าแต่ละคนทั้งเก่ง และฉลาดไม่แพ้ผู้ชายเลยละ 1.Marion Pritchard (1920-2016) Marion Pritchard เป็นนักสังคมสงเคราะห์ ที่ได้เข้าช่วยเหลือ และปกป้องชาวยิวกว่า 150 คนในระหว่างที่เกิดสงคราม และในปี 1944 ชาวนาซีและชาวดัตช์สามคนได้เข้ามาตรวจสอบที่ของเธอในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ซึ่งเธอได้ช่วยครอบครัวชาวยิวหลบหนีจากการจับกุม แต่โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ถูกพบ ต่อมาผู้ที่ได้ทำงานร่วมกับชาวดัตช์ก็ได้กลับมาที่บ้านของเธออีกครั้ง เนื่องจากพวกเขาคิดว่าเธอจะต้องซ่อนชาวยิวเอาไว้ และจะต้องจับพวกเขากลับไปให้ได้ แต่ทว่า Marion กลับคว้าปืนของชาวดัตช์ออกมา และยิงไปที่พวกเขาทันที หลังจากที่จบสงคราม Marion ก็ได้ใช้ชีวิตที่เหลือของเธออยู่กับครอบครัวจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต 2.Nancy Wake (1912-2011) Nancy Wake วีรสตรีของสงครามโลกครั้งที่สองชาวออสเตรเลีย ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสายลับหญิงที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ซึ่งเธอเคยบอกใน Nancy Wake’s…
-
พาส่องอุปกรณ์ “สายลับอังกฤษ” ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ยังหาซื้อได้ในปัจจุบัน
เชื่อว่าหลายคนคงเคยคิดว่า ถ้าตัวเองเป็น “เจมส์ บอนด์” จะต้องใช้ชีวิตแบบไหนกันนะ เอาจริงๆ แล้วสายลับในชีวิตจริง ไม่ได้เท่เก๋เหมือนในหนังหรอก และสิ่งที่ช่วยให้พวกเขาสามารถทำภารกิจสำเร็จหรือมีชีวิตรอดออกมา ก็คืออุปกรณ์ต่างๆ นั่นเอง วันนี้ #เหมียวอ๊อดโด้ จะพาเพื่อนๆ ไปชมอุปกรณ์ของ “สายลับอังกฤษ” ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งถ้าคุณรู้แหล่งและมีเงินซักนิด คุณจะหาซื้อมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์เหล่านี้เป็นของหน่วย SOE หรือ Special Operations Executive ซึ่งเป็นกองกำลังที่ก่อตั้งขึ้นมาช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี วินสตัน เชอร์ชิล เพื่อต่อต้านการยึดครองยุโรปของกองทัพนาซี มีดสารพัดประโยชน์ ราคาอยู่ที่ 25,000 ถึง 50,000 บาท (ลิ้ง) ตราทหารอากาศซ่อนเข็มทิศ ราคาอยู่ที่ 4,000 บาท ถึง 6,000 บาท (ลิ้ง) กระดุมซ่อนเข็มทิศ ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,000 ถึง 3,000 บาท (ลิ้ง) …
-
ช่างภาพรัสเซียนำภาพสมัยสงครามโลก ซ้อนกับสถานที่ในปัจจุบัน กลายเป็นโลกสองยุค!!?
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่คอยย้ำเตือนถึงความสูญเสียของมวลมนุษยชาติ มีผู้บริสุทธิ์มากมายที่ต้องได้รับผลกระทบจากพิษสงครามที่ระอุไปทั่วโลก ด้วยความที่ ‘Sergey Larenkov’ ช่างภาพชาวรัสเซียอยากจะช่วยย้ำเตือนถึงความสูญเสียในอดีต ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เขาจึงออกเดินทางไปยังเมืองที่อดีตเคยเป็นสมรภูมิรบครั้งใหญ่ไม่ว่าจะเป็น เบอร์ลิน ปราก หรือเวียนนา เพื่อสร้างสรรค์ผลงานภาพถ่ายทับซ้อนกันระหว่างอดีต – ปัจจุบัน…. ปัจจุบันเขาอายุ 40 ปี และมีอาชีพหลักคือกัปตันเรือ แต่เขาก็ใช้เวลาว่างในการถ่ายภาพและเดินทางเพื่อทำโปรเจ็คนี้ “วิธีการสร้างผลงานของผมก็ไม่ยากเลย ผมออกเดินทางถ่ายภาพสถานที่จริง เสร็จแล้วก็นำเอาภาพในอดีตมาต่อเข้ากับภาพที่ผมถ่ายมา โดยใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อป” ช่างภาพชาวรัสเซียเล่า “ตอนที่ผมทำมันขึ้นมา ผมไม่คิดว่าจะได้รับการตอบรับขนาดนี้ ผมได้รับการรีวิวดีๆ มากมาย จนทำให้มีกำลังใจที่จะสร้างสรรค์มันต่อไป ผมเดินทางไปมอสโก เบอร์ลิน ปราก และเมืองอื่นๆ นี่ก็เพิ่งปล่อยภาพของเมืองปารีสออกมา” แถมเขายังทิ้งท้ายว่า “มันเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก ในจุดที่ช่างภาพถ่ายออกมา แล้วคุณได้มีโอกาสมาเห็นด้วยตาตัวเอง มันเหมือนคุณได้ย้อนเวลาไปด้วยไทม์แมชชีน บางครั้งมันน่ากลัวและท้าทายนะ” ส่วนใครที่ติดใจอยากจะติดตามผลงานใหม่ๆ ของเขา สามารถเข้าไปได้ที่เว็บไซต์ส่วนตัว Sergey’s LiveJournal เลยครับ… “ผลงานทั้งหมดนี้ ผมทำออกมาเพื่อที่อยากจะให้คนที่เข้ามาชม…
-
7 เหตุการณ์ วีรกรรมโต้กลับของ ‘ชาวยิว’ ที่เอาคืนพรรคนาซี ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ในประวัติศาสตร์ช่วงสงครามโลก เราทุกคนจะรู้ดีว่า ‘ชาวยิว’ ทั้งหลายนั้นเป็นฝ่ายที่ถูกเหล่า ‘นาซี’ ที่เป็นชื่อของทหารเยอรมันฆ่าล้างจนทำให้พวกเขาเกือบจะหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ และทำให้เราเข้าใจผิดว่าทางฝั่งยิวนั้นเป็นผู้ถูกกระทำแต่เพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้วยังมีชาวยิวจำนวนไม่น้อยที่ลุกขึ้นมาต่อต้าน และสามารถเอาคืนเหล่าทหารนาซีได้แบบชนิดที่ว่าเจ็บแสบพอดูเลยล่ะ 1. นาย William Cohen ที่ให้การช่วยเหลือในการรวมกลุ่มชาวยิวในอเมริกาเพื่อต่อต้าน Hitler ย้อนกลับไปในปี 1933 ขณะที่นักการเมืองชาวอเมริกันหลายคนพยายามหลอกตัวเองให้เชื่อว่าเหล่านาซีทั้งหลายนั้นไม่ได้ทำอะไรที่ผิด ที่พวกเขาทำก็เพียงแค่ชูแขนขวาเฉียงขึ้นไปด้านหน้าเพื่อทำความเคารพต่อท่านผู้นำเท่านั้น แต่นาย Cohen ที่เป็นชาวยิว และเป็นสมาชิกสภาคองเกรสจากนิวยอร์คได้ทำการออกมารณรงค์ไม่ให้ทำการซื้อขาย และเลิกสนับสนุนสินค้าอันจะส่งผลดีต่อเยอรมัน โดยเขียนโคว้ทข้อความที่เป็นประโยคเด็ดไว้ว่า “ชาวยิวคนใดที่ใช้เงินแม้แต่ 1 เพนนีในการซื้อของที่มาจากชาวเยอรมัน จะถือว่าเขาผู้นั้นคือผู้ทรยศต่อชาวยิวด้วยกัน” ถึงแม้ว่ามันจะไม่ส่งผลอะไรมากมายต่อเหล่านาซีมากนัก แต่มันก็ทำให้ผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับการกระทำของเหล่านาซีอีกครั้ง และเกิดการถกเกถียงกันว่าสิ่งที่นาซีทำนั้นมันผิดศีลธรรม!! 2. นาง Danuta Danielsson ที่เอากระเป๋าถือไปฟาดกลุ่มนีโอนาซีที่กำลังเดินขบวนเพื่อรณรงค์รับสมัครพรรคพวกขึ้นมาใหม่ จนทำให้พวกเขาหมดความน่าเชื่อถือ Danuta Danielsson เป็นลูกครึ่งระหว่างยิวและโปแลนด์ แม่ของเธอเป็นผู้รอดชีวิตมาจากค่ายกักกัน Auschwitz ซึ่งทำให้เธอรับรู้ถึงความโหดร้ายที่ชาวนาซีได้ทำกับคุณแม่ของเธอ ในช่วงปี 1985 ที่ประเทศสวีเดนได้มีการเดินขบวนของกลุ่มที่เรียกว่า Neo-Nazi โดยมีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูลัทธินาซีขึ้นมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายความน่าเชื่อถือลงไปหลังจากที่ Danuta…
-
ภาพวาดสเก็ตมือ ของทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 เผยให้เห็นในสิ่งที่เขาต้องเจอในแต่ละวัน…
สำหรับศิลปินแล้ว ไม่ว่าเขาจะอยู่ส่วนไหนในโลก หรือจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบใด พวกเขาก็มักที่จะระบายความรู้สึก หรือถ่ายทอดเรื่องราวเหตุการณ์ในตอนนั้นๆออกมาได้เสมอ เช่นเดียวกับภาพวาดสเก็ตมือของนายทหาร Victor Ludy ผู้มีเป้าหมายในชีวิตอยากจะเป็นสถาปนิก แต่ทว่าในช่วงอายุ 21 ปี เขาต้องถูกเกณฑ์ทหารและได้ออกสู่หน่วยรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 และด้วยความอัดอั้นตันใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสงคราม ทำให้เขาตัดสินใจที่จะวาดภาพด้วยดินสอที่ดูเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความจริงที่ต้องพบเจอทุกวัน เราตามไปดูกันเลยดีกว่า… Victor Ludy ปัจจุบันเขาอายุ 92 ปี และใช้ช่วงชีวิตวัยเกษียณอยู่ที่นิวยอร์ค กำแพงแห่งแอตแลนติก แนวป้องกันการบุกที่ถูกสร้างโดยทหารเยอรมัน มีนายทหาร 6 คนบาดเจ็บ และอีก 6 คนเสียชีวิต วันที่ 21 กันยายน 1944 ระหว่างเส้นทางไปสู่ยุโรป 2 กันยายน 1944 สัมภาระของ Bill Shepard เพื่อนทหารคนหนึ่ง พลทหาร Pat และปืน 60 mm. ของเขา…
-
รู้จักกับ Sam ยอดแมว 9 ชีวิต ผู้รอดตายจากเหตุการณ์เรือจมในสงครามโลก มาได้ถึง 3 ครั้ง!!
คุณเชื่อเรื่องแมว 9 ชีวิตจริงๆไหม!? ถ้าไม่เชื่อไม่เป็นไร เราไม่ว่ากัน แต่คราวนี้เราจะพาเพื่อนๆไปพิสูจน์ให้เห็นว่า แมวอาจจะไม่ได้มี 9 ชีวิตจริง แต่อย่างน้อยมันก็เอาตัวรอดได้ดีกว่าคนเราล่ะน่าา เพราะนี่คือเรื่องราวของตำนานแมวเหมียว ที่ถูกบอกเล่ากันมาจากรุ่นสู่รุ่น จากทวดแมวสู่เหลนเหมียว วีรกรรมของฮีโร่ในดวงใจเหมียวทั่วโลก ‘Sam’ สุดยอดแมวเหมียวที่สามารถเอาชีวิตรอดจากเรือล่มกลางทะเลในสงครามโลกได้ถึง 3 ครั้ง!! เดิมทีเจ้า ‘Sam’ เป็นทหารเหมียวให้กับกองทัพของนาซีในอดีต มันเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือ ‘Kriegsmarine’ ก่อนที่จะถูกย้ายมาอยู่กับกองทัพเรือของอังกฤษ ในเวลาต่อมา ซึ่งน่าแปลกใจที่ ทุกครั้งมันจะถูกนำขึ้นเรือรบไปด้วยเสมอ และถึงแม้ว่าเรือรบลำนั้นจะถูกโจมตีจนจมน้ำทั้งลำ มันก็สามารถรอดมาได้ตลอด เราตามไปดูกันดีกว่าว่ามีเหตุการณ์ครั้งไหนบ้างที่มันรอดมาได้… เรือประจัญบานบิสมาร์ค หนึ่งในเรือรบที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 พลทหารเหมียว Sam ถูกเกณฑ์ขึ้นไปเป็นส่วนหนึ่งของเรือนี้เมื่อ 18 พฤษภาคม 1941 แต่แล้วเรือลำนี้ก็ถูกโจมตี และปล่อยให้จมลง มีลูกเรือรอดชีวิตกลับมาได้เพียงแค่ 118 คนเท่านั้น จากทั้งหมด 2,200 คน และหนึ่งในนั้นก็มีเหมียว Sam ที่มีคนไปพบมันลอยอยู่บนแผ่นไม้กลางน้ำ ก่อนที่จะรับมันมาเลี้ยงต่อโดยตั้งชื่อให้มันว่า ‘Oscar’…
-
เผยภาพหายาก บรรยากากาศ ‘งานฉลองคริสต์มาสของนาซี’ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อพูดถึงนาซีแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ จอมเผด็จการในช่วงส่งครามโลกครั้งที่ 2 กับการกระทำกวาดล้างชาวยิวเป็นจำนวนมาก แต่เรื่องที่เราจะนำเสนอในวันนี้ ไม่ได้จะพาไปดูสงครามนะ แต่เป็นช่วงพักสงคราม ซึ่งเป็นภาพงานฉลองคริสต์มาสของนาซี ช่วงประมาณปี 1941 ถ่ายโดย Hugo Jaeger ผู้เป็นหนึ่งในช่างภาพส่วนตัวของฮิตเลอร์ เมื่อสงครามสิ้นสุด Jaeger ได้เก็บรูปพวกนี้ไว้ในโหลแก้วแล้วฝังเอาไว้ในดิน จนกระทั่งปี 1955 หรือผ่านไปประมาณ 10 ปี เขาก็ได้นำรูปที่ซ่อนไว้ระหว่างทำงานกับฮิตเลอร์จำนวน 2000 รูป ส่งไปเก็บที่ตู้เซฟของธนาคารแห่งหนึ่ง ฮิตเลอร์ นั่งอยู่หัวโต๊ะ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ท่ามกลางทหารหลายพันนาย จนในที่สุด เขาก็ขายรูปเหล่านี้ให้กับนิตยสารไลฟ์ ในปี 1965 แต่ก็ไม่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะจนกระทั่งในปี 2009 ภาพถ่ายดังกล่าวถูกโพสต์ไว้ในแกลอรี่ออนไลน์ เพื่อเป็นการระลึกถึงการครบรอบ 65 ปี วันดีเดย์ งานฉลองนี้มีขึ้นในวันที่ 18 ธันวาคม 1941 ที่เมืองมิวนิค ลักษณะคล้ายกับการเฉลิมฉลองคริสต์มาส แต่เนื่องจากเยอรมันไม่มีศาสนา ดังนั้นพวกเขาจึงถือว่านี่เป็นงานสักการะเทพโอดิน และได้เรียกร้องให้ชาวเยอรมันใช้เวลาที่ฉลองคริสต์มาสนั้นมาเป็นการฉลองช่วง ‘อายันฤดูหนาว’ แทน …
-
22 ภาพวิถีชีวิตของผู้คนในสงครามโลกครั้งที่ 2 ถูกนำมาแปลงเป็นภาพสี อดีตที่มีชีวิต!!
ในช่วงปี 1930-1950 นั้น เรียกได้ว่าเป็นช่วงที่อเมริกาเข้ามามีบทบาทในด้านต่างๆ โดยเฉพาะในสงครามโลกครั้งที่สอง และได้กลายเป็นมหาอำนาจของโลกนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา… สำหรับภาพถ่ายเหล่านี้ก็เป็นของทาง US Library of Congress เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แน่นอนว่ามันถูกนำมาทำเป็นภาพสีเพื่อเพิมเติมบรรยากาศในช่วงนั้น เราลองมาดูกันเลยว่าจะดูมีชีวิตชีวาขนาดไหน… สมัยนั้นขาดแคลนแรงงานพอสมควรเพราะผู้ชายต้องไปรบ หน้าที่งานในโรงงานหลายอย่างจึงตกเป็นของผู้หญิง สาวๆ หลายๆ คนต้องนำลูกๆ ไปฝากเลี้ยงไว้ และออกไปทำงานหาเงินเลี้ยงครอบครัว ชุดภาพนี้ทำออกมาเป็นภาพสีได้น่าดูชมเลยทีเดียว ชุดภาพนี้ส่วนมากเป็นของค่ายทหารเรือใน Corpus Christi การเติมน้ำมันใส่เครื่องบิน สมัยนี้คงหาเครื่องแบบนี้ดูกันยากแล้ว เหล่าแม่ม่ายจากเหตุการณ์ Pearl Harbor หลายคนก็มาช่วยทำงานกันที่นี่ บางคนก็ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าเลยทีเดียว นี่คือภาพของนาง Eloise J. Ellis ที่ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมใหญ่แห่งศูนย์ช่างประกอบ มาชมภาพเพิ่มเติมกันได้เลย… . . . เครื่องบิน Grumman F3F-3 biplane fighter …
-
ช่างภาพพาบุกตะลุยชม ‘เหมือง Ural’ อันแสนลึกลับ ถูกทิ้งร้างไปตั้งแต่สงครามโลกครั้ง 2!!
บนโลกของเรานั้นมีอารยธรรมอยู่มากมายที่มนุษย์สร้างขึ้นมา บางอย่างก็ลบเลือนหายไปตามกาลเวลาและยุคสมัย แต่บางอย่างก็คงไว้จนมาถึงปัจจุบัน และในวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมภาพจากเหมืองร้างแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใต้ผืนแผ่นดินรัสเซีย ถูกสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีใครได้เข้าไปเหยียบมันอีกเลย… คุณ Mikhail Mishainik เป็นช่างภาพที่เดินทางตะลุยเข้าไปถ่ายทำตามเหมือนร้างต่างๆ ทั่วรัสเซีย และในวันนี้เขาจะพาเราไปทัวร์เหมืองร้างที่ตั้งอยู่ลึกลงไปใต้ภูเขา Ural ในประเทศรัสเซียที่ถูกทิ้งร้างไปตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ปิดฉากลงเป็นเวลาเกือบ 80 ปีมาแล้ว ใต้ภูเขา Ural ถูกขุดให้กลายเป็นเหมืองเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น โดยมีจุดประสงค์ไว้เพื่อขุดหาแร่เอาไปสร้างเป็นอาวุธสงคราม แต่เนื่องจากความต้องการผลิตอาวุธและเครื่องจักรในการก่อสงครามเป็นจำนวนมากในระยะเวลาที่รวดเร็ว ก็เลยทำให้การสร้างเหมืองแห่งนี้ถูกทำแบบลวกๆ ไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเลย คานไม้ทั้งหลายเหล่านี้ราวกับว่ากำลังพยุงภูเขาทั้งลูกอยู่เลย การก่อสร้างอย่างรวดเร็วทำให้ฝ่ายโซเวียตมีอาวุธจำนวนมากเพื่อไปต่อกรกับศัตรู และสุดท้ายก็ทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์ในสนามรบได้ แต่ด้วยการก่อสร้างที่หละหลวมก็ทำให้เหมืองแห่งนี้ถูกปิดไปหลังจากที่สงครามจบลงได้ไม่นาน . ไม่ถึง 10 ปี ที่เหมืองถูกสร้างมา สุดท้ายก็ถูกทิ้งร้าง เหลือไว้เพียงซากอารยธรรมเก่าๆ ที่ผุพังไปแล้วเท่านั้น แต่ที่น่าตกใจก็คือ พื้นที่ในส่วนต่างๆ ของเหมืองยังคงมีสภาพดีอยู่ จากการเข้าไปสำรวจของช่างภาพ Mishainik…
-
ปฏิบัติการ Market Garden การจู่โจมที่ ‘ล้มเหลวที่สุด’ ของฝ่ายสัมพันธมิตร ในสงครามโลกครั้งที่ 2
ถ้าพูดถึงปฏิบัติการของฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายคนอาจนึกถึงวันยกพลขึ้นบกหรือวันดีเดย์ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 6 มิถุนายน ค.ศ. 1944 ซึ่งปฏิบัติการนี้ ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของชัยชนะของฝ่ายสัมพันธมิตรในเวลาต่อมา แต่รู้หรือไม่ เพียงไม่กี่เดือนหลังจากปฏิบัติการดีเดย์ พวกเขาต้องพบกับปฏิบัติการที่ล้มเหลวที่สุดครั้งหนึ่งของฝ่ายสัมพันธมิตร เรื่องราวจะเป็นอย่างไร เราไปติดตามชมกันเลยดีกว่า! ปฏิบัติการที่ว่านี้ คือปฏิบัติการ Market Garden ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 19 – 25 กันยายน ค.ศ. 1944 โดยผู้นำของภารกิจนี้คือกองทัพอังกฤษ และมีกองกำลังผสมจากสหรัฐอเมริกาและโปแลนด์มาช่วย แผนการของภารกิจนี้ก็คือ กองทัพอังกฤษจะใช้พลร่มที่ 1, กองพลร่มที่ 101 ของสหรัฐอเมริกา ,และกองพลเล็กจากโปแลนด์ กระโดดลงไปอยู่หลังแนวข้าศึกเพื่อทำการยึดสะพานและเมืองสำคัญๆ ที่เป็นทางผ่านไปยังแคว้นไรน์ของเยอรมัน จากนั้นเมื่อยึดแล้ว กองพลทหารราบและยานเกราะที่ 30 ของอังกฤษ จะรุกคืบขึ้นไปเพื่อบรรจบกับกองพลร่มที่ 1 ที่เมืองอาร์นเน็ม ก่อนจะบุกเยอรมันต่อไป เพื่อจะปิดฉากสงครามให้ได้ก่อนเทศกาลคริสต์มาสปี ค.ศ. 1944 แน่นอน ถ้าใครจำได้ สงครามโลกครั้งที่สองจบลงในปี ค.ศ.…
-
รู้จัก Vasili Alexandrovich Arkhipov นายทหารหนุ่ม ผู้หยุดยั้งสงครามโลกครั้งที่ 3!!
เป็นเวลากว่าเกือบ 80 ปีแล้วที่โลกไม่ได้พบกับสงครามขนาดใหญ่นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงไปเมื่อปี 1945 แต่รู้หรือไม่ โลกเราเคยตกอยู่ในสภาวะสุ่มเสี่ยงที่จะมีสงครามโลกครั้งที่ 3 มาหลายต่อหลายครั้ง แต่โชคดีที่มี “ฮีโร่” มาช่วยเอาไว้ อย่างเช่นเรื่องราวของนายทหารหนุ่มชาวรัสเซีย Vasili Alexandrovich Arkhipov คนนี้ ที่โลกต้องขอบคุณเขาจริงๆ ไม่อย่างนั้น เราอาจต้องผจญกับสงครามโลกอีกครั้งแล้วก็เป็นได้ เรื่องราวเกิดเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ปี 1962 ในตอนนั้นถือว่าเป็นช่วงที่วิกฤติและล่อแหลมที่สุดของสงครามเย็นระหว่างสหรัฐอเมริกาและโซเวียต เมื่อเครื่องบินสอดแนมของสหรัฐลำนึงถูกยิงตกในประเทศคิวบา และอีกเครื่องสูญหายไปในน่านฟ้าโซเวียต ทั้งสองประเทศใกล้จะเปิดสงครามกันเต็มที (เครื่องบินสอดแนม U2 ที่หายไปในน่านฟ้าโซเวียต) ในวันนั้นเอง เรือดำน้ำ B-59 ที่ติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ของฝ่ายโซเวียตที่มีกัปตัน Valentin Savitsky เป็นผู้บัญชาการถูกเรือพิฆาตของสหรัฐ USS Beale เข้าโจมตี เป้าหมายการโจมตีนั้นไม่ได้ต้องการทำลายล้างให้สิ้นซาก แต่เพียงต้องการให้เรือดำน้ำดังกล่าวโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเท่านั้น (เรือดำน้ำ B-59 ของโซเวียต) ฝ่าย B-59 ไม่ได้ทราบเรื่องดังกล่าวแม้แต่น้อย พวกเขาอยู่ในสภาวะตึงเครียดไม่รู้จะทำอย่างไรดี หากพวกเขายิงหัวรบตอบโต้กลับไป สงครามโลกครั้งที่ 3 จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และโลกก็จะตกอยู่ในความวุ่นวายอีกครั้ง ในขณะที่ยังเลือกไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร…
-
Elon Musk แนะตั้งอาณานิคมบนดาวอังคารด่วน ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 3 จะล้างบางมนุษย์
ในแวดวงเทคโนโลยีล้ำๆ หนึ่งในบุคคลที่มักจะถูกกล่าวถึงมากที่สุดก็คือ Elon Musk ผู้บริหารบริษัท SpaceX รวมไปถึงบริษัทในเครือทางด้านเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย เขาคนนี้ก็คือ Tony Stark ในชีวิตจริง (แต่ไม่มีชุด Iron Man) ล่าสุดนี้เขาก็ได้ให้การสัมภาษณ์กับทางนิตยสาร GQ เอาไว้ได้น่าสนใจมากๆ เป็นประเด็นเกี่ยวกับแนวโน้มความขัดแย้งของโลกในอนาคต และเรื่องการอพยพย้ายถิ่นฐานจากโลกไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร ซึ่งเขาก็ได้แนะเอาไว้ว่าควรที่จะสร้างเมืองที่อาศัยอยู่ได้บนดาวอังคารให้เร็วที่สุด ก่อนที่มนุษย์จะล้างบางและทำลายโลกที่เราอาศัยอยู่ด้วยน้ำมือของตัวเอง ภาพจำลองอาณานิคมบนดาวอังคาร ‘คุณทำการสำรองข้อมูลในฮาร์ดไดร์ฟได้ แล้วทำไมเราไม่สำรองที่อยู่อาศัยสำหรับการใช้ชีวิตบ้างล่ะ?’ Elon Musk กล่าว โดยทางบริษัท SpaceX เองก็ได้มีแผนการที่จะสร้างอาณานิคมบนดาวอังคารเอาไว้แล้ว และเมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะส่งมนุษย์อวกาศไปในทันที!! ไม่ใช่ว่าเขาเป็นพวกกระต่ายตื่นตูม เพียงแต่ว่าเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปมากแล้ว ก็จงทำในสิ่งที่พอจะทำได้และเป็นไปได้ โดยเขาก็ทำได้แค่เพียงคาดเดาจากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนโลก ความขัดแย้งของมนุษย์ที่จะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ซึ่งถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ประเทศมหาอำนาจที่สะสมหัวรบนิวเคลียร์เอาไว้ ก็จะนำมาใช้ล้างบางฝ่ายตรงข้ามแน่นอน และอย่างที่ในประวัติศาสตร์ได้จารึกเอาไว้ มนุษย์ก็จะไม่เหลืออะไรเลย นอกจากความสูญเสียมหาศาล แม้ว่าตอนนี้ยังไม่มีวี่แววของสงครามนิวเคลียร์อะไร แต่อย่างน้อยการตระหนักของเขานั้นก็เป็นเพื่อการอนุรักษ์และรักษาสิ่งมีชีวิตที่เคยมีอยู่บนโลก ให้มันอยู่รอดต่อไป…
-
Jack Churchill บรุษทหารอังกฤษ ผู้ใช้ดาบและธนูสู้ศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ในอดีตยุคโบราณยังไม่มีการผลิตอาวุธปืนขึ้นมาใช้งาน การออกรบของนักรบนั้นก็จะต้องพึ่งพาดาบและธนูในการปรามข้าศึก แต่พอมาถึงยุคสมัยที่การรบเริ่มเปลี่ยนแปลง อาวุธปืนก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่มีทหารผู้หนึ่งเลือกที่จะไม่ใช้ปืน เขากลับเลือกใช้ดาบและธนูแทน!! การนำหน่วยในระหว่างฝึกด้วยการพกดาบและภาพการยิงธนูในการแข่งขันยิงธนู ทหารผู้นั้นมีนามว่า Jack Churchill หรือในนาม Fighting Jack Churchill และ Mad Jack เขาเกิดที่เมือง Surrey ประเทศอังกฤษ จบการศึกษาจากโรงเรียนนายทหาร Sandhurst Military Academy ในปีค.ศ. 1926 ดาบยาวของ Jack Churchill ที่พกติดตัว โดยหลังจากที่เขาจบการศึกษาก็ได้เข้าประจำการในกองทัพอังกฤษ ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศพม่า ภายหลังในปีค.ศ. 1936 เขาก็ปลดประจำการและเข้าทำงานในฐานะบรรณาธิการหนังสือพิมพ์แทน แต่แล้วเขาก็กลับเข้ามารับใช้กองทัพอังกฤษอีกครั้งในปีค.ศ. 1940 หลังจากที่หลังโปเเลนด์ถูกเยอรมันรุกราน และสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วก็คือ การที่เขาเลือกจะพกดาบยาวและธนูเข้าสู้ศึก!! Jack Churchill เป็นทหารเพียงคนเดียวที่ใช้ดาบกับธนู ในช่วงที่หน่วยของเขาซุ่มโจมตีหน่วยลาดตระเวนของเยอรมัน เขาใช้สัญญาณการโจมตีด้วยลูกธนูพิฆาตปักที่หน้าอกของศัตรู แทนที่จะใช้เสียงจากนกหวีดหรือการตะโกน …