Tag: สวีเดน
-
เซเลบสาวอินสตาแกรม โพสต์ภาพเที่ยวปารีสแบบสวยๆ แต่โดนวิจารณ์ “ตัดต่อไม่เนียน”
การเป็นคนดังบนอินสตาแกรมนั้นก็เปรียบเหมือนเป็นบุคคลสาธารณะขนาดย่อม แน่นอนว่าต้องมีผู้คนจำนวนมากเข้ามาวิจารณ์ต่างๆ นานาเป็นประจำ ครั้งนี้ สาวผู้เป็น Influencer บนอินสตาแกรมก็เลยโดนชาวเน็ตวิจารณ์กระหน่ำไปเลยสำหรับภาพที่การท่องเที่ยวกรุงปารีสที่เธอโพสต์ เพราะมันดูไม่เนียนสักเท่าไหร่ Johanna Olsson สาวชาวสวีเดนผู้เป็นเซเลบบนอินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามกว่าครึ่งล้าน ได้โพสต์ภาพการท่องเที่ยวกรุงปารีสของเธอ และนั่นทำให้ผู้พบเห็นเกิดความสงสัยอย่างมาก เพราะมันดูเหมือนกับภาพตัดต่อสุดๆ เช่นภาพนี้ที่ภาพพื้นหลังดูเหมือนตัดต่ออย่างมาก ภาพนี้ และภาพนี้ที่ดูเหมือนว่าตัวเธอไม่ได้ยืนอยู่กับพื้น แต่ดูเหมือนลอยอยู่ แม้ชาวเน็ตจะเข้ามาวิจารณ์กันอย่างมากมาย แต่ตัวของ Johanna นั้นก็ไม่ได้สนใจ เธอออกมายอมรับว่าตัดต่อจริง เธอบอกว่าใครๆ เขาก็ตัดต่อภาพกันทั้งนั้นแหละ ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องน่าอายตรงไหนเลย Johanna เซเลบอินสตาแกรมวัย 28 ปี กล่าวในสตอรีว่า… “ฉันอยากพูดนิดนึงเรื่องภาพปารีสของฉัน คือฉันถ่ายจริง แต่พื้นหลังมันไม่สวยอะ ฉันก็เลยถ่ายพื้นหลังให้สวยๆ แล้วเอามาตัดต่อใส่ลงไป และเมื่อฉันทำแบบนั้นไปแล้วก็แทบไม่มีใครสังเกตเห็นได้ ฉันเลยคิดว่าวิธีการนี้มันเจ๋ง ซึ่งฉันต้องยอมรับเลยว่าฝีมีการใช้ Photoshop ของฉันมันไม่ได้ดีอะไรหรอก แต่ชาวสวีเดนและรายการทีวีต่างๆ สนใจจะเชิญฉันไปพูดคุยเรื่องการ ‘เที่ยวแบบปลอมๆ’ เชียวนะ” เธอกล่าวต่อว่า… “ตลกนะ Influencer คนอื่นๆ ก็ตัดต่อภาพเยอะแยะ…
-
บล็อกเกอร์สาว ละเลงใบหน้าด้วย “เลือดประจำเดือน” เซลฟี่ลง IG ไม่สนคำวิจารณ์
บล็อกเกอร์สาวชาวสวีเดนคนหนึ่งทำให้ชาวเน็ตต้องท้องไส้ปั่นป่วนเมื่อเธอโพสต์ภาพเซลฟี่ที่ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วย ประจำเดือน ของเธอเอง… Maxinne Björk บล็อกเกอร์สาวชาวสวีเดนผู้ที่มักโพสต์ภาพและข้อความเชิงจิตวิญญาณได้ก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตหลังเธอโพสต์ภาพตัวเองในเมืองอูบุด เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เธอโพสต์ภาพนี้พร้อมคำบรรยายภาพว่า “ฉันนั่งลงและหายใจลึกๆ จนกระทั่งฉันเริ่มรู้สึกว่าฉันมีแรงปรารถนาที่จะเคลือบใบหน้าตนเองด้วยของเหลวธรรมชาติที่ทุกชีวิตผลิตขึ้นในร่างกายผู้หญิง” เธอยังอธิบายต่ออีกว่า “โดยมิได้คำนึงถึงเหตุผลหรืออื่นๆ ฉันก็ลงมือทำมัน ฉันทามันลงบนใบหน้าและร่างกาย จากนั้นฉันก็เปลือยกายและเกลือกกลิ้งลงบนพื้นหญ้าในสวน และทุกอย่างก็ถูกปกคลุมไปด้วย เลือดประจำเดือนของฉันเอง” “ฉันได้กลิ่นของพสุธาและร่ำไห้ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อนด้วยความรู้สึกทั้งสุขและทุกข์ไปพร้อมๆ กัน หลังร้องไห้ได้ไม่นานฉันก็หัวเราะออกมาแทน และฉันก็รู้สึกความสุขมากที่มีแม่อยู่ในชีวิต เพราะเราทั้งคู่ช่วยเหลือกันและกันให้ผ่านช่วงเวลาเลวร้ายไปได้” แต่ภาพเซลฟี่พร้อมประจำเดือนของไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของผู้ติดตามบนอินสตาแกรมเท่าใดนัก มีคนเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันมากกระทั่งเธอต้องปิดส่วน “การแสดงความคิดเห็น” เอาไว้ เพียงหนึ่งวันถัดมาเธอก็พร้อมเปิดรับทุกความเห็นเกี่ยวกับโพสต์ภาพดังกล่าวของเธอ และเธอก็ได้ตอบกลับความคิดเห็นเหล่านั้นไปว่า “น่าสนใจมากที่ผู้คนจำนวนไม่น้อยไม่ยอมรับความแตกต่างของมุมมองเกี่ยวกับชีวิต ฉันไม่เคยบอกใครให้คิดเหมือนฉันนี่ การกระทำของฉันเป็นเพียงการกระตุ้นให้ผู้คนรับฟังเสียงของหัวใจตัวเอง และทำสิ่งที่รู้สึกว่าถูกต้องแม้มันจะไม่ถูกต้องตามบรรทัดฐานของสังคมก็ตาม” นอกจากนี้เธอก็เผยว่า เธอใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเผยแพร่วิถีชีวิตของเธอเผื่อจะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ คนที่จะกล้าออกมาใช้ชีวิตแบบที่ตนเองต้องการได้ และเธอก็ทิ้งท้ายเอาไว้สำหรับคนที่เข้ามาแสดงความเห็นเชิงลบในโพสต์ของเธอ เธอกล่าวว่า “ความเห็นเชิงลบทั้งหลายฉันไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรหรอกนะ หรือว่าฉันควรรู้สึก? แต่ขอโทษทีมันรู้สึกดีมากเลยที่แม้ว่ามันจะรบกวนจิตใจฉันแต่ฉันก็ยังรักการใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ดี” ที่มา: nextshark และ maxinnebjork
-
ไม่น่ารักเลย… แฟนบอลอังกฤษเหิมหนัก บุกถล่มร้าน IKEA ยับ หลังคว้าชนะเหนือสวีเดน
ศึกฟุตบอลโลกกำลังทวีความเข้มข้นเรื่อยๆ ซึ่งในตอนนี้รอบ 8 ทีมได้จบลงไปแล้ว และได้ผู้เข้ารอบเหลือเพียง 4 ชาติเท่านั้น ได้แก่ ฝรั่งเศส เบลเยียม อังกฤษ และโครเอเชีย ชาติที่สามารถคว้าชัยชนะเข้าสู่รอบ 4 ทีมสุดท้าย ต่างก็แสดงความปีติยินดีกันอย่างล้นทะลัก เก็บอาการกันไว้ไม่อยู่ ซึ่งแน่นอนว่าแฟนบอลชาวอังกฤษชาตินิยมเตะบอลเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ก็จะรู้สึกมากกว่าชาติอื่นหน่อยๆ เพราะหลังจากที่สามารถคว้าชัยชนะเหนือทีมชาติสวีเดน ด้วยสกอร์ 2 – 0 แฟนบอลชาวอังกฤษบางส่วนก็ได้ทำการบุกถล่มร้าน IKEA ร้านขายของเครื่องใช้เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านสัญชาติสวีเดน ในสาขา Stratford ประจำเมืองลอนดอน https://twitter.com/KingMo786/status/1015634554944671745 บุคคลเหล่านี้เข้าไปยืนร้องเพลง โห่ร้อง กระโดดโลดเต้นบนเตียงที่จัดแสดงเป็นสินค้าตัวอย่าง รวมไปถึงเตะข้าวของเฟอร์นิเจอร์ที่จัดโชว์ไว้ได้อย่างหน้าตาเฉย https://twitter.com/Marlz_87/status/1015636377558552577 . แม้สภาพภายในร้านจะได้รับความเสียหาย แต่ทาง IKEA สาขาอังกฤษก็ได้ทวีตข้อความแสดงความยินดีต่อทีมชาติอังกฤษ อาจเพราะด้วยสภาพที่อาจจะแบ่งร่างเป็นสองเชื้อชาติระหว่างสวีเดนและอังกฤษ ทำให้แสดงออกไม่ได้มากนัก ฮร่าา We are aware of…
-
สวีเดนประสบปัญหา ‘ขาดขยะ’ ใช้รีไซเคิลผลิตพลังงานจนหมด ต้องนำเข้าจากเพื่อนบ้าน!!
ตามปกติแล้วเมื่อพูดถึงปัญหาขยะในหลายๆ ประเทศ ส่วนใหญ่มักจะต้องพากันบ่นว่าขยะนั้นมีมากเกินไป แต่ว่าสำหรับประเทศสวีเดนแล้วกลับตรงกันข้าม เพราะพวกเขาคงอยากจะบอกว่า ‘ขอขยะเยอะๆ’ แทนเสียมากกว่า ที่ต้องบอกแบบนั้นก็เพราะว่าประเทศสวีเดน สามารถหาทางออกให้กับปัญหาขยะล้นได้อย่างสมบูรณ์ 100% ด้วยการนำขยะทั้งหมดไปรีไซเคิลและผลิตเป็นพลังงานให้กับประเทศ จนถึงขั้นขยะหมดประเทศและต้องขอนำเข้าขยะจากประเทศอื่นๆ แทน ส่วนสาเหตุที่ทำให้ประเทศสวีเดนสามารถที่จะจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างอยู่หมัด เพราะมีการวางแผนจัดการปัญหาขยะและนำมารีไซเคิลตั้งแต่ปี 1975 และนั่นทำให้จิตสำนึกของประชากรสวีเดนรู้ตัวว่าก่อนจะทิ้งอะไรต้องแยกขยะก่อนเสมอ ไม่เพียงแต่เรื่องการปลูกจิตสำนึกมาเป็นเวลานานแล้ว ปัจจุบันในทุกๆ บ้านของชาวสวีเดน ก็จะมีถังขยะที่ไว้ใช้แยกขยะประเภทต่างๆ ส่วนถ้าบริเวณไหนที่เป็นชุมชนก็จะมีโรงงานแยกขยะอยู่ใกล้ๆ เสมอในระยะ 300 เมตร ปลายทางของขยะที่ถูกแยกออกมานั้นจะถูกนำไปรีไซเคิลทั้งหมด ส่วนเศษขยะจากอาหารก็จะถูกเปลี่ยนเป็นปุ๋ยหรือแก๊ซธรรมชาติแทน ด้านขยะเคมีหรือขยะอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะมีรถบรรทุกแยกขยะพิเศามาคอยรับอีกต่อ เรียกว่าทางการไม่ปล่อยให้ของเหลือทุกชิ้นต้องถูกย่อยสลายไปอย่างเปล่าประโยชน์ นอกจากทางการสวีเดนจะรณรงค์และคอยจัดการปัญหาขยะภายในประเทศแล้ว ปัจจุบันยังมีบริษัทเอกชนอีกมากมายที่เริ่มให้ความสนใจ และหันมาสนับสนุนโครงการรีไซเคิลขยะของสวีเดนอยู่ตลอด ยกตัวอย่างเช่น H&M ที่เปิดรับบริจาคเสื้อผ้าที่ไม่ใช้แล้วของเหล่าลูกค้า ซึ่งคนที่นำมาบริจาคก็จะได้รับคูปองพิเศษเพื่อเลือกใช้ซื้อของที่ร้านดังกล่าวนั่นเอง อย่างไรก็ตาม ถ้าประเทศอื่นๆ คิดอยากจะเอาอย่างนั้นคงจะต้องเริ่มจากการปลูกจิตสำนึกอันดีกันก่อน เพราะประชากรบางประเทศนั้นยังเลือกที่จะทิ้งขยะเรี่ยราด ไม่ก็ขับรถไปบนท้องถนนแล้วเปิดกระจกทิ้งลงข้างทางเสียทุกครั้งไป ฉะนั้นถ้าพฤติกรรมประเภทที่ว่ามายังคงอยู่ต่อไป ก็ไม่รู้ว่าปัญหาขยะนั้นจะหมดไปเมื่อไหร่เหมือนกัน……
-
ท้าความแรงแฮงปลาแดก ‘Surströmming’ จากสวีเดน แค่กลิ่นโชยมา เป็นต้องอาเจียน…
อาหารการกินพื้นบ้านอันเลื่องชื่อจากแถบอีสานของประเทศไทยนั้น คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘ปลาร้า’ หรือ ‘ปลาแดก’ ถือเป็นอีกส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ในเมนูส้มตำเลยล่ะ แน่นอนว่าด้วยกรรมวิธีหมักที่ต้องอาศัยเวลา ในเรื่องของกลิ่นจะโดดเด่นมาเป็นอันดับแรก ซึ่งประชาชนชาวไทยนั้นก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดีว่ากลิ่นของมันรุนแรงแค่ไหน แต่ถ้าใครชื่นชอบก็จะรู้สึกว่ามันก็หอมในตัวของมันนะ!? เช่นเดียวกันกับเมนูจากสวีเดนตัวนี้ Surströmming ท่านผู้อ่านทั้งหลายอาจจะไม่คุ้นชื่อของมันเลย แต่ #เหมียวเลเซอร์ จะนำมาเสิร์ฟให้กันก่อน เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพว่าพลังของเมนูนี้แทบไม่ต่างจากปลาร้าเลย การทดสอบชิมรสชาติปลาร้าสวีเดนตัวนี้ นำเสนอโดยแชแนล cutlerylover ในปี 2012 เปิดฝากระป๋องออกมาแล้ว ก็จะพบว่าข้างในนั้นมีปลาและน้ำเหนียวๆ บรรจุอยู่ ไหนขอลองชิมน้ำเหนียวข้นข้างในหน่อยสิ… (บรรยายสรรพคุณผ่านทางใบหน้า) แล้วก็ตามด้วยเนื้อปลาเน้นๆ!! และแล้วก็สามารถประมวลรสชาติได้ออกมาเป็น… (ยาวเป็นหางว่าวเชียว) ไม่รู้ว่าจะรู้สึกอร่อยอูมามิตามพี่แกดีมั้ยนะ ลองพิสูจน์ตามกันได้เลยจ้า!! เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ไม่ใช่พี่แกรายเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพราะยังมีอีกหลายคนร่วมพิสูจน์ด้วย และผลก็ออกมาเหมือนกัน ฮร่าาาา สุดยอดเมนูพื้นบ้านจากสวีเดน ปราบได้แทบทุกคน!! สำหรับเมนู Surströmming นั้นทำมาจากปลาเฮอร์ริ่งแอตแลนติกหมัก มีต้นกำเนิดจากทางตอนเหนือของประเทศสวีเดน และจะได้รับความนิยมสูงในแถบนั้นด้วย…
-
พาไปชมกระท่อมกลางป่าในสวีเดน ที่ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 200 กว่าปีที่แล้ว เอาใจคนรักธรรมชาติ
การได้ออกไปท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติต่างๆ หรือได้ออกไปนอนค้างคืนในป่าอาจจะเป็นกิจกรรมโปรดสำหรับหลายๆ คนที่หลงใหลในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง คงจะดีไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ ถ้าหากเราได้ห่างจากเทคโนโลยีซักพักและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มขั้วปอด และวันนี้เราก็มีที่พักดีๆ สำหรับคนที่รักธรรมชาติมาฝากกัน ซึ่งที่พักแห่งนี้ตั้งอยู่กลางป่าแห่งหนึ่งของประเทศสวีเดน โดยไฮไลท์ของที่นี่นอกจากความสวยงามของธรรมชาติแล้วก็คือความเก่าแก่ของที่กระท่อมที่มีอายุมากกว่า 200 ปีเลยทีเดียว และนี่คือโฉมหน้าของกระท่อมเล็กกลางป่าใหญ่แห่งนี้ สถานที่แห่งนี้มีชื่อเรียกในภาษาสวีเดนว่า “backstuga” หรือแปลเป็นภาษาอังกฤษก็คือ earth cabins (กระท่อมใต้ดิน) นั่นเอง โดยแต่เดิมกระท่อมหลังนี้ถูกใช้เป็นที่พักอาศัยของคุณ Little Jon เมื่อช่วงปี 1800’s กระท่อมแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมือง Småland ประเทศสวีเดน โดยตัวกระท่อมนั้นจะฝั่งอยู่ใต้ดิน และสร้างจากวัสดุที่หาได้ทั่วไปอย่างไม้ และหิน ตัวกระท่อมที่ฝังอยู่ใต้ดิน และในส่วนของทางเข้าที่ต้องเดินลงไป โดยปรกติแล้วเราสามารถพบเห็นกระท่อมในลักษณะนี้ได้ทั่วไปในป่าลึกของประเทศสวีเดน มันถูกสร้างขึ้นราวๆ ช่วงปี 1600 ถึง 1800 ซึ่งโดยส่วนมากแล้วจะเป็นที่พักอาศัยของคนยากจน คนแก่ หรือบางครั้งก็เป็นเหล่าโจรป่า กระท่อมหลังนี้สร้างขึ้นระหว่างที่ดินของเจ้าของสองคน ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ให้เช่าผืนเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมใดๆ เลยนอกจากการปลูกบ้าน และผู้ที่อาศัยในกระท่อมนี้ก็ทำงานให้กับเจ้าของที่ดินเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยน โดยครอบครัวของ Jon นั้นต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากที่นี่ หลังจากนั้นเมื่อระหว่างช่วงปี 1970 กระท่อมหลังดังกล่าวได้รับการปรับปรุงใหม่ และถูกใช้เป็นที่หลบภัยสำหรับผู้คนในหมู่บ้าน หลังจากมีข่าวว่ากองทัพโซเวียตในสมัยนั้น มีแผนจะบุกสวีเดน และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา…
-
บริษัทในสวีเดน ฝังไมโครชิพให้กับพนักงาน อ้างว่าเพื่อการทำงานที่สะดวกกว่าเดิม!?
หลังจากที่เราเห็นข่าวเทคโนโลยีล้ำๆ ที่ขยันมีมาอัพเดทกันให้เห็นทุกวันแล้ว เชื่อเถอะว่านี่อาจจะเป็นอีกข่าวการอัพเดทที่อาจจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของคนเหล็ก เพราะบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติสวีเดน Epicenter ได้ออกนโยบายฝังไมโครชิพให้แก่พนักงาน (ที่สมัครใจ) โดยเคลมว่านวัตกรรมสุดล้ำชิ้นนี้ จะช่วยทำให้ชีวิตการทำงานในออฟฟิศสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม!! โดยไมโครชิพดังกล่าวจะถูกฝังไว้ตามบริเวณที่เห็นในภาพ อันที่จริงนวัตกรรมการฝังไมโครชิพที่มีขนาดเล็กเท่าเม็ดข้าวสาร ถูกนำมาใช้เพื่อระบุตัวตน หรือข้อมูลของสัตว์เลี้ยงในหลายๆ ประเทศมานานแล้ว จนกระทั่งเมื่อปี 2015 บริษัท Epicenter ก็ได้ออกนโยบายเชิญชวนพนักงานให้ไปฝังไมโครชิพ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานสามารถจัดเก็บข้อมูลเวลาการทำงานได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงการใช้เครื่องมือเทคโนโลยีต่างๆ ในบริษัทที่ง่ายขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อนำไมโครชิพมาเทียบกับเหรียญ จะเห็นได้ว่ามีขนาดที่เล็กมาก เรียกได้ว่าพนักงานคนไหนที่ยอมฝังไมโครชิพชิ้นนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องห้อยบัตรประจำตัวเพื่อเข้าออกตึก หรือโรงอาหาร และไม่จำเป็นต้องสแกนบัตรตอนเข้าออกงานอีกต่อไป ‘ประโยชน์สูงสุดที่พนักงานจะได้รับก็คือความสะดวกสบาย เพียงฝังไมโครชิพไว้แค่อันเดียว ก็สามารถทดแทนอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการทำงานได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเครดิตการ์ด หรือกุญแจออฟฟิศก็ตาม’ Patrick Mesterton CEO ประจำบริษัทให้สัมภาษณ์ สำหรับที่บริษัทแห่งนี้การฝังไมโครชิพจึงเป็นเหมือนประเพณีอย่างหนึ่ง และทางบริษัทก็ยินดีที่จะมอบนโยบายนี้ให้กับพนักงานทุกคนฟรี (แค่คุณสมัครใจ) Hannes Sjoblad หนึ่งในพนักงานที่สมัครใจฝังไมโครชิพได้ให้สัมภาษณ์กับ BBC ว่า ‘ทุกวันนี้รอบตัวเราเต็มไปด้วยอุปกรณ์ต่างๆ มากมายเต็มไปหมด และมันก็คงจะดีกว่าถ้าเราเปลี่ยนจากการจำรหัสผ่าน มาเป็นการสแกนชิพในมือเราแทน’…
-
เรื่องราวของชายหนุ่มอินเดีย มุ่งมั่นปั่นจักรยานไปยุโรป เพื่อพบกับรักแท้เมื่อ 30 ปีก่อน
เมื่อปี 1975 ขณะที่หนุ่มอินเดียคนหนึ่งชื่อว่า P.K. Mahanandia กำลังหารายได้ด้วยการเป็นศิลปินวาดภาพอยู่ข้างถนนในย่าน Connaught Place ซึ่งเป็นย่านธุรกิจในเมืองเดลี ประเทศอินเดีย เขาบังเอิญได้พบกับ Charlotte Von Schedvin หญิงสาวชาวสวีเดนคนหนึ่งที่เดินทางมาท่องเที่ยวยังดินแดนภารตะแห่งนี้ และใครจะรู้ว่าหญิงสาวจากดินแดนอันห่างไกล จะกลับกลายเป็นรักแท้ของเขา Charlotte เล่าว่าขณะที่เธอเดินเล่นอยู่ในเมืองนั้น เธอก็พบกับ Mahanandia กำลังรับวาดภาพเหมือนอยู่ข้างถนน เขาโฆษณาว่าเขาสามารถวาดเสร็จภายใน 10 นาทีโดยมีค่าบริการอยู่เพียงแค่ 10 รูปีเท่านั้น เธอจึงตัดสินใจเข้าไปใช้บริการ แต่ระหว่างนั้นเธอก็พบว่า Mahanandia กลับมีอาการมือสั่นตลอดเวลา จนแทบไม่สามารถวาดภาพได้ เธอแอบคิดว่าเขาป่วยหรือเปล่า เธอจึงบอกว่าไม่เป็นไร แล้วเธอจะมาใหม่ในอีกวัน พออีกวันมาถึง Mahanandia ก็ยังมือสั่นเหมือนเดิม สุดท้ายเขาก็วาดภาพไม่สำเร็จ ภายหลังเธอได้ทราบว่า ทันทีที่เขาเห็นเธอ เขาก็ย้อนนึกถึงคำทำนายของแม่ของเขาที่บอกว่า เขาจะได้แต่งงานกับหญิงสาวที่อยู่ในราศีพฤษที่มาจากดินแดนอันห่างไกล เธอคนนั้นจะชื่นชอบในเสียงดนตรีและมีผืนป่าไว้ในครอบครอง ซึ่งแทบจะตรงกับเธอทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาเล่าว่า เขาเกิดในวรรณะจัณฑาล ทำให้โดนดูถูกดูแคลนมาตั้งแต่เด็กๆ และเขาหวังเสมอว่าหญิงสาวในคำทำนายนั้น จะมาทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปจากเดิม “ผมไม่ได้ถามชื่อเธอด้วยซ้ำ ผมเอาแต่ถามคำถามเกี่ยวกับคำทำนายและเธอก็ตอบใช่ๆ ทุกอย่าง ตอนนั้นผมรู้เลยว่าฟ้าส่งให้เรามาพบกัน ผมบอกเธอว่า…
-
นักการเมืองสวีเดนชูนโยบาย ให้พนักงานได้พักกลับบ้านไปปั่มปั๊ม ลดความเครียดจากงาน!!
ปกติแล้วตามกฏหมายแรงงานทั่วไป ในการทำงานหนึ่งวัน (8 ชม.) พนักงานส่วนใหญ่มักจะได้เวลาพัก 1 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ซึ่งมันก็ดูเหมือนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่หรอก แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้พักเลย แต่ที่สวีเดนเค้ากำลังจะขยับก้าวข้ามไปอีกขั้น โดยเว็บไซต์ Vice ได้รายงานว่าเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Per-Erik Muskos นักการเมืองชาวสวีเดนจากพรรค Swedish Social Democrat ได้เสนอให้ทั่วประเทศมีการเพิ่มพักเบรคพิเศษอีก 1 ชั่วโมง เพื่อให้พนักงานทุกคนได้กลับบ้านไปปั่มปั๊มกับคู่รักของตน!! โดยทางด้านของ Per-Erik Muskos ผู้เสนอนโยบายได้กล่าวว่า ‘มันเป็นเรื่องของการกระชับความสัมพันธ์ในระดับครัวเรือน และก็มีงานวิจัยรองรับด้วยว่า การมีเซ็กส์ช่วยทำให้สุขภาพเราดีขึ้นจริง’ พูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ เซ็กส์ ช่วยทำให้สุขภาพกาย และใจเราดีขึ้นมากจริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีงานวิจัยจากหลายสำนัก ออกมาชี้แจงว่าเซ็กส์ช่วยให้ ระดับความดันเลือดลดลง ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับได้ รักษาไข้หวัดได้ หรือแม้แต่อาการสะอึก เซ็กส์ก็ช่วยได้ ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการเสนอนโยบายที่น่าสนใจ แต่นโยบายนี้ก็ต้องถูกนำไปพิจารณาในที่ประชุมอย่างเป็นทางการจากสภาสูงของสวีเดนก่อน ผู้เสนอเชื่อว่านอกจากจะช่วยกระชับความสัมพันธ์แล้ว ยังช่วยให้พนักงานได้ลดความเครียดจากการทำงานระหว่างวันอีกด้วย แหม่…ไหนๆ บ้านเราก็จะมีโครงการ ‘สาวไทยแก้มแดงมีลูกช่วยชาติ’ ไม่ทราบว่าท่านผู้ใหญ่สนใจจะลองเอานโยบายนี้ไปอะแด๊ปซักหน่อยมั้ย? รับรองว่าถูกอกถูกใจคนไทยแน่น๊อนน!! ที่มา: Vice
-
ทำความรู้จัก Øresund Bridge สะพานลอดใต้ทะเล สิ่งก่อสร้างสุดล้ำ เชื่อมต่อเดนมาร์กและสวีเดน
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยเห็นภาพสะพานแขวนสุดอลังการแห่งหนึ่งที่มีทั้งสะพานและอุโมงค์อยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน และหลายคนอาจสงสัยว่า สะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ไหนและทำไมต้องมีทั้งสะพานและอุโมงค์อยู่ด้วยกัน วันนี้เราไปทำความรู้จักกันดีกว่า…. สะพานแห่งนี้มีชื่อว่า Øresund Bridge (อ่านว่า เออะเรซอน) ตั้งอยู่บริเวณช่องแคบ Øresund โดยเชื่อมต่อกรุงโคเปญเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก กับเมืองมาลโม ประเทศสวีเดนเข้าด้วยกัน สะพานแห่งนี้เริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 1991 ก่อนจะแล้วเสร็จในปี 2000 ใช้งบประมาณก่อสร้างทั้งหมด 2.6 พันล้านยูโร หรือประมาณ 1 แสนล้านบาทไทย (แบ่งกันออกคนละครึ่งระหว่างสวีเดนและเดนมาร์ก) สำหรับจุดประสงค์ในการสร้างสะพานดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศสวีเดนและเดนมาร์กในขณะนั้น อีกทั้งยังเป็นการเชื่อมต่อประเทศในแถบยุโรปเหนือเข้าด้วยกัน ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งขึ้น สะพานแห่งนี้มีความยาว 7.8 กิโลเมตร มีความสูง 60 เมตรเหนือน้ำทะเล บวกกับส่วนที่เป็นเกาะกลางทะเลอีก 4 กิโลเมตร และส่วนที่เป็นอุโมงค์อีก 4 กิโลเมตร รวมเป็นความยาวกว่า 16 กิโลเมตร ซึ่งนอกจากถนนสี่เลนสำหรับให้รถวิ่งแล้ว บนสะพานดังกล่าวยังมีช่องทางเดินรถไฟอีกสองช่องทางด้วย เพื่อใช้ในการขนส่งผู้โดยสารสาธารณะที่ไม่มีรถส่วนตัว ส่วนสาเหตุที่ทำไมสะพานแห่งนี้ต้องมีส่วนที่เป็นทั้งสะพานและอุโมงค์ด้วย นั่นเป็นเพราะฝั่งประเทศเดนมาร์ก มีสนามบินโคเปญเฮเกนตั้งอยู่บริเวณริมชายฝั่ง ทางวิศวกรได้ทำการคำนวนแล้วว่า…
-
นโยบายบริษัทในสวีเดน ร่วมกันปรับเวลาทำงานเหลือแค่วันละ 6 ชั่วโมง เพื่อเน้นคุณภาพ!?
ในประเทศไทยเราน่าจะคุ้นชินกับการทำงานวันละ 8 ชั่วโมง ตอกบัตรเข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 4 โมงเย็น บางคนอาจจะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่มากเกินไป ยิ่งช่วงบ่ายยิ่งง่วงเหงาหาวนอนจนหลายคนแอบอู้งานเป็นประจำ ด้วยปัญหาเหล่านี้เองทางการของประเทศสวีเดนเลยเริ่มเล็งเห็นถึงปัญหาและแนวทางการแก้ไข พวกเขาก็เลยเริ่มปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานใหม่จากวันละ 8 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่วันละ 6 ชั่วโมงเท่านั้น (ลดไป 2 ชั่วโมง) เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยสำนักข่าวต่างประเทศหลายๆ แห่ง บอกว่าบริษัทและห้างร้านหลายๆ ที่เริ่มหันมาปรับเวลาทำงานให้เหลือแค่วันละ 6 ชั่วโมง ยกตัวอย่างเช่นผู้พัฒนาแอพฯ มือถือ Filimundus ที่ปรับให้พนักงานของพวกเขาทำงานแค่ 6 ชั่วโมงมาตั้งแต่เมื่อปี 2015 แล้ว โดยนายจ้างได้ให้เหตุผลว่าการทำงานเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ทำให้งานของพวกเขาไม่ได้ประสิทธิภาพ เพราะต้องจดจ่อกับการทำงานเป็นเวลานานๆ ทำให้สมาธิหรือความสนใจลดน้อยลง ยิ่งใช้เวลาทำงานมากก็ยิ่งใช้เวลาพักมากขึ้น ซึ่งจะเสียเวลาไปแบบเปล่าประโยชน์ หลังจากที่พวกเขาปรับเวลาทำงานแล้ว ผลงานของพวกเขากลับดีขึ้นกว่าตอนที่ทำงานเต็มเวลาเสียอีก พนักงานและลูกจ้างแต่ละคนมีประสิทธิภาพในการทำงานมากขึ้นกว่าตอนที่ทำ 8 ชั่วโมงด้วยซ้ำ เพราะใช้เวลาทำงานน้อยลง ทำให้พวกเขาสามารถเต็มที่กับงานตรงหน้าได้มากขึ้น ตอนนี้เริ่มมีหน่วยงานหลายแห่งทำตามแล้ว เช่นคลีนิค…
-
พาชมฐานทัพเรือสวีเดนที่เท่ที่สุดในโลก เพราะสร้างในหน้าผา ยังกะในหนังงั้นแหละ
ขึ้นชื่อว่า ‘ฐานรบ’ มันก็ต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ การออกแบบ และข้อมูลต่างๆ ทั้งหมดนี้ล้วนต้องเก็บเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ เช่นเดียวกับฐานทัพเรือแห่งหนึ่งของสวีเดน ที่ถึงขั้นต้องเจาะหน้าผากันเลยเดียว โดยฐานทัพเรือนี้มีชื่อว่า Muskö เป็นอุโมงค์ใต้ดินของสวีเดน ตั้งอยู่ที่ทางใต้ของกรุงสตอกโฮล์มในเขตเทศบาลเมือง Haninge ซึ่งเริ่มสร้างขึ้นเมื่อ ปี 1950 และเสร็จสิ้นในอีก 19 ปีต่อมาหรือปี 1969 โดยในการก่อสร้างครั้งนี้ พวกเค้าได้ทำการเจาะหน้าผาเพื่อทำเป็นอุโมงค์ นำหินออกไปถึง 1.5 ล้านตัน และทำท่าเทียบเรือ 3 ท่าด้วยกัน ภายในอุโมงค์นี้มีความยาวหลายกิโลเมตรและยังเชื่อมต่อกับถนนใต้ดินอีก 20 กิโลเมตร โดยในระยะทางนี้มี 3 กิโลเมตรที่มีความแคบและอันตรายมากๆ แต่มันก็เชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่และเกาะ Muskö อยู่ และจากการสำรวจอุโมงค์นี้ในปี 2000 พบว่า ทางที่นำไปสู่ท่าเรือทั้ง 3 นั้น มีสารประกอบ PCBs ดีบุกอินทรีย์ โลหะหนัก สารปรอทขนาดใหญ่ และทองแดงอยู่ด้วย ย้อนกลับไปในช่วงสงครามเย็น ฐานรบแห่งนี้ถูกปิดไว้เป็นความลับ…
-
หนุ่มสวีเดนแค้นหนัก ‘ตด’ อัดใส่สาวคู่นอนอย่างป่าเถื่อน หลังถูกปฏิเสธไม่ร่วมรักบนเตียงด้วย!!
คือเรื่องที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้มันก็เกิดขึ้นมาได้ซะอย่างงั้น แบบว่า เฮ้ย!! มันมีแบบนี้ด้วยเหรอ อย่างการที่คนเรามีแรงแค้นอะไรซักอย่าง มักจะลงมือด้วยการกระทำที่รุนแรงต่อฝ่ายตรงข้ามทั้งร่างกายและจิตใจ และในครั้งนี้มันยิ่งแปลกเข้าไปใหญ่เพราะลงมือกระทำด้วย ‘การตด’ สื่อสัญชาติสวีเดน Hallandsposten ได้ทำการรายงานว่า ชายหนุ่มสวีเดนรายหนึ่งได้ไปเยี่ยมเยือนฝ่ายหญิงที่อพาร์ทเม้นท์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำกิจกรรมจู๋จี๋บนเตียงด้วย แต่ฝ่ายหญิงกลับไม่เล่นด้วย ปฏิเสธอย่างไม่ใยดี จึงทำให้ฝ่ายชายเกิดอาการโกรธแค้นจัด ก็เลยจัดหนักด้วยการ ‘ตด’ อย่างรุนแรงและป่าเถื่อน ทิ้งไว้เพียงกลิ่นอันตลบอบอวล จนฝ่ายหญิงทนไม่ไหวถึงกับต้องโทรเรียกตำรวจมาจับกุมตัวฝ่ายชาย เนื่องจาก ‘กลิ่นตดรบกวนสมาธิเป็นอย่างมาก’ ตามรายงานบอกว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงลึกอะไรทั้งสิ้น แถมคืนก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องฝ่ายชายก็เอ่ยปากขอมาแล้วครั้งหนึ่ง และในคืนที่เกิดเรื่องฝ่ายหญิงก็บอกชัดเจนแล้วว่าจะไม่มีการทำอะไรทั้งนั้น ซึ่งตอนนี้ก็ไม่ได้รู้ว่าชะตากรรมฝ่ายชายจะโดนข้อหาอะไรบ้าง จากการกระทำอันอุกอาจร้ายแรงในครั้งนี้ ที่มา : hallandsposten, dailymail
-
สุดเศร้า!! Viola Beach วงดนตรีอินดี้จากอังกฤษเสียชีวิตทั้งวง หลังประสบอุบัติเหตุรถตกสะพานที่สวีเดน
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2559 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 02.30 น. ของวันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถตกลงไปในช่องว่างของสะพานในประเทศสวีเดน ขณะสะพานกำลังยกเปิดให้เรือลอดผ่าน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมด 5 คน ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เดินทางเข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ พบว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดคือ Kris Leonard, Tomas Lowe, Tomas Lowe และ Jack Dakin สมาชิกทั้ง 4 ของวง Viola Beach และยังมี Craig Tarry ผู้จัดการของวงที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปิดเผยว่า อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในระหว่างที่สะพานกำลังยกเปิด เพื่อให้เรือสามารถลอดผ่านใต้สะพานไปได้ แม้ว่าขณะนั้นจะมีการนำแผงกั้นทางลง พร้อมเปิดสัญญาณไฟเตือนแล้วก็ตาม ขณะนั้นรถของ Viola Beach ที่กำลังวิ่งผ่านมา ไม่ยอมหยุดรอหลังแผงกั้น แต่กลับพุ่งออกไป งานนี้ทำให้รถร่วงหล่นบริเวณช่องว่างระหว่างสะพานสูง…
-
รู้จักกับสุนัขพันธุ์ ‘สวีดิช วาลฮุนด์’ เตี้ยล่ำน่ารัก สไตล์หมาป่ารวมร่างกับคอร์กี้!!
นอกจากเหมียวจะนำเสนอในเรื่องของหมา แมว น่ารักๆ เยอะแยะมากมายแล้ว คราวนี้เอาใจคนรักสุนัขกันบ้าง กับเรื่องราวของสายพันธุ์สุนัขที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักซักเท่าไหร่ เอาล่ะ!! ลองนึกภาพของเจ้าสนุัขคอร์กี้ตัวเตี้ยน่ารักมา 1 ตัว กับหมาป่าผู้น่าเกรงขาม อีก 1 ตัว นี่คือคอร์กี้ และนี่ก็คือ หมาป่า นำทั้งสองตัวมารวมร่างกัน!! จึงออกมาเป็น ‘สวีดิช วาลฮุนด์’ สำหรับความเป็นมาของเจ้า สวีดิช วาลฮุนด์ (Swedish Vallhund) หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Västgötaspets เป็นสายพันธุ์ของสุนัขที่หายากมากๆ เกือบจะสูญพันธุ์ในช่วงปีค.ศ. 1940 โดยต้นกำเนิดมาของพวกมันนั้น มาจากประเทศสวีเดน เชื่อกันว่ามาจากช่วงยุคไวกิ้งประมาณ 1,000 ปีที่แล้ว โดยสุนัขสวีดิช วาลฮุนด์ นั้นมักจะถูกนำทำหน้าที่ในการต้อนปศุสัตว์และสัตว์อื่นๆ เป็นสุนัขเฝ้าบ้านระวังภัย แต่ ณ ปัจจุบันด้วยความหายากของสุนัขพันธุ์นี้ ก็ได้กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงไปแล้ว …
-
ประเทศสวีเดนกำลังจะเป็นประเทศแรกๆ ที่เลิกใช้พลังงานจากฟอสซิล!! พวกเขาทำอย่างไร??
ประเทศสวีเดนอาจเป็นประเทศเล็กๆที่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ ตอนนี้พวกเขากำลังจะทำสิ่งที่ปฏิวัติวงการพลังงานโลกตลอดไป เมื่อนายกรัฐมนตรีของสวีเดน Stefan Löfven ได้แถลงในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติว่า พวกเขาจะกลายเป็นประเทศแรกๆที่เลิกใช้พลังงานฟอสซิลถาวรในเร็วๆนี้ พูดถึงพลังงานฟอสซิลหลายคนอาจงงว่าคืออะไร พูดง่ายๆ พลังงานฟอสซิลคือพลังงานที่มาจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์ ซึ่งก็คือปิโตรเลียมหรือน้ำมันต่างๆที่เราใช้ทุกวันนั่นเอง ในปัจจุบัน ประเทศสวีเดนก็เป็นผู้นำในการใช้พลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) โดย 2 ใน 3 ของพลังงานที่ใช้ในประเทศสวีเดนล้วนมาจากพลังงานหมุนเวียนทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งประเทศข้างๆอย่างเดนมาร์ก สามารถผลิตพลังงานจากลมได้ถึง 140 เปอร์เซ็นจากความต้องการใช้พลังงานในแต่ละวัน จนเหลือพอส่งไปให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างเยอรมัน สวีเดน และนอร์เวย์ (ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 15 ของโลก ย้อนแย้งมั้ยละ ผลิตขายแต่ไม่ใช้) ส่วนประเทศไอซ์แลนด์นั้น สามารถผลิตพลังงานหมุนเวียนได้เกือบ 100 เปอร์เซ็นเลยทีเดียว โดยพวกเขาได้ลงทุนในการผลิตพลังงานจากน้ำและความร้อนใต้โลก แต่การที่ประเทศสวีเดนจะยกเลิกการใช้พลังงานฟอสซิลนั้นเป็นเป้าหมายที่ยากมาก เพราะพวกเขามีทั้งภาคอุตสหกรรมที่ยังต้องใช้พลังงานฟอสซิลอยู่ ในงบประมาณประจำปีที่เพิ่งประกาศไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลสวีเดนประกาศว่าจะใช้เงินประมาณ 356 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 14,300 ล้านบาท ในการสร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นแผงโซล่าเซลล์และกังหันลม รวมถึงจะปรับปรุงระแบบขนส่งสาธารณะใหม่ให้สะอาดขึ้น และมีระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะอีกด้วย นอกจากนี้พวกเขาจะใช้เงินอีกประมาณ…
-
นางแบบสาวสวีเดนวัย 19 ปี หางานไม่ได้ เนื่องจากว่าเธอมี ‘สะโพก’ และ ‘ก้น’ ที่ใหญ่เกินไป!?
ในวงการนางแบบนั้นก็ใช่ว่าจะหางานกันได้ง่ายๆ นะเนี่ย เนื่องจากนิยามความสวยงามเป็นสิ่งที่ไม่ตายตัว ถึงแม้ว่าเราอาจจะมองว่าคนที่มีหน้าสวยและผอมก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับวงการนางแบบแล้วแค่นี้มันยังไม่พอ!! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับนางแบบสาวชาวสวีเดนนามว่า Agnes Hedengard วัย 19 ปี ถูกปฏิเสธจากงานนางแบบแทบทุกที่ โดยเหตุผลดังกล่าวที่ทำให้เธอไม่ได้งานก็คือ พวกเขายังมองว่าเธอมี ‘สะโพก’ และ ‘ก้น’ ที่ใหญ่เกินไป ในวงการนางแบบนั้นต้องการให้เธอผอมมากกว่านี้ ถึงจะยอมรับเธอเข้าทำงานเป็นนางแบบมืออาชีพ ทำให้เธอเองก็รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่เข้าใจว่าแค่นี้ยังผอมไม่พออีกหรือ? . อย่างไรก็ตามเธอไม่ยอมนิ่งเฉยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำการถ่ายคลิปวิดีโอเพื่อบอกให้ผู้อื่นได้รับรู้ถึงความโหดร้ายในวงการนางแบบ สำหรับเหมียวแล้ว เหมียวก็ว่าเธอผอมแล้วนะ ถ้าให้ผอมกว่านี้ก็แห้งแล้วล่ะ ที่มา : thechive