Tag: สัญญาณ
-
หญิงสาวผู้มี 12 บุคลิก ใช้วิธีแยกสมุดโน้ต 12 เล่ม บันทึกพฤติกรรมตัวเองในแต่ละช่วง
ฟังดูอาจจะมองว่าเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายของคนปกติ หากเราได้ยินว่าคนเราสามารถมีบุคลิกได้มากกว่า 1 แบบ สมัยก่อนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ แต่ปัจจุบันอาการดังกล่าวได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งเรียบร้อยแล้ว Lauren Stott วัย 23 ปี ต้องประสบกับอาการของโรคหลายบุคลิก หรือ Dissociative Identity Disorder (DID) โดยที่เธอนั้นมี 12 บุคลิกอยู่ภายในร่างเดียวกัน เธอจะต้องพกสมุดโน้ต 12 เล่มเพื่อจดบันทึกความคิด ความรู้สึก ที่เกิดขึ้นในแต่ละบุคลิกนำมาประกอบเป็นตัวตนของเธอเอง ความผิดปกติทางจิตนี้ โดยส่วนมากจะเกิดขึ้นจากการได้รับผลกระทบทางจิตใจอย่างรุนแรง หรืออาจจะหมายถึงความผิดปกติ ที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจได้เช่นเดียวกัน ทางด้านจิตแพทย์เชื่อว่า Lauren นั้นทุกข์ทรมานจากความผิดปกติที่ไม่สามารถระบุได้ตั้งแต่ช่วง ป. 1 – ป. 2 นำไปสู่การแยกบุคลิกเพื่อความอยู่รอด เธอได้รับวินิจฉัยโรคครั้งแรกในเดือนสิงหาคม 2017 ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วในเดือนสิงหาคม 2016 หลังจากนั้นเป็นต้นมา เธอเข้ารับการรักษาแทบทุกวัน เพื่อที่จะมองเห็นภาพบุคลิกทั้ง 12 ร่างให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้นภายในห้องบำบัดที่จัดโต๊ะไว้ให้สำหรับเธอคนเดียว 12 ที่!!…
-
สาวๆ โปรดระวัง 10 สัญญาณอันตราย ที่บ่งบอกว่าแฟนหนุ่มกำลังจะ “หมดรัก” คุณแล้ว
เมื่อเวลาเปลี่ยนไปคนเราก็เปลี่ยนไปด้วย มันเป็นสัจธรรมของโลกอย่างหนึ่งที่เราไม่สามารถปฎิเสธได้ เพียงแค่จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยเพียงใดเท่านั้น คู่รักเองเมื่อคบไปนานๆ นิสัยของเราและอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปเช่นกัน นิสัยเปลี่ยนไปนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่ที่เรารู้ได้ยากก็คือความรักที่เขามีต่อเรานั้นเปลี่ยนไปด้วยหรือเปล่านี่สิ บางครั้งเราก็สงสัยเรื่องนี้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสังเกตอย่างไร วันนี้เราก็เลยลองรวบรวมข้อสังเกต 10 ประการที่อาจแปลว่าแฟนของคุณหมดรักคุณไปแล้วมาให้ทราบกัน 1. เริ่มวิจารณ์รูปร่างของคุณ Omar Khayyam นักคณิตศาตร์และผู้ประพันธ์กวีเคยกล่าวไว้ว่า “หากเขารักคุณจริง เขาจะชอบทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ แม้ว่าจะเป็นข้อเสียของคุณก็ตาม” เป็นความจริงหนึ่งที่ใช้ได้กับคู่รักทุกคู่ ถ้าหากคู่รักเริ่มติรูปร่างของคุณบ่อยขึ้นผิดปกติล่ะก็ เขาอาจจะไม่ได้ไม่ชอบรูปร่างของคุณ แต่ลึกๆ แล้วเขาอาจจะไม่ชอบตัวคุณเองก็ได้ บ่อยครั้งที่หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แม้ว่าเราจะไปลดน้ำหนักมาแต่เขาก็จะหาข้อเสียอย่างอื่นมาว่าเราอยู่ดี 2. เล่าข้อเสียของคุณให้เพื่อนฟัง แม้ว่าจะไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด แต่คนรักกันมักจะมองเห็นข้อดีของคู่รักมากกว่าข้อเสียเสมอ ดังนั้นหากเขาเพ่งความสนใจไปที่ข้อเสียของคุณ แล้วยังเอาไปพูดเล่นกับคนอื่นในที่สาธารณะอีก มันแสดงให้เห็นว่าเขาเริ่มไม่เคารพคุณ และอาจจะหมายถึงความรักที่ลดลงไปอีกด้วย 3. ตำหนินิสัยของคุณเป็นประจำ บ่อยครั้งที่แฟนมักจะบอกว่านิสัยเปิ่นๆ ของคู่รักนั้นช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน แต่ถ้าเกิดเมื่อไหร่เขาเริ่มมองพฤติกรรมเดิมๆ ของคุณที่เคยคิดว่าน่ารักกลายเป็นสิ่งน่ารำคาญในสายตาเขาแทน ก็จงระวังเรื่องความสัมพันธ์เอาไว้ให้ดี 4. ไม่ให้ความสนใจกับสิ่งที่คุณพูด เป็นปกติที่คนเราจะมีความสนใจไม่เหมือนกัน แม้ว่าบางครั้งเรื่องที่คุณพูดอยู่จะเป็นเรื่องที่เขาไม่สนใจเลย แต่ถ้าเขาแคร์คุณจริงๆ เขาก็จะตั้งใจฟังเพื่อให้คุณรู้สึกได้รับความสนใจ ทว่าหากเขาพยายามเปลี่ยนเรื่องสนทนาเป็นเรื่องของตัวเอง หรือบอกให้คุยเรื่องที่คุณสนใจกับคนที่มีรสนิยมแบบเดียวกัน อาจจะแปลว่าเขาไม่สนใจในเรื่องคุณอีกต่อไป 5. ไม่ปลอบประโลมเวลาคุณเศร้า…
-
8 สัญญาณที่บ่งบอกว่า ‘แฟนหนุ่ม’ ที่คุณกำลังคบหาอยู่นั้น เขารักคุณมากจริงๆ นะ
บางครั้งสาวๆ ก็อาจเกิดความสงสัยกันขึ้นมาว่าชายหนุ่มที่อยู่เคียงข้างเรานั้น เขาจะรักเราจริงหรือเปล่า? จนคุณอาจจะพยายามใช้วิธีการร้อยแปดพันเก้าในการพิสูจน์ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น แต่วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีที่ง่ายมากๆ ด้วยการสังเกตกับ 8 สัญญาณที่จะสามารถบอกคุณได้ว่า แฟนหนุ่มเขารักคุณจริงๆ นะ จะมีอะไรบ้าง เราลองไปดูกันเลย 1. เขาฟังคุณมากกว่าที่จะพูด ผู้ชายมักจะพูดถึงเรื่องของตัวเองหรือความสำเร็จที่เคยได้รับ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรเกิดขึ้นในตอนที่พวกเขามีความรัก เพราะรักแท้จะทำให้พวกเขาเกิดความสนใจในตัวอีกฝ่ายและเห็นอกเห็นใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากขนาดไหนก็ตาม พวกเขาจึงจะรับฟังสาวๆ ข้างกายอย่างตั้งใจและถามเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ อยู่เสมอ 2. เขาใส่ใจเพื่อนและครอบครัวของคุณ หนุ่มที่รักคุณจริงจะต้องใส่ใจในเรื่องของครอบครัวและเพื่อนๆ ของคุณ เพราะเขาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณไปแล้ว ซึ่งแม้ว่าเขาอาจจะไม่ได้ชอบหรือเคารพคนเหล่านั้น แต่เขาก็จะไม่มาคอยกีดกันคุณออกจากสังคมที่มี แต่เขาพร้อมที่จะเข้าไปช่วยเสมอทุกครั้งที่คุณต้องการ 3. เขาจะไม่ผลักคุณออกจากบทสนทนาหรือการโต้เถียง คุณอาจเคยได้ยินประโยคว่า “หยุดเลย ผมจัดการตรงนี้เองได้” นั่นเป็นสิ่งที่คุณจะไม่ได้ยินจากปากของชายที่รักคุณจากใจ เพราะเขาจะปฏิบัติกับคุณให้เท่าเทียมกับตัวเอง อีกทั้งเขายังจะมอบโอกาสให้คุณได้แสดงความคิดเห็นอยู่เสมอ 4. เขาภูมิใจในความสำเร็จของคุณและมักจะเอาไปพูดกับคนอื่นๆ อยู่บ่อยครั้ง ผู้ชายจำนวนมากไม่ชอบเห็นแฟนสาวของตัวเองประสบความสำเร็จ ยิ่งถ้าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ด้วยแล้ว แต่ผู้ชายที่รักคุณจริงจะมองว่าคุณคือส่วนหนึ่งของเขา เขาจึงรู้สึกดีใจอยู่เสมอที่ได้เห็นความสำเร็จของคุณ และชอบที่ได้อวดเรื่องนี้กับเพื่อนๆ ของเขา 5. เขารู้สึกยินดีในความเป็นคุณและคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ ชายที่รักจริงจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ สำคัญ…
-
10 สัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่า ‘ระดับน้ำตาล’ ในเลือดของคุณสูงเกินไปแล้ววว!!
น้ำตาลและของหวานอาจจะเป็นของโปรดสำหรับหลายๆ คน แต่อย่างที่เรารู้ๆ กันดี การบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไปนั้นย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายเราอย่างแน่นอน และนอกจากการตรวจเลือดที่โรงพยาบาลแล้ว บางครั้งสัญญาณจากร่างกายของเราก็อาจจะบอกคุณได้ว่า ตอนนี้ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณนั้นสูงเกินไปหรือเปล่า!? 1. ปวดปัสวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน ถ้าหากว่ามีสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงนั้น ระบบทางเดินปัสสาวะของคุณนั้นจะเกิดการติดเชื้อได้ และมันจะทำให้คุณรู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยๆ นั่นเอง 2. รู้สึกกระสับกระส่าย การมีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงนั้นจะทำให้ร่างกายของเราขาดฮอร์โมนอินซูลีน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายขาดฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ร่างกายดึงน้ำตาลกลูโคสออกจากเซล ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกกระสับกระส่ายและอ่อนเพลีย นอกจากนี้ระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงยังทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะขาดน้ำ เนื่องจากต้องการขับน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกายนั่นเอง 3. ริมฝีปากแห้ง ปริมาณของกลูโคสที่อยู่ในเลือดและน้ำลายที่มากเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากระดับน้ำตาลในที่เลือดสูงเกินไป จะทำให้คุณเกิดอาการปากแห้งได้ 4. น้องชายไม่ตื่นนอน นี่อาจจะเป็นปัญหาที่ท่านชายหลายๆ คนไม่อยากพบเจอแน่นอน โดยต้นตอของสาเหตุนี้มาจากการสูญเสียการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดระยะยาว ซึ่งจะมีผลต่อระบบประสาทและหลอดเลือด 5. รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ถ้าหากไทรอยด์ฮอร์โมนของคุณอยู่ในระดับต่ำ มันจะทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย ง่วงนอน หรือรู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่านอกจากนี้ฮอร์โมนต่อมไทยรอยด์นั้นจะควบคุมการเผาผลาญอาหารในร่างกาย และมีผลโดยตรงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย 6. น้ำหนักเกิน/อ้วน นี่อาจจะเป็นสัญญาณพื้นฐานของสภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเลยก็ว่าได้ พลังงานจากอาหารที่มากเกินไปจะสะสมอยู่ในร่างกายของคุณและมันจะทำให้คุณอ้วนนั่นเอง 7. ผิวหนังแห้งและคัน เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของคุณมีการไหลเวียนของเลือดที่ต่ำ จะทำให้ผิวหนังของคุณรู้สึกแห้งและเกิดอาการคันได้…
-
9 สัญญาณบอกความในใจ แสดงออกด้วยท่าทาง แบบนี้ข้า ‘รัก’ เจ้าทาสแล้วนะ
เคยสงสัยกันมั้ยว่าเจ้านายเหมียวรักเราหรือเปล่า? พฤติกรรมแบบนี้คือการแสดงความรักของมันหรือเปล่านะ? ถึงแม้ว่าเราอยากรู้ใจจะขาดก็ไม่สามารถถามพวกมันตรงๆ ได้ ในเมื่อมันพูดภาษาคนไม่ได้นี่นา… แต่ถ้าหากเพื่อนๆ เคยตั้งคำถามแบบนั้นแล้วล่ะก็ #เหมียวตะปู ขอแนะนำให้มาอ่านข้อสังเกตเหล่านี้ เพราะนี่คือ “9 สัญญาณที่บอกได้ว่าน้องเหมียวกำลังรักคุณอยู่จริงๆ นะ” ว่าแล้วก็ลองไปดูกันเลย เจ้าเหมียวหาของขวัญมาให้ เวลาที่มันคาบซากหนูหรือนกมาให้ นั่นหมายความว่าเจ้าเหมียวได้มอบของขวัญสุดพิเศษให้กับคุณ แม้ว่ามันอาจจะดูขนลุกไปหน่อยแต่อย่าลืมว่าแมวคือสัตว์ที่มีความเป็นนักล่าอยู่ในตัว ดังนั้นก็จงดีใจซะเถอะนะที่มันนำเหยื่ออันแสนมีค่ามามอบให้ น้องแมวนอนหงายโชว์พุงให้คุณเห็น ธรรมชาติของแมวคือค่อนข้างหยิ่งในศักดิ์ศรีและเหมือนกับสัตว์ตัวอื่นๆ ที่ไม่ชอบนอนโชว์พุงให้ใครเห็น ซึ่งหากมันทำแบบนั้นล่ะก็ นั่นหมายความว่ามันรู้สึกสบายใจ ปลอดภัย และได้รับความรักจากคุณ ถึงได้ยอมนอนหงายโชว์พุงอย่างไร้ความกังวล เจ้าแมวเอาหัวมาโขก การที่พวกมันเอาหัวมาชนหรือโขกกับร่างกายของเรา อาจทำให้เราคิดว่ามันโมโหใส่หรือเปล่า แต่ความจริงแล้วนั่นคือการปล่อยฟีโรโมนเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันรักและเป็นเหมือนกับส่วนหนึ่งของเราไปแล้ว ชอบแทะ แต่ไม่ได้หมายถึงกัดแรงๆ นะ การที่มันชอบแทะปลายนิ้วเวลาเราเล่นด้วย คือการแสดงออกถึงความรักที่มันมีให้ แต่ต้องแยกให้ออกนะว่ามันแทะหรือว่ามันกัด เพราะถ้ามันกัดก็อาจหมายความว่ามันกำลังรำคาญเราอยู่ก็ได้ เข้ามาคลอเคลียหรือเดินตามเราไปทุกที่ เวลาที่เจ้าเหมียวรักใครมันก็จะชอบเดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขาของเรา หรือเวลาเราเดินไปไหนมาไหนก็จะคอยเดินตามไม่ห่าง และในบางทีที่มันทำเป็นออกห่างจากเราไปก็อาจเป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจจากคุณก็ได้นะ ชอบมานวดให้อยู่บ่อยๆ การเข้ามากดๆ นวดๆ อยู่บนร่างกายของเราคือการแสดงความรักในแบบที่เหมือนกับแม่เหมียวมอบให้ลูกเหมียว คอยดูแลเราอย่างใกล้ชิดและสิ่งนี้ก็ทำให้ทั้งเราและเจ้าเหมียวรู้สึกฟินไปพร้อมๆ กัน …
-
7 ข้อสังเกตสุดอัศจรรย์ที่บอกได้ว่าแท้จริงแล้วคุณอาจเป็น “คนฉลาด” อยู่ลึกๆ
เราอาจเคยเห็นแบบทดสอบวัดผลระดับสติปัญญามาหลายแบบ บางอันแค่ต้องการให้เราตอบคำถาม บางอันอาจให้เราแก้ปัญหารูปภาพ บางอันอาจถามปัญหาเชาว์ แต่มันจะดีขนาดไหน หากเรามีหลักการณ์ง่ายๆ ที่ช่วยให้เรารู้ได้ทันทีว่าใครเป็นอัจฉริยะตัวจริง ล่าสุดเว็บไซต์ต่างประเทศได้รวบรวม 7 ข้อสังเกตสุดอัศจรรย์ ที่จะทำให้คุณรู้ทันทีว่านี่แหละคืออัจฉริยะที่โลกตามหามานาน จะมีอะไรบ้าง ลองไปชมกันเลย เป็นคนใช้ยาเสพติด คุณคงเคยได้ยินพ่อแม่หรือพวกผู้ใหญ่พูดว่าการเล่นยาในช่วงมหาลัยเป็นการกระทำที่ไร้ประโยชน์ แต่อ้างอิงจากงานวิจัยของ James White และ David Batty เรื่องนั้นอาจไม่จริงเท่าไหร่ พวกเขากล่าวว่า คนที่เล่นยามักเป็นคนที่เปิดกว้างพร้อมรับประสบการณ์ใหม่ๆ และเป็นพวกขี้เบื่อ แต่อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ใช้ได้กับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ฉะนั้น หนุ่มๆ ควรเชื่อฟังที่พ่อแม่ผู้ปกครองบอกหน่อยล่ะนะ เป็นพวกลิเบอร่อล มีการบอกว่าพวกลิเบอร่อลจะมี IQ สูงกว่าคนที่เป็นอนุรักษ์นิยม เพราะว่าความเชื่อเสรีนิยมจะเป็นการสวนกระแสสัญชาตญาณวิวัฒนาการของพวกเรา ด้วยความรู้ที่มากกว่า นั่นหมายความว่าคุณมีโอกาสมากกว่าที่จะเอาชนะพวกเขาเหล่านั้นได้ เป็นคนสันโดษ คนส่วนใหญ่มองว่าความสุขเกิดจากการเข้าสังคม พบปะเพื่อนฝูง ใช้ชีวิตร่วมกัน หัวเราะไปด้วยกัน แต่สำหรับคนอัจฉริยะแล้ว การเข้าสังคมอาจทำให้พวกเขาเป็นทุกข์ยิ่งขึ้น งานวิจัยพบว่ายิ่งคนเหล่านั้นอยู่ในสังคมกลุ่มเพื่อนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งทำให้ความสุขในชีวิตของพวกเขาลดน้อยลงมากเท่านั้น ดังนั้นอัจฉริยะจึงชอบอยู่อย่างสันโดษมากกว่า เป็นคนนอนดึก สำหรับพนักงานบริษัทแล้ว การตื่นสายอาจไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แต่สำหรับอัจฉริยะแล้ว…
-
นี่คือวิธีที่ถูกต้องของการเอาชีวิตรอด หากคุณพลาดตกลงไปใน “รางรถไฟใต้ดิน”
สถานีรถไฟใต้ดิน ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ที่อันตราย เพราะถึงแม้ว่าทางสถานีจะหามาตรการป้องกันเพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกคนแล้วก็ตาม แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นอยู่เสมอ แถมยังสามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในเวลาที่เร่งด่วนอีกด้วย ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เราจึงต้องขอมานำเสนอวิธีการเอาตัวรอด หากคุณตกลงไปในรางรถไฟใต้ดิน เพราะหากคุณรู้วิธีการเบื้องต้นเหล่านี้ บางทีมันอาจจะช่วยชีวิตคุณไว้ก็ได้ และโอกาสที่จะนำไปสู่ผลเลวร้ายก็อาจจะเกิดขึ้นน้อยลง สิ่งที่คุณไม่ควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ หากตกลงไปในลางรถไฟ อย่าพยายามที่จะปีนขึ้นไป เพราะใต้แพลตฟอร์มมีกระแสไฟฟ้าแรงสูงอยู่ หากคุณไปสัมผัสมันเข้าอาจจะถูกช็อตทันที สิ่งที่คุณควรทำ หากตกลงไปในรางรถไฟ เมื่อตกลงไปแล้ว คุณควรจะมองดูก่อนว่ามีรถไฟมาหรือไม่ หากไม่มีก็เข้าไปยืนอยู่ตรงกลางรถไฟ ในขณะเดียวกันคุณสามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ เพื่อให้ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นแจ้งพนักงานของสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ถ้าหากคุณดันตกลงไปในขณะที่รถไฟกำลังวิ่งมาพอดี ให้นอนหมอบลงบนช่องระหว่างรางและใช้มือคลุมหัวเอาไว้ ซึ่งระยะห่างระหว่างช่องว่างตรงกลางนั้น จะมีระยะห่างจากรถไฟประมาณ 0.5 เมตร ดังนั้นหากคุณนอนราบลงไปมันอาจจะช่วยให้คุณพ้นจากความอันตรายได้ ทั้งหมดนี้คือวิธีการเอาตัวรอดหากคุณตกลงไปในรางรถไฟ แม้ว่าหลายคนอาจจะคิดว่ามันคงไม่เกิดขึ้นกับตัวเองหรอก แต่ถ้าวันใดวันหนึ่งหากคุณมีความจำเป็นในการขึ้นรถไฟ และบังเอิญกำลังตกอยู่ในสถานการณ์นั้นพอดี วิธีเหล่านี้อาจจะช่วยให้คุณรอดชีวิตได้ ที่มา : brightside
-
เช็คตัวเองกับ 15 สัญญาณบ่งบอกว่า คุณเป็นแฟนเก่าผู้พร่ำเพ้อ และไม่ยอมตัดใจเสียที!?
ล่าสุด #จ่าสิบเหมียว ก็มีโอกาสได้ไปดูภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่พึ่งเข้าโรงกันสดๆ ร้อนๆ เรื่อง The Girl on the Train ภาพยนตร์เกี่ยวกับชีวิตของแฟนสาวเก่าที่ไม่ยอมตัดใจจากสามีแม้จะเลิกรากันไปนับปีแล้ว ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างธรรมดาเลยนะเกี่ยวกับแฟนเก่าที่ยังหมกมุ่นอยู่เนี่ย หลายๆ คนคงเคยมีประสบการณ์แบบนี้กันมาก่อน ทางเว็บไซต์ Metro เลยได้จัดทำบทความเกี่ยวกับ 15 สัญญาณที่ว่าคุณเป็นแฟนเก่าผู้พร่ำเพ้อติดอยู่กับอดีตและไม่ยอมรับความจริงหรือเปล่า!? เลยถือโอกาสเอามาให้ได้อ่านกันฮะ… 1 . ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามคุณเคยไปโผล่ในสถานที่สักแห่ง หรือบาร์ ที่แฟนเก่าของคุณเผอิญเช็คอินบ้างรึเปล่าล่ะ? 2. ตามไปไลค์ทุกโพสต์ ทุกสเตตัสของเขาอยู่หรือเปล่า? 3. แถมไม่พอยังขุดคั้ยไปดูโพสต์เก่าๆ ของเขาเมื่อ 1-2 ปีที่แล้ว เพื่อดูความทรงจำเก่าๆ ในตอนนั้น 4. เพื่อนๆ ของคุณเริ่มเบื่อหน่ายเวลาคุณชวนออกไปไหนมาไหนด้วยหรือยัง? …อาจเป็นได้เพราะกี่ครั้งๆ ก็ยังชวนคุยเรื่องแฟนเก่าของคุณอยู่นั่นแหละ -*- 5. แอบตามดูแฟนเก่าของเราและแฟนใหม่ของเขา ถึงขั้นตั้งแจ้งเตือนเป็นอันดับแรกเวลาเขาทำอะไรหรือเปล่า!? เวลาเพื่อนๆ จะยืมมือถือหรือยืมคอมเราล่ะก็ กลัวพวกเขามาเห็นเข้าจริงจริ๊งงง ว่าเราเผือกไปถึงขั้นไหน…
-
จากการศึกษากว่าสองทศวรรษ นี่คือ 5 สัญญาณที่จะบ่งบอกว่าคุณจะมีอายุยืนมากกว่า 100 ปี!!!
หากเพื่อนๆ อยากเป็นคนที่มีอายุ 100 ปีแล้วล่ะก็ เนื้อหาในกระทู้นี้จะทำให้เพื่อนๆ สามารถรู้ได้ถึงสัญญาณโอกาสที่ว่า เราจะอายุยืนถึงขนาดนั้นได้!!? ลองมาดูกัน จากการศึกษาของทาง New England Centenarian Study หรือสถาบันศึกษาผู้มีอายุ 100 ปี ซึ่งศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 1995 แล้วล่ะ เพื่อหาปัจจัยที่ทำให้คนอายุยืนถึง 100 ปี อายุยืน 100 ปี ต้องทำอย่างไร!!? ผลที่ออกมานั้น…ค่อนข้างจะกระเทือนใจไม่น้อยเลยล่ะ เพราะหลายๆ อย่างเลย บ่งชี้ว่า เราจะไม่มีอายุยืนถึง 100 ปีน่ะสิ >< 1. คนที่อายุยืนมากกว่า 100 ปีสามารถจัดการกับความเครียดได้ดี จากการวิจัยและศึกษา นักวิทยาศาสตร์พบว่า เหล่าผู้ที่มีอายุยืนมากๆ จะสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีกว่าคนปกติ คือไม่จมปลักอยู่กับความเครียดนั่นเอง ยิ่งเครียดยิ่งเสียสุขภาพ 2. ชาว 100 ปีเขาไม่อ้วนกันหรอกนะ!!! เรื่องนี้อาจจะเจ็บจี๊ดและตลกร้ายสำหรับใครหลายคน แต่เป็นเรื่องจริงที่ว่า ชาว 100 ปีเขาไม่ค่อยอ้วนกัน…
-
รวมภาพที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเจอแบบนี้ ย้ายบ้านหนีเถอะคร้าบบบ
บ้านเป็นสถานที่ที่ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยทุกครั้งที่กลับไป มันสามารถปกป้องเราจากโลกภายนอก ที่เคี่ยวกรำเราอย่างโหดร้ายอยู่ทุกวัน ลองนึกภาพนอนเล่นอย่างมีความสุขในบ้านช่วงวันหยุดสิ จะมีความสุขขนาดไหน แต่จะเป็นอย่างไร หากบ้านของคุณ ไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไป อย่างเช่น 13 ภาพที่เหมียวนำมาให้เพื่อนๆได้ชมวันนี้ ถ้าเพื่อนๆพบเหตุการณ์คล้ายๆกันแบบนี้ล่ะก็ เหมียวว่ารีบย้ายออกโดยด่วนเถอะจ้า จะเป็นยังไง ไปชมกันเลย เมื่อมีบางอย่างโผล่ขึ้นมา ในที่ที่มันควรจะลงไป มีเป็นกองทัพเลยสินะ วิ่งดิเอ๋! วิ่งดิ! เรียกว่ากันไม่ยอมให้เข้าบ้านเลยทีเดียว อื้อหือ มากันทั้งครอบครัวเลยนะ อาจมีพลังงานบางอย่างซ่อนอยู่ ก็เป็นได้ ขนาดตุ๊กแกยังไม่รอด แล้วพี่จะรอดมั้ยเนี่ย T^T วันดีคืนดี อาจมีสาวเสื้อหนังเกาะอก ออกมาถือปืนไล่ยิงซอมบี้ก็ได้นะ เจอแบบนี้ ก็หาบ้านใหม่เลยก็แล้วกัน บายยยยยยยยยยยยยย ดึกๆออกมาต้องมีหลอนบ้างล่ะ เมื่อกลับมาถึงบ้าน แล้วเจอภรรยาทำแบบนี้ “ใครที่เป็นกำลังเป็นโรคท้องร่วงหรือเพิ่งหายมาไมถึงสองอาทิตย์ ห้ามลงสระว่ายน้ำ” ที่แบบไหนกันนะ ที่ต้องติดป้ายแบบนี้ == …
-
ล้ำไปอีกขั้นกับ “ปืนสอยโดรน” รบกวนด้วยสัญญาณ บังคับโดรนบุกรุกได้
ทุกวันนี้คนนิยมใช้โดรนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งบางแห่งถึงกับต้องมีกฎหมายออกมารองรับการใช้โดรนกันแล้ว เพราะบางทีมันก็เป็นการรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคลได้ และในตอนนี้ทางทหารของสหรัฐก็ได้ทำการพัฒนาเทคโนโลยีชิ้นหนึ่งขึ้นมา เรียกได้ว่าเป็นปืนต่อต้านโดรนเลยก็ว่าได้ ปืนชนิดนี้ไม่ได้ปืนที่มีพลังการทำลายล้าง แต่เป็นปืนรบกวนสัญญาณของโดรนที่จะตัดการบังคับระหว่างเจ้าของโดรนและตัวโดรนออกไปได้ เจ้าตัวนี้มีชื่อว่า DroneDefender พัฒนาโดย Battelle ลักษณะของมันจะคล้ายๆกับปืนไรเฟิลจากโลกอนาคตที่ปลายปืนนั้นจะติดอุปกรณ์ปล่อยคลื่นวิทยุเพื่อรบกวนสัญญาณของโดรนนั่นเอง น้ำหนักของมันประมาณ 4.5 กิโลกรัม สามารถยิงโดรนในรัศมีที่ห่างออกไปได้ 400 เมตร เมื่อผู้ใช้ลั่นไกแล้ว ปืนจะผลิตพังงานสนามแม่เหล็กแล้วเปลี่ยนเป็นสัญญาณความถี่ GPS และ ISM ที่คนทั่วไปใช้กัน ซึ่งสามารถหยุดการทำงานและบังคับโดรนให้ลงจอดได้ เราไปชมคลิปการทำงานของมันกันเลยดีกว่า ถือเป็นเทคโนโลยีที่มีประโยชน์มากๆสำหรับการป้องกันความลับ เพราะพื้นที่ของทหารนั้นปกติก็ไม่ให้คนนอกเข้าไปและถ่ายภาพได้อยู่แล้ว ก็ต้องมีสิ่งที่คอยควบคุมโดรนเหล่านี้เพื่อป้องกันความลับรั่วไหลอีกด้วย ที่มา Battelle
-
สมุดโน๊ตแห่งอนาคต ‘Bamboo Spark’ วาดด้วยมือและแปลงสู่อุปกรณ์ดิจิตอลได้ในทันที!!
ไม่น่าเชื่อเลยว่าอุปกรณ์ในยุคสมัยนี้จะสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานได้ อย่างเช่นสมุดโน๊ตที่เราไว้ใช้จดข้อมูลต่างๆ หรือจะไว้ใช้วาดภาพออกแบบอะไรก็ตาม ซึ่งถ้าหากเคยฝันเอาไว้ว่าวาดเสร็จแล้วอยากแปลงเป็นไฟล์ดิจิตอลในทันที ตอนนี้ฝันเป็นจริงแล้วล่ะ!! เมื่อทางบริษัท Wacom ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์จากประเทศญี่ปุ่นได้เปิดตัวสุดยอดสมุดโน๊ตที่จะมาเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของคุณไปอย่างสิ้นเชิง แต่ยังคงอนุรักษ์วิธีการสร้างสรรค์แบบเดิมไว้นั่นก็คือ ขีดเขียนบนกระดาษทั่วไปและสามารถแปลงเป็นไฟล์ดิจิตอลเข้าสู่อุปกรณ์ได้ในทันที!! และเจ้าสิ่งนั้นก็คือสมุดโน๊ต Bamboo Spark เหมียวขอเรียกว่าเป็นสมุดโน๊ตแห่งอนาคตเลยล่ะกัน ถึงแม้ว่าหน้าตาของมันจะดูเรียบๆ แต่ความสามารถของมันเหนือชั้นกว่าสมุดโน๊ตทั่วไปหลายขั้นเลยล่ะ เปิดตัวในราคาประมาณ 5,300 บาท เปิดเข้ามาดูภายในกันซักหน่อย เอาอีกละ!? หน้าตาของมันทำไมดูธรรมดาจังเลย ไม่เห็นสมเป็นสมุดโน๊ตแห่งอนาคตอย่างที่ว่าเลย จะพบว่ามีเพียงแค่ปากกาหนึ่งแท่งกับกระดาษหนึ่งแผ่นทางด้านขวามือเท่านั้นเอง ลองมาสังเกตกันดูดีๆ ตรงระหว่างปากกากับกระดาษจะพบกับปุ่มวิเศษที่จะเปลี่ยนโลกแห่งการใช้สมุดโน๊ตไปเลย เพราะเจ้าปุ่มนี้คือปุ่มแปลงสัญญาณจากระบบอนาล็อกให้กลายเป็นดิจิตอล และจะอัพโหลดขึ้นไปในระบบคลาวด์ของบริษัท Wacom โดยที่คุณสามารถเข้าถึงไฟล์ได้ทุกที่ทุกเวลาจากอุปกรณ์ต่างๆ แต่ถ้าหากว่าไม่อยากใช้ระบบคลาวด์ของ Wacom ก็สามารถเปลี่ยนไปใช้ของ Dropbox หรือ Evernote แทนก็ได้ ทั้งนี้เพื่อให้เข้าถึงทั้งสองระบบในเวลาเดียวกัน ทั้งวาดแบบอนาล็อคและแสดงผลในรูปดิจิตอล สามารถนำแท็บเล็ตมาวางประกบด้านซ้ายได้เลย นอกจากจะสามารถใช้วาดภาพไอเดียต่างๆ ได้แล้ว ยังอัดแน่นไปด้วยระบบการประมวลผลคำ สามารถเปลี่ยนจากลายมือให้เป็นตัวอักษรดิจิตอลได้ด้วย…
-
ลองกันรึยังเอ่ย!? 5 วิธีอันแสนง่ายดายที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสัญญาณ Wi-Fi
ในชีวิตยุคดิจิตอล หนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คืออินเทอร์เน็ต จากที่เมื่อก่อนเราใช้อินเทอร์เน็ตในรูปแบบสายเคเบิล ปัจจุบันนี้นิยมมาเป็นแบบไร้สายแล้ว และมักจะมีตัวปล่อยสัญญาณไว้ในบ้านหรือในห้องส่วนตัว แต่ถึงแม้ว่าจะใช้เป็นตัวปล่อยสัญญาณส่วนตัวก็ตาม ก็มักจะเกิดปัญหาว่าสัญญาณอ่อน สัญญาณหาย หาไม่เจอ ทำให้เน็ตไม่แรงหรือไม่ก็ใช้ไม่ได้ พาลทำให้โทษผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแทน ทั้งที่สาเหตุอาจจะมาจากตำแหน่งการวางตัวปล่อยสัญญาณนั่นเอง เพราะฉะนั้น อย่างแรกที่ควรจะทำก็คือการวางตำแหน่งตัวปล่อยสัญญาณให้อยู่ในที่โล่ง ไร้สิ่งบดบังใดๆ โดยเฉพาะกำแพงและจุดอับต่างๆ เพราะถ้าหากโดนบังปุ๊บ สัญญาณก็จะหายวับไปในทันที อย่างที่สองคือการวางตำแหน่งตัวปล่อยสัญญาณให้สูงจากพื้น เพราะส่วนมากแล้วการปล่อยสัญญาณ Wi-Fi นั้นถูกออกแบบมาให้ปล่อยคลื่นลงในแนวดิ่งลงพื้น ยิ่งวางติดพื้นก็ปล่อยคลื่นลงดินนั่นเอง อย่างที่สามคืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สามารถรบกวนสัญญาณ Wi-Fi ได้ อย่างเช่นทีวี คอมพิวเตอร์ เตาไมโครเวฟ หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ ที่มีมอเตอร์เป็นส่วนประกอบ เพราะฉะนั้นควรจัดตำแหน่งตัวปล่อยสัญญาณให้ห่างจากอุปกรณ์เหล่านี้ อย่างที่สี่คือการจัดตำแหน่งเสาสัญญาณให้ออกสองแนว ทั้งแนวตั้งและแนวนอน (สำหรับตัวปล่อยที่มีสองเสา) เพราะอุปกรณ์ต่างๆ มักจะมีตัวรับสัญญาณติดตั้งในแนวที่ต่างกัน อย่างคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คจะมีตัวรับสัญญาณในแนวนอน แต่กับสมาร์ทโฟนทั้งหลายจะขึ้นอยู่กับลักษณะการถือ และสุดท้ายก็คือการใช้แอพพลิเคชั่นเพื่อวัดระดับความแรงของสัญญาณ Wi-Fi ทั้งนี้ก็มีหลากหลายแอพฯ…
-
ไอเดียดี “เก้าอี้ออฟไลน์” ที่จะกันไม่ให้อินเตอร์เน็ตเข้าถึงคุณ
ทุกวันนี้เราใช้ชีวิตอยู่กับอินเตอร์เน็ตมากกว่า 1 ชั่วโมง โดยส่วนมากเราจะนั่งเฉยๆแล้วก็ไม่ทำอะไรนอกจากหยิบมือถือขึ้นมาแล้วก็เอามือกวาดๆไปเรื่อยๆ เหมือนกับว่าเราทำไปโดยไม่ได้เอะใจเลยว่าเราทำไปเพื่ออะไร นี่คือสิ่งที่น่ากลัวอย่างหนึ่งที่เราติดเป็นนิสัยไปแล้ว ซึ่งได้มีการสำรวจมาพบว่าคนสมัยนี้ทำการปลดล็อกสมาร์ทโฟนของตัวเองวันละ 110 ครั้งเลยทีเดียว ศิลปินท่านหนึ่งนามว่า Agata Nowak จึงได้สร้างเก้าอี้ตัวนี้ขึ้นมา เพื่อที่จะให้ผู้ใช้ลองนั่งเฉยๆโดยไม่มีสัญญาณอะไรมารบกวน ภายในเก้าอี้จะมีกระเป๋าใบเล็กที่จะให้เราได้เอามือถือใส่ลงไป โดยกระเป๋านั้นจะมีความสามารถพิเศษคือมันจะบล็อคสัญญาณเน็ตทุกอย่างได้ ซึ่งจะทำให้คนนั่งรู้สึกถึงความสงบ ไร้เสียงรบกวนจากมือถือ อีกทั้งการดีไซน์เก้าอี้ยังออกมาให้เราได้โฟกัสอยู่กับตัวเอง ไม่เห็นสิ่งรอบกาย และมีเนื้อผ้าที่นุ่มนวน เราไปดูกันเลย ที่มา boredpanda
-
ตรวจสอบความแรงของคลื่นโทรศัพท์ให้ชัดเจนมากขึ้น ด้วยเทคนิคพิเศษของ iPhone!!
หากคุณกำลังหงุดหงิดกับการบอกความแรงของคลื่นโทรศัพท์ใน iPhone ที่มาเป็นลักษณะวงกลม 5 วงที่ไล่ระดับจากคลื่นอ่อนไปจนถึงคลื่นแรง แต่มันก็ยังบอกได้ไม่ชัดเจนอยู่ดีว่า คลื่นที่มีอยู่นั้นมันแรงแค่ไหน? ถ้าอยากจะรู้จริงๆ ให้ทำตามดังนี้ เริ่มจากกดหมายเลข *3001#12345#* จากนั้นกดปุ่มโทรออกเพื่อเข้าสู่โหมด Field Test เมื่อเข้าสู่โหมด Field Test เรียบร้อยให้กดปุ่ม Power จนกว่าจะขึ้นหน้าปิดเครื่อง เมื่อถึงหน้าปิดเครื่องให้กดปุ่มโฮมค้างเอาไว้ประมาณ 6 วินาที จนกว่าจะเข้าสู่หน้าโฮม จะสังเกตเห็นได้ว่าตัวบอกค่าความแรงของคลื่นโทรศัพท์ของเราจะเปลี่ยนมาแสดงเป็นรูปแบบตัวเลขแทนแล้ว สำหรับค่าคลื่นโทรศัพท์ที่อยู่ในระดับดีนั้นจะอยู่ที่ช่วงประมาณ -44 ถึง -77 ยิ่งตัวเลขติดลบมากเท่าไหร่ก็หมายถึงคลื่นดีและแรงนั่นเอง หากใครอยากจะให้กลับมาแสดงความแรงของคลื่นแบบเดิม ให้เข้าโหมด Field Test อีกครั้งแล้วก็กดปุ่มโฮมออกมาได้เลยจ้า ที่มา : fooyoh