Tag: สัตว์ดึกดำบรรพ์
-
Phorusrhacidae ตระกูลนกสุดโหดในยุคก่อนประวัติศาสตร์ที่มวลมนุษยชาติจะถือกำเนิดขึ้น!!
เคยมีใครบางคนกล่าวเอาไว้ว่าหากจะศึกษาอะไรสักอย่างให้เริ่มต้นที่ตัวเองก่อน โรงเรียนต่างๆ จึงได้เกิดวิชาประวัติศาสตร์ขึ้นมาเพื่อให้เรารู้พื้นเพความเป็นมาของตัวเรา รวมถึงในยุคก่อนที่เราจะถือกำเนิดขึ้นมาด้วย ก่อนที่มนุษยชาติอย่างเราๆ จะถือกำเนิดขึ้น เชื่อกันว่าครั้งหนึ่งโลกของเราเคยถูกปกครองโดยสัตว์อย่าง ไดโนเสาร์ รวมถึงสัตว์แปลกๆ อย่างอื่นอีกจำนวนมากที่เราไม่รู้จัก ดังนั้นเพื่อให้รู้ประวัติความเป็นมาของโลกที่เราอาศัยอยู่ให้ดียิ่งขึ้น วันนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปรู้จักกับตระกูลนกยักษ์ตระกูลหนึ่งที่มีความโหดเหี้ยมถึงขั้นมีผู้ขนานนามให้ว่า “นกแห่งความสยองขวัญ” เลยทีเดียว Phorusrhacidae คือชื่อเรียกของนกตระกูลที่กล่าวไว้ข้างต้น พวกมันเป็นกลุ่มนกที่มีขนาดใหญ่แต่ไม่สามารถบินได้ โดยเจ้านกชนิดนี้สามารถพบเห็นได้ทุกพื้นที่ของโลกใบนี้ในเมื่อเวลาประมาณ 60 ล้านปีก่อน ซึ่งมีความเชื่อกันว่ามันน่าจะถือกำเนิดขึ้นในยุคครีเทเชียสช่วงต้นๆ และเมื่อเวลาผ่านไปพวกมันก็มีวิวัฒนาการแบ่งออกเป็น 25 สายพันธุ์ที่แตกต่างกันออกไป บางสายพันธุ์ก็จะกินแต่เฉพาะซากสัตว์ที่ตายแล้วเท่านั้น ขณะเดียวกันบางตัวก็มีสัณชาตญาณนักล่าที่โหดเหี้ยมจนถึงขั้นกระหายเลือดเลยทีเดียว โดยข้อมูลเหล่านี้ได้มาจากซากฟอสซิลที่เผยให้เห็นถึงลักษณะทางกายภาพของพวกมันนั่นเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นนักล่า ทั้งกรงเล็บที่แหลมคมเหมาะสำหรับการทิ่มแทง จงอยปากที่พร้อมจะฉีกเนื้อของเหยื่อผู้โชคร้ายให้หลุดออกจากกระดูกได้อย่างง่ายดาย รวมถึงขาของพวกมันที่มีความแข็งแรงพอที่จะทำให้กระดูกของสัตว์ตัวอื่นแตกได้เลยทีเดียว จากคุณสมบัติทั้งหมดที่ได้กล่าวมา จึงทำให้มันเป็นนักล่าที่น่าเกรงกลัวสำหรับสัตว์น้อยใหญ่มากมายในสมัยนั้น จากคำบอกกล่าวของผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ นอกจากร่างกายของมันจะทำให้สัตว์ตัวอื่นๆ หวาดหวั่นแล้ว วิธีการฆ่าเหยื่อของพวกมันยังถือว่าเป็นวิธีที่ซาดิสม์แบบสุดๆ อีกด้วย เพราะว่าพวกมันจะใช้ปากคาบเหยื่อขึ้นมาแล้วจับทุ่มลงพื้นไปเรื่อยๆ จนกว่าเหยื่อจะแน่นิ่งไปในที่สุด สำหรับหนึ่งในสัตว์ที่มีรูปร่างใหญ่ที่สุดในตระกูลนกตระกูลนี้มีชื่อว่า Titanis walleri โดยพวกมันมีแหล่งที่อยู่อาศัยอยู่บริเวณที่ราบชายฝั่งของรัฐเท็กซัสและฟลอริด้า ของประเทศสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ทำให้มันสูญพันธฺุ์ยังไม่เป็นที่แน่ชัดนัก แต่ผู้เชี่ยวชาญได้สันนิษฐานเอาไว้ว่า น่าจะมาจากอุณหภูมิในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้พวกมันไม่สามารถปรับตัวได้และล้มตายไปในที่สุด วิดีโอของเจ้านกตระกูลนี้ที่จะมาบอกเรื่องราวความเป็นมาต่างๆ ที่มา: mentalfloss
-
พบ ‘ซากคล้ายไดโนเสาร์’ ในอินเดีย ที่ยังมีชิ้นเนื้อติดอยู่ คาดเป็นหลักฐานทางโบราณคดีชิ้นสำคัญ
ไดโนเสาร์คือสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สูญพันธู์ไปเมื่อ 65 ล้านปีที่แล้ว การศึกษาเกี่ยวกับพวกมันจึงหาข้อมูลได้ยาก ที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์ได้เพียงแต่ศึกษาข้อมูลของพวกมัน ผ่านทางเศษกระดูก รอยเท้า และฟอสซิลที่พบเท่านั้น แต่ล่าสุด มีการค้นพบซากสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ และถ้ามันเป็นซากไดโนเสาร์จริงๆ ละก็ มันจะกลายเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญที่ทำให้เราได้ศึกษาไดโนเสาร์ได้ลึกซึ้งมากขึ้น เพราะซากชิ้นส่วนนี้มีความพิเศษไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยพบมาก่อนนั่นเอง ซากลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ที่ถูกค้นพบ ซากรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ที่ว่านี้ถูกค้นพบโดยบังเอิญ เมื่อมีช่างไฟฟ้าคนหนึ่งเข้าไปทำงานที่สถานีรถไฟใต้ดินร้างที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กว่า 35 ปี ในเมืองแจสเพอ รัฐอุตตราขัณฑ์ ประเทศอินเดีย แต่มันมีความพิเศษกว่าซากหรือฟอสซิลอื่นๆ ที่เคยพบมา เนื่องจากซากชิ้นนี้ ยังมีชิ้นเนื้อของสิ่งมีชีวิตติดมากับกระดูกที่มีรูปร่างค่อนข้างสมบูรณ์ด้วย นักวิทยาศาสตร์ต่างตื่นเต้นกันมากที่พบซากในลักษณะนี้ ขณะนี้ซากที่พบก็ถูกส่งไปยัง Kamuan University แล้ว เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฟอสซิล Dr.Bahadur Kotlia ได้ทำการวิเคราะห์ จะได้รู้กันว่ามันเป็นไดโนเสาร์จริงหรือไม่ แล้วมันมีจากยุคใด ซากไดโนเสาร์นั้นมีความยาวประมาณ 28 เซนติเมตร จึงอาจจะตีความได้ว่ามันเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ใดสายพันธุ์หนึ่งระหว่าง Deinonychus, Coelophysis และ Dromaeosarus ซึ่งทั้งสามสายพันธุ์นี้เป็นไดโนเสาร์พันธุ์เล็ก จัดเป็นไดโนเสาร์ในกลุ่ม Theropod ซึ่งเป็นกลุ่มสายพันธุ์เดียวกับไดโนเสาร์ T Rex นั่นเอง อย่างไรก็ตามนักอนุรักษ์…
-
Razana อดีตนักล่าญาติห่างๆ กับจระเข้ มีฟันแบบทีเร็กซ์ และยืนได้ด้วยขาหลัง 2 ข้าง!!
หลายคนเคยรู้สึกบ้างมั้ยว่า เวลาที่ไปเจอเรื่องราวของสัตว์สายพันธุ์ต่างๆ ในอดีตแล้วรู้สึกว่า ดีแล้วล่ะที่พวกมันสูญพันธ์ไปแล้ว แต่ถ้าหากว่าใครไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน ลองมาทำความรู้จักกับ Razana กันเสียก่อน #เหมียวมู่ทู่ เชื่อเลยว่าถ้าคุณได้รู้จักกับมันแล้ว ความรู้สึกที่บอกไปนั้นจะลอยมาทันทีเลยล่ะ Razana คือชื่อของสัตว์สายพันธุ์นักล่าที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับจระเข้ และมีลำตัวที่ยาวถึง 7 เมตร ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ลักษณะฟันของมันยังคล้ายคลึงกับไดโนเสาร์ทีเร็กซ์อีกต่างหาก ที่สำคัญก็คือมันยืนสองขาได้ด้วย!! ลำตัวยาวถึง 7 เมตร และยืนสองขาได้…ยอมแล้วจ้า สาเหตุที่มีการหยิบเรื่องของเจ้าจระเข้ดึกดำบรรพ์ตัวนี้มาพูดก็เพราะว่า เมื่อไม่นานมานี้นักบรรพชีวินวิทยาได้ค้นพบชิ้นส่วนกระดูกของมันเพิ่มเติมนั่นเอง ก่อนหน้านี้นักวิจัยรู้เพียงแค่ว่า Notosuchia ซึ่งเป็นไดโนเสาร์ที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับจระเข้และอาศัยอยู่ในยุคจูราสสิคเมื่อ 42 ล้านปีก่อน เป็นสัตว์เพียงชนิดเดียวที่เป็นต้นแบบการวิวัฒนาการของจระเข้ แต่ก็อย่างที่เห็นว่า Razana คือสัตว์อีกหนึ่งสายพันธุ์ที่ได้ยอมรับแล้วว่าเป็นสัตว์อีกชนิดที่เป็นญาติห่างๆ กับจระเข้ด้วย ขนาดเมื่อเทียบกับคน ในช่วงที่ยังไม่ได้ยืนสองขา นักวิจัยยังเผยถึงลักษณะนิสัยของสัตว์ชนิดนี้เพิ่มเติมจากการวิจัยฟันว่า Razana น่าจะเป็นสัตว์ที่โหดร้ายยิ่งกว่า Notosuchia และเป็นสัตว์ที่กินไม่เลือก เพราะด้วยขนาดฟันกรามที่หนาจนสามารถบดกระดูกได้ ทำให้มันถูกจัดเป็นสัตว์นักล่าและกินซากในเวลาเดียวกัน สำหรับชื่อเต็มๆ ของมันก็คือ Razanandrongobe sakalavae ซึ่งหมายความว่า กิ้งก่ายักษ์ที่เป็นบรรพบุรุษจากภูมิภาค…
-
ทีมสำรวจพบซากนกดึกดำบรรพ์ ใต้ก้อนอำพันอายุกว่า 100 ล้านปี อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด!!
ก้อนอำพัน วัตถุจากยุคดึกดำบรรพ์ที่มีความสำคัญอย่างมากในการศึกษาเกี่ยวกับโลกยุคโบราณ นอกจากซากของแมลงที่ติดอยู่ภายในแล้ว ยังมีซากของสัตว์อื่นๆ อย่างเช่นนกโบราณหรือไดโนเสาร์ติดอยู่ในก้อนยางไม้เหล่านี้ด้วย และเมื่อไม่นานมานี้ทีมนักสำรวจได้ค้นพบอำพันที่มีอายุเก่าแก่ ซึ่งภายในนั้นมีซากของลูกนกโบราณที่สภาพสมบูรณ์มากๆ ก้อนอำพันนี้มีอายุประมาณ 100 ล้านปี ถูกค้นพบที่ประเทศพม่า โดยภายในนั้นพวกเขาพบส่วนหัว คอ ปีก หาง และเท้าของลูกนก ซึ่งคาดว่าน่าจะมีอายุประมาณ 1 วันเท่านั้น ส่วนสาเหตุการตายนั้นทางทีมสำรวจคาดว่า เจ้าลูกนกอาจจะหล่นลงมาจากต้นไม้และตกลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยยางสน สถานที่ค้นพบก้อนอำพันดังกล่าว คุณ Ryan McKellar จากพิพิธภัณฑ์ Royal Saskatchewan ประเทศแคนาดา หนึ่งในทีมสำรวจกล่าวว่า “มันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก และมีรายละเอียดครบถ้วนอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน มันน่าตื่นเต้นมาก” ภายในก้อนอำพันเผยให้เห็นผิวหนังที่แท้จริงและส่วนเนื้อของลูกนก คุณ McKellar บอกว่าการค้นพบก่อนหน้านี้พวกเขาไม่สามารถเห็นตัวอย่างของเนื้อสัตว์ดึกดำบรรพ์ได้ เนื่องจากมันถูกทำลายด้วยคาร์บอนและไม่สามารถตรวจหา DNA ของมันได้ แต่ถึงแม้ว่าซากลูกนกที่พบในก้อนอำพันนั้นจะไม่สามารถบ่งบอกถึงสีขนได้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับคุณ McKellar และทีมสำรวจแต่อย่างใด ซากของลูกนกดังกล่าวจัดอยู่ในกลุ่มของนกที่เรียกกันว่า “opposite birds” ถือว่าเป็นบรรพบุรุษของนกที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน พวกมันการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูญพันธุ์ไปพร้อมกับไดโนเสาร์เมื่อ 66 ล้านปีที่แล้ว “ก่อนหน้านี้มีการค้นพบปีกของลูกนกในก้อนอำพันเช่นกัน ซึ่งปีกดังกล่าวอยู่ในช่วงแรกเกิดของลูกนกและเริ่มมีขนปกคลุมที่ปีก แต่การค้นพบในครั้งใหม่นี้ซากของลูกนกนั้นมีพัฒนาการที่ดีกว่า แต่ดูเหมือนว่าขนในช่วงลำตัวของมันจะขาดหายไป…
-
พบปลาหายากที่ประเทศออสเตรเลีย หน้าตาแปลกๆ ยังกะหลุดออกมาจากหนังไซไฟ!!
เมื่อไม่นานมานี้ได้มีชาวประมงสามารถจับสัตว์น้ำหน้าประหลาดได้ที่บริเวณชายฝั่งของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ฮือฮาอย่างมาก เนื่องจากเป็นสายพันธุ์หายากแถมหน้าตาแปลกประหลาดสุดๆ เมื่อวันที่ 6 มีนาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์ Dailymail ได้เปิดเผยภาพของปลาประหลาดที่ถูกค้นพบได้โดยบังเอิญบริเวณชายฝั่งของนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ทางตอนเหนือของประเทศออสเตรเลีย ว่ากันว่ามันคือพันธุ์ผสมระหว่างปลากับกุ้งที่มีลักษณะคล้ายกับสัตว์ดึกดำบรรพ์เลยล่ะ!! ผ่าง และนี่ก็คือหน้าตาของมัน… เจ้าปลาประหลาดที่ถูกค้นพบนี้ ลำตัวของมันจะลื่นๆ มีเขาแหลมยืนออกมาตรงบริเวณปาก มีดวงตาที่กลมโตอยู่ด้านบน และห่อหุ้มไปด้วยเกราะหนาๆ ตามการรายงานของ NT News ซึ่งผู้เชียวชาญทางทะเลได้จัดให้เจ้าปลาประหลาดที่พบนี้ อยู่ในกลุ่มของ Armoured Sea Robin และด้วยลักษณะของมันที่มีทั้งกระดองและหนามแหลมรอบตัวนี้ จึงถูกจัดว่าเป็นสายพันธุ์ที่หายากและสามารถพบได้เฉพาะทะเลน้ำลึกเขตร้อนเท่านั้น สถานที่ซึ่งมันถูกจับขึ้นมาได้ มากันเป็นแพ็คสามเลยทีเดียว แต่ความแปลกประหลาดของเจ้าปลาชนิดนี้ยังไม่หมดเท่านั้น พวกมันยังสามารถเดินไปในพื้นทะเล ด้วยเท้าเล็กๆ แถมมันยังมีคลีบที่หนาเพื่อใช้สำหรับว่ายน้ำด้วยนะ เจ้าปลาตัวนี้จะใช้ครีบแข็งๆ ในการเคลื่นที่ไปมาที่ใต้ท้องทะเลแทนการว่ายน้ำและหลบซ่อนนักล่าตามที่ต่างๆ ถือเป็นการใช้ชีวิตที่แปลกทีเดียว เจ้าปลาประหลาดมีเขาที่ถูกค้นพบในครั้งนี้ โดยปกติแล้วเราจะหาพวกมันได้จากระดับน้ำที่ลึกมากกว่า 200 เมตรเป็นต้นไปนะ แหม่ นึกภาพไม่ออกเลยนะเนี่ยะ ว่าถ้ามาถูกพบที่เมืองไทยจะเป็นยังไง ทีมา dailymail.co.uk