Tag: สาเหตุ
-
ปมการเสียชีวิตของ Zombie Boy พลัดตกตึก ครอบครัวเชื่อเป็นอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฆ่าตัวตาย
จากข่าวการเสียชีวิตของศิลปินและนายแบบชื่อดัง Rick Genest (Zombie Boy) อายุ 32 ปี ที่ถูกเปิดเผยจาก Lady Gaga ผู้มีสถานะเป็นเหมือนดั่งเพื่อนร่วมวงการ และพร้อมกับการแสดงความเสียใจจากภายในวงการแฟชั่นโมเดลลิ่ง เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา (ข่าวเก่า) ล่าสุดนี้ ทาง Lady Gaga ได้ลบทวีตและโพสต์ที่เกี่ยวข้องก่อนหน้านี้ไป เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดได้ว่าเขาเสียชีวิตเนื่องมาจากสาเหตุอะไร (ทั้งเรื่องของสภาพจิตใจ อุบัติเหตุ หรือการถูกฆาตกรรม) Out of respect for Rick's family, Rick & his legacy I apologize if I spoke too soon as there was no witnesses or evidence to support…
-
ครอบครัว Tim Bergling ‘Avicii’ เผยสาเหตุการเสียชีวิต เพราะเขาไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไปแล้ว…
เรื่องราวน่าเศร้ากับการจากไปของดีเจชื่อดังระดับโลก Avicii หรือ Tim Bergling ดีเจชาวสวีเดนวัย 28 ปี ที่ถูกพบเป็นร่างไร้วิญญาณในระหว่างทริปพักผ่อนของเขาในเมืองมัสกัต ประเทศโอมาน เมื่อช่วงวันศุกร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมา Avicii ได้ประกาศหยุดทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2016 เนื่องจากประสบกับปัญหาสุขภาพร่างกายเรื้อรัง อีกทั้งยังมีสัญญานความปวดร้าวภายในจิตใจเกิดขึ้นด้วย Avicii หรือ Tim Bergling ดีเจชื่อดังชาวสวีเดน เสียชีวิตในวัย 28 ปี อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลกเพียงชั่วข้ามคืน ทางสำนักข่าวและสื่อทางด้านบันเทิงต่างคาดเดาไปถึงกรณีทางด้านอาชญากรรม การลอบสังหาร และการฆ่าตัวตาย ในวันที่ 26 เมษายน 2018 ทางด้านครอบครัวของ Tim Bergling ได้ร่อนจดหมายเปิดผนึกแก่สาธารณะ โดยที่โฆษกไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ โดยมีใจความดังต่อไปนี้… ภาพของ Avicii พร้อมคุณแม่ Anki Liden และคุณพ่อ Klas Bergling ระหว่างออกทัวร์ครั้งสุดท้ายในสวีเดน ‘ทิมผู้เป็นที่รักของเรานั้น คือผู้แสวงหา ศิลปินผู้มีจิตวิญญาณอันบอบบาง…
-
ทำไมแมวถึงวิ่งเป็นผีเข้าในเวลากลางคืน คลายความสงสัย ด้วยคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์
เพื่อนๆ ที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะน้องหมาหรือน้องแมวคงจะเคยพบเจอเหตุการณ์ที่เจ้าสัตว์เลี้ยงของเรานั้นจู่ๆ ก็วิ่งพล่านไปทั่ว เหมือนมันกำลังคึกมาจากไหนก็ไม่รู้ และสุดท้ายก็จบลงที่การหอบแฮ่กๆ หรือไม่ก็แอบไปงีบที่ไหนสักแห่ง ไม่แปลกที่หลายๆ คนจะพบเจอเหตุการณ์แบบนี้ ว่าแต่เคยสงสัยกันหรือเปล่าว่า ทำไมมีเพียงเฉพาะเจ้าเหมียวที่วิ่งคึกแบบนี้ในเวลา “กลางดึก” ราวๆ ตี 2 เห็นจะได้ มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าสงสัยมากทีเดียว แต่วันนี้นักวิจัยได้คำตอบทางวิทยศาสตร์ออกมาแล้ว Mikel Delgado นักวิจัยหลังปริญญาเอกในคณะสัตวแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียของเมืองเดวิสกล่าวว่า “มีไม่กี่เหตุผลสำหรับเหตุการณ์นี้ เหตุผลแรกก็คือแมวเป็นสัตว์จำพวกที่คึกคักในยามที่พระอาทิตย์ขึ้นและลง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหยื่อตามธรรมชาติ (สัตว์จำพวกฟันแทะ) ของมันกำลังออกหากิน แมวไม่ใช่สัตว์หากินกลางคืนโดยกำเนิดแต่สัญชาติญาณของมันจะบอกเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกล่าเหยื่อ” เมื่อพวกแมวนอนหลับกลางวันมากๆ นาฬิกาชีวิตของมันก็จะเปลี่ยนไป “พวกมันมักจะตื่นตัวเมื่อเราตื่น หากเมื่อเราออกไปข้างนอก เจ้าพวกแมวก็นอนกักเก็บพลังงานเอาไว้ เมื่อเรากลับมาถึงบ้านพวกมันก็จะมีพลังงานเต็มเปี่ยมรอให้ปล่อยออกมาได้เต็มที่” Mikel กล่าวเพิ่ม Mikel ได้อธิบายว่าการวิ่งพล่านยามดึกของเจ้าเหมียวมันก็ดูสนุกดี แต่อาจจะไม่ใช่สำหรับคนที่มีปัญหาทางการนอนหลับ ทางที่ดีควรหากิจกรรมให้มันทำขณะที่เราไม่อยู่บ้าน เพื่อกระตุ้นให้มันใช้พลังงานระหว่างวันและคึกยามค่ำคืนน้อยลงนั่นเอง ที่จริงเจ้าเหมียวอาจจะกำลังวางแผนครองโลกอยู่ก็ได้นะ ที่มา: Skepticalkitten
-
ทำความรู้จัก “หมอย” ให้มากขึ้น ทำไมต้องเรียกหมอย? โกนได้ไหม? และทำไมต้องมีหมอย?
ประเด็นเรื่อง ‘หมอยๆ’ นี่นับว่าเป็นปัญหายิ่งกว่าประเด็นอภิปรัชญาเลยก็ว่าได้… ซึ่งเอาจริงๆ เราก็แทบจะไม่รู้จักประโยชน์ของมันเลยแม้แต่น้อย นอกเสียจากรู้แค่ว่ามันร่วงได้และตอนสางเล่นก็เพลินมือดีแค่นั้นจริงๆ แล้วตกลง ‘หมอย’ คืออะไรกันแน่นะ? นอกจากเรื่องขนบนหัวแล้ว ฝั่งขนบนโหนกนักวิทยาศาสตร์ก็ได้เข้ามาศึกษาค้นคว้าไว้เช่นกัน แม้จะไม่มีหลักฐานบ่งชี้ชัดในประเทศไทยถึงที่มาของคำว่า ‘หมอย’ แต่นักสังคมวิทยาส่วนหนึ่งชี้ว่า ‘หมอย’ คือคำที่ใช้อธิบายถึงสิ่งที่มีลักษณะเป็นเส้นเป็นฝอย เช่น บริเวณขนที่ปลายข้าวโพดก็จะถูกเรียกว่า.. หมอยข้าวโพด หรือแม้แต่ในภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือ (ล้านนา) ก็มีการใช้คำว่า ‘หมอย’ เรียกสิ่งที่เป็นขนหนวดขึ้นตามร่างกาย เช่นเคราก็จะเรียกว่า หมอยคาง ขนรักแร้ก็เรียกว่า หมอยแร้ เป็นต้น มาพูดถึงคุณงามความดีของ ‘หมอย’ กันบ้าง… แม้บางครั้งเราจะเอามือสางแล้วพบว่ามันหลุดลอยจนฟุ้งเต็มห้องไปหมด เราก็อย่าเพิ่งหงุดหงิดใจจนถึงกับเอามีดโกนมาไถมันให้เกลี้ยงเลย เพราะสิ่งใดที่ธรรมชาติได้สร้างมาและติดมากับการวิวัฒนาการของเรา เชื่อเถอะว่ามันย่อมดีเสมอ เหตุผลใหญ่ๆ เกี่ยวกับประโยชน์ของหมอยก็คือ มันสามารถช่วยลดการเสียดสีขณะมีเพศสัมพันธ์ ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเช่นเชื้อแบคทีเรีย และอีกทั้งยังช่วยกั้นกลิ่นอับเหม็นของน้องชายได้ด้วย (ไม่เคยพิสูจน์แฮะข้อนี้..) แฟชั่นกับเรื่องหมอยๆ… แต่ด้วยความที่มันดูเหมือนป่าหญ้าคารกรุงรัง เราก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าเทรนด์แฟชั่นโลกทุกวันนี้ได้พัฒนาไปจนถึงขั้นที่มีการตัดแต่งย้อมสีขนหรือจัดรูปทรงกันเป็นเรื่องเป็นราว จริงอยู่ที่การตัดแต่งรูปทรงของมันจะช่วยทำให้สาวๆ รู้สึกมั่นใจเวลาใส่ชุดบิกินี่มากขึ้น หรือหนุ่มๆ ก็อาจจะให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง…
-
มารู้จักกับอาการ Philophobia หรือ ‘โรคกลัวความรัก’ สำรวจตัวเองว่า คุณก็เป็นรึเปล่า!?
หลายคนคงเข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่ก็ยังคงมีคนบางกลุ่มที่มองว่ามันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย ซึ่งบางทีอาจเกิดมาจากประสบการณ์ในอดีตที่ยังคงฝังใจเรื่อยมา และไม่กล้าที่จะมีความรักกับใครอีก หากว่าคุณเป็นคนที่คิดอย่างนั้นอยู่ มันอาจเป็นสิ่งที่บอกได้ว่า คุณกำลังเป็น โรคกลัวความรัก หรือที่เรียกว่า Philophobia ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป เป็นหนึ่งในอาการความกลัวทางจิตเวชที่มีผู้ป่วยมากเป็นอันดับต้นๆ วันนี้เราจึงจะพาไปให้ทุกคนรู้จักกันว่ามันคืออะไร เกิดจากสาเหตุใด อาการของโรคเป็นอย่างไร และจะรักษาด้วยวิธีการใดได้บ้าง Philophobia คืออะไร? คำว่า Philo ที่มาจากภาษากรีก แปลว่า ความรัก ดังนั้นมันก็คือ โรคกลัวความรัก นั่นเอง ซึ่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้ จะพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความรัก พยายามที่จะไม่ให้ตัวเองรู้สึกว่ารักใคร หรือรู้สึกพิเศษกับใครเลยสักคน ต่อให้ในบางครั้งจะรู้สึกดีกับใครขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายก็จะไม่ยอมเปิดใจและถอยห่างออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ สาเหตุเกิดจากอะไรได้บ้าง? สิ่งที่สามารถทำให้เราเป็นโรคนี้ได้ อาจเกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย ดังนี้ 1.เหตุการณ์ในแง่ลบที่ฝังใจมาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะคนที่โตมาในครอบครัวที่มีความแตกแยกเกิดขึ้น พ่อแม่หย่าร้าง ทะเลาะตบตีกันให้เห็น หรือคนใกล้ตัวที่มีชีวิตรักไปในทางที่ไม่ค่อยดีนัก จะทำให้เราจำภาพนั้นและฝังเข้าไปในความคิดของตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว 2.วัฒนธรรม หรือศาสนา ที่มีข้อห้ามเกี่ยวกับความรัก ศาสนาหรือขนบประเพณีของบางแห่ง อาจมีข้อห้ามหรือกรอบกฎเกณฑ์บังคับเอาไว้ให้กับความรักอย่างชัดเจน เหมือนอย่างที่เราเคยเห็นในละคร เวลาที่พ่อแม่ของฝ่ายหญิงกีดกัน ทำให้ไม่สามารถรักกันได้ สิ่งนั้นอาจสร้างความกลัวและทำให้เราไม่กล้าเสี่ยงที่จะมีความรักกับใครอีก 3.การล้มเหลวในความรักซ้ำๆ มีรักเมื่อไหร่ก็ต้องเจ็บปวดและเลิกรากันไปทุกที เมื่อต้องเป็นอย่างนั้นอยู่ตลอด…
-
นี่คือ 5 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยอธิบายว่า ทำไมคุณถึง ‘หิว’ อยู่ตลอดเวลา…
ในขณะที่หลายๆ คนกำลังบ่นว่าตัวเองน้ำหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยอมลด เชื่อไหมว่ายังมีอีกกลุ่มคนหนึ่งที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำม๊ายยทำไมถึงรู้สึก ‘หิว’ อยู่ตลอดเวลา วันนี้เราจะพาไปค้นหาคำตอบพร้อมๆ กัน กับ 5 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ที่อ้างอิงข้อมูลมาจากวารสารคลีนิคด้านโภชณาการ (EJCN) ที่ถูกตีพิมพ์ในยุโรปเมื่อไม่นานมานี้… 1. พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้ไว้ว่า พฤติกรรมการนอนหลับส่งผลต่อสุขภาพโดยรวมทั้งหมดของเรา และมันก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่ระหว่างการกินที่มากเกินไป กับการนอนหลับที่ไม่เพียงพอ หลายคนอาจคิดว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึกเหนื่อยล้า เราต้องกินให้มากเพื่อพลังงานในรอบถัดๆ ไป แต่ในความเป็นจริงแล้วสิ่งเหล่านั้นกลับไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าหากคุณยังไม่เริ่มต้นพักผ่อนให้เพียงพอ 2. รับประทานคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี ไม่ได้งั้นงี้นะแต่เชื่อเถอะว่าถ้าคุณเป็นอีกคนที่ชอบทานฟาสต์ฟู๊ด หรือชอบทานอาหารหนักเช่น พิซซ่า พาสต้า หรือแม้แต่ขนมปังที่ไม่ใช่โฮลเกรน ขอบอกเลยว่าคุณอาจจะเสพติดสิ่งเหล่านี้ได้โดยไม่รู้ตัว เพราะในความเป็นจริงอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีมักจะย่อยสลายได้ไวกว่า และทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเราสูงกว่า ซึ่่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมบางทีคุณถึงรู้สึกโหยหาอาหารเหล่านี้ซะเหลือเกิน 3. ดื่มน้ำไม่มากพอ เราอาจจะได้ยินคำแนะนำที่ว่า ‘ให้ดื่มน้ำเยอะๆ ร่างกายจะได้แข็งแรง’ กันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เชื่อเถอะว่านี่แหละคือปัจจัยแรกสุดที่จะทำให้สุขภาพคุณแข็งแรง จากงานวิจัยของ NCBI พบว่ากว่า 60% ของมนุษย์โลกไม่สามารถแยกแยะความรู้สึกที่แท้จริงระหว่างหิวข้าวและกระหายน้ำออกจากกันได้ ดังนั้นถ้าครั้งหน้าคุณรู้สึกหิวทั้งๆ ที่เพิ่งทานอาหารไป พึงรู้ไว้ว่าการดื่มน้ำก็ช่วยได้เหมือนกันนะ 4. ได้รับไขมันดีไม่เพียงพอ…
-
นี่คือ 7 สาเหตุง่ายๆ ที่จะทำให้ตกเป้าหมายของยุงร้าย เข้ามากัดคุณมากกว่าคนอื่นๆ!?
รู้สึกไหมว่าพวกยุงบางทีนี่ก็แปลก ดูเหมือนมันจะเลือกกัดเฉพาะคนหน้าตาดี หรือคนเนื้อหอมหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ เพราะบางทีนั่งทีเดียวกันแต่คนนึงโดนยุงกัด อีกคนกลับไม่โดนเลย โอ๊ยยอะไรของแกเนี่ย!? ดังนั้นเราจะมาชี้แจ้งแถลงไขกันซักนิด ถึง 7 เหตุผลที่เป็นปัจจัยทำให้ยังบินโฉบมาดูดเลือดเราไปได้ ถ้าใครไม่อยากโดนกัดก็ต้องเลี่ยงสาเหตุทั้งหมดนี้ไว้ให้ดีล่ะ 1.คาร์บอนไดออกไซด์ที่คุณปล่อยออกมา ช่างหอมหวลสำหรับยุงเหลือเกิน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเพราะวิทยาศาสตร์ได้พิสูจน์มาแล้วว่า ปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากร่างกายเราส่งผลต่อรสชาติของพวกยุงด้วย ดังนั้นในกลุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่า และคนท้อง มักจะปล่อยก๊าซ CO2 ออกมามากกว่าคนทั่วไป จึงไม่น่าแปลกที่พวกเขาจะโดนกัดเยอะกว่าชาวบ้าน 2. อุณหภูมิของร่างกายที่สูงกว่าก็อาจจะโดนกัดได้มากกว่า เช่นเดียวกันกับกรณีแรก ในกลุ่มคนที่ตัวใหญ่กว่าและคนท้องมักจะมีอุณหภูมิร่างกายที่มากกว่า แต่ก็ใช่ว่าอุณหภูมิจะส่งผลต่อคุณกลุ่มนี้เท่านั้น เพราะทุกคนก็สามารถกลายเป็นคนเนื้อหอมให้ยุงมาตอมได้ เพียงแค่คุณไปทำกิจกรรมอะไรบางอย่างที่ทำให้ร่างกายอุณหภูมิสูงขึ้น เช่นการออกกำลังกาย หรือการมีเซ็กส์ 3. กรุ๊ปเลือดก็มีผลเหมือนกันนะ งานวิจัยจาก NCBI อ้างว่า กรุ๊ปเลือดของมนุษย์เราก็มีผลต่อรสชาติที่พวกมันต้องการเช่นกัน จากการศึกษาอย่างคร่าวๆ พบว่า คนเลือดกรุ๊ป O จะเป็นคนเนื้อหอมที่รักใคร่ของบรรดายุงมากกว่าคนเลือดกรุ๊ป A 4. สารเคมีในร่างกายอาจช่วยเรื่องยุงได้ นักวิทยาศาสตร์ค้นพบอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าใจหาย เพราะสารเคมีบางอย่างที่เราอาจรับเข้ามาจากภายนอกโดยไม่รู้ตัว ก็อาจส่งผลให้พวกยุงไม่กล้าบินมากัดเราได้เหมือนกัน 5. เชื้อจุลินทรีย์บนผิวหนังเราก็มีส่วนนะ เราทุกคนต่างมีเชื้อจุลินทรีย์เดินไต่ยั้วเยี้ยอาศัยอยู่บนผิวหนัง…
-
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อธิบายว่าทำไมคุณถึงรู้สึก “เหงา” และจะส่งผลอย่างไรบ้าง!?
เป็นธรรมดาที่เราอาจจะรู้สึก ‘เหงา’ ในบางเวลา น่าแปลกเหมือนกันนะ… เพราะโลกเรามีประชากรตั้งไม่รู้กี่หลายล้านคน แถมในชีวิตเราได้รู้จักผู้คนก็อีกตั้งมากมาย ทว่าสุดท้ายความเหงาก็ยังคงเกิดขึ้นอยู่ในใจเราเสมอ แต่ใช่ว่าเรื่องของความเหงาจะเป็นเพียงความรู้สึกลอยๆ ที่จับต้องไม่ได้เท่านั้น เพราะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยชิคาโก ที่ศึกษากันมาตั้งแต่ปี 2006 จะมาช่วยอธิบายให้เราเห็นภาพว่าทำไมเราถึงรู้สึกเหงา และจะแก้ไขความอ้างว้างที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร งานวิจัยของ Stephanie Cacioppo และ Hsi Yuan Chen นักประสาทวิทยาที่ถูกตีพิมพ์ลงในวารสาร Personality and Social Psychology Bulletin โดยทีมวิจัยได้ได้ใช้เวลานานกว่า 11 ปี ในการเก็บข้อมูลระดับความรู้สึกเหงา และสังเกตระดับนิสัยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ของอาสาสมัครชาวเมืองชิคาโก 230 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 50 – 68 ปี จากการตามเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปีทีมวิจัยได้ค้นพบว่า กลุ่มคนที่มีระดับความเหงาเพิ่มขึ้นในแต่ละปี มีแนวโน้มที่จะมีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางมากขึ้นในปีต่อๆ ไป นอกจากนั้นในกลุ่มคนที่มีลักษณะนิสัยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางอยู่แล้ว ทีมวิจัยพบว่าในปีต่อๆ ไประดับความเหงาของคนกลุ่มนี้ก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเช่นเดียวกัน ความเหงาในระดับที่พอดีอาจเป็นแรงกระตุ้นให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องใช้สมาธิส่วนตัวสูง แต่กลับกันถ้าความเหงาที่มากเกินไปก็อาจจะส่งผลต่อทั้งสภาพจิตใจ ร่างกาย สมอง ฮอร์โมน หรือแม้กระทั่งในระดับพฤติกรรมได้เลย…
-
บันไดเลื่อนฮ่องกงถอยหลังกะทันหัน เทกระจาดคนร่วงไปกองกับพื้น เจ็บหนักถึง 18 ราย!!
ปี 2015 ที่ผ่านมา เรามักจะได้เห็นข่าวอุบัติเหตุบันไดเลื่อนเกิดขึ้นมากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งทุกๆ ครั้งที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็มักจะสร้างความตกใจ และทำให้หลายๆ คนรู้สึกไม่อยากจะใช้บันไดเลื่อนกันอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว และเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ณ ห้างสรรพสินค้า Langham Place ที่ตั้งอยู่ในย่านมงก๊ก ฝั่งเกาลูนของฮ่องกง ได้เกิดอุบัติเหตุบันไดเลื่อนขัดข้องกะทันหัน จนเป็นเหตุทำให้ผู้คนจำนวนมากที่กำลังใช้บริการหล่นล่วงลงมาจากพื้น จนได้รับบาดเจ็บมากถึง 18 ราย จากการรายงานระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ ที่ 25 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยบันไดเลื่อนที่เกิดเหตุนั้นเรียกได้ว่ามีความสูงมากที่สุดในฮ่องกงเลยก็ว่าได้ เพราะมีความยาสูงชันถึง 45 เมตรกันเลยทีเดียว ทางด้านผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ ก็ได้ออกมาเล่าถึงวินาทีสุดระทึกว่า ในตอนที่เกิดเหตุเป็นช่วงที่วุ่นวายมาก เพราะบันไดเลื่อนได้เลื่อนเร็วกว่าปกติถึง 2-3 เท่า โดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ซึ่งทางผู้จัดการร้านกาแฟได้เผยว่า เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความตกใจให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก มีหลายๆ คนวิ่งสวนทางกลับไป บางคนก็กระโดดข้ามไปยังอีกฝั่ง ในขณะที่หญิงสาวหนึ่งในผู้ที่เห็นเหตุการณ์ได้บอกว่า เธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งล้มหัวกระแทกพื้น…
-
วิเคราะห์สาเหตุ ทำไม ‘นักท่องเที่ยวจีน’ จึงขึ้นชื่อเรื่องพฤติกรรมไร้ระเบียบวินัย จนดังไปทั่วโลก?
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา ชาวจีนแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย ยุโรป หรืออเมริกา และด้วยความแตกต่างทางวัฒนธรรมและความคิดอย่างสุดกู่ ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเหล่านั้นกลายเป็นที่เอือมระอาของชาวบ้านประเทศเจ้าถิ่นเป็นอย่างมาก เมื่อคนจีนมาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น…. พฤติกรรมแย่ๆ เรามักพบเห็นในเหล่านักท่องเที่ยวจีนก็อย่างเช่น การแซงคิว การขับรถที่น่าหวาดเสียว การตักอาหารในร้านบุฟเฟ่แบบเกินความจำเป็น การพูดคุยเสียงดังในที่สาธารณะ และอื่นๆ อีกมากมายที่ต่อให้เล่าภายในหนึ่งวันก็อาจไม่หมด หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมพฤติกรรมเหล่านั้น จึงมักปรากฏในตัวของชาวจีน พวกเขาใช่เป็นกลุ่มชนที่ไร้อารยะอย่างที่พวกเราตราหน้าจริงหรือ!? แล้วทำไมพวกเขาจึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น เราลองไปหาสาเหตุกันดีกว่า?? ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน… อย่างที่ทราบกันดีว่า ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาวกว่า 4,500 ปี ตลอดช่วงเวลานั้น มีนักปราชญ์ชื่อก้องโลกหลายต่อหลายคนถือกำเนิดขึ้นมาบนแผ่นดินมังกรแห่งนี้ และประเทศจีนก็เป็นดินแดนแรกๆ ที่เริ่มประดิษฐ์กระดาษและดินปืนขึ้นมาใช้อีกด้วย แน่นอน ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานขนาดนี้ พวกเขาย่อมเป็นดินแดนที่มีประเพณีและวัฒนธรรมงดงามไม่แพ้ชนชาติใดๆ ในโลกอย่างแน่นอน อย่างเช่นลัทธิเต๋าและขงจื้อที่เป็นหลักจริยธรรมและวิถีการดำเนินชีวิตให้กับชาวฮั่นมาตลอดหลายร้อยปี เรดการ์ด และ การปฏิวัติวัฒนธรรม แต่จนกระทั่งช่วงปี 1960 ประเทศจีนเข้าสู่ยุคคอมมิวนิสต์ ที่มี เหมาเจ๋อตุง เป็นผู้นำสูงสุด ตอนนั้นเขาเริ่มสูญเสียฐานอำนาจในพรรคคอมมิวนิสต์ของตนเอง ด้วยความกลัวที่จะเสียอำนาจนั้น เขาใช้ข้ออ้างในการ…
-
21 ภาพของเหล่าสัตว์ผู้น่าสงสาร ที่ถูกกีดกันไม่ให้เข้าบ้าน น่าเห็นใจเหมือนกันเนอะ!!
มันก็ต้องมีบ้างแหละที่คุณจะทำการลงโทษสัตว์เลี้ยงแสนรัก หลังจากที่มันได้ไปสร้างวีรกรรมแสบๆ ให้คุณได้ปวดหัวอยู่เสมอ ซึ่งเชื่อว่าบทลงโทษของแต่ละคนนั้นย่อมแตกต่างกันออกไป บ้างก็ให้อดข้าว บ้างก็ไม่ยอมเล่นด้วย และที่หนักสุดก็คงจะเป็นไม่ให้เข้าบ้านนี่แหละ และ 21 ดังต่อไปนี้ มันอาจจะทำให้คนดูหลายคนเห็นใจ รวมไปถึงฮาในเวลาเดียวกัน เพราะเจ้าสัตว์เลี้ยงเหล่านี้ถูกเจ้านายกีดกันไม่ให้เข้าบ้าน เอ…ต้องไปทำอะไรไม่ดีๆ มาแน่ๆ เลยได้รับบทลงโทษที่ร้ายแรงแบบนี้ นายฮะ…ป๋มพาเพื่อนใหม่อย่างน้องไก่มาให้รู้จัก เปิดประตูให้ที พลีสสส ข้าน้อยยอมแล้ว เปิดประตูที เศร้าใจจริงๆ เราคงไม่น่ารักเหมือนหมาแมวสินะ เลยไม่ยอมให้เข้าบ้าน หน้าตาอ้อนวอนขนาดนี้ จะยอมใจอ่อนดีไหม เปิดประตูให้แมวทีเถอะ พวกผมจะไม่ดื้ออีกแล้วฮะ ก๊อกก๊อกก๊อก เปิดประตูให้เราเข้าไปหน่อยสิ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะมนุษย์ ยอมไม่ให้กินข้าวยังพอทนได้ แต่ปล่อยเค้าไว้แบบนี้มันเศร้านะรู้ไหม เฮือกกกก ไปได้อะไรมาอีกละนั่น พังประตูซะเลย แสบจริงๆ หนาวจะตายอยู่แล้ว ทำไมไม่เห็นใจกันบ้าง ขอเข้าไปหน่อยเด๊ …
-
หญิงสาววัย 17 ป่วยประหลาด มีเลือดออกที่หูและตาทุกวัน แม้แต่แพทย์ก็หาสาเหตุไม่ได้
สำหรับอาการผิดปกติมีเลือดออกบนร่างกาย ที่เกิดขึ้นแบบหาสาเหตุไม่ได้นั้น เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้แน่ๆ แต่ทว่ามันอาจจะไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะมันดันไปเกิดกับ Marnie Harvey หญิงสาวชาวอังกฤษวัย 17 ปีคนนี้ ซึ่งดูๆ แล้วเธอก็เหมือนกับหญิงสาวทั่วๆ ไปนั้นแหละ แต่ทว่าเมื่อปี 2013 เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับเธอ เพราะในขณะที่เธอตื่นขึ้นมาจู่ๆ ก็มีเลือดไหลออกจากดวงตาโดยที่ไม่ทราบสาเหตุ… หลังจากที่พบว่าดวงตามีเลือดไหลออกมา Marnie ก็รีบไปพบแพทย์ทันที ซึ่งเธอก็ได้เข้ารับการทดสอบต่างๆ มากมาย แม้แพทย์จะยังหาข้อสรุปที่ชัดไม่ได้ว่า สิ่งที่เธอเป็นอยู่มันเกิดจากอะไร แต่แพทย์ก็ได้สันนิษฐานว่า Marnie อาจจะแพ้น้ำตาล หรือผลิตภัณฑ์จากนมก็เป็นได้ อาการของ Marnie ไม่ดีขึ้นเลย จนทางแพทย์ต่างก็จนปัญญา ที่จะสาเหตุเกี่ยวกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นบนร่างกายของเธอ หลังจากนั้นอีก 2 ปี อาการของเธอกลับแย่ลงกว่าเดิม เพราะมีเลือดออกมาจาก ดวงตา หู จมูก และ หนังศีรษะ มากถึง 5 ครั้งต่อวัน แถมยังทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย …
-
สาวรัสเซีย ถูกไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัว หลังเจ้านายเห็นภาพถ่ายแต่งเซ็กซี่จนเกินงาม
คงไม่เคยมีใครเคยถูกไล่ออกจากงานเพียงเพราะเหตุผลที่ว่า คุณเซ็กซี่เกินไปหรอกใช่ไหม ซึ่งมันฟังดูแล้วอาจไม่ค่อยสมเหตุสมผลสักเท่าไหร่ แต่ใครจะไปรู้ละว่าบางทีอาจจะเคยมีคนถูกไล่ออกจากงาน เหตุเพราะเซ็กซี่เกินไปก็ได้นะ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้เผยว่า Eleonora Verbitskaya สาวชาวรัสเซีย ผู้ที่มีอาชีพเป็นรับราชการชั้นผู้น้อยในกรมทรัพย์สินทางปัญญาคนนี้ ทำงานอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็โดนเด้งออกจากงานแบบสายฟ้าแลบซะอย่างนั้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอถูกไล่ออกจากงานก็เพราะว่า เจ้านายของเธอได้ไปเจอรูปที่เธอได้ถ่ายไว้เพื่อการโปรโมทงานดีเจ ซึ่งภาพถ่ายของเธอมันดูเซ็กซี่จนเกินงาม และมันไม่เหมาะสมต่อต่อองค์กร ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเชิญ Eleonora ให้ออกจากงาน งานนี้จึงทำให้ Eleonora ได้ตัดสินใจฟ้องร้องต่อศาลหลังจากที่เธอโดนไล่ออกจากงานแบบไม่ทันตั้งตัวยังไงละเหมียว ซึ่งทางทนายความของเธอได้ระบุว่า หากว่ากันตามกฎหมายแล้ว เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักนิด เพราะถึงเธอจะทำงานดีเจควบคู่ไปด้วย แต่เวลาทำงานเธอก็ไม่ได้แต่งตัวไม่เหมาะสม นี่มันเป็นเรื่องของจริยธรรมมากกว่า จริงๆ แล้วการทำงานในสถานบันเทิงโดยเฉพาะการเป็นดีเจนั้น ย่อมแต่งตัวเซ็กซี่อยู่แล้ว แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ได้แต่งตัวเซ็กซี่ไปทำงานราชการสักหน่อย แต่ก็นั่นแหละด้วยความที่ทางองค์กรกลัวว่าภาพลักษณ์จะเสียหาย งานนี้ก็เลยทำให้เธอซวยสุดๆ ถูกเด้งออกจากงานซะอย่างนั้น ที่มา : metro