Tag: สิงค์โปร์
-
จากพนักงาน IT สู่คนเพาะเลี้ยงปลา กับการใช้ความรู้เดิมมาประยุกต์ให้ธุรกิจใหม่สบายขึ้น!!
Malcolm Ong ชายชาวสิงคโปร์ที่เริ่มต้นชีวิตการทำงานด้วยการเป็นพนักงานแผนก IT ให้กับบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อ 20 ปีก่อน เขาเล่าว่ารอบๆ ตัวเขามีแต่คอมพิวเตอร์ มีแอร์และมีเพื่อนร่วมงานที่นั่งมองไปที่จอเหมือนๆ กัน แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้ไปพูดคุยและคลุกคลีอยู่กับชาวนาและชาวประมงในประเทศ ซึ่งนั่นทำให้เขาได้รับความรู้และจุดประกายความสนใจในท้องทะเลแก่เขา จากจุดนั้นเองเขาจึงตัดสินใจว่าเขาจะออกจากงานและใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมที่เรียนจบมาใช้ร่วมกับการเลี้ยงปลาของเขา แต่ใช่ว่าหนทางจะโรยด้วยกลีบกุหลาย Malcolm เล่าว่าตอนที่เขาออกจากงานเดิมมา และเริ่มเข้าสู่วงการนี้ทุกคนต่างพากันดูถูกว่าเขาจะทำมันได้เหรอ ซึ่งเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาสามารถทำมันได้และทำได้ดีด้วย เริ่มจากการเพาะเลี้ยงด้วยการนำเทคโนโลยีและความรู้ที่เขามีมาช่วย โดยเขาเล่าว่าปกติคนทั่วไปจะนับจำนวนลูกปลาที่มาจากฟาร์มอนุบาลด้วยมือหรือการคาดคะเน แต่ตัวเขาได้เขียนโปรแกรมที่สามารถจับภาพและนับปลาได้อัตโนมัติขึ้นมา ซึ่งนั่นทำให้เขาสามารถบันทึกข้อมูลต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ปลาที่เขาเลี้ยงยังมีขนาดและความสดที่สูงมากๆ จนเขานั้นสามารถที่จะนำปลาจากฟาร์มไปขายยังสถานที่ต่างๆ มากมายทั่วสิงคโปร์ ซึ่งนั่นรวมถึงร้าน Candlenut ร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชเชอร์ลิน ก็ยังเป็นลูกค้าประจำของเขาด้วย ซึ่งด้วยความคิดบวกและไม่ยอมแพ้ต่อความฝันของเขา ได้สอนให้เรารู้ว่าจงอย่ายอมแพ้และจงพิสูจน์ให้คนที่ดูถูกเห็นว่า เราไม่ได้เป็นอย่างที่พวกเขาคิด ซึ่งนั่นจะเป็นตัวผลักดันให้เราไปสู่ความสำเร็จ… ที่มา greatbigstory
-
ชาวเอเชียเดือดร้อน ฝรั่งสายฟรีเที่ยว “เรี่ยไรเงิน” หาสปอนเซอร์จากทวีปที่ยากจนกว่า
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เชื่อว่าพวกเราคงจะเคยเห็นภาพของชาวต่างชาติพร้อมกับแผ่นป้ายขอบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของเขา ซึ่งหลังจากภาพดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ก็ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารย์อย่างมาก และดูเหมือนว่าการขอเงินเพื่อสนับสนุนทริปท่องเที่ยวแบบนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกที่เดินทางมายังทวีปเอเชีย แต่การกระทำแบบนี้ก็ได้รับคำตำหนิด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การกระทำดังกล่าวยังขัดกับกฏหมายในบางประเทศ อย่างเช่นในสิงค์โปร์ผู้ที่จะหาเงินได้นั้นจำเป็นจะต้องมีวีซ่าสำหรับทำงานเท่านั้น คุณ Maisarah Abu Samah หนึ่งในชาวเน็ตที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำแบบนี้ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันเห็นคนมาขายของและร้องเพลงข้างถนนในสิงค์โปร์ ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เลย เพราะกฎหมายของที่นี่ค่อนข้างเข้มงวดมาก” ภาพของนักท่องเที่ยวที่ออกมาเรียไร ที่หลายๆ ประเทศในทวีปเอเชียเริ่มมีให้เห็นมากขึ้น . “เราพบนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่ออกมาขอเงินเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการขายของ การเล่นตนตรีเปิดหมวกหรือขอกันแบบซื่อๆ ซึ่งอันที่จริงพวกเขาอาจจะต้องการเงินจริงๆ ก็ได้ แต่การนำเงินที่ได้เหล่านี้ไปจับจ่ายซื้อสินค้าราแพงหรือใช้เที่ยวแบบหรูๆ ฉันว่ามันไม่ค่อยจะถูกนะ” คุณ Maisarah เสริม บางคนก็ใช้ความสามารถของพวกเขาแลกกับเงิน เพื่อสนับสนุนการเดินทาง . คุณ Louisa นักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองจากประเทศมาเลเซียเองก็ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของเหล่านักท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน “ฉันอยากจะบอกพวกนักท่องเที่ยวเหล่านั้นว่าถ้าคุณคิดว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องปรกติในเอเชีย ทำไมคุณไม่ลองทำแบบนี้ที่บ้านเกิดของพวกคุณด้วยล่ะ” ตอนนี้ดูเหมือนว่าการกระทำแบบนี้จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายบนโลกออนไลน์อีกด้วย มีการจัดตั้งเว็บไซต์เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับเหล่านักท่องเที่ยวที่ต้องการขอเงินเพื่อสนับสนุนการค้นหาความหมายของชีวิตพวกเขา เว็บไซต์ fundmytravel เป็นหนึ่งในเว็บไซต์ที่อนุญาตให้ผู้คนที่ต้องการเงินสนับสนุนการท่องเที่ยวสามารถตั้งกระทู้ขอรับบริจาคได้ บางครั้งการขอรับบริจาคก็มีจุดประสงค์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นการขอสนับสนุนเงินเพื่อเดินทางไปจัดกิจกรรมเพื่อสังคม หรืองานด้านมนุษยธรรมในประเทศที่ยากจน แต่ในขณะที่การขอรับบริจาคบางอย่างก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม อย่างเช่นการขอเรี่ยไรเงินสำหรับทริปท่องเที่ยวในทวีปเอเชีย ปีนหน้าผา เดินป่าขึ้นเขา ลงห้วยและปิดท้ายด้วยการกินแมลง ของนาย David…
-
คุณยายชาวสิงค์โปร์จะมาพิสูจน์ให้เห็นว่า คอสเพลย์ไม่ได้เป็นเรื่องของเด็กๆเท่านั้น!!!
แม้ว่าปัจจุบันสังคมจะมีทัศนคติที่เปิดกว้างและเป็นไปในแง่บวกมากขึ้นสำหรับการคอสเพลย์ แต่ไม่ว่าอย่างไร ก็คงมีความรู้สึกว่าคอสเพลย์เป็นเพียงเรื่องของเด็กๆวัยรุ่นเท่านั้น และเมื่อวันหนึ่งเมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาจะเลิกคอสเพลย์กันไปเอง แต่สำหรับคุณยาย Shirley Chua วัย 68 ปีแล้ว การคอสเพลย์ถือว่าเป็นสิ่งที่เธอรักและมีความสุขด้วยเป็นอย่างมาก เธอได้เล่าสาเหตุในการเข้าสู่วงการคอสเพลย์ว่า ตอนแรกลูกชายเธออยากจะคอสเพลย์ เธอจึงให้ความช่วยเหลือในการเตรียมชุด และหาข้อมูลตัวละครต่างๆ แต่ไปๆมา เธอกลับหลงรักการคอสเพลย์เสียเอง แม้ตอนแรกลูกชายและสามีของเธอรู้สึกอายที่เธอทำแบบนี้ แต่นี้พวกเขาบอกได้คำเดียวว่า พวกเขาภูมิใจในตัวของเธอเป็นอย่างมาก เธอบอกว่าข้อดีที่สุดของการคอสเพลย์คือการที่เธอได้พบปะผู้คนมากมายหลากหลายประเภท ซึ่งเธอไม่สามารถพบเจอได้ในชีวิตจริงๆ เธอได้สอนให้ทุกคนรู้ว่า ไม่มีใครแก่เกินไปที่จะหาความสนุกสนานและใช้ชีวิตในแต่ละวันให้เต็มที่ที่สุด สุดยอดจริงๆ เหมียวดีใจทุกครั้งที่ได้เห็นคนที่สามารถทำสิ่งที่ตนเองรักได้อย่างมีความสุข ถ้าเพื่อนๆมีสิ่งที่ตนเองรักละก็ อย่าลังเลที่จะหาความสุขจากมัน เพราะชีวิตเราไม่ได้ยาวนานจนสามารถปล่อยเวลาในแต่ละวันไปเปล่าๆได้หรอกนะ ^^ ที่มา rocketnews24