Tag: สิ่งแวดล้อม
-
หนุ่มอังกฤษเดินชิล จ้องแต่ “จอมือถือ” สุดท้ายวืด เดินตกลงไปในคูน้ำข้างทาง!
เรื่องของการ จ้องจอโทรศัพท์มือถือ นั้นยังคงเป็นคำเตือนและคำสอนกันอยู่อย่างแพร่หลาย ว่าไม่ควรทำติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป คนเราควรใส่ใจกับสิ่งรอบข้างให้มากเข้าไว้ หลายคนก็อาจจะไม่สนใจคำเตือนเหล่านี้ เพราะถึงแม้จะเล่นโทรศัพท์มือถือตลอดเวลาก็ไม่เห็นว่ามันจะเรื่องร้ายอะไรขึ้นเลย แต่คราวนี้คงต้องหันมาสนใจกันสักหน่อยแล้วว่า ยามที่คนเราเคลื่อนที่อยู่ในสถานที่สาธารณะนั้น การจ้องจอโทรศัพท์มือถือให้น้อยลงก็อาจจะเป็นสิ่งสำคัญ มิฉะนั้น ก็อาจจะประสบเคราะห์อย่างหนุ่มคนนี้ได้ แน่นอนว่าการที่ต้องเดินไปไหนมาไหนทั้งที่ข้างทางมีเพียงภาพของตึกและลำคลอง มันก็คงไม่น่าสนใจเท่ากับการเช็กเฟซบุ๊กหรือทวิตเตอร์เป็นแน่ ชายหนุ่มในภาพจึงเดินเล่นโทรศัพท์มือถืออย่างสบายใจเฉิบ ขณะที่เดินมายังทางเดินข้างคูน้ำ เขาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างแม้แต่น้อย จึงทำให้เขาเดินพลัดตกลงไปในคูน้ำดังกล่าว ชมคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ตกลงไปในคูน้ำเรียบร้อย โชคดีที่ไม่นานคนที่เดินผ่านไปมาก็รีบช่วยนำตัวชายคนนี้ขึ้นจากน้ำ Annmarie Gardener เจ้าของโรงแรม The Navigation Inn ในเมืองนอตทิงแฮมเองที่เป็นผู้บันทึกภาพเหตุการณ์นี้เอาไว้ด้วยกล้องวงจรปิดของโรงแรม นอกจากนี้เธอยังกล่าวว่า… “คนทั่วๆ ไปแค่มองก็จะรู้นะว่ามันคือคูน้ำ แต่เขากลับคิดว่าไม่ใช่ เพราะคูน้ำนี้มีใบไม้ทับถมอยู่ เขาน่ะเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ เราเลยพยายามเตือนผู้คนให้ระมัดระวังให้มากๆ” ที่มา: ladbible และ dailymail
-
หนุ่มชาวดัตช์ผู้คิดค้นวิธีการ ‘ทำความสะอาดมหาสมุทร’ ด้วยการกำจัดขยะพลาสติก
ปัจจุบันโลกของเรานั้นสภาพแวดล้อมย่ำแย่ลงไปมาก ซึ่งสาเหตุที่สภาพแวดล้อมและธรรมชาติรอบตัวแย่ลงนั้นก็มาจาก ‘มนุษย์’ ที่เป็นผู้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างด้วยน้ำมือของตัวเอง เมื่อสิ่งแวดล้อมถูกทำลายเยอะขึ้น ก็เริ่มจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์ จึงทำให้มนุษย์ต้องเริ่มหาวิธีที่จะรักษาธรรมชาติไม่ให้ถูกทำร้ายไปยิ่งกว่านี้ Boyan Slat หนุ่มดัตช์อายุ 23 ปี เป็นนักประดิษฐ์ผู้ที่ชื่นชอบการคิดค้นสิ่งต่างๆ เพื่อนำมันมาใช้ประโยชน์ เขาชื่นชอบเรื่องการสร้างสรรค์และสนใจเรื่องวิศวกรรมมาตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เขามีพรสวรรค์และเหมือนเกิดมาเพื่อสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ตอนที่เขาอายุ 14 ปี ก็ได้สร้างสถิติ Guinness World Record ด้วยการปล่อยจรวดขวดน้ำ 213 ลูกพร้อมๆ กัน เมื่อปี 2011 ในขณะที่ Boyan ได้ไปดำน้ำที่ประเทศกรีซ เขาสังเกตเห็นว่า ในน้ำมีเศษขยะพลาสติกเป็นจำนวนมาก มากกว่าปลาที่อยู่ในทะเลเสียอีก เขาจึงเริ่มที่จะคิดค้นสิ่งใหม่ๆ และอุทิศตัวเองเพื่อที่จะช่วยโลกแก้ปัญหาเหล่านี้โดยเฉพาะ 2 ปีต่อมาเขาก่อตั้ง The Ocean Cleanup เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีในการช่วยกำจัดขยะพลาสติกในมหาสมุทร เริ่มศึกษาหาวิธีการที่จะกำจัดขยะ โดยได้รับการสนับสนุนเงินจากการระดมทุนมากกว่า 69 ล้านบาท …
-
สหราชอาณาจักรเตรียมแบน ‘หลอดพลาสติก’ หวังลดปัญหาขยะพลาสติกในธรรมชาติ
หลอดพลาสติกคือสิ่งที่เรามักจะใช้ในชีวิตประจำวัน โดยที่เราอาจไม่เคยสังเกตเลยว่ามันเป็นขยะพลาสติกที่เราใช้กันฟุ่มเฟือยมากขนาดไหน และนั่นคือสิ่งที่รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักรเล็งเห็นถึงปัญหา พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะแบนการใช้เจ้าสิ่งนี้ในอนาคตอันใกล้ Michael Gove เลขาธิการด้านสิ่งแวดล้อมแห่งสหราชอาณาจักร บอกว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ได้รับผลกระทบมาจากการใช้หลอดพลาสติกเป็นจำนวนมากนั้น ทำให้รัฐบาลตั้งใจที่จะสั่งห้ามการใช้สิ่งดังกล่าว อันเป็นผลสืบเนื่องและเป็นการขยายแผน 5P ที่ใช้สำหรับการสั่งห้ามถุงพลาสติกเมื่อก่อนหน้านี้ เลขาธิการ Michael Gove จากการคำนวณของสมาคมอนุรักษ์พื้นที่ท้องทะเลพบว่า สหราชอาณาจักรมีการใช้หลอดพลาสติกมากกว่า 8,500 ล้านชิ้นต่อปี และสิ่งนี้ถือว่าเป็น 1 ใน 10 ของขยะที่ถูกพบเห็นได้บ่อยที่สุดตามชายหาด ซึ่งมันจะส่งผลเสียให้กับสิ่งมีชีวิตตัวอื่นๆ ที่เผลอบริโภคมันเข้าไป กลุ่มรณรงค์ Refuse The Straw ได้ออกมาบอกเพิ่มเติมอีกว่า หลอดพลาสติกต้องใช้เวลานานกว่า 20 ปีสำหรับการย่อยสลาย Michael คือคนที่ไม่ใช้พลาสติกเลยในช่วงเทศกาลมหาพรต (เทศกาลของศาสนาคริสต์) และเขายังได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Evening Standard ว่า “พวกเราส่วนใหญ่มองว่ามันคือสิ่งอำนวยความสะดวก แต่มันเปรียบได้กับฆาตกรสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่น หลอดพลาสติกที่เราใช้และทิ้งมันอย่างไม่ใส่ใจ อาจทำให้สัตว์เหล่านั้นต้องถึงแก่ความตาย” เขาพูดอีกว่า “สิ่งนี้จะไปฝังอยู่ในโพรงจมูกของเต่าทะเล ติดอยู่ในช่องคอของเหล่าโลมา หรืออาจทำให้ปลาหลายๆ ชนิดต้องสำลักน้ำ ทั้งหมดนี้เป็นผลลัพธ์ที่เกิดจากสิ่งที่ทำให้มนุษย์กินน้ำได้เร็วขึ้นเท่านั้นเอง”…
-
ภาพสุดสะเทือนใจของนักประดาน้ำ ที่ว่ายน้ำท่ามกลางซากขยะมากมาย ในทะเลอินโดนีเซีย
เมื่อเราไปเที่ยวทะเล ภาพที่เราหวังจะได้เห็นจากการดำน้ำในทะเลลึกก็คือภาพของสัตว์น้ำนานาชนิดที่เราไม่สามารถหาดูได้ตามปกติ รวมไปถึงความสวยงามตามธรรมชาติอย่างปะการังอีกด้วย ทว่าภาพที่นักประดาน้ำคนหนึ่งได้จากการไปดำน้ำในทะเลของประเทศอินโดนีเซีย กลับกลายเป็นภาพทะเลที่มีแต่ขยะจำพวกพลาสติกล้อยเคว้งคว้างอยู่เต็มไปหมด ซ้ำร้ายแถบนั้นยังเป็นแหล่งอยู่อาศัยของปลากระเบนอีกด้วย เขาคิดว่าเรื่องนี้ควรได้รับการแก้ไขโดยด่วน ภาพถ่ายชุดนี้ถูกถ่ายโดย Jukka Saarikorpi นักประดาน้ำและช่างภาพใต้น้ำมืออาชีพ เขากับคู่หมั้น Aissa Paronen ตัดสินใจไปดำน้ำกันที่ประเทศอินโดนีเซีย โดยหวังว่าจะได้เห็นความงดงามของธรรมชาติใต้ทะเลลึกของกลุ่มปลากระเบนในแถบนั้น ช่างภาพใต้น้ำ Jukka Saarikorpi และคู่หมั้น Aissa Paronen ทว่าเมื่อเขาดำน้ำมาจนถึงถิ่นที่ปลากระเบนจำนวนมากอาศัยอยู่ เขากลับพบว่าบริเวณนั้นมีแต่ถุงพลาสติกและขวดพลาสติกลอยเคว้งคว้างอยู่มหาศาล เขาอธิบายว่า “ในแถบนั้นมีพายุเศษขยะพลาสติกหมุนวนอยู่ ปลากระเบนที่อยู่แถบนั้นก็มักจะว่ายเข้าไปหาขยะพวกนี้ด้วย พลาสติกเหล่านี้ถูกกระแสน้ำพัดมาจากหลายแห่งจนสุดท้ายก็มารวมกันอยู่ในถิ่นอาศัของปลากระเบน” เขาเสริมอีกว่า “ตรงนี้มีปลากระเบนอาศัยอยู่มากกว่า 100 ตัว ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าขยะจะมารวมอยู่ในที่อาศัยของสัตว์ทะเลมากขนาดนี้ ถ้าหากปลากระเบนเผลอกินพลาสติกเข้าไปมันต้องส่งผลเสียร้ายแรงแน่ๆ เพราะพวกมันไม่สามารถย่อยพลาสติกได้” หลังจากที่เขากลับจากการดำน้ำครั้งนั้น เขาจึงนำภาพทั้งหมดที่ถ่ายมารวมถึงคลิปวิดีโอ อัปโหลดลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง และยังให้คนอื่นสามารถแชร์ภาพเหล่านี้ลงไปบนโซเชียลมีเดียอื่นๆ อีกมากมายด้วย เขาหวังว่าการแชร์ภาพเหล่านี้จะสามารถทำให้สังคมตระหนักถึงปัญหาขยะในท้องทะเลได้มากขึ้น และร่วมมือกันแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ คนในสังคมออนไลน์ก็ดูจะให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างดี แค่นับจากยอดเข้าชมโพสต์เฟซบุ๊กของเขาอย่างเดียว ก็มีคนเข้าชมไปแล้วกว่า 80,000 ครั้ง หากนับรวมยอดเข้าชมบนโซเชียลมีเดียอื่นด้วยอาจจะมียอดชมสูงหลายแสนครั้งเลยก็เป็นได้ ภาพเหนือระดับน้ำทะเลของบริเวณที่มีขยะพลาสติกอยู่…
-
22 ภาพธรรมชาติของโลกนี้ บางสิ่งก็สวยงามตื่นตา บางสิ่งก็ชวนให้ขนลุก แบบบอกไม่ถูก!!
ธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งสวยงามให้กับโลกใบนี้เพื่อให้มนุษย์ได้ดูแล แต่ภายใต้สิ่งสวยงามที่ได้สร้างขึ้นนั้นก็แฝงไปด้วยอันตรายและความน่ากลัวที่ซ่อนไว้อยู่ เปรียบดั่งกุหลาบงามที่ย่อมมีหนามไว้ป้องกันตัว ธรรมชาติจึงต้องสร้างสิ่งที่อันตรายเอาไว้ป้องกันความงามที่แสดงออกไป ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้มี 2 ด้าน เสมอ อยู่ที่ว่าเราจะมองมุมไหนมากกว่า เหมือนดังภาพจากธรรมชาติต่อไปนี้ มดแดงกำลังจะฉลองอาหารเย็นมื้อใหญ่ของพวกมัน ผล Snapdragons ที่เมื่อแห้งแล้วจะดูเหมือนกระโหลกมนุษย์ การต่อสู้ระหว่างกบและแมงมุม ผู้แพ้ต้องตกเป็นอาหารแก่ผู้ชนะ การอพยพของฝูงมดเมื่อตอนน้ำท่วม ไม่ใช่แมลงสาบที่จะครองโลก การสร้างรังดักเหยื่อของแมงมุม ธรรมชาติสร้างสิ่งเหล่านี้เพื่อความสวยงามของโลก แต่มองอีกมุมหนึ่งมันช่างน่ากลัวเหลือเกิน น้ำตกลาวา อะไรเอ่ย ซ่อนอยู่ใต้น้ำที่มืดมิดนั้น ธรรมชาติสามารถทำลายได้ทุกสิ่ง เขากวางเอลค์ในช่วงที่ลอกเขา ดูแปลกตาไปอีกแบบ เจ้าปลาตัวนี้อาจจะโดนอะไรกัดมา กบตัวนี้ไม่ต้องการที่จะกลายเป็นอาหาร ท้องฟ้าไม่เหมือนกันเสมอไป ในแม่น้ำมีปลาแบบนี้อยู่จริงๆ เมื่อฟ้าผ่าเข้ากลางต้นไม้อย่างจัง อาหารอันโอชะของงู ร่องรอยของนกฮูกที่ประทับลงบนหิมะ แมลงที่เหมือนใบไม้มากๆ …
-
ทุ่นดักจับขยะพลาสติกในมหาสมุทร กำลังจะออกปฏิบัติการช่วยกอบกู้โลกให้สดใสดังเดิมแล้ว
มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีพฤติกรรมมักง่าย เมื่อไปที่ใดก็ทิ้งขยะไว้ตรงนั้น และไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น ทำให้ในตอนนี้พื้นที่ต่างๆ บนโลกของเราก็มีปัญหาเรื่องนี้เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงในท้องทะเลที่เรื่องของขยะได้กลายมาเป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันแก้ไข ให้ได้อย่างทันท่วงที ทว่าหากยังจำกันได้ ใครหลายคนก็อาจจะเคยได้ยินเรื่องราวของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่มีความมุ่งมั่นจะแก้ไขเรื่องปัญหาขยะในทะเลให้ได้ ซึ่งสิ่งที่เขาคิดไม่ใช่แค่เรื่องเล็กๆ เท่านั้น เพราะว่าเขาวางแผนเอาไว้ว่าจะช่วยโลกด้วยการลดจำนวนขยะจำนวนมหาศาลในมหาสมุทรต่างๆ และในวันนี้เขาได้กลับมาทำตามสิ่งที่เขาคิดเอาไว้แล้ว ย้อนกลับไปในอดีต Boyan Slat เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มมัธยมชาวดัตช์ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น แต่ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาได้ไปท่องเที่ยวที่ประเทศกรีซ และได้มีโอกาสได้ดำน้ำลงดูใต้ท้องท้องทะเล สิ่งที่เขาได้เห็นจากการไปเที่ยวในครั้งนั้นไม่ใช่แค่ปลาสวยๆ เพียงเท่านั้น แต่เขายังได้เห็นขยะจำนวนมากมาย ที่เขาบอกว่ามันมีเยอะกว่าจำนวนปลาในน้ำซะอีก นั่นจึงได้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาอยากจะเปลี่ยนอะไรสักอย่างเพื่อให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น “วินาทีที่ผมดำน้ำลงไปใต้ทะเล มันทำให้ผมรู้ทันทีว่าปัญหาเรื่องขยะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัญหาขนาดใหญ่ที่คนยุคผมต้องเผชิญกับมัน” Slat กล่าว ทว่า Slat ก็เป็นเหมือนกับคนทั่วๆ ไป ที่รู้ว่ามีขยะจำนวนมหาศาลอยู่ในท้องทะเล และหวังว่าจะมีใครสักคน หรือหน่วยงานสักแห่งที่กำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ แต่สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่นก็เพราะว่า เขาไม่เพียงรอคอยให้ใครแก้ปัญหานี้ให้เท่านั้น เพราะว่ามันเป็นปัญหาของส่วนรวม หลังกลับจากการไปเที่ยวประเทศกรีซในครั้งนั้น Slat จึงได้ค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องของการกำจัดปัญหาในท้องทะเล และเขาก็ได้พบว่าการใช้ตาข่ายเพื่อดักจับขยะ มันไม่เพียงแต่จะกำจัดขยะเท่านั้น… ทว่ามันยังจะจับพวกสิ่งมีชีวิตในทะเลอย่าง ปลา เต่า หรืออื่นๆ ไปด้วย เขาจึงได้พัฒนานวัตกรรมใหม่ของเขาขึ้นมาเพื่อจะแก้ไขปัญหานี้โดยเฉพาะ…
-
ก็คนมันรัก!! ครอบครัวหนึ่งใช้ต้นคริสต์มาส “ต้นเดิม” มากว่า 34 ปี และที่สำคัญคือมันยังมีชีวิตอยู่
เมื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสหลายบ้านก็มักจะซื้อต้นคริสต์มาสเข้ามาประดับบ้านในทุกๆ ปี และเมื่อผ่านพ้นไปแล้ว ก็ทิ้งมันไปอย่างไม่ไยดี เพราะคิดว่ายังไงปีหน้าก็ต้องซื้ออยู่ดี แต่กลับมีครอบครัวหนึ่งที่ไม่มีความคิดเช่นนั้น เพราะพวกเขาได้ใช้ต้นคริสต์มาส “ต้นเดียว” มาตลอด 34 ปีจนถึงตอนนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่!! ครอบครัวของ Gina และ Joe Mistretta ได้เริ่มเข้าร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสตั้งแต่ปี 1983 ซึ่งในปีเดียวกันเองนั้นพวกเขาได้ซื้อต้นคริสต์มาสต้นหนึ่งมาด้วยความสูงที่ไม่ถึงเมตรและมีราคาไม่ถึง 20 ดอลลาร์ (ประมาณ 650 บาท) ด้วยซ้ำ Gina และ Joe คนดูแลต้นคริสต์มาสมากว่า 34 ปี ต้นไม้ที่พวกเขาซื้อมันอาจจะมีขนาดเล็กจนไม่สามารถแขวนกระดิ่ง หรือกระทั่งไฟสวยงามใดๆ ได้แต่เมื่อผ่านพ้นเทศกาลไปพวกเขาก็ตัดสินใจจะเลี้ยงต้นไม้ต้นนี้ให้มีชีวิตอยู่ต่อไป “มันเป็นเรื่องเศร้ามากๆ ที่จะโยนมันทิ้งไป” Gina กล่าว ต้นคริสต์มาสที่ในตอนแรกมีความสูงไม่ถึง 1 เมตร ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนกระทั่งเวลาผ่านไป 34 ปี ต้นไม้ต้นนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองในครอบครัวนี้ และดูเหมือนว่าความพยายามในการอนุรักษ์ต้นไม้ของพวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่หาได้ยากในสังคมทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาต้นไม้ต้นนี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการตัดแต่งกิ่งต่างๆ รดน้ำต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งมีการเปลี่ยนกระถางเมื่อถึงเวลาอันสมควร นอกจากนี้ยังได้ลูกๆ ของพวกเขามาช่วยดูแลอย่างอื่นด้วยอีกแรงหนึ่ง…
-
ภาพมลพิษในอเมริกาครั้งอดีต อุตสากรรมที่กัดกินสิ่งแวดล้อม ราวกับโลกยุคล่มสลาย!!
การพัฒนาทางอุตสาหกรรมเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้เห็นถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆ และสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศนั้นๆ แต่ทว่าหนึ่งผลพลอยได้ที่ตามมาจากการพัฒนาอุสาหกรรมนั่นก็คือปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมนั่นเอง!! สำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐหรือ EPA หนึ่งในองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหานี้ตั้งแต่ปี 1970 แต่หลังจากที่ Scott Pruitt หนึ่งในทีมงานของทรัมป์ได้เข้ารับตำแหน่งประธาน เขาก็ได้ยกเลิกข้อห้ามการใช้ยาฆ่าแมลง (pesticide) ยาอันตรายที่อาจส่งผลต่อสมองเด็ก รวมทั้งยกเลิกข้อกำหนดการบำบัดน้ำของโรงงานอุสาหกรรม จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว ภาพถ่ายชุด Documerica หนึ่งในโปรเจกของ EPA ที่ถ่ายในช่วงปี 1971 ถึง 1977 โดยมีการบันทึกไว้ด้วยกันทั้งหมด 81,000 ภาพ และถูกเก็บบันทึกไว้ในหอจดหมายเหตุแห่งชาติกว่า 15,000 ภาพ ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบของการละเลยปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงนั้น ชุดภาพชุดดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่าจะเป็นอย่างไรถ้าหากพวกเราไม่ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อม กลุ่มหมอกควันหรือ Smog ที่ปกคลุมสะพาน George Washington ในนครนิวยอร์ก ถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ในยุคนั้น ควันจากโรงงานผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงปี 1970 และในปัจจุบันถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุมการปล่อยมลพิษจากการผลิตแบตเตอร์รี่รถยนต์ แต่ก็ยังคงมีการละเมิดกฎดังกล่าวอยู่ ภาพของคนงานในเมือง Steubenville รัฐโอไฮโอ ถือขวดโหลที่บรรจุน้ำดื่มที่ปนเปื้อนซึ่งเป็นผลกระทบมาจากเหมืองถ่านหิน เธอยื่นฟ้องโรงงานดังกล่าวข้อหาปล่อยมลพิษลงสู่แหล่งน้ำ รถยนต์ที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในอ่าว Jamaica เมืองนิวยอร์กซิตี้เมื่อปี 1973 แสดงให้เห็นถึงมาตรการจัดการขยะที่ไม่ถูกต้อง โรงงานของบริษัท Atlas Chemical ที่ปล่อยควันออกมาท่ามกลางทุ่งหญ้าในเมือง Marshall รัฐเท็กซัส ผู้คนในท้องถิ่นบอกกับช่างภาพว่าสารเคมีและเขม่าควันทำให้วัวของพวกเขาตาย…
-
ภาพถ่ายมุมสูงของงานอุตสาหกรรม กับรอยแผลเป็นที่ฝากไว้บนผืนแผ่นดินธรรมชาติ…
ก็อย่างที่รู้กันดีว่าโรงงานอุตสาหกรรมนั้นเป็นตัวการที่ทำให้สภาพแวดล้อมบนโลกเลวร้ายลง ทุกที่ที่มีการทำโรงงานอุตสาหกรรมเกี่ยวกับสารเคมี จะทำให้สภาพแวดล้อมเสียหายอย่างหนัก และไม่สามารถฟื้นฟูให้กลับมาเป็นปกติได้ สำหรับวันนี้ #เหมียวหง่าว จะขอพาเพื่อนๆ ไปชมร่องรอยความโหดร้ายของโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำลายสภาพแวดล้อมและทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ผ่านมุมกล้องแบบ Bird Eye View ว่ามันส่งผลร้ายแรงแค่ไหน เป็นผลงานภาพถ่ายจากช่างภาพ J Henry Fair ใช้ชื่อผลงานว่า Industrial Scars โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้มนุษย์หันมาให้ความสนใจกับผลกระทบที่น่าเศร้าที่ตัวเองเป็นคนสร้างให้กับโลกใบนี้ เอาล่ะถ้าพร้อมแล้วก็ลองไปชมผลงานของเขาไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่า… 1. อุตสาหกรรมอลูมิเนียม ในเมือง Gramercy รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา โคลนสีแดงที่เห็นนี้เป็นของเสียที่เกิดขึ้นจากการทำอุตสาหกรรมอลูมิเนียม ถูกปั๊มขึ้นมาบนพื้นผิวโลกจนกลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 2. อุตสาหกรรมอาหาร ในเมือง Luling รัฐ Louisiana ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าสารเคมี Glyphosate ที่เป็นผลพลอยมาจากการทำอุตสาหกรรมอาหารปลอดภัยต่อมนุษย์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ สารตกค้างเหล่านี้ทำให้เกิดปรากฏการณ์อย่างที่เราเห็นในภาพ 3. อุตสาหกรรมน้ำมัน ในเมือง Fort Mcmurray ประเทศแคนาดา นี่เป็นภาพมุมสูงบนแท้งค์น้ำมันที่บรรจุน้ำมันดิบกว่า 400,000…
-
NASA เผย 16 ภาพเทียบอดีต-ปัจจุบัน ของสถานที่บนโลก สะท้อนปัญหาภูมิอากาศที่เปลี่ยนไป…
จากอดีตถึงปัจจุบัน เราจะเห็นได้ว่าสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นตึกรามบ้านช่อง สิ่งก่อสร้าง รวมไปถึง “ธรรมชาติ” ได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก นั่นอาจมีสาเหตุมาจากมันเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา และส่วนหนึ่งอาจมาจากการกระทำของมนุษย์ และเพื่อเป็นการพิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ธรรมชาติ รวมถึงสถานที่สำคัญหลายแห่งบนโลกใบนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดไหน วันนี้เราจึงได้นำ 16 ภาพถ่ายเทียบความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ บนโลกจาก NASA ในช่วงไม่กี่ปีหลังมาให้ได้ชมกัน 1.ธารน้ำแข็ง Pedersen ในอลาสกา ในช่วงฤดูร้อนปี 1917 และฤดูร้อนปี 2005 2.ทะเลอารัล ในเอเชียกลาง ระหว่างเดือนสิงหาคม ปี 2000 และเดือนสิงหาคม ปี 2014 3.ธารน้ำแข็ง Carroll ในอลาสก้า ช่วงเดือนสิงหาคม ปี 1906 และเดือนกันยายน ปี 2003 4.สภาพของทะเลสาบ Powell ในอาริโซน่า และยูทาห์ ช่วงเดือนมีนาคม ปี 1999 และเดือนพฤษภาคม…
-
มันเจ๋งมาก!! นวัตกรรมจากฝีมือของนักศึกษากับเครื่องเปลี่ยนอากาศเสียให้เป็นหมึกพิมพ์
เรื่องที่คิดว่าเป็นไปไม่ได้อาจจะไม่จริงเสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นวิวัฒนาการของโทรศัพท์จนกลายมาเป็นสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์เครื่องยักษ์ที่ถูกย่อส่วนให้เหลือเพียงแค่คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค และสารพัดเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย เช่นเดียวกับนวัตกรรมสุดเจ๋งของนักศึกษาระดับปริญญาโทและเป็นผู้ช่วยการค้นคว้าวิจัยจากห้องแล็ปวิทยาศาสตร์ของสถาบัน MIT นามว่า Anirudh Sharma ที่ได้สร้างสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ที่มีชื่อว่า Kaala ความสามารถของมันก็คือทำการดูดซับอากาศเสียหรือมลพิษต่างๆ เข้ามาแล้วก็เพิ่มส่วนผสมของแอลกอฮอล์กับน้ำมันเพื่อเปลี่ยนให้กลายมาเป็น ‘หมึกพิมพ์’ เขาเปิดเผยว่าความคิดนี้มีมาตั้งแต่ตอนเด็กแล้ว ซึ่งย้อนกลับไปตอนที่เขายังอยู่ที่ประเทศอินเดีย มีอากาศเสียและมลพิษเยอะมากๆ แล้วถ้าหากว่าสามารถเปลี่ยนอากาศเสียเหล่านั้นให้กลายมาเป็นหมึกพิมพ์ได้จะมีประโยชน์มากแค่ไหน? แถมท้ายด้วยข้อความที่ฉุกคิดให้กับเราได้ว่า ‘บริษัทที่เกี่ยวข้องกับธรุกิจหมึกพิมพ์อย่าง HP หรือ Canon นั้นทำกำไรได้มากถึง 70% จากการขายหมึกพิมพ์ที่มีราคาสูงถึง 4 เท่า’ ที่มา : goodnewsnetwork
-
ชาวจีนแตกตื่น น้ำในทะเลสาบกลายเป็นสีเขียวเข้ม สัตว์น้ำตายเพียบ
เมื่อวันที่ 9 ก.ค. เว็บไซต์ Shanghaiist ได้เผยแพร่ภาพของแม่น้ำ Dian ใกล้กับสวนสาธารณะ Haigeng ในนครคุนหมิงมณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เปลี่ยนสีจนกลายเป็นสีเขียวเข้มดูแปลกตา จากการตรวจสอบพบว่าสีเขียวเหล่านั้นเกิดจากสาหร่ายเขียว-น้ำเงิน ที่รู้จักกันดีในชื่อว่า ไซยาโนแบคทีเรีย ผืนน้ำเปลี่ยนเป็นสีเขียวคล้ายกับการย้อมสี ทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงาม แต่สาหร่ายเป็นชนิดที่มีสารพิษอยู่ด้วย ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นตายจนหมด โดยเราจะสังเกตเห็นได้จากซากสัตว์ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น เพราะเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา มีการรายงานว่าน้ำในทะเลสาบ Chao มณฑลอานฮุย ก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวเพราะสาหร่ายเช่นเดียวกัน และกินพื้นที่ไปกว่า 1 กิโลเมตรเลยทีเดียว ที่มา shanghaiist