Tag: สุสาน
-
‘เอเวอเรสต์’ ยอดเขามรณะพิชิตนักปีนเขา ดั่งสุสานลอยฟ้าที่ทิ้งร่างของผู้พ่ายแพ้
เมื่อพูดถึงภูเขาที่สูงที่สุดในโลกแล้วละก็ คงจะไม่มีสถานที่ใดมาเทียบเคียงกับ ‘ยอดเขาเอเวอเรสต์‘ ได้อีกแล้ว ด้วยระดับความสูงที่ 8,848 เมตร จึงทำให้นักปืนเขามากมายจากทั่วโลกรู้สึกตื่นเต้นและอยากจะพิชิตมันให้ได้ อย่างไรก็ตาม แม้ว่ายอดเขาแห่งนี้จะมีวิวทิวทัศน์ที่สวยงามเพียงใด แต่มันก็ลบความเป็นจริงที่ว่ามันเป็นดั่งสุสานลอยฟ้าของเหล่านักปีนเขาออกไปไม่ได้เสียที ด้วยความที่สภาพอากาศระหว่างไปยอดเขานั้นมันโหดร้ายมากๆ ทั้งหนาวเย็นและออกซิเจนก็น้อยนิด มันจึงคร่าชีวิตผู้คนมากมายมานับตั้งแต่อดีต ทิ้งไว้ก็แต่ร่างไร้วิญญาณมากมายบนกองหิมะอันหนาวเน็บ บ้างก็รู้ว่าเป็นใครมาจากไหน บ้างก็ไม่อาจจะทราบได้ว่าพวกเขาเป็นใคร ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีคนเสียชีวิตการจะพาพวกเขากลับมาด้วยก็เป็นเรื่องที่ยากเมื่อคุณขึ้นไปถึงระดับที่สูงขึ้น เพราะถ้าคุณมัวกู้ร่างของผู้เสียชีวิต ก็เท่ากับว่าคุณก็พร้อมจะเอาชีวิตไปเสี่ยงด้วยเช่นกัน… ในปัจจุบันภูเขาแห่งนี้ได้กลายเป็นสุสานแก่นักปีนเขาจำนวนเกือบ 300 คน ซึ่งในแต่ละการตายก็มีเรื่องเล่าที่สืบต่อกันมาหลากหลายเรื่องเลยทีเดียว . อย่างเช่นเรื่อง ‘Green Boots’ ที่เล่าถึง Tsewang Paljor นักปีนเขาจากอินเดียที่เสียชีวิตในปี 1996 ส่วนสาเหตุที่ต้นเหตุของเรื่องเล่าก็มาจากรองเท้าที่เขาใส่ไปปีนมันเป็นสีเขียว และนักปีนเขาคนอื่นๆ ในช่วงนั้นก็จะต้องเจอกับศพของเขาระหว่างทางนั่นเอง หรือจะเป็นเรื่อง ‘Sleeping Beauty’ ที่เล่าถึงสองสามีภรรยา Francys และ Sergei Arsentiev ที่ได้ไปพิชิตยอดเขาในปี 1998 ซึ่งทำให้ Francys นั้นยังเป็นหญิงชาวอเมริกันคนแรกที่สามารถพิชิตยอดเขาได้ แต่โชคร้ายที่ทั้งคู่ได้เสียชีวิตระหว่างทางกลับลงมานั่นเอง…
-
นักโบราณคดีพบมัมมี่อายุ 3,500 ปี ในสุสาน คาดว่ามีความพิเศษมากกว่าที่เคยค้นพบมา
อียิปต์เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน มันจึงเปี่ยมไปด้วยอารยธรรมที่มีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ หากมีโอกาสไปท่องเที่ยวที่ประเทศอียิปต์สักครั้ง เราจึงไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมอารยธรรมเหล่านี้ โบราณสถานของประเทศนี้ที่เรารู้จักกันดีนั้นคงจะเป็นพีระมิด และสุสานโบราณของคนสำคัญในสมัยก่อน เพราะนอกจากจะเป็นโบราณสถานที่ดูน่าหลงใหลแล้ว ยังเต็มไปด้วยโบราณวัตถุและศิลปะสวยงามจำนวนมาก ถึงโบราณสถานเหล่านี้จะถูกค้นพบมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม แต่ยังมีหลายแห่งที่ค้นพบแล้วไม่ได้รับการสำรวจจนถึงปัจจุบัน เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา รัฐมนตรีด้านประวัติศาสตร์วัฒนธรรมได้ออกมาแจ้งว่า สุสานสองแห่งที่เคยพบทางตอนใต้ของเมืองลักซอร์ในช่วงทศวรรษที่ 1990 ได้รับการสำรวจแล้ว โดยสุสานทั้งสองถูกเรียกว่า KAMPP 161 มีอายุกว่า 3,000 ปี และคาดว่าจะเป็นสุสานของราชวงศ์ที่ 18 แห่งอียิปต์ พวกมันรอการสำรวจจากนักโบราณคดีมานาน และตอนนี้พร้อมจะเผยความลับที่ซ่อนไว้แล้ว ตัวสุสานนั้นมีความกว้างขวางอย่างมาก กำแพงสุสานถูกก่อสร้างจากหินและดินโคลนเป็นแนวยาว และทางทิศใต้ของสุสานยังเชื่อมออกไปถึงห้องอื่นๆ อีกจำนวนสี่ห้อง ในสุสานแห่งหนึ่งนักโบราณคดีพบมัมมี่ ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่ เพราะคาดว่ามัมมี่ตัวนี้เป็นร่างของคนสำคัญคนหนึ่งในยุคนั้น แม้ว่าจะไม่ทราบแน่ชัดว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่มีการตั้งสมมติฐานว่าอาจจะเป็น Djehuty Mes บุคคลระดับสูงที่มีชื่อสลักอยู่บนผนังของสุสาน หรืออาจจะเป็นชายชื่อ Maati เพราะชื่อของชายคนนี้ถูกสลักลงบนป้ายสุสานที่พบในสุสานแห่งนี้กว่า 50 อันเลยทีเดียว . นอกจากมัมมี่แล้ว ยังสำรวจพบเครื่องปั้นดินเผาโบราณ หน้ากากโบราณ และรูปปั้นสลักจากไม้จำนวนมาก…
-
ไอเดียสุดเจ๋งของ ‘สุสานยุคโมเดิร์น’ บอกเล่าถึงกระแสสังคมที่ตายจากเราไปตามกาลเวลา
ป้ายหลุมศพที่เราเห็นตามสุสานจะมีลักษณะที่ไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่ และบันทึกชื่อของผู้ตายหรืออื่นๆ เพียงแค่ไม่กี่ประโยค แต่วันนี้เราจะพาไปดูสุสานสุดพิสดารที่ถ้าขับรถผ่านก็คงต้องแวะจอดลงไปดูกันเลย เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2017 ได้มีการแชร์รูปของสุสานประหลาดๆ ที่เป็นไอเดียของ Michael Fry ผู้เป็นทั้งคุณพ่อและอาจารย์ศิลปะ เขาได้สร้างผลงานนี้ในลักษณะของ “สุสานยุคโมเดิร์น” เพื่อแสดงให้เห็นว่าตามสื่อหรือโลกออนไลน์ในปัจจุบันได้มีอะไรตายไปแล้วบ้าง แน่นอนว่าข้างใต้ของหลุมฝังศพก็ไม่ได้มีคนนอนตายอยู่จริงๆ หรอกนะ การทำท่า Dab หรือสร้างสไลม์ขึ้นมาเอง คือสิ่งที่เราไม่ได้เห็นกันเท่าไหร่แล้วในปัจจุบัน ทั้งๆ ที่มันเคยได้รับความนิยมอย่างมาก เขาได้รับแรงบันดาลใจมาจากบ้านผีสิงของดิสนีย์ ก่อนที่จะมาดัดแปลงหน้าบ้านของตัวเองให้กลายเป็นป้ายหลุมฝังศพที่พูดถึงกระแสในสื่อต่างๆ ที่เคยดังมาก่อน แฟชั่นของสาวๆ อย่างการทำสีผมสไตล์ Ombre หรือทำปากให้ดูอวบอิ่มก็เริ่มซาลงไป รวมถึง Taylor Swift คนเก่าที่ได้ตายจากเราไปแล้ว เห็นได้จากซิงเกิ้ลใหม่ของเธอ เด็กรุ่นใหม่ก็ไม่ได้มานั่งดูทีวีกันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อยากดูอะไรก็หาในยูทูบไรงี้ก็ได้แหละนะ ในวันฮาโลวีนเมื่อปีที่แล้ว เขาก็ได้ตกแต่งประตูบ้านด้วยหัวกระโหลกอีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้วจะมีเด็กคนไหนกล้าเข้าไปขอขนมลูกอมกันล่ะเนี่ย นับว่าเป็นแนวคิดเจ๋งๆ ที่ทำให้เห็นว่าโลกของเรามีการเปลี่ยนแปลงของกระแสต่างๆ อยู่เสมอ ที่มา: theberry
-
พาทัวร์ ‘สุสานรถถัง’ ที่ถูกทิ้งร้างในยูเครน เผยความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตในอดีต
บางสิ่งบางอย่างเมื่อล้าหลังไปแล้ว ผู้คนก็จะเลิกให้ความสนใจ ปล่อยให้มันทิ้งร้างไว้อย่างนั้น อาจมีการผุกร่อนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ว่าบางอย่างก็ยังคงไม่หายไปไหน ไม่ต่างกับ “สุสานรถถัง” ในเมืองคาร์คิฟ ประเทศยูเครน ใกล้กับชายแดนรัสเซียในปัจจุบัน ซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรถถังมากมายที่ถูกทิ้งไว้โดยไม่มีใครเข้ามาแยแส แต่การมีอยู่ของพวกมันก็ได้ไปกระตุ้นความสนใจให้กับนักสำรวจชื่อ Patvel Itkin เข้าไปเก็บภาพแห่งความทรงจำที่มีมาตั้งแต่ยุค 1960s ในตอนที่ยูเครนยังเป็นหนึ่งในสหภาพโซเวียตอยู่ กว้างพอให้สร้างโรงเรียนได้เลยนะ รถถังเต็มไปหมด เขาได้แอบเข้าไปในขณะที่ไม่มีคนเห็น ซึ่งปกติแล้ว สถานที่แห่งนี้จะถูกปิดไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไป และเมื่อได้ลองเดินไปรอบๆ เขาก็รู้สึกอึ้งกับความกว้างใหญ่ของสถานที่นั้น สถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยรถถังที่คาดว่าจะมีมากถึง 450 คัน พร้อมกับเครื่องยนต์อีกมากมาย และชายคนนี้ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายเดือนเพื่อให้ได้เห็นในทุกซอกทุกมุม เรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนกับทหารกำลังยืนเข้าแถว มองมุมนี้แล้วดูไม่ออกเลยว่า รถถังมีจำนวนมากขนาดไหน และที่พบได้เยอะที่สุดก็คือ รถถังรุ่น T-62 อันมีชื่อเสียงของโซเวียต เคยผ่านสมรภูมิมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สงครามเย็น สงครามเกาหลี รวมถึงสงครามเวียดนาม สถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนเคยเป็นจุดซ่อมบำรุงรถถังมาก่อน และรถถังมากมายที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ บางส่วนก็มาจากโรงงาน Malyshev ใกล้กันนั้นเอง เครื่องยนต์ที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ไม่ต่างกัน คงจะน่าเศร้ามากแน่ๆ…
-
ชวนไปดู “สุสานสัญญาณไฟจราจร” ในประเทศญี่ปุ่น ที่มากับเสียงลึกลับในยามวิกาล
เราเคยสงสัยกันมั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสัญญาณไฟจราจรที่เสียแล้ว? หลายคนอาจจะคิดว่าถ้ามันเสีย แค่ซ่อมก็กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมแล้ว แต่สัญญาณไฟจราจรไม่ใช่ของวิเศษ มันเป็นแค่สิ่งที่มีอายุการใช้งานเหมือนส่ิงของทั่วไป ดังนั้นเมื่อมันเสียแล้วก็ต้องถูกทิ้งให้อยู่ในสุสานเหมือนกัน มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า Kosuke ได้โพสต์รูปสุสานแห่งหนึ่งที่ถูกขนานนามว่า Shingoki No Hakaba หรือสุสานของไฟสัญญาณจราจร ในนาโกย่า ประเทศญี่ปุ่น ไฟจราจรที่เสียแล้วหรือไม่ใช้งานแล้วจะถูกนำมาทิ้งไว้ที่นาโกย่าเป็นเวลาหลายปี และเมื่อมันสะสมมากเข้าๆ ที่นี่จึงถูกเรียกว่าสุสานไฟจราจร นอกจากโพสต์รูปแล้ว Kosuke ยังได้แชร์โลเคชั่นของสุสานไฟจราจร เพื่อให้เราได้เข้าไปเยี่ยมชมด้วย จากแผนที่จะเห็นว่าสุสานแห่งนี้อยู่ทางใต้ของ Nagoya Fire Department Fifth Special Fire Brigade ซึ่งอยู่ห่างจาก Legoland เพียงไม่กี่ร้อยเมตร ขึ้นชื่อว่าเป็นสุสานแล้ว ก็ต้องมีความลี้ลับอยู่เป็นธรรมดา บางคนถึงกับอ้างว่าในช่วงค่ำจะได้ยินเสียงรถหวอดังออกมาจากสุสานแห่งนี้ มันอาจจะเป็นแค่สัญญาณไฟ แต่พวกเขาก็รู้สึกกลัวไม่ต่างจากผีอยู่ดี ใครจะไปคิดว่าแค่สัญญาณไฟจราจรจะมีเรื่องลี้ลับแฝงอยู่ด้วย แต่ก็อย่างว่าแหละ ก่อนที่มันจะถูกทิ้ง มันถูกใช้งานมามากและคงมีอุบัติเหตุมากมายเกิดขึ้นเพราะไฟสัญญาณจราจรเหล่านี้ ที่มา rocketnews24
-
เรื่องราวของหนุ่มฝรั่งเศสหลงทางอยู่ใน “ถ้ำใต้ดิน” ที่เต็มไปด้วยความมืดและหัวกระโหลก…
การหลงเข้าไปในที่แปลกๆ หรือสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ย่อมทำให้เราเกิดอาการกลัวได้เป็นธรรมดา แต่ถึงจะหลงเขาไปที่แปลกหรือน่ากลัวแค่ไหนก็คงไม่เท่าวัยรุ่นกลุ่มนี้แน่นอน!! เมื่อวันที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา ทีมกู้ภัยและหน่วยค้นหาได้พบกับเด็กชายวัย 16 ปีและ 17 ปี หลงอยู่ภายในสุสานใต้ดินของกรุงปารีส เป็นเวลานานถึง 3 วัน ภาพของสุสานใต้ดินดังกล่าวที่เด็กหนุ่มทั้งสองติดอยู่นานถึง 3 วัน สุสานดังกล่าวมีลักษณะเป็นอุโมงยาวประมาณ 240 กิโลเมตร โดยจะมีบางส่วนที่เปิดให้ประชาชนเข้าไปชมได้ แต่ก็ยังมีคนที่แอบเข้าไปในเขตหวงห้ามอยู่บ่อยๆ ซึ่งทางตำรวจนั้นไม่ทราบว่าเจ้าหนูทั้งสองนั้นหลงเข้าไปได้อย่างไร แต่ที่แน่ๆ คือพวกเขาต้องอยู่ในความมืดพร้อมกับกองกะโหลกนานหลายวันเลยทีเดียว แค่เห็นภาพก็ขนลุกขึ้นมาแล้วนะเนี่ย บรึ๋ยย!? หลังจากที่ทั้งสองถูกช่วยออกมาจากสุสานแห่งนี้ พวกเขาถูกส่งตัวเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทันทีเนื่องจากอาการ Hypothermia (สภาวะร่างกายมีอุณหภูมิต่ำเกิน) ลองจินตนาการว่าคุณติดอยู่ในสุสานนี้สามวัน พร้อมกับโครงกระดูกพวกนี้ดูสิ ถ้าเกิดมีชิ้นไหนเผลอหลุดมาละคุณเอ๊ย!! ที่มา viralnova
-
โครงการ “จักรยานสาธารณะ” ของรัฐบาลจีน นำไปสู่สุสานจักรยานมากว่า 20,000 คัน
สิ่งที่คุณกำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ไม่ใช่งานศิลปะหรือประติมากรรม แต่มันคือสุสานรถจักรยานในเมือง Hangzhou ประเทศจีนต่างหาก!! ภาพถ่ายของจักรยานนับพันที่ถูกนำมาทึ้งไว้ในพื้นที่ว่างของเมืองเหล่านี้ล้วนเป็นจักรยานในโครงการ Bike-Sharing ที่เกิดจากความร่วมือระหว่างรัฐบาลจีและบริษัทเอกชน ซึ่งถูกยึดโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภาพจักรยานนับพันคันที่ถูกจอดทิ้งไว้ ในสุสานรถจักรยานแห่งนี้… อันที่จริงแล้วโครงการดังกล่าวเป็นความต้องการที่จะลดภาวะมลพิษทางอากาศของรัฐบาลจีน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จในเมืองนี้ โครงการดังกล่าวเปิดตัวเมื่อปี 2008 ด้วยงบประมาณ 24 ล้านเหรียญหรือประมาณ 814 ล้านบาท โดยประชาชนจะสามารถใช้รถจักรยานยนสาธารณะในการปันไปยังจุดต่างๆ ที่ทางการจัดไว้ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย จักรยานที่ถูกนำมาทิ้งที่นี่สวนมากยังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้อยู่ ในตอนแรกนั้นโครงการ Bike-Sharing นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยสามารถลดปริมาณมลพิษทางอากาศได้มาถึง 110,000 ตันเลยทีเดียว แต่ทุกอย่างกลับล้มเหลวหลังจากการเข้ามาของบริษัทเอกชนและพยายามนำโปรเจกต์ที่เรียกว่า ‘Dockless’ Bikes เข้ามา โปรเจกต์ดังกล่าวจะทำให้ง่ายในการใช้บริการจักรยานสาธารณะ เพราะผู้ใช้สามารถจอดรถไว้ที่ไหนก็ได้และพวกเขาสามารถปลดล๊อคจักรยานได้โดยการแสกน QR โค๊ต แต่ทว่าดูเหมือนข้อดีจะกลายเป็นข้อเสีย เมื่อจักรยานในโปรเจกต์ Dockless กว่า 23,000 คันนั้นจอดในที่ห้ามจอดจึงทำให้ถูกคุณตำรวจมายึดไปไว้ที่สุสานแห่งนี้ หลังจากที่ถูกร้องเรียนจากผู้เดือดร้อน อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวยังคงมีให้บริการในเมือง Hangzhou เพราะรัฐบาลยังคงให้ความสำคัญกับการลดปัญหามลพิษในเมือง อันที่จริงโครงการนี้ก็ถือว่าเป็นโครงการที่ดีทีเดียวเลยหล่ะ…
-
นักโบราณคดีชาวอียิปต์ ค้นพบสุสานอายุประมาณ 2000 ปี ที่เก็บมัมมี่ชนชั้นสูงมากถึง 17 ตัว!!
“มัมมี่” คือเทคนิคการรักษาสภาพศพที่ถือว่าเป็นการค้นพบที่ทันสมัยมากในยุคก่อน หลายคนที่สนใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์คงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำมัมมี่นั้นเกิดขึ้นมานานแคไหน และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเรื่องที่ทำให้วงการณ์โบราณคดีต้องฮือฮาอีกครั้ง หลังจากที่มีนักโบราณคดีได้ทำการขุดพบสุสานเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 2,300 ปี และยังไม่พอก็ยังพบมัมมี่ที่ถูกเก็บไว้ถึง 17 ตัวอีกด้วย!! นักโบราณคดีชาวอียิปต์ค้นพบสุสานโบราณที่ว่านี้ในหมู่บ้าน Tuna el-Gabal ใกล้กับแม่น้ำไนล์ ของประเทศอียิปต์ “เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมากที่เราพบสุสานแห่งนี้” หนึ่งในคณะสำรวจบอกกับผู้สื่อข่าว พื้นที่บริเวณนั้นเต็มไปด้วยซากของนกพันธุ์พื้นเมืองอย่าง Ibis (นกช้อนหอย) สุสานแห่งนี้เป็นที่ฝังศพของมนุษย์แห่งแรกที่ถูกค้นพบในบริเวณหมู่บ้านนี้ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ ห่างจากกรุงไคโรเมืองหลวงของประเทศอียิปต์ถึง 220 กิโลเมตร นักโบราณคดี Khaled al-Anani บอกว่า “มัมมี่ที่เราขุดพบส่วนมากเป็นชนชั้นสูงและนักบวช” ซึ่งพวกเขาต้องทำการขุดหลุมลงไปถึง 8 เมตร ถึงจะได้พบกับซากของอารยธรรมดังกล่าว สถานที่แห่งนี้ถูกค้นพบโดยทีมสำรวจของนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยไคโร โดยการใช้เรดาห์ในการค้นหา ตอนนี้มัมมี่ที่ถูกพบยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกิดขึ้นในช่วงยุคไหน เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการสำรวจ แต่ทางทีมจากมหาวิทยาลัยคาดว่าน่าจะอยู่ในช่วง 600 ปีก่อนคริสต์ศักราช และการค้นหามีแนวโน้มว่าจะพบมัมมี่ในสุสานแห่งนี้เพิ่มเติมมากขึ้น นี่คือส่วนหนึ่งของมัมมี่ที่ถูกค้นพบในสุสานแห่งนี้ โดยส่วนหัวยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิมและมีสภาพที่สมบูรณ์ มัมมี่ในสุสานแห่งนี้ส่วนมากเป็นชนชั้นสูงและนักบวช ศาสตราจารย์ Salah Al-Kholi จากมหาวิทยาลัยไคโร คาดว่าจะสามารถพบมัมมี่ได้มากถึง…
-
ชายชาวจีนสร้างสุสานอันเงียบสงบเพื่อตัวเอง และใช้บั้นปลายชีวิตที่เหลือ ณ ที่แห่งนี้…
หลังจากสูญเสียครอบครัวทั้งหมดไปเมื่อนานมาแล้ว คุณหมอชาวจีนท่านหนึ่ง ได้ตัดสินใจสร้างสุสานให้กับตัวเองไว้ในภูเขาที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน และก็ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ที่แห่งนั้นจนวาระสุดท้ายของเขา Liang Fusheng คุณหมอชาวจีนวัย 92 ปี ก็คือชายผู้เป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เคยมีครอบครัวที่ดีเหมือนกับคนอื่นๆ แต่แล้วเขาก็ต้องสูญเสียภรรยาและลูกอีกสามคนไปเพราะโรคร้ายเมื่อหลายปีก่อน พร้อมกับอายุที่มากขึ้น จึงทำให้ไม่มีใครมาอยู่ดูแลเขาอีกต่อไป ด้วยเหตุนั้นทำให้เขาเริ่มที่จะมองหาสถานที่สำหรับบั้นปลายชีวิตของตัวเอง จนมาหยุดอยู่ที่หมู่บ้านในภูเขามณฑลหูหนาน เขาเริ่มสร้างสุสานให้กับตัวเองในราวๆ ปี 1990 โดยการจ้างชาวบ้านให้มาช่วยขนวัสดุและช่วยกันสร้างสถานที่ดังกล่าว เขาใช้เงินมากถึงประมาณ 1.3 ล้านบาท และเวลาอีก 14 ปี กว่าจะสร้างได้สำเร็จ และในที่สุดแล้วเขาก็เรียกที่แห่งนี้ว่าบ้านหลังสุดท้าย ส่วนการกินการนอนของเขาก็จะอยู่อย่างสงบสุขไม่ได้หรูหราอะไร ที่นอนของเขาก็จะเป็นโลงศพที่เตรียมพร้อมไว้ เผื่อว่าเขาต้องตายไปจริงๆ จะได้ไม่ต้องลำบาก นอกจากนั้นเขาไม่ต้องการให้ใครมารบกวนสุสานอันสงบสุขของเขา เขาจึงทำการติดตั้งกับดักรั้วหนามและป้ายเตือนไว้รอบๆ แถมตัวสุสานยังมีการปิดกั้นอย่างแน่นหนาด้วยล็อค 5 ชั้น พร้อมกับบอกกับชาวบ้านว่าไม่ให้ใครย่างกรายเข้ามาใกล้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เป็นคนใจจืดใจดำอะไร เขาได้บอกกับชาวบ้านว่าถ้ามีใครต้องการความช่วยเหลือหรือป่วย เขาก็จะเดินทางไปช่วยชาวบ้านในทันที สุดท้ายเขาก็ได้บอกลากับชาวบ้านไปเมื่อราวๆ ปีก่อน และร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับชาวบ้านพร้อมบอกว่าเขาคงจะต้องจากไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน… ที่มา odditycentral
-
คนงานก่อสร้างขุดค้นเจอ “พีระมิดขนาดเล็ก” อายุ 2,000 ปี อยู่ใต้ไซส์งานซะอย่างนั้น!?
นักโบราณคดีถึงกับทึ่ง เมื่อพวกเขาเจอเข้ากับพีระมิดโบราณอายุนับพันปี แถมยังอยู่ใต้ไซต์ก่อสร้างซะด้วย!! พีระมิดที่ว่านี้ ถึงจะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับพีระมิดของกษัตริย์ในอียิปต์ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อลังการขนาดนั้น พราะพีระมิดที่นักโบรานคดีขุดเจอมีความสูงเพียงแค่ 1.8 เมตรเท่านั้น โดยมันตั้งอยู่ในกรุที่มีความกว้าง 30 เมตร และยาวเพียงแค่ 8 เมตรเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แม้มันจะมีขนาดเล็ก แต่มันก็จัดว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เช่นกัน เนื่องจากอายุอันเก่า่แก่ และอาจจะโยงไปสู่เรื่องราวของคนในยุคนั้น จากการวิเคราะห์พบว่าแม้ว่าจะต้องมีการวิเคราะห์เพิ่มเติมเพื่อระบุอย่างเป็นทางการว่าอายุของพีระมิดที่ขุดเจอ มีอายุเป๊ะๆ เท่าไหร่กันแน่ รวมถึงว่าเป็นพิระมิดของใครแล้วมีเหตุผลอะไรถึงสร้างมันขึ้นมา แต่เบื้องต้นพวกเขาวิเคราะห์ว่าพิระมิดนี่มีอายุตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นแล้ว เพราะตัวพีระมิดถูกสร้างด้วยอิฐ แต่ไม่ใช่แค่พีระมิดเท่านั้นที่ถูกขุดเจอ เพราะข้างๆ ก็มีหลุมศพที่เป็นทรงครึ่งกระบอกอยู่ด้วย ซึ่งคาดการณ์ว่าน่าจะถูกสร้างและนำมาเก็บไว้พร้อมๆ กับพีระมิดนั่นเอง ดูจากมุมนี้มันก็เหมือนจะใหญ่นะ พอดูแบบนี้เล็กนิดเดียว แต่ก็มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากเช่นกัน สังเกตุว่ารอบๆ จะเป็นไซต์ก่อสร้าง ซึ่งถ้าไม่มีการก่อสร้าง เราอาจจะไม่ทราบว่ามีสิ่งนี้ซ่อนอยู่ ห้องนี้ถูกสร้างขึ้นในทิศตะวันออกเฉียงเหนือโดยทางเข้าหันหน้าไปทางทิศตะวันออก คาดว่าอีกสักพักพีระมิดนี้ น่าจะถูกย้ายออกไป เพื่อที่พื้นที่แห่งนี้จะได้ถูกสร้างเป็นที่พักอาศัย ยังไงซะมันก้ถือเป็นการค้นพบใหม่ ที่จะช่วยให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์เราอีกมากทีเดียว ที่มา metro
-
นักโบราณคดีจีนขุดพบ ‘ดิลโด้โบราณ’ อายุ 2,000 ปี แต่จุดประสงค์การใช้งานยังคงเป็นปริศนา!?
จากการค้นพบล่าสุดของนักโบราณคดีก็ทำให้รู้ว่าเหล่าขุนนางภายใต้การปกครองของราชวงศ์ฮั่น ในช่วงยุค 206 ปีก่อนคริสตกาล นั้นดูเหมือนว่ามีช่วงเวลาที่เยี่ยมยอดมาก… ในการขุดค้นสุสานโบราณที่มีอายุมากกว่า 2,000 ปี ที่ตั้งอยู่ในมณฑล Jiangsu นักโบราณคดีได้ค้นพบสมบัติที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากมาย ประกอบไปด้วยวัตถุที่เป็นเซรามิค, จานชาม, อุปกรณ์อาบน้ำ (ฟองน้ำที่ใช้ขัดตัว), และอุปกรณ์ที่น่าทึ่งอย่างดิลโด้ที่ทำจากทองแดงและหยก ถึงแม้มีการสันนิษฐานว่าดิลโด้ทองแดง อาจจะถูกใช้เป็นวัตถุทางด้านเพศ ทั้งให้ผู้หญิงใช้หรือผู้ชายใช้เพื่อเป็นเซ็กส์ทอยกับคู่ฝ่ายตรงข้าม อย่างไรก็ตามทางด้านนักวิจัยเชื่อว่าเจ้าดิลโด้หยกนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อสนองต่อความต้องการทางเพศแต่อย่างใด เพราะหยกนั้นถือเป็นอัญมณีที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของชาวจีนมาอย่างช้านาน และคาดว่ามันน่าจะถูกนำมาใช้ในพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมากกว่า “เจ้าสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับดิลโด้ที่ทำขึ้นมาจากหยกนี้ ถูกใช้งานเพื่อปิดผนึกร่างกายเพื่อกักเก็บเนื้อแท้ของตัวตน ไม่ให้มันรั่วไหลออกมาในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้ว” ภัณฑารักษ์ Fan Zhang กล่าว ส่วนเจ้าดิลโด้ทีทำขึ้นมาจากทองแดงนั้นเองก็ ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามีไว้ทำอะไรกันแน่ เพราะรูปร่างของมันช่างแปลกประหลาด มีห่วงวงกลมเล็กๆ ติดอยู่ข้างหลังจึงทำให้นักวิจัยต่างก็ตั้งคำถามว่าแท้จริงแล้วมันมีไว้เพื่อสนองต่ออารมณ์ทางเพศจริงหรือไม่!? “เจ้าดิลโด้ที่ทำมาจากทองแดงนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากๆ และมันมักจะถูกพบในหลุมฝังศพของชนชั้นสูง เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาทำมันขึ้นมาเพื่อใช้งาน แต่จะใช้งานในเรื่องใดนั้นยังไม่อาจทราบได้ เจ้าห่วงวงกลมนั้นก็คือสายหนัง หรือหนังที่ถูกคล้องเอาไว้ แต่มันก็ทำให้ชวนสงสัยว่าพวกเขาจะสวมใส่กันอย่างไร? มีไว้สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงกันแน่!?” คุณ Zhang กล่าว การค้นพบครั้งนี้ อาจจะเป็นหลักฐานสำคัญไขไปสู่เรื่องน่าสนใจในประวัติศาสตร์อีกหลายๆ เรื่องก็เป็นได้ ต้องคอยติดตามกันดูแล้ว… ที่มา :…
-
ภาพเก่าเล่าใหม่ ชมภาพสีของคณะสำรวจ ‘สุสานฟาโรห์ทุตอังค์อามุน’ ครั้งแรกจากยุค 1920
เคยได้ยินเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ‘สุสานของฟาโรห์ทุตอังค์อามุน’ กันมาบ้างไหมเอ่ย? ย้อนกลับไปในช่วงปี 1922 ‘ลอร์ด คาร์นาร์วอน’ ได้ทำการว่าจ้างทีมนักสำรวจของ ‘โฮเวิร์ด คาร์เตอร์’ ให้เข้าไปทำการสำรวจในสุสานของฟาโรห์องค์นี้ แต่คราวนี้เราไม่ได้พาไปเจาะลึกเรื่องคำสาป หรือสิ่งเร้นลับอะไรทำนองนั้นหรอกนะ แต่เราจะพาไปชมภาพเก่าเก็บของทีมนักสำรวจ แน่นอนว่าในยุคนั้นยังไม่มีกล้องสี แต่ด้วยนวัตกรรมของโลกสมัยใหม่ ทำให้เราสามารถนำภาพขาว-ดำ ให้กลายเป็นภาพสีราวกับรูปภาพทั้งหมดนี้ มีชีวิตขึ้นมาจริงๆ ภาพจากกำแพงทางทิศเหนือของสุสาน สมบัติมากมายที่ถูกค้นพบในสุสานแห่งนี้ ก่อนจะถูกเอามารวบรวมไว้ที่ห้องโถง 29 พฤศจิกายน 1923 Howard Carter (ซ้าย) กำลังห่อรูปปั้นผู้เฝ้ายามด้วยผ้าอย่างดี เพื่อนำไปศึกษาต่อ สมบัติอีกจำนวนหนึ่งจากสุสานแห่งนี้ ส่วนใหญ่แล้วทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ และอัญมณีแท้ บริเวณที่บรรจุหีบศพขององค์ฟาโรห์ โดยมีเหรียญบรอนซ์วางกระจัดกระจายอยู่ด้านบน ตามความเชื่อโบราณของชาวอียิปต์ ตุลาคม 1926 กับการค้นพบหีบใส่อวัยวะภายในขององค์ฟาโรห์ ซึ่งหีบทั้งหมดที่เห็นนี้จะประกอบไปด้วย ตับ ไต ม้าม หัวใจ ฯลฯ 30 ตุลาคม 1925 คาร์เตอร์…
-
Boneyard สุสานเครื่องบินปลดระวางสหรัฐฯ อบอวลไปด้วยความยิ่งใหญ่จากครั้งอดีต…
คำว่า ‘Boneyard’ ในภาษาอังกฤษนั้นหมายความว่า ‘สุสาน’ แต่วันนี้ #จ่าสิบเหมียว จะพาเพื่อนๆ ไปพบกับ ‘Air Force boneyards’ ซึ่งไม่ได้เป็นสุสานไว้ฝังศพแต่อย่างใด แต่เป็นสุสานสำหรับปลดระวางเครื่องบินที่ไม่ใช้แล้วของกองทัพสหรัฐอเมริกากัน!! หลายๆ คนอาจจะเคยสงสัยกันว่า เครื่องบินถ้าปลดระวางแล้วไปไหนกัน? คำตอบก็คือสุสานเครื่องบินนี่แหละ สถานที่แห่งนี้คือที่พักสุดท้ายของเครื่องบินที่ตกรุ่น หรือเสียหายยากแก่การซ่อมแซม แต่กลับเป็นขวัญใจของเหล่าเด็กๆ จนพ่อแม่ต้องพาไปชมไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ และถึงเด็กๆ จะชื่นชอบเครื่องบินเก่าเหล่านี้มากๆ แต่คนที่มีความรู้สึกรุนแรงต่อเครื่องเก่าๆ เหล่านี้ที่สุดก็คงไม่พ้นเหล่า ‘นักบิน’ ผู้เคยขับเคลื่อนมันล่องลอยไปบนท้องนภาในอดีต ที่หลายยกๆ คนมักมาเยี่ยมเยือนเหล่าเครื่องที่พวกเขาเคยขับอยู่เสมอๆ … Andrew Lee ผู้เคยทำงานในกองทัพอากาศสหรัฐฯ มาพบกับเครื่องที่เขาเคยขับในอดีตอีกครั้ง นายพล Bill Hosmer ซึ่งตอนนั้นเขาเคยดำรงยศจ่าสิบตรีและขับเครื่อง F-86 Sabre อยู่ได้กลับมาเจอกับเครื่องบินที่เขาเคยขับอีกครั้ง เขาเดินวนไปรอบๆ ตัวเครื่องด้วยสายตาที่ราวกับว่าเห็นเพื่อนเก่าแก่คนหนึ่งของเขามายืนอยู่ตรงหน้า เขาเงียบสงัดไปช่วงเวลาหนึ่ง จมดิ่งลงไปในความทรงจำที่พรั่งพรูขึ้นมาจากครั้งอดีตที่มีกับเครื่องลำนั้น ‘จะว่าไปผมก็ไม่ได้อยู่ใกล้เจ้าเครื่องนี้มานานหลายปีแล้วนะเนี่ย มันเคยมีสภาพดีกว่านี้นะ’ อดีตนายพลกล่าวอย่างติดตลก และนี่คือภาพบรรยากาศของ 309th Aerospace Maintenance and Regeneration Group หรือที่เรียกกันง่ายๆ…
-
ชม “สุสานรถยนต์” ในจีนกว่า 200 คันถูกทิ้งไว้เฉยๆ Benz, Bentley และบิ๊กไบค์รวมหลายล้าน!!
กว่าเราจะซื้อรถยนต์มาได้สักคันนี้มันต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อแรงงานมหาศาลเลยนะเนี่ย แต่ถ้าคุณได้ไปที่เมือง Chengdu ในประเทศจีน จะพบกับสุสานรถยนต์ที่เห็นแล้วต้องรู้สึกเสียดาย เพราะว่ามันมีมากกว่า 200 คัน ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยรถยนต์หลากหลายค่าย ที่เด่นๆ มี Bentley สองคัน, Land Rover อีกสองคัน, และ Mercedes Benz อีกสามคัน อีกทั้งยังมีบิ๊กไบค์ และรถคันอื่นๆ อีกเพียบ ที่เจ้าของทิ้งไว้อย่างไม่ทราบสาเหตุ รถบางคันก็ถูกทิ้งมานานกว่าสองปีแล้ว ทำให้มีต้นไม้ขึ้นรอบๆ รถ ส่วนเรื่องมูลค่านั้นไม่ต้องพูดถึง ลองคำนวนจาก Bentley Continental GT และ Bentley Flying Spur ที่ถูกทิ้งไว้แล้ว สองคันนี้ก็ปาไป 15 ล้านกว่าบาทแล้ว ที่คนเอารถมาทิ้งก็มีหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากก็มักจะเป็นรถที่ใช้ในทางผิดกฎหมายเช่นเอาไปก่ออาชญากรรมมา บางคันก็ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกต้อง จนสุดท้ายก็กลายเป็นปัญหาของสังคมว่าจะทำยังไงกับรถพวกนี้ดี ตอนนี้บางคันก็ถูกเอาไปประมูลแล้ว แต่ส่วนที่เหลือก็ยังอยู่ที่เดิม . . . . ที่มา designyoutrust
-
นี่คือ “สุสาน” หลากสีสันที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพมากมาย จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นสนามเด็กเล่น
ภาพบ้านสีสันสดใสที่คุณกำลังได้รับชมกันนี้ มองครั้งแรกหลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นบ้านเด็กเล่นธรรมดาๆ แต่คิดผิดแล้ว เพราะความจริงสิ่งเหล่านี้มันคือ “สุสาน” ต่างหากละ สุสานหลากสีสันเหล่านี้ ตั้งอยู่ ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในอลาสก้าบริเวณใกล้กับโบสถ์ St. Nicholas Orthodox โดยสุสานที่ว่านี้มีลักษณะเป็นเหมือนบ้านขนาดเล็ก ที่มีมากกว่า 100 หลังด้วยกัน อีกทั้งเมื่อมองจากที่ไกลๆ เราจะเห็นได้เลยว่า แต่หลังนั้นเต็มไปด้วยสีสันสดใสมากมายจนทำให้ผู้คนมักจะเข้าใจผิดอยู่บ่อยๆ เพราะคิดว่าที่แห่งนี้เป็นสนามเด็กเล่นนั่นเอง ความจริงแล้วมันคือ สุสาน ที่เต็มไปด้วยหลุมฝังศพมากมาย แต่ละหลังก็มีสีสันที่แตกต่างกันออกไป ตามประเพณีของคริสตจักร ร่างของผู้ตายจะถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวก่อนที่จะนำไปฝัง เนื่องจากมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณจะสามารถเดินทางไปสู่โลกแห่งวิญญาณได้ และหลังจากนั้น 4 วันต่อมา คนในครอบครัวของผู้ตาย ก็จะมาสร้างบ้านขนาดเล็กทับหลุมศพเอาไว้ และใช้สีทาลงไป เพื่อเป็นตัวแทนของครอบครัวนั่นเอง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราว ที่มีความแปลก และน่าสนใจเป็นอย่างมากเลยนะเนี่ย ที่มา : boredomtherapy
-
ชาวเน็ตจีนวิจารณ์ยับ หลังเห็นคลิปครอบครัวหนึ่ง จ้างโคโยตี้ มาเต้นไหว้หน้าหลุมศพอากงอาม่าในวันเชงเม้ง
สำหรับวันเช้งเม้ง หรือเทศกาลรำลึกถึงบรรพบุรุษของชาวจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 เมษายน 2559 เรียกได้ว่าครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน รวมไปถึงคนจีนทุกคน ก็คงจะนำดอกไม้ไปไหว้หลุมศพของบรรดาอากงอาม่ากันมาแล้วใช่ไหมละ ซึ่งการนำดอกไม้ และอาหารไปไหว้หลุมศพนั้น ก็ถือเป็นเรื่องปกติทั่วไปที่มีการสืบทอดกันมาช้านานอยู่แล้ว แต่สำหรับครอบครัวชาวจีนครอบครัวหนึ่ง กลับทำในสิ่งที่ต่างออกไป เพราะพวกเขาไม่ได้นำดอกไม้ไปไหว้หลุมศพเพียงอย่างเดียว แต่กลับทำในสิ่งที่น่าทึ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2559 ทางสำนักข่างต่างประเทศได้รายงานว่า ครอบครัวชาวจีนครอบครัวนี้ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมบนโลกโซเชียลของจีนเป็นอย่างมาก หลังจากที่มีคลิปการจัดงานอย่างคึกคักในพิธีรำลึกการเสียชีวิตของญาติๆ ที่สุสานแห่งหนึ่งที่มณฑลกวางตุ้ง โดยทางครอบครัวดังกล่าวได้จ้างโคโยตี้ในชุดสุดเซ็กซี่ มาแดนซ์หน้าหลุมฝังศพของอาม่าอากง ท่ามกลางผู้คนที่แห่กันไปชมกันเป็นจำนวนมาก งานนี้ทำให้ชาวเน็ตหลายๆ คน ต่างก็ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว จึงได้แสดงความเห็นว่า บรรพบุรุษคงไม่ไปสู่สุขคติแน่ๆ เพราะมีลูกหลานทำเรื่องเสื่อมเสีย และน่าอายแบบนี้ ในขณะที่บางรายบอกว่า อย่าทำลายประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดกันมานานแสนนานเลย ให้พวกเขาได้อยู่กันอย่างสุขสงบเถอะ ที่มา : dailymail
-
นักสถิติเผย ปลายศตวรรษนี้ Facebook จะกลายเป็นสุสานออนไลน์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก!!!
อ่านหัวข้อดูแล้วอาจจะงงๆ แต่เดี๋ยว #จ่าสิบเหมียว จะพาไปขยายความกันเองจ้า ง่ายๆ เลยก็คือ ปลายศตวรรษนี้แหละ Facebook สังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ของโลกจะกลายเป็นสุสานขนาดใหญ่ที่สุดของโลกไซเบอร์เลยทีเดียว Hachem Sadikki ผู้เชี่ยวชาญด้านสถิติจาก University of Massachusetts ได้ออกมาเผยว่าราวๆ ปี 2098 ที่จะถึงนี้สังคมออนไลน์ดังกล่าวจะกลายมาเป็นสุสานโลกออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุด เพราะผู้ใช้งานที่ล้มหายตายจากไปจนมากกว่าผู้ใช้งานที่มีชีวิตอยู่!!! สุสานออนไลน์!? ตามระบบการทำงานของ Facebook นั้น จะไม่ลบแอคเค้าท์ของผู้ตายแบบอัตโนมัติ และตามการคาดการณ์ทางสถิติแล้วอัตราการเติบโตของ Facebook จะเริ่มลดลงนับตั้งแต่นี้ไป ในปัจจุบัน Facebook มีวิธีการจัดการกับแอคเค้าท์ของสมาชิกผู้เสียชีวิตโดยเปลี่ยนให้เป็นโหมด ‘รักและอาลัย’ แต่ก็ไม่ได้ลบแอคเค้าท์ไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งถ้าต้องการจะลบ มีวิธีเดียวก็คือใครสักคนที่มีรหัสของแอคเค้าท์นั้นๆ ต้องล็อกอินเข้าไปและกดปิดเฟซ สถิติน่าสนใจจากบริษัทวางแผนออนไลน์ Digital Beyond ก็คือ ในปี 2010 มีผู้ใช้ Facebook เสียชีวิต 385,968 ราย และปี 2012 มีจำนวน 580,000 ราย ซึ่งตามคาดการณ์ในปี…