Tag: สูญพันธุ์
-
พบกับ ‘ลูกสิงโตหลอดแก้ว’ สองตัวแรกของโลก ความสำเร็จที่ช่วยให้รอดจากการ ‘สูญพันธุ์’
ถึงแม้เหล่าแมวยักษ์อย่างเสือและสิงโตจะเป็นสัตว์ป่าดุร้ายและอันตรายต่อมนุษย์ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศน์ที่ไม่มีใครอยากให้มันต้อง “สูญพันธุ์” ไป ช่วงระยะหลังสัตว์จำพวกนี้มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเนื่องจากหลายสาเหตุ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะสามารถช่วยเหลือเหล่าเสือสิงโตจากการสูญพันธุ์ได้แล้วด้วยการ เพาะเลี้ยงทารกในหลอดแก้ว เจ้า Victor และ Isabella เป็นลูกสิงโตสองตัวแรกที่ถูกเพาะเลี้ยงจากหลอดแก้วได้สำเร็จ นอกจากทั้งคู่จะเป็นความภาคภูมิใจของแม่สิงโตแล้วยังเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า “สปีชีส์ของมันยังไม่สูญพันธุ์” อีกด้วย เจ้า Victor และ Isabella (น่ารักมากเลย) นักวิจัยเผยว่าความสำเร็จในการเพาะลูกสิงโตสองตัวนี้เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ หลังพยายามหาวิธีรักษาเผ่าพันธุ์ของแมวยักษ์เหล่านี้มาเนิ่นนาน ทั้งคู่กำเนิดขึ้นมาได้หลังทำการปฏิสนธิเทียมกับแม่สิงโตเป็นเวลาครึ่งเดือน โดยปัจจุบันสามแม่ลูกนั้นมีสุขภาพที่แข็งแรงและปกติดีในศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าประเทศแอฟริกาใต้ เจ้าสิงห์น้อยเพิ่งคลอดอายุได้ราวหนึ่งสัปดาห์เท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ สิงโตกำลังมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ แต่ปัจจุบันเริ่มมีภาวะคงตัวมากขึ้นในแอฟริกาใต้ ทำให้พวกมันกลายเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการทดลองเพาะเลี้ยงในหลอดแก้ว ซึ่งหากสำเร็จจะสามารถนำไปใช้กับสัตว์สายพันธุ์อื่นๆ ได้ Dr. Isabel Callealta หัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า “การวิจัยของเรา ในอนาคตตั้งใจจะใช้วิธีเดียวกันนี้กับสัตว์สายพันธุ์แมวยักษ์ชนิดอื่นๆ เช่น เสือดาวหิมะและเสือโคร่ง เป็นต้น” ปัจจุบันเป็นที่คาดว่ามีเสือโคร่งในทวีปเอเชียอยู่ไม่ถึง 4,000 ตัว และมีเสือดาวหิมะอยู่ไม่ถึง 7,000 ตัวในเอเชียกลาง ส่วนลิงซ์สเปนเองก็มีไม่ถึง 300 ตัวในประเทศสเปน ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน ได้ผลิตตัวอ่อนของสิงโตแอฟริกันจากรังไข่แช่แข็งเป็นที่สำเร็จแล้ว…
-
ชวนคิดถึง… สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง “สูญพันธุ์” ไปอย่างน่าเศร้า
เหล่าสรรพสัตว์บนโลกของเรานั้นมีมากมายหลายชนิดเสียเหลือเกิน แต่ถึงแม้จะมีมากอย่างไรมันก็มีการลดจำนวนลงไปเนื่องจากการสูญพันธุ์ สัตว์หลายชนิดที่สูญพันธุ์ไปก็เป็นอันตรายต่อมนุษย์อย่างมหาศาล แต่ขณะเดียวกันสัตว์หลายๆ ชนิดก็เป็นส่วนสำคัญต่อสภาพแวดล้อมและห่วงโซ่อาหาร แต่สุดท้ายมันก็กลับต้องสูญพันธุ์ไปอย่างน่าเศร้า วันนี้ เราจึงอยากเสนอ สัตว์ 17 ชนิดที่เคยอยู่ร่วมกับมนุษย์แต่ต้อง สูญพันธุ์จากไปอย่างน่าเศร้า จะมีสัตว์ชนิดไหนบ้างนั้น ไปชมกันเลย… 1. เสือโคร่งชวา, เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย สูญพันธุ์ไปเมื่อปี 1993 ที่มา: Javan_tiger 2. นกพิราบพาสเซนเจอร์, ทวีปอเมริกาเหนือ สูญพันธุ์เมื่อวันที่ 1 กันยายน 1904 ที่มา: Passenger_pigeon 3. แมวน้ำมังค์แคริบเบียน, หมู่เกาะแคริบเบียน สูญพันธุ์เมื่อปี 2008 ที่มา: Caribbean_monk_seal 4. คางคกสีทอง, ประเทศคอสตาริกา สูญพันธุ์เมื่อปี 1989 ที่มา: Golden_toad 5. นกโดโด, ประเทศมอริเชียส ทวีปแอฟริกาตะวันออก สูญพันธุ์เมื่อปี 1662 ที่มา: Dodo 6. วัวทะเลชเตลเลอร์, หมู่เกาะคอมมานเดอร์…
-
กองทุนสัตว์ป่าโลกเปิดรายชื่อ 12 รายชื่อสัตว์ที่มีความเสี่ยงสูญพันธุ์ตลอดกาล
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2018 ได้มีการรายงานข่าวของการจากไปของแรดขาวเหนือตัวผู้ ตัวสุดท้ายของโลกที่ได้จากโลกนี้ไปด้วยวิธีการการุณยฆาต เนื่องจากว่ามันมีอายุที่มากแล้วและมีอาการบาดเจ็บแทรกซ้อนมากมาย เจ้าหน้าที่จึงให้มันจากโลกนี้ไปอย่างสงบโดยที่ได้มีการเก็บข้อมูลพันธุกรรมของมันไว้ เพื่อที่ในอนาคตอาจจะมีเทคโนโลยีที่จะสามารถช่วยสืบพันธุ์ให้กับแรดขาวเหนือต่อไป นอกจากแรดขาวเหนือที่มีความเสี่ยงจะสูญพันธุ์แล้ว ยังมีสัตว์ต่างๆ บนโลกอีกมากมายที่อยู่ในเกณฑ์ความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ในอีกไม่ช้า ข้อมูลจากกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund) ได้เปิดเผยรายชื่อสัตว์ 12 ชนิดที่มีความเสี่ยงในระดับ “อันตราย” นั่นก็คือ ใกล้สูญพันธุ์ 12 ชนิดต่อไปนี้ 1. เสือดาวอามูร์ (Armur Leopard) จากการสำรวจจำนวนประชากรในปี 2015 พบว่าเสือดาวอามูร์เหลือเพียงประมาณ 60 ตัวจากทั้งหมดที่อาศัยอยู่ใน The Leopard National Park ของรัสเซีย 2. อุรังอุตังบอร์เนียว (Bornean Orangutan) อุรังอุตังชนิดนี้จะพบได้เฉพาะบนพื้นที่เกาะบอร์เนียวเท่านั้น มีใบหน้าที่กว้างและเคราสั้น จากการเก็บข้อมูลพบว่าในช่วง 60 ปี อุรังอุตังบอร์เนียวมีจำนวนลดลงกว่า 50% และจะลดลงอีก 22%…
-
เจ้าเต่าสายปั่มปั้มจอมโหด ช่วยให้เผ่าพันธุ์ตัวเองไม่สูญพันธุ์ ด้วยการทำลูกกว่า 800 ตัว
ถ้าพูดถึงความ ‘เซ็กส์จัด’ หรือการมีอารมณ์ทางเพศค่อนข้างสูง มันอาจจะมีข้อดีคือช่วยตอบสนองคู่รักที่มีอารมณ์ทางเพศสูงพอกันได้ดี ทว่าคงไม่มีใครคิดหรอกว่ามันมีประโยชน์ถึงขั้นช่วยให้เผ่าพันธุ์ของตัวเองรอดพ้นจากการสูญพันธุ์ได้อย่างที่เจ้า Diego ทำเลย Diego เป็นเต่ากาลาปากอสซึ่งถือว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่เคยขึ้นชื่อไว้เป็นสีแดงแจ๋ เพราะเกือบจะสูญพันธุ์ เนื่องจากในปี 1977 เคยมีเต่าชนิดนี้เหลืออยู่นเกาะกาลาปากอสในประเทศเอกวาดอร์เพียงแค่ไม่ถึง 20 ตัวเท่านั้น เรียกได้ว่าเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์อย่างรุนแรง เจ้า Diego ก็เลยถูกส่งจากสวนสัตว์ซานดิเอโก้ไปบนเกาะกาลาปากอส เพื่อให้มันช่วยเพิ่มประชากรเต่ากาลาปากอสที่มีเพียงน้อยนิดนั่นเอง ในตอนต้นของปี 1977 บนเกาะมีเต่ากาลาปากอสเพศผู้เพียง 2 ตัวและเพศเมียเพียง 12 ตัวเท่านั้น เมื่อเอามันมารวมเข้าด้วยกันแล้วก็ยังมีเพียงแค่ 14 ตัวอยู่ดี ดูจำนวนแล้วน้อยจนใจหายอย่างช่วยไม่ได้เลย ทว่าความเซ็กส์จัดของเจ้า Diego นั้นก็มีประโยชน์ในสถานการณ์แบบนี้นั่นเอง นับตั้งแต่มันไปถึงมันก็เป็นยอดขวัญใจของเต่าเพศเมียทั้งหลาย จึงได้ร่วมรักกับเต่าสาวสวยตัวอื่นนับครั้งไม่ถ้วนเลย ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นเวลากว่า 40 ปีนี้ มันได้ช่วยเพิ่มประชากรเต่ากาปากอสจากตอนแรกเริ่มที่มีเพียง 13 ตัว ตอนนี้มีเต่ากาลาปากอสอยู่บนเกาะมากว่า 800 ตัวเลยทีเดียว! เห็นไหมว่าความปั่มปั๊มเก่งก็มีประโยชน์เหมือนกันนะ ต้องขอบคุณความสามารถบนเตียงของเจ้า Diego…
-
การศึกษาด้าน DNA ทำให้นักวิทย์ได้รู้ว่า ‘ม้าป่า’ สูญพันธ์ไปจากโลกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ถ้าหากพูดถึงม้า หลายๆ คนก็อาจจะนึกถึงสัตว์ที่มีร่างกายแข็งแรงปราดเปรียวและสง่างามอย่างแน่นอน (หวังว่าคงไม่มีใครนึกถึงอย่างอื่นนะ!!) และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มีเรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับม้าป่าสายพันธุ์ Przewalski หลังจากที่มีการเผยผลการศึกษาของมหาวิทยาลัย Exeter จากประเทศฝรั่งเศส ว่าเจ้าม้าสายพันธุ์นี้อาจจะไม่ใช่ม้าป่าอย่างที่หลายๆ คนคิด!! จากผลการศึกษาด้าน DNA ของมหาวิทยาลัยดังกล่าวในม้าสายพันธ์ Przewalski ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นม้าป่าสายพันธุ์สุดท้ายของโลก พบว่าอันที่จริงแล้วพวกมันเคยเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อน รายงานเผยว่าม้าสายพันธุ์ปัจจุบันนั้นมีต้นกำเนิดมาจากม้า Botai ม้าเลี้ยงที่มีจุดกำเนิดมาจากประเทศคาซัคสถาน เมื่อประมาณ 5,500 ปีที่แล้ว ทีมวิจัยได้ทำการศึกษา DNA ของเจ้าม้าสายพันธุ์นี้ไล่เรียงไปถึง 20 ลำดับและเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ของม้าที่พบตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ซึ่งพวกเขาพบบางอย่างที่มีความเกี่ยวข้องกับม้าสายพันธุ์ Przewalski Sandra Olsen นักโบราณคดีจากมหาวิทยาลัย Kansas หนึ่งในทีมวิจัยให้สัมภาษณ์ว่าพวกเขาค่อนข้างมั่นใจกับผลการศึกษาที่ได้ หลังจากมีการขุดพบซากของม้า Botai ในปี 1993 “เราค้นพบสัตว์เลี้ยงที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เรากำลังพยายามที่จะพิสูจน์มัน โดยใช้ผลของ DNA เป็นตัวยืนยัน ม้าสายพันธุ์ Botai ไม่ได้เป็นต้นกำเนิดของม้าที่เราเห็นในปัจจุบัน แต่มันคือต้นกำเนิดของสายพันธุ์ Przewalski” นักโบราณคดีให้สัมภาษณ์ หากจะสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ จากผลการศึกษาครั้งนี้ โดยทางเทคนิคแล้วไม่มีม้าป่าสายพันธุ์ไหนในปัจจุบันที่ไม่เคยเป็นสัตว์เลี้ยงมาก่อนนั่นเอง Molly McCue สัตวแพทย์และนักพันธุศาสตร์ม้าจากมหาวิทยาลัย Minnesota ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับงานวิจัยชิ้นนี้ว่า “นี่เป็นการค้นพบที่น่าสนใจและน่าทึ่งมาก มันเป็นความคิดของเราเกี่ยวกับต้นกำเนิดของม้าสายพันธุ์ปัจจุบัน” นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยว่าม้าสายพันธุ์ American Mustang และ Australian…
-
มาทำความรู้จักกับ ‘เสือพูม่าตะวันออก’ ที่ล่าสุดถูกขึ้นบัญชีให้เป็นสัตว์สูญพันธุ์ไปเรียบร้อยแล้ว
ในช่วงร้อยปีที่ผ่านมานี้มนุษย์มีพัฒนาการมากมายทั้งด้านการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และด้านเทคโนโลยีด้วย แต่ในขณะเดียวกันมนุษย์ก็บุกรุกพื้นที่ป่ามากขึ้นและสร้างมลพิษต่อโลกนี้มาก จึงส่งผลให้สัตว์หลายชนิดลดจำนวนลงจนน่าตกใจ ล่าสุดทาง องค์กรสัตว์ป่าและสัตว์น้ำแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา (The U.S. Fish and Wildlife Service) ก็ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่า เสือพูม่าสายพันธุ์ตะวันออก ถูกกำหนดให้เป็นสัตว์สูญพันธุ์เรียบร้อยแล้ว เสือพูม่าตะวันออกเคยอาศัยอยู่ในบริเวณทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศสหรัฐอเมริกา พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในตระกูลเสือและแมว มีลักษณะคล้ายกับแมวบ้านมากกว่าสิงโต แต่มีขนาดตัวและน้ำหนักเยอะกว่ามาก จริงๆ แล้วองค์กรสัตว์ป่าและสัตว์น้ำแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ตั้งข้อสังเกตไว้ตั้งแต่ปี 2011 แล้วว่าเสือพูม่าตะวันออกน่าจะสูญพันธุ์มาตั้งแต่ช่วงปี 1930 แล้ว เพราะว่าไม่มีใครพบเห็นมันเลย และหลักฐานล่าสุดที่พบก็มาจากช่วงเวลานั้น ทว่าก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงพอว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วจริงๆ เนื่องจากนักวิจัย Young และ Goldman ได้ให้ข้อมูลไว้เมื่อปี 1946 ว่าเสือพูม่าตะวันออกเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อยู่ จึงยังไม่สามารถถอดชื่อมันออกจากสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ไปเป็นสัตว์สูญพันธุ์ได้ ทางองค์กรกล่าวว่า “การจะทำเช่นนั้นจำเป็นจะต้องมีผลวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจน จึงจะสามารถนำไปใช้แก้ไขข้อมูลวิจัยของ Young และ Goldman ในปี 1946 ได้” หลังจากถกเถียงกันอยู่เป็นเวลานานในที่สุดตอนปี 2015 ทางองค์กรก็ตัดสินใจถอดชื่อมันออกจากรายชื่อสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เพื่อเตรียมนำรายชื่อเข้าไปอยู่ในกลุ่มสัตว์สูญพันธุ์ต่อไป จนเมื่อปีวันที่ 22…
-
ช็อกโกแลตอาจจะสูญพันธุ์ภายในอีก 40 ปี หลังพบวิกฤตสภาพอากาศในโลกที่เปลี่ยนไป
ช็อคโกแลต น่าจะเป็นขนมหวานสุดโปรดของใครหลาย ๆ คน ไม่เพียงแต่มันจะมีรสชาติเอร็ดอร่อยเท่านั้น แต่งานวิจัยยังพบว่าการทานช็อคโกแลตยังทำให้รู้สึกมีความสุขจากสารเอ็นโดรฟินอีกด้วย จึงไม่แปลกที่ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านค้าสะดวกซื้อจะมีขนมช็อคโกแลตวางขายให้เห็นเต็มไปหมด แต่เชื่อหรือไม่ มีข่าวว่าช็อคโกแลตที่เราชอบทานอาจจะสูญพันธุ์ภายใน 40 ปี เนื่องจากสภาพอากาศของโลกที่กำลังร้อนและแห้งแล้งขึ้นนั่นเอง ปกติแล้วต้นโกโก้นั้นจะเติบโตได้พื้นที่บริเวณ 20 องศาเหนือและใต้จากเส้นศูนย์สูตร ที่มีอุณหภูมิ ฝน และความชื้นที่คงที่ตลอดทั้งปี ดังนั้น ผลผลิตโกโก้ครึ่งหนึ่งของโลกจึงมาจากสองประเทศในแอฟริกาตะวันตกเท่านั้น ซึ่งก็คือไอวอรีโคสต์และกานา แต่ราวๆ ปี 2,050 พื้นที่ปลูกโกโก้จะลดน้อยลงไปอีก สภาพอากาศที่ร้อนขึ้นจะทำให้ต้องนำโกโก้ไปปลูกบนเขาสูงที่มากกว่า 1,000 ฟุต ซึ่งเป็นพื้นที่สงวนไว้สำหรับสัตว์ป่าเท่านั้น เหล่านักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียจึงร่วมมือกับบริษัท Mars เพื่อหาหนทางการแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะสายเกินไป และพวกเขาก็ค้นพบเทคโนโลยีการตัดต่อพันธุกรรมที่เรียกว่า CRISPR ที่ถูกคิดค้นโดย UC Berkeley Innovative Genomics Institute ซึ่งหากทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี เมล็ดพันธุ์โกโก้ทั้งหลายก็จะสามารถอยู่รอดและเติบโตได้ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งมากขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ทางบริษัท Mars เองก็ใช้งบประมาณไปกับการช่วยลดภาวะโลกร้อนโดยการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นผลมาจากกระบวนการผลิต โดยคาดว่าในปี 2050 จะสามารถลดได้ถึง 60% ขณะที่หลังจากข่าวการสูญพันธุ์ของโกโก้แพร่กระจายออกไป กลับมีข้อมูลจาก Intergovernmental Panel on…
-
ทีมนักวิทย์ฯ ขุดพบโครงกระดูก ‘วัวทะเลชเตลเลอร์’ สัตว์โบราณที่สูญพันธุ์ไปเกือบ 300 ปี
พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เห็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วแบบตัวเป็นๆ แต่อย่างน้อยเราก็อาจได้เห็นซากของมันเหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่ได้ไปเจอเข้ากับโครงกระดูกของสัตว์น้ำขนาดมหึมาที่ได้สูญพันธ์ไปเมื่อนานมาแล้ว นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณชายฝั่งหมู่เกาะคอมมานเดอร์ บนคาบสมุทรคัมชัตคา ในประเทศรัสเซีย เมื่อพวกเขาได้ขุดไปเจอกับซากโครงกระดูกของสัตว์ทะเลที่สูญพันธุ์ไปแล้วนั่นก็คือ “วัวทะเลชเตลเลอร์” . . . การค้นพบในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ตรวจการสาว Maria Shitova ที่สังเกตเห็นซี่โครงของโครงกระดูกยื่นขึ้นมาเหนือพื้นดิน จนทำให้การขุดลงไปหาความจริงนานกว่า 8 ชั่วโมงได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาได้พบกับกระดูกสันหลังจำนวน 45 และกระดูกส่วนสะบัก ซี่โครง และอื่นๆ รวมกันอีก 25 ชิ้น ซึ่งมองไกลๆ เราก็คงคิดว่านั่นมันคือรั้วบ้านชัดๆ เพราะกระดูกของมันมีขนาดใหญ่มากจริงๆ และการขุดลงไปก็ไม่พบกะโหลกศีรษะของเจ้าสัตว์ที่สุญพันธุ์ไปแล้วตัวนี้ . . อย่างไรก็ตามสิ่งที่พบก็ไม่แปลกที่จะสามารถเจอได้บนเกาะนี้ เพราะในอดีต ที่นี่คือแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกมัน และเป็นบริเวณเดียวกันกับที่ทุกคนได้รู้จักกับสัตว์ชนิดนี้เป็นครั้งแรก โดยนาย Georg Steller ได้ค้นพบพวกมันในปี 1741 และตั้งชื่อให้กับเจ้าสัตว์สายพันธุ์พะยูนตัวนี้ว่า “วัวทะเลชเตลเลอร์ (Steller Sea Cow)” แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าสัตว์ชนิดนี้ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 18 หลังจากถูกมนุษย์ล่าอย่างหนัก . . .…
-
อดีต FBI กับโปรเจกต์ ‘แอปเปิลที่หายไป’ การค้นหาที่ดูไม่มีอะไร แต่กลับยิ่งใหญ่อย่างเหลือเชื่อ!!
David Benscoter คือชายผู้ใช้เวลา 24 ปีไปกับการเป็น FBI เขาได้ทำคดียากๆ มาหลากหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นคดีปล้นแบงค์ คดีจี้ชิงทรัพย์ หรือแม้แต่คดีการทุจริตคอรัปชั่นกันในแวดวงการเมือง เขาก็ล้วนผ่านประสบการณ์ดังกล่าวมาหมดแล้ว จนกระทั่งปัจจุบันเขากลายเป็นชายสูงอายุวัย 62 ปีที่รู้ว่าตัวเองถึงเวลาที่จะต้องเกษียณตัวเองออกมาจากจุดนั้นเสียที เพียงแต่ว่าหลังจากเขาออกมางานสืบสวนของเขามันกลับไม่หยุดลง… เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อเพื่อนบ้านของเขาในรัฐวอชิงตัน ได้ขอให้เขาไปช่วยตรวจสอบต้นไม้เก่าแก่บริเวณบ้านของเธอหน่อยว่ามันคือต้นอะไร ซึ่งการสืบค้นดังกล่าวทำให้เขาพบว่า ต้นไม้ต้นนั้นเป็นต้นแอปเปิลสายพันธุ์โบราณที่สาบสูญไปหลายสิบปี ยิ่ง David สืบค้นและเก็บข้อมูลของพันธุ์แอปเปิลเท่าไหร่ มันยิ่งพาเขาดำดิ่งลงไปลึกเรื่อยๆ จากคำขอของเพื่อนบ้านกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่เขาต้องออกไปตามชนบท เพื่อสืบเสาะหาสายพันธุ์แอปเปิลที่สาบสูญ จากการสืบค้นเขาพบว่าในช่วงหนึ่งร้อยปีก่อน ภายในรัฐวอชิงตันแห่งนี้มีสวนแอปเปิลอยู่มากมาย แต่ภาพหลังเมื่อสภาพสังคมเปลี่ยนไป ผู้คนจึงล้มเลิกการทำสวนและหันไปประกอบอาชีพอย่างอื่นแทน แต่บริเวณเขตวอชิงตันตะวันออก สวนแอปเปิลที่พวกเขาเคยปลูกและทิ้งไปกลับยังไม่ตาย มันยังคงยืนต้นมาจนถึงทุกวันนี้ และที่นั่นจึงถือเป็นจุดสำคัญในการสืบค้นของเขา ในการสืบค้น David นั้นต้องทำทุกอย่างทั้งวาดภาพแอปเปิล เดินทางไปเก็บข้อมูลตามพิพิธภัณฑ์ ทำแผนภูมิ ตามหาว่าแอปเปิลที่เขาเจอโตมาจากที่ไหน เก็บพิกัด GPS รวมถึงเก็บตัวอย่างแล้วส่งไปยังผู้เชี่ยวชาญ บันทึกที่เขาจดไว้นั้นมีเยอะแยะมากมายเลยล่ะ . Nero, Arkansas Beauty และ Dickinson คือสามสายพันธุ์แอปเปิลหายากที่เขาค้นพบในช่วงหลายปีผ่านมา ซึ่งทุกสายพันธุ์ล้วนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง David ได้ยกตัวอย่างความหายากของสายพันธุ์ทั้งสามว่า “สายพันธุ์ทั้งสามที่ผมหาเจอ…
-
รู้จักกับ 12 สายพันธุ์ “สัตว์หายาก” จากทั่วโลก ที่ทุกวันนี้ใกล้จะสูญพันธุ์มากขึ้นทุกที…
ก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอเรื่องราวของ ‘ซูดาน’ แรดขาวตัวสุดท้ายของสายพันธุ์ ที่นักวิทยาศาสตร์ต้องพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์ของมันให้ดำรงอยู่ต่อไป แต่นั่นอาจจะเป็นเพียงแค่ปัญหาส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะยังมีสัตว์อีกหลายชนิดทั่วโลกที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างก็เช่นทั้ง 12 สายพันธุ์ดังต่อไปนี้… 1. Amur Leopard หนึ่งในสายพันธุ์เสือดาวที่หาเจอได้ยากที่สุด โดยปัจจุบันคาดว่ามีประชากรเสือดาวชนิดนี้อยู่เพียง 70 ตัวทั่วโลกเท่านั้น ลักษณะนิสัยของพวกมันชอบอาศัยอยู่ในป่าหิมะเช่นทางตอนเหนือของรัสเซีย ตอนเหนือของจีน และเกาหลี อีกทั้งมันยังสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง 370 กม./ชั่วโมง เลยทีเดียว 2. Hawaiian Crow น่าเศร้าที่อีกาสายพันธุ์นี้ได้ถูกขึ้นบัญชีให้เป็นสัตว์ที่สูญพันธุ์ไปแล้วเมื่อปี 2002 แต่ถึงแม้ว่าจะมีการเก็บไข่ของพวกมันมาเพาะพันธุ์เป็นอย่างดี ทว่าสุดท้ายธรรมชาติกลับไม่เอื้ออำนวยให้มันสามารถอยู่รอดต่อไปได้อีก 3. Hainan Gibbon เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์เอป (ลิงไม่มีหาง) ที่หาเจอยากที่สุดในโลก เพราะมันอาศัยอยู่บนเกาะฮ่ายหนานในประเทศจีนเท่านั้น โดยสถิติจากปี 2003 พบว่ามันมีจำนวนประชากรทั้งหมด 13 ตัว แต่ปัจจุบันได้มีองค์กรอนุรักษ์ท้องถิ่นมากมายเข้าไปดูแล และช่วยกันรักษาเผ่าพันธุ์ของพวกมันให้สืบต่อไป ทว่าปัญหาสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนไป ก็ส่งผลต่อการดำรงชีวิตของพวกมันเช่นกัน 4. Santa Catarina Guinea Pig…
-
ปฏิบัติการช่วยเหลือ ‘ลูกนกอัลบาทรอสเท้าดำ’ อพยพถิ่นที่อยู่เดิม ถูกทำลายเพราะโลกร้อน
ปฏิบัติการช่วยเหลือเหล่านกอัลบาทรอสเท้าดำ ที่ถูกช่วยเหลือมายังสนามบิน Honolulu International Airport ประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ว่ามันจะเป็นนกที่เมื่อโตเต็มวัยแล้วจะมีความกว้างของปีกยาวถึง 2 เมตรเลยก็ตาม แต่เจ้านกอัลบาทรอสที่ถูกช่วยเหลือมานี้ยังเด็กอยู่และไม่สามารถบินได้จึงต้องขนย้ายด้วยเครื่องบิน ด้วยการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ Pacific Rim Conservation ลูกนกทั้ง 15 ตัวก็เดินทางมาถึงเป้าหมายได้ในช่วงกลางดึกของวันที่ 16 เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้พวกมันยังคงมีความหวังที่จะมีอนาคตที่สดใส เหล่าลูกนกทั้งหลายเพิ่งจะลืมตาดูโลกเมื่อประมาณสามสัปดาห์ก่อนที่ศูนย์ดูแลสัตว์ป่า Midway Atoll National Wildlife Refuge และ Battle of Midway National Memorial ที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะฮาวาย เจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือลูกนกทั้งหลายไปไว้ที่บ้านหลังใหม่ ที่พวกมันจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการป้อนอาหารโดยนักชีววิทยาในอีก 5 เดือนข้างหน้า จนกว่าพวกมันจะสามารถบินออกไปสู่ท้องฟ้าเหนือน่านน้ำทะเล และหาอาหารด้วยตัวเองได้ ด้วยความหวังที่ว่านกเหล่านี้จะกลับไปสู่ธรรมชาติดั้งเดิมของมันและปลอดภัยที่จะมีลูกเป็นของตัวเองเพื่อสืบสานเผ่าพันธุ์ต่อไป . . ปัจจุบันนกอัลบาทรอสกำลังถูกคุกคามอย่างหนักหน่วง เพราะระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นประกอบกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปโดยน้ำมือของมนุษย์ ส่งผลให้พื้นที่ทำรังของมันถูกทำลายไป จากการสำรวจพบว่าอัตราการเกิดของเหล่านกอัลบาทรอสสายพันธุ์เท้าดำ ลดลงมากกว่า 90% เพราะพื้นที่การสร้างรังเพื่อให้กำเนิดลูกของมันถูกน้ำทะเลเข้าท่วม จากการเกิดเพายุที่รุนแรง และระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น . “พื้นที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ของมันจึงเป็นอะไรที่สำคัญมากสำหรับนกสปีชีส์นี้…
-
ทฤษฎีวันสิ้่นโลก เมื่อมนุษย์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น โลกที่เราเคยรู้จัก จะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป!!
คุณเชื่อหรือไม่ว่าโลกของเรามีอายุมานานกว่า 4.5 พันล้านปีแล้วนะ ในขณะที่มนุษย์อาศัยอยู่บนโลกใบนี้มาเป็นเวลาเพียง 200,000 ปีเท่านั้น แต่นั่นก็ทำให้เราได้เห็นถึงสภาพความเปลี่ยนแปลงของโลกไปมากเลยทีเดียว แม้ว่าในปัจจุบันอัตราจำนวนประชากรโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่คุณเคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าหากวันใดวันหนึ่งโลกของเราปราศจากมนุษย์ เรียกง่ายๆ คือมนุษย์สูญพันธุ์ไปจนหมดสิ้น มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง… คลิปจากรายการ BBC Earth Unplugged โดยทฤษฎีและบทวิเคราะห์ดังกล่าวนั้น จะถูกสรุปใจความมาจากสารคดีของ BBC จากรายการ Earth Unplugged ซึ่งในแต่ละข้อจะเกิดขึ้นตามผลพวงที่มีความต่อเนื่องกันอย่างสมเหตุสมผล และมีความเป็นไปได้อยู่พอสมควร จะมีอะไรบ้างตามมาอ่านกันได้เลย หลังจากไม่กี่ชั่วโมง เมื่อมนุษย์สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ ผลที่จะตามมาคือการเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างน่าตกใจในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง เพราะพลังงานจากทั่วโลกจะหยุดลง โดยเฉพาะพลังงานไฟฟ้าของมนุษย์จะส่งผลทำให้โลกมืดมิด ส่วนพลังงานที่สร้างขึ้นมาจากแผงโซลาร์เซลล์ที่ได้จากดวงอาทิตย์ รวมถึงกังหันลม ยังคงใช้งานได้เหมือนเดิม หลังจากไม่กี่วัน หลังจาก 48 ชั่วโมงผ่านไป แผงโซลาร์เซลล์จากแสงอาทิตย์ และกังหันลมจะหยุดทำงาน สัตว์เลี้ยงที่อาศัยอยู่ในบ้านจะอดน้ำและอาหารตาย เนื่องจากไม่ได้รับการดูแลจากเจ้าของ และที่สำคัญน้ำก็จะเริ่มท่วมสถานีรถไฟใต้ดิน หลังจากไม่กี่สัปดาห์ อีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมา สัตว์ที่อาศัยอยู่ในสวนสัตว์จะหาทางหลบหนีออกมา และทำให้มันกลายเป็นนักล่าอีกครั้ง สัตว์ป่าจะต่อสู้เพื่อความอยู่รอด และจะตายในไม่ช้า ส่วนสุนัขตัวใหญ่จะเริ่มล่าสัตว์ที่ตัวเล็กเพื่อความอยู่รอด…
-
ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘เสือชีต้าร์’ กำลังจะกลายเป็นสัตว์ ‘เสี่ยงสูญพันธุ์’ หลังประชากรลดลง 85%
นับวันยิ่งดูเหมือนว่าสัตว์โลกนานาชนิด เริ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากมนุษย์ทุกคนยังคงล่าพวกมันเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางอุตสาหกรรม หรือทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของพวกมันด้วยเช่นกัน และล่าสุดจากสำนักข่าว Metro ได้ระบุว่า กลุ่มนักวิทย์ฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านเสือชีต้าร์ ได้ออกมาเตือนแล้วว่า ถ้าหากไม่รีบแก้ปัญหาจำนวนประชากรของพวกมันที่ลดลงเรื่อยๆละก็ อีกไม่ช้าพวกมันจะต้องกลายเป็นสัตว์สูญพันธ์แน่ๆ เห็นแบบนี้เค้าเป็นญาติกับแมวเหมียวนะ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน ‘Zoological Society of London and the Wildlife Conservation Society’ ได้รายงานว่าปัจจุบันในอิหร่าน มีจำนวนประชากรเสือชีต้าร์อยู่เพียงแค่ไม่ถึง 50 ตัวเท่านั้น!! เช่นเดียวกันกับในประเทศซิมบับเว ในช่วงเวลาแค่ 16 ปี กลับส่งผลให้ประชากรของมันลดลงไปจากเดิมประมาณ 1,200 ตัว ปัจจุบันเหลือเพียงแค่ 170 ตัวเท่านั้น การลดลงนั้นคิดเป็น 85% ซึ่งเป็นตัวเลขอันน่าเป็นห่วงมาก ในอดีตทั้งสองพื้นที่นี้นับว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยหลักของพวกมัน และมีประชากร ‘เสือชีต้าร์’ อยู่มากเป็นอันดับต้นๆ เลยล่ะ Dr. Sarah Durant ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สาเหตุที่ทำให้จำนวนประชากรของพวกมันลดลงอย่างน่าใจหาย มาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการขยายตัวถิ่นที่อยู่อาศัยของมนุษย์…
-
เผยผลคำนวณ ญี่ปุ่นเสี่ยงต่อการ ‘สูญพันธุ์’ ในอีก 1,750 ปี เพราะคนไม่ยอมมีเซ็กส์!?
ใครจะไปนึกล่ะว่า เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นกับประเทศที่ได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งวงการ AV และเซ็กส์ทอยแบบนี้ (เอ๊ะ…หรือจริงๆ แล้วเพราะการมีสิ่งของเหล่านี้อาจทำให้คนหันไปใช้กันมากขึ้นหรือเปล่า!?) เรื่องนี้กลายมาเป็นประเด็นที่สำคัญในญี่ปุ่นเสมอมา จนถึงกระทั่งมีการคำนวณโดยเหล่านักคณิตศาสตร์ไว้แล้วว่า ถ้าหากประชากรยังคงมี Sex กันในอัตราเท่านี้ และผลิตลูกออกมาได้ในอัตราปัจจุบัน (และมีทีท่าจะลดลงเรื่อยๆ ) จากการคำนวนของเหล่านักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัย Tohoku ของประเทศญี่ปุ่นเองนั้นกลับพบว่า ประเทศของพวกเขากำลังเผชิญกับภาวะที่จะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เลยทีเดียวในอนาคต!!? จากการคำนวนของพวกเขา วันที่ชาวญี่ปุ่นคนสุดท้ายบนโลกที่จะมีชีวิตอยู่นั้นคือวันที่ 16 สิงหาคม 3766 หรือราวๆ 1,750 ปีนับจากนี้!!! การคำนวนในครั้งนี้เป็นผลพวงของความกังวลในด้านการผลิตประชากรของคนในประเทศ ที่มีแนวโน้มจะลดลงเรื่อยๆ ทุกๆ ปี จนเกิดเป็น ‘วิกฤตการณ์ทางด้านเซ็กส์’ หรือการที่ชาวญี่ปุ่นมีเซ็กส์กันน้อยเกินไปนั่นเอง วิกฤตินี้ดำเนินต่อเนื่องเรื่อยมาราวๆ 25 ปีแล้ว แถมตอนนี้ก็ดำเนินมาถึงจุดที่ค่อนข้างน่าเป็นห่วงเลยทีเดียว จนนักวิจัยหลายรายคิดว่านี่มันคือระเบิดเวลาดีๆ นี่เอง ระยะเวลาการคำนวนโดยประมาณ เป็นภาพเคลื่อนไหว GIF ภาพไม่ขึ้น สามารถคลิกชมได้ที่นี่ครับ นักวิจัย Hiroshi Yoshida และ Masahiro Ishigaki ได้สร้างนาฬิกานับถอยหลังนี้ขึ้น โดยใช้ข้อมูลจากอัตราการลดลงของประชากร ฐานข้อมูลจากปี 2014…
-
เป็นปลื้มมมมม!! ‘หมาจิ้งจอก Island Fox’ หายไป 90% เกือบสูญพันธุ์ วันนี้มันกลับมาอีกครั้ง
สัตว์หายากหรือสัตว์ที่มีจำนวนน้อยลง มักจะถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ เหมือนกับสุนัขจิ้งจอกพันธุ์ Island Fox ที่ถูกจัดให้อยู่ในสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ในปี 2004 โดยทางเจ้าหน้าที่ต่างก็คิดว่า อีกประมาณ 10 ปี มันคงจะหมดไปจากโลก แต่ไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้น 10 ปี มันกลับมาอีกครั้ง โดยมีการเพิ่มจำนวนมากขี้นอย่างรวดเร็ว และทำลายสถิติการเพิ่มจำนวนของสัตว์หายากในรอบ 43 ปีด้วย Dan Ashe หนึ่งในเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สัตว์ป่าบอกว่า เพราะว่ามันใกล้สูญพันธุ์เราจึงเรียนรู้ว่า ควรช่วยพวกมันอย่างไร เพื่อไม่ให้มันตกในสภาวะใกล้สูญพันธุ์อีก ในปลายทศวรรษ 1990 สนัขจิ้งจอก Island Fox ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสัตว์นักล่าสูงสุดในห่วงโซ่อาหาร แต่พวกมันมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 90 ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเป็นผลมาจากการรุกรานของนกอินทรีย์หัวทองที่เข้ามาแทนที่นกอินทรีย์หัวล้าน ทำให้เกิดการแย่งอาหารกัน และอีกหนึ่งสาเหตุคือ เป็นเพราะพวกมันป่วยด้วยโรคหัดในสุนัขนั่นเอง ตัวอย่างเช่นใน Santa Rosa จากที่มี 1,780 ตัว ก็หายไปเหลือเพียง 15 ตัวเท่านั้น แต่ข่าวดีคือปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่บอกว่า “ที่ Santa Rosa มีจำนวน…
-
17 สัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ของโลก ที่ในอนาคตอันใกล้ อาจเหลือให้เราดูกันแค่ภาพในหนังสือ….
ในส่วนของเหล่าสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ มีหลายๆ ปัจจัยที่ทำให้พวกมันเข้าไปอยู่ในสถานะนี้ ทั้งทางธรรมชาติเอง สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป และที่สำคัญที่สุด การถูกล่าโดยมนุษย์นี่แหละที่ทำให้จำนวนประชากรของมันลดฮวบจนน่าใจหาย สำหรับวันนี้ #จ่าสิบเหมียว ก็อยากจะตีแผ่ปัญหาในด้านนี้ ให้เหล่าเพื่อนๆ ได้มาตระหนักกันมาขึ้นว่านี่ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ ที่หลายๆ คนเข้าใจกันแบบนั้น ว่าแล้วก็ลองมาดู 17 สายพันธุ์ของสัตว์ที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลกนี้กันเถอะ ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจไม่มีเหลือจนเราต้องไปดูในหนังสือเท่านั้น… Amur Leopard หรือ เสือดาวอามูร์ เหลือไม่ถึง 50 ตัวแล้วในโลก!!! แรดดำผู้โด่งดัง หรือ Black Rhino จากที่เคยขยายพันธุ์จนทั่วแอฟริกา ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่ตัวแล้ว Cross River Gorilla ที่เหลือเพียงราวๆ 300 ตัวเท่านั้น Hawksbill Turtle หรือ เต่ากระ Javan Rhino หรือแรดชวา เหลือราวๆ 50 ตัว Leatherback Turtle หรือเต่ามะเฟือง …
-
รับชมคลิปวิดีโอหาชมยากของ ‘วาฬ Omura’ วาฬที่หายากที่สุดในโลก และอาจกำลังใกล้สูญพันธุ์เต็มที
คลิปวีดีโอที่เพื่อนๆ จะได้เห็นกันนี้ เรียกได้ว่าเป็นคลิปวีดีโอของวาฬชนิดหนึ่ง ที่เป็นหนึ่งในบรรดาสัตว์ลึกลับและหายากที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ และวาฬชนิดนี้ก็คือ ‘วาฬ Omura’ นั่งเอง โดยเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2558 ทางสำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า ทีมนักชีววิทยานานาชาติ ได้เผยคลิปวีดีโอของ ‘วาฬ Omura’ ตัวหนึ่ง หลังจากที่พวกเขาพบมันที่นอกชายฝั่งมาดากัสการ์ ซึ่งจากในคลิปวีดีโอเราจะเห็นได้ว่าเจ้าวาฬ Omura ตัวนี้กำลังแหวกว่ายอยู่ในท้องทะเล เรียกได้ว่ามันทั้งสวยงาม และน่าทึ่งสุดๆ ไปเลยนะเหมียว วาฬ Omura เป็นวาฬหายากที่มีลักษณะคล้ายๆ วาฬบรูด้า จึงทำให้ผู้คนที่พบเจอมักจะคิดว่ามันเป็นวาฬบรูด้ามาตลอด แถมยังเป็นหนึ่งในสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์อีกด้วย และแม้จะมีการคาดว่ามันเป็นสัตว์ที่น่าจะสูญพันธุ์แล้ว แต่ก็ยังมีการพบวาฬสายพันธุ์นี้ตายเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งออสเตรเลียตะวันตก เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เมื่อนักชีววิทยานานาชาติได้เห็นวาฬ Omura นอนตายเกยตื้นอยู่บนชายฝั่ง พวกเขาจึงถือโอกาสศึกษาลักษณะของมันอย่างละเอียด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยพบหลักฐานยืนยันการพบเห็นวาฬสายพันธุ์นี้อยู่ในธรรมชาติเลย ที่มา : abc