Tag: หงส์
-
ผู้คนเจอหงส์ดำ ก่อนจะรู้ว่าที่แท้มันไม่ใช่หงส์ดำโดยธรรมชาติ แต่โดนเคลือบสีมา
หงส์ส่วนใหญ่ที่เรารู้จักกันจะมีขนสีขาว แต่ก็ยังมีหงส์ที่มีสีดำโดยธรรมชาติด้วยเช่นกัน ตอนที่กลุ่มช่วยเหลือสัตว์ RSPCA ได้รับรายงานว่าเจอ ‘หงส์ดำ’ ท่าทางประหลาด พวกเขาก็เลยคิดว่าหงส์ตัวนั้นป่วย แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ป่วยเลย เมื่อ RSPCA ออกไปช่วยเหลือหงส์ดำที่ทะเลสาบในเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ พวกเขาก็พบว่ามันสบายดี แต่เจ้าหงส์ตัวนี้เป็น ‘หงส์ขาว’ ที่ตัวกลายเป็นสีดำหมดต่างหาก เจ้าหงส์ขาวขนกลายเป็นสีดำหมดเลย Lynsey Cale ผู้ช่วยสัตว์ป่าบอกว่า “เราได้ช่วยสัตว์ปีกที่ขนสกปรกจากสารปนเปื้อนจำพวกน้ำมันประกอบอาหาร หรือน้ำมันรถมามาก แต่เจ้าตัวนี้เป็นสัตว์ที่เปื้อนน้ำมันหนักที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอเลย” ตัวของเจ้าห่านมีสีดำตั้งแต่หัวจรดท้ายตัว มันเปื้อนเยอะมากจนสัตวแพทย์กังวลว่ามันอาจจะซึมซับน้ำมันเข้าไปข้างในร่างกายด้วยก็ได้ พวกเขาก็เลยรีบทำการอาบน้ำขัดตัวให้มันกลับมาขาวสะอาดโดยไม่รอช้า แต่กว่ามันจะตัวสะอาดก็เล่นเอาคนช่วยเหนื่อยกันเลยทีเดียว อาบน้ำแล้ว แต่สียังไม่หลุดเลย ติดแน่นอะไรขนาดน๊าน หลังจากมนุษย์ช่วยกันขัดสีฉวีวรรณมันอยู่นาน ในที่สุดมันก็กลับมาขาวสะอาดแล้ว! หลังจากอาบน้ำให้มันซ้ำแล้วซ้ำอีก เจ้าหงส์ก็กลับมามีสีขาวสะอาดตามธรรมชาติเหมือนเดิม ถึงอาสาสมัครที่ช่วยมันจะเหนื่อยแต่ก็โล่งใจที่เห็นตัวของมันกลับมาสะอาดอีกครั้ง พอมันปลอดภัยจากน้ำมันที่ปนเปื้อนบนขนแล้ว อาสาสมัครก็พามันกลับไปปล่อยลงทะเลสาบที่มันจากมา หวังว่ามันจะไม่ไปเปื้อนน้ำมันกลับมาอีกนะ อาบน้ำแล้วสบายตัวจุง ขอบใจนะมนุษย์ บ๊ายบาย ที่มา: the dodo
-
น้องหงส์หลงฝูงมาไกลกว่า 500 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงช่วยพามันกลับไปให้ถึงบ้าน
เมื่ออากาศเริ่มหนาวเย็นลงในเดือนธันวาคมแบบนี้ ทำให้สัตว์บางชนิดต้องย้ายที่อยู่อาศัยชั่วคราว เพื่อหาสถานที่ที่เหมาะกับพวกมันมากที่สุด แต่ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าหงส์อยู่ตัวหนึ่งที่เลือกสถานที่ได้ไม่เก่งเอาซะเลย เจ้าหงส์ตัวนี้หลงฝูงมาไกลกว่า 500 กิโลเมตร จนมาโผล่ที่ทะเลสาบ Finskoye บนเทือกเขาอัลไต ประเทศรัสเซีย ซึ่งทะเลสาบแห่งนี้ขึ้นชื่อว่ามีความหนาวเย็นอย่างมาก จนผิวน้ำจับตัวกันเป็นน้ำแข็ง เจ้าหงส์ที่หลงฝูงมาซะไกล . แน่นอนว่าในอุณหภูมิติดลบ 40 องศาเซลเซียส แถมน้ำก็ยังกลายเป็นน้ำแข็งไปซะหมดแบบนี้ ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะกับเจ้าหงส์ซักเท่าไหร่ มันจึงป้วนเปี้ยนไปมาอย่างไร้ความหวัง โดดเดี่ยวเดียวดาย แถมยังถูกเหล่าสุนัขเจ้าถิ่นไล่อีกต่างหาก ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร โชคดีของมัน เมื่อพนักงานดับเพลิงในละแวกนั้นผ่านมาเจอเข้า จึงช่วยมันเอาไว้และตั้งชื่อให้มันว่า Lev (ในภาษารัสเซียแปลว่าสิงโต) ถึงแม้ว่ามันจะพยายามหนีในตอนแรกเพราะตื่นคน แต่สุดท้ายพวกเขาก็สามารถจับมันได้สำเร็จ กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ทำการช่วยเหลือมันเอาไว้ . . . หลังจากนั้น พวกเขาจึงส่งมันให้กับเจ้าหน้าที่เขตสงวนธรรมชาติ Saylyugem ผู้ที่คอยพาเหล่าสัตว์ปีกหลงทางกลับไปหาเพื่อนๆ ของมันในสถานที่ที่เหมาะสม เมื่อพามันข้ามเทือกเขาอัลไตไปแล้ว วันที่ 22 ธันวาคม 2017 มันจึงได้ไปอาศัยอยู่กับเหล่าหงส์จำนวนกว่า 350 ตัว ในทะเลสาบ Svetloe ซึ่งเป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการใช้ชีวิตในช่วงฤดูหนาวแบบนี้ และในพื้นที่ดังกล่าวมีการเพิ่มขึ้นของประชากรหงส์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี…
-
เด็กชาวออสเตรเลียอายุ 15 ปี ช่วยชีวิตหงส์ด้วยการผายปอด และนวดหัวใจจนมันรอดตาย
CPR นั้นย่อมาจาก Cardiopulmonary resuscitation เป็นการฟื้นคืนชีพให้แก่ผู้ที่หยุดหายใจหรือหัวใจหยุดเต้น เพื่อป้องกันเนื้อเยื่อต่างๆ ที่จะได้รับอันตรายจากการขาดออกซิเจน ซึ่งสามารถทำได้หลากหลายวิธีไม่ว่าจะเป็นการนวดหัวใจหรือผายปอด การทำ CRP ที่ถูกวิธีนั้นสามารถช่วยชีวิตของคนและยังสามารถที่จะช่วยชีวิตสัตว์ได้ด้วย เหมือนเรื่องราวที่ #เหมียวปั๊ก จะเล่าต่อไปนี้ Joshy Martin วัย 15 ปีชาวเมือง Melbourne ประเทศออสเตรเลีย ได้ทำการช่วยเหลือเจ้าหงส์ที่เขาพบจากการไปตกปลากับครอบครัวของเขา สภาพของเจ้าหงส์เมื่อพบครั้งแรก ตอนแรกที่พวกเขาได้พบเจ้าหงส์ สภาพและอาการของมันค่อนข้างแย่ เนื่องด้วยอุณหภูมิร่างกายของมันที่เย็นเฉียบและชีพจรที่ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ ในระหว่างที่ Joshy และครอบครัวได้ขับรถเพื่อพาเจ้าหงส์โชคร้ายนี้ไปคลีนิคสัตว์แพทย์ที่ใกล้ที่สุด Joshy ได้ตัดสินใจทำการผายปอดและนวดหัวใจให้กับเจ้าหงส์ตามที่เขาได้ร่ำเรียนมา วิธีการผายปอดและนวดหัวใจของ Joshy ต้องขอบคุณการตัดสินใจที่ถูกต้องของ Joshy เจ้าหงส์นั้นกลับมาหายใจได้อีกครั้ง ซึ่งเป็นการต่อชีวิตมันให้สามารถไปถึงคลีนิคของสัตว์แพทย์ได้ทันเวลา เจ้าหงส์สามารถไปถึงคลีนิคได้ทันเวลา ต้องขอบคุณ Joshy หลังจากการรักษา เจ้าหงส์มีอาการที่ดีตามลำดับ Joshy และครอบครัวของเขาจะปล่อยเจ้าหงส์นี้เมื่อมันฟื้นตัวอย่างเต็มที่ และเรื่องราวนี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้คนอีกหลายคนได้มีส่วนร่วม หากเจอหงส์หรือสัตว์ชนิดอื่นที่กำลังใกล้ตายอีกด้วย Joshy และครอบครัวถ่ายรูปร่วมกับเจ้าหงส์ #เหมียวปั๊ก…
-
ทำเพื่อ!? ชาวจีนแชร์ภาพคนร้ายปา “ไข่หงส์ดำ” จนแตก ทิ้งให้พ่อแม่หงส์เศร้าเสียใจ
เราเชื่อว่าการกระทำทุกอย่างย่อมมีเหตุผลในตัวของมันเอง แต่บางครั้งมันก็ยากเกินที่จะอธิบายว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ในเมื่อเหตุการณ์แบบนี้ เรามองแล้วมันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำอย่างมาก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ได้มีชายหนุ่มที่สวนชุดปิดบังตัวเอง ทั้งหมวก และหน้ากากอนามัย ข้ามเข้าไปในรั้วของหงส์สีดำที่อยู่ในทะเลสาบหยางโจว ซึ่งที่แห่งนี้เป็นที่ที่หงส์สีดำจะมาฟักไข่เป็นประจำ จากภาพนั้นเราจะได้เห็นหงส์ดำทั้งสองเข้ามาที่รังเพื่อมาปกป้องไข่ของตัวเอง พร้อมทั้งพยายามจิกคนที่เข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้เตะหงส์เข้าที่ปีกด้วย จากการกระทำของเขา ทำให้ผู้คนที่อยู่ในละแวกนั้นสนใจเป็นอย่างมาก ต่างก็มามุงดูว่าเขาทำอะไร ทำไปทำไม บ้างก็ตะโกนบอกชายคนนี้ให้เอาไข่ไปคืนที่เดิม พร้อมทั้งถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้ แต่พอเขาเจอแบบนี้ กลับเอาไข่ที่ขโมยมาขว้างลงพื้นจนแตก จนสุดท้ายก็มีชายวัย 50 ปีดึงเขาออกมาจากรั้วได้ . หลังจากเหตุการณ์นี้ หงส์ทั้งสองก็ดูเหมือนจะเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ต่างก็ร้องออกมาเหมือนกับร้องไห้ อีกตัวก็พยายามนั่งต่ำๆ แต่เป็นที่น่าเสียดายที่คนร้ายสามารถหนีออกไปได้โดยที่ไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ทางการก็ได้เพิ่มมาตรการในการดูแลความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งออกมาบอกข่าวว่าหงส์ทั้งสองไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมาก แต่เชื่อเลยว่าอาการเจ็บของทั้งคู่คงน้อยกว่าการสูญเสียลูกๆ ไป แถมก่อนหน้านี้ได้มีข่าวว่าหงส์ดำทั้งสองกินข้าวไม่ลงเลย เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวได้ขโมยไข่ของมันไป แต่เป็นคนละที่กัน ซึ่งทำให้เห็นว่าต่อจากนี้มันคงรู้สึกเศร้าจนกินอะไรไม่ได้ . แต่ก็ยังเป็นที่สงสัยว่าคนร้ายทำไปทำไม เพราะไข่หงส์ดำไม่สามารถกินได้ และถ้าเอาไปก็ฟักเองไม่ได้ด้วย ซึ่งชาวเน็ตหลายคนที่เห็นข่าวนี้ต่างก็รู้สึกโมโห บ้างก็บอกว่าถ้าจับคนร้ายได้…
-
รถไฟเดินทางล่าช้าเพราะมี ‘หงส์’ เดินขวางอยู่ ลดความเร็วๆ ขับตามมาเรื่อยๆ กว่า 3 กิโลฯ
ในยามเช้าอากาศสดใส รถไฟให้บริการ South West Trains ต้นทางจากสถานี Teddington ไปยังปลายทางสถานี Kingston ต้องเดินทางอย่างล่าช้า เพราะถูกเจ้าหงส์ตัวหนึ่งขวางทางอยู่ทำให้รถไฟต้องชะลอความเร็วเป็นระยะทางกว่า 3.2 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 13 มกราคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Metro ของอังกฤษได้รายงานว่ามีภาพของเจ้าหงส์ตัวหนึ่งกำลังเดินทอดน่องอย่างชิวๆ บนรางรถไฟ นำหน้าขบวนรถไฟที่อยู่ห่างจากข้างหลังไม่ถึงเมตร ทำให้รถไฟต้องเดินทางด้วยความเร็วช้ามาก เพราะหากวิ่งเร็วก็เกรงว่าจะทำอันตรายให้กับมัน ทำให้ต้องค่อยๆ ขับช้าๆ ตามตูดเจ้าหงส์ต้อยๆ จนมาถึงที่สถานีด้วยความเร็วที่ต่ำแบบสุดๆ Bee Whitaker นักษึกษาวัย 20 ปีผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า “รถไฟค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่สถานี ด้วยความเร็วประมาณ 3.2 กิโลเมตรต่อชั่วโมง” “ผู้คนที่ต้องอาศัยรถไฟไปทำงานต่างก็รู้สึกผิดหวังที่ได้เห็นเหตุการณ์ดังกล่าว บางคนถึงกับแสดงท่าทีหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด และพยายามที่จะปรี่เข้าไปกระทำการรุนแรงกับเจ้าหงส์” แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่พอได้เห็นสาเหตุที่ทำให้รถไฟล่าช้าก็หัวเราะออกมา พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพความน่ารักที่เกิดขึ้น ทางด้านบริษัท South West Trains ก็ได้ทำการโพสต์รูปภาพของเจ้าหงส์ตัวดังกล่าวขณะที่มันถูกนำไปปล่อยในแหล่งน้ำ พร้อมกับแคปชั้นแบบฮาๆ ว่า “หงส์ที่อยู่ในเมือง Kingston ถูกปล่อยไปแล้วอย่างมีความสุข และปลอดภัยดี แถมมันยังฝากขอโทษมาด้วยที่ทำให้เกิดปัญหาความล่าช้า” ทางด้านโฆษกของการรถไฟก็ได้ออกมาประกาศว่าตอนนี้เหตุการณ์ได้กลับมาสู่ปกติแล้ว “มีหงส์ตัวหนึ่งอยู่บนทางรถไฟใกล้ๆ…
-
เรื่องราวสุดประทับใจ ก่อเกิดเป็นภาพเมื่อ “หงส์” ใช้คอกอดคนที่ช่วยชีวิตมัน!!
หงส์เป็นสัตว์ที่สง่างาม เรามักจะเห็นมันตามนิทานต่างๆ เพื่อแสดงถึงความงดงาม แต่มันก็ไม่ค่อยเป็นมิตรกับคนสักเท่าไหร่ เพราะเรามักจะเข้าใกล้มันไม่ได้ เพราะมันหวงพื้นที่ของมันและพยยายามขู่เราให้ออกไป แต่สำหรับ Richard Wiese เขาได้รับการตอบแทนด้วยการกอดจากหงส์ตัวหนึ่งที่เขาได้ช่วยชีวิตมันมา เกิดเป็นภาพอันน่าประทับใจที่หงส์จะใช้คอของมันกอดลำคอของเขา เล่าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน Richard ได้ไปเยี่ยมเยือนที่ศูนย์ดูแลหงส์ Abbotsbury Swannery ประเทศอังกฤษ เขาก็ได้เข้าไปช่วยหงส์ตัวหนึ่งที่ได้รับบาดเจ็บจากการบินไปติดที่โซ่ เขาพยายามช่วยมัน จนมันหลุดออกมาได้สำเร็จ “เมื่อผมอุ้มมัน ผมรู้สึกถึงหัวใจที่กำลังเต้น และมันก็ผ่อนคลายด้วยการเอาคอมากอดที่คอของผม มันเป็นช่วงเวลาที่ดีมากๆ ที่แสดงให้เห็นว่าสัตว์ตัวหนึ่งกำลังเชื่อใจคุณอยู่” “มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เลย เมื่อคุณได้มีพันธบางอย่างกับเพื่อนที่ไม่สามารถสื่อสารได้ด้วยคำพูด… แต่ก็รู้ว่าไม่มีอันตราย” ที่มา thedodo, abcnews
-
อีกแล้ว!! สาวเจ้าทำหงส์ตาย จากการฉุดกระชากลากไถมันขึ้นมาจากริมทะเลสาบเพื่อเซลฟี่
ช่วงนี้เทรนด์การเซลฟี่เหมือนจะเป็นสิ่งที่ทำให้ใครไม่เดือดร้อน แต่หารู้ไม่ว่าการเซลฟี่บางครั้งอาจจะทำให้ตัวเองเสี่ยงอันตราย แถมบางครั้งก็ยังจะเป็นการเบียดเบียนชีวิตอื่นโดยที่ไม่รู้ตัว เป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์โลกเสียชีวิตกันเลยล่ะ!! ดั่งเช่นภาพดังกล่าวที่กำลังแพร่กระจายออกไปในวงกว้าง เป็นภาพของหญิงสาวรายหนึ่งกำลังทำการฉุดกระชากหงส์ตัวหนึ่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ขึ้นมาจากริมทะเลสาบโอครีด ประเทศมาซิโดเนีย หงส์ตัวนี้เองก็ทำการขัดขืนและต่อสู้อย่างสุดกำลังเท่าที่มันจะทำได้ คาดว่าหญิงสาวรายนี้เป็นนักท่องเที่ยวมาจากประเทศบัลแกเรีย โดยสื่อท้องถิ่นรายงานว่าหลังจากที่เธอนำตัวหงส์มาเซลฟี่จนพอใจแล้ว ภายหลังเพียงไม่นานเจ้าหงส์ตัวนี้ก็สิ้นใจอยู่บนชายหาดริมทะเลสาบโอครีด เป็นเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกครั้ง จากที่เคยมีข่าวออกมากับกรณีของปลาโลมาตัวน้อยที่ต้องตายเพียงเพราะมนุษย์อยากจะนำมันมาเซลฟี่ด้วย สุดท้ายผิวหนังแห้ง ขาดน้ำ และบอบช้ำจากหลายมือของมนุษย์จนมันสิ้นใจไปในที่สุด หากใครที่คิดจะทำแบบนี้อยู่ ขอให้อยู่พฤติกรรมดังกล่าวเถอะ ถ้าจะเซลฟี่ก็ควรที่จะเซลฟี่อย่างพอเหมาะพอควร ตามธรรมชาติของสัตว์นะ ที่มา : dailymail, unilad
-
ชาวเน็ตฝรั่งด่าแหลก หลังหญิงสาวบังเอิญฆ่า “หงส์” ตาย เพราะบังคับให้มันมาถ่ายเซลฟี่
ในช่วงที่กระแสการเซลฟี่กำลังมาแรง เราอาจได้ยินข่าวแปลกๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น “การเซลฟี่อาจฆ่าคนตายได้” “เซลฟี่ฆ่าคนตายมากกว่าที่ฉลามทำในปี 2015” แต่วันนี้การเซลฟี่นอกจากจะทำร้ายตัวเองแล้ว มันยังสามารถทำร้ายผู้อื่นได้อีกต่างหาก!! เรื่องราวอันน่าเศร้าเกิดขึ้นที่ประเทศมาซิโดเนีย เมื่อหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว พยายามลากหงส์ที่กำลังเดินเล่นอยู่บริเวณริมทะเลสาบมาถ่ายเซลฟี่ด้วย แต่สุดท้ายเมื่อเธอจากไป มีคนพบว่าหงส์ตัวนั้น นอนตายอยู่ที่บริเวณที่หญิงสาวคนนั้นพยายามถ่ายเซลฟี่ จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วอินเตอร์เน็ต และถ้าใครจำได้ ช่วงเดือนก่อนก็มีคนพยายามเซลฟี่กับปลาโลมาในประเทศอาร์เจนตินา จนสุดท้ายเจ้าโลมาผู้โชคร้ายก็เสียชีวิตเช่นกัน การเซลฟี่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดอะไร แต่การเซลฟี่แบบนี้ เหมียวว่ามันออกจะเกินเลยไปหน่อยนะเนี่ย ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกที่ไหนบนโลกนะฮะ มันน่าหดหู่เกินไปจริงๆ ที่มา Metro