Tag: องค์กร
-
ญี่ปุ่นเผยเซตข้อคำถามที่ตัดสินแล้วว่า “ไม่เหมาะสม” ในการใช้ถามในการสัมภาษณ์งาน
ประเทศญี่ปุ่นนั้นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่เข้มงวดในเรื่องของการทำงานอย่างมาก การทำงานนั้นจะต้องตรงเวลาและมีความรับผิดชอบสูง พนักงานจะต้องมีความสามารถในการทำงานที่หัวหน้าสั่ง ฉะนั้น การว่าจ้างพนักงานในบริษัทของประเทศญี่ปุ่นก็จะมุ่งเน้นไปที่ตัวผู้สมัครว่าสามารถเข้ากันกับวัฒนธรรมขององค์การได้หรือไม่ การสัมภาษณ์จึงเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละอาชีพ แต่หลายครั้งการสัมภาษณ์ก็มีคำถามต่างๆ ที่อาจดูเป็นการคุกคามตัวผู้สมัครงานและอาจดูไม่เหมาะสม ล่าสุดกระทรวงแรงงานของจังหวัดคุมะโมโตะ ประเทศญี่ปุ่นได้เป็นกังวลถึงเรื่องนี้และขอให้แต่ละองค์การมีการสัมภาษณ์งานด้วยข้อคำถามที่เหมาะสม ทางกระทรวงแรงงานได้เผยข้อคำถามต่างๆ ที่มองว่า “ไม่เหมาะสม” ในการสัมภาษณ์หรือเป็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับงาน เช่น ครอบครัว สถานะทางบ้าน ภูมิลำเนา และปรัชญาทางการเมืองของผู้สมัคร เป็นต้น โดยตัวอย่างข้อคำถามที่ไม่เหมาะสมในการสัมภาษณ์งานมีดังนี้: -คุณเกิดที่ไหน? -พ่อแม่ของคุณทำงานประเภทไหน? -คุณเป็นลูกคนเดียวหรือไม่? -รถที่คุณขับเป็นรถประเภทใด? -คุณนับถือศาสนาพุทธหรือไม่? -พรรคการเมืองใดมีความคิดใกล้เคียงกับคุณมากที่สุด? -คุณต้องการแต่งงานในวันใดวันหนึ่งหรือไม่? -บุคคลในประวัติศาสตร์คนใดที่คุณชื่นชอบ? -คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับลัทธิมากซ์ -คุณเป็นสมาชิกกลุ่มหรือองค์กรใดอยู่หรือไม่? -หนังสือพิมพ์ของสำนักข่าวใดที่คุณอ่าน? คำถามเหล่านี้ บางข้อเป็นการถามถึงความเชื่อและค่านิยมทางศาสนาและการเมืองโดยตรง บางครั้งคำตอบของผู้สมัครอาจทำให้ผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องส่วนตัว นอกจากนี้ยังมีคำถามที่เกี่ยวกับรถที่ขับ และบุคคลในประวัติศาสตร์ที่ชื่นชอบ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สามารถพูดคุยกันได้ในชีวิตประจำวัน หากคำถามเหล่านี้มีส่วนตัดสินการเข้ารับทำงาน จะสามารถแปลได้ว่าบริษัทดังกล่าวประเมินค่าของผู้สมัครที่สถานะทางสังคมและอุดมคติ ซึ่งไม่เกี่ยวกับฝีมือและความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่น้อย การสัมภาษณ์งานนั้นสำคัญอย่างมากที่จะทำให้บริษัทได้รับคนที่มีความสามารถเข้าทำงานตามที่ต้องการ ฉะนั้น ควรมีผู้เชี่ยวชาญในการออกแบบข้อคำถามในการสัมภาษณ์โดยเฉพาะ ที่มา: soranews24
-
อดีตโสเภณีได้รับพระราชทานยศ ‘เดม’ ในฐานะยกระดับคุณตัว และรันวงการให้ถูกกฎหมาย
คุณความดีความงามของคนทำงานในฐานะโสเภณีอย่าง Catherine Healy ได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 พระราชทานยศ ‘เดม’ เทียบเคียงได้เท่ากับเลดี้ จากการต่อสู้ยกระดับของโสเภณีให้ถูกต้องตามกฎหมาย ในช่วงปี 1980 ตำรวจได้ทำการบุกจับกุมการค้าประเวณีผิดกฎหมายในเมือง Wellington ประเทศนิวซีแลนด์ โดยมีนาง Healy ทำงานอยู่ในนั้นด้วย แต่ทว่าในวันนี้เธอได้รับเกียรติอันสูงสุดจากราชวงศ์อังกฤษจากการรันวงการประเภทนี้!? Catherine Healy ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เธอและผู้ร่วมงานสายอาชีพเดียวกัน ต้องต่อสู้กับความยากลำบากเพื่อดำเนินการรักษาสิทธิของโสเภณีและเพื่อให้เกิดการยอมรับในสังคม และแล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน ที่ผ่านมา นาง Healy ได้รับพระราชทานยศ Dame แห่ง New Zealand Order of Merit สำหรับการยกระดับสิทธิสำหรับโสเภณี โดยในปี 1986 เธอได้ช่วยก่อตั้ง New Zealand Prostitutes Collective องค์กรที่ช่วยสนับสนุนเหล่าโสเภณีและรักษาสิทธิของโสเภณี ปัจจุบันมุมมองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวก็เริ่มเปลี่ยนไป เธอเริ่มพัฒนาแนวทางร่วมกับเหล่านักการเมืองเพื่อทำให้งานประเภทนี้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย และมีกฎหมายคุ้มครองคนทำงาน จนกระทั่งได้รับพื้นที่จากสื่อสาธารณะในปี 2003 เมื่อกฎหมายผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภานิวซีแลนด์…
-
ร้านอาหารในออสเตรเลีย “เก็บภาษีลูกค้าผู้ชาย” เพิ่ม 18% เพื่อนำเงินมาบริจาคให้องค์กรช่วยเหลือผู้หญิง
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2560 ทางเว็บไซต์ต่างประเทศมีรายงานว่า ร้านอาหารมังสวิรัติ Handsome Her ในเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ได้เรียกเก็บภาษีลูกค้าที่เป็นผู้ชายเพิ่ม 18% ทั้งนี้ เพื่อที่จะนำเงินที่ได้มาสมทบทุนองค์กรช่วยเหลือผู้หญิง ซึ่งภายหลังจากที่ร้านอาหารแห่งนี้ได้ออกกฎใหม่ในเรื่องค่าใช้จ่ายที่ไม่เท่าเทียมกัน ก็มีการถกเถียงกันบนโลกออนไลน์เป็นจำนวนมาก ทางด้าน Alex O’Brien นักสตรีนิยม เจ้าของร้านอาหารดังกล่าวได้ออกมาเผยว่า “ฉันต้องการให้ผู้คนนึกถึงเรื่องนี้ เพราะเราได้ขัดแย้งกันมาหลายทศวรรษแล้ว เรากำลังนำมันไปสู่ระดับแนวหน้าของจิตใจผู้คน ฉันอยากทำให้ผู้ชายหยุด และตั้งคำถามถึงสิทธิพิเศษของพวกเขา… หนึ่งในเพื่อนของฉันที่ทำงานในองค์กรการกุศลด้านสวัสดิการของผู้หญิง กำลังพูดถึงช่องว่างในการจ่ายเงิน และฉันคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี ดังนั้นเราจึงตัดสินใจว่าในหนึ่งสัปดาห์ของแต่ละเดือน เราจะคิดค่าภาษีลูกค้าผู้ชาย 18% เพื่อนำเงินที่ได้ไปบริจาค” ไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยกับวิธีการของร้านอาหารแห่งนี้ เพราะมีผู้ใช้ทวิตเตอร์หลายคนได้ออกมาแสดงความเห็นถึงความไม่เสมอภาคว่า “อย่างน้อยที่สุดพวกเขาก็บอกให้โลกรู้ว่าพวกเขารังเกียจผู้ชายมากแค่ไหน” ในขณะที่อีกคนหนึ่งกล่าวได้ออกมากล่าวเพิ่มเติมว่า “ตอนนี้เราให้ความสำคัญกับการรับรู้และการถกเถียงกันในเรื่องของการเลือกปฏิบัติต่อผู้ชาย แต่เราก็ต้องให้ความเท่าเทียมกันกับผู้ชายด้วย” อย่างไรก็ตาม Alex O’Brien ก็ได้ออกมาโต้เถียงว่า ผู้ชายที่เข้ามาทานอาหารที่ร้านของเธอ ก็ยอมรับในกฎนี้ดี อีกทั้งยังมีชายรายหนึ่งได้บริจาคเงินจำนวน 50 เหรียญ (1,600…
-
อดีตทหารผ่านศึก บริจาคที่ดินส่วนตัวมูลค่า 77 ล้านบาท มอบให้องค์กรกุศลเพื่อช่วยสังคม!!
อีกเรื่องราวคุณงามความดีของนายทหารผู้ผ่านศึกสงคราม ที่ได้บริจาคพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองหลังเสียชีวิตไปแล้ว เพื่อมอบให้แก่องค์กรการกุศลช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์… Stephen Florentz อดีตทหารผ่านศึกที่เคยผ่านสมรภูมิรบในเวียดนาม ในฐานะแพทย์สนามที่คอยช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หลังจบจากสงครามเขาก็ได้ย้ายมาทำหน้าที่เป็นแพทย์ให้กับโรงพยาบาลในชุมชน Stephen Florentz ช่วงบั้นปลายชีวิตเขาได้มอบพินัยกรรม ทำการบริจาคที่ดินทั้งหมดให้กับองค์กร Central Oklahoma Habitat for Humanity “ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นเรื่องเดียวที่เค้าใส่ใจมากที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะช่วงหลังจากที่เขาได้ย้ายมาอาศัยอยู่ที่โอคลาโฮมา และมีบ้านเป็นของตัวเอง” Mike Bourland เพื่อนคนสนิทเล่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวปัจจุบันถูกสร้างให้เป็นที่พักสำหรับกลุ่มคนไร้บ้าน และคนที่ต้องการความช่วยเหลือต่างๆ เจ้าตัวได้ทำการติดต่อกับ Ann Felton CEO ผู้ดูแลองค์กรดังกล่าว ทว่าไม่มีใครรู้มาก่อนว่าเขาได้ทำการมอบพื้นที่ทั้งหมดให้กับองค์กรไว้ก่อนแล้ว จนกระทั่งเมื่อ 6 เดือนก่อน คุณลุงสตีเฟ่นได้ลาจากโลกไปอย่างสงบ จนเมื่อมีการเปิดพินัยกรรมถึงได้รู้ว่า คุณลุงได้มอบโฉนดที่ดินทั้งหมดมูลค่ากว่า 2.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 77 ล้านบาท) “พวกเราไม่แปลกใจเลยที่เขาบริจาคทรัพย์สินทั้งหมดที่ตัวเองมีให้กับมูลนิธิ เพราะนี่คือภาพสะท้อนตัวตนของความเป็น Stephen Florentz อย่างแท้จริง… เขาเป็นทั้งผู้ให้ และผู้ที่คอยหวังดีกับเพื่อนมนุษย์เสมอ” T. Sheri…
-
หนุ่มหล่อ Ashton Kutcher ผู้ก่อตั้งองค์กรต่อต้านค้ามนุษย์ ช่วยเหลือมาแล้วกว่า 2,000 ราย
สำหรับแฟนๆ หนังของ Hollywood แล้ว อาจจะมีหลายๆ คน คุ้นหน้าคุ้นตากับพ่อหนุ่ม Ashton Kutcher กันมาบ้างแล้ว แม้ว่าจะไม่ค่อยมีผลงานการแสดงในหนังเรื่องดังๆ มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นความหล่อของพี่แกก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป… เพราะนอกจากจะการันตีเรื่องความหล่อที่หน้าตาด้วยการเป็นดารานักแสดงให้กับ Hollywood แล้วพ่อหนุ่ม Ashton ยังมีความหล่อที่ใจอีก เพราะเขาได้ก่อตั้งองค์กรการกุศล Thorn: Digital Defenders of Children ขึ้นมาร่วมกันกับอดีตภรรยา Demi Moore เมื่อปี 2009 สร้างซอฟแวร์ขนาดเล็กเพื่อต่อต้านขบวนการค้ามนุษย์ จนถึงทุกวันนี้ เจ้าเครื่องมือดังกล่าวสามารถระบุได้ว่ามีผู้คนกว่า 6,000 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น Ashton เองก็มีลูก 2 คน ร่วมกับภรรยาคนปัจจุบัน Mila Kunis เล่าว่า “หลายๆ ช่วงที่ผมทำงานเป็นผู้ต่อต้านการค้ามนุษย์ ผมเคยพบกับเหยื่อมามากมายทั้งในประเทศรัสเซีย ประเทศอินเดีย ประเทศเม็กซิโก เหยื่อจาก นิวยอร์ค นิวเจอร์ซีย์ และจากส่วนต่างๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา” …
-
หน่วยงานนำสัตว์เลี้ยงจรจัด ไปวางในร้านขายสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ผู้สนใจรับไปเลี้ยงแบบฟรีๆ
ว่ากันว่าของที่เราต้องจ่ายเงินเพื่อได้มา จะมีค่ามากกว่าของที่เราได้มาแบบฟรีๆ เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยง หลายๆ คนยินดีเสียเงินให้กับร้านขายสัตว์เลี้ยง มากกว่าที่จะเก็บสัตว์เลี้ยงจรจัดข้างถนนหรือขอสัตว์เลี้ยงจากสถานดูแลสัตว์มาดูแล ทั้งๆ ที่การทำเช่นนั้น อาจไม่ต้องเสียเงินแม้แต่แดงเดียว ด้วยเหตุนี้เององค์กรการกุศล Quatro Patinhas หรือ Four Paws จากประเทศบราซิล ได้นำสัตว์เลี้ยงตัวน้อยจากสถานดูแลสัตว์มาแทนที่สัตว์เลี้ยงที่ขายในร้านขายสัตว์ และตั้งกล้องดูปฏิกิริยาของลูกค้า ที่รู้ว่าเจ้าสัตว์ตัวน้อยเหล่านี้ เป็นสัตว์ที่มาจากสถานดูแล้วสัตว์ พวกมันไม่ได้แตกต่างไปจากสัตว์เลี้ยงทั่วไปเลย ลองไปชมปฏิกิริยาของพวกเขากันเลย แทนที่จะ “ซื้อ” พวกเราเปลี่ยนมา “ช่วยเหลือ” พวกมันกันดีกว่าเนอะ ที่มา Associação Quatro Patinhas
-
ลองแจก ‘กล้องถ่ายรูป’ ให้คนไร้บ้าน 105 คน เพื่อเรียนรู้ถึง ‘เมือง’ ในมุมมองของพวกเขา…
ปัญหาเรื่อง ‘คนไร้บ้าน’ ไม่ได้เป็นปัญหาในเฉพาะเมืองไทยบ้านเราเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาใหญ่ของหลายๆ ประเทศจากทั่วโลกอีกด้วย และสิ่งที่พวกเขามีเหมือนๆ กันนั่นก็คือ การถูกปล่อยปละละเลยและม่ได้รับความสนใจจากสังคมนั่นเอง แต่องค์กรหนึ่งในกรองลอนดอน ประเทศอังกฤษ อย่าง Cafe Art กลับมีแนวคิดที่แตกต่างออกไป คิดโปรเจ็คต์ดีๆ อย่าง “My London” แจกกล้องถ่ายภาพให้กับคนไร้บ้านถึง 105 คนจากรอบเมือง เพื่อให้เขาถ่ายภาพและส่งเข้ามาประกวด และนี่คือมุมมองบางส่วนของกรุงลอนดอนจากสายตาของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้เงินทองอะไรหรอก แต่สิ่งสำคัญก็คือมุมมองและความสามารถของพวกเขาจะกลายเป็นภาพสวยๆ ในปฏิทินล่ะ ซึ่งทุกๆ คนก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกันออกไป… “Graffiti Area” โดย Saffron Saidi Paul Ryan ผู้บริหารของทางองค์กรเชื่อว่าแคมเปญแบบนี้ทำให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับทักษะในชีวิตของเขาอีกด้วย ‘ตลอดเวลาที่ผมทำงานกับคนไร้บ้านมาหลายปี ผมพยายามทำให้แน่ใจจริงๆ ว่า พวกเขาได้อะไรกลับไปในแคมเปญนั้นๆ บ้าง และที่สำคัญมากที่สุด พวกเขาต้องมีความสุขกับสิ่งที่พวกเขาทำร่วมกับเรา’ ภายในไม่กี่สัปดาห์ แคมเปญนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปยังเมืองใหญ่ต่างๆ จากทั่วโลกเลยทีเดียว ทั้ง Sydney, Budapest, São Paulo และ New Orleans “Group Exercise” โดย Siliana “Tyre…
-
เรื่องราวของ CEO Japan Airline ผู้สมถะ นั่งรถเมล์ไปทำงาน รับเงินเดือนน้อย แต่งตัวธรรมดา!!
คำว่า CEO (ซีอีโอ) มักจะเป็นคำเรียกของตำแหน่งอันใหญ่โตในบริษัททั้งหลาย ภาพลักษณ์ที่ติดตาเลยก็คือจะต้องเป็นผู้ที่ดูดีเนื่องจากเป็นถึงผู้บริหาร มีฐานะร่ำรวย และจะต้องเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตสวยหรูอย่างที่หลายคนเฝ้าฝันถึง แต่กับ CEO ของสายการบิน Japan Airline กลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม เขามีชื่อว่าคุณ Haruka Nishimatsu ได้ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาอันเรียบง่าย เขาไม่ได้ทำตัวเป็นเจ้านายผู้เคร่งขรึม แต่ทำตัวเป็นผู้นำบริษัทที่ดี ยอมเสียสละเพื่อส่วนรวมของบริษัทก็เพื่ออนาคตที่แข็งแกร่งของสายการบิน ‘หากการบริหารจัดการเป็นเรื่องยุ่งยากและไกลตัว คล้ายกับว่าผู้คนเบื้องล่างกำลังรอป้อนคำสั่งมาจากฟ้าเบื้องบน ผมอยากจะให้พนักงานของผมได้หัดคิดด้วยตัวเองบ้าง’ ส่วนหนึ่งที่เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ CBS News เขาเลือกที่จะนั่งรถเมล์ไปทำงาน แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่มีราคาไม่แพง ในระดับที่พนักงานของเขาเองก็มีสิทธิ์ซื้อมาใส่ อีกทั้งเลือกที่จะรับเงินเดือนน้อยกว่าในอัตราเงินเดือนของผู้บริหารทั่วไปด้วย มีครั้งหนึ่งเขาเคยตัดเงินเดือนตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาไล่พนักงานออก เนื่องจากผลกำไรที่ได้น้อยเกินกว่าที่คาดเอาไว้ เขาจึงนำเงินเดือนตัวเองไปเฉลี่ยแจกจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับพนักงานแทน ภายใต้ความกดดันของพนักงานผู้น้อยในวัฒนธรรมของบริษัทส่วนมาก มักจะถูกกดขี่และใช้งานอย่างหนัก แต่กลับไม่ได้รับการตอบแทนเท่าที่ควรจะได้ ซึ่งทางด้านเหล่าผู้บริหารส่วนมากก็มักจะมีเงินเหลือกินเหลือใช้ มีของหรูหรามากมาย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้คุณ Nishimatsu สร้างบรรยากาศและกำลังใจให้กับลูกน้องร่วมฝ่าฟันไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นร่วมรับประทานอาหารกับพนักงานในโรงอาหารเป็นประจำ ลงตรวจพื้นที่การทำงานด้วยตนเอง แบบชนิดที่ว่าเป็นเรื่องที่ยากมากๆ กับการที่จะได้เห็นผู้บริหารลงมาใกล้ชิดกับพนักงานขนาดนี้ อีกทั้งยังส่งผลดีในระยะยาวให้กับบริษัทด้วย …